Skip to content
Home » [Update] Adverb ฉบับสมบูรณ์และเข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารอื่น ๆ | heแปลว่า – NATAVIGUIDES

[Update] Adverb ฉบับสมบูรณ์และเข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารอื่น ๆ | heแปลว่า – NATAVIGUIDES

heแปลว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

บทความนี้จะตอบคำถามของคุณเกี่ยวกับ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ คืออะไร พร้อมอธิบายหลักการใช้ Adverb ละเอียดแจ่มแจ้งสุดๆ ที่ต้องไม่พลาด

Table of Contents

Adverb คืออะไร?

Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์คือคำที่ขยายคำกริยา และคำคุณศัพท์ ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับคำวิเศษณ์ในภาษาไทย แต่ในภาษาอังกฤษนั้น คำวิเศษณ์จะเป็น กริยาวิเศษณ์ เท่านั้นไม่มีการแยกย่อยได้เยอะแยะเหมือนภาษาไทยบ้านเราเลยรับรองว่าเรียนได้ง่ายๆ จำได้นาน ไม่ยากนะคะ

โดยปกติแล้วคำกริยาวิเศษณ์ แบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. Simple Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์ทั่วไป
2. Interrogative Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์คำถาม
3. Relative(Conjunction) Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค Simple Adverb คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยายกริยา ขยาย รายละเอียดจะมีดังต่อไปนี้

เรียนรู้ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ ในภาษาอังกฤษ

Adverb ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่สำคุญต้องไม่พลาด

ตำแหน่งของ Adverb ที่มักเจอในข้อสอบ TOEIC

1. หน้า V. = [S + Adv + V] 
ยกตัวอย่างเช่น
Jim suddenly realized that he forgot to bring the financial report.

2. ระหว่าง V. = [S + V + Adv + V]
ยกตัวอย่างเช่น 
– will surely finish (Future Simple)
– had greatly improved (Past Perfect)

3. หลัง V. = [S + V + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
Employment levels are unlikely to rise significantly before the end of next year.

4. หลัง O. = [S + V + O + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
 She reads quickly.
 She reads (the contract) quickly.

5. หน้า Adj. = [Adv + Adj + N]
ยกตัวอย่างเช่น
Ben is an extremely responsible employee.

6. ระหว่าง BE กับ Adj. = [BE + Adv + Adj]
ยกตัวอย่างเช่น
Online sales are relatively easy to track.

7. หน้า Adv. = [V + Adv + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
Helen screamed extremely loudly when she fell down the stairs.

8. ใน Passive = [S + V + V.3 + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
The product should be checked thoroughly before being sent.

9. ใน To-Infinitive = [To + Adv + V.infinitive]
ยกตัวอย่างเช่น
Rita planned to quickly finish the task by tomorrow.

หน้าที่ของกริยาวิเศษณ์คืออะไร?

1. ขยายคำกริยา

บอกให้รู้ว่า ทำที่ไหน ทำเมื่อไหร่ ทำอย่างไร ทำบ่อยแค่ไหน  เช่น

  • He came here yesterday. เขา มา ที่นี่ เมื่อวานนี้
    here เป็น adverb บอกให้รู้ว่า มา ที่ไหน
    yesterday เป็น adverb บอกให้รู้ว่า มา เมื่อไหร่
  • He walks slowly. เขา เดิน อย่างช้าๆ
    slowly เป็น  adverb บอกให้รู้ว่า เดิน อย่างไร
  • He always walk to school. เขา เดิน ไปโรงเรียน เสมอ
    always เป็น  adverb บอกให้รู้ว่า เดิน บ่อยแค่ไหน

2. ขยายคำคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์เอง

บอกให้รู้ว่าอยู่ใน ระดับไหน หรือเน้นย้ำว่าแค่ไหน เช่น

  • The fire is very hot. ไฟ ร้อน มาก
    hot เแปลว่า ร้อน เป็นคำคุณศัพท์ขยาย fire
    ส่วน very เป็น Adverb ขยายคำว่า hot บอกให้รู้ว่า ร้อนแค่ไหน
  • I like it very much. ผม ชอบ มัน มาก มาก
    much เแปลว่า มาก เป็นคำกริยาวิเศษณ์   
    ส่วน very ก็เป็น Adverb ขยายคำว่า much บอกให้รู้ว่า มากแค่ไหน

เรียนรู้ กริยาวิเศษณ์ ในภาษาอังกฤษ

หน้าที่ของ Adverb ในภาษาอังกฤษ

ประเภทของคำกริยาวิเศษณ์ (Kinds of Adverb)

Simple adverb แบ่งเป็นหมวดเล็ก ๆ ได้ 6 หมวด คือ

1. Adverb of Time

คือ กริยาวิเศษณ์บอกเวลาใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นเมื่อไหร หรือ เกิดขึ้นหรือยัง” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกเวลา (Adverb of Time)ความหมายNow /nau/ตอนนี้So far /səu faː/จนบัดนี้Yesterday /ˈjestədi/เมื่อวานToday /təˈdei/วันนี้Tomorrow /təˈmorəu/พรุ่งนี้Already /oːlˈredi/แล้วLately  /ˈleɪt.li/ไม่นานมานี้During /ˈdjuəriŋ/ในช่วงFinally  /ˈfaɪ.nəl.i/ท้ายทีสุดEarly /ˈəːli/แต่เช้าJust /dʒast/เพิ่งจะRecently  /ˈriː.sənt.li/ไม่นานมานี้Still /stil/ยังคงAfter /ˈaːftə/หลัง

ยกตัวอย่างเช่น:
I saw him yesterday. แปลว่า ฉันเห็นเขาเมื่อวาน เราจะเห็นว่าในคำถามมีคำภามเกี่ยวกับเรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และได้คำตอบคือ เมื่อวาน
I will go shopping tomorrow. แปลว่า  ฉัน จะ ไป ชอปปิ้ง พรุ่งนี้ ก็เช่นกับตัวอย่างที่หนึ่งนะคะ ในคำถามมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และได้คำตอบคือ พรุ่งนี้
I’ve already done my home work. แปลว่า  ฉันทำการบ้านของฉันแล้ว เราจะเห็นได้ว่า เรื่องเกิดขึ้นหรือยัง ตอบ เกิดแล้ว
I haven’t done my homework yet.  แปลว่า  ฉันยังไม่ได้ทำการบ้าน ของฉันแล้ว เราจะเห็นได้ว่า เรื่องเกิดขึ้นหรือยัง ตอบ ยัง

ว่ายังไงบ้างคะ ง่ายๆ เลยใช่ไหมคะกับวิธีการใช้ กริยาวิเศษณ์บอกเวลา Adverb of Time ต่อไปนี้จะเป็นวิธีการใช้งานและตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับ Adverb of Place นะคะ

2. Adverb of Place

กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่  ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นที่ไหน”  คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่ (Adverb of Place)ความหมายHere /hiə/ที่นี่There /ðeə, ðə/ที่นั่นBehind /biˈhaind/ข้างหลังNear /niə/ใกล้Far /faː/ไกลAway /əˈwei/ห่างBack /bӕk/กลับNowhere /ˈnəuweə/ไม่มีที่ใดEverywhere /ˈev.ri.weər/ทุกที่Above /əˈbav/เหนือBelow /bəˈləu/ใต้Into /ˈintu/ไปในInside /inˈsaid/ข้างในOutside /ˈautsaid/ข้างนอกOut /aut/นอกIn /in/ใน

ยกตัวอย่างเช่น:
Please come here. แปลว่า กรุณามาที่นี่ ในนั้นคำถามคือที่ไหน ได้คำตอบคือ ที่นี่
Go there please. แปลว่ากรุณาไปที่นั่น คำถามคือ ที่ไหน ได้คำตอบ ที่นี่
Please come inside. แปลว่ากรุณา มา ข้างใน คำถามคือ ที่ไหนได้คำตอบ ข้างไน

3. Adverb of Frequency

คือกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ห่าง ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ห่าง  (Adverb of Frequency)ความหมายAlways /ˈoːlweiz/เสมอUsually  /ˈjuː.ʒu.ə.li/โดยปกติOften /ˈofn/บ่อยๆNormally  /ˈnɔː.mə.li/ เป็นปกติOccasionally  /əˈkeɪ.ʒən.əl.i/เป็นบางโอกาสSometimes  /ˈsʌm.taɪmz/บางครั้งRarely  /ˈreə.li/มักจะไม่Never /ˈnevə/ไม่เคยDaily /ˈdeili/ทุกวันWeekly  /ˈwiː.kli/ทุกเดือนMonthly  /ˈmʌn.θli/ทุกเดือนYearly  /ˈjɪə.li/ทุกปี

ยกตัวอย่างเช่น:
He always runs in the morning. แปลว่า เขาวิ่งตอนเช้าเสมอ ในนั้นคำถามคือ บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ เสมอ
The bill is paid monthly. แปลว่า บิลถูกจ่ายทุกเดือน ในนั้นคำถามคือ
บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ ทุกเดือน
I sometimes read grammar books. แปลว่า บางครั้งผมอ่านหนังสือไวยากรณ์
ในนั้นคำถามคือ บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ บางครั้ง

กริยาวิเศษณ์ความถี่จะบอกเราว่าเกิดอะไรขึ้นบ่อยเพียงใด

วิธีใช้ “adverbs of frequency”

4. Adverb of Manner

คือกริยาวิเศษณ์บอกอาการ  ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นอย่างไร” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกอาการ (Adverb of Manner)ความหมายFast /faːst/อย่างเร็วQuickly /ˈkwɪk.li/อย่างเร็วBeautifully  /ˈbjuː.tɪ.fəl.i/อย่างสวยงาม, อย่างไพเราะCarefully  /ˈkeə.fəl.i/อย่างระมัดระวังWell /wel/อย่างดีNeatly  /ˈniːt.li/อย่างประณีตSlowly  /ˈsləʊ.li/อย่างช้Calmly  /ˈkɑːm.li/ อย่างสุขุมPolitely /pəˈlaɪt.li/อย่างสุภาพKindly /ˈkaɪnd.li/อย่างมีเมตตาBadly  /ˈbæd.li/อย่างแย่Quietly  /ˈkwaɪət.li/ อย่างเงียบๆ

ยกตัวอย่างเช่น:
He runs very  fast. แปลว่า เขาวิ่งอย่างเร็วมาก ในนั้นคำถามคือ อย่างไร ตอบ อย่างเร็ว
She sings beautifully.  แปลว่า หล่อน ร้องเพลง อย่างไพเราะ ในนั้นคำถามคืออย่างไร ตอบ อย่างไพเราะ
We speak louldly. แปลว่า พวกเรา พูด อย่างดัง ในนั้นคำถามคืออย่างไร ตอบ อย่างดัง
They cry quietly. แปลว่า พวกเขา ร้องให้  อย่างเงียบๆ ในนั้นคำถามคือ อย่างไร ตอบ อย่างเงียบ

5. Adverb of Quantity

คือ กริยาวิเศษณ์บอกปริมาณมากน้อย คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกปริมาณมากน้อย (Adverb of Quantity)ความหมายMany /ˈmeni/มากมายVery /ˈveri/มากToo /tuː/เกินไปQuite /kwait/ค่อนข้างRather /ˈraːθə/ค่อนข้างNearly /ˈnɪə.li/เกือบAlmost /ˈoːlməust/เกือบEnough /iˈnaf/พอExtremely  /ɪkˈstriːm.li/อย่างยิ่งCompletely  /kəmˈpliːt.li/ อย่างสมบูรณ์

ยกตัวอย่างเช่น:
He has too much money to give me. แปลว่า เขามีเงินมากเหลือเกินที่จะให้ผม ในนั้น too เป็น Adverb ไปขยาย much จึงวางไว้หน้า much
I had almost finished my meal when he came in. แปลว่า ผมเกือบจะทานอาหารเสร็จแล้ว เมื่อเอาเข้ามาข้างใน ในนั้น almost เป็น Adverb ไปขยายกริยา finished
He walked very quickly to school yesterday. แปลว่า เขาเดินเร็วมากไปโรงเรียนเมื่อวานนี้ ในนั้น Very เป็น Adverb ไปขยายคำกิริยาวิเศษณ์ คือ Quickly

6. Adverb of Affirmation or Negation

คือ กริยาวิเศษณ์บอกการรับหรือปฏิเสธ คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกการรับหรือปฏิเสธ (Adverb of Affirmation or Negation)ความหมายYes /jes/ใช่No /nəu/ไม่Not /not/ไม่not at allไม่ใช่เลยSurely   /ˈʃɔː.li/แน่นอนCertainly /ˈsɜː.tən.li/ แน่นอนPerhaps /pəˈhaps/บางทีProbably  /ˈprɒb.ə.bli/ อาจIndeed /inˈdiːd/แน่นอนDefinitely  /ˈdef.ɪ.nət.li/อย่างแน่นอนObviously /ˈɒb.vi.əs.li/เห็นได้ชัด

ยกตัวอย่างเช่น:
He did not come here. แปลว่า เขายังไม่มาที่นี่เลย
Surely you are mistaken. แปลว่า แน่นอนคุณเป็นฝ่ายผิด
Perhaps she will tell you the truth. แปลว่า บางทีหล่อนจะบอกความจริงให้คุณทราบ
It is, indeed, a hard case.แปลว่า มันเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ

Interrogative Adverb  กริยาวิเศษณ์คำถาม

Interrogative Adverb  แบ่งเป็นหมวดเล็ก ๆ ได้ 6 หมวด คือ

1. บอกเวลา (Time) แปลว่า “กริยาวิเศษณ์ถามเวลา” หมายถึง คำกริยาวิเศษณ์ที่นำมาขยายกริยา เพื่อถามถึงเวลาว่า “นานเท่าไร” หรือ “เมื่อไร”

Interrogative Adverb กริยาวิเศษณ์ บอกเวลาความหมายWhenเมื่อไรHow longนานเท่าไรHow soonนานไหม

ยกตัวอย่างเช่น:
When will he come here again? Next Year . แปลว่า เมื่อไหร่เขาจะมาที่นี่อีก? ปีหน้า
How long have you been here? For five years . แปลว่า คุณได้มาอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว? เป็นเวลา 5 ปีแล้ว

2.  บอกสถานที่ (Place) กริยาวิเศษณ์ถามสถานที่ หมายถึง คำกริยาวิเศษณ์ที่นำมาใช้ขยายกริยา เพื่อถามสถานที่ เท่าที่ปรากฏเห็นและใช้กันบ่อยก็ได้แก่ where ที่ไหนและจะวางไว้ต้นประโยคเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น:
Where does he live? แปลว่า เ ขาอยู่ที่ไหน?
He lives in Bangkok. แปลว่า  เขาอยู่ในกรุงเทพฯ

3. บอกจำนวน (Frequency ) กริยาวิเศษณ์ถามถึงความถี่หรือจำนวนครั้ง หมายถึงคำหรือกลุ่มคำที่ไปขยายกริยาถามถึงระยะเวลาหรือจำนวนครั้ง และตำแหน่งวางจะอยู่ต้นประโยคเสมอ ได้แก่ คำต่อไปนี้ คือ How often
ยกตัวอย่างเช่น:
How often does she come here? แปลว่า หล่อนมาที่นี่บ่อยไหม? (หมายถึงกี่ครั้ง)
How many books has he? Ten. แปลว่า เขามีหนังสือมากเท่าไร? 10 เล่ม

4. บอกกริยาอาการ (Manner) กริยาวิเศษณ์ถามถึงกริยาอาการ หมายถึงคำที่ไปขยายกริยา เพื่อถามถึงอาการของการกระทำหรือพฤติกรรมนั้น ๆ ว่า เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ได้แก่คำว่า How อย่างไร และตำแหน่งอาจจะอยู่ต้นประโยคเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น:
How do you do this? แปลว่า คุณทำสิ่งนี้ได้อย่างไร
How does she come here? แปลว่า หล่อนมาที่นี่ได้อย่างไร

5. บอกปริมาณ (Adverb of Quantity) กริยาวิเศษณ์ถามถึงปริมาณหรือความมากน้อย หมายถึงคำหรือกลุ่มคำที่ไปขยายกิริยาในประโยค เพื่อถามถึงจำนวนหรือปริมาณของสิ่งนั้น ได้แก่คำว่า How much มากเท่าไร How far ไกลเท่าไร และก็เช่นกันตำแหน่งก็อยู่ต้นประโยคเสมอ 
ยกตัวอย่างเช่น:
How much do you pay? แปลว่า คุณจ่ายมากเท่าไร
How much is it? แปลว่า ราคาเท่าไร?

6. บอกเหตุผล (Reason)
กริยาวิเศษณ์ถามถึงเหตุผล หมายถึง คำที่ไปขยายกริยาเพื่อถามถึงเหตุผลของการกระทำอันนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร ได้แก่ Why ทำไม และวิธีใช้วางไว้ต้นประโยคอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น:
Why do they go to Hong Kong every day? แปลว่า ทำไมพวกเขาจึงไปฮ่องกงทุก ๆ วัน?
Why doesn’t she love you? แปลว่า ทำไมหล่อนจึงไม่รักคุณ?

Conjunctive Adverb  กริยาวิเศษณ์ที่ใช้เป็นคำเชื่อม 

Conjunctive Adverb แบ่งออกเป็นชนิดย่อย ๆ ได้ 6 ชนิด คือ

1. Conjunctive Adverb of Time เป็นสันธานวิเศษณ์ บอกเวลา หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยคและขยายกริยาเพื่อบอกเวลา ได้แก่ when เมื่อไร
ยกตัวอย่างเช่น: 
Can you tell me when he will arrive here? แปลว่า คุณบอกผมได้ไหมว่าเมื่อไรเขาจะมาถึงที่นี่

2. Conjunctive Adverb of Place  สันธานวิเศษณ์ บอกสถานที่ หมายถึง คำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกสถานที่ ได้แก่คำว่า where ที่ไหน ที่ ที่
ยกตัวอย่างเช่น:
This is where is stayed last year. แปลว่า นี้คือสถานที่ที่ผมมาพักอยู่เมื่อปีกลายนี้

3. Conjunctive Adverb of Frequency สันธานวิเศษณ์ บอกความถี่ หมายถึง คำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกความถี่หรือจำนวนครั้ง ได้แก่คำว่า How often บ่อยไหม กี่ครั้ง 
ยกตัวอย่างเช่น:
I asked him how often he had gone there. แปลว่า ผมถามเขาว่า เขาไปที่นั้นบ่อยไหม

4. Conjunctive Adverb of Manner สันธานวิเศษณ์ บอกกิริยาอาการ หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่ทั้งเชื่อมประโยคและขยายกริยาเพื่อบอกอาการของพฤติกรรม หรือการกระทำอันนั้น ๆ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ได้แก่ How อย่างไร 
ยกตัวอย่างเช่น:
My father knows how I shot the tiger แปลว่า คุณพ่อของผมรู้ดีว่า ผมยิงเสือตัวนี้ได้อย่างไร

5. Conjunctive Adverb of Reason สันธานวิเศษณ์ บอกปริมาณ หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกปริมาณมากน้อยได้แก่ คำว่า How long นานเท่าไร How far ไกลเท่าไร 
ยกตัวอย่างเช่น:
No one knows how long she will live with him. แปลว่า ไม่มีใครทราบหรอกว่า หล่อนจะอยู่กับเขานานเท่าไร

6. Conjunctive Adverb of Time สันธานวิเศษณ์ บอกเหตุผล หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าหลังให้กลมกลืนกัน และขยายกริยาในประโยค
ยกตัวอย่างเช่น:
Panya did not know why she cried. แปลว่า ปัญญาไม่ทราบเลยว่า ทำไมหล่อนจึงร้องไห้

ความผิดพลาดที่มักจะเจอบ่อยเมื่อใช้ Adverb

สับสนในการใช้ Adjective กับ Adverb วิธีการจดจำก็คือ

Adj. = Adjective  คำคุณศัพท์ หรือคำวิเศษณ์ ใช้สำหรับขยายคำนาม
Adv. = Adverb  คำกริยาวิเศษณ์ ใช้สำหรับขยายคำกริยา หรือคำคุณศัพท์
คำ adjective ส่วนมากทำให้กลายเป็น adverb โดยการเติม –ly ต่อท้าย แต่ก็ไม่เสมอไป

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ ดังนี้
[slow] (adj.) / [slowly] (adv.) ช้า / อย่างช้า

  • He is a slow walker. เขาเป็นคนเดินที่ช้า
    [slow] เป็น adj. เพราะขยาย walker (n.)
  • He’s a person who walks slowly. เขาเป็นคนเดินช้า
    [slowly] เป็น adv. เพราะขยาย walks (v.)

กลุ่มกริยาวิเศษณ์ที่มีความหมายเหมือนกัน

  1. โดยสิ้นเชิง: totally, entirely.
  2. อีกต่อไป: anymore.
  3. ค่อนข้าง: quite, rather, pretty.
  4. ดังนี้: thus
  5. เลย: at all.
  6. แทบจะไม่: seldom, hardly, rarely, barely, scarcely.
  7. ระมัดระวัง: carefully, cautiously, thoroughly, meticulously, elaborately
  8. รวดเร็วทันใจ: immediately, promptly, urgently, quickly, swiftly, rapidly.
  9. อย่างเพียงพอ: adequately, sufficiently
  10. ค่อนข้างมาก: relatively, quite
  11. มาก/ที่สุด: highly, extremely, very, really
  12. สมบูรณ์: fully (+verb), absolutely (+adj), completely (+adj), extensively (+ verb/adj)
  13. ทันใดนั้นไม่คาดคิด: dramatically, suddenly, unexpectedly
  14. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง: Especially, specifically
  15. เร็ว หรือทันที: shortly, soon, right after/before, briefly
  16. ปัจจุบัน: currently, recently, lately, already, still
  17. บ้าฃที่: occasionally, sometimes
  18. ขั้นตอนแรก: firstly, initially, primarily, originally
  19. โดยปกติ/สม่ำเสมอ: frequently, regularly, usually, often, consistently
  20. อย่างแน่นอน: surely, definitely, absolutely, by all means.

ตัวอย่างประโยค

  • Surely I will come back.แปลว่า ฉันจะกลับมาแน่นอน
  • You will win definitely. แปลว่า คุณจะต้องชนะแน่นอน
  • It’s absolutely possible. แปลว่า มันเป็นไปได้แน่นอน
  • If you want to use the telephone,by all means do. แปลว่า ถ้าคุณอยากใช้โทรศัพท์แน่นอนคุณใช้ได้

สรูปว่าอย่างไรคะคุณ ฉบับ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ สมบูรณ์นี้หวังว่าจะมีประโยคต่อคุณ การจดจำ Adverb นี้ไม่ยากเลยค่ะ เราสามารถเขียนมาเป็นประโยคเพื่อจำได้ง่ายขึ้น อย่าลืมติดตามเราเพื่อแชร์กันประสบการณ์เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

[Update] สรุปการใช้ Question tag โครงสร้าง ตัวอย่างประโยค คำแปล | heแปลว่า – NATAVIGUIDES

การใช้ Question tag ในภาษาอังกฤษ

Question tag คือ คำถามท้ายประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธ เป็นการถามย้ำว่า จริงไหม ใช่ไหม มิใช่หรือ

He is a doctor, isn’t he?
เขาเป็นหมอ มิใช่หรือ

Siri speaks English very well, doesn’t she?
แปลว่า สิริพูดภาษษอังกฤษได้ดี ใช่ไหม

James can’t sing very well, can he?
แปลว่า เจมส์ร้องเพลงไม่ดี ใช่ไหม

ผู้เรียนภาษาอังกฤษจะเห็นจากตัวอย่างว่า Question Tag มีหลายรูปแบบต่างๆ กัน ผู้เรียนจึงจำเป็นต้องเรียนรู้โครงสร้างและหลักการทำ Question Tag ดังต่อไปนี้

1. ถ้าประโยคหน้าเป็นประโยคบอกเล่า ส่วนของ Question Tag จะเป็นประโยคคำถามปฏิเสธ

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

He will help me, won’t he?
แปลว่า เขาจะช่วยฉัน ใช่ไหม

Peter ate an orange, didn’t he?
แปลว่า ปีเตอร์กินส้ม 1 ผล ใช่ไหม

2. ถ้าประโยคหน้าเป็นประโยคปฏิเสธ ส่วนของ Question Tag จะเป็นประโยคคำถามบอกเล่า

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Steve didn’t love her, did he?
แปลว่า สตีฟไม่ได้รักหล่อน ใช่ไหม

She can’t swim, can she?
แปลว่า หล่อนว่ายน้ำไม่เป็น ใช่ไหม

3. ถ้าประโยคหน้าเป็นกริยาช่วย (Helping Verbs) ส่วนของ Question Tag จะใช้คำกริยานั้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Yaya is a good girl, isn’t she?
แปลว่า ญาญ่าเป็นเด็กดี ใช่ไหม

We won’t go away, will we?
แปลว่า พวกเราจะไม่ไป ใช่ไหม

She can speak English, can’t she?
แปลว่า หล่อนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ใช่ไหม

He must work hard, mustn’t he?
แปลว่า เขาต้องทำงานหนัก ใช่ไหม

4. ถ้าประโยคหน้าไม่ใช่กริยาช่วย จะใช้ verb to do (do, does, did) มาช่วยในการทำ Question Tag

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

She saw him yesterday, didn’t she?
แปลว่า หล่อนเห็นเขาเมื่อวานนี้ ใช่ไหม

You love her, don’t you?
แปลว่า คุณรักหล่อน ใช่ไหม

He didn’t swim yesterday, did he?
แปลว่า เขาไม่ได้ว่ายน้ำเมื่อวานนี้ ใช่ไหม

5. จะใช้ pronoun ในการทำ Question Tag

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Mike can’t speak Chinese, can he?
แปลว่า ไมค์ไม่สามารถพูดภาษาจีนได้ ใช่ไหม[จะไม่ใช้ can Mike?]

Siri will help me, won’t she?
แปลว่า สิริจะช่วยฉัน ใช่ไหม

6. กริยาช่วยใน Question Tag จะใช้แบบรูปย่อ (หากเป็นปฏิเสธ)

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

She is a student of college, isn’t she?
แปลว่า หล่อนเป็นนักศึกษาที่วิทยาลัย ใช่ไหม

You are not a doctor in this hospital, are you?
แปลว่า คุณไม่ใช่หมอที่โรงพยาบาลนี้ ใช่ไหม

Tony reads books every day, doesn’t he?
แปลว่า โทนี่อ่านหนังสือทุกวัน ใช่ไหม

* รูปย่อของกริยาช่วยที่ใช้ใน Question Tag มีดังนี้

Does not ย่อเป็น doesn’t
Do not ย่อเป็น don’t
Did not ย่อเป็น didn’t
Is not ย่อเป็น isn’t
Are not ย่อเป็น aren’t
Was not ย่อเป็น wasn’t
Were not ย่อเป็น weren’t
Will not ย่อเป็น won’t
Shall not ย่อเป็น shan’t
Should not ย่อเป็น shouldn’t
Has not ย่อเป็น hasn’t
Have not ย่อเป็น haven’t
Had not ย่อเป็น hadn’t
Would not ย่อเป็น wouldn’t
Can not ย่อเป็น can’t
Could not ย่อเป็น couldn’t
Must not ย่อเป็น mustn’t
Ought not ย่อเป็น oughtn’t
May not ย่อเป็น mayn’t

* ข้อควรระวัง สำหรับ verb to have ถ้ามีความหมายอื่น เช่น 1. ได้รับ 2. กิน, รับประทาน จะใช้ verb to do มาใช้ในการทำ Question Tag

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

He has a new house, doesn’t he?
แปลว่า เขามีบ้านใหม่ ใช่ไหม

Kevin had a letter, didn’t he?
แปลว่า เควินได้รับจดหมาย ใช่ไหม

They have breakfast at home, don’t they?
แปลว่า พวกเขาทานอาหารเช้าที่บ้าน ใช่ไหม

* รูปแบบพิเศษของ Question Tag

1. ข้อความที่เป็นประโยคคำสั่ง ขอร้อง เชื้อเชิญ จะทำเป็น Question Tag ดังนี้

1.1 กรณีที่เป็นประโยคคำสั่ง ขอร้อง Question Tag จะเป็น will you หรือ won’t you

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Open the window, will you?
แปลว่า เปิดหน้าต่างหน่อย ได้ไหม

Stop smoking in the bathroom, will you?
แปลว่า หยุดสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ได้ไหม

1.2 ประโยคเชื้อเชิญ ชักชวน Question Tag จะใช้ shall we?

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Let’s go now, shall we?
แปลว่า ไปกันตอนนี้เถอะ ได้ไหม

Let’s eat, shall we?
แปลว่า กินกันเถอะ ได้ไหม

ข้อควรระวัง ถ้าประโยคข้างหน้า Question Tag เป็น Let me หรือ Let + object จะใช้ Question Tag เป็น will you? ตัวอย่างเช่น

Let Peter go home now, will you?
แปลว่า ให้ปีเตอร์กลับบ้านตอนนี้ ได้ไหม

2. เมื่อประโยคหน้าเป็น I am จะใช้ Question Tag เป็น aren’t I? เช่น

I am very clever, aren’t I?
แปลว่า ฉันเป็นคนฉลาดมาก ใช่ไหม

I am younger than you, aren’t I?
แปลว่า ฉันอายุน้อยกว่าคุณ ใช่ไหม

3. ถ้าประโยคหน้าใช้ used to จะใช้ did ใน Question Tag

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Bob used to live in America, didn’t he?
แปลว่า บ๊อบเคยอยู่ในอเมริกา ใช่ไหม

She never used to live in America, did she?
แปลว่า หล่อนไม่เคยอยู่ในอเมริกา ใช่ไหม

He used to sing this song, didn’t he?
แปลว่า เขาเคยร้องเพลงนี้ ใช่ไหม

4. Need และ Dare ถ้าใช้แบบกริยาธรรมดา ต้องใช้ verb to do มาช่วยใน Question Tag แต่ถ้าเป็นรูปกริยาช่วย ต้องใช้ needn’t และ daren’t ใน Question Tag

5. Question Tag ของ there is, there are, there was, there were จะนำ verb to be นั้น + there

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

There is a dog under the tree, isn’t there?
แปลว่า มีสุนัขอยู่ใต้ต้นไม้ ใช่ไหม

There are not many people in your house, are there?
แปลว่า มีคนไม่มากนักในบ้านของคุณ ใช่ไหม

6. Question Tag ของ this is, that is คือ isn’t it, is it เช่น

This is my book, isn’t it?
That isn’t his pen, is it?

7. Question Tag ของ those are, these are คือ aren’t they, are they เช่น

These are my pencils, aren’t they?
Those are not his apples, are they?

8. คำที่มีความหมายปฏิเสธ หรือเชิงปฏิเสธ เมื่อทำเป็น Question Tag จะทำเป็นรูปบอกเล่าธรรมดา เช่นคำว่า few, little, never, seldom, hardly, rarely, scarcely, neither, none, nobody, nothing

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

She hardly played to anyone, did she?
แปลว่า หล่อนแทบจะไม่เล่นกับใคร ใช่ไหม

Nothing is new, is it?
แปลว่า ไม่มีอะไรใหม่ ใช่ไหม

9. ถ้าประธานเป็น no one, nobody, everyone, anyone, anybody, neither of ให้ใช้ they แทนใน Question Tag เช่น

One needs to eat food, doesn’t one?
แปลว่า คนเราต้องกินอาหาร ใช่ไหม

One can’t live alone, can one?
แปลว่า คนเราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ ใช่ไหม

11. ถ้าประโยคซับซ้อน หรือมากกว่า 1 ประโยค ให้ใช้กริยาในประโยคหลักมาเป็น Question Tag

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

She said she arrived in Bangkok in the morning, didn’t she?
แปลว่า หล่อนพูดว่าหล่อนมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเช้า ใช่ไหม

He talks as if we were a soldier, doesn’t he?
แปลว่า เขาพูดราวกับว่าเขาเคยเป็นทหาร ใช่ไหม

อ่านต่อ คลิก >> การใช้ Question Tags


CON CÁO GIÀ Chim Sẻ và 30 PHÚT THỦ NHÀ TRẦN LỰC trước sức ép NGHẸT THỞ | AoE Highlights


“Chim Sẻ Đi Nắng Official” là kênh Youtube chuyên phát lại các trận đấu trực tiếp của Chim Sẻ Đi Nắng.
Ngoài ra còn kênh: Chim Sẻ Đi Nắng Video (https://www.youtube.com/channel/UCaAGSoGPXGtk8szSfzXCmQ)
Sẽ phát lại đầy đủ tất cả các kèo đấu hàng ngày của Chim Sẻ Đi Nắng!
Xem AOE thả ga free data 3G trên kênh chính thức của SBS với cú pháp:
CS gửi 9062 (gói ngày, 3.000VND/ngày)
CS30 gửi 9062 (gói tháng, 35.000/tháng)
Ủng hộ clan SBS tại:myclip.vn/live/5991/11
► Nội dung video thuộc bản quyền của Chim Sẻ Đi Nắng Studio.

Tham gia cùng cộng đồng Fan của Chim Sẻ Đi Nắng,các bạn vui lòng truy cập:
►FanPage CSDN: https://www.facebook.com/chimsedinangFanpage
►Facebook cá nhân CSDN : https://www.facebook.com/188fl
►Tham gia group CSDN tại : https://bit.ly/csdn_fanclub
►Kênh TikTok chính thức của CSDN : https://www.tiktok.com/@chimsedinang16
►Instagram chính thức của CSDN : https://www.instagram.com/chimsedinan…
►Liên hệ hợp tác
Mobile/Zalo: 096.9376.210
Email: [email protected]

chimsedinang aoe moi nhat 2020 aoe csdn aoehighlight chimse deche sieupham chimsedinangstudio teamaoesbs dechemoi keoaoemoinhat chimsemoinhat trandauaoemoinhat aoe2021 deche2021 aoede aoe2

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

CON CÁO GIÀ Chim Sẻ và 30 PHÚT THỦ NHÀ TRẦN LỰC trước sức ép NGHẸT THỞ | AoE Highlights

งงป่ะ? Him, Her, His, Us, Me ใช้ยังไง? | Tina Academy Ep.115


♡ รายละเอียดคอร์สสอนภาษา https://www.tinaacademy.com
♡ดูตัวอย่างหนังสือเสียง https://www.tinaacademy.com/listenup
♡ติดต่อซื้อหนังสือ @linetina (มี @ ด้วย)
♡ Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
♡ Instagram: https://www.instagram.com/tinathanchannel
♡ Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
♡ Line ID: @linetina https://line.me/R/ti/p/%40hxr4999x
tinaacademy pronoun เรียนภาษาอังกฤษ

งงป่ะ? Him, Her, His, Us, Me ใช้ยังไง? | Tina Academy Ep.115

คุณแม่ทำกับข้าว ของเล่นเครื่องครัว ของเล่นไม้ ของเล่นทำอาหาร ครัวไม้ สไลม์ Play Doh สกุชชี่


คุณแม่ทำกับข้าว ของเล่นเครื่องครัว ของเล่นไม้ ของเล่นทำอาหาร ครัวไม้ สไลม์ Play Doh สกุชชี่
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ช่อง Fairy Doll TV (แฟรีดอล) นะคะ
ฝากกดติดตามช่องแฟรี่ดอล ทีวี ของพี่นุ้ยด้วยนะคะ
❤ กดติดตามช่อง Fairy Doll : http://goo.gl/exBeXn
❤ Subscribe to the channel :http://goo.gl/exBeXn
❤Facebook : https://www.facebook.com/fairydolltv

Please feel free to subscribe to our channel for more Youtube exclusive children’s videos here. Fair use of content is intended

คุณแม่ทำกับข้าว ของเล่นเครื่องครัว ของเล่นไม้ ของเล่นทำอาหาร ครัวไม้ สไลม์ Play Doh สกุชชี่

นั่นไงบ้านมัน! ผีเด็กหันมามอง


ช่องเด็กฝึกงานโอ๊ค : Thep Oak
Facebook fan page: https://www.facebook.com/hasan00300/

ติดต่อโฆษณา
[email protected]

นั่นไงบ้านมัน! ผีเด็กหันมามอง

EP 49 :: He ใช้ยังไง I คนไทยเก่งอังกฤษ


He แปลว่า เขาผู้ชาย

ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook คนไทยเก่งอังกฤษ
กดลิ้งค์ http://bit.ly/2XY40mR

EP 49  ::  He ใช้ยังไง I คนไทยเก่งอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ heแปลว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *