Skip to content
Home » [NEW] Present simple tense คืออะไร มีการใช้อย่างไร | past simple tense คือ – NATAVIGUIDES

[NEW] Present simple tense คืออะไร มีการใช้อย่างไร | past simple tense คือ – NATAVIGUIDES

past simple tense คือ: คุณกำลังดูกระทู้

Present simple tense เป็น tense พื้นฐานที่มีโครงสร้างเรียบง่ายมากที่สุด แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นหนึ่งใน tense ที่ใช้บ่อย และเป็นพื้นฐานของแกรมม่าหัวข้ออื่นๆอีกมากมาย

สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง present simple tense ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Present simple tense คืออะไร

Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat) อย่างเช่น

I go to school every day.
ฉันไปโรงเรียนทุกวัน

แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 เราจะต้องใช้คำกริยารูป s/es แทน (เช่น goes, comes, eats) อย่างเช่น

He goes to school every day.
เขาไปโรงเรียนทุกวัน

โครงสร้าง present simple tense

เมื่อเทียบกับ tense อื่นๆ present simple tense นั้นถือว่ามีโครงสร้างที่เรียบง่าย โดยหัวใจหลักอย่างหนึ่งของมันก็คือการใช้คำกริยาช่อง 1

แต่ present simple tense ก็มีความซับซ้อนนิดหน่อยตรงที่ว่า จะมีการใช้คำกริยารูป s/es ด้วย โดยจะมีหลักการคือ

  • ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ (เช่น we, they, boys, teachers, cats, pens) หรือเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 1 และ 2 (I และ you) เราจะต้องใช้คำกริยารูปปกติ (เช่น go, come, eat)
  • ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats)

นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีประเด็นในเรื่องชนิดของประโยคอีก ซึ่งประโยคแต่ละชนิด อย่างเช่น ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม ก็จะมีโครงสร้างและรายละเอียดการใช้ tense ที่ต่างกัน ซึ่งก็คือ

ทบทวนความรู้
Subject แปลว่า ประธาน
Verb แปลว่า คำกริยา
Object แปลว่า กรรม หรือ ผู้ถูกกระทำ เช่นในประโยค I love you.
Complement แปลว่า ส่วนเติมเต็ม ซึ่งก็คือคำที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน เวลาใช้มักจะตามหลัง linking verb (เช่น is, am, are, feel, seem) เช่นในประโยค I am a student.

ประโยคบอกเล่า

การใช้ present simple tense ในประโยคบอกเล่า จะมีโครงสร้างและตัวอย่างประโยคดังนี้

โครงสร้าง
Subject + verb 1 + (object/complement)

ตัวอย่างประโยคเช่น

I love my cat.
ฉันรักแมวของฉัน

The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

ประโยคปฏิเสธ

การใช้ present simple tense ในประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ

1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราสามารถใช้ not หลัง verb to be ได้เลย โดยเราสามารถเขียนย่อ is not ให้เป็น isn’t และย่อ are not ให้เป็น aren’t ได้ แต่สำหรับ am not นั้น เราจะไม่ใช้รูปย่อ

โครงสร้าง
Subject + verb to be + not + (object/complement)

He isn’t an engineer.
เขาไม่ใช่วิศวกร
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He is an engineer.)

They aren’t students.
พวกเขาไม่ได้เป็นครู
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.)

2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะใช้ do/does + not ไว้หน้าคำกริยาหลัก โดยเราสามารถเขียนย่อ do not เป็น don’t และย่อ does not ให้เป็น doesn’t ได้

โครงสร้าง
Subject + do/does + not + verb 1 + (object/complement)

(ในประโยคปฏิเสธที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่นๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ)

He doesn’t love me.
เขาไม่ได้รักฉัน
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He loves me.)

Her friends don’t like me.
เพื่อนๆของเธอไม่ชอบฉัน
(รูปประโยคบอกเล่าคือ Her friends like me.)

ประโยคคำถาม

การใช้ present simple tense ในประโยคคำถาม จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ

1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย verb to be

โครงสร้าง
Verb to be + subject + (object/complement)?

ตัวอย่างประโยคเช่น

Is she angry?
เธอโกรธรึเปล่า
(รูปประโยคบอกเล่าคือ She is angry.)

Are they students?
พวกเขาเป็นนักเรียนรึเปล่า
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.)

2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย do/does แล้วคงคำกริยาหลักไว้หลังประธาน เหมือนประโยคบอกเล่า

โครงสร้าง
Do/Does + subject + verb 1 + (object/complement)?

(ในประโยคคำถามที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่นๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ)

ตัวอย่างประโยคเช่น

Does he eat spicy food?
เขากินอาหารเผ็ดมั้ย
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He eats spicy food.)

Do they speak English?
พวกเขาพูดภาษาอังกฤษมั้ย
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They speak English.)

หลักการใช้ present simple tense

ใช้ present simple tense เมื่อใด

เราจะใช้ present simple tense เมื่อ

1. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน

I am a student.
ฉันเป็นนักเรียน

Joe lives in Japan with his friend.
โจอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นกับเพื่อน

My parents own a restaurant.
พ่อแม่ฉันเป็นเจ้าของร้านอาหาร

2. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร

I play football every day.
ฉันเล่นฟุตบอลทุกวัน

The train leaves every morning at 7 a.m. 
รถไฟจะออกทุกๆเช้าตอน 7 โมง

We often watch movies together.
พวกเราดูหนังด้วยกันบ่อยๆ

3. กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ

The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

Water boils at 100°C.
น้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส

Students don’t generally have much money.
เด็กนักเรียนโดยทั่วไปแล้วไม่ได้มีเงินมาก

4. กล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา

The bus arrives at the bus stop every 15 minutes.
รถบัสจะมาถึงป้ายทุกๆ 15 นาที

The party starts at 9 o’clock.
ปาร์ตี้จะเริ่มตอน 9 โมง

The school term starts next month.
โรงเรียนจะเปิดเทอมในเดือนหน้า

5. ให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ

To start the program, first you click the icon on the desktop.
ในการเริ่มโปรแกรม ก่อนอื่นให้คุณคลิกที่ไอคอนบนเดสก์ท็อป

First of all, you break the eggs and whisk with sugar.
ก่อนอื่นให้คุณตอกไข่และตีไข่กับน้ำตาล

You go straight along the road and turn right at the corner.
คุณตรงไปตามถนนแล้วเลี้ยวขวาตรงหัวมุม

(การให้คำแนะนำ หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ เราอาจละประธานได้ เช่น Go straight along the road and turn right at the corner. ซึ่งเราจะเรียกรูปประโยคที่ละประธานนี้ว่า imperative form)

เกร็ดความรู้
นอกจากกรณีเหล่านี้แล้ว เรายังสามารถใช้ present simple tense ในการเล่ามุขตลก หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ (เช่น เรื่องราวชีวิต เรื่องราวคนอื่น เรื่องราวจากหนังสือ เรื่องราวจากหนัง) ได้อีกด้วย การใช้ present simple tense ในการเล่าเรื่อง จะช่วยให้เรื่องที่เล่านั้นดูสดใหม่และดูใกล้ตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้ past tense

คำบอกเวลากับ present simple tense

เนื่องจาก present simple tense จะถูกใช้เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร เราจึงมักจะเห็นคำบอกเวลาจำพวกคำบอกความถี่ (adverbs of frequency) ใน present simple tense บ่อยๆ ซึ่งคำเหล่านี้นั้นได้แก่

Adverbs of frequencyความหมายAlwaysเป็นประจำ, เสมอUsuallyมักจะNormallyโดยปกติGenerallyโดยปกติOftenบ่อยครั้งFrequentlyบ่อยครั้งSometimesบางครั้งOccasionallyเป็นครั้งคราวSeldomไม่ค่อยRarelyนานๆครั้งHardlyนานๆครั้งNeverไม่เคย

ตัวอย่างประโยคก็อย่างเช่น

I always wake up at 6 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเป็นประจำ

Peter often takes notes during conference.
ปีเตอร์จดโน้ตบ่อยๆเวลาประชุม

He is never late.
เขาไม่เคยสาย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า adverbs of frequency นั้นจะถูกใช้ใน present simple tense บ่อยๆ แต่จริงๆแล้วก็สามารถใช้กับ tense อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น

I always woke up at 6 o’clock when I was a student.
ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเป็นประจำ เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นนักเรียน
(เป็นกิจวัตรในอดีต ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว เราจึงใช้ past simple tense)

I will always love you.
ฉันจะรักคุณเสมอ
(เป็นการพูดถึงอนาคต เราจึงใช้ future simple tense)

สรุป present simple tense

  • Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat)
  • แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats) แทน
  • ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม และประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างประโยคและรายละเอียดการใช้ tense ที่ต่างกัน สำหรับประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ ถ้าคำกริยาหลักไม่ใช่ verb to be เราจะต้องนำ do/does เข้ามาใช้ด้วย
  • เราจะใช้ present simple tense เมื่อ
    • กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน
    • กล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร
    • กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ
    • กล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา
    • ให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ
    • ใช้เล่าเรื่องหรือเล่ามุขตลก เมื่อเราต้องการให้เรื่องนั้นดูสดใหม่หรือใกล้ตัวมากขึ้น
  • เรามักเจอคำบอกความถี่ (เช่น always, often, sometimes) ใน present simple tense บ่อยๆ เพราะเป็นคำที่ใช้บ่งบอกถึงความเป็นกิจวัตร แต่คำเหล่านี้ จริงๆแล้วก็สามารถใช้กับ tense อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับใจความของประโยค

จบแล้วนะครับกับ present simple tense ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจ และสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[NEW] รูปแบบการใช้ Past Simple ในภาษาอังกฤษ | past simple tense คือ – NATAVIGUIDES

Past simple (พาสทฺ ซิมเพิล) หมายถึง “อดีตกาล” ใช้เพื่อกล่าวถึง เหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จำเพาะเจาะจง (definite time) เช่น เมื่อวานนี้ (yesterday เยสเทอะเดย์), ปีที่แล้ว (last year ลาสทฺ เยียร์), เมื่อคืนที่แล้ว (last night ลาสทฺ ไน้ทฺ), ในปี 1990 (in 1990) เป็นต้น

ในเรื่อง Past simple นี้เกี่ยวข้องกับคำกริยาช่องที่ 2 กล่าวคือถ้าเป็น คำกริยาปกติ (regular verbs เรกิวเลอะ เวิบสฺ) สามารถเปลี่ยนเป็นช่อง 2 ด้วยการเติม -ed ข้างท้าย แต่ถ้าเป็นกริยาอปกติ (irregular verbs เออเรกิวเลอะเวิบสฺ) ก็จำเป็นต้องท่องจำหรือใช้ให้บ่อยครั้ง เช่น
กริยาปกติ                                 กริยาอปกติ
work worked (เวคทฺ)                     go went (เว้นทฺ)
live lived (ลิฟดฺ)                              build built (บิ้ลทฺ)
play played (เพลดฺ)                        see saw (ซอ)
ตัวอย่าง
Tony lives in London now. He lived in Manchester last year. ตอนนี้โทนี่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน ปีที่แล้วเขาอาศัยอยู่ใน-
แมนเซสเตอร์
Tony stayed at home last night. He didn’t go out with his friend. เมื่อคืนที่แล้วโทนี่อยู่บ้าน เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับเพื่อนของเขา

สังเกตได้ว่า รูปของคำกริยาในตัวอย่างที่เป็นการกระทำในอดีต จะเป็นช่อง 2 ฉะนั้นจึงควรจะทราบถึงรูปแบบ (forms) ของ Past simple ดังนี้

รูปของ Past simple
(1) Statement form (สเตทเม้นทฺฟอม) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “รูป บอกเล่า” ประกอบด้วย
ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 2 +ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กับ
ภาคประธาน + was/were + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
อธิบาย กริยาแท้ช่อง 2 มีอยู่สองแบบที่นักเรียนต้องเรียนรู้ นั่นคือ
ก. กริยาแท้ปกติ หรือภาษาอังกฤษเรียก regular verbs (เรทิวเลอะ เวิบสฺ) คำกริยาแท้ประเภทนี้เมื่อเปลี่ยนให้เป็นช่องที่ 2 กระทำได้โดย

1. เติม -ed ข้างท้าย เช่น
work – worked            walk – walked
wash – washed             watch – watched

2. หากคำกริยาแท้ปกติใดลงท้ายด้วย e อยู่แล้ว ให้เติม d ต่อไปข้าง
ท้าย เช่น
type – typed                   operate – operated
change – changed         smoke – smoked

3. ส่วนคำกริยาแท้ใดลงท้ายด้วย y และมีอักษรพยัญชนะอยู่หน้าอักษร y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วจึงเติม -ed เช่น
play – played            spray – sprayed
employ – employed        delay – delayed

ข. กริยาแท้อปกติ หรือภาษาอังกฤษเรียก irregulat verbs (อิเรกิวเลอะ เวิบสฺ) คำกริยาแท้ประเภทนี้ต้องอาศัยการจดจำ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากคำกริยาแท้ปกติเมื่อเป็นช่อง 2 เช่น
go – went        set – set
ring – rang    break – broke

หมายเหตุ สามารกหาซื้อหนังสือ กริยา 3 ช่อง ซึ่งได้รวบรวมคำกริยาแท้ปกติทั้ง 3 ช่องได้ตามร้านจำหน่ายหนังสือ หนังสือเล่มดังกล่าวจัดพิมพ์ โดยสำนักพิมพ์พัฒนาศึกษา กรุงเททมหานคร
ตัวอย่าง
I bought a new car three days ago.
ผมซื้อรถยนต์คันใหม่มาเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา
When I dropped my cup, the coffee spilled on my lap.
เมื่อผมทำถ้วยหล่น กาแฟได้หกราดบนหน้าตักของผม
Last night I went to the cinema.
เมื่อคืนดิฉัน ได้ไปชมภาพยนตร์

(2) Negative form (เนเกอทิฟวฺ ฟอม) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “รูป ปฏิเสธ” ประกอบด้วย
ภาคประธาน + did not + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กับ
ภาคประธาน + was/were not + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กับ
ภาคประธาน + กริยาช่วยช่อง 2 + not + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรม หรือส่วนขยาย
อธิบาย รูปย่อของ     did not = didn’t
was not = wasn’t
were not = weren’t
กริยาแท้ช่อง 1 หมายถึง กริยาแท้ที่ไม่มีการเติม -s, -es, -ed, -ing
ไม่ใช่กริยาแท้ช่อง 1     ใช่กริยาแท้ช่อง 1
works                work
broke                break
cleaning           clean
watches           watch

กริยาช่วยช่อง 2 หมายถึง กริยาช่วยอื่น นอกเหนือจาก did, was, were ได้แก่ could, might
รูปย่อของ could not = couldn’t ; might not = mightn’t
ตัวอย่าง
He wasn’t busy yesterday.
เขาไม่ได้มีธุระยุ่งเมื่อวานนี้
I didn’t sleep for eight hours last night.
ผมไม่ได้นอนหลับเป็นเวลาถึง 8 ชั่วโมงเมื่อคืนที่แล้ว
This year John can play badminton, but last year he couldn’t
(play it).
ปีนี้จอห์นเล่นแบดมินตันได้ แต่ปีที่แล้วเขาเล่นไม่ได้

(3) Yes-No question (เยส โน เควสเชิ่น) หรือในภาษาไทยคือ “คำถาม ที่ผู้ตอบจะตอบว่า Yes/No” ประกอบด้วย
กรณีที่ไม่มีกริยาช่วยอยู่ภายในประโยค
Did + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วยที่ไม่ใช่ was/were อยู่ภายในประโยค
กริยาช่วยช่อง 2 + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วยที่เป็น was/were
Was/Were + ภาคประธาน + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
ตัวอย่าง
Did you go to Bangkok yesterday?
เมื่อวานนี้คุณไปกรุงเทพฯ ใช่ไหม
Were you a student two years ago?
คุณเป็นนักเรียนใช่ไหมเมื่อสองปีที่แล้ว
Could you swim when you were five years old?
คุณว่ายน้ำได้ใช่ไหม เมื่อตอนที่คุณอายุห้าขวบ

(4) Wh-word question (ดับเบิลยู เอช เวิด เควสเชิ่น) หรือในภาษา ไทยคือ “คำถามที่ขึ้นต้นประโยคด้วย Wh-words ได้แก่ What, When, Where, Why, How long, … ฯลฯ” ประกอบด้วย
กรณีที่ต้องใช้กริยาช่วย did เพราะไม่มีกริยาช่วยอื่นใด
Wh-word + did + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วยช่อง 2 อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ was/were
Wh-word + กริยาช่วยช่อง 2 + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรม/ส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วย was/were

Wh-word + was/were + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
ตัวอย่าง
How long was the film?
ภาพยนตร์มีความยาวเท่าไร
What did you do last night ?
เมื่อคืนที่แล้วคุณทำอะไร?
Where were you yesterday?
เมื่อวานนี้คุณอยู่ที่ไหน

การใช้ Past simple
1. ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบสิ้นสมบูรณ์ในอดีต โดยปกติมักมีข้อความที่บ่งบอกเวลาที่เหตุการณ์นั้นๆ ได้เกิดขึ้นมาในอดีต อาทิ yesterday, last night, two days ago, in 1990, … ฯลฯ
ตัวอย่าง
I walked to school yesterday.
เมื่อวานนี้ผมเดินไปโรงเรียน
He bought a new car three days ago.
เขาซื้อรถยนต์คันใหม่เมื่อสามวันที่ผ่านมา

2. ใช้แสดงเหตการณ์หรือสถานการณ์ที่ยาวนาน หรือเหตุการณ์ซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นและจบไปเรียบร้อยตั้งนานแล้วในอดีต
ตัวอย่าง
I spent all my childhood in Scotland.
ดิฉันใช้ชีวิตตลอดวัยเด็กในประเทศสกอตแลนด์
Regularly every summer, Jenny fell in love.
ทุกๆ ฤดูร้อน เจนนีตกอยู่ในความรัก

3. ถ้าในประโยคมีคำว่า when และมีรูปกริยาเป็นอดิต (past simple form) ทั้งสอง clauses จะถือว่าการกระทำใน when clause เกิดขึ้นก่อน
ตัวอย่าง
I Stood under a tree when it began to rain.
ผมยืนอยู่ใต้ต้นไม้เมื่อตอนฝนตก
When she heard a strange noise, she got up to investigate.
เมื่อเธอได้ยินเสียงแปลกๆ เธอได้ลุกขึ้นจากที่นอนไปตรวจดู
When I dropped my cup, the coffee spilled on my lap.
เมื่อผมทำแก้วหล่น กาแฟได้ราดลงบนหน้าตักของผม

4. ใช้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น เล่าเรื่องในอดีต
ตัวอย่าง
Once upon a time there was a beautiful princess who lived
with her father. One day the king decided
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงผู้เลอโฉมองค์หนึ่งอาศัยอยู่กับพระ ราชบิดา วันหนึ่งกษัตริย์ได้ตัดสินใจ…

ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 35,743 times, 4 visits today)


Past continuous tense in English


Learn the past continuous tense in English.

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Past continuous tense in English

5- شرح زمن الماضي المستمر في اللغه الانجليزيه Past Continuous tense


شرح زمن الماضي المستمر في اللغه الانجليزيه
وهذا رابط صفحتنا علي فيسبوك:
http://www.facebook.com/droosonline
وهذا الايميل الشخصي لي:
[email protected]
وهذا هو موقعنا:
http://www.droosonline.com

5- شرح زمن الماضي المستمر في اللغه الانجليزيه Past Continuous tense

หลักการใช้ Past Simple Tense


หลักการใช้ Past Simple Tense

หลักการใช้ Past Simple Tense

30 SUPER COMMON phrasal verbs | You can use them every day!


phrasal verbs | daily conversations | English vocabulary
Hi Everyone,
Today let’s look at 30 super common phrasal verbs that you can use every day! These are verbs I selected that I use and hear daily.
wake up
get up
turn on
turn off
stress out
come up with
bring up
stand out
look up
figure out
run out of
pop into
pick up
drop off
cut back on
throw away
put up with
bear with
calm down
get back to
look forward to
catch up on
fill out
get along
turn up
turn down
get rid of
go over
hand in
sleep in
PDF: Would you like a PDF with all of these phrasal verbs PLUS mini tests? I made some special materials just for this lesson: https://arnelspickandchoose.teachable.com/p/30supercommonphrasalverbs Any signups are greatly appreciated and help contribute to me making more content in the future! Thank you 🙂
CHALLENGE: Write me a mini conversation in the comments using at least 3 phrasal verbs from today’s lesson!
You might ALSO like: 10 important idioms you can use every day: https://youtu.be/c6wl8k0qiHM
If you SUBSCRIBE to my channel and turn on those NOTIFICATIONS, you’ll never miss a lesson.
Would you like to SUPPORT my channel? https://kofi.com/arnel
INSTAGRAM: https://www.instagram.com/arnelseverydayenglish/
FACEBOOK: https://www.facebook.com/ArnelsEverydayEnglish/
I hope this lesson is helpful! Thank you very much for watching 😊
Arnel

30 SUPER COMMON phrasal verbs | You can use them every day!

5 PHÚT NẮM CHẮC THÌ QUÁ KHỨ ĐƠN | PAST SIMPLE TENSE | LET’S PLAY WITH GRAMMAR by The IELTS Workshop


englishbeginer simplepastense grammar
👉 Nhận ngay ƯU ĐÃI các khoá học ONLINE tại: http://ieltsonline.onthiielts.com.vn/
👉Test trình độ tiếng Anh và nhận tư vấn MIỄN PHÍ tại:https://bit.ly/3gr2tPo

Thì \”Quá khứ đơn\” là một trong những thì cơ bản của tiếng anh. Hôm nay chúng ta sẽ cùng \”xử gọn\” anh chàng \”simple past\” này nhé!

🌏 OFFICIAL WEBSITE: https://onthiielts.com.vn/

👉Test trình độ tiếng Anh và nhận tư vấn MIỄN PHÍ tại: https://onthiielts.com.vn/kiemtraielts.html

💯LỊCH KHAI GIẢNG CÁC KHÓA IELTS TOÀN QUỐC:
https://onthiielts.com.vn/khoahocielts/lichkhaigiangdukien

💛Tài liệu miễn phí mỗi ngày từ TIW: https://onthiielts.com.vn/luyenthiielts/tailieuielts

📚Đặt mua sách \”How To Crack The IELTS Speaking Test Part 1\” và Ebook “40 CHỦ ĐỀ PHẢI BIẾT CHO IELTS SPEAKING 7.5+” tại đây: https://book.onthiielts.com.vn

☎️ HOTLINE: 1900 0353

📍55A Võ Văn Dũng, Ô Chợ Dừa, Đống Đa, HN
📍76 ngõ 203 Hoàng Quốc Việt, Cầu Giấy, HN
📍17 ngõ 27 Đại Cổ Việt, Hai Bà Trưng, HN
📍113 Võ Oanh ( D3 cũ), phường 25 quận Bình Thạnh, HCM
📍10E/17 Trần Nhật Duật, Quận 1, TP.HCM
📷 instagram.com/theieltsworkshop
🌏 https://onthiielts.com.vn/
//
© Bản quyền thuộc về The IELTS Workshop
© Copyright by The IELTS Workshop ☞ Do not Reup

5 PHÚT NẮM CHẮC THÌ QUÁ KHỨ ĐƠN | PAST SIMPLE TENSE | LET'S PLAY WITH GRAMMAR by The IELTS Workshop

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ past simple tense คือ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *