direct and indirect object คือ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
โครงสร้างภาษาสำหรับนักแปล
นักภาษาศาสตร์แบ่งภาษาในโลกนี้ออกเป็น 2 แบบ คือ
1. ภาษาที่มีภาคประธานและภาคแสดง (subject-predicate) เป็นลักษณะเด่น เช่น แม่ ตี ลูก ภาคประธาน คือ แม่ ส่วนภาคแสดงคือ กริยา ตี และ กรรม ลูก
2. ภาษาที่มีความหลัก ตามด้วยความนำเสนอ (topic-comment) เป็นลักษณะเด่น เช่น รองเท้านี้ ฉันใส่ไม่ได้ ความหลักคือ รองเท้านี้ ความนำเสนอ คือ ฉันใส่ไม่ได้
ในประโยค แม่ตีลูก แม่เป็นประธานกระทำกริยา ตี และลูก เป็น ผู้รับกระทำ แต่ในประโยค รองเท้านี้ ฉันใส่
ไม่ได้ นั้น รองเท้า มิได้เป็นประธาน ซึ่งทำกริยา ใส่ แต่เป็นการบอกให้ผู้ฟังทราบว่า ผู้พูดต้องการจะพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ รองเท้านี้ ดังนั้น รองเท้านี้ จึงเป็นความหลัก ไม่ใช่ประธาน และ ฉันใส่ไม่ได้ เป็นการบอกข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับความหลักว่า ผู้พูดใส่ไม่ได้
ความหลักและความนำเสนอไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ทางไวยากรณ์เช่นเดียวกับ ประธานและกริยา เพียง
แต่มีความหมายสัมพันธ์กันก็พอ
ดังนั้นในการแปลภายไทย หลักการที่สำคัญคือต้องให้ได้ใจความของประโยคที่แปล โดยไม่ผิดไปจาก
ความหมายเดิม ไม่จำเป็นต้องรักษาทุก ๆ คำ การแปลคำต่อคำ มิใช่เป็นการแปลที่ถูกต้อง แถมอาจจะสื่อความหมายที่ผิด
ไปจากข้อความต้นฉบับไปเลยก็ได้
เพราะฉะนั้น ผู้แปล ที่ดีต้องรู้จักโครงสร้างของประโยคในภาษาทั้งสองที่ทำการแปล
สำหรับภาษาที่มีภาคประธานและภาคแสดง (subject-predicate) เป็นลักษณะเด่นของภาษาอังกฤษก็ว่าได้ เพื่อ
ให้การแปลภาษาไทยเป็นอังกฤษง่ายขึ้น ควรต้องเข้าใจรูปแบบประโยคในภาษาอังกฤษเสียก่อน เมื่อสรุปที่สำคัญๆ แล้ว
จะเห็นได้ว่า โครงสร้างพื้นฐานของประโยคในภาษาอังกฤษมีอยู่เพียง 6 แบบ ซึ่งควรที่จะจดจำให้แม่นยำ เพราะจะช่วย
ให้สามารถวิเคราะห์โครงสร้างของประโยคต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น และเวลาแปลจากภาษาไทย จะได้ใช้
รูปแบบประโยคใดประโยคหนึ่ง เพื่อให้ได้ความหมายใกล้เคียงกับประโยคในภาษาไทยให้ได้มากที่สุด
1. subject+verb (ประธาน+กริยา)
2. subject+verb+object (ประธาน+กริยา+กรรม)
3. subject+verb+indirect object+direct object (ประธาน+กริยา+กรรมรอง+ กรรมตรง)
4. subject + verb + subjective complement (ประธาน+กริยา+ส่วนสัมพันธ์กับประธาน)
5. subject + verb + object + objective complement (ประธาน+กริยา+กรรม+ส่วนสัมพันธ์กับกรรม)
6. adverb + verb + subject (กริยาวิเศษณ์+กริยา+ประธาน)
โครงสร้างประโยคที่ 1
subject + verb หรือ ประธาน+กริยา
ประโยคจะประกอบด้วยเพียงคำ 2 คำ ก็สามารถเป็นประโยค (Sentence) ได้ เนื่องจาก ว่ากริยาในภาษาอังกฤษ
แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
1. อกรรมกริยา (intransitive verb) ซึ่งหมายถึงกริยาที่ไม่ต้องการกรรม (object)
2. สกรรมกริยา (transitive verb) ซึ่งหมายถึงกริยาที่ต้องการกรรม (object) ฉะนั้น คำกริยา (verb) ในโครงสร้าง
ประโยคแบบที่ 1 นั้นต้องเป็น อกรรมกริยา (intransitive verb) แน่นอน เช่น I ran (ฉันวิ่ง), She comes (หล่อนมา), The boy swims (เด็กว่ายน้ำ) ซึ่งจะแบ่งรูปประโยคได้ดังนี้
ภาคประธาน (Subject) ภาคแสดง (Predicate)
I ran
She comes
The boy swims
โครงสร้างประโยคที่ 2
Subject + verb + object หรือ ประธาน+กริยา+กรรม
ประโยคจะประกอบด้วยเพียงคำ 3 คำ ซึ่งแสดงว่า คำกริยา (verb) ในโครงสร้างประโยคนี้เป็น สกรรมกริยา
(Transitive verb) เช่น
The boy hit the dog. (เด็กตีหมา)
The dog bit him. (หมากัดเขา)
He wants to help her. (เขาต้องการช่วยเธอ)
She enjoys learning English. (หล่อนสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษ)
I know that she will come here. (ฉันรู้ว่าหล่อนจะมาที่นี้)
ซึ่งจะแบ่งรูปประโยคได้ดังนี้
ภาคประธาน (Subject) ภาคแสดง (Predicate)
กริยา (Verb) กรรม (Object)
The Boy hit the dog.
The dog bit him.
He wants to help her.
She enjoys learning English.
I know that she will come here.
หมายเหตุ 1. ให้สังเกตกรรม (object) ซึ่งมีรูปต่าง ๆ กัน สิ่งที่จะเป็นกรรม (object) ของประโยคได้มี 2 ชนิด
เท่านั้น คือ
1. คำนาม (Nouns)
2. คำนามเที่ยบเท่า (Noun Equivalents) ซึ่งแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ
2.1 คำสรรพนาม (Pronouns)
2.2 วลีนาม (Noun Phrases) มี 2 รูป
2.2.1 Infinitive Phrase เช่น He wants to help her. To learn English is good.
2.2.2 Gerundial Phrase เช่น He enjoys learning English. Swimming every day makes me healthy.
2.3 นามานุประโยค (Noun Clause) คือ Clause ที่ทำงานอย่างคำนาม มักจะนำด้วย question words
ต่างๆ หรือนำด้วย conjunction “if, whether…..(or not), that เช่น Whatever will be will be. I don’t care whatever will be. What you want is what I want. Everything depends on what you told me yesterday.
โครงสร้างประโยคที่ 3
subject + verb + indirect object + direct object ประธาน+กริยา+กรรมรอง+กรรมตรง
ก่อนอื่นควรทราบว่า กรรม (object) ใหญ่ ๆ ในภาษาอังกฤษมีอยู่ 3 ชนิด คือ
1. กรรมตรง (direct object) หมายถึง กรรมที่รับการกระทำจากคำกริยาโดยตรง (direct) ฉะนั้นกรรม (object)ในโครงสร้างประโยคแบบที่ 2 เป็นกรรมตรง (direct object)ทั้งสิ้น
2. กรรมรอง (indirect object) หมายถึง กรรมที่รับผลประโยชน์จากการกระทำเท่านั้น และจะต้องมีกรรม 2 ตัว (object) ในประโยคเสมอ
3. กรรมของบุพบท (Prepositional object) หมายถึง กรรมที่ต่อท้ายคำบุพบท (Preposition) ทั้งหลาย
สำหรับโครงสร้างประโยคที่ 3 นี้ ใช้กับคำกริยา (verb) ต่อไปนี้เท่านั้น คือ buy, bring, hand, pass, leave, lend, pay, read, sell, send, show, tell, write, repair, fix, give
ตัวอย่างเช่น
My father bought me a car. (พ่อของฉันซื้อรถให้ฉัน)
We show her our pictures. (เราให้เธอดูรูปของเรา)
She writes her friend a letter. (หล่อนเขียนจดหมายไปหาเพื่อนของหล่อน)
He gave his dog some food. (เขาให้อาหารกับหมาของเขา)
ซึ่งจะแบ่งรูปประโยตได้ดังนี้
ภาคประธาน (Subject) ภาคแสดง (Predicate)
กริยา (Verb) กรรมรอง (Indirect Object) กรรมตรง (Direct Object)
My father bought me a car.
We show her our picture.
She writes her friend a letter.
He gave his dog some food.
หมายเหตุ โครงสร้างประโยคที่ 3 นี้ สามารถเขียนได้อีกแบบหนึ่ง ซึ่งยังมีความหมายเหมือนเดิม ดังนี้
My father bought a car for me.
We show our pictures to her.
She writes a letter to her friend.
He gave some food to his dog.
จะสังเกตเห็นว่า กรรมรอง (indirect object) ทั้งหลายในประโยคเดิมจะเปลี่ยนหน้าที่ (Function) เป็นกรรมของ
บุพบท (prepositional object)
ข้อสังเกตอีกอย่างที่ง่ายต่อการจำก็คือ วัตถุสิ่งของเมื่อใช้เป็นกรรม มันก็คือ direct object ส่วนถ้าใช้บุคคล เป็น
กรรม มันก็เป็น indirect object ตัวอย่างเช่น My father bought a car for me. กรรมตรง (direct object) คือ car หรือ
รถยนต์ เป็นวัตถุ ส่วน กรรมรอง (indirect object) คือ me หรือ ฉัน เป็นบุคคล
โครงสร้างประโยคที่ 4
subject + verb + Subject Complement ประธาน+กริยา+ส่วนขยายประธาน
Subject complement หลักไวยากรณ์ถือว่าเป็นคำหรือกลุ่มคำที่ตามหลัง verb to BE หรือตามหลัง คำกริยาเทียบเท่า Verb to BE (BE Equivalents) ได้แก่ appear, become, seem, feel, smell, taste, continue, sound หรือตามหลัง
คำกริยาปรกติ (Full verbs) ที่ใช้ในลักษณะคำกริยา เทียบเท่า Verb to BE เช่น break (He broke loose); come (His dreams come true); fall (He falls ill); fly (The door flew open); get (I got well); grow (He grew old); keep (It kept well); look (You look pale); prove (It proves true); remain (He remains calm); run (it ran dry); stay (It stays clean); turn (The milk turns sour); wear (Cloth wears thin); work (The screw worked loose).
การที่เรียกคำกริยาต่าง ๆ ข้างต้นว่า BE Equivalents นั้น เพราะคำกริยาเหล่านั้นสามารถแทน ด้วย verb to BE ได้ในความหมายเดียวกัน เช่น
He looks pale. = He is pale.
His dreams came true. = His dreams were true.
She stays here. = She is here.
He remains calm. = He was calm.
My brother becomes a monk. = My brother is a monk.
และการที่เรียกคำหรือกลุ่มคำที่ตามหลัง Verb to BE หรือ BE Equivalents ว่า Subjective Complement นั้น เพราะ Complement ดังกล่าวจะเป็นส่วนเดียวกันหรือสัมพันธ์กับส่วนประธาน (Subject) เสมอ เช่น
Mr. Smith is a dentist. (นายสมิทเป็นหมอฟัน)
It was you. (เป็นคุณ)
This milk tastes sour. (นมนี้เปรี้ยว)
She stays here. (หล่อนอยู่ที่นี้)
The soldier was fighting bravely. (ทหารได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญ)
He seemed to fall down. (เขาดูเหมือนจะล้ม)
The book is in two parts. (หนังสือมีอยู่สองภาค)
That is what I want. (นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ)
ซึ่งแบ่งรูปประโยคได้ด้งนี้
ภาคประธาน (Subject) ภาคแสดง (Predicate)
กริยา (Verb) ส่วนขยายประธาน (Subjective Complement)
Mr. Smith is a dentist.
It was you.
This milk tastes sour.
She stays here.
The soldier was fighting bravely.
He seemed to fall down.
The book is in two parts.
That is what I want.
หมายเหตุ Subjective Complement นั้นเป็นคำอะไรก็ได้ ซึ่งสามารถนำมาต่อท้าย verb to BE หรือ BE Equivalent ได้ ซึ่งแยกเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้ 8 ชนิด ดังนี้ 1. Noun, 2. Pronoun, 3. Adjective, 4. Adverb 5. Present Participle or Gerund, 6 Infinitive, 7.Prepositional Phrase 8. Noun Clause. แต่อย่างไรก็ดี Subject Complement ส่วน ใหญ่จะเป็นคำ Adjectives.
โครงสร้างประโยคที่ 5
subject+verb+object+objective complement ประธาน+กริยา+กรรม+ส่วนขยายกรรม
Complement หรือส่วนสมบูรณ์ของประโยคแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ 1. Subjective Complement (ดูโครงสร้างประโยคที่ 4) 2. Objective Complement (ส่วนสมบูรณ์ของภาคกรรม) จะเป็นส่วนเดียวกัน หรือสัมพันธ์กับภาคกรรม
เช่น
He keeps me waiting for him. (เขาให้ฉันรอเขา)
The people elect him a representative. (ประชาชนเลือกเขาเป็นตัวแทน)
My mother asked me to study hard. (แม่ของฉันบอกให้ฉันเรียนหนัก)
The jury found the prisoner guilty. (ผู้พิพากษาตัดสินนักโทษว่าผิด)
His treats filled her with terror. (การล้อเล่นของเขาทำให้เธอกลัว)
You have made me what I am. (คุณทำให้ฉันเป็นอย่างที่ฉันเป็น)
ภาคประธาน ภาคแสดง
กริยา กรรม ส่วนสมบูรณ์
The people elect him a representative.
My mother asked me to study hard.
The jury found the prisoner guilty.
His treats filled her with terror.
You have made me what I am.
He keeps me waiting for him.
หมายเหตุ
1. Objective Complement จะเป็นส่วนเดียวกันหรือสัมพันธ์กับภาคกรรม
2. เป็นคำหรือกลุ่มคำอะไรก็ได้ ซึ่งพอสรุปได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็น Noun, Noun Phrase, Adjective, Noun Clause
3. คำกริยา (verbs) ที่สามารถนำมาสร้างประโยคตามโครงสร้างพื้นฐาน 5 ได้มักจะเป็น คำกริยาต่อไปนี้ call, make, crown, appoint, found, baptize, choose, elect, entitle, nominate, set, proclaim, ask, let, do keep.
โครงสร้างประโยคที่ 6
Adverb+Verb+Subject กริยาวิเศษณ์+กริยา+ประธาน
โครงสร้างประโยคแบบที่ 6 นี้ มักจะพบมากในภาษาเขียน (Written English) เพราะเป็น โครงสร้างที่เน้นความ
(Emphatic Meaning) เช่น
Seldom were the train on time. (รถไฟมาตรงเวลาไม่บ่อยนัก)
There goes Charlie. (ชาร์ลี เอาอีกแล้ว)
Here is Sam. (แซมอยู่ที่นี้)
Up jumped the lion. (สิงโตกระโดด)
Near the bush lay a big tiger. (เสือนอนอยู่ใกล้พุ่มไม้)
ซึ่งแยกรูปประโยคได้ดังนี้
ภาคแสดง (Predicate) ภาคประธาน
กริยาวิเศษณ์ (Adverb) กริยา (Verb) (Subject)
Seldom, on time were the train.
There goes Charlie.
Here is Sam.
Up jumped the lion.
Near the bush lay a big tiger.
หมายเหตุ
1. โครงสร้างประโยคที่ 6 ส่วนใหญ่จะใช้กับคำ There และ Here + Helping verbs
2. บางครั้ง Here และ There ยังนำไปใช้กับคำกริยา go และ come
3. นอกจาก Here และ There แล้ว Adverb of Frequency ยังนำมาใช้กับ โครงสร้างประโยค แบบนี้ด้วย
4. รูป Adverb ที่นำมาใช้กับโครงสร้างประโยคแบบที่ 6 นี้ อาจเป็นคำคำเดียว (Single Adverb) หรือกลุ่มคำที่ทำหน้าที่ Adverb (Word group Adverb) ก็ได้
Like this:
Like
Loading…
[Update] Project Beneficiaries | direct and indirect object คือ – NATAVIGUIDES
When you write an proposal for project funding, you always have to explain who the project beneficiaries are. But what exactly does this mean? And why does your donor want to know this? In this article, we explain all you need to know about beneficiaries.
The project beneficiaries also called the target group or the target beneficiaries of your project, are those who will benefit from your project. They are the people whose circumstances you want to change by implementing your idea. They can be affected directly or indirectly by the project.
While beneficiaries are not typically listed in an overview part of the proposal, information about the beneficiaries is actually very important in your proposal. This is because helping beneficiaries is the number one reason donors are willing to give money. Information about and references to beneficiaries should be dispersed throughout the entire proposal. This helps the donor to understand your project, see the importance you place on helping others, connect emotionally with the project and people, and finally decide if they support your plan. For these reasons, you should explain not only the number of beneficiaries you serve but also who they are and what challenges they face. In particular, you should directly state if your target group includes vulnerable groups of people, i.e. children, women, minorities, etc.
Why is the number of project beneficiaries so important to donors?
Often, donors think of their grants as investments of some sort. They give money to NGOs to see some impact and they want their partners to work towards their own mission. The more people that can be benefited with a certain amount of money, the better. Often, one of the first things evaluators do is to divide the grant amount by the number of beneficiaries – this way they can see which of the proposals would be the most effective. Of course, this is not the only measure they look at, but it is an important one.
Donors want to achieve impact, so the people you work with are very important to them. When you talk about beneficiaries, it is also a section where you can really show that you are an expert for the communities you want to work with. You can show that you know exactly what is going on and that you have inside knowledge about the project beneficiaries.
What is the Difference between Direct and Indirect Beneficiaries?
To accurately explain your project impact, you need to consider everyone who may benefit from the project. Here we explain the difference between those who benefit directly and indirectly.
A direct beneficiary, sometimes called a primary beneficiary, is someone who is directly involved with your project and benefits from it. Depending on your project this could be people who participated in your training, students of the school you built, or women who received livestock. The important thing is that the direct beneficiaries are connected with the project. Since they are so closely intertwined with the project, direct beneficiaries should be easy to count and describe.
An indirect beneficiary, sometimes called a secondary beneficiary, is someone who is not directly connected with the project, but will still benefit from it. This could be other members of the community or from the area or family members of the participants. Most projects are not planned around indirect beneficiaries, and so they are more difficult to describe precisely.
Here are some examples to make the distinction more clear:
- Your project builds toilets for 20 individual households. The 20 families that receive toilets are the direct beneficiaries. The entire community is the indirect beneficiary, as the general hygienic conditions in the village improve.
- 50 farmers learn how to grow trees in a soil erosion-prone area. These 50 farmers are the direct beneficiaries of the project. Communities living downhill are the indirect beneficiaries, as their fields and water supplies are also affected by erosion.
- You give out sewing machines to 15 women and train them in sewing. These 15 women are the direct beneficiaries of your project. Their families are the indirect beneficiaries, as the extra income the women will earn will benefit them as well.
Is it important to have the correct numbers of project beneficiaries?
Often NGOs struggle to give an exact number of the project beneficiaries, specifically if you are looking for the number of indirect beneficiaries. So, they either do not give a specific number or spent way too much time trying to define this number. Of course, it is important to give an accurate number when talking about beneficiaries, but sometimes it needs to be a realistic estimate – in some cases, you just don’t have the chance to be 100% correct.
I.e. if you are working with women and want to include their families in the number of indirect beneficiaries, you can either count all family members (a lot of work) or just take the average family size for the region you work in. This way, you still get a number that is probably close to the truth, and you save a lot of time. Explain the way you got your results though and stay realistic. While it is important that your project benefits as many beneficiaries as possible for the donor to see that they will get a good return on investment, it is also important to stay realistic. If the RoI is too good to be true, donors will get suspicious and double-check everything.
Can beneficiaries only be people?
Most donors will say beneficiaries must be living people – plants, animals, or the land itself are not included.
The goal of some projects may be to conserve the rainforest, find homes for street dogs, preserve cultural heritage sites, remove plastic waste from oceans, save wild tigers, etc. It may seem like no humans benefit from these projects – in fact, some may appear to directly hinder human development. However, even in these projects, humans do benefit. This may be from preserving cultural ties to the land, increasing human health, and happiness, preserving an ecosystem and food chain that includes humans, building future research opportunities, increasing economic possibilities, etc. Just make sure the connection is clear in your proposal.
Using Direct and Indirect Objects Together | The Language Tutor *Lesson 76*
In Lesson 76, Dr. Danny teaches how to correct the trouble maker when using direct and indirect objects together in Spanish.
Direct Object Pronouns Lesson https://youtu.be/E79n1uLN_IU
Indirect Object Pronouns Lesson https://youtu.be/x8Ucv793wNU
Donate to the Channel:
https://tinyurl.com/y6xlsydw
Subscribe for More Videos Here: https://www.youtube.com/c/TheLanguageTutor?sub_confirmation=1
Lesson 76 Podcast: https://tinyurl.com/ybn7jxjh
Intro 0:00
Direct Object Pronouns 1:19
Indirect Object Pronouns 1:46
Using \”Se\” To Fix Troublemaker 2:08
Outro 6:11
Visit the Language Tutor Website: https://www.thelanguagetutor.co
Facebook Page: https://www.facebook.com/TheRealLanguageTutor
Instagram: @TheRealLanguageTutor
LanguageTutor DannyEvans learningSpanish spanishlessons
Music:Jazzy Frenchy from Bensound.com
More Lessons
1.The Alphabet in Spanish : https://youtu.be/kJQjXAVEWt0
2.The Spanish Pronoun Chart! : https://youtu.be/FRV9fvWjMHA
3.How to Spell in Spanish: https://youtu.be/lbDxhlPSMxs
4.Days of the Week \u0026 Months: https://youtu.be/wwZgwnTIb58
4.5. The History Behind the Names of the Days of the Week: https://youtu.be/Xdvd9h8mgJQ
5. How to Count to Any Number in Spanish: https://youtu.be/qIyhRvk7qlk
5.5 Counting by the Thousands in Spanish: https://youtu.be/LVuXvV5IvlY
6. How to Write Dates in Spanish: https://youtu.be/mytA6xY1SA
7. Greetings and Introductions in Spanish: https://youtu.be/AqfQQZVmTUw
8. Understanding the Verb \”SER\”: https://youtu.be/bmpPhSNt1J4
9.Description Words (Adjectives) used with \”SER\” in Spanish: https://youtu.be/MGOvu0gGXk
10. Understanding the Word \”Like\” in Spanish: https://youtu.be/uLr3ognAdjA
11.Indefinite \u0026 Definite Articles (a,an,the,some) : https://youtu.be/YeTIwDcKwZ4
12.Understanding the Verb \”ESTAR\”: https://youtu.be/9ovM6bntSlw
13. Understanding \”AR Verbs\”: https://youtu.be/TF71Ca3def8
14. How to Tell Time in Spanish: https://youtu.be/_FRiRJz_r4g
14.5 Understanding Time in Different Spanish Countries: https://youtu.be/ouYnBFwTCKQ
15.Spanish Contractions AL and DEL: https://youtu.be/nWPZZWIwWxg
16. Understanding the Verb \”IR\” (To Go) in Spanish : https://youtu.be/bebEA8RMgus
17.School Related Words: https://youtu.be/oiIvAyX8PEg
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
แกรมม่าพื้นฐานภาษาอังกฤษ EP5. Direct Object และ Indirect Object
สวัสดีค่ะ พี่ทรายจาก Sai Academy ค่ะ
สำหรับคลิปนี้ เราจะพูดถึงการใช้ Direct Object และ Indirect Object แบบง่ายๆกันค่ะ
แล้วจะมีคลิปออกมาเรื่อยๆนะคะ ทั้งพื้นฐานและเทคนิคของการสอบไอเอลนะคะ
ฝากกดติดตามด้วยนะคะ
Facebook : https://www.facebook.com/SaiAcademy100693554903848/?view_public_for=100693554903848
Subject, direct object, and indirect object | Syntax | Khan Academy
A subject is the noun phrase that drives the action of a sentence; in the sentence “Jake ate cereal,” Jake is the subject. The direct object is the thing that the subject acts upon, so in that last sentence, “cereal” is the direct object; it’s the thing Jake ate. An indirect object is an optional part of a sentence; it’s the recipient of an action. In the sentence “Jake gave me some cereal,” the word “me” is the indirect object; I’m the person who got cereal from Jake.
Practice this yourself on Khan Academy right now: https://www.khanacademy.org/syntax/e/identifyingsubjectdirectobjectandindirectobject
Watch the next lesson: https://www.khanacademy.org/humanities/grammar/syntax/v/danglingmodifierssyntaxkhanacademy
Missed the previous lesson? Watch here: https://www.khanacademy.org/humanities/grammar/syntax/v/subjectsandpredicatessyntaxkhanacademy
Syntax on Khan Academy: Syntax is the ordering of language; it’s the study of how sentences work. In this section, we’ll scratch the surface of syntax as it applies to English grammar. Much more can be said about this subject, but we’ll save that for KA Linguistics.
About Khan Academy: Khan Academy offers practice exercises, instructional videos, and a personalized learning dashboard that empower learners to study at their own pace in and outside of the classroom. We tackle math, science, computer programming, history, art history, economics, and more. Our math missions guide learners from kindergarten to calculus using stateoftheart, adaptive technology that identifies strengths and learning gaps. We’ve also partnered with institutions like NASA, The Museum of Modern Art, The California Academy of Sciences, and MIT to offer specialized content.
For free. For everyone. Forever. YouCanLearnAnything
Subscribe to KhanAcademy: https://www.youtube.com/subscription_center?add_user=khanacademy
English Grammar- What is an object? || Direct and Indirect Objects || Object in English grammar ||
Hello learners! Hope you’re all doing good!
In this lesson, you get to learn what is an object, what is a direct object, what is an indirect object, how to find a direct and and an indirect object.
The lesson is thoroughly helpful for everyone, from a school student to the ones who are preparing for a competitive exam, and consists basic and advance information about the topic.
Watch the full video to learn more!
Check out these related videos: https://youtu.be/pi1tDjohljQ
1. What is a sentence? Parts of a sentence:
2. How to use commas(Comma rules): https://youtu.be/BgX0xs0cI7A
3. Ditransitive verb in English: https://youtu.be/OQa4BXokVpg
4. Transitive and Intransitive verbs in English: https://youtu.be/O41nkSDch8A
5. Mistakes that are stopping you from learning English: https://youtu.be/bZrM71pVLJQ
6. What is a gerund phrase in English? Types of a gerund phrase: https://youtu.be/Z3VkzGZf50
7. What is a phrase in English?: https://youtu.be/Gh3gpRJI1GE
FB page: https://m.facebook.com/EngwithAsh/?ref=bookmarks
Instagram: https://www.instagram.com/engwithash/
============================QUERIES SOLVED===========================
►What is ‘Object’ in English grammar
►Object in English grammar | How to find out Object
objectinenglish
directandindirectobject
Direct object | Indirect object and prepositional object in English Grammar
Direct object | Indirect object and prepositional ki शानदार trick
complete video is based on concept
Hi
I’m Sandeep Kumar welcome to my channel English by Sandeep Kumar.
About this video
Hey Guys must watch this video to enhance your knowledge.if you like this video ,please like and subscribe.if there is any question please tell me.I’ll definitely answer.
Thank you so much ………….
………………………………………….
My other videos
Tense introductionhttps://youtu.be/8y20f1be6G0
Tense part 1https://youtu.be/SXz4MOBQNE
Tense part 2https://youtu.be/0tHl46FAD2s
Tense part 3https://youtu.be/vnch6jYFcd0
Tense part 4https://youtu.be/9AOQFdXW2iQ
Tense part 5https://youtu.be/N2njPESo3E
Tense part 6https://youtu.be/QrHiV_lrpkg
Tense part 7https://youtu.be/47YwVyGTo98
Tense part 8https://youtu.be/Lm4B10dyUFQ
Complete tense Revisionhttps://youtu.be/DY0kKMaL5LU
Persons 1st,2nd,3rdhttps://youtu.be/lwRuAFCmhE0
Personal pronoun https://youtu.be/QhQBE1gaA
Genderhttps://youtu.be/3rvdwmS9qg
transitive , intransitive and di transitivehttps://youtu.be/YXP3T9Oz6VE
One word substitution part 1https://youtu.be/SxaxoKhw0U
One word substitution part 2https://youtu.be/KQIQ9yT_sA
One word substitution part 3https://youtu.be/KJoS99gxqBs
One word substitution part 4https://youtu.be/ndcPKcFYK1I
About this Channel
Friends on this youtube channel .I upload regular videos based on Grammar and Vocabulary so please subscribe my channel.
Thank you so much……………..
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ direct and indirect object คือ