การใช้ reported speech: คุณกำลังดูกระทู้
ในบางครั้ง เรามีความจำเป็นต้องยกคำพูดของบางคนขึ้นมา หากเป็นการยกมาตรงๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะโครงสร้างใดๆ เราเรียกว่า Direct Speech (ไดเร็กทฺ สปีช) หรือบางคนเรียกว่า Quoted Speech (โควทิด สปีช) แต่หากเป็นการยกโดยมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะโครงสร้าง หรือโดยอ้อม เราเรียกว่า Indirect Speech (อินไดเร็กทฺ สปีช) หรือบางคนเรียกว่า Reported Speech (ริพอทิด สปีช)
ข้อสังเกตของ Direct Speech คือ คำพูดดังกล่าวของบุคคลนั้น จะอยู่ภายในเครื่องหมายคำพูดที่เรียกว่า Quotation marks (โควเทเชิ่น มาคสฺ)
ตัวอย่าง คำพูดของบุคคลต่อไปนี้
Jane. My brother is a student.
Mary. So is mine. He’s studying at Trium Udom School.
Where’s your brother studying?
ลักษณะโครงสร้างแบบ Direct/Quoted Speech อาจจะเป็น ดังนี้ก็ได้ คือ
(1) Jane said, “My brother is a student.”
Mary said, “So is mine. He’s studying at Trium Udom School.”
หรืออาจจะยกคำพูดของบุคคลนั้นขึ้นมาก่อน แล้วจึงบอกว่าใคร เป็นผู้พูดเช่นนั้น ดังนี้
(2) “My brother is a student,” Jane said.
“So is mine. He’s studying at Trium Udom School,”
Mary said.
ข้อสังเกต ใน (1) ลักษณะโครงสร้างของ Direct/Quoted Speech เป็นดังนี้
1.1 ใส่ comma หลัง said เช่น Jane said,
1.2 ใส่ quotation marks หลัง comma เช่น Jane said,”
1.3 หลัง quotation marks เริ่มด้วยอักษรใหญ่ เช่น Jane said, “M…
1.4 คำพูดของผู้พูดถูกยกมาทั้งหมด มิได้เปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น แล้วใส่เครื่องหมาย full stop หรือ period เช่น Jane said, “My brother is a student.”
1.5 ใส่ quotation marks ปิดท้าย เช่น Jane said, “My brother is a student.”
ใน (2) ลักษณะโครงสร้างของ Direct/Quoted Speech เป็นดังนี้
2.1 ใส่ quotation marks เช่น “
2.2 เริ่มด้วยอักษรใหญ่หลัง Quotation marks rfu “M
2.3 คำพูดของผู้พูดถูกยกมาทั้งหมด มิได้เปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น แล้ว ใส่เครื่องหมาย comma เช่น “My brother is a student,
2.4 ใส่ Quotation marks ท้ายคำพูด เช่น “My brother is a student,”
2.5 ยกชื่อผู้พูด ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำว่า said และเครื่องหมาย period เช่น “My brother is a student,” Jane said.
ส่วน Indirect/Reported Speecli ซึ่งเป็นการยกคำพูดมาโดยอ้อม จึงมีการเปลี่ยนด้านรูปของคำกริยา (verb forms) สรรพนาม (pronouns) รวมทั้งไม่มี quotation marks
ตัวอย่าง
Jane said (that) her brother was a student.
Mary said (that) her brother was a student.
He’s studying at Trium Udom School.
Where’s your brother studying?
หาก ใช้คำว่า tell/told แทน say/said จะต้องใช้โครงสร้างต่างกันไปดังนี้
Say + something tell + someone + something
แสดงว่า เมื่อใดก็ตามที่ใช้คำว่า say/said จะไม่มีกรรม (object) รองรับ แต่ถ้าใช้ tell/told จะต้องมีกรรมรองรับ แต่ถ้าใช้ say/said ตามด้วยบุพบท to ต้องมีกรรมรองรับ เช่น said to me
ตัวอย่าง
Direct Speech
Jane said, “My brother is a student.”
Jane said to me, “My brother is a student.”
Jane told me, “My brother is a student.”
Indirect Speech
Jane said (that) her brother was a student.
Jane told me (that) her brother was a student.
หมายเหตุ จะใส่หรือไม่ใส่คำว่า that หลัง say/said ma tell/told เมื่อเป็น Indirect Speech ก็ได้
ต่อไปนี้ จะขอกล่าวถึงเรื่อง indirect/Reported Speech ไปตามลำดับทีละเรื่องดังนี้
1. Reported Speech (statements)
2. Reported Speech (questions)
3. Reported Speech (imperatives)
4. Reported Speech (exclamations)
1. Reported Speech (statements)
ในประโยคปกติทั่วไป (statements สเตทเม้นสฺ) จะประกอบด้วย ภาคประธาน + กริยา + กรรม หรือส่วนขยาย เมื่อแปรเปลี่ยนจาก Direct/quoted Speech ไปเป็น Indirect/Reported Speech จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบางอย่าง ส่วนใหญ่มักเป็นการเปลี่ยนแปลงสรรพนาม และรูปคำกริยา แต่มีบางครั้งที่เปลี่ยนแปลงรูป adverbs of time & place ด้วย
ตัวอย่าง
(1) Present Simple→ Past Simple
D:“I can’t stand him” Sue said.
R : Sue said (that) she couldn’t stand him.
(2) Present Continuous →Past Continuous
D : Sue said, “I am having an ice-cream.”
R : Sue said (that) she was having an ice-cream.
(3) Present Perfect → Past Perfect
D : “I have cooked a delicious meal,” Sue said.
R : Sue said (that) she had cooked a delicious meal.
(4) Present Perfect Continuous → Past Perfect Continuous
D : Sue said, “I have been watching TV all day.”
R : Sue said (that) she had been watching TV all day.
(5) Past Simple → Past Perfect
D : Sue said to her mother, “I passed the entrance exam.”
R : Sue told her mother (that) she had passed the entrance exam.
(6) Future Simple → Conditional
D : They said, “We will do it tomorrow.”
R : They said (that) they would do it the next day.
(7) Future Continuous →Conditional Continuous
D : They said, “We will be studying here next year.”
R : They said they would be studying there the following year.
จะเห็นได้ว่า เมื่อมีการเปลี่ยนจาก Direct/Quoted Speech เป็น Reported/Indirect Speech จะมีการเปลี่ยนแปลงสรรพนาม (pronouns) และคำกริยา (verbs) ดังตัวอย่างที่ 1-5 และนอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว ยังมีการเปลี่ยน adverbs of time ดังตัวอย่างที่ 6-7 และ adverbs of place ดังตัวอย่างที่ 7
การเปลี่ยนแปลงของ adverbs of time & adverbs of place จาก Direct Speech เป็น Reported Speech มีตังนี้
Direct Speech → Reported Speech
here there
now then
yesterday → the day before
this that
next week the following week
ago before
today that day
tonight that night
tomorrow the next day / the following day
next Monday the following Monday
last Monday the previous Monday
ลองดูตัวอย่างเพิ่มเติม
D : “I’m here on holiday,” Patricia said.
R : Patricia said (that) she was there on holiday.
D : “I’ll see you next Tuesday,” Patricia said to me.
R : Patricia told me (that) she would see me the following Tuesday.
อย่างไรก็ตาม บางทีนักเรียนอาจจะเคยได้ยินเจ้าของภาษาอังกฤษพูดคุยกัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับ adverbs of time & place เหล่านี้ ก็ถือว่าไม่ผิดอะไร เพราะนั่นเป็นภาษาพูด (spoken language) สำหรับภาษาเขียน ที่เป็นมาตรฐาน (standard written language) แล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามหลักการที่กล่าวมาข้างต้น
2. Reported Speech (questions)
ประโยคคำถาม (questions เควสเชิ่นสฺ) อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ Yes-No Questions หรือ คำถามที่ผู้ตอบจะตอบรับว่า Yes/No และ Wh-word Questions หรือคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Wh-words ดังนั้นการจะเปลี่ยนรูปแบบของประโยคลักษณะดังกล่าวนี้เป็น Reported Speech จึงจำเป็นต้องกล่าวถึงทีละประเภทคือ
2.1 Yes-No Questions
ประโยคคำถามประเภทนี้ จะขึ้นต้นด้วยคำกริยาช่วย (helping verbs) อาทิ Do, Does, Did, Will, Would, Shall, Should, May, Might, Must, Have, Has, Is, Am, Are เป็นต้น
ตัวอย่าง
Jane: Are you cold?
Do you want some hot drink?
May I bring you a blanket?
ลักษณะโครงสร้าง Direct/Quoted Speech อาจจะเป็นดังนี้ก็ได้คือJane asked, “Are you cold?”
Jane asked, “Do you want some hot drink?”
Jane asked, “May I bring you a blanket?”
เมื่อต้องการจะเปลี่ยน Direct Speech ของประโยคแบบ Yes-No Questions ดังกล่าว เป็น Reported Speech จำเป็นจะต้องทดแทนการถามว่า “ใช่ไหม” ด้วยคำว่า if/whether ฉะนั้นจากตัวอย่างของ Direct Speech ที่เห็นข้างบน เมื่อสักครู่ จึงเขียนแบบ Reported Speech ได้ดังนี้
ตัวอย่าง
Jane asked Tom if (OR whether) he was cold.
เจนถามทอมว่าเขาหนาวไหม
Jane asked Tom if (OR whether) he wanted some hot drink.
เจนถามทอมว่าเขาต้องการเครื่องดื่มร้อนๆ บ้างไหม
Jane asked Tom if (OR whether) she might bring him a blanket.
เจนถามทอมว่าเธอจะนำเอาผ้าห่มมาให้เอาไหม
นอกจากจะสามารถใช้คำว่า ask/asked ใน Reported Speech แล้วยังมีคำและวลีอื่นที่ใช้ได้ด้วยเช่นกัน ที่พบบ่อยคือ wonder/wondered และ want/ wanted to know เป็นต้น
ในด้านของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง อาทิ สรรพนาม กริยา ฯลฯ จาก Direct Speech เป็น Reported Speech ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับที่ได้กล่าวมาแล้วใน Reported Statements ข้อ 1 ลองดูตัวอย่างเพิ่มเติม
D : Jane asked, “Have you seen my dog?”
R : Jane wondered if he had seen her dog.
D : He asked, “Did she do it by herself?”
R : He wanted to know whether she had done it by herself.
D : Mary asked, “Will you arrive here on time?”
R : Mary asked Peter if he would arrive there on time.
2.2 Wh-word Questions
ประโยคคำถามแบบนี้ขึ้นต้นด้วย Wh-words อาทิ What, When, Where, Why, How, Who, Whom, How long. … เป็นต้น
ตัวอย่าง
Jane : What do you want to buy?
Which book have you seen?
How much does it cost?
ลักษณะโครงสร้างแบบ Direct/Quoted Speech อาจจะเป็นดังนี้ก็ได้ คือ
Jane asked, “What do you want to buy?”
Jane asked, “Which book have you seen?”
Jane asked, “How much does it cost?”
เมื่อต้องการจะเปลี่ยน Direct Speech ของประโยคแบบ Wh-word Questions ดังกล่าวเป็น Reported Speech จะต้องคง Wh-words ไว้ แล้วจึงตามด้วยภาคประธานของประโยคดังกล่าว จากนั้นจึงตามด้วย กริยาช่วย (ถ้ามี) และกริยาแท้ ส่วนขยายหรือกรรมที่เหลือก็ลอกไปเหมือนเดิม ฉะนั้นจากตัวอย่างของ Direct Speech ที่เห็นข้างบน จึงเขียนแบบ Reported speech ได้ดังนี้
ตัวอย่าง
Jane asked Tom what he wanted to buy.
เจนถามทอมว่าเขาต้องการซื้ออะไร
Jane asked Tom which book he had seen.
เจนถามทอมว่าเขาเห็นหนังสือเล่มไหน
Jane asked how much it cost.
เจนถามว่าราคาเท่าไร
นอกจากจะสามารถใช้คำว่า ask/asked ใน Reported Speech แล้วยัง สามารถใช้คำหรือวลีต่อไปนี้ได้ด้วยคือ wonder/wondered และ want/wanted to know เป็นต้น
ในด้านของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง อาทิ สรรพนาม กริยา ฯลฯ จาก Direct Speech เป็น Reported Speech ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกับที่ได้กล่าวมาแล้วใน Reported statements ข้อ 1
ลองดูตัวอย่างเพิ่มเติม
D : Jane asked, “How long have you been in San Francisco?”
R : Jane asked him how long he had been in San Francisco.
D : He asked, “What part did you play in the robbery?”
R : He wanted to know what part she had played in the robbery, D : Jane asked, “Where were you last weekend?”
R : Jane wondered where he had been the previous weekend.
3. Reported Speech (imperatives)
imperatives (อิมเพอระทิฟสฺ) หมายถึง ประโยคคำสั่ง ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่ายคือ ประโยคลักษณะนี้จะขึ้นต้นประโยคด้วยคำกริยา (verbs) ทันที
ตัวอย่าง
Jane : Go away!
Come here!
Don’t wrap it up in a piece of paper!
ลักษณะโครงสร้างแบบ Direct/Quoted Speech อาจจะเป็นดังนี้ก็ได้ คือ
Jane ordered the children, “Go away.”
Jane said to me, “Come on Monday.”
“Don’t wrap it up in a piece of paper,” Jane asked him.
เมื่อต้องการจะเปลี่ยน Direct Speech ของประโยคลักษณะดังกล่าวเป็น Reported speech จะต้องใช้ to-infinitive นั่นคือ วางบุพบท to ไว้หน้าคำกริยาของประโยคคำสั่ง หากเป็นคำสั่งห้ามที่ขึ้นต้นด้วย Don’t หรือ Never ให้เพิ่มคำว่า not หน้าบุพบท to แล้วจึงลอกส่วนที่เหลือ หากมี adverbs of time & place ตามที่ระบุไว้ใน Direct Speech ก็ต้องเปลี่ยนเมื่อเป็น Reported Speech ฉะนั้น จากตัวอย่าง Direct Speech ที่เห็นข้างบนเมื่อสักครู่ จึงเขียนแบน Reported Speech ได้ดังนี้
ตัวอย่าง
Jane ordered the children to go away.
เจนสั่งให้เด็กๆ ไปให้พ้น
Jane told me to come on Monday.
เจนบอกให้ผมมาวันจันทร์
Jane asked him not to wrap it up in a piece of paper.
เจนขอร้องเขาไม่ให้พับมันในกระดาษ
คำกริยาที่สามารถใช้ใน Direct Speech และ Reported Speech ของประโยคคำสั่ง สามารถใช้ได้หลายคำ แล้วแต่ลักษณะความรุนแรงของการสั่งการ อาทิ ask (ขอร้อง) request (ขอร้อง) invite (เชื้อเชิญ) tell (บอก) remind (เตือน) demand (เรียกร้อง) order (สั่ง) และ command (สั่งการ) เป็นต้น ส่วนโครงสร้างของคำสรรพนาม รวมทั้ง adverbs of time & place ก็เปลี่ยนแปลงไปตามกฎเกณฑ์ที่ได้กล่าวมาแล้วตั้งแต่ต้นใน Reported statements ข้อ 1 สำหรับ กรรมที่จะรองรับท้ายคำกริยาที่ระบุมา หากข้อความใน Direct Speech ไม่ได้ให้ไว้ ก็กำหนดเอาเองตามสะดวก
ลองดูตัวอย่างเพิ่มเติม
D : “Don’t interrupt me,” she said to them.
R : She told them not to interrupt her.
D : The manager requested, “Sit down, please.”
R : The manager requested me to sit down.
D : “Don’t go out without your keys,” she reminded me.
R : She reminded me not to go out without my keys.
4. Reported Speech (exclamations)
exclamations (เอ็กซฺคลาเมเชิ่นสฺ) คือ ประโยคหรือข้อความอุทาน ซึ่งอาจจะมีรูปลักษณะคล้ายๆ กับคำถาม แต่ลงท้ายด้วยเครื่องหมาย! (ไม่ใช้เครื่องหมาย ?) หรืออาจจะคล้ายกับคำสั่ง คำกริยาที่ใช้ในรูปแบบประโยคดังกล่าวนี้มักจะได้แก่ remark (กล่าว/บอก) greet (ทักทาย) exclaim (อุทาน) ask (ถาม) say (พูด) เป็นต้น
ตัวอย่าง
Jane : What a lovely garden!
Hello! Where are you going?
Oh dear! I’ve tom my clothes.
ลักษณะโครงสร้างแบบ Direct/Quoted Speech อาจจะเป็นดังนี้ก็ได้ คือ
“What a lovely garden!,” Jane remarked.
He said, “Hello!” and asked, “Where are you going?”
“Oh dear! I’ve tom my clothes,” she said.
เมื่อต้องการจะเปลี่ยน Direct Speech ดังกล่าวเป็น Reported Speech ก็จะต้องพิจารณาตามความเหมาะสมว่าจะใช้คำกริยาใด และต้องคำนึงถึงลักษณะคำถาม (หากมี) รวมทั้งบางทีอาจจะจำเป็นต้องเพิ่มคำบางคำเข้าไปด้วย ฉะนั้นจากตัวอย่างของ Direct Speech ที่เห็นข้างบนนี้ จึงเขียนแบบ Reported speech ได้ดังนี้
ตัวอย่าง
Jane remarked what a lovely garden it was.
เจนพูดว่าสวนดังกล่าวช่างสวยงามจริงๆ
He greeted me and asked where I was going.
เขาทักทายผมและถามว่าผมจะไปไหน
She exclaimed and said (that) she had torn her clothes.
เธออุทานและพูดว่าเธอทำเสื้อผ้าของเธอขาด
ในด้านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง อาทิ สรรพนาม กริยา ฯลฯ จาก Direct Speech เป็น Reported Speech ก็เป็นไปตามที่ได้กล่าวมาแล้วใน Reported statements ข้อ 1
ลองดูตัวอย่างเพิ่มเติม
D : Mary remarked, “What a terrible noise!”
R : Mary remarked what a terrible noise it was.
D : “Oh dear! I’ve spilt my coffee,” Jane said.
R : Jane exclaimed and said she had spilt her coffee
D : “Look out! There’s a car coming.” he warned me.
R : He warned me to look out and said there was a car coming.
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ เตียวรัตนกุล
(Visited 37,789 times, 1 visits today)
[Update] ภาษาอังกฤษ ม. 4 Reported Speech | การใช้ reported speech – NATAVIGUIDES
ภาษาอังกฤษ ม. 4 Reported Speech
Reported Speech (Indirect Speech) คือ การนำคำพูดของผู้อื่นมาดัดแปลงเป็นคำพูดของผู้พูดเอง แล้วเล่าให้ผู้อื่นฟัง ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประโยคเดิม และไม่มีการใส่เครื่องหมายคำพูด
ตัวอย่าง 1
Direct Speech: Tom said, “I have dinner with my wife.” (ทอมพูดว่า “ผมทานมื้อเย็นกับภรรยาของผม”)
Indirect Speech: Tom said (that) he had dinner with his wife. (ทอมพูดว่าเขาทานมื้อเย็นกับภรรยาของเขา)
ตัวอย่าง 2
Direct Speech: She said, “I’m teaching English online.” (เธอพูดว่า “ฉันกำลังสอนภาษาอังกฤษออนไลน์”)
Indirect Speech: She said (that) she was teaching English online. (เธอพูดว่าเธอกำลังสอนภาษาอังกฤษออนไลน์)
กฎพื้นฐานในการเปลี่ยน Direct เป็น Indirect Speech
1. เปลี่ยน Tense
Direct Speech
Indirect Speech
Present simple
Past simple
Present continuous
Past continuous
Present perfect simple
Past perfect simple
Present perfect continuous
Past perfect continuous
Past simple
Past perfect
Past continuous
Past perfect continuous
Past perfect
Past perfect
Past perfect continuous
Past perfect continuous
เปลี่ยน Modal Verbs (กริยาช่วย)
Direct Speech
Indirect Speech
will / shall
would / should
can
could
may
might
must
had to
ข้อควรจำ: Direct Speech ที่ใช้ Modal Verbs – could, would, should, might และ ought to อยู่แล้ว เมื่อทำเป็น Indirect Speech ไม่ต้องเปลี่ยนคำกริยาช่วยเหล่านี้
2. เปลี่ยนคำกริยาของประโยคนำ (Reporting Verb)
Direct Speech
Indirect Speech
says
says (that)
said
said (that)
say to + บุคคล
tell + บุคคล + (that)
said to + บุคคล
told + บุคคล + (that)
3. เปลี่ยนสรรพนามบุคคล (Personal Pronoun)
Direct Speech
Indirect Speech
I
he/she
me
him/her
my
his/her
mine
his/hers
myself
himself/herself
we
they
us
them
our
their
ours
theirs
ourselves
themselves
you (ประธาน)
he/she
you (กรรม)
me
your
my
yours
mine
yourself
myself
yourselves
ourselves
4. เปลี่ยนคำแสดงระยะใกล้เป็นไกล (Nearness → Remoteness)
Direct Speech
Indirect Speech
here
there
this
that
these
those
เปลี่ยนคำบอกเวลา (Adverbs of time)
Direct Speech
Indirect Speech
today
that day
yesterday
the day before
tomorrow
the next day
last night/week/month/year
the night/week/month/year before
next night/week/month/year
the following night/week/month/year
ago
before
a year/month ago
a year/month before
now
then
come
go
Indirect Speech แบ่งเป็น 3 ประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีกฎในการเปลี่ยนแตกต่างกันไป ดังนี้
1. Indirect Speech – Statement คือ รูปประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธ มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
1.1. ตัดเครื่องหมาย comma (,) และเครื่องหมายคำพูด (“…..”) ออก
1.2. เปลี่ยน Reporting Verb ตามความเหมาะสม (ดูหลักการเปลี่ยน Reporting Verb จากตารางด้านบน) และจะเติม that หลัง Reporting Verbs หรือไม่ก็ได้
1.3. เปลี่ยนสรรพนามให้เหมาะสม (ดูหลักการเปลี่ยนสรรพนามจากตารางด้านบน)
1.4. เปลี่ยนคำแสดงระยะใกล้เป็นไกล และคำระบุเวลา
1.5. เปลี่ยน Tense ให้เหมาะกับ Reporting Verb ดังนี้
ถ้า Reporting Verb ใน Direct Statement อยู่ในรูป Present Tense ไม่ต้องเปลี่ยน Tense ใน Indirect Statement แต่ต้องเปลี่ยนรูปกริยาตามประธานในประโยค เช่น
Direct: She says, “I am happy.”
Indirect: She says (that) she is happy.
Direct: He says, “I love you.”
Indirect: He says (that) he loves me.
– ถ้า Reporting Verb ใน Direct Statement อยู่ในรูป Past tense ต้องเปลี่ยน Tense ใน Indirect Statement (ดูกฎการเปลี่ยน Tense ได้ตามตารางด้านบน) เช่น
เปลี่ยนจาก Present simple tense เป็น Past simple tense
Direct: She said, “I drink milk.”
Indirect: She said (that) she drank milk.
เปลี่ยน will เป็น would
Direct: He said, “I will meet her here tomorrow.”
Indirect: He said (that) he would meet here there the next day.
2. Indirect Speech – Commands, Requests, Suggestions คือ รูปประโยคคำสั่ง ขอร้อง หรือขออนุญาต มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
2.1. ใช้กริยานำ (Reporting Verb) ให้เหมาะสม เช่น tell/told (บอก), ask/asked (ขอร้อง), request/requested (ขอร้อง), beg/begged (วิงวอน), advise/advised (แนะนำ), propose/proposed (เสนอแนะ), command/commanded (สั่ง), order/ordered (สั่ง), forbid/forbade (สั่งห้าม), warn/warned (เตือน)
2.2. ใช้ to+V.1 ในการ บอก, แนะนำ, ขอร้อง หรือสั่งให้ทำ ถ้าเป็นปฏิเสธหรือห้ามทำ ใช้ not to + V.1
2.3. ถ้าประโยค Direct Speech ไม่มีกรรม ให้เติมกรรมในประโยค Indirect Speech
2.4. ถ้าในประโยค Direct Speech มีคำว่า please ให้ตัดออก
ตัวอย่าง:
Direct : The teacher said, “come in.”
Indirect: The teacher told him to come in.
Direct : Tom begged, “Please move into the living room.”
Indirect: Tom begged me to move into the living room.
Direct: The doctor said, “Don’t smoke.”
Indirect: The doctor advised me not to smoke.
3. Indirect Speech – Question คือ รูปประโยคคำถาม มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
3.1. ตัดเครื่องหมายคำถาม (?) ออก เพื่อให้อยู่ในรูปประโยคบอกเล่า
3.2. เปลี่ยนกริยานำ (Reporting Verb) จาก say, said, told เป็น ask/asked (ถาม), inquire/inquired of (สอบถาม)
3.3. ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Verb to do, to have, to be, และกริยาช่วย (Auxiliary verbs) Will, Can, etc. เป็นต้น จะต้องเชื่อมประโยคด้วย if, whether, whether or not, whether….or not to
3.4. ประโยคคำถามที่ขึ้นด้วย Wh-Questions: What, Where, When, Why, Who, Whom, Whose และ How ใช้คำเหล่านี้เป็นตัวเชื่อมประโยคได้เลย
ตัวอย่าง:
Direct: Sompong said to us, “Are you leaving for Bangkok today?”
Indirect: Sompong inquired of us whether we were leaving for Bangkok that day.
Direct: She said to me, “Can you sing a song?”
Indirect: She asked me if I could sing a song.
Direct: He said to her, “What are you doing now?”
Indirect: He asked her what she was doing then.
วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.5 เรื่อง Reported speech
สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
Everbest: Lesson 32 – Reported Speech (O’ZBEK tilida)
Darak gaplarni o’zlashtirma gapga aylantirish haqida gaplashamiz. Ba’zi kitoblarda bu mavzu \”indirect speech\” deb ham nomlanadi. Videoni albatta oxirigacha tomosha qiling!
0:00 intro
00:35 reported speech nima?
01:37 direct speech nima?
02:25 say va tell fe’llarining farqi
03:46 reported speech qanday yasaladi?
06:46 zamonlar moslashuvi
08:01 time expression moslashuvi
10:17 zamon qachon o’zgarmaydi?
Mashqlar: https://www.perfectenglishgrammar.com/reportedspeechexercise1.html
Facebook: https://www.facebook.com/everbestedu/
Instagram: https://instagram.com/everbestedu?igshid=1t0i99dtnrr6p
Telegram: https://t.me/everbest_education
7 Activities for Teaching Reported Speech in the ESL Classroom | ITTT TEFL BLOG
When teaching reported speech the potential for mistakes, errors, and the general difficulty is enormous due to the number of changes that are made with verb tenses, patterns, pronouns, questions, time expressions etc.. It’s important to cover the subject slowly with lots of verbal practice at every opportunity. There are plenty of standard ‘change the direct speech to reported speech’ activities, but your students will soon tire of these if you overuse them. Here are some ideas which have worked well in the EFL classroom and will give your students a good amount of talk time in a variety of ways.
Read more here: https://www.teflcourse.net/blog/7activitiesforteachingreportedspeechintheeslclassroomteflblog/?cu=YTDESCRIPTION
Are you ready to live and teach abroad? Click here and get started today: https://www.teflcourse.net/?cu=YTDESCRIPTION
Check our wide range of online TEFL \u0026 TESOL courses: https://www.teflonline.net/?cu=YTDESCRIPTION
Reported Speech
Learn all about reported speech or indirect speech!
Reported speech or indirect speech is used to report something that someone said in the past.
Practice here: http://www.teacherdiane.com/youtube/page/1
Learn English on Skype: http://www.teacherdiane.com
Follow Teacher Diane on Facebook: http://www.facebook.com/teacherdianeESL
How to use REPORTED SPEECH in English
What is REPORTED SPEECH in English? We use REPORTED SPEECH when we want to tell someone what someone else said. Depending on when it was said, we may need to make some changes to the sentence. Getting REPORTED SPEECH right can really improve your use of English grammar, so let’s find out more in this video lesson.
Website: https://www.anglopod.com/
Social media: https://www.facebook.com/ANGLOPOD
Take the quiz to see how much you know: https://www.tryinteract.com/share/quiz/60369f29dfb40e001758bf6f
0:00 REPORTED SPEECH examples
1:56 What changes in REPORTED SPEECH?
4:07 REPORTED SPEECH practice quiz
TRANSCRIPT
In this video we’re going to look at what we call reported speech in English. Now reported speech is very useful in English because if we want to repeat what somebody has said we could use their exact words. This is what we call direct speech. But it might sound a bit strange if you just repeat everybody’s words all the time. You might sound a bit like a parrot! So we use reported speech to repeat what somebody has said but without repeating their exact words. This is very common in English, we use it when we’re speaking and when we’re writing, but obviously when we use reported speech the grammar of the sentence does change a little bit. So we’ll look at some examples together, so we can see how to do it and then we’ll do a quiz after to get you to practise and to see how much you have learnt.
OK, here’s our first example: \”I’m going to the beach today\”, John said. Now if this is still true today, if John has just said this and we’re reporting what John said, then we can say: John said he is going to the beach today. It’s still the same day, it’s still true, so we don’t need to make any real changes to the grammar.
However, let’s say that this statement from John is now in the past. Let’s say he said this yesterday. So we need to change the sentence a little bit, we need to change the grammar. We would say: John said he was going to the beach yesterday.
OK, so let’s look at those two sentences together. The direct speech and the reported speech. What has changed? OK, the first thing we can see that’s different is that there are no speech marks. In reported speech we don’t use speech marks because we’re not reporting exactly what that person said. So no speech marks. Secondly, the verb tense has changed, right? So in the original sentence, in the direct speech, the verb was in the present. However, when we report what someone has said, we need to backshift the tense. This means that the tense of the verb goes back one. So ‘present’ becomes ‘past’, ‘past’ becomes ‘past perfect’, ‘present perfect’ becomes ‘past perfect’, ‘past perfect’ doesn’t change, ‘past perfect’ just stays ‘past perfect’, because there’s nothing after ‘past perfect’. So ‘am going’ becomes ‘was going’.
The next part of the sentence which changes is in this case the pronoun. So in the direct speech sentence, John used ‘I’ ‘I am going’, but obviously we’re not ‘John’ so we are reporting what he said, so ‘I’ becomes ‘he’. ‘I am going’ becomes ‘he was going’ ‘he’ meaning ‘John’.
The final thing to change is the time. It’s no longer ‘today’ ‘today’ is now ‘yesterday’ so we say ‘yesterday’ instead of ‘today’. Now when you report the direct speech depends on the time word that you use ‘today’ might change to ‘last week’, ‘last month’, ‘last year’, depending on when we’re reporting this information.
OK, let’s just look at that again. Let’s compare the direct speech and the reported speech sentences to see what has changed.
OK, let’s do some practice. So I’m going to give you some direct speech sentences and I want you to change them into reported speech. If you need more time to write down your answers or just to think of them, then pause the video. It might be a good idea to get some paper as well so you can write this down. Writing it down is a good idea because it just helps you to learn the grammar even more.
OK, that’s it. So go back and watch the video again if you’re not sure and don’t forget to like the video, share it with your friends and subscribe to my YouTube channel and go to anglopod.com to find courses where you can practise and improve your English online. Keep practising every day, good luck and I’ll see you soon!
english grammar anglopod
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ การใช้ reported speech