Skip to content
Home » [Update] 12 คําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ สุดฮอต VS 12 ทริคตอบให้ได้งาน | ภาษา อังกฤษ กับ การ ทํา งาน – NATAVIGUIDES

[Update] 12 คําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ สุดฮอต VS 12 ทริคตอบให้ได้งาน | ภาษา อังกฤษ กับ การ ทํา งาน – NATAVIGUIDES

ภาษา อังกฤษ กับ การ ทํา งาน: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

คําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ที่คิดไม่ถึง ? ชีวิตคนเราหนีไม่พ้นสี่เรื่อง เรียน ทำงาน หาเงิน ใช้หนี้ วันนี้ทาง สถาบันสอนภาษาอังกฤษ อิงฟินิตี้จึงมีตัวอย่างคำถามพร้อมคู่มือ เรียนพูดภาษาอังกฤษ ตอบคําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ง่ายๆ พร้อมทั้งได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษไปในตัว เพื่อให้เพื่อนได้งานที่ต้องการสมใจ

หรือมองหา เรียนภาษาอังกษที่ไหนดี ลองอ่านดู

Table of Contents

เพิ่มโอกาสการได้งานต้องอ่าน 

และ

1.คําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ Tell me about yourself. เล่าเรื่องตัวคุณให้ฟังหน่อย

สองเหตุผลที่ HR ถามคำถามนี้ เพราะ

1.ต้องการลองฟังคำตอบจากคำถามมาตรฐาน

2.พวกเขาต้องการให้คุณรู้สึกว่าคุณสำคัญ

วลีที่ใช้

My name is….

I graduated from…

With my 3 years experiences and skills.

ตัวอย่าง

Well. I’ve been working for the past six years as a systems analyst and data manager. During that time I’ve been trained and certified on a number of different software platforms and systems.

อ้างอิงประสบการณ์จากงานเก่าว่ามันน่าจะช่วยบริษัทใหม่ได้อย่างไร เหมือนเวลาเราไปสัมมนา MLM ต้องมีคนมาเล่า Success story แต่โจทย์ก็คือเรื่องความสำเร็จนี้จะช่วยบริษัทที่คุณสมัครได้อย่างไร

Note:อย่าลืมทำการบ้านว่าบริษัทใหม่ ต้องการอะไร หรือคนแบบไหน

2. คําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ What are your strengths? อะไรเป็นจุดเด่น หรือ จุดแข็งของคุณ?

I think my strengths is … แล้วก็โม้หน่อยว่าทำไมถึงคิดเช่นนั้น เช่น จากที่ทำงานเก่าเจออะไรมา

โชวออฟบ้างว่าเรามีอะไรดี แต่ก็อย่าลืมเล่าหลักฐาน เช่น

“I am highly adaptable to change. During my internship a new payroll system was introduced, and other members of staff were unhappy about it. I taught myself the system in my own personal time and was then able to train others how to use it.”

เป็นอีกตัวอย่างที่อ้างถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วใช้ความสามารถในการปรับตัวพ้นผ่านมาได้

อย่าลืมสามเสต็ปสำคัญ

1.โฟกัสจุดแข็งเดียว เช่น adaptable ข้อเดียวก็ข้อเดียว

2.อย่าถ่อมตนจนเกินไป เช่น บอกว่าเป็นคนเรียนรู้เร็ว แต่ก็บอกว่าเพราะมีคนช่วยตลอด

3.ยกตัวอย่างเห็นภาพ เช่น ยกตัวอย่างจากการทำงาน ปัญหา วิธีแก้ แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร

3. คําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ What are your weaknesses? อะไรเป็นจุดอ่อน หรือ จุดด้อยในตัวคุณ?

คำถามประเภทนี้มักจะเป็นคำถามลวง ให้เราเผยจุดอ่อนของเรา

จุดอ่อนของเรา เราจะไม่เอามาโฆษณาขายตัวเองครับ แต่ในทางกลับกัน เราจะเอาจุดแข็งมาตอบแทนคำถามถึงจุดอ่อน คือเราจะตอบเอาสิ่งที่เราสามารถทำได้แต่ยังไม่คล่อง แล้วบอกตบท้ายไปว่าเราสามารถพัฒนาความสามารถเหล่านั้นได้

“For my weakness , I can speak English, but I think I still have to learn more.”

ที่สำคัญอย่ากล้าไปตอบประมาณ “I really don’t have any weaknesses” ฉันไม่มีจุดอ่อน เพราะรับรองไม่ได้งานแน่ๆ

4. คําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ What do you see as a major success in your life? อะไรคือความสำเร็จในชีวิตคุณ

ตรงนี้ให้เราตอบความสำเร็จที่สามารถอ้างอิงสู่งานที่จะเข้าไปทำ เช่น หากจะไปทำงานตำแหน่ง Manager ก็ต้องเล่าเรื่องความสำเร็จในการจูงใจทีม ให้กำลังใจ และกำหนดทิศทางของทีม ของการทำงานที่ผ่านมา หรือประสบการณ์ตอนเรียนมหาวิทยาลัย

งานขายต้องมาโดยใช้ห้าหลัก

1.ต้องสำเร็จมาเร็วๆนี้

2.ขายว่าทำอะไรได้บ้างอ้างอิงตำแหน่งที่สมัคร

3.ทำให้ดูมีความเป็นมืออาชีพ และมองโลกแง่บวก

ตัวอย่าง

My greatest achievement so far in my career would probably be winning the Manager of the Year award last year. I made numerous operational changes at my branch, including a massive reduction in stock levels – which significantly boosted our working capital. I also drove up sales levels, especially by increasing the uptake of after-sales insurance packages. The net effect was that we smashed the previous branch sales record by an impressive 37% – and profits rose in line with this. This directly resulted in my promotion to the management of the flagship Edinburgh branch.

5. Describe a major disappointment in your life. อธิบายถึงความผิดหวังครั้งสำคัญของชีวิตคุณ

คำถามนี้ให้พยายามตอบสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเนื้องาน เน้นดราม่าเน้นส่วนตัวนิดๆ จะเล่าเรื่อง อกหักรักคุด ตุ๊ดเมินอะไรก็ว่าไป เพราะเขาจะดูว่าคุณจัดการกับความผิดหวังและความเครียดได้ดีแค่ไหน ตอนจบของคำตอบที่คุณให้ไปต้องเสมือนเป็นแรงกระตุ้นเล็กๆให้มาทำงานนี้ หรือมายืนจุดนี้

ตัวอย่าง

My biggest disappointment is that I wasn’t able to follow my dream of being a professional dancer. I was injured as a teenager during a performance, and was never able to move quite as fluidly again. Even though I was disappointed at the time, I realize now that if I had taken that direction, I would not have my advanced degrees and a career I love.

6. What motivates you? แรงกระตุ้นของคุณคืออะไร

คำถามนี้เป็นคำถามที่ต้องการทราบแรงผลักดันของคุณที่ทำให้คุณกระโดดออกจากเตียงตอนเช้ามาทำงาน หลายๆคนอาจอยากแค่ย้ายงาน แต่ไม่ว่าอย่างไรอย่าตอบว่า เงิน คือเหตุผลนั้น

ตัวอย่างเหตุผลที่น่าสนใจ

Building success with a great team

Coaching others and watching them succeed

Meeting or exceeding project goals

Meeting deadlines through organizational abilities

Securing or building business

Handling challenging projects where I can apply my XYZ skills

Offering excellent customer service and commitment

Developing innovative ideas that come to fruition

Streamlining projects

Saving the company money

7. What does success mean to you? อะไรคือความหมายของคำว่าสำเร็จสำหรับคุณ

คำถามนี้เป็นตัวชี้วัดว่าความสำเร็จของคุณกับความสำเร็จของทีมนั้นๆจะเหมือนกันหรือใหม่ เกื้อหนุนกันไหม ถ้าคุณเข้ามาในบริษัทแล้วจะขัดกับวัฒนธรรมองค์กรหรือเปล่า

เช่นถ้าคุณสมัครตำแหน่งพนักงานขาย แล้วเป็นตำแหน่งที่กดดันเรื่องยอดมากๆ คำตอบอาจเป็นตามนี้

“Success means the achievement of a challenging and measurable goal that I have set for myself or that has been delegated to me. In my previous position I had specific sales targets to meet every quarter. I set myself the goal of been up on my monthly targets by 5 percent. I managed to exceed my quarterly targets by 8 percent on average. That, for me, was success.”

8. Where Do You See Yourself in Five Years? คุณเห็นภาพตัวเองในอีกห้าปีเป็นอย่างไร

เป็นคำถามที่ทาง HR อยากจะรู้ว่าคุณมีการวางแผนไหม และแผนที่วางไว้มันจะเหมาะสมกับทางบริษัทหรือเปล่า เช่นถ้าบอกวางแผนเรียนโท หรือวางแผนมีลูก หรืออาจต้องไปเกณฑ์ทหาร นี่จบๆ ไม่ต้องสัมภาษณ์กัน

แนวทางการตอบ

1.ไม่ควรเจาะจงจนเกินไป

2.ควรเน้นว่าคุณอยากเติบโตไปกับองค์กรในระยะยาว เพราะทุกบริษัทล้วนต้องลงทุนทั้งเงินและเวลาให้พนักงานทุกคนอยู่แล้ว

3.โชว์ความกระตือรือร้น แสดงตาลุกวาว เห็นภาพอนาคตตัวเองหน่อย

ตัวอย่างสวยๆ

“In five years, I’d love to have increased my skill level enough that I’m able to train others how to do this work. I love this work, and I’ve found that I really enjoy mentoring colleagues, so I’d be thrilled to be able to combine the two—continuing to work in a role like this one, but with a training or mentoring component to it.”

9. คําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ Why should we hire you? ทำไมเราต้องจ้างคุณ

เป็นคำถามที่ต้องทำการบ้านมาก่อน คุณต้องรู้จักบริษัท และตำแหน่งที่คุณสมัครอย่างดี ว่าตอนนี้ในตำแหน่งนี้บริษัทต้องการคนแบบไหน เพื่อทำหน้าที่อะไร ต้องการคนแบบไหน

คำถามนี้ยังถือเป็นโอกาสที่ให้คุณแสดงให้บริษัทเห็นว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งงานนี้มากแค่ไหน และเป็นช่วงที่คุณจะขายตัวเองจากประสบการณ์ ประวัติ ทักษะและความสามารถ ว่าจะช่วยองค์กรได้ขนาดไหน เวลาตอบควรแสดงความมั่นใจในน้ำเสียงและท่าทาง

ตัวอย่างสำหรับตำแหน่ง Project Manager

When I read the job posting I noticed that you specifically mentioned you were looking for someone with project management experience. As you can see on my resume I have over 10 years of experience as a project manager, but what I think really sets me apart from other candidates and will make me a valuable addition to your team is my ability to combine that with my people skills. I really value lasting relationships and actively seek to build those with developers, vendors and senior managers alike. I also enjoy interacting with customers and know that a happy customer is a repeat customer. My passion for this industry and the job I do drives me to deliver high-quality work every day.

10. Do you prefer working on a team or by yourself? คุณชอบทำงานเป็นทีมหรือชอบทำงานคนเดียว

คำถามนี้จริงๆทาง HR ต้องการดูไหวพริบในการตอบ เพราะไม่ว่าคุณจะตอบด้านไหนมันก็มักจะมีข้อเสียอยู่เสมอ

ดังนั้นเราควรตอบว่าเราชอบทำงานทั้งทีมและเดี่ยว

ตัวอย่าง

“I enjoy both. My answer is both work on a team, and work alone. Depending on the project that needs to be done, I can work independently to complete my tasks on time, but I also enjoy brainstorming and collaborating with my colleagues.”

11. What are your salary expectations? คุณคาดหวังเงินเดือนเท่าไหร่

คำถามเรื่องเงินอาจเปลี่ยนสมรภูมิการสัมภาษณ์จากร้อนแรงให้เป็นจืดชืดในทันควัน แล้วทำไมเหล่า HRจึงอยากถามคำถามนี้นัก อาจะเป็นเพราะ

1.เค้าอยากรู้ว่าจ่ายคุณไหวไหม

2.เพื่อต่อรองให้ได้ค่าจ้างต่ำสุด

3.เพื่อดูทัศนคติที่คุณมองมูลค่าของงานที่คุณทำ

แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร สิ่งที่คุณตอบมาก่อนหน้าคำถามนี้จะเป็นตัวช่วยบอกว่าตัวคุณมีมูลค่าแค่ไหน

เวลาตอบถามนี้ให้เน้นไปถึงสิ่งที่คุณทำให้บริษัทได้ในตอนนี้ และสิ่งที่คุณอาจจะทำให้เค้าเพิ่มเติมในอนาคต

เพื่อให้องค์กรเห็นภาพว่าคุณจะสร้างมูลค่า ลดต้นทุน หรือช่วยให้งานของพวกเขาง่ายแค่ไหน

และหากจำเป็นต้องบอกตัวเลขให้บอกเผื่อทางบริษัทต่อรองไว้สักเล็กน้อย

12.คําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ Do you have any questions? คุณมีคำถามอะไรอีกหรือไม่

เป็นคำถามบังคับที่คุณต้องตอบว่าใช่ แม่ว่าคุณจะมึนกับการสัมภาษณ์เมื่อครู่เพียงใด

“Yes, I do. From what you’ve been asking during the interview, it sounds like you have a problem with customer retention. Can you tell me a little more about the current situation and what the first challenges would be for the new person?”

คุณอาจจะถามถึงเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์ไปก็ได้

หรือคุณอาจลองถามคำถามง่ายดังต่อไปนี้ เพราะการถามคำถามเป็นการแสดงความสนใจในตัวงานซึ่งจะเพิ่มโอกาสการได้งานได้มากขึ้น

Questions You Can Ask the Interviewer

If you were to offer me the job, how soon would you want me to start?

ถ้าคุณจะให้ฉันทำงาน คุณต้องการให้ฉันเริ่มงานเมื่อไหร่?

When could I expect to hear from you?

ฉันจะได้คำตอบจากคุณเมื่อไหร่?

Are there any further steps in the interview process?

มีขั้นตอนอื่นอีกไหมสำหรับการสัมภาษณ์?

Are there possibilities for advancement?

ตำแหน่งนี้มีโอกาสก้าวหน้าได้อีกหรือไม่?

หวังว่าบทความ

12 คําถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ สุดฮอต VS 12 ทริคตอบให้ได้งาน

จะช่วยให้เพื่อนๆได้งานในฝันได้เร็วขึ้น วันนี้ทางสถาบันอิ้งฟินิตี้ขอลาไปก่อน หวังว่าโอกาสหน้าจะได้เจอกันจร้า

[Update] รวมวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน ตอนที่ 2 | ภาษา อังกฤษ กับ การ ทํา งาน – NATAVIGUIDES

เราเคยแนะนำวิธีการพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ ไปบ้างแล้วในบทความตอนที่ 1 แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่าในโลกของการทำงานนั้นยังมีสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญอีกมากมาย วันนี้ JobThai เลยมีวิธีการพูดภาษาอังกฤษในอีกหลาย ๆ สถานการณ์ที่คนทำงานอย่างเราต้องเจอมาฝาก

 

ดาวน์โหลด JADOH Learning Application ได้ที่นี่

iOS

Android

 

เคยไหมที่เรากำลังรองานบางอย่างจากเจ้านาย แต่เขาก็ยังไม่ทำงานนั้นให้เราสักที? ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ เราสามารถบอกเจ้านายให้เขาทำงานแบบสุภาพ ๆ ได้ด้วยการใช้ประโยคที่แสดงออกว่าเรารู้ว่าเจ้านายก็มีงานยุ่งมาก และคงจะไม่มีเวลามากนัก เช่น “Have you had a chance to review…?” หรือ “Have you had the opportunity to look at…?” ซึ่งแปลว่า “ได้มีโอกาสดู…รึยังคะ?”

 

หลายครั้งที่เราต้องพูดคุยกันเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อย่างเช่นเรื่องงบประมาณในการทำงานหรือโปรเจกต์ต่าง ๆ ซึ่งขั้นตอนที่จะทำให้รู้สึกลำบากใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตอนที่เราต้องการถามว่าเขาจะจ่ายเงินให้เราเท่าไหร่ จะให้ถามโต้ง ๆ ออกไปว่า “How much do you want to pay?” “คุณอยากจะจ่ายเท่าไหร่” ก็ดูจะตรงเกินไป ซึ่งถ้าเราอยากจะถามให้ฟังดูสุภาพมากขึ้น ก็สามารถพูดได้ 2 แบบ คือ

1. “Do you have a ballpark budget?”

2. “What is your price point for something like this?”

 

โดยทั้งสองประโยคเราสามารถใช้ได้ในกรณีที่ต้องการถามลูกค้าถึงจำนวนเงินที่เขาต้องการจ่ายให้เราแบบสุภาพ ๆ ว่าเขามีงบประมาณเท่าไหร่สำหรับงานที่กำลังพูดคุยกันอยู่

 

หลาย ๆ ครั้งที่คนทำงานอย่างเราต้องทำงานที่มีกระบวนการต่าง ๆ มากมายและต้องมีคนหลายคนเข้ามามีส่วนร่วมในงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อร่วมงาน เจ้านาย หรือแม้แต่ลูกค้า แต่ปัญหาที่คนจำนวนไม่น้อยเจอกันก็คือ คนเหล่านั้นยังไม่ทำงานในส่วนที่พวกเขาต้องรับผิดชอบให้เสร็จสักที ซึ่งถ้าเราอยากจะตามงานขึ้นมา ก็มี 3 วิธีที่เราสามารถใช้ได้โดยไม่ฟังดูหยาบคายเกินไป

 

1. เตือนเขาอย่างสุภาพผ่านข้อความหรืออีเมล

ในกรณีนี้เราจะใช้วลีว่า “A gentle reminder…” “ขออนุญาตแจ้งเตือน…” ซึ่งจริง ๆ แล้วเราอาจจะกำลังสื่อให้เขารับรู้ว่า ‘อย่าลืมเรื่องนี้นะ’ เช่น “A gentle reminder on the 18 puppies we need for our shoot next week!” “ขออนุญาตเตือนค่ะ อย่าลืมเรื่องลูกสุนัข 18 ตัวที่เราจะใช้สำหรับการถ่ายทำสัปดาห์หน้านะคะ”

 

2. ถามถึงแผนการดำเนินงาน

ใช้ประโยคคำถามถามถึงแผนการดำเนินงานและระยะเวลาที่งานจะเสร็จ แบบไม่กดดันเขาเกินไป โดยถามว่า “What’s your timeline on…?” “แผนการดำเนินงานมีอะไรบ้าง?” เช่น “What’s your timeline on getting in touch with our pancake supplier?” “แผนการดำเนินงานเพื่อติดต่อผู้จัดหาแพนเค้กมีอะไรบ้าง?” การถามแบบนี้ เมื่อผู้ตอบตอบแผนงานของเขามา เราก็เห็นถึงระยะเวลาที่คาดว่างานจะเสร็จได้

 

3. ถามว่าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม

แทนที่จะถามว่างานไปถึงไหนแล้ว เราอาจจะถามเขาว่ามีอะไรให้เราช่วยเกี่ยวกับงานนี้ไหมแทน โดยใช้ประโยคว่า “Would you like any help on…?” “คุณต้องการความช่วยเหลือตรงไหนไหม?” เช่น “Would you like any help on that travel article?” “มีอะไรให้ช่วยเกี่ยวกับบทความท่องเที่ยวไหม?”

 

 

หลายคนมักจะติดใช้คำว่า Um, Uh, Just หรือ Really เพียงแค่เพราะว่าอยากจะถ่วงเวลาให้มีเวลาคิดนานขึ้นก่อนจะพูดอะไรออกมา ซึ่งการใช้คำพวกนี้โดยไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษมันทำให้ดูเหมือนเราขาดความมั่นใจ ดังนั้นถ้าอยากมีเวลาคิดเพิ่มขึ้น ลองเปลี่ยนมาใช้ 3 วิธีนี้แทน

 

1. ชมว่าเป็นคำถามที่ดีมาก

หลังจากฟังคำถามจบ ให้พูดออกไปก่อนว่า “That’s a great question.” “คำถามนี้ดีมากเลยค่ะ” เพื่อให้เรามีเวลาคิดสักแป๊บนึง แล้วค่อยตอบคำถาม ซึ่งนี่อาจจะเป็นโอกาสให้เราชมคนที่ถามคำถามได้ด้วย

 

2. ทวนคำถามที่เขาถาม

ใช้วิธีการทวนคำถามที่เขาถามมาอีกครั้ง ด้วยการพูดว่า “So what you’re asking is…” “สิ่งที่คุณกำลังถามคือ…” นอกจากจะถ่วงเวลาได้แล้ว ยังเป็นการทวนให้มั่นใจอีกครั้งด้วยว่าเราฟังคำถามถูกและเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการถามจริง ๆ

 

3. ตั้งสติและหยุดคิด

ไม่ต้องพูดอะไร แต่ให้หายใจเข้าลึก ๆ พยักหน้า หยุดสักนิด เพื่อตั้งสติและคิดสิ่งที่เราอยากจะพูด แล้วค่อยพูดออกมา

 

การจะตอบคำถามให้ออกมาดีนั้นเราควรจะมีการวางโครงสร้างการตอบคำถามด้วย เพื่อเรียงลำดับเหตุการณ์หรือความสำคัญของสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ ซึ่งเราอาจจะใช้วิธีเรียบเรียงคำตอบแบ่งให้ใจความที่ต้องการจะสื่อสารออกมาเป็น 3 ส่วน โดยใช้คำเชื่อมที่ทำให้ฟังดู Professional มากขึ้น โดยเริ่มต้นด้วยคำว่า “Firstly” ที่แปลว่า “อย่างแรก” เพื่อเป็นการเริ่มต้นบทสนทนา จากนั้นเราค่อยอธิบายเพิ่มเติมโดยใช้คำว่า “Secondly” “อย่างที่สอง” มาเชื่อมเนื้อหาที่เราจะพูด และก่อนที่เราจะจบสิ่งที่ต้องการพูด ก็อาจใช้คำว่า “Above all” “เหนือสิ่งอื่นใด” เป็นขั้นสุดท้าย

เมื่อเราถูกถามคำถามที่ไม่ใช่แค่อธิบายคำตอบเท่านั้น แต่ต้องมีการยกตัวอย่างเหตุการณ์หรือสถานการณ์ประกอบด้วย แทนที่เราจะพูดตัวอย่างเหล่านั้นเลย เราควรจะเริ่มต้นด้วยประโยคว่า “A great example that comes to mind is…” “ตัวอย่างที่นึกออกคือ…” เพื่อไม่ให้คำตอบหรือตัวอย่างที่เรายกมานั้นฟังดูห้วนเกินไป เช่น ถ้าเรากำลังสัมภาษณ์งานอยู่ และถูกถามถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาเราก็สามารถใช้ประโยคดังกล่าว ก่อนจะอธิบายงานที่เราเคยทำ ด้วยการพูดว่า “A great example that comes to mind is when I worked in jewellery company as a marketing officer.”

 

ในการขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เราสามารถพูดให้น่าฟังและสุภาพมากขึ้นได้ ด้วยการใช้คำว่า Would และ Could ซึ่งสามารถใช้ขึ้นต้นประโยคต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ตัวอย่างเช่น

1. “Would you be able to print out the last meeting report?” “รบกวนช่วยปริ้นต์รายงานการประชุมครั้งก่อนให้หน่อยได้ไหมคะ?”

2. “Could you possibly help me with the new program?” “รบกวนช่วยดูโปรแกรมใหม่หน่อยได้ไหมคะ?”

 

ถ้าเราเห็นว่าเพื่อนร่วมงานกำลังยุ่งกับการทำงาน หรือกำลังดูเหมือนมีปัญหาอะไรบางอย่างที่เราน่าจะเข้าไปช่วยได้ เราสามารถพูดเพื่อเสนอตัวให้ความช่วยเหลือเขาได้ง่าย ๆ ด้วย 3 ประโยค ดังนี้

1. “Is there anything I can help?” “มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหม?”

2. “Can I give you a hand?” “ให้ฉันช่วยอะไรไหม?”

3. ถ้าถามแล้วแต่เขาตอบว่ายังไม่มีอะไรให้ช่วย เราก็ยังสามารถพูดได้อีกว่า “Give me a shout if you need anything.” “ถ้าเธอต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลยนะ” เพื่อให้เขารู้ว่าเรายังคงพร้อมจะช่วยเขาอยู่

 

หลายครั้งที่เกิดปัญหาในการทำงานเนื่องจากการสื่อสารที่ผิดพลาด และไม่มีการคอนเฟิร์มข้อมูลต่าง ๆ ให้ชัดเจน และให้แน่ใจว่าทุกฝ่ายเข้าใจและได้รับข้อมูลที่ตรงกัน ซึ่งการพูดเพื่อคอนเฟิร์มนั้น มี 2 ประโยคที่สามารถนำไปใช้ได้ คือ

1. “I just want to make sure that…”

2. “I just want to be absolutely clear that…”

 

โดยทั้ง 2 ประโยคนี้มีความหมายว่า “ฉันต้องการคอนเฟิร์มว่า…” ซึ่งหลังจากพูดแล้วเราสามารถพูดรายละเอียดเรื่องที่เราต้องการคอนเฟิร์มต่อได้เลย

 

คนทำงานแทบทุกคนต้องเคยผ่านการนำเสนอมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานหรือโปรเจกต์ต่าง ๆ และการเริ่มต้นการนำเสนอที่ดีจะช่วยดึงดูดความสนใจจากคนที่กำลังฟังเราได้ โดยเฉพาะการบอกให้คนฟังรู้ตั้งแต่เริ่มว่าในการนำเสนอครั้งนี้ เรากำลังจะพูดถึงเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งเราสามารถพูดตามสเต็ปได้ดังนี้

1. แนะนำตัวเองและพูดถึงหัวข้อที่เราจะนำเสนอด้วยประโยคที่ว่า “Today, I’m going to present…”

2. จากนั้นให้บอกผู้ฟังถึงประเด็นคร่าว ๆ ที่เราจะพูด ว่าเราจะเริ่มที่เรื่องอะไร ด้วยประโยค “I’ll start by…” และจะต่อด้วยเรื่องอะไร ด้วยประโยค “And then I’m going to move on to explain…”

3. อย่าลืมจบประเด็นสุดท้ายที่เราจะนำเสนอด้วยคำว่า “Finally”

 

ตัวอย่าง

Hello, my name is Lita from Cargo Express. I am very happy to be here. Today, I’m going to present our brand new tracking system. I’ll start by telling you a bit about Cargo Express and some services we provide at our company. And then I’m going to move on to explain how this new tracking system works. Finally, you will have a chance to try this system and ask questions.

 

เป็นยังไงบ้างกับการพูดภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เราเอามาฝากกัน แต่นอกจากทั้งหมดในบทความนี้แล้ว เรายังมีภาษาอังกฤษสำหรับคนทำงานอีกหลายบทความรอคุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการพูดตามสถานการณ์ต่าง ๆ หรือการใช้คำศัพท์ที่จะทำให้ดู Professional มากขึ้น คลิกที่บทความที่สนใจได้เลย

 

 

หางาน สมัครงานง่าย ๆ ด้วย JobThai Mobile Application

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

 

JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน

Public group · 200,000 members

Join Group

 


บทเรียนการฟังภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน – ปรับปรุงทักษะการฟังภาษาอังกฤษของคุณ


ลองฝึกฟังภาษาอังกฤษที่พูดตามธรรมชาติกัน!
🎧 วิธีเรียนรู้
1. คุณจะได้ยินเสียงสองครั้งที่ความเร็วมาตรฐาน
2. มีคำบรรยายบนหน้าจอพร้อมเสียงช้าๆ
—————————————
วลีภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน การฝึกพูดช้า ๆ และง่าย ๆ
https://youtu.be/Z2IRvKH4tY
600 วลีสำคัญในภาษาอังกฤษ
https://youtu.be/TfXHrAfVEQo
บ่งบอกตัวตนของคุณเป็นภาษาอังกฤษ
https://youtu.be/nAVk_KU_1Mw แบบฝึกพูดภาษาอังกฤษแบบช้าและง่าย

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

บทเรียนการฟังภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน - ปรับปรุงทักษะการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

600 วลีสำคัญในภาษาอังกฤษ


มาเรียนรู้วลีพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ซึ่งใช้กันทั่วไปในการพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน!
ติดตามเสียงภาษาไทยและเสียงภาษาอังกฤษจะเล่มตามมา
โดยการฟังเสียงที่ได้ยินซ้ำ ๆ หลายครั้ง วลีที่คุณได้เรียนรู้จะยังคงอยู่ในหัวของคุณต่อไป
คุณต้องการที่จะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องหรือไม่ หากต้องการแบบนั้นให้ลองอ่านออกเสียงไปพร้อม ๆ กับวิดีโอและเสียงที่ได้ยิน! หากคุณฝึกฝนซ้ำ ๆ วลีและคำศัพท์ต่าง ๆ ที่คุณจำได้จะเริ่มออกมาจากปากของคุณเองโดยธรรมชาติ
———————————————
บ่งบอกตัวตนของคุณเป็นภาษาอังกฤษ
https://youtu.be/nAVk_KU_1Mw แบบฝึกพูดภาษาอังกฤษแบบช้าและง่าย

600 วลีสำคัญในภาษาอังกฤษ

1-50 คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทำงาน-APCS


1-50 คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทำงาน-APCS

Increase Brain Power, Enhance Intelligence, IQ to improve, Binaural Beats, Improve Memory


You can use this track as a background to help you study and improve learning process or to make your work more effective.
We used binaural tone patterns between 12 and 20 Hz (Alpha Beta range). This range frequency is the most dominant during times of high mental activity. Stimulating beta brainwaves can lead to higher levels of concentration, improving learning ability and attention.
You can buy this track with the title \”Increase Brain Power and Improve Memory\” here:
Amazon: https://amzn.to/2keEFXM
7 Digital: https://bit.ly/3kQG0iL
or listen to it on
Spotify: https://spoti.fi/2kJkq4F
Deezer: http://bit.ly/2keET14
YouTube Music: http://bit.ly/2TwfJZn
Napster: http://bit.ly/2TxKk8T
Akazoo: http://bit.ly/2VFv4tx
Tidal: http://bit.ly/39iFF1x
This track contains binaural frequencies, we recommend the use of earphones or headphones.
To test this track we have used these earphones https://www.sleepphones.com/?aff=105
They have a high audio quality and are very comfortable.

Activate notifications so you can stay up to date on the latest news. We publish on Monday and Wednesday.
“Music for Body and Spirit” channel includes also:
Reiki Music:
Here you can find the music for your Reiki treatments with bell every 3 minutes, or without bell. Tracks with bell change to every position with melodies and harmonies studied in detail to help the treatment.
Meditation and Yoga music:
For your short or long meditation or yoga sessions, to balance your body and spirit. Here you can find the music suitable for your taste.
Meditation Sounds
The music in this playlist has as common characteristic the absence of harmonic changes and very delicate melodies, which make these songs ideal for deep meditation.
Chakra meditation music with tibetan bowls
We have created a new playlist that collects chakra meditation tracks. Special feature of these tracks is that they were composed only with Tibetan bells. The sound is absolutely natural, you will feel them next to you.
We suggest you to listen to this track at low volume.
Relaxing Music:
These tracks can be used in any situation: as a background while you are working, in relaxation moments after a stressful day or just when you want.
Short meditation and relaxing track:
Short tracks from 4 to 10 minutes for short meditation or for relaxation. They can be listened in succession to get a long and varied track as desired.
Binaural beats:
This is definitely the most special playlist. Each track is composed for a specific purpose.
Sleep music:
Sleep is very important to a person’s health. These compositions are designed to accompany you for the duration of your sleep or just to fall asleep.
WE UNDERLINE THAT OUR MUSIC CANNOT CURE A HEALTH CONDITION NOR DOES IT WANT TO REPLACE THE ADVICE OF A DOCTOR OR HEALTH CARE PROVIDER. MOREOVER, NEVER LISTEN TO OUR MUSIC WHILST DRIVING OR OPERATING MACHINERY OF ANY KIND.
℗ 2020 Music for Body and Spirit – Meditation Music All rights reserved.
Buy our music:
Amazon: https://goo.gl/y9Dvag
iTunes: https://apple.co/31nqBy1
7 Digital: https://bit.ly/38qQFLh
Streaming music:
Spotify: https://goo.gl/3p2Rme
Deezer: https://goo.gl/FeJfXz
YouTube Music: http://bit.ly/37nR5zT
Napster: http://bit.ly/2GgexmN
Tidal: http://bit.ly/2RJBCUf
Find us with the name “Music Body and Spirit”
℗ 2020 Music Body and Spirit All rights reserved.
Our site: http://www.musicforbodyandspirit.com/
Follow Music for Body and Spirit social pages:
Facebook: https://www.facebook.com/musicforbodyandspirit/
Instagram: https://www.instagram.com/musicforbodyandspirit/?hl=it
Twitter: https://twitter.com/musicbodyspirit
Pinterest: https://www.pinterest.it/3ebaafd872bfd93/
For business enquiries: [email protected]

Increase Brain Power, Enhance Intelligence, IQ to improve, Binaural Beats, Improve Memory

คำภีร์ภาษาอังกฤษสำหรับพนักงานเสิร์พในร้านอาหาร แค่คลิปเดียวจบ | ภาษาอังกฤษกับเคลี่


ภาษาอังกฤษกับเคลี่ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
FACEBOOK: ภาษาอังกฤษกับเคลี่ @englishwithkaylee นักเรียนติดตามเพจ 1.2 ล้านคน
INSTAGRAM: KAYLEE WONDER DMD @drkayleewonder

บริจาคที่ www.paypal.me/kayleewonder ขอบคุณมากๆ จากใจค่ะ

ครูชื่อเคลี่ค่ะ เกิดที่เมืองไทย เป็นคนอุดรค่ะ ครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่ปี 2001 เรียนจบมัธยมปลายที่รัฐฮาวาย ต่อตรีที่รัฐคอนเนคติคัท และจบเอกทันตแพทย์ที่ลาสเวกัสค่ะ ตอนนี้ทำงานเป็นหมอฟันที่รัฐวอชิงตัน เริ่มสอนภาษาอังกฤษในเฟสบุ๊คปี 2016 ตอนที่เรียนทันต ปี 3 ค่ะ ตอนนี้ก็มีคนติดตามในเพจมากกว่า 1.2 ล้านคน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีนักเรียนมาเรียนด้วยเยอะแบบนี้ อยากให้คนไทยได้พูดภาษาอังกฤษเป็น จะได้เจริญก้าวหน้า และตัวเองก็อยากฝึกภาษาไทยด้วย จะสังเกตุได้ว่าบางทีอาจจะพูดแข็งกระด้างเกินไป หรือว่าสะกดคำไทยผิด เพราะไม่ได้ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวันเลยค่ะ พูดแต่อังกฤษ และคนที่บ้านก็พูดอิสานด้วย อันนั้นก็เริ่มไม่ถนัดแล้วเหมือนกันค่ะ ก็อย่าถือสากันเลยนะคะ แต่ภาษาอังกฤษเนี่ยครูสำเนียงเป๊ะค่ะ ตอนนี้ก็สอนเป็นงานอดิเรกค่ะ เท่าที่มีเวลาว่าง สอนฟรี และไม่มีคอร์สสอนนะคะ แค่ทำงานเป็นหมอฟันครูก็เหนื่อยมากแล้วค่ะ เรียนฟรีๆก็ดีแล้ว ไม่ต้องเสียเงิน ความรู้หาฟรีได้เยอะแยะไป ถ้ามีโอกาสก็อาจจะเปิดคอร์ส แต่ก็คงอีกนานค่ะ ครูจะพยายามมาลงคลิปบ่อยๆนะคะ ขอบคุณที่มาดูคลิปและติดตามกันนะคะ

เรียนภาษาอังกฤษ, เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง, เทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษ, สำนวนภาษาอังกฤษ, ประโยคภาษาอังกฤษ, บทสนทนาภาษาอังกฤษ, เก่งภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน, ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว, วลีภาษาอังกฤษ, เรียนต่อที่เมืองนอก, American English, Learn English, English lesson, ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ, การออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง, สำเนียงอังกฤษแบบอเมริกัน, คำศัพท์อังกฤษ, ศัพท์อังกฤษ, บทเรียนภาษาอังกฤษ, เรียนต่อที่อเมริกา, การฟังภาษาอังกฤษ, ฝึกการฟังภาษาอังกฤษ, เรื่องราวสั้นๆภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษพื้นฐาน

คำภีร์ภาษาอังกฤษสำหรับพนักงานเสิร์พในร้านอาหาร แค่คลิปเดียวจบ | ภาษาอังกฤษกับเคลี่

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ภาษา อังกฤษ กับ การ ทํา งาน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *