Skip to content
Home » [Update] 13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายใน 3 เดือน | ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ง่ายๆ – NATAVIGUIDES

[Update] 13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายใน 3 เดือน | ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ง่ายๆ – NATAVIGUIDES

ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ง่ายๆ: คุณกำลังดูกระทู้

การสื่อสารมีความสำคัญเป็นอย่างมากเมื่อเราเรียนภาษาอังกฤษ ในการสื่อสารจะมีทั้งการฟังและพูด เพื่อสร้างบทสนทนาและสามารถโต้ตอบได้อย่างเข้าใจ แต่ปัญหาของผู้เรียนส่วนใหญ่จะเจอในการสื่อสารคือฟังได้แต่ตอบไม่ได้ พูดไม่ออก เรียนไปตั้งนานแต่ไม่เห็นการพัฒนา ทำให้รู้สึกว่าเรียนไปก็เสียเวลาไปเปล่า ๆ ดังนั้นวันนี้ทาง EngBreaking.co.th จะเปิด 13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในสามเดือน จริงหรือไม่ ? ต้องดู !

Table of Contents

1.เปลี่ยนจากการคิดเป็นภาษาไทยเป็นคิดเป็นภาษาอังกฤษก่อนพูดทุกครั้ง

ถ้าผู้เรียนคนใดอยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง เราต้องคิดเป็นภาษาอังกฤษก่อน เช่น เมื่ออยากจะพูดกับเพื่อนว่า

  • นานแล้วไม่เจอเธอเลย สบายดีไหม ?

เราจะคิดเป็นประโยคภาษาอังกฤษที่มีความหมายเดียวกันคือ

  • “Hi, Long time no see, How are you?”

จากนั้นลองคิดเกี่ยวกับคำตอบที่จะได้รับ ฝึกคิดตั้งแต่ประโยคสั้น ๆ ก่อน ถึงจะลองฝึกคิดประโยคยาว ตั้งแต่ง่ายจนถึงยากเพื่อท้าทายตัวเอง และเป็นการฝึกฝนที่จะช่วยได้หลายอย่าง ในการพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณเอง เช่น การโต้ตอบเร็วขึ้นเพราะจะไม่ต้องแปลหรือคิดเป็นภาษาไทยก่อนพูดเหมือนเดิม และสามารถเดาไว้ก่อนคำถามหรือคำตอบที่คุณอาจจะเจอในแต่ละกรณี ทำให้ตอนที่เราสื่อสารกับใครเราก็มั่นใจ พูดได้เร็วเพราะสมองได้ฝึกและคุ้นเคยกับศัพท์หรือประโยคเหล่านั้นอยู่แล้ว

Eng Breaking แนะนำวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษ

2.ต้องกล้าพูดภาษาอังกฤษ

ผู้เรียนบางคนชอบคิดว่าเมื่อเราเรียนแกรมมาเก่งแล้วเราถึงจะพูดก็ได้ แต่ความคิดแบบนี้ผิดมากเพราะตอนที่เราพูด ไม่จำเป็นที่ต้องพูดให้ถูกไวยากรณ์ 100% และถ้าเราไม่ฝึกพูดบ่อยและยิ่งมีความล่าช้าในการฝึกพูด ทำให้เกิดความไม่มั่นใจเมื่อต้องพูด เราคิดว่าเราจะพูดได้นะเพราะเราเคยเรียนศัพท์และไวยากรณ์นั้นไปแล้ว แต่เราไม่เคยได้ฝึกพูดจริง ๆ เมื่อถึงเวลาใช้งาน พอถึงเวลากลับพูดไม่ออก ดังนั้นอย่าลังเลในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ ต้องกล้าพูด กล้าท้าทายตัวเอง ถึงจะเก่งได้

3. ต้องฝึกพูดภาษาอังกฤษในหลายกรณีที่แตกต่างกัน

“Use It or Lose It” เป็นสำนวนอังกฤษที่มีความหมายว่า สิ่งใดไม่ได้ใช้ กำลังก็จะลูญหาย คุณค่าก็จะลดลง เช่นเดียวกันกับการฝึกฝนเรียนภาษาอังกฤษ หากไม่มีการนำออกมาใช้พัฒนา ความสามารถที่มีก็จะหายไปในที่สุด ดังนั้นต้องหมั่นเติมความรู้อยู่เสมอ เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะให้ไม่ถูกลดทอนไปและใช้งานไม่ได้ในที่สุด

หมั่นฝึกพูดให้หลากหลายและบ่อยขึ้น ถ้าเรียนรู้คำศัพท์มามากมาย แต่ไม่ทำไปใช้งาน การพัฒนาก็ไม่เกิดขึ้น ควรที่จะรู้จักการเรียนรู้ในรูปแบบอื่น ๆ เปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ที่มากขึ้น รู้จักการท้าทาย อย่ากลัวกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ เพราะสิ่งที่ทำให้เกิดความไม่ก้าวหน้า ส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากความกลัวที่จะก้าวข้ามมานั่นเอง

4.เรียนพูดภาษาอังกฤษอย่างสร้างสรรต์

ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตามถ้าเรามีความสร้างสรรค์ในการเรียน รู้จักประยุกต์การเรียน ถึงแม้จะเรียนคนเดียวแต่รู้จักออกแบบการเรียนให้ดูสนุกก็ทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ เช่น ฝึกฝนกับกระจก หรือร้องเพลงตามศิลปินที่ชอบ

และในปัจจุบัน ก็มีแอปพลิเคชั่นมากมายที่ช่วยในการเรียนรู้ควบคู่ไปการสร้างความบันเทิง เช่น Tiktok ที่มักจะมีชาเลนจ์ คอนเทนต์ที่น่าสนใจที่อัปเดตอยู่เสมอ ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษดูไม่ยากและน่าเรียนมากขึ้น การเรียนรู้ไปกับเพื่อน ๆ ก็จะช่วยเพิ่มความสนุกได้มากขึ้น กับกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น บอร์ดเกม ที่เป็นที่นิยม หรือแอปพลิเคชั่นที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็นำมาเล่นสนุกด้วยกันเป็นทีมได้เช่นกัน

ฝึกพูดภาษาอังกฤษถูกต้องสามารถเก่งได้ในสามเดือน

5.มีแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษที่ดี น่าเชื่อถือใช้ตลอดการเรียน

ตอนนี้เราสามารถหาได้ทุกอย่างได้ในอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น Blog, Vlog, Youtube เว็บไซต์ต่าง ๆ แต่ก็ใช่ว่าแต่ละแหล่งจะเชื่อถือได้และได้ผล ดังนั้นก็ควรศึกษาแหล่งข้อมูลเหล่านั้นให้ดี ๆ ว่ามีประโยชน์จริง ๆ อย่างเว็บ EngBreaking.co.th ที่มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษในแบบฉบับสมบูรณ์ รองรับผู้เรียนทุกระดับตั้งแต่ง่ายไปจนถึงยาก มีการจัดสรรเนื้อหาในบทเรียนให้เหมาะสมแก่ผู้เรียนแต่ละคน

6.เลียนแบบตามคนอื่นเป็นวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยม

ถ้าคุณชอบน้ำเสียงของใคร คุณสามารถเรียนตามเขาได้หรือเรียกได้ว่าวิธีการเลียนแบบตามคนอื่นที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษหลายคนที่เคยใช้และประสบความสำเร็จได้ การเรียนแบบนี้ง่ายมาก ๆ กับสามขั้นตอนคือ

  • ขั้นตอนที่หนึ่ง คุณต้องเลือกคนที่คุณชอบ มีน้ำเสียงดี ออกเสียงภาษาอังกฤษแบบชัดเจน
  • ขั้นตอนที่สอง พูดตามคำพูดของเขาแบบที่ละประโยคสั้นๆ 
  • ขั้นตอนที่สาม ปรับความเร็ว การขึ้นลงของเสียงตามคนพูดในวิดีโอ แล้วฝึกพูดตามประโยคยาวๆ ถ้าตอนแรกเราฟังก่อนแล้วพูดตาม แต่ถึงขึ้นตอนที่สามนี้เราลองพูดตามไปเลยเหมาะกับจังหวะ ถ้าขยันใช้วิธีแบบนี้เราจะสามารถเลียนสำเนียงต่างชาติได้อย่างคล่องแคล่ว

7.ลองฝึกใช้วิธี Tongue Twisters แบบสนุกๆ เพื่อฝึกพูดไว

ในภาษาอังกฤษมักจะมีศัพท์ที่อ่านออกเสียงยาก แต่ผู้เรียนจะไม่ต้องกังวลอีกแล้วเพราะเรามีเทคนิคเพื่อช่วยให้คุณปรับการออกเสียงให้ดียี่งขึ้นที่ได้เรียกว่า “Tongue Twisters” ที่หมายถึงสิ่งที่ทำให้ลิ้นบิดเบี้ยว หรือจริงๆ ก็คือเจ้าสิ่งนี้มันทำให้ลิ้นของเราอ่อน พูดได้เพราะมากขึ้นนั้นเอง
คุณสามารถฝึกออกเสียงตามวิธี “Tongue Twisters” โดยการอ่านประโยคละสามถึงห้ารอบหรือจนถึงเมื่อไหร่รู้สึกว่าโอเคแล้วเพื่อฝึกทักษะการพูดของตัวเองให้ดีขึ้นดังนี้

  • How can a clam cram in a clean cream can? ที่หมายถึง “หอยตลับเข้าไปแออัดยัดกันอยู่ในกระป๋องครีมสะอาด ๆ ได้ยังไงกัน” ช่วยคุณแยกระหว่างการออกเสียง /kl/ กับ /kr/ 
  • Send toast to ten tense stout saints’ ten tall tents. ที่หมายถึง “เอาขนมปังอบไปส่งที่เต็นท์สูงสิบหลังของพวกนักบุญอวบอ้วนที่ดูเคร่งเครียดสิบคน” ช่วยคุณแยกระกว่างการออกเสียง /s/ กับเสียง /t/ ซึ่งเป็นพยัญชนะฐานฟันทั้งคู่
  • If Stu chews shoes, should Stu choose the shoes he chews? ที่หมายถึง “ถ้าสตูเคี้ยวรองเท้า มันก็ควรจะเลือกรองเท้าที่มันเคี้ยวหรือเปล่า” ช่วยคุณแยกระกว่างการออกเสียง sh กับ ch ให้ชัดเจน กับหลายประโยคที่ผู้เรียนสามารถเก็บเอาไว้ฝึกพูดภาษาอังกฤษที่บ้านได้เช่น
  • Can you can a can as a canner can can a can? ฝึกออกเสียง เสียง /k/
  • I wish to wish the wish you wish to wish, but if you wish the wish the witch wishes, I won’t wish the wish you wish to wish. ฝึกออกเสียง sh กับ ch 
  • Santa’s short suit shrunk. ฝึกเสียง s กับ sh ซึ่งเป็นเสียงประเภท sibilant ทั้งคู่
  • Big purple bags were bought by the big picky people from

    Bilbao

    . ฝึกออกเสียง /b/ กับ /p/

8. เรียนรู้วลีแทนการเรียนรู้แต่ละคำ

การที่เราเรียนรู้เพิ่มวลีจะช่วยคุณในการพูดภาษาอังกฤษอย่างกล้วยๆ คำพูดจะออกมาแบบธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นเราควรทราบวลีที่ต่างชาติมักจะใช้กันบ่อยดังนี้

come up /kʌm/ with something แปลว่า ก่อให้เกิด, ปรากฏ
clean up /kliːn/ แปลว่า
ทำความสะอาด
come about  แปลว่า
สิ่งที่เกิดขึ้น
bring in something /brɪŋ/ แปลว่า
นำบางสิ่งบางอย่าง, เอามาให้
turn off /tɜːn/  แปลว่า ปิด
turn on something แปลว่า
เปิดบางสิ่งบางอย่าง
grow up /ɡrəʊ/  แปลว่า
โตขึ้น
keep up /kiːp/  แปลว่า
ทำต่อไป
look after /lʊk/ sb/sth แปลว่า
ดูแล
show up /ʃəʊ/ แปลว่า
แสดงขึ้นมา
stay behind /steɪ/  แปลว่า
อยู่ข้างหลัง
look up to sb แปลว่า
เคารพ
find out (something) /fɑɪnd/ แปลว่า
หา (บางสิ่งบางอย่าง)
wake up /weɪk/ แปลว่า 
ตื่นนอน

ยกตัวอย่างเช่น

:

What do you want to be when you grow up? แปลว่า คุณอยากเป็นอะไรเมื่อโตขึ้น?
How did you find out about the party? แปลว่า คุณทราบเกี่ยวกับปาร์ตี้ได้อย่างไร?
How many people showed up to the meeting? แปลว่า มีคนเข้าร่วมประชุมกี่คน

จากตัวอย่างดังนี้เราจะเห็นเลยว่าในภาษาอังกฤษเราก็มีหลากหลายวิธีเพื่อจะตั้งคำถามหรือตอบโดยการใช้ศัพท์หรือวลีที่เข้าใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะคำที่ต่างชาตินิยมกันใช้ เราควรทราบเพื่อเลียนแบบตามได้ถูก มีความก้าวหน้าสำหรับทักษะการพูดภาษาอังกฤษของตนเอง

9. ไม่หยุดการเก็บกศัพท์ใหม่

สำหรับการพูดภาษาอังกฤษถ้าเราไม่ขยันเสริมสร้างคลังคำศัพท์ของตัวเราเอง เราก็จะพูดไม่ได้แน่นอน เพราะตอนที่ขาดศัพท์จะฟังไม่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูดว่าหมายความว่าอะไร จากการฟังไม่ออกก็ทำให้จะตอบไม่ได้ ดังนั้นถ้าอยากพูดเก่งนอกจากต้องฝึกฟังและหัดสำเนียงตามให้เก่ง นอกจากนี้ก็ต้องหมั่นเก็บตกศัพท์ใหม่ไปเรื่อย ๆ ยิ่งมีคลังศัพท์เยอะยิ่งใช้คำพูดได้ธรรมชาติและพูดได้คล่อง ได้ไวเหมือเจ้าของภาษา

10. ต้องพัฒนาทักษะการพูดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

อย่าพึ่งหยุดการพัฒนาในทักษะการพูดของตัวเองโดยคิดว่าเราสื่อสารได้แล้ว หรือแค่นั้นแค่นี้คือพอแล้ว เพราะสำหรับการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ เราต้องขยันอัปเดตศัพท์ใหม่ถ้าจากพื้นฐานเราพูดได้แล้วแต่เรื่องแกรมมายังไม่ค่อยมั่นใจ ถึงจุดใดจุดหนึ่งถ้าคุณอยากเป็นช่างพูด พูดเก่งคุณควรใช้เวลาเพิ่มสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับ “part of speech” หรือเข้าใจกันง่ายๆ คือชนิดของศัพท์เพื่อได้รู้ว่าคำไหนเป็น คำนาม คำกริยา หรือ คำคุณศัพท์ เพื่อใช้ในการพูดหรือเขียนให้ถูก เพราะตอนสื่อสารทั่วไปคุณไม่ต้องใส่ใจแกรมมามาก แต่เมื่อคุณอยากสอบพูดแน่นอนว่าคุณต้องการทราบไวยากรณ์และเรียงศัพท์ให้ถูกถึงจะได้คะแนนสูงสุด คุณสามารถเข้า google translater หรือ youTube เพื่อดูวิธีการออกเสียงของศัพท์แต่ละคำที่คุณต้องการ ฝึกออกเสียงตามและตั้งประโยคกับศัพท์นั้นด้วยเพื่อจดจำได้ยาวนานขึ้น

11. เรียนจากทุกคน และหาเพื่อนใหม่เพื่อช่วยกันฝึกพูด

“Make a new friend” หรือเข้าใจได้ว่าการหาเพื่อนใหม่ผู้ที่ก็ชอบการเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกับคุณ จะเป็นคนต่างชาติหรือเป็นคนไทยที่เก่งภาษาอังกฤษก็ได้ คุณสามารถเรียนรู้ตามวิธีการออกเสียงหรือวิธีการตั้งประโยคของเพื่อนคนเก่ง เป็นวิธีการฝึกทักษะการพูดได้เร็วอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผล

มีหลากหลายหัวข้อให้คุณกับเพื่อนสามารถหยิบมาใช้ สร้างเป็นบทสนทนากันเพื่อฝึกพูดภาษาอังกฤษ ยกตัวอย่างเช่น

หัวข้อเกี่ยวกับ Hobbies ที่เสามารถถามตอบเกี่ยวกับเรื่องงานอดิเรกของเพื่อนหรือพูดเกี่ยวกับงานอดิเรกของเราเช่น

  • What are your hobbies?
  • Why do you like your hobbies so much?
  • How often do you do these hobbies?
  • How long have you been doing these hobbies, and how did you get started?

หัวข้อเกี่ยวกับ Work การทำงาน หรือที่ทำงานที่คุณสามารถเลือกถามตอบเกี่ยวกับ

  • What work do/did you do?
  • How do/did you like the work?
  • What is your dream job?
  • What is your general view about work? Why?

หัวข้อเกี่ยวกับ Shopping ใช้ในการเดินเล่นที่ตลาด หรืออยากหค้นหา ซื้ออะไรบางอย่างคุณสามรถฝึกพูดภาษาอังกฤษกับประโยคคำถามเหล่านี้

  • Do you enjoy shopping? Why/why not?
  • What is your favorite shop? Why?
  • In your city, where is a good place to go shopping?

ถ้าไม่มีสภาพแวดล้อมสำหรับการสื่อสารเลยส่งผลมให้พูดไม่เก่ง งั้นคุณลองหาหรือสร้างสภาพแวดล้อมเองโดยวิธีการลองหาเพื่อนสักคนที่เก่งภาษาอังกฤษเพื่อให้ทักษะการพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น ยังมีหลากหลายหัวข้อที่เราสามารถเอามาใช้กันได้ไม่ยากเมื่อคุณมีการเตรียมพร้อมในหลากหลายหัวข้อทั้งศัพท์และวิธีการตั้งคำถามและตอบรับรองว่าเมื่อคุณพูดคุณจะพูดได้ไว เพราะได้ผ่านการฝึกใช้มาก่อน และฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษมาก่อนแล้ว

12. อยากพูดดีต้องฟังให้ดีก่อน (จริงไหม?)

คุณเชื่อไหมว่าถ้าเราฟังไม่ดีเราก็จะพูดไม่ดีเหมือนกัน ? เพราะตอนที่เราฟังไม่ออกเราก็จะโต้ตอบแบบมั่นใจไม่ได้ แถมฟังไม่ออกจะไม่รู้วิธีการออกเสียงของศัพท์ให้ถูกต้องโดยซ้ำ ดังนั้นทักษะการพูดกับฟังต้องการฝึกใช้กันบ่อยๆ ฝึกไปพร้อมกันถึงจะเก่งได้
วิธีการฝึกฟังดีๆ ที่ทำที่ไหนก็ได้คือ

การพูดเป็นหนึ่งในสี่ทักษะสำคัญมากในเรียนภาษาใดภาษาหนึ่ง

13. จดจำเทคนิคการตอบคำถาม / คำตอบจะฝังอยู่ในคำถามเสมอ

คุณรู้ไหมว่าทักษะการตอบที่ดีคือจับ Keyword และคำตอบจะมีอยู่ในคำถามตลอด ดังนั้นตอนที่เราสื่อสารเราควรตั้งใจฟังคำถามที่คนอื่นเขาถามเราว่าเป็นประเภทคำถามแบบไหน ถึงจะหาคำตอบที่ตรงกันอย่างเช่น

ถ้าเขาถามคำถามโดยคำแรกเป็น “Does he…” เราจะตอบเป็นแบบ Yes, He does.

หรือถามแบบ Can she…?  เราจะตอบเป็นแบบ  Yes, she can.

หรือถามแบบ  It is…? เราจะตอบเป็นแบบ   Yes, it is. ง่ายๆ ที่แค่เราตั้งใจและจับใจความหมายของคำถาม หรือประเภคของคำถามเราจะตอบได้ถูกต้องเสมอเป็นอย่างไรกันบ้างกับ 13 เทคนิค ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในสามเดือนจาก Eng Breaking อย่าลืมกดติดตามเว็บไซต์ของเราเพื่อได้รับโปรโมชั่นคอรสเรียนดี ๆ แถมเคล็ดลับเด็ดต่าง ๆ เพื่อช่วยคุณพัฒนาทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเองให้ดีที่สุด Eng Breaking เชื่อว่าคุณทำได้แน่นอน ยินดีที่จะตอบทุกข้อสงสัยในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษกับผู้เรียนทั่วประเทศ

ความคิดเห็น 635 รายการ

 

[NEW] รีวิว วิธีสอน Phonics เด็ก 4-6 ขวบ วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ แบบโรงเรียนนานาชาติ | ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ง่ายๆ – NATAVIGUIDES

ใครมีปัญหา ‘ลูกอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก’ หรืออยาก สอนเด็ก สอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ กันบ้างคะ? คุณรู้หรือไม่ ภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก 4-6 ขวบ สามารถฝึกได้ง่ายมาก ด้วย วิธีฝึกการอ่านออกเสียง Phonics … ถ้าภาษาไทยมีการฝึกเด็กอ่านหนังสือแบบ กอ–อา = กา … ในภาษาอังกฤษก็มีวิธีฝึกเด็กอ่านหนังสือเหมือนกันค่ะ และในบทความนี้ ทีมงาน Beverly-O.com มี ‘วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ Phonics’ และ ‘เทคนิคการสอนอ่านภาษาอังกฤษ’ สำหรับเด็กอายุ 4-6 ขวบมาฝาก แบบโรงเรียนนานาชาติ เพื่อให้พ่อแม่ ฝึกเด็กหัดอ่านภาษาอังกฤษที่บ้านค่ะ

คุณอาจสนใจ

รีวิว เทคนิคการสอนอ่านภาษาอังกฤษ วิธีฝึกเด็กอ่านภาษาอังกฤษ

Phonics

โฟนิกส์ (Phonics) คือ วิธีการสอนเด็กให้อ่านด้วยการเชื่อมโยงหน่วยเสียงเข้าด้วยกัน หน่วยเสียงเรียกว่า Phoneme เช่น C ออกเสียงว่า เค่อะ เมื่อนำหน่วยเสียงมาเชื่อมกัน เช่น CAT อ่านออกเสียงว่า เข่อะ แอ่ะ เถอะ = แค่ท … รวมถึงเรียนรู้และออกเสียงสัญลักษณ์ที่แสดงถึงกลุ่มหรือตัวอักษร (Graphemes หรือ Letter Group) … โฟนิกส์ หรือ Phonics เป็นวิธีการเรียนอ่านหนังสือที่ใช้ในโรงเรียนประถมในสหราชอาณาจักร และหลากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งโรงเรียนนานาชาติระบบอังกฤษในประเทศไทยก็ใช้วิธีนี้กันค่ะ

และนี่คือวิธีสอนโฟนิคส์ เด็กอนุบาลนานาชาติ 4-6 ขวบ ที่คุณแม่ Beverly-O.com ได้รับประสบการณ์มาจากการส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติระบบอังกฤษค่ะ

1.

ถอดเสียงพยัญชนะ ภาษาอังกฤษ

เมื่อเด็กนานาชาติระบบอังกฤษ เรียนถึงชั้น Reception (หลักสูตรไทยเทียบเป็น อนุบาล 2 , หลักสูตรอเมริกาเทียบเป็น Pre-School) โรงเรียนจะเริ่มสอนตัวอักษรภาษาอังกฤษให้เด็ก โดย

  • สอนให้รู้จัก

    A-Z

    สอนให้รู้ว่าเขียนยังไง แต่ละตัวหันหัวหันหน้าไปทางไหน ตัวพิมพ์ใหญ่กับตัวพิมพ์เล็กเขียนยังไงบ้าง และหมายถึงตัวอักษรตัวไหนบ้าง

  • หลังจากนั้น โรงเรียนจะให้เด็กดูตัวอักษร แล้วอ่านออกเสียงออกมา เรียกว่าการ

    ‘Decoding’

    ค่ะ เช่น

(ขออนุญาติพิมพ์ตามเสียงในหัว ไม่ได้ยึดหลักความถูกต้องนะคะ) P ออกเสียงว่า เผ่อะ , A ออกเสียงว่า แอ่ะ, T ออกเสียงว่า ‘เถอะ’

ซึ่งการอ่านออกเสียง Decoding เสียงแต่ละตัวจะเริ่มจากตัวอักษรง่าย ๆ แล้วขยับขึ้นเป็นเสียงที่ออกยากขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ

 

รีวิว วิธีสอน Phonics เด็ก 4-6 ขวบ วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ แบบโรงเรียนนานาชาติ

รีวิว วิธีสอน Phonics เด็ก 4-6 ขวบ วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ แบบโรงเรียนนานาชาติ

รีวิว วิธีสอน Phonics เด็ก 4-6 ขวบ วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ แบบโรงเรียนนานาชาติ

รีวิว วิธีสอน Phonics เด็ก 4-6 ขวบ วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ แบบโรงเรียนนานาชาติ

 

รีวิว วิธีสอน Phonics เด็ก 4-6 ขวบ วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ แบบโรงเรียนนานาชาติ

รีวิว วิธีสอน Phonics เด็ก 4-6 ขวบ วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ แบบโรงเรียนนานาชาติ

รีวิว วิธีสอน Phonics เด็ก 4-6 ขวบ วิธีสอนลูกอ่านภาษาอังกฤษ แบบโรงเรียนนานาชาติ

ภาพจาก jollylearning.co.uk

2.

สอน

Blend

เสียง หรือ ผสมเสียง

หลังเด็ก ๆ เริ่มจำได้ ว่าตัวอักษรแต่ละเสียงออกเสียงว่าอะไร คุณครูในโรงเรียนนานาชาติอังกฤษ จะสอนเด็กอนุบาลให้ ‘เบลนด์เสียง’ (ผสมเสียง) ค่ะ เช่น ตามที่บอกไป เผ่อะ – อ่ะ – เถอะ = แพ่ท หรือ PAT ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีการสอนเด็กให้อ่านภาษาอังกฤษที่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ค่ะ

ตรงกันข้าม หากเราสอนตรงกันข้าม ด้วยการจำ

เช่น PAT อ่านว่า พีเอที = PAT … เป็นการจำ และเด็กจะไปต่อจากเดิมไม่ได้หรือได้แต่ว่ายาก อย่าลืมว่ายังมีคำยาก ๆ เช่น

Power ที่อ่านออกเสียงแบบคนไทยว่า ‘พาวเวอร์ ลูกจะงงสิ ว่า พีโอดับบลิวอีอาร์ อ่านว่า ‘พาวเวอร์’ ได้ยังไง

การ Blend Sound ของ Phonics จะช่วยให้เด็กเข้าใจและอ่านหนังสือได้ราบรื่น แบบโรงเรียนไทยสอนว่า กอ–อา = กา หรือ เผอะ-เอาะ-เหว่อ-เออร์ = พาวเวอร์ ซึ่งฟังแล้วมีเหตุผลมากกว่า พีโอดับบลิวอีอาร์ = พาวเวอร์ ค่ะ

3.

สอนอ่าน

CVC Words

ต่อมา พอเด็ก ๆ อนุบาลเริ่มอ่านเสียงง่าย ๆ ได้แล้ว โรงเรียนจะเริ่มโฟกัสไปที่การถอดเสียงตัวอักษรที่สะกดด้วย 3 ตัวอักษร ประกอบด้วย สระ, พยัญชนะ และตามด้วยสระ เป็นเสต็ปคำง่าย ๆ เช่น CAT, MAT, HAT (คำศัพท์ที่เขียนด้วยพยัญชนะ + สระ + พยัญชนะ)

เด็ก ๆ จะได้เรียนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวอื่น ๆ เช่น g, b, d และสระที่เหลือ เช่น e, o, u พร้อมกับมีหนังสือหรือมีการ์ดให้อ่าน คุณครูจะคอยเข้ามาประกบเด็กตอนเด็กกำลังเล่นของเล่น แล้วลองเอาการ์ดหรือเอาหนังสือให้เด็กอ่านออกเสียงออกมาดัง ๆ เรียกได้ว่าเป็นการสอนแบบสอนทีละนิด แต่จำ จำเข้าไปในสายเลือดและเข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่มีนั่งท่องนั่งจำเป็นคำ ๆ … ลืมภาพสมัยที่เราเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนกันเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วค่ะ

4.

ถอดเสียงกลุ่มพยัญชนะในคำ

CCVC

และ

CVCC

ระดับการเรียนโฟนิกส์ (Phonics) ขั้นต่อไปคือ คุณครูจะสอนให้เด็กอ่านพยัญชนะ CCVC และ CVCC โดย C ย่อมาจาก Consonant หรือ พยัญชนะ และ V คือ Vowel หรือ สระ CC ก็คือ พยัญชนะสองตัวเขียนติดกันที่ทำให้เบลนด์เป็นเสียงใหม่ เช่น tr ติดกัน อ่านออกเสียงว่า เทอะ-เออร์ … พอรวมกัน เช่นคำว่า Train ก็กลายเป็น เทอะ-เออร์-เอย์-อึน ออกเสียงว่า เทรน ค่ะ

สรุปง่าย ๆ อีกครั้งค่ะ สังเกตไหมคะ เริ่มแรกจะสอน CVC ก่อน เป็นคำง่าย ๆ เช่น CAT ซึ่งเป็นพยัญชนะ + สระ + พยัญชนะ รวมกันทำให้เกิดเป็นคำ ตอนนี้พอเด็กเริ่มคุ้นชินขึ้น จะสอนตัวอักษรที่ 2 ตัวที่เบลนด์เสียงด้วยกัน ผสมสระและพยัญชนะอีกตัวจนกลายเป็นคำใหม่ เช่น TRAP ซึ่งสะกดด้วย พยัญชนะ + พยัญชนะ + สระ + พยัญชนะ (หรือ CCVC) นั่นเองค่ะ ยกตัวอย่างดังนี้

CCVC เช่น tr, ch, st, gr, sh

ที่สะกดเป็นคำออกมาเช่น trap, chain, stop, shop

CVCC เช่น nt, st, rt, lk, nt

เช่น pant, fast, milk, want

5.

เรียนรู้การออกเสียง สระ

digraph

ที่โรงเรียนนานาชาติที่ลูกทีมงาน Beverly-O.com เรียน สอนการออกเสียง สระ digraph เร็วมากค่ะ เรียกได้ว่าแทบจะสอนควบคู่ไปกับการออกเสียงพยัญชนะธรรมดาเลย สระ Digraph คือ เสียงสระสองตัวทีรวมกันแล้วทำให้เกิดเสียงเดียว เช่น /oa/, /oo/, /ee/, /ai/ คุณครูก็จะทำการ์ดมาให้เด็ก สำหรับให้พ่อแม่ฝึกโฟนิคส์ภาษาอังกฤษกับเด็ก ๆ ตอนอยู่ที่บ้านด้วย เด็กจะถูกสอนว่า ai อยู่ด้วยกันออกเสียงว่า “เอย์” นะ แล้วมีเป็นประโยคสอนให้จำเช่น “ai ai, What a rain” หรือ “ee, ee, I can see” และ “Oi oi, Let’s all join” ขณะเดียวกันนักเรียนก็จะถูกสอนเกี่ยวกับ Split digraph หรือ Magic e เช่นกันค่ะ

ถึงจุดนี้ เด็ก ๆ จะเริ่มอ่านคำโดยเบลด์เสียงได้แล้ว เช่น train, rain, see, join

6. เรียน Consonant Digraph หรือ พยัญชนะ digraph

เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้พยัญชนะที่ติดกันสองตัวแต่รวมเป็นเสียงเดียว เช่น Ch และ Sh (ถามลูก ลูกออกเสียงว่า เฉอะ) และถูกสอนให้รู้จักและอ่านคำที่ขึ้นต้นด้วยตัวพยัญชนะดังกล่าว เช่น Shop, Chair และได้รับหนังสือที่มีคำเหล่านี้ สำหรับกลับมาฝึกอ่านกับพ่อแม่ที่บ้านอาทิตย์ละหนึ่งเล่มค่ะ

การสอน trigraphs และ digraph บางโรงเรียนจะเริ่มสอน พยัญชนะสามตัวตอน Year 1 แต่โรงเรียนนี้สอนตั้งแต่ Reception ค่ะ เช่น ‘igh’ ที่อยู่ในคำว่า ‘Light’ และอีกมากมายค่ะ

ประสบการณ์ของแม่กับลูกโรงเรียนนานาชาติ สอนเด็กเรียน Phonics

ในขณะเดียวกันโรงเรียนก็สอนเด็กสะกดคำไปด้วย ช่วงเรียนออนไลน์เพราะโควิด-11 ก็จะวุ่นวายหน่อยเพราะคุณแม่จะต้องเรียนออกเสียง Phonics (โฟนิกส์) เพื่อที่จะคุยกับลูกและแนะนำลูกให้ได้ คุณแม่ก็ต้องฟังเสียงในคลิปนี้ไป เพราะการออกเสียงพยัญชนะบางตัวเรายังไม่เคยรู้เลยค่ะหากไม่เรียนโฟนิกส์ … การเรียน Phonics คือสิ่งสำคัญ หากพ่อแม่ต้องการให้ลูกเด็กไทยอ่านภาษาอังกฤษได้ค่ะ

สมมติ ตัว L หากดูคลิปใน Youtube คลิปสอน Phonics บางคลิปจะให้ออกเสียงว่า เล่อะ แต่ในโรงเรียนที่ลูกทีมงานเรียนจะสอนให้ออกเสียงว่า “อึล” หรือ “เอิล” โดยปลายลิ้นแตะบริเวณหลังฟันหน้าค่ะ คุณแม่คิดว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ควรให้เจ้าของภาษาสอนออกเสียงค่ะ

หากเป็นคลิปสอนโฟนิคส์ (Phonics) ที่ออกเสียงใกล้เคียงกับที่ลูกเราเรียนมากที่สุด ก็เป็นคลิปนี้ค่ะ (เฉพาะการออกเสียงนะคะ)

ตอนนี้ผ่านไปประมาณ 3 เดือน ที่ลูกชั้นอนุบาล 2 หรือ Reception เรียน Phonics ที่โรงเรียน (มีบางช่วงเรียนออนไลน์เพราะปิดโควิด) ปรากฏว่า 3 เดือนผ่านไปน้องสามารถ ‘อ่านภาษาอังกฤษ’ ได้เป็นประโยคแล้วค่ะ เช่น Can you match the word? และประโยคต่าง ๆ จากประสบการณ์นี้ คุณแม่ตื่นเต้นมาก เพราะการเรียนโฟนิคส์ Phonics แม่ก็ได้เรียนการอ่านภาษาอังกฤษไปกับลูกด้วย และเข้าใจการออกเสียงภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น จากที่ปกติเราเคยเรียนแบบจำคำกันมา

หากเพื่อน ๆ มีข้อสงสัยแอดไลน์มาคุยกับคุณแม่ได้ที่ @beverlyo (มี @ นำหน้าค่ะ) แม้ว่าไม่ได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ แต่อะไรที่พอจะช่วยเด็ก ๆ และพ่อแม่เรียนภาษาอังกฤษ ออกเสียงภาษาอังกฤษได้ คุณแม่ก็ยินดีค่ะ

กระทู้ที่คุณอาจสนใจ

รายงาน


\”Reading\” ฝึกอ่านฝึกแปลภาษาอังกฤษ เรื่อง Marry is my dog.


ฝึกอ่านและแปลภาษาอังกฤษ
แบบฝึกหัดจับคู่คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails\u0026data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTI1ODE2MSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjczMzYwIjt9

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

\

ฝึกภาษาอังกฤษง่ายๆ อ่านเขียนให้ได้แบบชิวๆ | Chats Share


แชทแชร์วิธีฝึกภาษาอังกฤษ อ่านเขียนให้ได้แบบชิวๆ | Chats Share
สวัสดีค่ะ ชาวแชทแชร์ วันนี้มาต่อกันที่ เทคนิคฝึกอ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ ที่แชทเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับแฟนๆ ที่ดูเพจของแชทนะคะ
ถ้าหากใครยังไม่เคยดูคลิปก่อนหน้า ย้อนกลับไปดูกันที่ลิงค์นี้เลย https://youtu.be/XPuJSubMhTI
และค่อยกลับมาดูกันต่อที่คลิปนี้นะจ๊ะ
ชาวแชทแชร์ห้ามพลาดนะคลิปนี้ เปิดคลิปแล้ว subscribe ให้ด้วยนะคะ แล้วก็มาฝึกภาษาอังกฤษให้ได้ผล ไปพร้อมๆ กัน เคล็ดลับดีดี มีที่นี่เลยนะจ๊ะ
ติดตามแชทช่องทางอื่นๆได้ที่
Fb : www.facebook.com/chatsshare
Ig : @chatsshare
Twitter : @chatsshare
ฝึกภาษาอังกฤษ เทคนิคฝึกอ่านเขียนChatsShare

ฝึกภาษาอังกฤษง่ายๆ อ่านเขียนให้ได้แบบชิวๆ | Chats Share

เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน ฝึกอ่านและแปลภาษาอังกฤษง่ายๆ


ฝึกพูดภาษาอังกฤษพื้นฐาน
VDO นี้เป็นการแปลบทความภาษาอังกฤกง่ายๆ
ดูคลิป เพิ่มเติม กดได้เลย
การอ่านปี ค.ศ. ในภาษาอังกฤษ
https://www.youtube.com/watch?v=x71o6…
วิธีใช้ กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ (Adverbs of frequency)
https://www.youtube.com/watch?v=PeLP7…\r
ประโยคภาษาอังกฤษที่เจอบ่อย ที่โรงแรม At the hotel
https://www.youtube.com/watch?v=Fjw8k…
ไปรับ ไปส่ง ภาษาอังกฤษพูดว่า ( EP. 02 )
https://www.youtube.com/watch?v=g0xfN…
อ่านตัวเลขในภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว!( EP 01)
https://www.youtube.com/watch?v=uvEqj…
แปลภาษาอังกฤษ

เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน ฝึกอ่านและแปลภาษาอังกฤษง่ายๆ

[Live] ฝึกสะกดคำ ภาษาอังกฤษ (25 พ.ค. 2563)


หนังสือฝึกสะกดคำ
ราคาเล่ม 490 บาท
สั่งซื้อได้ทางไลน์ @reanher นะคะ
เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองฟรี กับครูอาย เรียนเหอะ อยากสอน ได้ที่ไหนบ้าง?
▸ Youtube : https://www.youtube.com/เรียนเหอะอยากสอน
▸ Facebook : https://www.facebook.com/reanher
▸ Instagram : https://www.instagram.com/reanher.ig
กดที่นี่เพื่อ Subscribe ช่องนี้กันได้นะคะ ^^
https://www.youtube.com/channel/UCRX0VwKduaOHqlGeIdeOAUg?sub_confirmation=1
ติดต่อสปอนเซอร์
▸ Email : [email protected]
ครูอาย สอนภาษาอังกฤษ เรียนเหอะอยากสอน

[Live] ฝึกสะกดคำ ภาษาอังกฤษ (25 พ.ค. 2563)

Reading English ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ


Reading English ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ง่ายๆ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *