หลักการใช้ have to: คุณกำลังดูกระทู้
Verb to have ประกอบด้วย Verbs (คำกริยา) ทั้ง 3 ตัวคือ have, has และ had จัดอยู่ในหมวด Auxiliary Verbs
การใช้ Verb to have จะแบ่งตามกาลเวลาและประธาน
ปัจจุบัน : 1) ใช้ have ถ้าประธานเป็น I, You, We, They หรือประธานพหูพจน์ ( หลายคน )
2) ใช้ has ถ้าประธานเป็น He, She, It หรือประธานเอกพจน์ ( คนเดียว )
อดีต : ใช้ had ได้ทุกประธาน
อนาคต : ใช้ will have ได้ทุกประธาน
V. to have ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งกริยาหลักและกริยาช่วยดังนี้
-
กริยาหลัก (Main V.)
ตัวอย่าง
- I have an apple. ( ฉันมีแอปเปิ้ล 1 ลูก )
-
She has a book. ( เธอมีหนังสือ 1 เล่ม )
-
I had a strange dream last night. ( ฉันมีฝันแปลกๆเมื่อคืนนี้ )
-
I’m going to have breakfast. ( ฉันกำลังจะไปทานอาหารเช้า )
-
I want to have coffee with you. ( ฉันอยากดื่มกาแฟกับคุณ )
โครงสร้าง
ประโยคบอกเล่า: ประธาน+ V. to have + คำนาม/คำสรรพนาม
ประโยคปฏิเสธ: ประธาน+ do/does/did + not + V. to have + คำนาม/คำสรรพนาม
ประโยคคำถาม: Do/Does/Did + ประธาน + V. to have + คำนาม/คำสรรพนาม?
*สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ V. to do
ตัวอย่างเช่น
ประโยคบอกเล่า: I have a pen. ( ฉันมีปากกา 1 ด้าม )
ประโยคปฏิเสธ: I do not have a pen. ( ฉันไม่มีปากกา 1 ด้าม )
ประโยคคำถาม: Do you have a pen? ( คุณมีปากกาไหม )
ตัวพิเศษ : have/has/had to + Infinitive V. (กริยาที่ไม่ผันรูป ไม่เติม s/es/ed/ing) แปลว่า ต้อง
ตัวอย่างเช่น He has to clean his room. ( เขาต้องทำความสะอาดห้องของเขา )
-
กริยาช่วย ( Auxiliary V. )
V. to have จะไม่มีความหมายในตัวเอง ใช้ใน Perfect Tenses
โครงสร้าง
ประโยคบอกเล่า : ประธาน + V. to have + กริยาช่องที่ 3
ประโยคปฏิเสธ : ประธาน + V. to have + not + กริยาช่องที่ 3
ประโยคคำถาม: V. to have + ประธาน + กริยาช่องที่ 3 ?
ตัวอย่างเช่น
ประโยคบอกเล่า: I have done my homework. ( ฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว )
ประโยคปฏิเสธ: I have not done my homework. ( ฉันยังทำการบ้านไม่เสร็จ )
ประโยคคำถาม: Have you done your homework? ( คุณทำการบ้านเสร็จหรือยัง )
ตัวพิเศษ :
- have ever + กริยาช่องที่ 3 แปลว่า เคย ตัวอย่างเช่น
Have you ever seen him before? ( คุณเคยเจอเขามาก่อนหรือเปล่า )
- have never + กริยาช่องที่ 3 แปลว่า ไม่เคย ตัวอย่างเช่น
I have never seen him before. ( ฉันไม่เคยเจอเขามาก่อน )
- have / has got สามารถแปลว่า มี ได้ด้วย ตัวอย่างเช่น
She has got 2 cats. ( เธอมีแมว 2 ตัว )
รูปย่อ
have not = haven’t
has not = hasn’t
had not = hadn’t
do not = don’t
does not = doesn’t
did not = didn’t
have got = ‘ve got
has got = ‘s got
[NEW] have to และ must มีหลักการใช้อย่างไรและต่างกันหรือไม่ | หลักการใช้ have to – NATAVIGUIDES
ในการบอกผู้ที่เรากำลังสนทนาด้วยให้ทราบว่า จำเป็นต้องทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีวิธีในการบอกที่ใช้กันโดยทั่วไป 2 รูปแบบ คือ ใช้คำว่า have to หรือ must ซึ่งทั้งสองคำนี้ต่างก็มีความหมายแปลว่า “ต้อง” (ทำบางสิ่ง) ด้วยกันทั้งคู่
ตัวอย่างประโยค have to และ must
I have to wear glasses for reading. แปลว่า ฉันต้องสวมแว่นเพื่ออ่านหนังสือ
I must wear glasses for reading. แปลว่า ฉันต้องสวมแว่นเพื่ออ่านหนังสือ
I have to sleep at 21.00 . แปลว่า ฉันต้องเข้านอนเวลา 21.00
I must sleep at 21.00 . แปลว่า ฉันต้องเข้านอนเวลา 21.00
จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่าทั้ง have to และ must ต่างก็มีความหมายเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วทั้งสองคำมีวิธีการใช้แตกต่างกันเล็กน้อยดังนี้
have to และ must ใช้ต่างกันอย่างไร
must จะใช้สำหรับสิ่งที่เป็นความรู้สึกนึกคิดของผู้พูดเอง เป็นความเชื่อ
have to จะใช้สำหรับสิ่งที่เป็นความจริง
ยกตัวอย่างเช่น
I must go on a diet, because I feel that I should. แปลว่า ฉันต้องอดอาหารต่อไป เพราะฉันรู้สึกว่าฉันควรทำ
I have to go on a diet, because the doctor said so. แปลว่า ฉันต้องอดอาหารต่อไป เพราะหมอบอกอย่างนั้น
จะเห็นได้ชัดว่า แม้ทั้งสองประโยคจะกล่าวถึงความจำเป็นต้องอดอาหารต่อไป แต่กรณีแรกเป็นความรู้สึก ความเชื่อ จากภายในใจ ของผู้พูดจึงใช้ must แต่กรณีที่สองเป็นความจริงที่หมอสั่งให้ทำ เป็นปัจจัยที่ไม่ได้มาจากความรู้สึกของผู้พูด จึงใช้ have to
มาดูตัวอย่างเพิ่มเติม
I must stop smoking. (I want to.)
I have to stop smoking. (Doctor’s orders.)
I have to stop smoking. (Doctor’s orders.)
ทั้งสองประโยคมีความหมายเช่นเดียวกัน คือ ฉันต้องเลิกสูบบุหรี่ แต่กรณีที่ต้องการเลิกเองจะใช้ must , ส่วนกรณีที่หมอสั่งใช้ have to
It must be nice to live in Bangkok . มันต้องดีแน่ที่จะอยู่ในกรุงเทพ ฯ (เป็นความรู้สึก)
I have to work from 8.30 to 17.30 every day. ฉันต้องทำงาน 8.30 ถึง 17.30 ทุกวัน (เป็นข้อเท็จจริง)
ประโยคปฏิเสธ have to และ must
– have to เมื่ออยู่ในรูปประโยคปฏิเสธ จะใช้คำว่า don’t have to
– must เมื่ออยู่ในรูปประโยคปฏิเสธ จะใช้คำว่า mustn’t
ซึ่งก็มีความแตกต่างในการใช้งาน คือ
mustn’t จะใช้บอกว่าต้องไม่ทำสิ่งใด ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นมากที่จะไม่ทำ เช่น
You must keep this a secret. You mustn’t tell anyone. แปลว่า คุณต้องเก็บความลับไว้ คุณต้องไม่บอกใคร (สำคัญมาก ห้ามบอกเด็ดขาด)
don’t have to จะใช้บอกว่าต้องไม่ทำสิ่งใด แต่ถ้าจะทำก็ได้ เช่น
You don’t have to tell Tom what happened. I can tell him myself. แปลว่า คุณต้องไม่บอกทอมว่าเกิดอะไรขึ้น. ฉันสามารถบอกเขาได้เอง
ทั้งหมดนี้ก็คือตัวอย่างของการใช้คำว่า have to และ must แล้วพบกันใหม่ในเคล็ดลับภาษาอังกฤษดี ๆ ตอนต่อไป
ออมเล็ต แกล้งพ่อเอ็ม เล่นเซิร์ฟสเก็ตพลาด ล้มหัวแตก
ออมเล็ต เล่นเซิร์ฟสเก็ตพลาด ละครสั้น
ออมเล็ต แกล้งพ่อเอ็ม เล่นเซิร์ฟสเก็ตพลาด ล้มหัวแตก
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
กริยาช่วยในภาษาอังกฤษใช้อย่างไร (Verb to be/ do/ have)
ตามไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูหวานต่อที่
Facebook: https://www.facebook.com/kruwhanenglishonair
Instagram: https://www.instagram.com/english_kruwhan
Must กับ Have to ต่างกันยังไง | Tina Academy Ep.26
Must กับ Have to ต่างกันยังไง
Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
Instagram: https://www.instagram.com/tinathanchanel
Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
Line ID: https://line.me/R/ti/p/%40hxr4999x
@hxr4999x
กล้องที่ใช้: https://goo.gl/xxAi9H
ไฟที่ใช้: https://goo.gl/SFguUQ
การใช้ must, have to
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้
ติดตาม Facebook และ Instagram : The Happy Time with Q
หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมานะที่นี้ด้วยค่ะ 😀
ทำความสะอาดบ้านให้เสร็จภายใน 1 นาที
Facebook ส่วนตัว
https://web.facebook.com/ong.walker/
Instagram: ong.dertrua
Tiktok:
https://www.tiktok.com/@ong_matafucker?lang=en
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ หลักการใช้ have to