[Update] DailyEnglish คลังความรู้ภาษาอังกฤษฟรี สำหรับคนไทย | ศัพท์อังกฤษยากๆ – NATAVIGUIDES

การรู้คำศัพท์มากมาย หรือท่องจำแกรมม่าร์ได้ขึ้นใจ ก็ไม่สามารถการันตีว่าเราจะพูดภาษาอังกฤษได้เก่ง เพราะภาษาอังกฤษมีวลีและสำนวนมากมายที่ไม่ได้มีความหมายตรงตัว ดังนั้นนอกจากคำศัพท์แล้วเราจำเป็นต้องเข้าใจวลีต่างๆด้วย จะได้คุยกับฝรั่งให้รู้เรื่องมากยิ่งขึ้นครับ

วันนี้ผมได้รวม 10 สำนวนภาษาอังกฤษ ที่มีประโยชน์สำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นคลังคำศัพท์ชั้นเลิศที่สามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง! มาดูกันเลยครับว่ามีคำอะไรบ้าง

1. big deal! – แล้วไง?

ปกติแล้ว big deal เนี่ยแปลว่า “เรื่องใหญ่” เช่น นาย A มาพูดกับ B ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “Sorry mate, I can’t come to the group meeting after school.” ขอโทษทีเพื่อน เรามาประชุมงานกลุ่มหลังเลิกเรียนไม่ได้ว่ะ…ส่วน B ก็ตอบกลับไปว่า “Hey don’t worry. It’s no big deal” เฮ้ยไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายซักหน่อย

แต่! big deal ยังมีอีกความหมายหนึ่งว่า “แล้วไง, ไม่เห็นมีอะไรเลย, ก็แค่นั้น” พูดง่ายๆก็คือ เราสามารถใช้คำนี้ตอนที่เราไม่แคร์สื่อ ไม่อื้อหือกับเรื่องที่ได้ยินมานั่นเองครับ

เช่น ถ้ามีคนมาบอกเราว่า “I’m very happy with my life. I have a well-paid job and a beautiful girlfriend. Oh and I just bought a new car.” ให้เบ้ปากแล้วพูดใส่หน้ามันไปเลยว่า “Big deal!” แล้วไงฟะ! พูดแบบนี้กะมาอวดว่างั้น

2. ring a bell – คุ้นๆนะ แต่จำไม่ได้อะ

เป็นอีกวลีที่ได้ยินบ่อยๆ อะไรก็ตามที่ ring a bell หมายความว่าเราอาจเคยเห็น เคยอ่าน เคยพบเจอ เคยมีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับสิ่งของ หรือคนใดคนหนึ่งมาก่อน แต่พอได้เจออีกทีกลับจำไม่ค่อยได้

เช่น Your face rings a bell. Have we met before? หน้าเธอคุ้นๆนะ เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า
This book rings a bell. I seem to remember reading it. หนังสือเล่มนี้คุ้นๆแฮะ รู้สึกว่าเราเคยอ่านมันแล้วนะ
You’re Frank? No, I’m afraid your name doesn’t ring a bell. ขอโทษนะแฟรงค์ แต่ว่าเราจำนายไม่ได้จริงๆว่ะ

3. don’t push your luck – ได้ใจเกินไปแล้วนะ

เคยมั้ยครับเวลาหมั่นไส้ใครแล้วอยากบอกคนนั้นเหลือเกินว่า “ได้คืบจะเอาศอก” แต่ไม่รู้จะพูดว่ายังไง…คำว่า don’t push your luck นี่แหละเหมาะสุดๆ!

เช่น เราขอแฟนเล่มเกมส์ชั่วโมงนึง พอครบชั่วโมงยังไม่พอ ขอเล่นต่ออีก คุณแฟนก็ตอบกลับมาด้วยเสียงเรียบๆว่า “Don’t push your luck Babe…” อย่าให้มันมากไปนะที่รัก ถ้าไม่ปิดไฟแล้วมานอนอย่าหาว่าไม่เตือน!

ปล. จะพูดว่า don’t push it ก็มีความหมายเดียวกันนะครับ ใช้แทนกันได้

4. piece of cake – ของกล้วยๆ

สำนวนนี้จะว่าแปลกก็แปลก เพราะให้แปลตรงๆมันคือเค้กดีๆนี่เอง แต่พอมาเทียบกับสำนวนไทยกลับหมายถึงเรื่องกล้วยๆ หรือให้พูดง่ายๆก็คือ อะไรก็ตามที่เป็น piece of cake เนี่ย จะเป็นเรื่องที่เราสามารถได้มาง่ายๆ ทำให้สำเร็จได้แบบชิวๆนั่นเอง

เช่น I’ve studied for months before taking my TOEIC test. It was a piece of cake. สอบโทอิคน่ะเรอะ จิ๊บๆ ชั้นเตรียมตัวมาเป็นเดือนๆ เรื่องแค่นี้สบายมาก (อย่าเพิ่งโม้ รอดูคะแนนก่อนนะจ๊ะ)

บางคนอาจสงสัยว่าทำไม “เรื่องง่ายๆ” ต้องไปเปรียบเทียบกับเค้กด้วย นั่นเป็นเพราะฝรั่งเค้ามองว่าการทำเค้กน่ะเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่การกินเค้กนั้นง่ายแสนง่ายนั่นเอง!

5. all ears – ฟังอย่างตั้งใจ

แค่ฟังแบบธรรมดาให้ใช้ listen กับ hear แต่ถ้าเป็น all ears จะหมายถึงการตั้งใจฟังแบบสุดๆ เวลาใช้ให้เติมประธานข้างหน้าด้วยครับ

เช่น Do you want to hear what happened after the party last night? เธออยากรู้มั้ยว่าเมื่อคืนหลังงานปาร์ตี้เกิดอะไรขึ้น
Oh yes! I’m all ears! เล่ามาให้หมดเปลือกเลยนะแก

6. call it a day – วันนี้พอแค่นี้ละกัน

เป็นสำนวนสุดเบสิคที่หลายๆคนกลับไม่รู้ความหมาย เพราะถ้าให้แปลตรงตัวมันไม่ make sense เอาซะเลย

สำนวนนี้มักจะถูกนำมาใช้ในที่ทำงาน เมื่อเราทำงานอย่างหนักมาทั้งวันแล้วมีคนพูดขึ้นมาว่า let’s call it a day เค้าหมายความว่าไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่นะ/ มาทำต่อพรุ่งนี้ละกัน

7. make do – ใช้เท่าที่มี

คำว่า make แปลว่า ทำ ส่วนคำว่า do ก็แปลว่า ทำ แต่เมื่อเอามาผสมกันเป็น “make do” จะหมายถึงการเอาตัวรอดด้วยสิ่งที่มีอยู่ ณ เวลานั้น

เช่น ถ้าเราอยากจะทำการ์ดวันวาเลนไทน์สีชมพูให้แฟน แต่ดันมีแค่กระดาษสีแดง เราก็จะพูดว่า I want to make a pink valentine for my boyfriend. But I’ll have to make do with a red one.

ถ้าอยากไปงานปาร์ตี้ชุดแฟนซี แต่ไม่มีเงินซื้อชุดใหม่ ต้องใช้ชุดเดิม ก็จะพูดว่า I want to buy a new dress for the party, but can’t afford one. I’ll have to make do with my old dress.

8. give it a shot – ลองดูซักตั้ง

เวลาที่เราต้องทำเรื่องยากลำบากที่เราไม่ถนัด หรือไม่มีความมั่นใจ เราก็มักจะท้อแท้ สำนวนนี้เอาไว้ใช้ปลุกใจทั้งตัวเองหรือคนรอบข้างให้ลองไฟท์ดูนั่นเอง

เช่น เพื่อนคนหนึ่งกำลังจะสัมภาษณ์สอบชิงทุนไปเรียนต่อ ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนรักก็ต้องให้กำลังใจว่า I know you’re nervous, but you have to give it a shot. กังวลใจอยู่ละสิ แต่ต้องสู้ๆนะเธอ ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก!

9. take for granted – เห็นเป็นของตาย

ถ้าเรา take something หรือ take someone for granted หมายความเราเราไม่เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น/คนนั้น คิดว่ายังไงก็ไม่มีทางเสียมันไป หรือพูดง่ายๆคือเห็นเป็นของตายนั่นเอง

เช่น Just because I’m here for you all the time doesn’t mean you can take me for granted!
(เห็นชั้นอยู่ข้างๆเธอตอนมีปัญหา ไม่ได้หมายความว่าชั้นจะเป็นของตายนะ!)

แต่ take for granted ยังมีอีกความหมายหนึ่ง ว่า “ทึกทักไปเอง” คือการเชื่อ หรือสันนิษฐานอะไรซักอย่างโดยไม่รู้ว่าจะเป็นจริงรึเปล่า

เช่น I took for granted that John would arrive on time. But it turns out that he was an hour late! (ชั้นทึกทักไปเองว่าจอห์นจะมาตรงเวลาตามนัด แต่เค้าดันมาสายไปเป็นชั่วโมงซะงั้นอะ)

10. guess what? – รู้รึเปล่า?

เรามักจะใช้ guess what เกริ่นนำประโยคหรือข้อมูลน่าเหลือเชื่อบางอย่าง ที่พอเราบอกไปแล้วคนฟังจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน ไม่ใช่การบอกให้คนฟังลองทายดูว่าเราจะพูดว่าอะไรนะครับ

เช่น Hey guess what? Today’s my birthday! (เฮ้ยรู้ป่าว วันนี้วันเกิดชั้นนะ)

เวลาตอบคนส่วนมากจะใช้คำว่า:
really? (จริงดิ)
wow! (ว้าว ไม่น่าเชื่อ)
I have no idea! (เฮ้ย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ)

จบไปแล้วสำหรับ สำนวนภาษาอังกฤษ ที่เราเห็นได้บ่อยในชีวิตประจำวัน สำหรับคนที่ฝึกพูดภาษาอังกฤษต้องเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างอย่างแน่นอน ยังมีสำนวนอีกมากที่เราควรรู้ ไว้วันหลังจะเอามาฝากอีกนะครับ 

             สวัสดีค่ะ ชาว

Dek-D

ต้องบอกว่าถึงเราจะเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ มากแค่ไหน แต่ก็ชอบลืมเวลาที่ต้อง speak english กันอยู่บ่อยๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ วันนี้พี่เลยรวบรวมเอาศัพท์ภาษาอังกฤษสวยๆ ที่ไล่ตั้งแต่ A-Z มาฝาก บอกเลยว่าฟังแล้วเพราะติดหูแถมความหมายก็ดีมากด้วย ยิ่งหมั่นนำไปฝึกพูดบ่อยๆ ด้วยแล้ว รับรองว่าหมดปัญหาจำแล้วลืมแน่นอน ส่วนจะมีคำไหนน่าสนใจบ้าง เตรียมสมุดมาจดได้เลย 🙂
 

Photo Credit: Unsplash

 

Aurora

(ออรอ’ ระ) 

 

คำนี้นอกจากจะหมายถึง “แสงเหนือ” ที่หลายคนอยากตามล่าให้เห็นความงามด้วยตาตัวเองกันสักครั้งแล้ว  ยังมีอีกความหมายคือ แสงอรุโณทัย, แสงสว่างยามเช้าได้เช่นกัน หากใครใช้คำว่า “dawn” บ่อยแล้ว ลองใช้คำนี้ดูบ้างก็เท่ไม่น้อยเลยทีเดียว 
 

Buoyant

(บอย’เอินทฺ) 

 

เป็นคำสวยๆ ที่หมายถึง คนที่อยู่ในห้วงอารมณ์สดใส ดูร่าเริงและมีความสุขสุดๆ ^^
 

Chutzpah

(ชูท’สพะ) 

   

หมายถึง ความกล้าพูดกล้าทำในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร หรือกล้าบ้าบิ่นจนเกินพอดีก็ได้ค่ะ ศัพท์คำนี้หน้าตาอาจดูแปลกๆ แถมออกเสียงยาก แต่ก็ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะเป็นคำยืมมาจากภาษาฮิบรู ḥutspâ ที่หมายถึง ความยโส/อวดดี นั่นเองค่ะ
 

Demure

(ดิ’ มิวเออะร) 

 

   

คำนี้มักใช้กับผู้หญิงที่มีท่าทางขี้อาย หรือดูเคร่งขรึมเรียบร้อยค่ะ ดังนั้นใครที่ใช้คำว่า “shy” จนติดปากแล้ว ลองเปลี่ยนใช้คำนี้ดูบ้างรับรองว่าเก๋ไก๋ไม่เหมือนใครแน่นอน
 

  

Ethereal

 

(อิเธีย’เรียล)    

   

แปลว่า บอบบาง, เบาหวิว,ละเอียดอ่อน    นอกจากนี้ยังใช้ในบริบทที่กล่าวถึง สิ่งที่ดูประณีตและสูงส่งราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ได้
 

Photo Credit: Unsplash

 

Felicity

(ฟิลิส’ซิที) 

 

หมายถึง ความสุข, สิ่งของ/คนที่ทำให้เกิดความสุข และเมื่อใช้กับการแสดงออกทางคำพูดจะสื่อความถึง เช่น felicity of expression แปลว่า ถ้อยคำที่ไพเราะหวานหู นั่นเองค่ะ
 

Gauche

(โกช) เป็นคำใช้เรียกคนที่แสดงอาการเงอะงะ หรือทำอะไรเปิ่นๆ เพราะรู้สึกเคอะเขินจนทำอะไรไม่ถูกนั่นเอง จะว่าไปแล้วการมีมุมเปิ่นๆ โก๊ะๆ ก็ถือเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ดูน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว ><
 

Halo

(เฮ’โล) คำเพราะๆ ที่มีความหมายสื่อถึงรัศมีที่แผ่ออกรอบศีรษะของนักบุญหรือผู้ที่มีบารมี นอกจาก halo แล้ว ยังมีคำสวยๆ ที่ใช้แทนกันได้คือ gloriole และ nimbus อีกด้วยค่ะ
 

Idyllic 

(อิ’ดิลลิค) หมายถึง สงบสุข, เรียบง่ายมีเสน่ห์แบบชนบท หรือสถานที่ที่สวยงามราวกับภาพวาด 
 

Jocund

(โจค’เคินดฺ) หมายถึง ร่าเริงสนุกสนาน,มีชีวิตชีวา ถ้าเจอใครที่ขยันแจกความสดใสบ่อยๆ ก็หยิบคำนี้มาใช้กันได้เลย
 

 Kaput

(คาพุท’) คำนี้เห็นแวบแรกคิดว่าต้องยืมมาจากภาษาอื่นรึป่าวน้า? ซึ่งก็ถูกต้องค่ะ เพราะเป็นคำยืมมาจากภาษาเยอรมัน โดยความหมายดั้งเดิมใช้เรียกคนที่แพ้ในเกมไพ่ และเมื่อนำมาใช้ในภาษาอังกฤษจึงหมายถึง ของที่หัก,ไร้ประโยชน์ หรือถูกทำลายค่ะ
 

Photo Credit: Unsplash

 

Luminescence

(ลู’มะเนสเซินซฺ) หมายถึง การเกิดแสงจากกระบวนการทางเคมี โดยไม่ใช้พลังงานความร้อน พูดง่ายๆ ก็คือ การเรืองแสงนั่นเอง
 

Mondegreen

(มอนเดอะกรีน) ใช้พูดถึงคำหรือวลีที่ฟังผิดจนทำให้ความหมายเปลี่ยนไปจากเดิม ส่วนใหญ่มักใช้กับเนิ้อเพลงที่ฟังผิด อันที่จริงคำนี้มีที่มาจากเพลงบัลลาดสกอตชื่อ “The Bonny Earl of Murray” ซึ่งมีท่อนหนึ่งในเนื้อเพลงร้องว่า “laid him on the green” แต่คนฟังฟังเพี้ยนเป็น Lady Mondegreen ซึ่งก็ทำให้ความหมายของเพลงเปลี่ยนไปค่ะ
 

Nefarious

(นิแฟ’เรียส) คำนี้มีความหมายคล้ายคำว่า “bad” แต่อัปเลเวลขึ้นไปอีกขั้น โดยใช้สื่อความหมายถึง สิ่งที่ชั่วช้า, เลวทราม หรือการกระทำที่สกปรกต่ำช้า ถึงแม้ความหมายจะฟังดูไม่ค่อยรื่นหู แต่ก็เป็นศัพท์หรูๆ ที่จำไว้ใช้ได้อีกคำหนึ่งเลย
 

Opulence

(ออพ’พิวเลินซฺ) คำเก๋ๆ ที่หมายถึง ความหรูหรา,ความมั่งคั่ง,ทรัพย์สมบัติ โดยมีที่มาจากรากศัพท์ละติน “opulentia” ที่หมายถึง ทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์นั่นเองค่ะ
 

Petrichor

(เพต’ริเคอร์) อีกหนึ่งคำสวยๆ ที่หมายถึง กลิ่นไอดินหลังฝนตก โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ฝนตกลงมาครั้งแรกหลังจากฤดูแล้งอันแสนยาวนาน
 

Quaint

(เควนทฺ) หมายถึง มีเสน่ห์แบบโบราณ,น่าดึงดูดแบบแปลกๆ เป็นคำเพราะๆ อีกคำที่เหมาะกับคนหลงใหลความคลาสสิกแบบเก่าๆ เป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ
 

Photo Credit: Unsplash

 

Resplendent

(รีสเปล็น’เดินทฺ) หมายถึง โชติช่วง,สุกสกาว,รุ่งโรจน์ สังเกตว่าศัพท์คำนี้มีหน้าตาคล้ายกับ splendid (โดดเด่น,งามสง่า,วิเศษ) เพราะมีต้นกำเนิดมาจากรากศัพท์ภาษาละตินคำเดียวกันคือ splendēre ที่แปลว่า “ส่องแสง” นั่นเองค่ะ
 

Saudade

(ซอ’ดาดี) เป็นคำที่มาจากภาษาโปรตุเกส หมายถึง ความรู้สึกโศกเศร้า โหยหาอดีต หรือกลัดกลุ้มใจที่ต้องพรากจากสิ่งของหรือคนที่รักไป 
 

Transcendence

(แทรน’ เซ็นด เดินซฺ) เป็นคำที่ใช้ในเชิงความหมายปรัชญา หมายถึง ประสบการณ์เหนือธรรมชาติ หรือสภาวะเหนือความเข้าใจของมนุษย์ 
 

 Uppity

(อัพ’เพอะทิ) หมายถึง หยิ่งยโส, วางท่า,ทะนงตัว  นอกจากนี้ยังมีความหมายคล้ายคำว่า arrogant และ presumptuous อีกด้วย ชอบคำไหนก็หยิบเอาไปใช้กันได้เลย ^^
 

Vehement

(วี’เออะเมินทฺ) เป็นคำที่ใช้พูดถึงความรู้สึกที่รุนแรง,ดุเดือด เช่น vehement discussion แปลว่า การอภิปรายที่เผ็ดร้อน
 

Photo Credit: Unsplash

 

Wanderlust

(วอน’เดอะ ลัซทฺ) อีกหนึ่งคำเพราะๆ ที่เกิดจากการนำคำว่า wander (เดินทางท่องเที่ยวแบบไม่มีจุดหมาย) มารวมกับคำว่า lust (ความปราถนา/ความหลงใหล) จึงเกิดเป็นคำสวยๆ ที่แปลว่า ความปราถนาที่จะได้ออกเดินทางท่องเที่ยว นั่นเองค่ะ
 

Xeric

(เซอริค) หมายถึง แห้งแล้งมาก, สภาพที่เป็นทะเลทราย คำนี้เป็นคำที่นักพฤษศาสตร์เริ่มนำมาใช้เพื่ออธิบายถึง พืชทนแล้งที่สามารถปรับตัวต่อความแห้งแล้งได้ (คำนี้หลายคนมักนำมาตั้งชื่อตัวละครนิยายเด็กดีกันเยอะเลย ><) 
 

Yonder

(ยอนเดอะ) เป็นคำเก๋ๆ ที่แปลว่า ทางโน้น, ที่โน่น หรือที่นั่นก็ได้ ตัวอย่างเช่น  yonder tree หมายถึง ต้นไม้ต้นโน้น หรือ  yonder peasant หมายถึง ชาวนาคนโน้น เป็นต้นค่ะ 
 

Zeal

(ซีล) หมายถึง การมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ นอกจากนี้เมื่อใช้ในบริบทที่เกี่ยวกับศาสนาจะหมายถึงความศรัทธา หรือฉันทะ อีกด้วยค่ะ (ส่วนพี่เห็นคำนี้นึกถึงเพลงของวง Zeal เลยค่ะ 5555)
 

Photo Credit: Unsplash

 

           เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับศัพท์เพราะๆ ที่นำมาฝากกันในวันนี้ น้องๆ ชอบคำไหนกันบ้างเอ่ย? ต้องบอกว่า ภาษาอังกฤษ รวมถึงทุกภาษาบนโลกนี้ล้วนมีความงดงามในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิธีการออกเสียง หรือความหมายที่ซ่อนอยู่ด้วย หากใครมีคำศัพท์สวยๆ หรือศัพท์ที่ชื่นชอบคำอื่นๆ อยากแนะนำก็อย่าลืมแวะมาแชร์กันได้เลยนะคะ ^^