Skip to content
Home » [Update] Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z | คํา ขยาย ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z | คํา ขยาย ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

คํา ขยาย ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Adjective คืออะไร – adjective หรือคำคุณศัพท์มีหน้าที่ขยายความหมายคำนาม ให้เราเห็นภาพ เข้าใจละเอียดคำนามนั้นๆ มากขึ้น เป็นคำที่ใช้บ่อยมากในประโยคต่างๆ วันนี้เราจะมาเเนะนำประเภคของ adjective พร้อมวิธีการใช้งานด้วยกันดังต่อไปนี้

Table of Contents

คําคุณศัพท์ adjective คืออะไร ??

ในประโยคต่างๆ เราจะเห็นหน้าที่ของ adjective หรือคำคุณศัพท์คือขยายความหมายให้คำนาม

  • เช่นในภาษาไทยเราก็มีคำนามเช่น คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ เพื่อบอกให้รูว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร เช่น สูง ต่ำ ดำ ขาว เป็นต้น ในภาษาอังกฤษ adjective ก็มีหน้าที่เช่นกัน
  • ยกตัวอย่างเช่น เด็กผู้ชาย ตัวเล็ก เราจะพูดภาษาอังกฤษว่า  The boy is small ในนั้น small จะเป็นคำคุณศัพท์ ส่วน boy เป็นคำนามในประโยคนี้
  • เช่นอยากบอกว่า แมว มีสีดำและขาว เราจะพูดภาษาอังกฤษว่า A cat is black and white ในนั้น black  กับ white เป็นคำคุณศัพท์เกี่ยวกับสีเพื่อจะอธิบายเพิ่มเติมให้สำหรับคำนาม cat  นั้น

ตำแหน่งของคำคุณศัพท์

ปกติเเล้วคุณจะเห็นว่า adjective บรรจุอยู่สามตำแหน่งหลักๆดังนี้

  1. วางหน้าคำนาม
  2. หลัง Verb to be
  3. หลัง Linking verb

เเล้วในเเต่ละตำแหน่งนั้น  adjective ได้ใช้งานอย่างไร รายละเอียดจะมีดังนี้

1. Adjective วางหน้าคำนาม:

เป็นวิธีการพูดเเบบธรรมชาติ ให้ไม่ซ้ำกัน ดูจากประโยคตัวอย่างภาษาอังกฤษนี้จะได้เข้าใจง่ายขึ้น

เช่น
— The black dog is running. เเปลว่า หมา สีดำ กำลังวิ่ง
— The beautiful girl is in the room. เเปลว่า สาว สวย อยู่ ใน ห้อง
— I can’t see the green bird. เเปลว่า ฉัน ไม่สามารถ มองเห็น นก สีเขียว

2. Adjective ตามหลัง Verb to be:

คือ Adjective  จะได้วางไว้หลัง verb to be (be, is, am, are, was, were, been) 

เช่น
— It will be good for you. เเปลว่า มัน จ ะดี สำหรับ คุณ
— The girl is lovely. เเปลว่า  เด็กหญิง น่ารัก
— She was happy yesterday. เเปลว่า เมื่อวาน หล่อน มีความสุข

3. Adjective ตามหลัง Linking verb:

หมายถึง Adjective วางไว้หลัง Linking verb (กริยาเชื่อม)

เช่น
— You look good today. เเปลว่า วันนี้ คุณ ดู ดี
— That sounds nice. เเปลว่า นั่น ฟังดู ดีจัง
— I feel sorry for that boy. เเปลว่า ฉัน รู้สึก สงสาร เด็ก คนนั้น

ไม่ได้ยากใช่ไหมคะกับวิธีการใช้ Adjective เเละการวางตำแหน่งของคำคุณศัพท์ในประโยค มัจะเป็นไวยากรณ์ภาษาอังกฤษส่วนหนึ่งที่เราควรจดไว้ เพราะในคำพูดคุยสื่อสารทั่วไปมักจะใช้กันบ่อยมาก 

เมื่อคุณอยากชมใครคนหนึ่งหรืออยากเเสดงความคิดเห็นของตัวเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่งการที่เราใช้  Adjective  จะช่วยคุณพูดได้ง่าย เเละคำพูดฟังราบรืนมากขึ้น

ระดับของ Adjective

คุณรู้ไหมว่า Adjective แบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ

  • A positive adjective หรือคุณศัพท์ขั้นปกติ/ ขั้นเท่ากัน
  • Comparative Adjective หรือ คุณศัพท์ขั้นกว่า
  • Superlative adjective หรือ คำคุณศัพท์ขั้นที่สุด

เพื่อขยายความหมายเเละลักษณะให้สำหรับคำนามให้อย่างเหมาะสมเพราะบ้างที่เราจะใช้ Adjective เพื่อเทียบระกว่างสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อมีการเน้นย่้ำหรือบ้างที่เราใช้ Adjective เพื่อไม่เปรียบเทียบกับใครที่ไหน เป็นต้น คือขึ้นอยู่กับเป้าหมายในคำพูดของเรา เราจะใช้ ระดับของ Adjective ให้อย่างเหมาะสมนะคะ

ยกตัวอย่างกับ A positive adjective

หรือคุณศัพท์ขั้นปกติ/ ขั้นเท่ากัน ให้คุณเห็นภาพชัดขึ้นเช่น A cat is big. เเปลว่า แมวตัวหนึ่ง ใหญ่, A man is tall.  เเปลว่า ชายคนหนึ่ง ตัวสูง ้เราจะเห็นว่าในสองประโยคนั้นเราตั้งใจใช้คำคุณศัพท์บรรยายสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่เปรียบเทียบกับใครที่ไหน 

ยกตัวอย่างกับ Comparative Adjective

หรือ คุณศัพท์ขั้นกว่า เช่น A man is taller than a woman. ผู้ชาย สูงกว่า ผู้หญิง เราจะเห็นเลยว่าคนพูดอยากเน้นย่้ำเรื่องผู้ชายคนนั้น สูงกว่าผู้หญิงคนนั้น ในนั้นคำว่า สูง “taller”เป็น การเปรียบเทียบสิ่งสองสิ่ง ว่าสิ่งไหนสูงกว่ากัน 

ยกตัวอย่างกับ  Superlative adjective

หรือ คำคุณศัพท์ขั้นที่สุด เป็นการใช้ Adjective เพื่อการเปรียบเทียบตั้งแต่สามขึ้นไป แล้วปรากฏว่า มีสิ่งหนึ่งที่ สูง ต่ำ สั้น ยาว เล็ก ใหญ่….กว่าเพื่อนเลย เช่น Somchai is the tallest man in class. สมชายตัวสูงที่สุดให้ห้อง (เฉพาะห้องนี้นะครับ) เราจะเห็นว่าคนพูดอยากเน้นย้ำเรื่องความสูงระกว่างหลายคนในห้องเรียนนั้น เเละนำนามคือ คุณ Somchai เป็นคนที่สูงสุดเเล้ว

คุณสามารถลองตั้งประโยคที่มีใช้ Adjective  ในทั้งสาม ระดับขั้นปกติ, ขั้นกว่า, ขั้นที่สุด เพื่อคุ้นกับวิธีการใช้งาน ใช้ได้คล่องมากขึ้นะคะ

Adjective คือคำที่ปรับเปลี่ยนคำนาม

ชนิดของ Adjective     

คุณสงสัยไหมว่าปกติเเล้ว Adjective ได้เเบ่งเป็นชนิดอะไรบ้าง ??? จริิงๆ เเล้วเรามีถึง 11 ชนิด Adjective ที่เราควรทราบเพื่อเเยกให้ออกเเละเอามาใช้งานได้ถูกต้องดังนี้     

Adjective ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 11 ชนิด คือ       

  1. Descriptive Adjective (คุณศัพท์บอกลักษณะ)        
  2. Proper Adjective (คุณศัพท์บอกสัญชาติ)         
  3. Quantitative Adjective (คุณศัพท์บอกปริมาณ)         
  4. Numeral Adjective (คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน)         
  5. Demonstrative Adjective (คุณศัพท์ชี้เฉพาะ)         
  6. Interrogative Adjective (คุณศัพท์บอกคำถาม)         
  7. Possessive Adjective (คุณศัพท์บอกเจ้าของ)         
  8. Distributive Adjective (คุณศัพท์แบ่งแยก)         
  9. Emphasizing Adjective (คุณศัพท์เน้นความ)         
  10. Exclamatory Adjective (คุณศัพท์บอกอุทาน)         
  11. Relative Adjective (คุณศัพท์สัมพันธ์)

ขอยกตัวอย่างประโยคสั้นๆ ในเเต่ละชนติของ Adjective ให้คุณได้เห็นภาพง่ายขึ้นเช่น

1. Descriptive Adjective 

คือ “คำคุณศัพท์บอกลักษณะ” ที่เจอบ่อยประกอบด้วย: good, bad, tall, shot, black, fat, thin, fat, thin, clever, foolish, poor, rich, brave, cowardly, pretty, angry, happy, sorry, etc.

  • ตัวอย่างเช่น 
    A clever pupil can answer the difficult problem. เเปลว่า นักเรียนที่ฉลาดสามารถตอบปัญหายากได้ ในประโยคนี้คำ Adjective ที่บอกลักษณะคือคำว่า “clever” (ฉลาด)

2. Proper Adjective 

คือ “คุณศัพท์บอกสัญชาติ” หรือ Proper noun  (เป็นนามเฉพาะ)

  • นั่นเอง เช่น
    Thailand  คือ  Proper noun เเละ  Thai คือ Proper Adjective  (เป็นคุณศัพท์บอกสัญชาติ) คำแปล คือ  ไทย, คนไทย
  • หรืออีกตัวอย่างเช่น The English language is used by every nation. เเปลว่า ภาษาอังกฤษใช้ในทุกประเทศ ในนั้น  English เป็นคำคุณศัพท์บอกสัญชาติ

3. Quantitative Adjective

คือ “คำคุณศัพท์บอกปริมาณ” ได้แก่ much, many, little, some, any, enough, half, great, all, whole, sufficient, etc.    

  • Linda did not give any money to her younger brother. เเปลว่า 
    ลินดาไม่ได้ให้เงินแก่น้องชายของหล่อน ในนั้นคำว่า any เป็นคำคุณศัพท์บอกปริมาณ

4. Numeral Adjective

คือ “คำคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน” แบ่งเป็นชื่อย่อยได้ 3 ชนิด คือ

  • 4.1 Cardinal Adjectives ได้แก่  one, two, three, four, five, six, seven, etc. 
  • 4.2 Ordinal Adjectives คือ “คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกลำดับที่ของนามนั้นๆ ได้แก่ first, second, third, fifth, sixth, seventh, etc.  
  • 4.3 Multiplicative Adjectives คือ “คุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม” ได้แก่ double, triple, fourfold   

First, Second, Third and so on are also ordinal adjectives

5. Demonstrative adjective

คือ คุณศัพท์ชี้เฉพาะหรือนิยมคุณศัพท์ ได้แก่ this, that (ใช้กับนามเอกพจน์), these, those (ใช้กับนามพหูพจน์) such, same     

  • เช่น I invited that man to come in. เเปลว่า ฉันได้เชิญผู้ชายคนนั้นให้เข้ามาข้างใน ในนั้นคำว่า that เป็นคุณศัพท์ชี้เฉพาะวางไว้หน้านาม

6. Interrogative adjective

คือ คุณศัพท์บอกคําถามได้แก่ what, which, whose 

  • เช่น Whose shoes are these? เเปลว่า รองเท้านี้เป็นของใคร ในนั้น whose เป็นคุณศัพท์บอกคําถามอยู่หน้าประโยค

7. Possessive adjective

คือ คุณศัพท์บอกเจ้าของได้แก่ my, our, your, his, her, its และ their

  • เช่น: This is my table. เเปลว่า นี่คือโต๊ะของฉัน
    ในนั้น my เป็นคุณศัพท์บอกเจ้าของวางไว้หน้านาม 

8. Distributive

คือ คุณศัพท์แบ่งแยก ได้แก่ each(แต่ละ), every(ทุกๆ), either(ไม่อันใดก็อันหนึ่ง), neither(ไม่ทั้งสอง)

  • เช่น Every soldier is punctually in his place. เเปลว่า ทหารทุกคนเข้าประจําที่ของตัวตรงเวลาดี ในนั้น every เป็นคุณศัพท์แบ่งแยกมาขยายนาม

9. Emphasizing Adjective 

คือ คุณศัพท์เน้นความได้แก่ own(เอง),very(ที่แปลว่า นั้น,นั้นเอง,นั้นจริงๆ)

  • เช่น He is the very man who stole my wrist watch last night.เเปลว่า เขาคือชายผู้ซึ่งได้ขโมยนาฬิกาข้อมือของฉันไปเมื่อคืนนี้ ในนั้น very เป็นคุณศัพท์เน้นความขยายนามที่ตามหลังให้มีนําหนักขึ้น

10. Exclamatory Adjective 

คือ คุณศัพท์บอกอุทานได้แก่ what เช่น

  • What an idea it is! เเปลว่า มันเป็นความคิดอะไรกันหนอ! 

11. Relative Adjective 

คือ คุณศัพท์สัมพันธ์ ได้แก่ what(อะไรก็ได้),whichever(อันไหนก็ได้) 

เช่น He will read what book he wishes. เเปลว่า แซมจะอ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่เขาปราถนา (จะอ่าน) ในนั้นคำว่า what ป็นคุณศัพท์สัมพันธ์ ไปขยายนามที่ตามหลัง และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าและประโยคหลังให้กลมกลืนกันอีกด้วย

ใน 11 ชนิดของ Adjective นั้นมี 7 ชนิดที่ใช้บ่อยมาก ควรจดจำไว้ได้เเก่ Descriptive, Quantitative, Demonstrative, Possessive,  Interrogative,  Distributive, Articles ต้องไม่พลาดนะคะ

Adjectives describe nouns or pronouns

คำคุณศัพท์ที่ใช้บ่อย 70 คำ พร้อมคำอ่าน คำแปล

1absentแอ๊บเซินทขาด (เรียน, งาน)2afraidอะเฟรดกลัว3backแบ๊คหลัง4badแบดเลว5beautifulบิ๊วทิฟุลสวย6betterเบ็ทเทอะดีกว่า7bigบิกใหญ่8blackแบล็คดำ9boringบ๊อริงน่าเบื่อ10brightไบร๊ทสว่าง, ฉลาด11broadบรอดกว้าง12brokenโบร๊เคินแตก13cloudyคล๊าวดิมีเมฆมาก14coldโคลดหนาว15coolคูลเย็น16crazyเคร๊สิบ้าคลั่ง17curlyเค๊อลิหยิก18gentleเจ็นเทิลอ่อนโยน19gladแกลดดีใจ20goodกุดดี21grayเกรสีเทา22greatเกรทเยี่ยม23happyแฮ๊พพิมีความสุข24hardฮาดแข็ง, ยาก25easyอี๊สิง่าย26emptyเอ็มทิว่างเปล่า27excellentเอ็กซะเลินทยอดเยี่ยม28excitedอิกไซ๊เท็ดตื่นเต้น29expensiveอิกซเป็นซิฝแพง30famousเฟ็เมิสมีชื่อเสียง31fastฟาสทเร็ว32fatแฟ็ทอ้วน33faultฟ๊อลทเท็จ34finalไฟ๊เนิลสุดท้าย35fineไฟนดี36firstเฟิสทลำดับแรก37freeฟรีอิสระ, เปล่า38freshเฟร็ชสดชื่น39friendlyเฟร็นลิเป็นมิตร40fullฟุลเต็ม41funnyฟั๊นนิตลก

and more…

42noisyน๊อยสิมีเสียงดัง43oldโอลดแก่44perfectเพ๊อเฟ็คทสมบูรณ์แบบ45poorพอจน46prettyพริททิสวย47quickควิกเร็ว48quietไคว๊เยิทเงียบ49largeลาจกว้าง50lastลาสทสุดท้าย, ..ทีแล้ว51lateเลทสาย52lazyเล๊สิขี้เกียจ53leftเล็ฟทซ้าย54lightไลทสว่าง55littleลิ๊ทเทิลเล็ก56longลองยาว57looseลูสหลวม58loudลาดเสียงดัง59lowโลต่ำ60luckyลัคคิโชคดี61sadแซดเศร้า62safeเซฟปลอดภัย63shortชอทสั้น64slowสโลช้า65smallสมอลเล็ก66tallทอลสูง67thickธิคหนา68thinธินบาง, ผอม69tightไททแน่น70tinyไท๊นิเล็ก

ว่ายังไงบ้างคะคุณ กับบทความ Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z หวังว่าคุณจะได้เห็นประโยชน์ของบทความนี้และอย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ทราบด้วยเพื่อเรียนรู้ไปซึ่งกันละกัน ช่วยการเรียนภาษาอังกฤษได้สนุกและมีคุณภาพที่ดีที่สุดนะคะ

[NEW] Verb (คำกริยา) คืออะไร มีกี่ประเภท ตัวอย่าง | คํา ขยาย ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

Verb (คำกริยา) คืออะไร มีกี่ประเภท ตัวอย่าง

ในบทเรียนนี้ เราจะพูดถึงคำกริยา (verb) ในภาษาอังกฤษ โดยผู้เรียนภาษาอังกฤษจะต้องเข้าใจสิ่งต่อไปนี้

Verb คือ อะไร?

Verb (กริยา) เป็นคำ หรือ กลุ่มคำที่เป็นการแสดงออก การเคลื่อนไหวของประธาน หรือแสดงสภาวะของประธาน เช่น eat กิน, run วิ่ง, walk เดิน, see เห็น, go ไป

คำกริยาภาษาอังกฤษ มีอะไรบ้าง

คำกริยาภาษาอังกฤษประกอบด้วย Finite Verb และ Non-finite Verb

Finite Verb คือ

กริยาแท้ ซึ่งถือเป็นกริยาที่สำคัญของประโยค

Non-finite Verb คือ

กริยาไม่แท้ และจะไม่มีการผันตาม Tense หรือ ประธานที่อยู่ข้างหน้า

คำกริยา ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของประโยคภาษาอังกฤษ เพราะถ้าไม่มีคำกริยาก็จะไม่สามารถสร้างประโยคได้

ประเภทของ Verb
Finite > Action, Linking, Auxiliary
Non-finite > Infinite, Gerund, Participle

Finite Verb
คือกริยาแท้ ถือเป็นกริยาที่สำคัญของประโยค (กริยาแท้หรือกริยาหลัก Main Verb) เป็นกริยาที่แสดงถึงกาลเวลา (Tense) หรือกริยาที่ถูกกำหนดโดยส่วนประธาน (Subject-Verb Agreement) ซึ่งอาจจะเป็นพจน์ (Number) ของนาม คือเอกพจน์หรือพหูพจน์, สรรพนามบุรุษที่ 1, 2, หรือ 3 (Person) หรือประธานอื่นๆ โดย Finite Verb แบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่ Action Verb, Linking Verb และ Auxiliary Verb

Action Verb
เป็นคำกริยาที่แสดงอาการ การกระทำ มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว (Movement) เช่น run, eat, read, jump, walk, swim, sing เป็นต้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
John eats snack. (eats เป็น Action Verb ทำหน้าที่เป็น Main Verb ของประโยค)
The girl cried at morning. (cried เป็น Action Verb ซึ่งทำหน้าที่เป็น Main Verb ของประโยค)

Linking Verb
เป็นกริยาที่ใช้เชื่อม Subject กับคำอื่นเพื่อขยายประธานของประโยคให้ได้ใจความสมบูรณ์ Linking Verb ที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษเจอบ่อยๆ ได้แก่ Verb to be (be, is, am, are, was, were, being, been) นอกจากนี้ยังรวมถึงคำกริยาบางตัว เช่น feel, small, taste, sound, become เป็นต้น ทั้งนี้คำที่อยู่หลัง Linking Verb จะถูกเรียกว่า Subjective Complement คือ ส่วนขยายประธาน ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง Adjective (คำคุณศัพท์) หรือ Noun (คำนาม) โดยมีหน้าที่เสริมความให้ประธานชัดเจนยิ่งขึ้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

The sky looked grey. (The sky – subject, looked – linking verb, grey – subjective complement)
ประโยคนี้ looked ไม่ได้เป็น Action Verb ที่แปลว่า มองดู ไม่ได้แปลว่า ท้องฟ้ามองดูเป็นสีเทา แต่เป็น Linking Verb ที่บอกสภาพของท้องฟ้า The sky ว่า ดูเป็นสีเทา หรือมีลักษณะสีเทา

Tukky is a comedian. (Tukky – subject, is – linking verb, comedian – subjective complement)
ประโยคนี้ comedian วางอยู่หลัง is ทำหน้าที่ขยายประธาน ทำให้รู้ว่า Tukky นั้นเป็นนักแสดงตลก

หลัง Linking Verb ต่อไปนี้ จะต้องตามด้วย Adjective เสมอ

คำกริยากลุ่มที่หมายความว่า กลายเป็น ได้แก่ get, go, grow, become ,fall, turn
คำกริยากลุ่มที่แปลว่า ดูเหมือนว่า ได้แก่ look, appear, seem
คำกริยากลุ่มที่บอกความรู้สึก กลิ่น รส และ ความไพเราะของเสียง ได้แก่ feel, smell, taste, sound
คำกริยากลุ่มที่หมายความว่า เป็นอยู่ในสภาพนั้นๆ ได้แก่ keep, remain, stay

ตัวอย่างประโยค The steak doesn’t taste nice. (taste – linking verb, nice – subjective complement/ adjective)

Auxiliary Verb
หมายถึง กริยาช่วย กลุ่ม be (am, are is, was, were, being, been), do (does, did) และ have (has, had, having) ซึ่งจะตามด้วยกริยาแท้ (Main Verb) เพื่อสร้างประโยคคำถามคำถาม (Question) ประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence) กาล (Tense) หรือประโยคที่ประธานถูกกระทำ (Passive Voice) สามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Helping Verb

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I gave the matter a great deal of thought. (gave – main verb)
I have given the matter a great deal of thought. (have – auxiliary verb, given – main verb)
I have been giving the matter a great deal of thought. (have been – auxiliary verb, giving – main verb)
Do they drive safely? (Do – auxiliary verb, drive – main verb)
We don’t want anything. (don’t – auxiliary verb, want – main verb)

นอกจากนี้ ตำราไวยากรณ์ภาษาอังกฤษบางเล่ม ก็ยังจัดให้ Modal Verb (กริยาช่วยชนิดพิเศษ) อยู่ในกลุ่มของกริยาช่วยประเภทหนึ่งเรียกว่า Modal Auxiliary Verb มีหน้าที่ทำให้กริยาแท้มีความหมายแตกต่างกันไป เช่น can, could, shall, should, will, would, may, might, must, ought to, need, needn’t โดย Modal Auxiliary Verb เหล่านี้จะใช้นำหน้าคำกริยาแท้หรือกริยาหลัก (Main Verb) ซึ่งอยู่ในรูป Verb Base Form (กริยาพื้นฐาน คือรูปลักษณะที่ยังไม่ได้ฝัน ไม่มีการเติม -s, -es, -ed, – ing) หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า verb 1 นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น People should choose friends wisely. (should – modal verb, choose – main verb)

หน้าที่ของ Modal Verb

ไม่จำเป็นต้อง = don’t have to
แนะนำ = should, ought to, had better
บังคับหรือห้าม = must, have to, mustn’t
แสดงความสามารถ = can, could, be able to
ขออนุญาต = can, could, may
ขอร้อง = can, could, will
แสดงความเป็นไปได้ = may, might
แสดงการคาดการณ์ล่วงหน้า = must, can’t
เสนอแนะ = shall
เสนอหรือแนะนำ = can, could, shall

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

May can ride a horse (แสดงความสามารถ)
You should eat more fruit. (แนะนำ)
You don’t have to call taxi. (ไม่จำเป็นต้อง)

หากในประโยคภาษาอังกฤษนั้นมีทั้งคำกริยาแบบ Auxiliary Verb และคำกริยาแบบ Modal Auxiliary Verb อยู่ด้วยกัน ผู้เรียนภาษาอังกฤษจะต้องวาง Modal Auxiliary Verb ไว้หน้า Auxiliary Verb เท่านั้น แล้วจึงตามด้วยกริยาแท้ หรือ Main Verb ของประโยค

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

The computer could have made an error. (could – modal auxiliary, have – have auxiliary, made – main verb)
หากมี Adverb of Frequency ได้แก่ always, usually, frequency, often, sometimes, occasionally, hardly, barely, rarely, scarcely, seldom และ never มาอยู่ในประโยคด้วย จะต้องวางอยู่ตรงกลางระหว่าง Modal Auxiliary Verb และ Main Verb

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I will always love you. (will – modal verb, always – adverb of frequency, love – main verb)
Finite Verb นี้ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของประโยค เพราะถ้าประโยคใดก็ตามขาดกริยาแท้ไป ก็จะทำให้ความหมายของประโยคนั้นไม่สมบูรณ์ พูดง่ายๆ ก็คือ Finite Verb คือ กริยาแท้ที่มีประธานเป็นของตัวเองและเปลี่ยนรูป (ผันได้ 3 ช่อง) ตาม Tense ในประโยค

John and Jim sing a song.
They sing a song.
Jack will sing a song.
He sings a song.
You are singing a song.
May is singing a song.
She was singing a song.

จากตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษข้างบนจะสังเกตเกี่ยวกับกริยาแท้ (Finite Verb) ได้ดังนี้

กริยาแต่ละตัวจะมีประธานของมันเอง รูปของกริยาจะผันตามประธานที่อยู่ข้างหน้า กริยาแต่ละตัวเวลานำมาใช้ถูกกำหนดโดยพจน์ (Number) ของนาม คือเอกพจน์ หรือ พหูพจน์, สรรพนามบุรุษที่ 1,2,3 (Peron) และ กาล (Tense)

การใช้ Finite Verb ให้ถูกต้อง
อันดับแรก ดูที่ Tense ในประโยคนั้นว่าเป็น ปัจจุบัน(Present) อดีต(Past) หรือ อนาคต(Future) โดยสังเกตจากคำบอกเวลา (Adverb of time) และต่อมา ให้ดูที่ Subject-Verb Agreement คือ ความสัมพันธ์ระหว่างประธานกับกริยา ถ้าประธานเอกพจน์ต้องใช้กริยาเอกพจน์ ถ้าประธานพหูพจน์ก็ต้องใช้กริยาในรูปพหูพจน์ และสุดท้าย Active/ Passive โดยปกติแล้วประธานของประโยคจะอยู่ในรูป Active คือประธานจะเป็นคนกระทำกริยานั้นเอง แต่ถ้าอยู่ในรูป Passive ประธานนั้นจะเป็นฝ่ายถูกกระทำ

Non-finite Verb
เป็นกริยาไม่แท้ และจะไม่มีการผันตาม Tense หรือ ประธานที่อยู่ข้างหน้า (รูปเอกพจน์ / พหูพจน์) มีเพียงรูปเดียว ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็ตามของประโยค กริยากลุ่มนี้ ได้แก่ Gerund, Infinitive และ Participle และกริยากลุ่มนี้ จะไม่ถูกนำมาใช้เป็นกริยาแท้ของประโยค แต่จะถูกนำมาใช้ทำหน้าที่อื่นๆ โดยเป็นคำนามบ้าง เป็นคำคุณศัพท์บ้าง

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I certainly do enjoy cooking (cooking – gerund)
I tell them to build the house at Bangkok. (to build the house – to infinitive)
The boiling water on the stove is hot. (boiling – present participle)

อ่านต่อที่เนื้อหา เรียนภาษาอังกฤษ คลิก >> Verb


ตัวอักษรภาษาอังกฤษ a-z (ตัวพิมพ์เล็ก)


++ ตัวอักษรภาษาอังกฤษ az (ตัวพิมพ์เล็ก) ++
ตัวอักษรภาษาอังกฤษ az (ตัวพิมพ์เล็ก)
1. a (เอ)
2. b (บี)
3. c (ซี)
4. d (ดี)
5. e (อี)
6. f (เอฟ)
7. g (จี)
8. h (เอช)
9. i (ไอ)
10. j (เจ)
11. k (เค)
12. l (แอล)
13. m (เอ็ม)
14. n (เอ็น)
15. o (โอ)
16. p (พี)
17. q (คิว)
18. r (อาร์)
19. s (เอส)
20. t (ที)
21. u (ยู)
22. v (วี)
23. w (ดับเบิ้ลยู)
24. x (เอ็กซ์)
25. y (วาย)
26. z (ซี หรือ แซท)
++ จัดทำโดย Por Pure Channel ++
ฝากกด Like กดแชร์ คลิปวีดีโอ และกด Subscribe ด้วยจร้า
จะอัพคลิปเรื่อยๆ
Channel : https://www.youtube.com/channel/UCuxFOCWjUZ7PxmzBaxialBQ
Subscribe : https://www.youtube.com/channel/UCuxFOCWjUZ7PxmzBaxialBQ?sub_confirmation=1

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ตัวอักษรภาษาอังกฤษ  a-z (ตัวพิมพ์เล็ก)

ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ | WAWA kids art


ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์
เกมสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยวาชน
เพื่อเสริมทักษะความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
วิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ และอื่นๆๆอีกมากมาย
อย่าลืมกดติดตาม Subscribe WAWA kids art กันนะค่ะ
เกม คณิตศาสตร์หรรษา ระดับประถมศึกษา (10 ข้อ) https://youtu.be/GhlHe6bjBCQ
เกม หาภาพตรงกับคำสั่ง หมวดวิทยาสาสตร์ https://youtu.be/nqoTcc0QV4
เกม ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์ https://youtu.be/xcT9ntfaVk
วาดการ์ตูนปลาโลมา, เรือ, ผีเสือ, เห็ด | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สนุกกับการเรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ https://youtu.be/7_bjSKieC7c
วาดการ์ตูน ผีเสื้อ, ดอกไม้, บอลลูน, อ่างอาบน้ำ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ https://youtu.be/sfOUFKhNmwc
เกมหารูปภาพตามคำสั่ง หมวดคำราชาศัพท์ https://youtu.be/6yPm5YA2is
เกมหาอักษรที่หายไป หมวดภาษาอังกฤษ https://youtu.be/If5UsAS9ZYQ
เรียนรู้ผลไม้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เล่นไข่เซอร์ไพรส์และลุ้นถ้วยไอศครีม | wawa kids art https://youtu.be/m0b4bpQLBfY
เรียนรู้เลข เล่นทำเลข 110 ผ่านแป้งโด เรียนรู้คำศัพท์ในหมวดผลไม้ https://youtu.be/VzdFLOoiWs
เรียนรู้เลข เล่นทำเลข 110 ผ่านแป้งโด เรียนรู้คำศัพท์ในหมวดผลไม้ https://youtu.be/VzdFLOoiWs
เกม ทายคำศัพท์ยานพาหนะ หมวดภาษาอังกฤษhttps://youtu.be/dc4ApC1qn_w
เกม หาสุภาษิตไทยจากรูปภาพ เรียนรู้ความหมายของสุภาพษิตไทย https://youtu.be/JhqtK1qae_s

ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ | WAWA kids art

100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย


100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย
กริยาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ verb
ภาษาอังกฤษใช้บ่อย,
กริยาอังกฤษ,
คำกริยาภาษาอังกฤษใช้บ่อย,
คำกริยาอังกฤษ,
คำกริยาภาษาอังกฤษ,
กริยาอังกฤษใช้บ่อย,

100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย

255 คำศัพท์ | ประโยคตัวอย่าง | คำคุณศัพท์ | Adjective | @เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


255 คำศัพท์พร้อมประโยคตัวอย่างคำอ่านคำแปลฝึกใช้คำคุณศัพท์นะคะ

255 คำศัพท์ | ประโยคตัวอย่าง | คำคุณศัพท์ | Adjective | @เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

รวมชุดกริยาวลีใช้บ่อยที่สุด 30 คำ พร้อมตัวอย่างประโยค


รวมชุดกริยาวลีใช้บ่อยที่สุด 30 คำ พร้อมตัวอย่างประโยค

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ คํา ขยาย ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *