Skip to content
Home » [Update] การใช้คำเชื่อมในภาษาอังกฤษ « Pitukpong’s Blog | การใช้ comma ในภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] การใช้คำเชื่อมในภาษาอังกฤษ « Pitukpong’s Blog | การใช้ comma ในภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

การใช้ comma ในภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

And (และ)ใช้เชื่อมข้อความคล้อยตาม กันสอดคล้องกันหรือเป็นไปทำนองเดียวกัน เช่น
We eat with fork and a spoon.
Tina and Tom are playing football.

Or (หรือ)
ใช้เชื่อมข้อความเพื่อเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
Is your house big or small
Would you like tea or coffee

But (แต่)
ใช้เชื่อมข้อความที่ขัดแย้งกัน เช่น
That house is beautiful but very expensive.
I can ride a bicycle but I can’t ride a horse.

Because (เพราะว่า) ใช้เชื่อมข้อความที่เป็นเหตุเป็นผลกันโดย becauseจะนำหน้าประโยคที่เป็น สาเหตุ
เช่น
I like my sister because she is pretty.
She can pass the exam because she studies hard.

So (ดังนั้น)
ใช้เชื่อมข้อความที่เป็นเหตุเป็นผลกันโดย so จำนำหน้าประโยคที่เป็นผล
เช่น
Cathy eats a lot so she is fat.
My sister is pretty so I like her.

Though/although (แม้ว่า) ใช้เชื่อมข้อความที่ขัดแย้งกัน เช่น
Although he ran very fast, he didn’t win the first prize.

Either….or (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งใน 2อย่าง) ถ้านำมาเชื่อมประโยคในส่วนที่เป็นประธานจะ ใช้คำกริยาตามประธานตัวหลัง เช่น
Either you or he is wrong.
You can get either this pen or that pencil.

Neither …….nor (ไม่ทั้ง 2อย่าง)
ถ้านำมาเชื่อมประโยคในส่วนที่เป็นประธานจะ ใช้คำกริยาตามประธานตัวหลัง
เช่น
Neither I nor she speaks English.

o that: (เพื่อว่า, เผื่อว่า)
ตามด้วยประโยค (Clause) เสมอ
กริยาของประโยคที่ตามหลัง so that จะต้องอยู่ในรูป may หรือ might หรือ should + Verb ช่องที่ 1 เช่น
I stepped a side “so that” she “might” go in. (ผมก้าวไปข้าง ๆ เพื่อว่าหล่อนจะได้เข้าไปข้างในได้)
ถ้าต้องการเปลี่ยนประโยค Complex Sentence ที่มี so that มาเชื่อม ไปเป็น Simple Sentence
ก็สามารถทำได้โดยใช้ in order to หรือ so as to + Verb ช่องที่ 1 ได้ เช่น
He gave up smoking “in order to (หรือ so as to)” get better. (เขาเลิกบุหรี่ก็เพื่อให้อาการ (ของเขา) ดีขึ้น)

so……that: (เสีย…จนกระทั่ง)
คำที่อยู่ระหว่าง so…that ได้แก่ Adjective (คุณศัพท์) หรือ Adverb (กริยาวิเศษณ์) เท่านั้น
แต่บางครั้งหลัง Adjective จะมีนามมาร่วมด้วยก็ได้ มีโครงสร้างดังนี้ so + [Adverb/Adjective/Adj+Noun] + that เช่น
Wichai runs “so” fast “that” I cannot overtake him.

such…..that: (เสีย…จน)
คำที่อยู่ระหว่าง such…that ได้แก่ นาม โดยมี Adjective มาขยายอยู่ข้างหน้า มีโครงสร้างดังนี้
แบบ A: such a + Adjective + นามเอกพจน์นับได้ + that เช่น
He is “such” a good boy “that” everyone likes him. (เขาเป็นเด็กดีเสียจนทุก ๆ คนชอบเขา)
such a + Adjective + นามเอกพจน์นับได้ ในแบบ A นั้นจะใช้ so…that มาแทนก็ได้ แต่ต้องเขียนโครงสร้างใหม่ คือ ให้ a มาอยู่ชิดกับนามเอกพจน์ที่นับได้ เป็นดังนี้ so + Adjective + a + นามเอกพจน์นับได้ + that เช่น
He is “so” good “a” boy “that” I like him.
(= He is “such a” good boy “that” I like him.)
แบบ B: such + [Adjective+นามพหูพจน์ / Adjective+นามนับไม่ได้] + that เช่น
They are  “such” heavy boxes “that” I can hardly lift them up.

in order to, so as to: (เพื่อที่จะ)
ตามด้วย Infinitive (กริยาช่องที่ 1) ทั้งนี้เพื่อเชื่อมเนื้อความ 2 ประโยคให้เป็นหนึ่งประโยค เช่น
I shall go on working late tonight “so as to” be free tomorrow.
(= I shall go on working late tonight. I shall be free tomorrow.)
(ผมจะทำงานต่อไปจนดึกเพื่อที่จะว่าง (ไม่ต้องทำงาน) ในวันพรุ่งนี้)

in order that: (เพื่อว่า)
in order that ต่างจาก in order to ตรงที่ว่า in order to ตามด้วย infinitive ส่วน in order that ตามด้วยประโยค (Clause) ตลอดไป
Children go to school “in order that” they may learn things.
(= Children go to school “in order to” learn things.)

lest: (มีความหมายเท่ากับ so that…not แปลว่า “เพื่อจะได้ไม่”)
ประโยคที่ตามหลัง lest ต้องใช้ should (แทน may, might) ตลอดไป และใช้ได้กับทุกบุรุษอีกด้วย เช่น
He works harder “lest” he should (may) fail. (เขาทำงานหนักขึ้น เพื่อจะได้ไม่ประสบความล้มเหลว)

as long as, so long as: (เมื่อ, ถ้า)
สันธานคู่ (Correlative Conjunction) ตัวนี้ นิยมวางไว้ต้นประโยคมากกว่ากลางประโยค และเมื่อจบประโยคข้างหน้าต้องใส่เครื่องหมาย Comma (,) ทันที เช่น
“As (so) long as” you come here in time, you will see her. (ถ้าคุณมาที่นี่ทันเวลา คุณจะพบเธอแน่)

if: (ถ้า, หาก)
คำนี้เมื่อเชื่อมประโยคจะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคทั้งสองก็ได้
ถ้าวางไว้ต้นประโยค เมื่อจบประโยคท่อนแรกให้ใส่ Comma (,) เช่น
“If” the weather holds good, we shall stay another week.
แต่ถ้าวาง if ไว้กลางประโยคทั้งสอง ไม่ต้อง Comma เช่น
We shall stay here another week “if” the weather holds good.

unless: (ถ้า…ไม่, เว้นเสียแต่ว่า…ไม่) มีความหมายเท่ากับ if…not
เมื่อนำมาเชื่อมจะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคก็ได้ เช่น
We shall go “unless” it rains.
หรือ “Unless” it rains, we shall go.
(= We shall go “if” it “does not” rain.)
ระวัง! อย่าใช้ not ในประโยคที่ตามหลัง unless เพราะ unless มีความหมายเป็นปฏิเสธ (negative) อยู่ในตัวแล้ว เช่น
ผิด: “Unless” he “does not study” harder, he will fail in the exam.
ถูก: “Unless” he “studies” harder, he will fail in the exam.

but that: (ถ้า…ไม่) มีความหมายเหมือนกับ if…not
เมื่อนำมาเชื่อมความ จะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคก็ได้ แต่ต้องตามหลังด้วยประโยค
และอย่าใช้ not ในประโยคที่ตามหลัง but that เพราะ but that มีความหมายเป็นปฏิเสธอยู่แล้ว เช่น
She would have fallen “but that” I caught her. (เธอคงจะตกลงไปแล้ว ถ้าผมไม่ได้จับเธอไว้)
“But that” he is in debt, he would enter priesthood. (ถ้าเขาไม่เป็นหนี้ เขาก็คงบวช)
จำอีก: “but for + Noun” แปลว่า “ถ้า…ไม่” เหมือนกับ but that
ต่างกันแต่ว่า หลัง but that เป็นประโยค ส่วนหลัง but for เป็นนาม
“But for” my help, he should have failed last year. (ถ้าผมไม่ช่วย เขาก็คงสอบตกไปแล้วปีกลายนี้)
(= “But that” I helped him, he should have failed last year.)

inasmuch as: (เพราะ, ด้วยเหตุที่) มีความหมายเท่ากับ because
จะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคทั้งสองที่ไปเชื่อมก็ได้ เช่น
He yielded to the invader, “inasmuch as” his army was thoroughly defeated.
(เขายอมแพ้ต่อผู้มารุกราน (ข้าศึก) เพราะกองทัพของเขาถูกตีอย่างพ่ายแพ้ไป)
“Inasmuch as” he is sick, he had better go to hospital. (เพราะเขาไม่สบาย เขาก็ควรจะไปโรงพยาบาลดีกว่า)

or และ or else
or: (หรือ) ใช้เชื่อมคำ (words), วลี (phrases), ประโยค (clauses) ที่แสดงการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
เชื่อมคำ: Is it sweet “or” sour? (เปรี้ยวหรือหวาน?)
เชื่อมวลี: Is he at home “or” in the office? (เขาอยู่บ้านหรือว่าไปทำงาน?)
เชื่อมประโยค: You look after the house “or” go to work. (คุณเฝ้าบ้านหรือมิฉะนั้นก็ไปทำงาน (เลือกเอา))
ส่วน or else: (หรือมิฉะนั้น) มีความหมายเท่ากับ otherwise นิยมใช้เชื่อมประโยค (Clause) มากกว่าคำหรือวลี เช่น
I must clean it, “or else” it will be rusty. (ผมจะต้องทำความสะอาด มิฉะนั้นมันจะขึ้นสนิม)

till และ until: (จนกระทั่ง, จนกว่า)
until มักใช้กับประโยค (Clause) ที่ไปนำหน้าอีกประโยคหนึ่ง
พูดให้ง่ายเข้าก็คือ วางไว้ต้นประโยค ใช้ until (มากกว่า till ว่าอย่างงั้นเถอะ) เช่น
“Until” you told me, I had known nothing about him. (ผมไม่เคยได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย จนกระทั่งคุณบอกผม)
till นิยมวางไว้กลางประโยคเสียมากกว่า (แต่จะใช้ until ก็ได้) เช่น
He had never written to me “till (until)” he returned.

provided และ providing: (ถ้าหากว่า) คำทั้งสองก็เป็นสันธานอันหนึ่ง มีหน้าที่เชื่อมประโยคดุจดั่งสันธานทั่ว ๆ ไป
แต่เวลานำมาใช้ provided จะตามด้วย that เสมอ
ส่วน providing ไม่ต้องมี that เช่น
We shall go “provided that” it does not rain. (พวกเราจะไปถ้าหากว่าฝนไม่ตก)
Amy will go “providing” her friend can go together. (เอมี่จะไปถ้าหากว่าเพื่อนของเธอก็ไปด้วยกันได้)

supposing: (ถ้า, สมมติว่า)
คำนี้นิยมไว้ต้นของประโยคหน้า หรือใช้กับ Clause หน้า เช่น
“Supposing” you win the government lottery, what do you buy? (สมมติว่าคุณถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล คุณจะซื้ออะไรบ้าง?)

since: (ตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่า)
ถ้าแปลว่า “ตั้งแต่” ใช้เชื่อมระหว่างประโยค Present Perfect (Subject + have/has + V3) หรือ Present Simple (Subject + V1(ประฐานเอกพจน์เติมs)) กับ Past Simple (Subject + V2(เติมedบ้าง,ผันบ้าง)) เช่น
He has worked hard “since” his father died. (Present Perfect, Past Simple)
ถ้าแปลว่า “เพราะว่า, เนื่องจากว่า” ให้วางไว้หน้า Clause ของประโยคแรก เช่น
“Since” he doesn’t learn English, he can’t speak it. (เนื่องจาก (เพราะ) เขาไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ เขาจึงพูดไม่ได้)

as soon as: (เมื่อ = when)
แต่ใช้ความหมายฉับพลันกว่า when เช่น
I shall go back “as soon as” he arrives.
อนึ่ง จะวาง as soon as ไว้หน้า Clause แรกก็ได้ แต่ต้องใส่ Comma เมื่อจบความของประโยคแรก เช่น
“As soon as” he arrives, I will tell him.

in case: (ในกรณีที่, เพราะ)
ตามด้วยประโยค (Clause)
วิธีใช้ก็เช่นเดียวกับ so that, for fear that คือ จะต้องตามด้วย may, might, should, can, could ตัวใดตัวหนึ่ง เช่น
Don’t go too near the river “in case” you “should” fall in it. (อย่าเข้าไปใกล้แม่น้ำนัก เพราะคุณอาจจะตกไปก็ได้)
ตามด้วยประโยค (Clause)
ถ้า In case วางไว้หน้า Clause แรก ไม่ต้องตามด้วย can, could, should, may, might เช่น
“In case” I “forget”, please remind me about that.
ระวัง! in case of + นาม (ไม่ใช่ประโยค) เช่น
“In case of” fire, please inform the fire-brigade. (ถ้าเกิดเพลิงไหม้ โปรดแจ้งกองดับเพลิงทราบ)

because และ because of: ทั้งสองคำแปลเหมือนกันคือ “เพราะ, เพราะว่า” แต่วิธีใช้ต่างกันคือ
because: เป็น Conjunction เชื่อมประโยคแสดงเหตุผล
หลัง because ต้องเป็นอนุประโยค (Clause) เสมอ เช่น
Jack did not come to school “because” he was ill.
because of: เป็น Preposition (คำที่ใช้เชื่อม Noun และ Pronoun เข้ากับคำอื่น ๆ ที่อยู่ในประโยค ทั้งนี้เพื่อให้ใจความของประโยคกลมกลืนสละสลวยขึ้น” ได้แก่ in, on, at, by, from, toward, into, etc.) วลี
หลัง because of ต้องมีกรรมมารับ จะเป็นสรรพนามหรือคำเสมอนามก็ได้ แต่จะเป็นประโยคไม่ได้ เช่น
She failed “because of” him.

the same…+Noun+…as: (เหมือนกับ, เช่นเดียวกันกับ)
ระหว่าง the same กับ as ให้ใส่คำนามเข้ามา เช่น
I have “the same” trouble “as” you (have). (ผมมีข้อยุ่งยากเช่นเดียวกับคุณ (มี))
ถ้านามนั้นกล่าวถึงมาแล้ว หรือผู้พูดและผู้ฟังรู้กันดีอยู่แล้วว่า หมายถึงอะไรในสิ่งที่เหมือนกัน หลัง the same ก็ไม่ใส่นามเข้ามา
This “book” is “the same as” that one. (หนังสือเล่มนี้เหมือนกับเล่มนั้น)

either of และ neither of
either of + นามพหูพจน์ = (อย่างใดอย่างหนึ่ง)
ถ้าไปเป็นประธานในประโยค กริยาต้องใช้เอกพจน์ตลอดไป เช่น
“Either of you” is wrong. (เธอคนใดคนหนึ่งจะต้องผิด)
I don’t (กริยาพหูพจน์) want “either of the apples”. (ผมไม่ต้องการแอปเปิ้ลผลใดผลหนึ่ง)

neither of + นามพหูพจน์ = (ไม่ทั้งสองอย่าง)
ถ้าเป็นประธาน กริยาใช้เอกพจน์ เช่น
“Neither of the books” is of any use to me. (หนังสือทั้งสองเล่มไม่มีประโยชน์ใด ๆ แก่ผมเลย)
I want “neither of them”. (ผมไม่ต้องการทั้งสองอย่าง)

no sooner……than: (พอ…ก็)
คำนี้เป็น Conjunctive ใช้เชื่อมประโยคทั้งสองเข้าด้วยกัน
ประโยคที่ no sooner…than ไปเชื่อมมักเป็นประโยค Past Perfect (Subject + had +V3) กับ Past Simple (Subject + V2)
He had “no sooner” seen it “than” he started to run. (Past Perfect, Past Simple)
(พอเห็นเขาเริ่มออกวิ่ง)
หรือจะวาง No sooner ไว้ต้นประโยคก็ได้ เช่น
“No sooner” had he arrived “than” he was told to start back again. (Past Perfect, Past Simple)
(พอมาถึงเขาก็ได้รับคำสั่งให้ออกเดินทางกลับไปอีก)

not so…….as: (ไม่เท่ากับ)
คำนี้ความจริงก็คือ as…as นั่นเอง แต่ใช้ในประโยคปฏิเสธเท่านั้น (ส่วน as…as ใช้ในประโยคบอกเล่า) เช่น
บอกเล่า: He is “as clever as” you are. (เขาฉลาดเท่ากับคุณ(ฉลาด))
ปฏิเสธ: He is “not so clever as” you are. (เขาไม่ฉลาดเท่าคุณ

ขอขอบคุณ*—->>http://englishlearningthailand.com/error-in-conjunction-คำเชื่อมที่มักจะใช้ผิดเสมอ.htmlขอขอคุณ**—->>>

Share this:

Like this:

ถูกใจ

กำลังโหลด…

[Update] การใช้ a an the ภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง | การใช้ comma ในภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

การใช้ a / an และ the ในภาษาอังกฤษ

ความหมายของ a / an และ the ในภาษาอังกฤษ

a / an และ the เป็นคำนำหน้านาม เป็นคำบ่งชี้ซึ่งใช้นำหน้าคำนาม

a / an ซึ่งวางอยู่ข้างหน้าคำนามในภาษาอังกฤษนั้น จะแสดงให้เห็นว่าคำนามที่พูดถึงไม่ได้เป็นสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วระหว่างผู้พูดผู้ฟัง หรือว่าผู้เขียนกับผู้อ่าน ซึ่งในภาษาอังกฤษจะเรียกคำนำหน้านามประเภทนี้ว่า indefinite article (คำนำหน้านามเอกพจน์ที่ไม่ได้กล่าวถึงมาก่อน)

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ การใช้ a an the

Do you have a car?
แปลว่า คุณมีรถยนต์(1 คัน)ไหม

A: Do you live in a house?
แปลว่า คุณอาศัยอยู่ในบ้าน (1 หลัง, หลังใดหลังหนึ่ง) ใช่ไหม

B: No, actually, I live in an apartment.
แปลว่า ไม่ใช่ จริงๆ แล้วฉันอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ (1 แห่ง แต่ไม่ได้บอกว่าคือที่ใด)

คำว่า the ในภาษาอังกฤษ เมื่อวางอยู่ข้างหน้าคำนามจะแสดงให้เห็นว่าคำนามนั้นเป็นสิ่งที่รู้กันอยู่แล้ว ระหว่างผู้พูดผู้ฟัง หรือว่าผู้เขียนกับผู้อ่าน ในภาษาอังกฤษจะเรียกคำนำหน้านามประเภทนี้ว่า definite article

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ การใช้ a an the

Where did we park the car?
แปลว่า พวกเราจอดรถไว้ที่ไหน
(ในประโยคนี้ ผู้พูดและผู้ฟังรู้กันดีว่าหมายถึงว่ารถคันไหน ซึ่งก็คือคันที่ขับไปจอดไว้นั่นเอง)

They had to paint the house before they sold it.
แปลว่า พวกเขาต้องทาสีบ้านก่อนที่พวกเขาจะขายมันไป
(ในประโยคนี้ ผู้พูดและผู้ฟังรู้กันดีว่าหมายถึงบ้านหลังไหน ซึ่งก็คือบ้านหลังที่พวกเขาทาสีและขายนั่นเอง)

คำว่า the ในภาษาอังกฤษ ทำให้คำนามนั้นเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น

เปรียบเทียบการใช้ the ในภาษาอังกฤษ

Do you have a cat?
แปลว่า คุณมีแมวไหม
(ประโยคนี้ใช้ a ซึ่งหมายถึงแมวตัวใดตัวหนึ่งสักตัว โดยที่ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นตัวไหน)

Have you seen the cat?
แปลว่า คุณเห็นแมวตัวนั้นไหม
(ประโยคนี้ใช้ the ซึ่งหมายถึงแมวตัวที่รู้กันอยู่แล้วระหว่างผู้พูดและผู้ฟังว่าเป็นแมวตัวไหน)

เมื่อไหร่ใช้ a และเมื่อไหร่ใช้ an

พูดภาษาอังกฤษสามารถใช้ a นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ เช่น

a cat, a horse, a big dog, a wheel

ข้อควรระวัง การใช้ a an the ที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษควรทราบ
คำบางคำในภาษาอังกฤษ ขึ้นต้นด้วยสระแต่ออกเสียงแบบพยัญชนะ เช่น

a united group
a university
a one-year-old child

ผู้เรียนภาษาอังกฤษสามารถใช้ an นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ เช่น

an apple, an old book, an orchestra, an umbrella

ข้อควรระวัง ที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษควรทราบ
คำบางคำในภาษาอังกฤษ ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะแต่ออกเสียงแบบสระ เช่น

an hour / an MP3 player

** คำว่า the ออกเสียงว่าอย่างไรกันแน่

คำว่า the ออกเสียงได้ 2 อย่างขึ้นอยู่กับคำที่ตามมา ว่าพยางค์แรกของคำนั้นออกเสียงพยัญชนะหรือว่าออกเสียงสระ

ออกเสียงว่า เฑฺอะ เมื่อนำหน้าคำภาษาอังกฤษที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ เช่น

the team
the union

ออกเสียงว่า ฑิฺ เมื่อนำหน้าคำภาษาอังกฤษที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ เช่น

the exit
the apple

** เมื่อไหร่บ้างที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษต้องใช้คำนำหน้านาม (articles)

การใช้ a an the กับคำนามประเภทต่างๆ

คํานามนับได้

ผู้เรียนภาษาอังกฤษสามารถใช้ a/an กับคำนามนับได้เอกพจน์

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

He has a sister and a brother.
แปลว่า เขามีพี่น้องผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายหนึ่งคน

That was an excellent meal.
แปลว่า มันเป็นมื้ออาหารที่ยอดเยี่ยมมื้อหนึ่ง

ผู้เรียนภาษาอังกฤษสามารถใช้ the น้ำหน้าได้ทั้งคำนามเอกพจน์และพหูพจน์

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

The lion roared. = สิงโต (ตัวนั้น 1 ตัว) คำราม
The lions roared. = สิงโต (หลายตัวนั้น) คำราม

The tree fell. = ต้นไม้ล้ม (ต้นนั้นต้นเดียว)
The trees fell. ต้นไม้ล้ม (พวกนั้นหลายต้น)

** การใช้กับคํานามนับไม่ได้ (Uncountable nouns)

ผู้เรียนภาษาอังกฤษไม่สามารถใช้ a an นำหน้าคำนามที่นับไม่ได้

Could I have rice instead of potatoes with my fish?
แปลว่า ฉันขอเป็นข้าวแทนที่จะเป็นมันฝรั่ง คู่กับปลาของฉันได้ไหม
(จะไม่ใช้ a rice เพราะ rice เป็นนามนับไม่ได้)

ผู้เรียนภาษาอังกฤษสามารถใช้ the นำหน้าคำนามที่นับไม่ได้ เมื่อต้องการกล่าวถึงแบบเฉพาะเจาะจง

The rice we bought in the Thai shop is much better than the supermarket rice.
แปลว่า ข้าวที่พวกเราซื้อในร้านขายสินค้าไทย ดีกว่าซื้อจากตลาดจำหน่ายข้าว

The weather was awful last summer.
แปลว่า ฤดูร้อนที่ผ่านมาอากาศแย่มาก

** การใช้ a an the กับคำนามทั่วไป

ในกรณีที่ใช้ the กับคำนามพหูพจน์ จะใช้ต่อเมื่อพูดถึงคำนามที่ชี้เฉพาะเจาะจงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Books are so important in my life.
แปลว่า หนังสือสำคัญกับชีวิตของฉันมาก
(ในที่นี้ ผู้พูดหมายถึงหนังสือทั่วๆ ไป)

The books were all over the floor.
แปลว่า หนังสือเกลื่อนอยู่บนพื้น
(ในที่นี้ ผู้พูดไม่ได้หมายถึงหนังสือทั่วๆ ไป หมายถึงหนังสือที่เกลื่อนอยู่บนพื้น)

ผู้เรียนภาษาอังกฤษสามารถทำคำนามทั่วๆ ไปให้จำเพาะเจาะจงขึ้น โดยการใช้ article และเพิ่มข้อมูลสำคัญเข้าไปหลังคำนามนั้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Life is wonderful.
แปลว่า ชีวิตคือสิ่งอัศจรรย์
(หมายถึงชีวิตโดยทั่วๆ ไป)

The life of a soldier is full of danger.
แปลว่า ชีวิตของทหารเต็มไปด้วยอันตราย
(หมายถึงชีวิตของทหาร ไม่ได้หมายถึงชีวิตของคนโดยทั่วๆ ไป)

ในภาษาอังกฤษ มักใช้ the เมื่อพูดถึงเกี่ยวกับ สิ่งประดิษฐ์ เครื่องดนตรี หรือสถานที่จำพวกโรงหนัง โรงละคร โรงละครสัตว์ โรงละครโอเปร่า เป็นต้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

The computer must be the greatest invention ever.
(ในที่นี้พูดถึงคอมพิวเตอร์ในฐานะของการเป็นสิ่งประดิษฐ์ไม่ได้พูดถึงคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง)

ในภาษาอังกฤษจะไม่ใช้ article นำหน้า determiners (คำจำพวก any, some, my, her, this, that เป็นต้น)

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I love my job.
แปลว่า ฉันรักงานของฉัน (ไม่พูดว่า the my job.)

Do you want this book?
แปลว่า คุณต้องการหนังสือเล่มนี้ไหม

ในภาษาอังกฤษจะใช้ the กับสิ่งที่ทุกคนรู้จักกันเป็นสากล เช่น the sun, the stars, the moon, the earth, the planet

The earth moves around the sun.
แปลว่า โลกเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์

We lay on the grass and watched the stars.
แปลว่า พวกเรานอนลงบนหญ้าและมองดูดวงดาว

ในภาษาอังกฤษมักใช้ the กับข้าวของในชีวิตประจำวัน

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I don’t buy the newspaper these days. It’s free on the Internet.
แปลว่า ทุกวันนี้ฉันไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ เพราะว่ามันฟรีบนอินเตอร์เน็ต
(ในที่นี้หมายถึงหนังสือพิมพ์ทั่วๆ ไป)

I always take the train.
แปลว่า ฉันขึ้นรถไฟอยู่เสมอ
(ในที่นี้หมายถึงรถไฟโดยทั่วๆ ไป)

** การใช้กับงานและอาชีพ
ในภาษาอังกฤษ เมื่อพูดถึงงานหรืออาชีพของบุคคล จะใช้ a/an

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

He’s a gardener.
แปลว่า เขาเป็นคนสวน

He’s an ambulance driver.
แปลว่า เขาเป็นคนขับรถพยาบาล

บทเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม
 เมื่อไหร่ใช้ หรือไม่ใช้ the


รถแม็คโคร 3D ขุดดิน สร้างบ้าน – อนิเมชั่นรถก่อสร้าง รถขุดดิน รถดั้ม รถโม่ปูน


พาเด็กๆมาชมการ์ตูนรถก่อสร้าง 3d ตอนขุดดินสร้างบ้าน วีดีโอสำหรับเด็ก
เล่นรถแม็คโคร รถดั้ม และรถก่อสร้างอื่นๆ
https://goo.gl/VCqQn8
รถแม็คโครคันจิ๋ว
https://goo.gl/fUT79t
ทรายมหัศจรรย์กับรถแม็คโคร
https://goo.gl/kYzYXB
เล่นรถไฟของเล่น
https://goo.gl/3h8RGC
เพลงเด็ก
https://goo.gl/6jhh67
อย่าลืมกดติดตามช่องเด็กจ๋าเพื่อรับชมคลิปใหม่ๆด้วยนะจ๊ะ
Subscribe to our channel for new videos
Youtube :https://goo.gl/YTNYmj
Facebook : https://goo.gl/c89BtS
Google + :https://goo.gl/1L6KZe

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

รถแม็คโคร 3D ขุดดิน สร้างบ้าน - อนิเมชั่นรถก่อสร้าง รถขุดดิน รถดั้ม รถโม่ปูน

How to Use Commas in English Writing


http://www.engvid.com/ In this lesson, I look at comma use in the English language. If you are looking to get into university, or simply want to improve your writing, this lesson is a great way to strengthen your punctuation skills. Don’t forget to test your understanding of the lesson by taking the quiz at http://www.engVid.com/

How to Use Commas in English Writing

เรื่องของจุลภาค – Terisa Folaron


รับชมบทเรียนเต็มๆ: http://ed.ted.com/lessons/commastoryterisafolaron
การเชื่อมประโยคซับซ้อนไม่ใช่เรื่องง่าย (ลองถามสันธานหรือคำสร้างอนุประโยคดูก็ได้) แต่จุลภาคสาวแสนฉลาดของเราสามารถช่วยแบ่งเบาได้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องให้จุลภาคช่วยจริงๆ เทริซา โฟลารอนจึงมานำเสนอกลเม็ดในการใช้เครื่องหมายจุลภาค หรือ Comma นั่งเอง
สอนโดย Terisa Folaron, แอนนิเมชั่นโดย Brett Underhill.

เรื่องของจุลภาค - Terisa Folaron

วิธีการใช้ เครื่องหมายวรรคตอน ในภาษาอังกฤษ | Punctuation


จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ การเทียบเสียงสระ ภาษาอังกฤษ ไทย
หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมานะที่นี้ด้วยค่ะ 😀

วิธีการใช้ เครื่องหมายวรรคตอน ในภาษาอังกฤษ | Punctuation

Z ไม่ใช่แซด ฝรั่งสอนคนสอนภาษาอังกฤษ


เว็ปอดัม: http://www.ajarnadam.com
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

Z ไม่ใช่แซด ฝรั่งสอนคนสอนภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ การใช้ comma ในภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *