เรียน และ ทํา งาน ต่าง ประเทศ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
สวัสดีค่ะชาว Dek-D วันก่อนเรามีโอกาสได้คุยกับนักเรียนทุน ก.พ.ที่ทำให้เรารู้สึกได้เปิดโลกมากกก เพราะหลังจากที่เธอได้ไปอัปสกิลภาษาและเปิดโลกครั้งใหญ่ตอนแลกเปลี่ยน 1 ปีเต็มที่ออสเตรีย เธอก็มีความฝันอยากไปเรียนต่อป.โทที่ยุโรปจริงจัง จึงตัดสินใจสมัครทุน ก.พ. ไปเรียนต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์
แต่ต้องเล่าก่อนว่าเธอเป็นรุ่นแรกที่เค้าเริ่มทดลองใช้ระบบใหม่ โดยคนที่ได้ทุน ก.พ.จะต้องเข้าไปทำงานราชการในสังกัดนั้นๆ ก่อน 1 ปีเพื่อให้เห็นบริบทงาน เธอบอกเลยว่าตอนแรกทัศนคติต่องานราชการก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พอเข้ามาแล้วกลับรู้สึกเหนือความคาดหมายทั้งหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน และสโคปงาน ที่ไม่ใช่แค่ทำให้พัฒนาตัวเองเต็มๆ แต่ยังได้เป็นตัวแทนไปทำภารกิจที่ต่างประเทศ จน Mission Complete ไปหลายงานเลยค่ะ
Table of Contents
สำหรับบทความนี้จะเล่าเรียง 4 พาร์ตใหญ่ๆ ดังนี้
- การขอทุน ก.พ.
- การสมัครเรียนมหาวิทยาลัยในเนเธอร์แลนด์
- ประสบการณ์และมุมมองการทำงานราชการ **เล่าจากประสบการณ์ส่วนตัว
- รีวิวเดินทางถึงเนเธอร์แลนด์
เราได้อนุญาตนำข้อมูลและรูปภาพจาก Blog https://prangwjourney.wordpress.com ที่เจ้าของเรื่องบันทึกไว้เพื่อมาใช้ประกอบด้วยค่ะ (อยากให้ bookmark ไว้เลย เพราะข้อมูลดีมากกกและยังมีอัปเดตเรื่อยๆ)
รู้จักกันก่อน!
“สวัสดีค่ะ เราชื่อ ‘ปราง’ เรียนจบป.ตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ (BE Program) จาก ม.ธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ได้ทุน ก.พ. ไปเรียนต่อ ป.โทสาขา สาขา Economic of Development/ Sustainable Development หรือเศรษฐศาสตร์การพัฒนา ที่ ISS Erasmus University Rotterdam ณ เนเธอร์แลนด์ หน่วยทุนต้นสังกัดคือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือ State Audit Office of the Kingdom of Thailand (SAO)”
เราสนใจไปเรียนต่อที่ยุโรปตั้งแต่แรกเพราะเคยแลกเปลี่ยนสมัยปี 3 ตอนอยู่มหาวิทยาลัยที่เมือง Linz ประเทศออสเตรีย ตอนนั้นได้ไปเที่ยวเกิน 10 ประเทศในยุโรป แต่ก็ยังอยากไปซ้ำอีกทุกที่ ตกหลุมรักยุโรปตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ ตั้งใจว่าจะหาทางกลับมาเรียนอีกให้ได้ เลยเป็นแรงผลักดันให้สมัครทุนจนติดและได้กลับมาเรียนจริงๆ
รีวิวด่านขอทุน ก.พ.สุดเข้มข้น
ทุนก.พ. คือทุนรัฐบาลไทยของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ให้เราไปเรียนต่างประเทศด้วยเงินจัดสรรของภาครัฐ (ซึ่งก็คือภาษีประชาชนนั่นแหละ) มีทุนตั้งแต่ระดับมัธยม ป.ตรี/โท/เอก มีให้สมัครได้ทั้งบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้รับราชการ และคนที่เป็นข้าราชอยู่แล้ว (หรือที่เรียกว่าทุนภายใน อัตราการแข่งขันข้างในจะน้อยกว่ามาก) ส่วนเราเองได้ทุนบุคคลธรรมดาค่ะ ปกติประเภทนี้เปิดรับช่วงประมาณ ต.ค.-พ.ย.ของทุกปี ใช้เวลาตั้งแต่สมัครจนรู้ผลประมาณ 8-9 เดือน
ทุนก.พ. ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าใช้จ่ายเตรียมตัวก่อนเดินทาง
- ค่าคอมพิวเตอร์
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป – กลับ
- ค่าเทอม/ค่าหนังสือ/อุปกรณ์การเรียน
- ค่าใช้จ่ายระหว่างศึกษา ได้แก่ ที่พัก อาหาร และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
***แต่ๆๆ ทุนนี้มีเงื่อนไขคือต้องกลับมาทำงานในหน่วยงานของเจ้าของทุน 2 เท่าของระยะเวลาที่เราใช้ทุนไปเรียนนะคะ เช่น ไปเรียน 2 ปีก็ต้องกลับมาใช้ทุน 4 ปี ถ้าใครไม่ชอบสไตล์งานราชการหรืออยากทำงานต่อต่างประเทศก็อาจไม่เหมาะกับทุนนี้
ขั้นตอนแรกสุดของการสมัครทุน คือการไปเช็กประกาศให้ละเอียด เขาจะมีกำหนดเลยว่าให้ไปเรียนสาขาไหน มีประเทศไหนบ้าง แล้วเป็นความต้องการของหน่วยงานสังกัดไหน หลังเรียนจบเราก็ต้องกลับมาทำงานให้สังกัดนั้นๆ ดังนั้นต้องศึกษาให้ดีเลยค่ะ (ที่มา: https://www.ocsc.go.th)
…………………………………
ลักษณะข้อสอบทุน ก.พ.
1. รอบข้อเขียน มี 2 ส่วน 3 วิชา เป็นปรนัยทั้งหมด จะสมัครสาขาไหนก็ต้องสอบเหมือนกัน
- วิชาภาษาอังกฤษ (2 ชั่วโมง 100 ข้อ) ครอบคลุมเนื้อหา Vocabulary and Expression, Error Recognition และ Reading Comprehension
- วิชาความสามารถทั่วไปเชิงวิชาการ (2 ชั่วโมง 100 ข้อ) 13.00 – 15.00 น. ครอบคลุมเนื้อหาคณิตศาสตร์และภาษาไทย
2. รอบสัมภาษณ์
ทุนจะคัดคนที่คะแนนผ่านเกณฑ์และคะแนนสูงสุดสาขาละ 5 คนเพื่อเข้าสู่รอบสัมภาษณ์ และคัดเหลือเพียง 1 คนเท่านั้น ก่อนการสัมภาษณ์ณ์เราจะต้องเข้าทดสอบสุขภาพจิต และสอบเขียน essay เพื่อวัดระดับภาษาเบื้องต้น ก่อนด้วยค่ะ
พอถึงสัมภาษณ์แนะนำให้เตรียม Portfolio ซ้อมตอบคำถามให้ดี ตอนนั้นเราเข้าห้องสัมภาษณ์ไปพร้อมเพื่อน 4 คน มีกรรมการ 5 คน ประกอบด้วย เลขาธิการก.พ. / นักจิตวิทยา / อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาที่เราจะไปเรียน / ผู้แทนจากหน่วยราชการที่ต้องไปใช้ทุน / ผู้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ โดยกรรมการจะให้เราโต้วาทีกันโดยกำหนดหัวข้อมาให้ (ตอนนั้นเราเจอเรื่องปัญหาคอร์รัปชันในไทย) สิ่งสำคัญคือต้องรักษามารยาทโดยการไม่พูดแทรกตอนคนอื่นกำลังพูด
หลังจากนั้นผู้สมัครก็แยกพบกรรมการทั้ง 5 คน แล้วเราเป็นฝ่ายโดนรุมถาม เจอทั้งเรื่องทัศนคติต่องานราชการ การใช้ชีวิตในต่างประเทศ เหตุผลที่อยากเลือกสาขานี้ รวมถึงตอบคำถามเนื้อหาในสาขาที่จะเรียนด้วย คือเข้มข้นมากกก ที่เหลือรอลุ้นประกาศผลรอบสุดท้ายที่ได้ผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว
…………………………………
พาร์ตสมัครเรียนป.โท
หลังจากได้ทุนแล้ว ขั้นต่อไปคือการเตรียมตัวสมัครเรียน ป.โทค่ะ หลักๆ ทุนจะระบุมาว่าให้เรียนสาขาไหน + ชื่อวิชาต้องตรงกัน เราตั้งต้นจากที่อยากไปยุโรป แล้วนั่งเช็กโปรแกรมกับมหาวิทยาลัยดังๆ ที่เปิดสอนด้านนี้ อย่างเราเองเล็งหลายที่ เช่น สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ (ไม่เคยไปเลย) มีสมัครที่อังกฤษเผื่อด้วย แต่ละแห่งต้องการเอกสารใกล้เคียงกันค่ะ
ทั้งนี้ หัวหน้าต้องการให้เราไปทำ Thesis เกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ สตง.ทั่วโลกกำลังโฟกัสเรื่องนี้ โดยรัฐบาลทุกประเทศสัญญาร่วมกันว่าจะบรรลุเป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน 17 เป้าหมายภายในปี 2030 การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ทำให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นทั่วโลก ซึ่งจะครอบคลุมการทำงานทุกหน่วยงานเลย เราต้องตรวจสอบว่าจะรัฐบาลทำได้ตรงเป้าหมายมั้ย ตรวจสอบ SDG เราต้องไปเรียนเพื่อดูว่าแล้วคอนเซปต์ที่จะ apply กับ สตง.ไทยได้ จะเป็นไปในทิศทางไหน ทำยังไงได้บ้าง
เอกสารที่เตรียมมีดังนี้:
- ผลสอบภาษาอังกฤษ IELTS overall 6.5 / TOEFL
- Recommendation letter ประมาณ 2-3 ฉบับ
- Motivation letter/ Statement of Purpose (SoP) เรียกว่าเป็นหัวใจของการคัดเลือก และมักจะเป็นส่วนที่มีน้ำหนักคะแนนสูงสุด
- CV/resume การรวมประวัติและผลงานเรามาสรุป ไม่ต้องใส่ทุกอย่าง เพราะ CV ที่ดีไม่ควรเกิน 2 หน้า
- Transcript / ใบปริญญาจบ
อ่านต่อฉบับละเอียด >> https://prangwjourney.wordpress.com/2021/07/20/เตรยมตวสมครเรยนตอป-โท/
รวมๆ แล้วเราใช้เวลาเตรียมตัวไปครึ่งปีถึงหนึ่งปีได้ ยิ่งเตรียมเยอะยิ่งดี เพราะบางแห่งจะปิดรับเมื่อมีคนสมัครครบโควตาแล้ว ยิ่งมหาลัยดังๆ อาจเปิดรับเป็นรอบๆ เต็มแล้วเต็มเลย หลังจากที่เรารวมเอกสารและส่งไปมหาลัยที่ต้องการแล้ว
รอไปอีกประมาณ 3 เดือนก็ได้รับ offer จากทุกแห่งที่สมัครไป ตอนนั้นเราเหลือที่เลือกได้ 3 แห่งคือ ได้แก่ Lund University (สวีเดน), Glasgow University (สกอตแลนด์) และที่สุดท้ายคือ Erasmus University Rotterdam (เนเธอร์แลนด์) ตัดสินใจยากมากเพราะทุกแห่งมีชื่อเสียงในโปรแกรมที่สมัคร และเป็นประเทศที่อยากไปทั้งหมด สุดท้ายก็เคาะสาขา Economic of Development หรือเศรษฐศาสตร์การพัฒนา ที่ ISS Erasmus University Rotterdam ณ เนเธอร์แลนด์ เพราะโครงสร้างหลักสูตรน่าสนใจ มีชื่อเสียงด้านที่เราจะเรียน และใช้เวลาเรียนแค่ 15 เดือนกำลังดี
ตัวอย่างวิชาเฉพาะที่น่าสนใจในสาขา ECD
- Econometric Analysis of Development Policies – การวิเคราะห์นโยบายด้านการพัฒนาเชิงปริมาณ โดยใช้โมเดลทางเศรษฐศาสตร์มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล
- Evaluation of Development Policy, Programmes and Projects – เกี่ยวกับการประเมินโครงการต่างๆ โดยเฉพาะในสายการการพัฒนาที่จะต้องมีการนำเสนอโครงการให้ผู้บริจาคเงินพิจารณาก่อนอนุมัติให้ดำเนินโครงการ
- Growth, Inequality and Poverty – ว่าด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้เกิดทั้งความมั่งคั่ง ในขณะเดียวกันก็เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนมากขึ้น และอาจทำให้คนที่จนอยู่แล้วจนเข้าไปอีก
อ่านต่อฉบับละเอียด >> https://prangwjourney.wordpress.com/2021/08/09/แนะนำป-โท-development-studies/
เป็นเด็กก.พ.ระบบใหม่ (ทดลองรุ่นแรก)
ต้องทำงานราชการ 1 ปีก่อนไปเรียน
จุดประสงค์คือต้องการให้เราเห็นบริบทงาน จะได้ไม่ culture shock แล้วเราจะได้วางแผนการเรียนเพื่อให้นำความรู้กลับมาพัฒนาองค์กรได้ตรงจุดด้วย โดยที่ระหว่างเรียนจะยังได้เงินเดือนและสวัสดิการ และทางสังกัดก็จะเซฟตำแหน่งของเราให้ด้วย (สถานะของเราคือลาเรียน)
และเนื่องจากจังหวะเปิดรับสมัครของมหาลัยประกอบกับโควิด ก็ทำให้เราได้ทำงานราชการยิงยาวมา 3 ปีเต็มเลยค่ะ เราไม่ได้เป็นแผนกตรวจสอบ แต่เป็นนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน สังกัดกลุ่มวิชาการต่างประเทศ (เรียกย่อว่า สตป.) เนื้องานคือการอยู่เบื้องหลังเพื่อพัฒนามาตรฐานการตรวจสอบงบประมาณภาครัฐ (Public Audit) ซึ่ง สตง.เป็นแห่งเดียวที่มีอำนาจตรวจสอบได้
สารภาพว่าก่อนหน้านั้นทัศนคติต่องานราชการเราไม่ค่อยดี เข้าใจว่าต้องเนือยๆ เสมอไป เพราะเราก็สมัครทุน ก.พ.เพราะอยากไปเรียนต่างประเทศเฉยๆ แต่ปรากฏว่าพอทำงานจริงแล้วผิดคาดมากกกก ขอย้ำว่านี่คือประสบการณ์ส่วนตัวของเราเท่านั้นนะคะ เราโชคดีที่เข้ามาอยู่ในสำนัก สตป.ที่รายล้อมด้วยคนเก่งๆ หัวหน้างานเก่งและทัศนคติดี มี growth mindset เค้าคอยซัพพอร์ตเราทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียนจริงๆ
ใน 3 ปีทีผ่่านมา ได้ทำอะไรบ้าง?
เรามีโอกาสได้ทำงานทั้งนักวิจัย พิธีกร โมเดอเรเตอร์การนำเสนอ นักเขียนบทความวิชาการ (bulletin) จัดเสวนาวิชาการต่างประเทศ ทำพอดแคสต์ เผยแพร่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ฯลฯ นี่เป็นเพียงตัวอย่างงานหลักที่ต้องทำทุกไตรมาส
และเนื่องจากทุกประเทศจะมี สตง.ของตัวเอง และจะมาเรียนรู้ร่วมกันเป็น Global Community ทำให้บางครั้งเราจะได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อสร้างความร่วมมือทางวิชาการ แลกเปลี่ยนความรู้ด้านการตรวจสอบภาครัฐ (ร่วมมือจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่เซ็นสัญญา MoU ถ่ายรูปแล้วจบ) มีการนำผลงานการตรวจสอบไปพรีเซนต์ที่ต่างประเทศ แล้วก็จะได้นำองค์ความรู้จากประเทศอื่นกลับมาพัฒนาด้วย บางทีหัวหน้าก็จับโยนงานมาให้เราชาเลนจ์ เราก็หาทางพัฒนาจนได้จริงๆ รู้สึกปลดล็อกมาก
และหลังเริ่มงานราชการได้ไม่นาน เราได้ไปทำภารกิจที่ต่างประเทศ 4 ครั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประเทศคูเวต 2 รอบ และฟิลิปปินส์ **คำแนะนำคือไม่ว่าจะอยู่หน่วยไหนแล้วอยากไปทำงาน ควรฝึกภาษาอังกฤษไว้เยอะๆ ให้เก่ง เพราะราชการจะมีงบทำงานกับต่างประเทศอยู่แล้ว และจะเปิดรับข้าราชการข้างในไปเป็นตัวแทนด้วย ดังนั้นต้องสปีดตัวเองให้มีคุณสมบัติพร้อมที่สุด ถ้ามีโครงการอะไรจะได้ไปสอบวัดระดับเพื่อใช้ได้ทันที ภาษาจะให้โอกาสเราได้มีส่วนร่วมในงานสำคัญๆ ได้ค่ะ
รีวิวทำงานราชการในต่างแดน
EP1 : UAE กับโครงการวิจัยนานาชาติ
หมายเหตุ: ในนี้เราจะใช้คำว่า SAI (Supreme Audit Institutions) แทน สตง. หรือ องค์กรตรวจเงินแผ่นดินของประเทศ มีหน้าที่เหมือนกันคือตรวจสอบงบประมาณภาครัฐ
ตอนนั้นมีเครียดเพราะเป็นงานแรก กลัวจะทำประเทศเสียชื่อมั้ย 555555 งานแรกที่ไปคือร่วมโครงการวิจัยขององค์การตรวจสอบสูงสุดแห่งเอเชีย หรือ ASOSAI (Asian Organization of Supreme Audit Institution) มีสมาชิกประเทศในเอเชียมาเข้าร่วม 12 ประเทศ และหัวหน้าโครงการครั้งนี้คือ SAE UAE การประชุมครั้งแรกเลยต้องไป UAE เพื่อแบ่งหน้าที่กัน ส่วนหัวข้อวิจัยครั้งนี้คือ “การนำ Big data เข้ามาใช้ในการตรวจสอบ SDGs” อธิบายง่ายๆ คือทั่วโลกจะมีการตรวจสอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของรัฐ (SDGs) ว่าจะบรรลุเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้หรือไม่
บทเรียนการไปประชุมต่างประเทศที่ดูธรรมดาๆ ครั้งนี้เปิดโลกเราแบบไม่ธรรมดาเลย เราได้เห็นความเป็นมืออาชีพจริงๆ คนที่เข้าร่วมประชุมคือข้าราชการของแต่ละประเทศที่เป็นผู้ตรวจสอบเหมือนกัน เวลาแชร์คือแชร์จริง พักก็คุยเล่นได้ แบ่งเวลาได้ดี และที่สำคัญคือเค้าไม่ตัดสินเรา ไม่โฟกัสว่าเรามาจากประเทศไหน มีเงินมั้ย สไลด์สวยรึเปล่า สำเนียงเป๊ะเวอร์มั้ย ขอแค่แต่งตัวเหมาะสมในวันพรีเซนต์ เนื้อหาน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อยอดได้แค่นั้นจบ เราว่าแก่นการทำงานจริงๆ คือการทำงานที่ไม่ต้องเสียเวลา 50% กับการนั่งทำสไลด์ จะเขียนใส่กระดาษมายังได้เลย ไม่ต้องยึดติดระเบียบแบบแผนจน mislead ประเด็นสำคัญๆ
(ซ้าย) SAI UAE in Abu Dhab / (ขวา) ภายใน SAI UAE
รีวิวทำงานราชการในต่างแดน
EP2 : ‘คูเวต’ มีดีกว่ารวยน้ำมัน
คราวนี้เราได้รับมอบหมายให้ไปทำภารกิจที่กรุงคูเวตซิตี้ ประเทศคูเวต (Kuwait) ได้เยือนตะวันออกกลางอีกแล้ววว คราวนี้คือการมาขอความร่วมมือทางวิชาการกับ สตง.คูเวตในประเด็นที่สนใจ แล้วจะเซ็น MoU กัน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ 2 ฝ่ายมาร่วมด้วย
หลังจากบินมาถึงสนามบินแห่งชาติคูเวต โอ้ว หน้าเกือบไหม้ มันเกือบ 45 องศาได้เพราะส่วนใหญ่คือทะเลทราย จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มารับไปถึง สตง.คูเวต เราประทับใจตึกเค้ามากกกค่ะ เหมือน glass house ให้แสงธรรมชาติลอดเข้ามา ทำเพดานสูงโปร่ง มีมุมพักผ่อนเก๋ๆ (คืออยากมาทำงานทุกวันอ่ะแบบนี้) ซึ่งที่นี่เลิกงานตั้งแต่บ่าย 2-3 เพราะอากาศร้อนเลยให้คนกลับบ้านไปนอน 5555 จากนั้นก็เข้าพักในโรงแรมที่เค้าจองให้อย่างหรู ครั้งนี้ สตง.คูเวตจ่ายให้เกือบหมดเลยค่ะ เพราะถือเป็นแขก VIP และเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เหมือนเป็นธรรมเนียมทางการทูตอย่างหนึ่ง
ก่อนจะถึงวันลงนาม MoU เราต้องนำเสนอเนื้อหาที่จะให้ความช่วยเหลือทางเขา แล้วทางนั้นก็จะเสนอเนื้อหาที่ช่วยเราได้เช่นกัน ซึ่งต้องทำการบ้านหนักเลย เช่น สตง.คูเวตเด่นด้านไหน ลักษณะโครงสร้างองค์กร ผู้คนและวัฒนธรรม ฯลฯ เพื่อดูวิธีเข้าหาและคิดหาว่าพอจะช่วยอุดช่องว่างตรงไหนได้บ้าง เป็นการวางกลยุทธเพื่อสร้างสัมพันธ์ พอตกดึก สตง.คูเวตก็ให้เกียรติเลี้ยงอาหารเย็นแบบทางการ เราเลยได้ลองชิมอาหารแขกแบบต้นตำรับเลยค่ะ ตื่นเต้นและเกร็งมากเพราะทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ระดับประเทศไปหมด
ทำงานร่วมกับข้าราชการ สตง.คูเวตทำงานร่วมกับข้าราชการ สตง.คูเวต
หลังเลิกงานเรายังได้เยี่ยมชมเมืองคูเวตด้วย ได้ไปคูเวตทาวเวอร์ที่เป็นหอคอยสูงที่สุดในเมือง นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์น้ำมันดิบ โบสถ์อิสลาม และห้าง The Avenue คือไฮไลต์มากกก ตอนแรกเราเคยคุยกับเพื่อนคูเวตนะว่าไทยมีห้างสวยเยอะ แต่พอมาเจอห้างเค้าเรานี่เงียบเลย เพราะมันอลังการงานสร้าง เหมือน glass house ที่เปิดแอร์ตลอดเวลา (ห้ามปิด เพราะอุณหภูมิข้างนอกจะร้อนจนอาจทำให้แอร์พังถ้าเปิดใหม่) คือที่นี่มีแต่ห้างร้านหรูๆ คนที่เดินก็ดูรวยทุกคน
และปิดท้ายทริปที่พีคที่สุดในชีวิต ขากลับกลับแบบ VIP อีกเช่นเคย สตง.คูเวตมาส่งที่สนามบิน เค้าบอกว่าประทับใจในการทำงานกับ สตง.ไทยครั้งนี้ และยินดีช่วยเหลือเพื่อยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบของทั้งคู่ นับว่าทั้งเหนื่อยและคุ้ม เป็นประสบการณ์ที่เราจะไม่ลืมแน่นอนค่ะ
#สาระคูเวต ตอนนั้นเรามีโอกาสได้คุยกับท่านทูตไทยด้วยนะคะ ท่านเล่าว่าคูเวตไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว แต่ประเทศนี้ดังเรื่องน้ำมันมากๆ แบบเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศเลย แม้จะเคยเป็นประเทศยากจนมาก่อน แต่กลับพลิกเป็นความมั่งคั่งได้หลังขุดพบบ่อน้ำมันในประเทศตัวเอง // ข้าราชการที่นั่นเงินเดือนไม่ต่างจากที่อื่น และคนคูเวตไม่ต้องจ่ายภาษีเลยก็ยังได้ เพราะรัฐบาลมีรายได้จากการขายน้ำมันอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่คือรวยมากๆๆๆ
หอคอยคูเวต และห้าง the Avenueทะเลอาหรับ
รีวิวทำงานราชการในต่างแดน
EP3 : ฟิลิปปินส์ (ประวัติศาสตร์น่าสนใจมาก)
รอบนี้เราได้เป็นตัวแทน 1 ใน 3 จากทีม สตง.ไทย เดินทางมานำเสนองานวิชาการในการประชุมนานาชาติ 2019 ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัย De La Salle กลางกรุงมะนิลา ซึ่งเป็นมหาลัยดังของที่นั่นเลยค่ะ ส่วนหัวข้อครั้งนี้คือ “Why government auditor should concern SDGs: Experiences from SAI of the Kingdom of Thailand” ประมาณว่า สตง.ไทยมีบทบาทในการตรวจสอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างไรบ้าง งานจะแบ่งเป็น 3 วัน คิวนำเสนอของเราอยู่วันสุดท้ายเลย โดยจะมีแยกห้องนำเสนอตามธีมและเราเลือกเข้าร่วมได้ตามความสนใจ
งานประชุมนานาชาติ AAPAงานประชุมนานาชาติ AAPA
ครั้งนั้นเราประทับใจการประชุมมากกเพราะได้พูดคุยกับผู้เข้าร่วมงานจากหลายประเทศ ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาป.เอกและอาจารย์มหาลัยจากภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม ฯลฯ คือเป็น Asian Empowerment มาก โดยในงานจะมี keynote speaker มาพูดประเด็นที่น่าสนใจ งานวิจัยของเค้า และแนะนำโปรแกรมเรียนต่างๆ (มีอาจารย์จากธรรมศาสตร์มาพูดด้วย) เราว่าสนุกและและเป็นการเปิดมุมมองครั้งใหญ่
(ในนี้เจ้าของเรื่องเล่าสิ่งที่ประทับใจและไม่ประทับใจจากที่ฟิลิปปินส์ไว้ละเอียดเลยค่ะ >> https://prangwjourney.wordpress.com/2021/08/02/ประสบการณทำงานราชการตา-3)
นำเสนองานนำเสนองานFort SantiagoFort Santiago
รีวิวทำงานราชการในต่างแดน
EP4 : คูเวตอีกครั้ง สตง.ไทยก้าวสู่ Governing Board
รอบนี้อากาศร้อนกว่าครั้งแรกที่มา อุณหภูมิประมาณเกือบ 50 องศา หน้าไหม้ของจริง!! พอเดินทางถึงสนามบินก็มีเจ้าหน้าที่จาก สตง.คูเวตมารับแล้วพาไปห้องรับรอง VIP อีกเช่นเคย คราวนี้เป็นการเลือกตั้งคณะมนตรีขององค์การสถาบันการตรวจสอบสูงสุดระหว่างประเทศ (INTOSAI Governing Board) ครั้งที่ 54 เพื่อเป็นคณะบริหารของ สตง.ระดับโลก โดยงานจะจัดขึ้นที่ประเทศคูเวต (เป็นเจ้าภาพ) เราเลยได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง และครั้งนี้จะมาลงนาม MoU จากที่เคยเจรจาไปครั้งก่อน
งานเลือกตั้ง Governing board ณ คูเวตบรรยากาศลงนาม MoU กับ สตง.คูเวต
ครั้งนี้เรามาคูเวต 5 วัน และโหวตวันสุดท้ายแบบ Blind Vote ก็คือสมาชิก ASOSAI จะไม่รู้ว่าใครโหวตใครบ้าง ประเด็นคือมีสตง.ที่เข้ารับการโหวต 4 แห่งคือ สตง.ญี่ปุ่น, เกาหลี, เวียดนาม และไทย ถ้าเข้ารอบจริงจะเป็นการยกระดับสู่สากล และทำให้หลายประเทศทั่วโลกรู้จักเรามากขึ้น ท่านผู้ว่าฯ ก็บอกว่าเราต้องได้!! ก่อนจะถึงวันโหวตเราต้องเตรียมตัวหาเสียงเราก็ต้องงัดทุกกลยุทธ์มาใช้ ต้องหาข้อมูลกันหนักหน่วงเลยว่าจะสร้างความร่วมมือกับ สตง.เหล่านั้นอย่างไร ไม่ใช่แค่พิจารณาจากด้านการตรวจสอบ แต่ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย
ในช่วงเวลาพักผ่อนทางทีม สตง.ไทยก็จะประชุมตลอดแบ่งงานว่าจะขอเจรจากับ สตง.ใดบ้างที่ดูมี potential ว่าจะเลือกเราภายในเวลาที่จำกัด รอบนี้ประทับใจมากที่ได้ทำงานหลากหลาย ทั้งเข้าร่วมเจรจา นำเสนอกิจกรรมต่อหน้าผู้ว่า สตง.ที่เราไปขอเสียง ซึ่งเค้าคือผู้นำสูงสุดขององค์กรตรวจเงินแผ่นดินของแต่ละประเทศ มีตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ทำให้เราตั้งใจซ้อมพูดจริงจังมาก
ห้องรับรอง vip ที่สนามบินคูเวต(ซ้าย) สตง.เนปาล / (ขวา) สตง.เกาหลี
การเจราจานอกรอบกับ สตง.ต่างๆ ก่อนถึงวันโหวตจริง
ระหว่างนั้น สตง.คูเวตก็รับรองแขกทุกคนอย่างดีบนเรือสำราญ (ที่จอดนิ่งๆ5555) พาไปเยี่ยมชมโรงหนัง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ฯลฯ แต่นี่ไม่ใช่แค่การพักผ่อน เพราะเราจะได้เห็นลักษณะนิสัยของคนชาติต่างๆ เช่น เราเดินหลงไปกับกลุ่มสตง.จีน (สงสัยหน้าคล้ายกัน) ได้เห็นว่าผู้ว่าของเค้าที่คนเรียกกันว่า ‘มาดามหู’ เค้าตั้งใจฟังไกด์มากๆ ดูพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา นอกจากนี้เรายังได้ไปเยี่ยมบ้านท่านทูตไทยประจำประเทศคูเวต แล้วเค้าให้เกียรติเลี้ยงมื้อค่ำ ทำให้ได้กินอาหารไทยในรอบหลายวันเลยค่ะ
(จากซ้าย) เรือสำราญ / ถ่ายกับมาดามหู / ณ บ้านท่านทูตไทย
และแล้วก็มาถึงวันเลือกตั้ง Governing Board!
ตื่นเต้นมากกกกก ยิ่งใหญ่ยังกับนั่งประชุมใน UN มีตู้ล่ามจากหลายภาษา พอถึงตอนใกล้โหวตจริงคือเรานั่งกันแทบไม่ติดเลยค่ะ แล้วปรากฏว่าสตง.ที่เข้ารอบได้แก่ สตง.ญี่ปุ่น (ตามคาด) และ OMG!!! สตง.ไทย!!! ขนลุกเลยอะเฮ้ยยยย กล้องทุกตัวแพนมาที่ท่านผู้ว่าฯ ที่ยืนขอบคุณทุกคน เราดีใจมากกเพราะเหนื่อยสะสมมาเป็นครึ่งปี ไม่เคยคิดว่าจะทำได้มาก่อน TT ในที่สุดพวกเราก็พา สตง.ไทยไปยืนในเวทีโลกได้สำเร็จ
บรรยากาศวันโหวตจริง Governing board
นี่เลยเป็นบทเรียนว่าเราควรจะยึดเป้าหมายแล้วลงมือทำให้เต็มที่ก่อนจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ลงมือทำคงเอาชนะไม่ได้แน่นอน…
…………..
สรุปงานราชการ
ทำให้เราเรียนรู้อะไรบ้าง?
เรารู้สึกโชคดีที่ตัวเองได้มาเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนไปเรียนต่อ ทั้งทักษะการเขียนภาษาไทย อังกฤษ การสื่อสารทางการ/ไม่ทางการ การทำวิจัย การทำงานเป็นทีม การวางแผนกลยุทธ์ การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานแบบยืดหยุ่น การพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเสมอ รวมถึงฝึกความอดทนต่อสิ่งที่ไม่ชอบ เช่น ระบบที่อาจจะเชื่องช้าหรืองานเอกสารกองมหึมา และติดต่อกับคนที่คิดต่างกับเราทั้งกับคนระดับเดียวกัน ต่างระดับ หรือแม้แต่ต่างชาติ ซึ่งสำคัญมากๆ ต่อการเรียนและทำงานในอนาคต
แน่นอนว่าเราต้องเจอบางมุมที่ปรี๊ดแตกว่าฉันมาทำอะไรที่นี่วะะะะะ เช่น บางปัจจัยที่ทำให้งานไปได้แบบเชื่องช้า ระบบวิธีคิดของบางคนที่ไม่ได้เอื้อให้เราทำงานได้เต็มที่ และบางคนที่ไม่แอคทีฟเท่าไหร่เพราะไม่ต้องแข่งขันกับใคร ฯลฯ เราพยายาม ignore และลงมือทำสิ่งที่ทำได้ เพราะเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นช้าๆ แน่นอนถ้าลงมือทำด้วยความหวังดีต่อองค์กร
ดังนั้นแล้วถ้าใครสนใจอยากลองสัมผัสงานราชการ เราอยากให้ตั้งต้นจากผลประโยชน์ของสังคมก่อนตัวเอง อย่าคิดแค่ว่าได้สวัสดิการดี เบิกค่ารักษาพยาบาลให้พ่อแม่ได้ งานมั่นคง มีเวลาพักผ่อน เพราะความคิดเหล่านี้แหละจะส่งผลเสียต่อองค์กร เราควรคิดว่าจะทำอะไรตอบแทนประชาชน(ลูกค้าของเรา)ได้บ้าง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ขอแค่คุณมีความสามารถ พัฒนาตัวเองเสมอ และมาด้วยความคิดจะทำเพื่อสังคม เราเชื่อว่าคุณจะเป็นข้าราชการที่ดีได้แน่นอน
ตามไปอ่าน Blog บันทึกทุกพาร์ตที่นี่
…………..
และสำหรับตอนนี้
ชีวิตที่เนเธอร์แลนด์ได้เริ่มขึ้นแล้ว!
เราบินไปเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ที่ Amsterdam ด้วยสายการบิน KLM Royal Dutch Airline ซึ่งต้องมีเอกสารประกอบการบิน ได้แก่
- Health Declaration รับรองตัวเองว่าสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย โหลดมากรอกเองได้เลย
- Quarantine Declaration รับรองตัวเองว่าจะกักตัวครบ 10 วัน/ ครบ 5 วัน โดยหากวันที่ 5 ตรวจโควิดอีกรอบแล้วผลเป็นลบก็ไม่ต้องกักต่อให้ครบ
เหตุผลที่ใบรับรองซับซ้อนขึ้น เพราะไทยถูกยกระดับโดยรัฐบาลดัชต์ จาก High มาเป็น Very high risk country นั่นเอง เราต้องเตรียมเอกสารเองหมด เซ็นสัญญาลาเรียนกับที่ทำงานให้เรียบร้อย จัดกระเป๋า และเตรียมตัวออกเดินทาง นี่คือการมาเรียนต่างประเทศโดยไม่มีเพื่อนคนไทยไปด้วยเลยค่ะ!
แสงแรกก่อนถึง Amsterdam
ตอนไปเอากุญแจหอพักห้องตัวเองจาก ISS Office ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้ซิมการ์ดกับถึง welcome set ที่ในนั้นมีของใช้จำเป็นกับขนมต่างๆ และหลังจากจัดของเสร็จนั่งพักในห้อง แล้วก็มีเจ้าหน้าที่เรียกให้ลงเอาไปถุงยังชีพเพิ่มอีก เป็นอาหารสดที่เค้าสนับสนุนให้ฟรีสำหรับนักศึกษาที่ต้องกักตัว 10 วันหลังเดินทางมาถึง นี่คือบริการทุกระดับประทับใจมากจริงๆ ค่ะ
นั่งรถเมล์จากสถานีรถไฟ Den Haagหน้าตึก ISS ของจริง / เอากุญแจห้องพักที่ ISS officeถุงยังชีพฟรีสำหรับกักตัว / welcome set / อุปกรณ์ครัวต่างๆ
ตอนนี้เราบอกกับตัวเองว่า “การผจญภัยคนเดียวกำลังจะเริ่มแล้ว เตรียมรับมือไว้ให้ดี ทำให้ดีที่สุดในแบบตัวเอง ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร’ เราจัดห้องจนรู้สึกรักเหมือนบ้าน จะได้อยู่อย่างอบอุ่นตลอดปีกว่าๆ เพราะที่พักคือสิ่งสำคัญสำหรับเรามากๆ”
จัดห้องเสร็จแล้ว รักเหมือนบ้าน 🙂
อ่าน Part I : แลกเปลี่ยน ณ ออสเตรีย
ชวนอ่านต่อ!!
– อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ไม่มั่นใจภาษาอังกฤษ ทำไงดี?
– “ทำงานก่อน vs. เรียนต่อ ป.โท ทันที” แบบไหนดีกว่ากัน?
– เป็นฟรีแลนซ์ใน Fastwork ยังไงให้ได้เงินจากสิ่งที่ชอบ?
– ประสบการณ์วันก่อนบินจนถึง Day 1 ที่เนเธอร์แลนด์เป็นยังไงนะ?
– ตัดสินใจเรียนต่อจากปัจจัยอะไรบ้าง?
– และเรื่องน่าสนใจอีกเพียบที่ https://prangwjourney.wordpress.com/
[Update] ไปอยู่ต่างประเทศ 7 ช่องทาง ที่จะทำให้เรามีโอกาส อยู่อาศัย เรียนต่อและทำงาน | เรียน และ ทํา งาน ต่าง ประเทศ – NATAVIGUIDES
สำหรับใครที่อยากเดินทางไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในต่างประเทศสักครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนที่เพิ่งเรียนจบ หรือคนในวัยทำงาน การได้ลองใช้ชีวิตในต่างประเทศนั้น มีข้อดีมากมายที่เราไม่ควรพลาด เช่น การได้ฝึกภาษาไปในตัว มีโอกาสได้ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ช่วยเปิดกว้างในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างออกไปจากเดิม ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเรียนและการทำงานให้กับตนเอง อีกด้วย อ่าน.. ช่องทาง ไปอยู่ต่างประเทศ
7 ช่องทาง ไปอยู่ต่างประเทศ
เรียนต่อ ทำงาน
จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ต่างก็อยากมีโอกาสไปอยู่ต่างประเทศ และในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็มีโอกาสดี ๆ ที่ทำให้น้อง ๆ ได้มีโอกาสไปสัมผัสการใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมาฝากกันด้วย โดยแบ่งรายละเอียดออกเป็นแต่ละวัย ได้แก่ นักเรียน (ชั้นมัธยม) นิสิต-นักศึกษา และวัยทำงาน อย่ารอช้า!! มาดูกันเลย
นักเรียน (ชั้นมัธยม)
1. โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน
สำหรับน้อง ๆ นักเรียนชั้นมัธยมนั้น ก็มีโปรแกรมฮิตในการเดินทางไปเรียนต่อกันอยู่หลายโครงการกันด้วยกัน เช่น โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน ซึ่งส่วนใหญ่จะรับน้อง ๆ อายุระหว่าง 15-18 ปี และมีเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 2.00 ขึ้นไป ทั้งนี้ข้อกำหนดและรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการด้วย น้อง ๆ จะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่พลาดโอกาสดี ๆ ในการเรียนต่อต่างประเทศกันนะจ๊ะ พร้อมกับมีประเทศให้ได้เลือกไปแลกเปลี่ยนกันมากมาย เช่น ญี่ปุ่น, อเมริกา, ฝรั่งเศส, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น
โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน นอกจากน้อง ๆ ได้เดินทางไปเรียนรู้การเรียนการสอนในต่างประเทศแล้ว น้อง ๆ ยังจะได้เรียนรู้วัฒนธรรม เรียนรู้ภาษา และได้เพื่อนใหม่อีกมากมายด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีโครงการจากหลากหลายเอเจนซี่มาให้น้อง ๆ ได้เลือกกัน เช่น AFS, YFU, EF, MPLC, BWK และ Edudee เป็นต้น หากน้อง ๆ สนใจโครงการไหนก็ไปศึกษารายละเอียดให้ดีและเตรียมตัวกันพร้อมได้เลยค่ะ ลุย!!!
นิสิต-นักศึกษา
น้อง ๆ นิสิต-นักศึกษา เรียกได้ว่ามีหลายช่องทางด้วยกัน ในการเดินทางไปเปิดประสบการณ์ในต่างประเทศ และข้อกำหนดหรือกฏเกณฑ์ก็แตกต่างกันไปตามเอเจนซี่ต่าง ๆ โดยน้อง ๆ จำเป็นที่จะต้องสอบถามข้อมูล ศึกษารายละเอียด และเตรียมตัวให้ดี เช่น
2. Work and Travel
Work and Travel เป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในประเทศต่าง ๆ เช่น อเมริกา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส เป็นต้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เดินทางไปฝึกภาษาในสถานการณ์จริง เรียนรู้ความเป็นอยู่ และฝึกวิชาชึพตามฤดูกาลในช่วงปิดภาคเรียนใหญ่ประมาณ 3-4 เดือน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ซึ่งน้อง ๆ จะได้ฝึกความอดทน ฝึกความเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงวิธีการเอาตัวรอด อีกด้วย
ทั้งนี้งานที่น้อง ๆ จะได้ทดลองทำนั้นมีความหลากหลาย เช่น งานในร้านอาหาร โรงแรรม รีสอร์ต สวนสนุก และขายของที่ระลึก ฯลฯ เอเจนซี่สำหรับโครงการ Work and Travel มีหลายที่ด้วยกัน เช่น ieo, Warantex, American Learning, PST Center, Click Work and Travel เป็นต้น
3. Work and Study
Work and Study เป็นโครงการทำงานและเรียนไปด้วยในต่างประเทศ ซึ่งมีประเทศให้น้อง ๆ ได้เลือกกันอย่างมากมาย เช่น แคนาดา, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย เป็นต้น คอร์สเรียนก็มีให้น้อง ๆ ได้เลือกเรียนเยอะเช่นกัน โดยระยะเวลานั้นก็จะมีตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อด้านอาหาร บริหารธุรกิจ และการจัดการด้านการบริการ ฯลฯ ส่วนงานที่น้อง ๆ สามารถทำไปได้ด้วยนั้น เช่น พนักงานเสิร์ฟ, พนักงานล้างจาน, พนักงานสปา และพนักงานต้อนรับ เป็นต้น เอเจนซี่สำหรับโครงการ Work and Study เช่น ieo, TSAB (Thai Study Abroad Consultant), Advice for you ฯลฯ
4. Work and Holiday
Work and Holiday ในปัจจุบันโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ให้กับเยาวชนไทยเป็นอย่างดี ซึ่งโครงการนี้มีเพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยผู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการจะต้องมีอายุ 18-30 ปี พร้อมด้วยผลคะแนนสอบทางด้านภาษาอังกฤษ เช่น IELTS ไม่ต่ำกว่า 4.5 หรือคะแนน TOEFL ฯลฯ น้อง ๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น www.thaiwahclub.com เป็นต้น
5. ทุนการศึกษาหรือทุนแลกเปลี่ยน
ทุนการศึกษาหรือทุนแลกเปลี่ยน นับว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น้อง ๆ หลายคนเลือกที่จะเดินทางไปด้วยทุนต่าง ๆ เช่น ทุนครึ่งจำนวน, ทุนจำนวนเต็ม, ทุนให้เปล่า, ทุนรัฐบาล และทุนอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ทุน ก.พ. จากรัฐบาลไทย, ทุน EF, ทุน Full Bright จากอเมริกา, ทุน Chevening จากอังกฤษ, ทุน Endeavour Awards จากออสเตรเลีย และทุน DAAD จากเยอรมัน เป็นต้น
วัยทำงาน
สำหรับคนที่เรียนจบแล้ว หรืออยู่ในวัยทำงานที่อยากจะเปิดโอกาสให้กับตนเองได้ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ในต่างประเทศดูบ้าง ก็มีหลายช่องทางด้วยที่จะทำให้เราได้ทำตามความฝันของเรา เช่น
6. โครงการออแพร์ (AuPair)
โครงการออแพร์ (AuPair) เป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับครอบครัวในต่างแดน ที่เราสามารถเลือกไปได้ในหลายประเทศ เช่น เยอรมัน, เนเธอร์แลนด์, เบลเยี่ยม, แคนาดา, อเมริกา, เดนมาร์ก ฯลฯ ซึ่งจะมีโครงการพี่เลี้ยงเด็กในต่างแดนให้เราได้เลือกกันนั่นเอง โดยมีรายได้เป็นรายสัปดาห์ เหมาะสำหรับคนที่อยากจะลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพราะมีรายได้ แถมยังมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวในที่แปลกใหม่ และที่สำคัญเรายังได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ จากคนในท้องถิ่น ได้เรียนรู้ภาษาจากเข้าของภาษาจริง ๆ อีกด้วย น้อง ๆ เข้ามาดูรายละเอียดกันได้เลย www.american-learning.com
7. Work on Cruise
Work on Cruise หรือทำงานบนเรือสำราญ เหมาะสำหรับผู้ที่มีใจรักในงานด้านบริการ มีอายุระหว่าง 21-35 ปี รายได้ค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว แต่เราก็ต้องใช้ความอดทนสูงเหมือนกันในทำงานบนเรือสำราญ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับผู้คนมากมายจากหลายประเทศ หลากหลายวัฒนธรรมจากทั่วโลก รับรองได้เลยว่าเราจะได้ทั้งเรียนรู้ภาษา ได้เพื่อนใหม่ และประสบการณ์ใหม่ ๆ อีกมากมาย
โดยตำแหน่งงานที่เปิดรับนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท สำหรับคนที่สนใจสมัครทำงานบนเรือสำราญจะต้องมีประสบการณ์ด้านการทำงานด้านบริการมาก่อน และในปัจจุบันก็มีโรงเรียน/มหาวิทยาลัยเปิดสอนหลักสูตรสำหรับผู้ที่สนใจโดยเฉพาะ ได้แก่ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยพะเยา, Study Abroad Plus, IEO Study Abroad เป็นต้น ส่วนบริษัทที่เปิดโอกาสให้คนทำงานบนเรือสำราญนั้นก็มีหลายบริษัทด้วยกัน เช่น CTI Bangkok ฯลฯ
ข้อมูลจาก : www.scholarship.in.th, ภัคสรกัญญ์ ทองคำ (iPrice)
บทความที่น่าสนใจ
EP.9 มาเรียน และ ทำงานใช้เงินเท่าไหร่ ? | The Chillax Podcast #เรียนต่อ #ทํางานต่างประเทศ
มาเรียนและทำงานที่นิวซีแลนด์ใช้เงินเท่าไหร่ ?
Facebook: https://www.facebook.com/ChillaxNZTH
อาชีพต่างประเทศ
ทํางานต่างประเทศ
ทํางานต่างประเทศเงินเดือน
ย้ายประเทศ
ค่าใช้จ่ายเรียนต่างประเทศ
เรียนต่อต่างประเทศ
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
ยื่น Statement เท่าไหร่? Pocket money💸 การหาที่พัก/การเดินทางในออสเตรเลีย🇦🇺 Ep.2 | Juneissaree
สวัสดีค่ะ เราจะมาอธิบายในเรื่อง Statement ที่เรายื่น , วิธีการหาที่พัก , การเดินทางในออส และ เทคนิคการวางแผนเก็บเงินเพื่อจ่ายค่าเรียนของเรา
ย้ำนะคะว่า ประสบการณ์(ของเรา)ในตอนที่เราไปนะคะ😊
หวังว่าคลิปนี้จะมีประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลไปประเทศออสเตรเลียนะค้าา💘
เราไปเรียนภาษาที่ Australia | Melbourne 🇦🇺
ใครที่ยังไม่ได้ดู Ep.1 จิ้ม https://youtu.be/YPDrV3g7JV0
Instagram : https://instagram.com/juneniissum?utm…
Facebook : https://www.facebook.com/jissaree/
Contact me
[email protected]
LINE : juneniissum (for work)
Facebook page : June Issaree
ออสเตรเลีย เรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อต่างประเทศ Melbourne Australia
เรียนภาษา
เตรียมตัวไปเรียนและทำงานที่ประเทศแคนาดา
🍁Canada is calling!! 🍁
\”เตรียมตัวไปเรียนและทำงานที่ประเทศแคนาดา\”
พี่เอ็ม ILSC/Greystone จะมาพูดคุยกับ
พี่ยาดาว่า การไปเรียนต่อที่แคนาดา
น้องๆจะต้องเตรียมตัวอย่างไร
ต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง
👋👋น้องๆคนไหนอยากปรึกษาการไปเรียนต่อ
ออสเตรเลีย
นิวซีแลนด์
แคนาดา
สามารถทักทายพี่ๆ EDEN มาได้ตามนี้เลยจ้า ⬇️⬇️
📌สอบถามข้อมูลการเรียนต่อออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา
วีซ่านักเรียน วีซ่าท่องเที่ยว ได้ที่
LINE@ : @Edenstudentservice
📱หรือแอดไลน์คลิก https://line.me/R/ti/p/%40ogn1392m
💻ติดตาม ข้อมูล และ โปรโมชั่นดีดี ได้ ทั้ง 4 สาขา
www.edenstudentservice.com
📖ถามตอบ ปัญหา ชีวิตนักเรียนไทย ในออส ได้ที่่ Askyada
https://www.facebook.com/askyada/
👫ตามติดชีวิต นักเรียนไทย ในออสเตรเลีย ใน Youtube
http://bit.ly/2KRopp2
💟เพราะเราใส่ใจมากกว่า💟
แคนาดา Canada เรียนต่อแคนาดา เรียนภาษาแคนาดา
ทำงานแคนาดา
How to ทำงานต่างประเทศที่คนไทยนิยมไปกัน !! | Money Matters EP.125
ต้องบอกว่าเรื่องของการย้ายประเทศกำลังเป็นกระแสที่มาแรงมากในช่วงนี้นะครับ แล้วเนื่องจากว่า
Money Matters เป็นรายการที่พูดถึงเรื่องการงานและการเงิน เราจึงขอแบ่งความรู้ในด้านนี้มาให้ดูกันครับ
สำหรับใครที่อยากใกล้ชิดกับผมมากกว่านี้และให้การสนับสนุนช่องเพื่อสร้างสรรคอนเทนต์
แบบนี้ต่อๆไปสามารถเข้าไปสมัคร Membership กันได้ตามลิงก์ข้างล่างนี้ครับ
https://www.youtube.com/channel/UCunVACpk7PRWB1tz1VrhrrA/join
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้กดติดตาม สามารถเข้าไป
กดติดตามได้ที่ YouTube : https://www.youtube.com/paulpattarapon
ช่องทางการติดตาม
Facebook : https://www.facebook.com/paulpattaraponofficial
Instagram : https://www.instagram.com/paulpattarapon
Website : https://www.paulpattarapon.com
สนใจติดต่อโฆษณา และทำวิดีโอ YouTube
โทร : 0926648245
Email : [email protected]
Powered by AnyMind Group
MoneyMatters PaulPattarapon พอลภัทรพล
ไปทำงานที่ อเมริกา เริ่มต้นยังไง | USA adventure | Nice Tales
แนะแนวทาง ไปทำงานที่ อเมริกา อย่างละเอียด ต้องแต่การเริ่มต้นแพลน. ไปค่ะ ไปอยู่เมืองนอกกัน.
ติดตาม Nice ช่องทางอื่นๆได้ที่
FB : https://fb.me/NiceTalesChannel
IG : https://www.instagram.com/princezznize/
Www.panit.me
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เรียน และ ทํา งาน ต่าง ประเทศ