noun แปลว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
Noun Clauses คืออะไร?
Noun Clauses ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นคำนามในประโยค ในชีวิตประจำวัน เราอาจได้ยินหรือใช้ noun clauses โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังใช้ noun clauses อยู่เลย เช่น
Somsak thinks he had better stop smoking now.
ประโยคเต็มและเป็นทางการ คือ
Somsak thinks (that) he had better stop smoking.
สมศักดิ์คิดว่าเขาควจะหยุดสูบบุหรี่แล้วตอนนี้
I don’t understand Nadej wants to convey.
ประโยคเต็มและเป็นทางการ คือ
I don’t understand (what) Nadej wants to convey.
ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่ณเดชต้องการจะสื่อเลย
การใช้ Noun Clause อย่างถูกต้องถือเป็นเรื่องสำคัญมากโดยเฉพาะในส่วนของ Writing และ Speaking ของการสอบ IELTS เนื่องจาก Criteria หนึ่งของการให้คะแนนใน 2 ทักษะนี้ก็คือ grammatical range and accuracy โดยเฉพาะ Writing หากน้องๆอยากได้ Band Score 6.0 ขึ้นไปจะต้องสามารถใช้รูปแบบของ Complex sentence ได้บ้าง (with some errors) แต่หากต้องการไปถึง Band 7.0 ล่ะก็ ต้องลดข้อผิดพลาดในการใช้จนแทบไม่มีเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหากเราไม่ใช้ Noun Clause ในการสอบ Writing เลย จะทำให้ไม่ได้ Band 7.0 นะคะ เพราะจริงๆแล้ว Complex Sentence มีหลายประเภท ซึ่ง Noun Clause ถือเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ดังนั้น เรามาศึกษาวิธีใช้งานอย่างถูกต้องกันดีกว่าค่ะ
เมื่อ Noun clause ทำหน้าที่เสมือนเป็นคำนาม ดังนั้น Noun clause จึงสามารถปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่คำนามปรากฏได้ทุกตำแหน่ง คือ เป็นประธาน (Subject) และกรรม (object) จะเป็นประธานหรือกรรมอย่างไรนั้น เดี๋ยวเรามาดูกันนะคะ
Types of Noun Clauses
-
Subject NC
มีตำแหน่งอยู่หน้าประโยคหรือหน้ากริยาทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค
-
Direct Object NC
-
Object of Preposition NC
มีตำแหน่งอยู่หลังบุรพบท ทำหน้าที่เป็นกรรมของบุรพบท
-
Subject as Complement NC
มีตำแหน่งอยู่หลัง to be ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายประธาน
1. Subject Noun Clauses
โดยปกติแล้ว คำนามหรืออนุประโยคที่ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคมักจะปรากฏอยู่หน้ากริยาหรือหน้าประโยค ตัวอย่างเช่น
What causes so many difficulties in the IELTS test is the writing section.
จากประโยคข้างต้น What causes so many difficulties in the IELTS test เป็น noun clause อยู่หน้าประโยค ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค
2. Direct Object Noun Clauses
I suggest you that you should go to a movie with me tonight.
ผมแนะนำว่าคุณควรจะไปดูหนังกับผมคืนนี้
จากประโยคข้างต้น that we should go to a movie tonight อยู่หลังกริยา suggest เป็นกรรมตรง (Direct object) ของ suggest ตามหลังกรรมรอง (Indirect object)
ข้อพึงระวัง ในการสอบ IELTS Speaking น้องๆสามารถลดรูปโดยการละ “that” ออกได้ นะคะ
I believe students should not have to wear a uniform.
แต่สำหรับการสอบเขียนซึ่งควรใช้ภาษาอย่างเป็นทางการนั้น IELTS Examiner แนะนำว่าเราควรใส่ “that” ไว้ในประโยคด้วยค่ะ
I believe that students should not have to wear a uniform.
3. Object of the Preposition Noun Clauses
Yaya is always proud of where she was born.
ญาญ่าภูมิใจในบ้านเกิดของตนเองเสมอ
จากประโยคข้างต้น where she was born เป็นคำนาม มีตำแหน่งอยู่หลังบุรพบท (Preposition) of ทำหน้าที่เป็นกรรมของ of ค่ะ
4. Subject as Complement Noun Clauses
The stability of life is what James ji wants the most in his life.
ความมั่นคงในชีวิตคือสิ่งที่เจมส์ จิต้องการที่สุด
จากประโยคข้างต้น what James ji wants the most in his life มีตำแหน่งอยู่หลังกริยาช่วย (V.to be) is ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายหรือเป็นส่วนสมบูรณ์ของประธาน the stability of life เพื่อบ่งชี้หรือขยายความ the stability of life
Noun clauses เมื่ออยู่ในตำแหน่งของประธานจะเรียกว่า “Subject noun clauses” แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งของกรรม จะเรียกว่า “Object noun clauses” ทั้งนี้เมื่อแบ่งประเภทของ Noun Clause ที่เป็นกรรมจะแบ่งออกมาได้อีกหลายประเภท ลองมาทำความเข้าใจกันดูนะคะ
ประเภทของ Object Noun Clauses
Object Noun Clauses จะต้องอยู่คู่กับ Main Clause ของประโยคเสมอ โดยประโยคจะเริ่มด้วย Main Clause แล้วตามด้วย Object Noun clause โดยไม่ต้องมีเครื่องหมาย Comma คั่น Object noun clauses มี 3 ประเภท ได้แก่
-
Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “that”
-
Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย “Wh-Words” (หรือ Question Words)
-
Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “if” หรือ “whether”
-
การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “That”
เราใช้ Noun clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า that ในกรณีต่อไปนี้
- ใช้ตามหลัง verbs บางตัวที่แสดงความรู้สึก ความคิด หรือ ความคิดเห็น เช่น agree, feel, know, remember, believe, forget, realize, think, doubt, hope, recognize, understand เช่น
Sompong knows all along that his mum loves him so much.
สมปองรู้มาโดยตลอดว่าแม่รักเขามากๆ
- ถ้าเป็นภาษาพูด มักจะละคำว่า that ซึ่งเป็นคำขึ้นต้น clause เช่น
I think that it’s red, not green. (ภาษาทางการ)
I think it’s red, not green. (ภาษาพูด)
- ส่วนใหญ่กริยา (verb) ที่ปรากฏอยู่ใน main clause มักจะเป็น Present Simple Tense ธรรมดาส่วนกริยา (Verb) ใน noun clause จะเป็น tense อะไรก็ได้ เช่น
I believe it’s raining. (now)
I believe it’ll rain. (very soon)
I believe it rained. (a moment ago)
- ในการสนทนา ถ้าต้องการหลีกเลี่ยงการพูดคำว่า that บ่อยเกินไป หรือไม่ต้องการพูด noun clause ซ้ำ สามารถตอบโดยใช้คำว่า so หรือ not หลัง main clauses ได้ เช่น
Sarut: Is Sangrawee here today?
Patraporn: I think so.
(คำพูดเต็มๆก็คือ I think that Sangrawee is here today.)
Denlar: Has the rain stopped?
Saksit: I don’t believe so.
(คำพูดเต็มๆก็คือ I don’t believe that the rain has stopped.)
Koob: Are we ready to leave?
Tuptim: I’m afraid not.
(คำพูดเต็มๆก็คือ I’m afraid that we are not ready to leave.)
-
การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words
การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words (ได้แก่คำว่า what where when why how) มีหลักเกณฑ์ดังนี้
- Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Indirect wh-questions และแม้ว่า noun clause เหล่านี้จะขึ้นต้นด้วยคำแสดงคำถาม แต่ลำดับคำ (word order) ในอนุประโยคนี้ จะเป็นลำดับคำของประโยคบอกเล่า ไม่ใช่ลำดับคำของประโยคคำถาม
เช่น I know why she comes home very late.
(ไม่ใช่ why does she come home very late)
I don’t know when she will arrive.
(ไม่ใช่ when will she arrive)
- การใช้เครื่องหมายวรรคตอนของประโยคจะเป็นไปตามลักษณะของ main clause กล่าวคือ ถ้า main clause เป็นคำถามจะใช้เครื่องหมาย question mark ปิดประโยค ถ้า main clause เป็นบอกเล่า จะใช้เครื่องหมาย full stop ปิดประโยค
เช่น Could you tell me where the elevators are?
(Main clause เป็นคำถาม)
I’m wondering where the elevators are.
(Main clause เป็นบอกเล่า)
- ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words เพื่อแสดงให้คู่สนทนาทราบว่า เราไม่รู้ หรือเราไม่แน่ใจ
เช่น I don’t know how much it costs.
I would like to know when our next meeting will be.
I’m not sure which house is his.
- ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words เพื่อถามหาข้อมูลอย่างสุภาพ
เช่น Could you tell me who are injured in the accident?
Can you tell me what time the show starts?
-
การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย If หรือ Whether
การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether มีหลักเกณฑ์ดังนี้
- Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether คือ indirect yes/no questions นั่นเอง
เช่น Direct Question: Did they pass the exam?
Indirect Question: I don’t know if they passed the exam.
(ข้อความที่ขีดเส้นใต้คือ noun clause ที่ขึ้นต้นด้วย if นั่นเอง)
- ลำดับคำในประโยค (word order) และเครื่องหมายจบประโยค ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words
- จะขึ้นต้น Noun Clauses ด้วยคำว่า if หรือ whether ก็ได้ แต่มักใช้ whether ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเป็นทางการ
เช่น Sir, I would like to know whether you prefer coffee or tea.
Tell me if you want to go with us or not.
- ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether เมื่อ main clause แสดงการใช้ความคิด หรือความคิดคำนึง
เช่น I can’t remember if I had already paid him.
I wonder whether he will arrive in time.
- ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether เมื่อต้องการถามคำถามอย่างสุภาพ
เช่น Do you know if the principal is in his office.
Can you tell me whether the tickets include drinks?
การละ that ในประโยค Noun Clause
That ที่นำหน้า noun clause ที่ทำหน้าที่บางหน้าที่ใน complex sentence สามารถจะละได้ในกรณีต่อไปนี้
กรณีที่ noun clause เป็น object
We believe (that) he told the truth.
The police assured us (that) the children would be found safe and sound.
I wish (that) I would win the first prize.
กรณีที่ noun clause เป็น subject complement
The reason is (that) he speaks English fluently.
My opinion is (that) you’d better stay home.
ตามหลังคำคุณศัพท์
I am sure (that) he can get a good job.
They are afraid (that) they cannot catch the 6 o’clock train.
ข้อยกเว้น: แต่ก็มีบางกรณีที่เราไม่สามารถละ That ได้นะคะ อาทิ เช่น
เมื่อ that-clause ขึ้นต้นประโยค
That coffee grows in Brazil is true.
ที่ว่ากาแฟปลูกในประเทศบราซิลนั้นเป็นความจริง
That she had decided to be engaged frightened me very much.
ที่ว่าหล่อนได้ตัดสินใจที่จะรับหมั้นนั้นทำให้ผมตกใจมากๆ
เมื่อ that-clause เป็นคำซ้อนนามที่อยู่ข้างหน้ามัน (Appositive)
The news that he was murderer is not true.
ข่าวว่าที่เขาเป็นฆาตกรนั้นไม่เป็นความจริงเลย
His belief that the earth moves round the sun is correct.
ความเชื่อของเขาที่ว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์นั้นถูกต้อง
เมื่อ that-clause อยู่หลัง It is (หรือ It was)
It is true that earth moves round the sun.
เป็นความจริงที่ว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
It is impossible that he has done this by himself.
เป็นไปไม่ได้ที่ว่าเขาได้ทำสิ่งนี้ด้วยตนเอง
เป็นอย่างไรบ้างคะ เชื่อว่าตอนนี้หลายคนหายสงสัยในเรื่องของ Noun Clause กันแล้วนะคะ
OXBRIDGE INSTITUTE
[Update] คำนามเอกพจน์ (Singular Noun) และคำนามพหูพจน์ (Plural Noun) | noun แปลว่า – NATAVIGUIDES
PART 1 คำนามเอกพจน์ (Singular Noun) และคำนามพหูพจน์ (Plural Noun)
คำนามเอกพจน์ คือ คำนามที่แสดงถึงสิ่งของเพียงชิ้นเดียว คนๆเดียว หรือสัตว์ตัวเดียว เช่น กระเป๋า 1 ใบ (a bag) ผู้ชาย 1 คน (a man) พูดง่ายๆเลยก็คือ อะไรก็ตามที่มีเพียงหนึ่งหน่วย เราเรียกว่า คำนามเอกพจน์
คำนามพหูพจน์ คือ คำนามที่แสดงถึงสิ่งของที่มีมากกว่า 1 ชิ้น เช่น กระเป๋า 2 ใบ (2 bags) ผู้ชาย 4 คน (4 men) เป็นต้น
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ในภาษาอังกฤษเวลาที่เราต้องการเปลี่ยน “คำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์” เพื่อบอกปริมาณสิ่งของที่เพิ่มขึ้นนั้นสามารถทำได้หลายวิธี มาดูกันว่ามีวิธีการใดบ้าง
วิธีการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์
มีทั้งหมด 7 วิธีด้วยกัน
1. เติม –s ท้ายคำนามได้เลย
ได้ยินกันบ่อยมากกก เรื่องของการ เติม –s เวลาที่เราต้องการพูดถึงคำนามที่มีมากกว่าหนึ่ง ส่วนมากเราสามารถเติม –s ไปหลังคำนามได้เลย
เช่น ห้างสรรพสินค้า 3 แห่ง จากเดิมที่ใช้ Mall ก็ให้เติม –s ลงไป เป็น Malls แทน
ตัวอย่าง I heard that Central will renovate three of their shopping malls this year.
ฉันได้ยินมาว่าเซนทรัลจะทำการปรับปรุงห้างสรรพสินค้า 3 แห่งในปีนี้ล่ะ
2. หากคำนามลงท้ายด้วย ch, s, ss, sh, x, และ z ต้องเติม -es ท้ายคำนั้นๆ
Singular
Plural
คำแปล
bush (บุช)
bushes (บุช-เชส)
พุ่มไม้
bus (บัส)
buses (บัส-เซส)
รถเมล์
dress (เดรส)
dresses (เดรส-เซส)
ชุดกระโปรง
church (เชิร์ช)
churches (เชอร์-เชส)
โบสถ์
ฝึกออกเสียง -s และ-es คลิ๊กเลย !
3. คำนามที่ลงท้ายด้วย O แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ เติม –s หรือ เติม –es
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า คำไหนเติม –s คำไหนเติม –es ? คำตอบคือ ต้องจำและใช้บ่อยๆค่ะ
– ส่วนมากแล้วคำนามที่ลงท้ายด้วย –o มักจะเติม –s ได้เลย
เช่น Studio (สตูดิโอ) เปลี่ยนเป็น studios (สตูดิโอส)
Zoo (ซู) เปลี่ยนเป็น zoos (ซูส)
– บางคำที่ลงท้ายด้วย –o จะต้องเติม –es เช่น
Singular
Plural
คำแปล
buffalo (บัฟ-ฟา-โลว์)
buffaloes (บัฟ-ฟา-โลว์ส)
ควาย
domino (ดอ-มิ-โนว์)
dominoes (ดอ-มิ-โนว์ส)
โดมิโน่
hero (ฮี-โรว์)
heroes (ฮี-โรว์ส)
ฮีโร่
echo (เอ็ค-โคว์)
echoes (เอ็ค-โคว์ส)
เสียงก้อง
mosquito (มอส-กี-โทว์)
mosquitoes (มอส-กี-โทว์ส)
ยุง
potato (เพอะ-เท-โทว์)
potatoes (เพอะ-เท-โทว์ส)
มันฝรั่ง
tomato (โท-เม-โทว์)
tomatoes (โท-เม-โทว์ส)
มะเขือเทศ
** รู้หรือไม่ บางคำที่ลงท้ายด้วย –o สามารถเติมได้ทั้ง –s และ –es เช่น
Singular
Plural
คำแปล
cargo (คาร์-โกว์)
cargos หรือ cargoes (คาร์-โกว์ส)
คลังสินค้า
flamingo (ฟละ-มิง-โกว์)
flamingos หรือ flamingoes (ฟละ-มิง-โกว์ส)
นกฟลามิงโก้
halo (เฮย์-โลว์)
halos หรือ haloes (เฮย์-โลว์ส)
รัศมี
mango (แมง-โกว์)
mangos หรือ mangoes (แมง-โกว์ส)
มะม่วง
motto (ม็อท-โทว์)
mottos หรือ mottoes (ม็อท-โทว์ส)
คติ
tornado (ทอร์-เน-โดว์)
tornados หรือ tornadoes (ทอร์-เน-โดว์ส)
ทอร์นาโด
volcano (โฟล-เค-โนว์)
volcanos หรือ volcanoes (โฟล-เค-โนว์ส)
ภูเขาไฟ
4. คำนามที่ลงท้ายด้วย –y แบ่งเป็น 2 ประเภท คือเติม-s หรือเติม –es
แล้วจะรู้ได้ไงว่าเติม –s หรือ –es มีวิธีแยกดังต่อไปนี้
-
ถ้าหน้า –y เป็นสระ –a, -e, -i, -o, -u คำนามตัวนั้นจะต้องเติม –s ค่ะ เช่น
Singular
Plural
คำแปล
monkey (มัง-คิ)
monkeys (มัง-คิส์)
ลิง
birthday (เบิร์ธ-เดย์)
birthdays (เบิร์ธ-เดย์ส)
วันเกิด
key (คีย์)
keys (คีย์ส)
กุญแจ
way (เวย์)
ways (เวย์ส)
เส้นทาง
chimney (ชิม-นีย์)
chimneys (ชิม-นีย์ส)
ปล่องไฟ
สระในภาษาอังกฤษมีอยู่ 5 ตัว คือ a, e, i, o, u
- ถ้าหน้า –y เป็นพยัญชนะ เราต้องตัด y เป็น i แล้วเติม –es ค่ะ เช่น
Singular
Plural
คำแปล
enemy (เอเน-มิ่)
enemies (เอเนมิ่ส์)
ศัตรู
berry (เบร์-ริ่)
berries (เบร์ริ่ส์)
ลูกเบอร์รี่
duty (ดิว-ทิ่)
duties (ดิว-ทิ่ส์)
หน้าที่
spy (สปาย)
spies (สปายส์)
สายลับ
library (ไล-แบร-ริ่)
libraries (ไล-แบร-ริ่ส์)
ห้องสมุด
5. คำนามที่ลงท้ายด้วย –f หรือ –fe ให้เปลี่ยนตัว –f หรือ –fe เป็น –v แล้วเติม –es เช่น
Singular
Plural
คำแปล
life (ไลฟ)
lives (ลายฟส์)
ชีวิต
shelf (เชลฟ์)
shelves (เชลฟส์)
ชั้นวางของ
loaf (โลฟ)
loaves (โลฟส์)
ก้อนขนมปัง
thief (ธีฟ)
thieves (ธีฟส์)
โจร
wife (ไวฟ)
wives (ไวฟส์)
ภรรยา
6. คำนามบางคำ เวลาทำให้เป็นพหูพจน์ เราต้องเปลี่ยนรูปคำนั้นทันที
อันนี้เรามักจะพบเห็นกันอยู่บ่อยๆค่ะ เช่น
Singular
Plural
คำแปล
child (ชายลด์)
children (ชิล-เดริน)
เด็ก
tooth (ทูธ)
teeth (ทีธ)
ฟัน
foot (ฟุท)
feet (ฟีท)
เท้า
mouse (เมาส์)
mice (ไมส์)
หนู
man (แมน)
men (เม็น)
ผู้ชาย
7. คำนามบางคำ สามารถใช้รูปเดิมได้ทั้งเวลาเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์
อันนี้ง่ายเลยค่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนรูป หรือเติมอะไรเลย สบ๊าย สบาย ส่วนมากก็จะเป็นคำที่เกี่ยวกับสัตว์ทั้งนั้น มาดูกันว่ามีคำไหนบ้าง เช่น
fish ฟิช (ปลา)
deer เดียร์ (กวาง)
sheep ชีพ (แกะ)
8. คำนามบางคำเป็นพหูพจน์อยู่เสมอ
ง่ายๆคือต้องมี –s หรือ –es ต่อท้ายตลอด ไม่มีไม่ได้ เช่น
scissors ซิส-เซอร์ส (กรรไกร)
pants แพ้นท์ส (กางเกง)
clothes โคลธส์ (เสื้อผ้า)
jeans จีนส์ (กางเกงยีนส์)
glasses แกลส-เซส (แว่นตา)
noodles นู-เดิลส์ (บะหมี่)
goods กู้ดส์ (สินค้า)
พอเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์แล้วใช่มั้ยคะ? ลองมาฝึกทำแบบฝึกหัด และฝึกออกเสียงได้เลย
ทำแบบฝึกหัดคำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์ คลิ๊ก (กำลังอัพเดท)
ฝึกอ่านออกเสียง -s และ -es คลิ๊ก (กำลังอัพเดท)
Part 2 คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) คลิ๊ก
Part 3 คำนามทั่วไป (Common Noun) แบะคำนามเฉพาะ (Proper Noun) คลิ๊ก
Part 4 คำนามที่ใช้บอกอาการ (Abstract Noun) คลิ๊ก
คำศัพท์ สัตว์ ภาษาอังกฤษ Animal
คำศัพท์ สัตว์ ภาษาอังกฤษ Animal
คำศัพท์อังกฤษ ภาษาอังกฤษ กีฬาอังกฤษ
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
๕ คำที่แปลว่า กลัว !!!
สอบถามเรื่องคอร์ส Line: Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey
โทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
รายละเอียดคอร์ส http://www.ajarnadam.tv/
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
สาขาเชียงใหม : http://www.facebook.com/hollywoodlearningcm
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching
คำนามนับไม่ได้ uncountable nouns ในหมวดอาหาร l คำศัพท์ภาษาอังกฤษ l ศัพท์อังกฤษน่ารู้
เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ คำนามนับไม่ได้ หรือ Uncountable nouns ในหมวดของอาหารกันน่ะครับ
เยี่ยมชม Blog ของเรา: https://goo.gl/JthDFX
ติดตามช่องของเราได้ที่: https://goo.gl/Svd65u
============================================
แหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับเด็กๆ เพิ่มเติม
============================================
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ: https://goo.gl/EUg17d
ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน: https://goo.gl/cFosez
เพลงภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: https://goo.gl/pv6srr
วิธีนับเลขภาษาอังกฤษ: http://bit.ly/2nYNBAx
คำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: http://bit.ly/2nYJBA2
เกมส์ผ่อนคลายสมอง: https://goo.gl/TE4kJS
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สัตว์ต่างๆ: https://goo.gl/o7LmPY
เพลงภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: https://goo.gl/nxPQEj
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ รูปร่าง รูปทรงเรขาคณิต: https://goo.gl/qpbF3q
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สี color: https://goo.gl/ZuE2YB
เกมส์ฝึกภาษาอังกฤษ: https://gooXgl/Z7uE8G
แอพเรียนภาษาอังกฤษ: http://bit.ly/2nsZE7Y
เรียนภาษาอังกฤษ parts of speech คำนาม Noun คืออะไร ใช้อย่างไร
PartofSpeech คืออะไร ?
วันนี้ขอเสนอหัวข้อที่ถือว่าเป็นหัวใจของภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้ คือ Part of Speech
1. ทำไมเราต้องทำความรู้จัก Part of Speech
2. Part of Speech คืออะไร ?
3. Part of Speech มีกี่ชนิด
4. แต่ละชนิดคืออะไร พร้อมตัวอย่าง
CR.Ajarn Suparada
ภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี!
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuKZYgki4\u0026t=5s
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv47gnc8
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r51ZLFA\u0026t=10s
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1QS7O6s
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5sPRefdA\u0026t=82s
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot65xu6k
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK2AAi9Q\u0026t=3s
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnATbRFCE
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnATbRFCE
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKYd2YFzg\u0026t=2s
บทที่1 คำนามคืออะไร
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับความหมายของคำนาม ทบทวนโครงสร้างของประโยค ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหน้าที่ของคำนาม
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ noun แปลว่า