whether or แปลว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) หรือคําสันธานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตาม เพราะคำเชื่อมจะทำให้ทั้งคำพูด คำอ่าน คำเขียนได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ทำความเข้าใจกับคําเชื่อมภาษาอังกฤษ
คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) มีผลประโยคคือเชื่อมต่อระหว่างคำศัพท์กับคำศัพท์หรือระหว่างประโยคทำให้เข้าใจได้ง่าย วันนี้ Eng Breaking จะแนะนำถึงคุณประเภทของคำเชื่อมในภาษาอังกฤษพร้อมเผยเคล็ดลับในการใช้งานของคำเชื่อม อ่านเข้าใจง่าย เอามาใช้งานได้ดี ใครๆ ก็ทำได้แน่นอน
คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) คืออะไร นำมาใช้ยังไง?
ก่อนที่จะดูว่าคำเชื่อมมีกี่ประเภทแล้วใช้งานได้อย่างไรบางเราลองดูประโยคของคำเชื่อมตอนที่มีคำเชื่อมกับตอนที่ไม่ใช้คำเชื่อมแตกต่างกันอย่างไรดังนี้
ยกตัวอย่างประโยคที่ง่ายๆ เช่น ฉันชอบแมว. ฉันชอบหมา. ฉันชอบลิง. มันเป็นประโยคเดียวแต่คนอ่าน คนฟังจะไม่เห็นความเกี่ยวกัน ดูเหมือนเป็นสามประโยคสั้นๆ มากกว่าใช่ไหมคะ?! แล้วถ้าตอนนี้เราลองใส่คำเชื่อมเช่น คำว่า “และ” (and) ประโยคจะกลายเป็น ฉันชอบแมว และ หมาและ ลิง ความหมายไม่เปลี่ยนไปแต่ประโยคดูดีขึ้น ไม่ต้องใช้คำซ้ำๆ กันด้วย ง่ายๆ แต่มีประโยคช์ดีมากๆ เพราะว่าในประโยคนั้นมีคำเชื่อม
หรือแทนคำว่า ฉันชอบแมว. ฉันชอบหมา. ฉันไม่ชอบลิง เราก็สามารถพูดสั้นลงและไม่ต้องพูดซ้ำคำว่า ฉันถ้าเราใช้คำเชื่อมดังนี้
ฉันชอบแมวและหมาแต่ไม่ชอบลิง เป็นอย่างไรบางคะผู้เรียน คำเชื่อมจะช่วยให้ประโยคเดี่ยว รวมตัวกันได้เป็นประโยคยาวๆ และดูดีขึ้นมาทันที ต่อไปนี้เราจะไปค้นค้วาให้ลึกๆ ประเภทต่างๆ ของคําเชื่อมภาษาอังกฤษ และวิธีการใช้งานของแต่ละแบบพร้อมตัวอย่างให้เห็นง่าย ชัดเจนดังต่อไปนี้
คําเชื่อมภาษาอังกฤษพร้อมเผยวิธีการใช้อย่างถูกต้อง
คำเชื่อมประโยคมีอะไรบ้าง
คําเชื่อมภาษาอังกฤษ conjunction สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทด้วยกันคือ
1. Coordinating conjunctions
2. Subordinating Conjunctions
3. Correlative Conjunctions
เราจะไปเฉาะลึกแต่ละประเภทของคำเชื่อมและการใช้งานดังนี้
1. หลักการใช้ Coordinating conjunctions
หลักการใช้ Coordinating conjunctions คือผู้เรียนแค่คำคำศัพท์ FAN BOYS ก็สามารถเอามาใช้งานได้แล้วเพราะมันเป็นตังอักษรย่อจากพวกคำเชื่อมอยู่ในประเภทหนึ่งที่ได้เรียกว่า Coordinating conjunctions คำว่า FAN BOYS ประกอบด้วยคำเชื่อม For, And, Nor, But, Or, Yet, So. ในนั้นแต่ละคำเชื่อมก็จะมีความหมายที่แตกต่างกัน ต้องขึ้นอยู่กับกรณีต่างๆ เราจะใช้ให้ประโยคได้สมบูรณ์แบบและอย่างเหมาะสม
คําเชื่อมภาษาอังกฤษความหมายภาษาไทยยกตัวอย่างForเพราะว่าI stopped exercising, for I was tired.
แปลว่า ฉันหยุดออกกำลังกายเพราะว่าฉันเหนื่อยAndและ (ใช้ในกรณีเชื่อมประโยคไปในแนวเดียวกัน)She does not like cats and dogs.
แปลว่า โหลดไม่ชอบแมวและสุนัขNorไม่ทั้งสองI am not hungry, nor thirsty.
แปลว่า ฉันไม่หิวข้าว และก็ไม่กระหายน้ำด้วยButแต่We love
English
, but don’t like math.
แปลว่า พวกเรารักภาษาอังกฤษ แต่ไม่ชอบคณิตศาสตร์OrหรือThey chat on Facebook, or they chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค หรือไม่ก็พวกเขาแชททางไลน์Yetแต่She was very sad, yet she did not give up.
แปลว่า หล่อนเศร้าเสียใจมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้Soดังนั้น/ ก็They chat on Facebook, so they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค ดังนั้นพวกเขาไม่แชททางไลน์
2.หลักการใช้ Subordinating Conjunctions
คำเชื่อม Subordinating Conjunctions เป็นคำเชื่อมที่มักจะเจอบ่อยมากเมื่อเรียนภาษาอังกฤษเพราะคำเชื่อมที่อยู่ในกลุ่มนี้อยู่ในหลากหลายรูปแบบ หลากหลายคำเพื่อเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน จากตารางดังนี้เราจะบ่งบอกหมู่คำเชื่อม Subordinating Conjunctions พร้อมแปลความหมายให้เห็นอย่างชัดเจน
คำเชื่อม Subordinating Conjunctionsความหมายภาษาไทยafterหลังจากalthoughแม้ว่าasเพราะว่าas far asเท่าที่as ifราวกับว่าas long asตราบใดที่as soon asทันทีที่as thoughราวกับว่าbecauseเพราะว่าbeforeก่อนeven if/ even thoughแม้ว่าifถ้าin order thatเพื่อว่าsinceตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่าso thatเพื่อว่าthanกว่าthoughแม้ว่าunlessเว้นเสียแต่ว่าuntilจนกระทั่งwhenเมื่อwheneverเมื่อใดก็ตามwhereที่ซึ่งwhereasขณะที่whereverที่ใดก็ตามwhichที่whoผู้ที่whileในขณะที่
Note: สำหรับคำเชื่อมว่า since: ตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่า จะมีโครงสร้างภาษาอังกฤษขั้นอยู่กับสถานการณ์เละความหมายที่อยากสื่อเช่น ถ้าแปลว่า “ตั้งแต่” ใช้เชื่อมระหว่างประโยค Present Perfect (Subject + have/has + V3) หรือ Present Simple (Subject + V1(ประฐานเอกพจน์เติมs) กับ Past Simple Subject + V2 เติม ed บ้าง,ผันบ้าง เช่น
He has worked hard “since” his father died. (Present Perfect, Past Simple)
ถ้าแปลว่า “เพราะว่า, เนื่องจากว่า” ให้วางไว้หน้า Clause ของประโยคแรก เช่น
“Since” he doesn’t learn English, he can’t speak it. (เนื่องจาก (เพราะ) เขาไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ เขาจึงพูดไม่ได้)
อย่างที่บอกไปแล้วว่าตัวเชื่อมนี้จะเป็นการเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน ดังนั้นให้สังเกตดีๆ ถ้าเป็นประโยครองจะตามหลังด้วยคำเชื่อมดังกล่าว ในขณะที่ประโยคหลักไม่ต้องใช้คำเหล่านี้
- “after”: I went for a swim after breakfast. แปลว่า ฉันไปว่ายน้ำหลังอาหารเช้า
- “because” : My sister she didn’t go to school yesterday because of fever. แปลว่า พี่สาวฉัน เธอไม่ได้มาโรงเรียนเมื่อวานนี้เนื่องมาจากการเป็นไข้
- “before” : Before going to Bangkok, you should read the guide book.
แปลว่า ก่อนการเดินทางไป Bangkok คุณควรอ่านหนังสือนำเที่ยว - “so that” : I study hard so that I can pass the exam.แปลว่า ฉันเรียนหนักเพื่อที่ฉันจะได้ผ่านการสอบ
เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างสนุกสนาน
3.หลักการใช้ Correlative Conjunctions
เมื่อคุณอ่านหนังสือหรือดูหนังคงเจอหมู่คําเชื่อมภาษาอังกฤษแบบที่สามคือ Correlative Conjunctions ที่มีหน้าที่เชื่อมประโยคที่มีน้ำหนักเท่าๆกัน เยอะเหมือนกัน เช่นพวกคำว่า
- Both … and … แปลว่า ทั้ง … และ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น ประโยคอังกฤษดังนี้ I enjoy both singing and dancing. แปลว่า ฉันมีความสุขกับการร้องเพลงและการเต้นดังนั้นคำเชื่อม Both … and …นี้จะใช้ในกรณีเชื่อมต่อประธานของประโยคเข้าด้วยกัน (เมื่อมีจำนวนเท่ากับ 2)
- Neither … nor … แปลว่า ไม่ทั้ง … และ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น Neither Namthip nor I want to go there.
แปลว่า ทั้ง Namthip และฉันไม่ต้องการไปที่นั่น จากนั้นจะเห็นได้เลยว่าคำเชื่อม Neither … nor … ใช้ในประโยคและมีความหมายคือ ไม่ใช่ทั้งสิ่งแรกและสิ่งที่สอง
-
Either
… or … แปลว่า ถ้าไม่ … ก็ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น I can’t remember. It’s either Yellow or Orange. แปลว่า ฉันจำไม่ได้ ถ้าไม่สีเหลืองหรือสีส้ม ดังนั้นผู้เรียนสามารถใช้คำเชื่อมนี้ เมื่อต้องการสื่อความหมายว่า ไม่อันใดก็อันหนึ่ง
- Not only … but also … แปลว่า ไม่เพียงแค่ … แต่ … ด้วย ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น Namthip is not only Beatiful, but also a great teacher. แปลว่า Namthip ไม่เพียงแค่สวยเท่านั้น แต่ยังเป็นเป็นครูที่สุดยอดอีกด้วย ดังนั้นผู้เรียนสามารถใช้คำเชื่อมนี้ เมื่อสื่อความหมายว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวในตอนแรก มักนิยมใช้ในภาษาอังกฤษสำหรับการเน้นย้ำ
- as…as แปลว่า ….เท่ากับ….. ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น She is as tall as me แปลว่า เธอสูงเท่ากับฉัน/ She runs as fast as I do. แปลว่า เธอวิ่งเร็วเท่าฉัน
- just as…so แปลว่า …..เหมือนกับที่….. just as I thought. แปลว่า เหมือนกับที่ฉันคิด
- no sooner…than ยังไม่ทันที่……ก็……หรือ เกือบทันทีที่ ยกตัวอย่างเช่น No sooner had I started mowing the lawn than it started raining แปลว่า เกือบทันทีที่ฉันได้เริ่มตัดหญ้าฝนก็เริ่มตก
- rather…than …….ดีกว่า…. ยกตัวอย่างเช่น She would rather live in Chonburi than in Bangkok. แปลว่า เธอชอบอาศัยอยู่ในชลบุรีมากกว่ากรุงเทพ
- whether…or แปลว่า ว่า…..หรือ…. ยกตัวอย่างเช่น Whether you like it or not, you have to pay the fine. แปลว่า ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม คุณก็ต้องจ่ายค่าปรับอยู่ดี
- the…the แปลว่า ยิ่ง…..ยิ่ง… ยกตัวอย่างเช่น The sooner, the better. ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี (สำนวน)
คําเชื่อมภาษาอังกฤษพร้อมวิธีการใช้งานง่าย
เผยเคล็ดลับเด็ดช่วยคุณเรียนคำเชื่อมในภาษาอังกฤษกับไวยากรณ์ต่างๆ ในภาษาอังกฤษเร็วๆ คือต้องเอามาประยุกใช้บ่อย เริ่มจากการเขียนเป็นประโยคสั้นถึงยาว หรือเขียนเป็นบทความไปด้วย แล้วฝึกพูดออกมา พูดกับตัวเองในกระจกหรือแชร์ในเฟสและให้เพื่อนๆ เข้ามาช่วยอ่านช่วยเช็คให้ด้วย แก้คำที่ผิดพลาด ถ้ามีส่วนไหนเนื้อหายากจำยากไปเราก็เขียนเป็น note ติดบนโต้หรือกำแพง ที่ไหนเรามักจะเห็นบ่อยๆ รับรองวิธีนี้ได้ผลดีจริงๆ
เป็นอย่างไรบางคะ จะเห็นว่าการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไม่ยากอย่างที่คุณคิดแน่นอน เราไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งทองเก่ง 100% ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แต่เราใช้บ่อย พูดบ่อยไวยากรณ์ที่หลักๆ สำคัญรับรองว่าสอบอะไรก็ผ่านได้ และมีความมั่นใจนการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเอง
P/s: เรียนภาษาอังกฤษวันละนิด สร้างสรรกับการเรียน อย่ายอมแพ้ คุณจะเป็นคนต่อไปที่ชนะความกลัวในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและสำเร็จได้อย่างแน่นอน อย่าลืมติดตามเว็บของเราเพื่อรับความรู้เพิ่มเติมพร้อมแชร์ประสบการณ์ใช้ภาษาอังกฤษดีๆ ช่วยพัฒนาทั้งสี่ทักษะในภาษาอังกฤษไปด้วยกัน
คุณรู้ไหมว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ก็เหมือนการฝึกขี่จักรยานคือการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงเราต้องกล้าทำ เราถึงจะเก่งได้ แตกต่างจากแพ็กเกจเรียนทั่วไป สำหรับการเรียนกับ Eng Breaking ผู้เรียนจะมีโอกาสสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน
เรามีมากกว่า 167,300 นักเรียนทั่วไทยที่สำเร็จเเล้ว ถ้าคุณอยากเป็นผู้เรียนที่สำเร็จต่อไปอย่าพลาดกับการเรียนกับ Eng Breaking วันนี้.
ไม่พลาดกับบทความนี้:
ความคิดเห็น 635 รายการ
[Update] การสร้างเงื่อนไข If / Unless / Whether / Or else / Otherwise | whether or แปลว่า – NATAVIGUIDES
ประโยคเงื่อนไขในภาษาอังกฤษ
Conditionals
1. If / Unless
2. Whether … or not
3. Or else / Otherwise
เรียนภาษาอังกฤษจากโครงสร้างประโยค และตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษพร้อมคำแปล
1. โครงสร้างการใช้ If / Unless มีหลักการใช้ดังนี้
1.1 ใช้ในกรณีที่มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น แล้วจะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นเสมอ (ในกรณีนี้ if = when) โดยจะมีโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษดังนี้
If + Simple present tense + Simple present tense
หรือ
Simple present tense + If + Simple present tense
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
If you drop a glass, it breaks.
แปลว่า เมื่อคุณทำแก้วหล่น แก้วแตก
Most people don’t smile if they feel unhappy.
แปลว่า คนส่วนมากไม่ยิ้มถ้าหากพวกเขาไม่มีความสุข
1.2 เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคต (Future action) จะใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษดังนี้
If + Simple present tense + Future simple tense
หรือ
Future simple tense + If + Simple present tense
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
If you don’t hurry, you will miss the train.
แปลว่า ถ้าคุณไม่รีบคุณจะพลาดรถไฟ
If it doesn’t stop raining, I will stay at home.
แปลว่า ถ้าฝนไม่หยุดตกฉันจะอยู่บ้าน
1.3 เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน (Present time) จะใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษดังนี้
Subject + would / could / might + verb + if + verb 2
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
If he worked hard, he would pass the exam.
แปลว่า ถ้าเขาขยันเขาจะสอบผ่าน
If I had enough money, I would buy a tennis racquet for you.
แปลว่า ถ้าหากฉันมีเงินมากพอ ฉันจะซื้อไม้ตีเทนนิสให้คุณ
1.4 เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีต (Past time) จะใช้รูปประโยคภาษาอังกฤษในโครงสร้างดังนี้
Subject + would / could / might + have + verb 3 + if + Subject + had + verb 3
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
If you had invited her, she would have come to your party.
แปลว่า ถ้าคุณเชิญเธอตอนนั้น เธอก็คงมาร่วมงานเลี้ยงของคุณ
1.5 เมื่อพูดถึงสถานการณ์ที่ไม่มีทางเป็นไปได้ จะใช้โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษดังนี้
Subject + would / could / might + verb + if + Subject + were
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
If I were Prime Minister, I would spend more money on agriculture.
แปลว่า ถ้าฉันเป็นนายกรัฐมนตรี ฉันจะทุ่มเงินเพื่อพัฒนาการเกษตร
If I were a bird, I would fly round the world.
แปลว่า ถ้าฉันเป็นนก ฉันจะบินไปรอบโลก
1.6 ในกรณีที่ If-clause มีคำว่า were / should / had สามารถนำมาใช้แบบ if ได้เลย เช่น
If you should listen properly, you will understand.
เหมือนกับ Should you listen properly, you will understand.
แปลว่า ถ้าหากคุณฟังดีๆ คุณจะเข้าใจ
If I had known him before, I would not have talked to him.
เหมือนกับ Had I known him before, I would not have talked to him.
แปลว่า ถ้าฉันรู้จักเขามาก่อน ฉันจะไม่คุยกับเขา
1.7 การใช้ unless ในภาษาอังกฤษ มีวิธีการใช้เหมือน if แต่ความหมายต่างกัน โดยที่คำว่า unless จะมีความหมายเท่ากับ if … not ดังตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษต่อไปนี้
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
If you don’t go away at once, I will send for the police.
เหมือนกับ Unless you go away at once, I will send for the police.
แปลว่า ถ้าหากคุณไม่ไปให้พ้นฉันจะเรียก(ส่ง)ตำรวจ
You will miss the bus, if you don’t hurry.
เหมือนกับ You will miss the bus unless you hurry.
แปลว่า ถ้าคุณไม่รีบคุณจะไม่ทันรถประจำทาง (รถเมล์)
2. การใช้โครงสร้าง Whether … or not
มีหลักการใช้เหมือนกับ if เช่น
Peter will eat bananas whether he goes home or not.
แปลว่า ปีเตอร์จะกินกล้วยไม่ว่าเขาจะกลับบ้านหรือไม่ก็ตาม
Whether Peter had gone home or not, he would have eaten bananas.
แปลว่า ไม่ว่าปีเตอร์จะไปบ้านหรือไม่ก็ตาม เขาจะกินกล้วย
ข้อควรรู้สำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ
มีการใช้ Whether … or ในประโยคภาษาอังกฤษที่มีตัวเลือกตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป เช่น
He cannot decide whether to go abroad or stay at home.
แปลว่า เขาตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปต่างประเทศหรืออยู่บ้านดี
3. การใช้ or else / otherwise
สำหรับการใช้ or else และ otherwise ในภาษาอังกฤษ จะมีความหมายเช่นเดียวกันกับ if … not
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
If we don’t hurry, we’ll be late.
เหมือนกับ We must hurry or else we will be late.
แปลว่า พวกเราต้องรีบ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะสาย
If we don’t practise our English every day, we will soon forget it.
เหมือนกับ We must practise our English every day; otherwise we will soon forget it.
แปลว่า พวกเราต้องฝึกฝนภาษาอังกฤษทุกวัน ไม่อย่างนั้นเราจะลืมหมด
If you don’t do as your mother says, she will punish you.
เหมือนกับ You must do as your mother says or else (otherwise) she will punish you.
แปลว่า คุณจะต้องทำตามที่แม่คุณสั่ง ไม่อย่างนั้นจะถูกเธอทำโทษ
Whether – Meaning and examples Learn
Subscribe to my youtube channel: https://goo.gl/pb9bTd
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
OumEasyEnglish I EP. 40 การใช้คำว่า whether ที่เป็นตัวเชื่อม
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ แนะนำตัวเองนะค่ะ ชื่อเล่นชื่อ อุ๋ม
ทำเพจนี้ให้ทุกคนได้เรียนภาษาอังกฤษกันเก่งๆๆไปเลย OumEasyEnglish เก่งอังกฤษง่ายนิดเดียว
✔️Facebook : https://www.facebook.com/teacheroum/
……………………………………………………………………………………..
อุ๋มทำคลิปขี้นมาอยากแบ่งปันความรู้ภาษาอังกฤษที่อุ๋มได้เรียนรู้ตอนอยู่ที่อเมริกามา 7 ปี ถ้าชอบและสนุก
อย่าลืม!!! (กดติดตาม) เพื่อไม่พลาดคลิปใหม่ๆสนุกๆของ อุ๋มนะค่ะ ❤️
🎉You Tube
https://www.youtube.com/channel/UC9clUJ7Gbk_HrifRri8AS7g
ติดต่อพูดคุย
✔️แอ้ดLine: https://line.me/R/ti/p/%40ryv7383s
OumEasyEnglish, Vocabulary, คำศัพท์ภาษาอังกฤษ, เรียนภาษาอังกฤษ เก่งศัพท์ เก่งศัพท์กับteacherอุ๋ม
Advance Your Thai in 20 minutes!! Learn Thai Conjunction ‘Whether…Or’ #LearnThaiOneDayOneSentence
Advance Your Thai in 20 minutes!! Learn Thai Conjunction ‘Whether…Or’ LearnThaiOneDayOneSentence
สวัสดีค่ะ /sàwàtdee kâ/
Learn how to speak Thai like a native and You will learn how to use correlative conjunction in Thai. How to form Thai complex sentences using Thai conjunction ‘whether…or’
Whether …Or
หรือ
/rĕu/
1. She is thinking whether she will continue working or go to bed
เธอกำลังคิดว่าจะทำงานต่อหรือไปนอนดี
/ter gamlang kít wâa jà tam ngaan dtòr rĕu bpai non dee/
2. Do you think whether I should find a job or study a master’s degree?
คุณคิดว่าผมควรจะหางานทำหรือเรียนต่อโทดี
/kun kít wâa pŏm kuan jà hăa ngaan tam rĕu rian dtòr tohdee/
3. I’m not sure whether to be happy or sad about this
ผมไม่แน่ใจว่าควรจะดีใจหรือเสียใจกับเรื่องนี้ดี
/pŏm mâi nâe jai wâa kuan jà dee jai rĕu sĭa jai gàp rêuangnéedee/
4. I’m wondering whether he explains everything to me or just keeps silence
ผมกำลังสงสัยว่าเค้าจะอธิบายทุกอย่างให้ผมฟังหรือจะปิดปากเงียบ
/pŏm gamlang sŏngsăi wâa káo jà àtíbaai túk yàang hâi pŏm fang rĕu jà bpìt bpàak ngîap/
5. You must decide whether to give up or go on
คุณต้องตัดสินใจว่าจะยอมแพ้หรือจะไปต่อ
/kun dtông dtàt sĭn jai wâa jà yom páe rĕu jà bpai dtòr/
Practice: Ann doesn’t know whether to choose a watch or a bag
Suggested lesson: or หรือ/rĕu/ https://youtu.be/aaMk0vhyaQ
Support me ^^
https://www.paypal.me/ThaiLessonByNew?locale.x=th_TH
Thai Account: SCB Bank (Siam Commercial Bank), ACC NO: 9922063413, วาสินี (Wasinee)
Follow me ^^
Facebook : https://www.facebook.com/WasineeChannel/
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UC_WZPWphsvhjszQp6E9U18Q
Instagram: https://www.instagram.com/thai_lessons_by_new/
learnThai, ThaiLesson, ThaiLanguage
วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.6 เรื่อง Noun clauses ที่ขึ้นต้นด้วย weather / if
สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/
Grammar: How to use IF \u0026 WHETHER properly
Learn how to use \”if\” and \”whether\” properly in English. Whether you like it or not, \”if\” and \”whether\” are not always interchangeable. In fact, if you use the wrong word, it can change the entire meaning of your sentence. In this lesson, we will review the uses of the two words and see how to use them in a way that will reduce confusion and clarify your ideas. How can you be sure whether to use \”if\” or \”whether\” in the proper context? Watch the lesson, and find out! http://www.engvid.com/grammarifwhether/
TRANSCRIPT
Hi again. Welcome back to www.engvid.com. My name’s Adam. Welcome again. Today’s lesson is a grammar lesson, and this is a question that I am asked often. What is the difference between \”if\” and \”whether\”? Okay? It’s a very good question. It’s pretty simple, straightforward, but we’re going to look at both of these in relation to each other.
First of all, let’s make sure everybody understands \”whether\” is not spelled the same as \”weather\”, like sunny, raining. This is about rain, sun, snow, wind, temperature; this is similar to \”if\”, it’s about having choices. Okay?
So, in some situations, \”if\” and \”whether\” are interchangeable, but the best way to not make a mistake, not to mix them up in the wrong context is to always use \”if\” for conditionals; always use \”whether\” when you’re talking about two alternatives, two choices. Okay? You’ll see what I mean.
When they can be interchanged. First of all, when they are used as noun clauses, means they can be the object or the subject of a sentence, they can mean the same thing. But again, avoid using them the same if you don’t want to make mistakes. \”Do you know if Dan is coming?\” Do you know what? If Dan is coming. \”Do you know whether Dan is coming?\” In this case, they basically mean the same thing. Yes or no: is he coming or is he not coming? You could add the \”or not?\” here: \”Do you know whether Dan is coming or not?\” But the word \”whether\” already gives you a choice between yes or no in this particular case, so this is not necessary. It’s understood. Okay?
Now, let’s look at these two sentences: \”I don’t know if the exam is on Friday or Saturday.\”, \”I don’t know whether the exam is on Friday or Saturday.\” So here, we’re looking directly at a choice. When I use \”whether\”: \”I don’t know whether the exam is on Friday or Saturday.\” So again, you have two options when you look at \”whether\”. Friday is one option, Saturday is another option. The problem here is if you use \”if\”, \”if\” is not limited to two options. \”I don’t know if the exam is on Friday or Saturday, or if it’s next week sometime.\” So here, although they seem to mean the same thing, the \”if\” gives you other options that the \”whether\” doesn’t. \”Whether\”: one, two. \”If\”: one, two, or something completely different.
So if you want to avoid making this mistake, use \”whether\” for the choices, use… Save \”if\” for when you have your conditional sentence. Now, what is a conditional sentence? A conditional sentence is using \”if\” as an adverb clause. There’s a condition. If \”A\” happens, \”B\” will happen. Okay? One thing needs to happen for the second thing to happen, that’s the condition. So: \”Let me know\”, oh, sorry. I forgot this word, here. \”Let me know if you’re coming.\”, \”Let me know whether you’re coming.\” In this case, they’re both okay. \”Let me know whether you’re coming or not.\”
Now, what’s the difference between: \”Let me know if you’re coming\”, \”Let me know whether you’re coming or not\”? If you are coming, yes, let me know. This is a conditional. If this is true, do this. \”Let me know whether you’re coming or not.\” If you’re coming, let me know; if you’re not coming, let me know. So in this case, both apply. Okay? So, again, use this to… The condition. This is the condition, this is the result. Here, this is going to happen regardless. So we’re going to look at this in a second in more detail. Okay?
\”I’ll come over if you want me to.\” If you want it, I will do it; if you don’t want it, I will not do it. So this is the condition. If you want me to, I’ll come over. This is the condition, this is the result. So your best option is to always use \”if\” with conditionals, use \”whether\” to talk about two alternatives.
Now, the other common use of \”whether\” is to mean \”regardless\”. Doesn’t matter what happens, regardless of the situation, here’s what I want you to do. \”I’m coming over whether you like it or not.\” Okay. \”Whether you like it or not\” means if you like it, I’m coming over; if you don’t like it, too bad, I’m coming over. So this verb is going to happen regardless of this situation.
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ whether or แปลว่า