Skip to content
Home » [Update] Verb (คำกริยา) คืออะไร มีกี่ประเภท ตัวอย่าง | verb to be มีอะไรบ้าง – NATAVIGUIDES

[Update] Verb (คำกริยา) คืออะไร มีกี่ประเภท ตัวอย่าง | verb to be มีอะไรบ้าง – NATAVIGUIDES

verb to be มีอะไรบ้าง: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Verb (คำกริยา) คืออะไร มีกี่ประเภท ตัวอย่าง

ในบทเรียนนี้ เราจะพูดถึงคำกริยา (verb) ในภาษาอังกฤษ โดยผู้เรียนภาษาอังกฤษจะต้องเข้าใจสิ่งต่อไปนี้

Verb คือ อะไร?

Verb (กริยา) เป็นคำ หรือ กลุ่มคำที่เป็นการแสดงออก การเคลื่อนไหวของประธาน หรือแสดงสภาวะของประธาน เช่น eat กิน, run วิ่ง, walk เดิน, see เห็น, go ไป

คำกริยาภาษาอังกฤษ มีอะไรบ้าง

คำกริยาภาษาอังกฤษประกอบด้วย Finite Verb และ Non-finite Verb

Finite Verb คือ

กริยาแท้ ซึ่งถือเป็นกริยาที่สำคัญของประโยค

Non-finite Verb คือ

กริยาไม่แท้ และจะไม่มีการผันตาม Tense หรือ ประธานที่อยู่ข้างหน้า

คำกริยา ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของประโยคภาษาอังกฤษ เพราะถ้าไม่มีคำกริยาก็จะไม่สามารถสร้างประโยคได้

ประเภทของ Verb
Finite > Action, Linking, Auxiliary
Non-finite > Infinite, Gerund, Participle

Finite Verb
คือกริยาแท้ ถือเป็นกริยาที่สำคัญของประโยค (กริยาแท้หรือกริยาหลัก Main Verb) เป็นกริยาที่แสดงถึงกาลเวลา (Tense) หรือกริยาที่ถูกกำหนดโดยส่วนประธาน (Subject-Verb Agreement) ซึ่งอาจจะเป็นพจน์ (Number) ของนาม คือเอกพจน์หรือพหูพจน์, สรรพนามบุรุษที่ 1, 2, หรือ 3 (Person) หรือประธานอื่นๆ โดย Finite Verb แบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่ Action Verb, Linking Verb และ Auxiliary Verb

Action Verb
เป็นคำกริยาที่แสดงอาการ การกระทำ มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว (Movement) เช่น run, eat, read, jump, walk, swim, sing เป็นต้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
John eats snack. (eats เป็น Action Verb ทำหน้าที่เป็น Main Verb ของประโยค)
The girl cried at morning. (cried เป็น Action Verb ซึ่งทำหน้าที่เป็น Main Verb ของประโยค)

Linking Verb
เป็นกริยาที่ใช้เชื่อม Subject กับคำอื่นเพื่อขยายประธานของประโยคให้ได้ใจความสมบูรณ์ Linking Verb ที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษเจอบ่อยๆ ได้แก่ Verb to be (be, is, am, are, was, were, being, been) นอกจากนี้ยังรวมถึงคำกริยาบางตัว เช่น feel, small, taste, sound, become เป็นต้น ทั้งนี้คำที่อยู่หลัง Linking Verb จะถูกเรียกว่า Subjective Complement คือ ส่วนขยายประธาน ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง Adjective (คำคุณศัพท์) หรือ Noun (คำนาม) โดยมีหน้าที่เสริมความให้ประธานชัดเจนยิ่งขึ้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

The sky looked grey. (The sky – subject, looked – linking verb, grey – subjective complement)
ประโยคนี้ looked ไม่ได้เป็น Action Verb ที่แปลว่า มองดู ไม่ได้แปลว่า ท้องฟ้ามองดูเป็นสีเทา แต่เป็น Linking Verb ที่บอกสภาพของท้องฟ้า The sky ว่า ดูเป็นสีเทา หรือมีลักษณะสีเทา

Tukky is a comedian. (Tukky – subject, is – linking verb, comedian – subjective complement)
ประโยคนี้ comedian วางอยู่หลัง is ทำหน้าที่ขยายประธาน ทำให้รู้ว่า Tukky นั้นเป็นนักแสดงตลก

หลัง Linking Verb ต่อไปนี้ จะต้องตามด้วย Adjective เสมอ

คำกริยากลุ่มที่หมายความว่า กลายเป็น ได้แก่ get, go, grow, become ,fall, turn
คำกริยากลุ่มที่แปลว่า ดูเหมือนว่า ได้แก่ look, appear, seem
คำกริยากลุ่มที่บอกความรู้สึก กลิ่น รส และ ความไพเราะของเสียง ได้แก่ feel, smell, taste, sound
คำกริยากลุ่มที่หมายความว่า เป็นอยู่ในสภาพนั้นๆ ได้แก่ keep, remain, stay

ตัวอย่างประโยค The steak doesn’t taste nice. (taste – linking verb, nice – subjective complement/ adjective)

Auxiliary Verb
หมายถึง กริยาช่วย กลุ่ม be (am, are is, was, were, being, been), do (does, did) และ have (has, had, having) ซึ่งจะตามด้วยกริยาแท้ (Main Verb) เพื่อสร้างประโยคคำถามคำถาม (Question) ประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence) กาล (Tense) หรือประโยคที่ประธานถูกกระทำ (Passive Voice) สามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Helping Verb

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I gave the matter a great deal of thought. (gave – main verb)
I have given the matter a great deal of thought. (have – auxiliary verb, given – main verb)
I have been giving the matter a great deal of thought. (have been – auxiliary verb, giving – main verb)
Do they drive safely? (Do – auxiliary verb, drive – main verb)
We don’t want anything. (don’t – auxiliary verb, want – main verb)

นอกจากนี้ ตำราไวยากรณ์ภาษาอังกฤษบางเล่ม ก็ยังจัดให้ Modal Verb (กริยาช่วยชนิดพิเศษ) อยู่ในกลุ่มของกริยาช่วยประเภทหนึ่งเรียกว่า Modal Auxiliary Verb มีหน้าที่ทำให้กริยาแท้มีความหมายแตกต่างกันไป เช่น can, could, shall, should, will, would, may, might, must, ought to, need, needn’t โดย Modal Auxiliary Verb เหล่านี้จะใช้นำหน้าคำกริยาแท้หรือกริยาหลัก (Main Verb) ซึ่งอยู่ในรูป Verb Base Form (กริยาพื้นฐาน คือรูปลักษณะที่ยังไม่ได้ฝัน ไม่มีการเติม -s, -es, -ed, – ing) หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า verb 1 นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น People should choose friends wisely. (should – modal verb, choose – main verb)

หน้าที่ของ Modal Verb

ไม่จำเป็นต้อง = don’t have to
แนะนำ = should, ought to, had better
บังคับหรือห้าม = must, have to, mustn’t
แสดงความสามารถ = can, could, be able to
ขออนุญาต = can, could, may
ขอร้อง = can, could, will
แสดงความเป็นไปได้ = may, might
แสดงการคาดการณ์ล่วงหน้า = must, can’t
เสนอแนะ = shall
เสนอหรือแนะนำ = can, could, shall

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

May can ride a horse (แสดงความสามารถ)
You should eat more fruit. (แนะนำ)
You don’t have to call taxi. (ไม่จำเป็นต้อง)

หากในประโยคภาษาอังกฤษนั้นมีทั้งคำกริยาแบบ Auxiliary Verb และคำกริยาแบบ Modal Auxiliary Verb อยู่ด้วยกัน ผู้เรียนภาษาอังกฤษจะต้องวาง Modal Auxiliary Verb ไว้หน้า Auxiliary Verb เท่านั้น แล้วจึงตามด้วยกริยาแท้ หรือ Main Verb ของประโยค

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

The computer could have made an error. (could – modal auxiliary, have – have auxiliary, made – main verb)
หากมี Adverb of Frequency ได้แก่ always, usually, frequency, often, sometimes, occasionally, hardly, barely, rarely, scarcely, seldom และ never มาอยู่ในประโยคด้วย จะต้องวางอยู่ตรงกลางระหว่าง Modal Auxiliary Verb และ Main Verb

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I will always love you. (will – modal verb, always – adverb of frequency, love – main verb)
Finite Verb นี้ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของประโยค เพราะถ้าประโยคใดก็ตามขาดกริยาแท้ไป ก็จะทำให้ความหมายของประโยคนั้นไม่สมบูรณ์ พูดง่ายๆ ก็คือ Finite Verb คือ กริยาแท้ที่มีประธานเป็นของตัวเองและเปลี่ยนรูป (ผันได้ 3 ช่อง) ตาม Tense ในประโยค

John and Jim sing a song.
They sing a song.
Jack will sing a song.
He sings a song.
You are singing a song.
May is singing a song.
She was singing a song.

จากตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษข้างบนจะสังเกตเกี่ยวกับกริยาแท้ (Finite Verb) ได้ดังนี้

กริยาแต่ละตัวจะมีประธานของมันเอง รูปของกริยาจะผันตามประธานที่อยู่ข้างหน้า กริยาแต่ละตัวเวลานำมาใช้ถูกกำหนดโดยพจน์ (Number) ของนาม คือเอกพจน์ หรือ พหูพจน์, สรรพนามบุรุษที่ 1,2,3 (Peron) และ กาล (Tense)

การใช้ Finite Verb ให้ถูกต้อง
อันดับแรก ดูที่ Tense ในประโยคนั้นว่าเป็น ปัจจุบัน(Present) อดีต(Past) หรือ อนาคต(Future) โดยสังเกตจากคำบอกเวลา (Adverb of time) และต่อมา ให้ดูที่ Subject-Verb Agreement คือ ความสัมพันธ์ระหว่างประธานกับกริยา ถ้าประธานเอกพจน์ต้องใช้กริยาเอกพจน์ ถ้าประธานพหูพจน์ก็ต้องใช้กริยาในรูปพหูพจน์ และสุดท้าย Active/ Passive โดยปกติแล้วประธานของประโยคจะอยู่ในรูป Active คือประธานจะเป็นคนกระทำกริยานั้นเอง แต่ถ้าอยู่ในรูป Passive ประธานนั้นจะเป็นฝ่ายถูกกระทำ

Non-finite Verb
เป็นกริยาไม่แท้ และจะไม่มีการผันตาม Tense หรือ ประธานที่อยู่ข้างหน้า (รูปเอกพจน์ / พหูพจน์) มีเพียงรูปเดียว ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็ตามของประโยค กริยากลุ่มนี้ ได้แก่ Gerund, Infinitive และ Participle และกริยากลุ่มนี้ จะไม่ถูกนำมาใช้เป็นกริยาแท้ของประโยค แต่จะถูกนำมาใช้ทำหน้าที่อื่นๆ โดยเป็นคำนามบ้าง เป็นคำคุณศัพท์บ้าง

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I certainly do enjoy cooking (cooking – gerund)
I tell them to build the house at Bangkok. (to build the house – to infinitive)
The boiling water on the stove is hot. (boiling – present participle)

อ่านต่อที่เนื้อหา เรียนภาษาอังกฤษ คลิก >> Verb

[Update] Verbs 5 ประเภท | verb to be มีอะไรบ้าง – NATAVIGUIDES

สับแหลก Verbs 5 ประเภท #ฉบับรวบรัด

อ่านหัวข้อแล้วมีใครที่สามารถจำแนกทั้ง 5 ประเภทได้บ้างคะ ค่อนข้างยากเหมือนกันใช่ไหม เพราะเราอาจห่างหายกับหลักไวยากรณ์พื้นฐานที่เคยเรียนสมัยเด็ก ๆ วันนี้ Globish จึงอยากชวนทุกคนมาปัดฝุ่น ทบทวนความรู้ที่เคยรู้แต่อาจลืมไปบ้างกัน โดยครั้งนี้เรามาพร้อมตัวอย่างประโยคและคำอธิบาย #แบบรวบรัด ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ง่าย ๆ เลยค่ะ 

 

Transitive Verbs คือ คำกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับเสมอ ทั้งนี้เป็นเพราะหากไม่มีกรรมรองรับ จะทำให้ประโยคไม่สมบูรณ์ค่ะ เช่น eat (กิน) , catch (จับ), call (โทร), buy (ซื้อ), discover (ค้นพบ) 

‍‍ตัวอย่างประโยค

‍‍

John gave the gift to his brother.

(จอห์น เกฟ เดอะ กิฟต์ ทู ฮิส บราเธอร์)

จอห์นมอบของขวัญให้น้องชายของเขา

 

‘gave’ คือคำกริยาและ ‘gift’ คือกรรม 

 

I love you as much as Romeo loved Juliet.
(ไอ เลิฟ ยู แอส มัช แอส โรมีโอ  เลิฟด จูเลียต)
ฉันรักเธอเท่ากับที่โรมีโอรักจูเลียต

‘love’ คือคำกริยาและ ‘you’ คือกรรม 

 

Intransitive Verbs คือ คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรมมารองรับ เพราะประโยคสมบูรณ์แล้วสามารถใช้สื่อสารได้เลย 

ตัวอย่างประโยค

‍‍

I walk with my friends. 

(ไอ วอล์ค วิธ มาย เฟรนส)

ฉันเดินกับเพื่อนๆ

 

‘walk’ คือคำกริยาและในประโยคนี้ไม่มีกรรม 

‍‍

He has been singing all day.

(ฮี แฮส บีน ซิงกิง ออล เด)
เขาร้องเพลงมาทั้งวัน

 

‘sing’ คือคำกริยาและในประโยคนี้ไม่มีกรรม 

 

Linking Verbs คือ คำกริยาที่ใช้เชื่อม คำนาม (Noun) + คำคุณศัพท์ (Adjective) เพื่อแสดงสภาวะหรือสภาพ ซึ่ง Linking Verbs ที่เรารู้จักกันดีก็คือ Verb to be แต่ความจริงแล้วยังมีอีกหลายคำที่ฝรั่งใช้บ่อย แต่คนไทยไม่ค่อยหยิบมาพูด เช่น seem (ดูเหมือน), sound (ฟังดู), smell (ส่งกลิ่น) 

 

ตัวอย่างประโยค

‍‍

Coffee smells awesome. 

(คอฟฟี สเมลส ออซัม)

กาแฟส่งกลิ่นหอมสุดยอด

 

‘smells’ คือคำกริยา ‘Coffee’ คือคำนาม  ‘awesome’ คือคำคุณศัพท์

‍‍

You look exhausted after studying all night.

(ยู ลุค อิกซอสเถ่ด อาฟเตอร์ สทั้ดดีอิง ออล ไน๊ท)

เธอดูเหน็ดเหนื่อย หลังจากอ่านหนังสือทั้งคืน 

 

‘look’ คือคำกริยา ‘You’ คือคำสรรพนาม ‘exhausted’ คือคำคุณศัพท์

 

Primary Auxiliary Verbs 8nv คำกริยาช่วยที่สามารถใช้แทนหรือใช้คู่กับกริยาแท้ก็ได้ 

‍‍‍ได้แก่ Verb to be, Verb to do และ Verb to have ‍‍

ตัวอย่างประโยค

‍‍

I was there last night. 

(ไอ วอส แธร์ ลาส ไนท์)

ฉันอยู่ที่นั่นเมื่อคืน

I was talking to my brother yesterday. 

(ไอ วอส ทอล์กกิง ทู มาย บราเธอร์ เยสเทอร์เด)

ฉันคุยกับน้องชายเมื่อวานนี้

‍‍

‘was’ ในประโยคแรกเป็นคำกริยาแท้

‘was’ ในประโยคที่สองเป็นกริยาช่วย

‍‍

He has something to do. 

(ฮี แฮส ซัมทิง ทู ดู) 

เขามีสิ่งที่ต้องทำ หรือ มีธุระต้องทำ

It has been raining for over an hour now. 

(อิท แฮส บีน เรนนิ่ง ฟอ โอเวอร์ แอ่น อาวร์ นาว)

ตอนนี้ฝนตกมานานกว่าชั่วโมงแล้ว

 

‘has’ ในประโยคแรกเป็นคำกริยาแท้

‘has’ ในประโยคที่สองเป็นกริยาช่วย

 

Modal Auxiliary Verbs คือ  คำกริยาช่วยที่มีความหมายในตัวเอง ทั้งหมดมีดังนี้ can, could, shall, should, will, would, may, might, must, ought to, used to, need และ dare 

‍‍

Tips: Modal Verbs ไม่ต้องเติม s ไม่ว่าประธานคืออะไร และ หลัง Modal Verbs ต้องตามด้วยกริยารูปเดิม (Infinitive Verbs) นั่นคือกริยาที่ไม่ผันและไม่ต้องทำเป็นพหูพจน์ 

‍‍

ตัวอย่างประโยค

She used to work for a large insurance company.

(ชี ยูส ทู เวิรก ฟอ อะ ลารจ อิชัวเรินซ คัมพะนี) 

เธอเคยทำงานในบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ 

 

‘used to’ คือกริยาช่วย ขณะที่ ‘work’ คือกริยาแท้ 

‍‍

I’m worried that it may start raining soon.

(แอม วอริด แธท อิท เม สตาร์ท เรนนิ่ง ซูน)

ฉันกังวลว่าฝนจะเริ่มตกในอีกไม่นาน

 

‘may’ คือกริยาช่วย ขณะที่ ‘start’ คือกริยาแท้ 

‍‍

อยากพูดอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว มั่นใจ และเป็นธรรมชาติ คุณเองก็พัฒนาได้ที่ Globish สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ ลงทะเบียนรับคำปรึกษาการเรียนได้ที่ https://bit.ly/3kMU7DA

 


หลักการใช้ Verb to​ be​ (is, am, are)​ -​ ครูฝ้าย​ อิงลิชชีวิตจริง


Verb​ to​ be​(is, am, are)​ ใช้ในรูปปัจจุบัน​ หรือ​ present​ tense​ แปลว่า​ เป็น, อยู่, คือ​

ช่องทางการติดต่อ👇
👉 Youtube: https://www.youtube.com/user/0835737705
👉FB: https://m.facebook.com/110986900286637/?ref=bookmarks
👉Line​: https://line.me/ti/p/QWnPEfB5rg
ครูฝ้าย​ อิงลิชชีวิตจริง

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

หลักการใช้ Verb to​ be​ (is, am, are)​ -​ ครูฝ้าย​ อิงลิชชีวิตจริง

หลักการใช้ do/does, did, done แบบละเอียด | ภาษาอังกฤษกับเคลี่


ภาษาอังกฤษกับเคลี่ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
FACEBOOK: ภาษาอังกฤษกับเคลี่ @englishwithkaylee นักเรียนติดตามเพจ 1.2 ล้านคน
INSTAGRAM: KAYLEE WONDER DMD @drkayleewonder

บริจาคที่ www.paypal.me/kayleewonder ขอบคุณมากๆ จากใจค่ะ

ครูชื่อเคลี่ค่ะ เกิดที่เมืองไทย เป็นคนอุดรค่ะ ครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่ปี 2001 เรียนจบมัธยมปลายที่รัฐฮาวาย ต่อตรีที่รัฐคอนเนคติคัท และจบเอกทันตแพทย์ที่ลาสเวกัสค่ะ ตอนนี้ทำงานเป็นหมอฟันที่รัฐวอชิงตัน เริ่มสอนภาษาอังกฤษในเฟสบุ๊คปี 2016 ตอนที่เรียนทันต ปี 3 ค่ะ ตอนนี้ก็มีคนติดตามในเพจมากกว่า 1.2 ล้านคน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีนักเรียนมาเรียนด้วยเยอะแบบนี้ อยากให้คนไทยได้พูดภาษาอังกฤษเป็น จะได้เจริญก้าวหน้า และตัวเองก็อยากฝึกภาษาไทยด้วย จะสังเกตุได้ว่าบางทีอาจจะพูดแข็งกระด้างเกินไป หรือว่าสะกดคำไทยผิด เพราะไม่ได้ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวันเลยค่ะ พูดแต่อังกฤษ และคนที่บ้านก็พูดอิสานด้วย อันนั้นก็เริ่มไม่ถนัดแล้วเหมือนกันค่ะ ก็อย่าถือสากันเลยนะคะ แต่ภาษาอังกฤษเนี่ยครูสำเนียงเป๊ะค่ะ ตอนนี้ก็สอนเป็นงานอดิเรกค่ะ เท่าที่มีเวลาว่าง สอนฟรี และไม่มีคอร์สสอนนะคะ แค่ทำงานเป็นหมอฟันครูก็เหนื่อยมากแล้วค่ะ เรียนฟรีๆก็ดีแล้ว ไม่ต้องเสียเงิน ความรู้หาฟรีได้เยอะแยะไป ถ้ามีโอกาสก็อาจจะเปิดคอร์ส แต่ก็คงอีกนานค่ะ ครูจะพยายามมาลงคลิปบ่อยๆนะคะ ขอบคุณที่มาดูคลิปและติดตามกันนะคะ

เรียนภาษาอังกฤษ, เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง, เทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษ, สำนวนภาษาอังกฤษ, ประโยคภาษาอังกฤษ, บทสนทนาภาษาอังกฤษ, เก่งภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน, ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว, วลีภาษาอังกฤษ, เรียนต่อที่เมืองนอก, American English, Learn English, English lesson, ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ, การออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง, สำเนียงอังกฤษแบบอเมริกัน, คำศัพท์อังกฤษ, ศัพท์อังกฤษ, บทเรียนภาษาอังกฤษ, เรียนต่อที่อเมริกา, การฟังภาษาอังกฤษ, ฝึกการฟังภาษาอังกฤษ, เรื่องราวสั้นๆภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษพื้นฐาน

หลักการใช้ do/does, did, done แบบละเอียด | ภาษาอังกฤษกับเคลี่

เพลง Verb to be By ครูท๊อป


วิดีโอนี้จัดทำขึ้นเพื่อการศึกษา

เพลง Verb to be By ครูท๊อป

เรียนภาษาอังกฤษฟรี! : Verb to be คืออะไร


คำว่า is/am/are อะไรพวกนี้มันใช้ยังไงกันหนอ?
แล้วเราจะเอามันไปใช้ในตำแหน่งไหนได้บ้าง
คลิปนี้กระจ่างแน่นอนค่ะ
เรียนเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/kruwhanenglishonair
https://www.instagram.com/kru_whan_english_on_air

เรียนภาษาอังกฤษฟรี! : Verb to be คืออะไร

การใช้ verb to be 1


เรียนคอร์สออนไลน์: http://www.learningtreeuk.com
ติดตามทางเฟสบุ๊ค: http://www.facebook.com/learninguk
ติดต่อสอบถาม: https://line.me/R/ti/p/%40ttw7272u
และไลน์ของครูพิม pimolwan1984

verb to be ได้แก่
is,am,are = ใช้ในรูปปัจจุบัน
was,were = ใช้ในรูปอดีต
verb to be เหล่านี้ใช้ในการแต่งประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถาม

การใช้ verb to be 1

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ verb to be มีอะไรบ้าง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *