Skip to content
Home » [Update] 108 ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานง่ายๆ ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจําวัน มีคำอ่าน แปล! | ประโยคพูดยาก – NATAVIGUIDES

[Update] 108 ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานง่ายๆ ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจําวัน มีคำอ่าน แปล! | ประโยคพูดยาก – NATAVIGUIDES

ประโยคพูดยาก: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

1721

SHARES

Facebook

Twitter

ประโยคภาษาอังกฤษ 108 ประโยคพื้นฐาน สำหรับผู้เริ่มฝึกพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวันกันนะครับ  เนื้อหาต่อไปนี้มีทั้งภาษาอังกฤษ คำอ่าน พร้อมทั้งคำแปลให้เรียบร้อย เผื่อบางคนที่ยังอ่านไม่คล่องนั่นเอง

ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจําวันสำรับเจ้าของภาษาอาจจะยาวๆ หรือว่ายากๆหน่อย ซึ่งเขาก็ใช้ในแบบฉบับของเขานั่นแหละครับ สำหรับพวกเราแล้ว ถ้ายังเพิ่งเริ่มเรียนใหม่ๆ ขอแนะนำให้ศึกษาประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆ และเป็นประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยก่อนเป็นเบื้องต้น แล้วค่อยๆศึกษาอะไรที่มันยากขึ้นหลังจากที่เราพอมีพื้นฐานแล้ว

ประโยคภาษาอังกฤษ

Table of Contents

ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษที่จะได้เรียนรู้กันต่อไปนี้ เป็นแนวคําถามและคำตอบคู่กัน ซึ่งแต่งประโยคโดยใช้คำพูดง่ายๆ พร้อมคำแปล เพื่อทุกคนไม่ต้องพะวงกับการเปิดดิกชันนารี ถ้าสามารถเรียนรู้และจดจำได้ทั้ง 108 ประโยค รับรองว่าสามารถฟุดฟิดฟอไฟได้ในระดับหนึ่งเลยแหล่ะ

ประโยคภาษาอังกฤษสำหรับการทักทาย ถามตอบทุกข์สุข

ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย

ประโยคถามตอบทุกข์สุขก็จะเป็นการทักทาย การแนะนำตัว การกล่าวลา ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Greetings นั่นเอง มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 12 ประโยคด้วยกัน

1.Hello, my name is Sam.
เฮ็ลโล มายเนม อิส แซม
สวัสดี ชื่อ ของผม คือ แซม (ผมชื่อแซม)

2. Hey, I’m Jane.
เฮ้ ไอม เจน
หวัดี ฉัน คือ เจน (ฉันชื่อเจน)

3. Nice to meet you.
ไนซ ทุ มีท ยู
ยินดี ที่ได้ พบ คุณ (ยินดีที่ได้รู้จัก)

4. Nice to meet you, too.
ไนซ ทุ มีท ยู ทู
ยินดี ที่ได้ พบ คุณ เช่นกัน (ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน)

5. It was nice meeting you.
อิท เวิส ไนซ มี๊ททิง ยู
มัน ดี ที่ได้ รู้จัก คุณ (ยินดีที่ได้รู้จักกับคุณ)

6. It was nice meeting you, too. Bye.
อิท เวิส ไนซ มี๊ททิง ยู ทู บาย
มัน ดี ที่ได้ รู้จัก คุณ เช่นกัน ลาก่อน

7. Goodbye.
กุ๊ดบาย
ลาก่อน

8. Nice to see you again.
ไนซ ทู ซี ยู อะเกน
ยินดี ที่ได้ พบ คุณ อีกครั้ง

 9.You too.
ยูทู
เช่นกัน

10.How are you?
ฮาว อา ยู
คุณ สบายดี ไหม

11. Fine thanks, and you?
ไฟน แธงส แอน ยู๊
สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ

12.I’m okay, thank you.
ไอม โอเค แธงคิว
ฉัน สบายดี ขอบคุณ

ประโยคภาษาอังกฤษสำหรับถามตอบข้อมูลส่วนบุคคล

ฝึกพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน

ประโยคถามตอบข้อมูลส่วนบุคคล ก็จะเป็นการถามข้อมูลส่วนบุคคลในด้านต่างๆ เช่น ถิ่นกำเนิด อาชีพ สถานศึกษาเป็นต้น ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Personal Information นั่นเอง มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 35 ประโยคด้วยกัน

13. Where are you from?
แว อา ยู ฟรอม
คุณ มา จาก ไหน

14. I’m from England.
ไอม ฟรอม อิ๊งเลินด
ฉัน มา จาก ประเทศอังกฤษ

15. Where do you come from?
แว ดู ยู คัม ฟรอม
คุณ มา จาก ไหน

16. I come from America.
ไอ คัม ฟรอม อเม๊ริเคอะ
ฉัน มา จาก ประเทศ อเมริกา

17. What do you do?
ว็อท ดู ยู ดู
คุณ ทำงาน อะไร

18. I’m a student.
ไอม อะ สตู๊เดินท
ผม เป็น นักศึกษา

19.What’s your job?
ว็อทส ยัว จอบ
คุณ ทำงาน อะไร

20. I work in a bank.
ไอ เวิค อิน อะ แบ็งค
ฉัน ทำงาน ใน ธนาคาร

21. Where do you work?
แว ดู ยู เวิค
คุณ ทำงาน ที่ไหน

22. I work for the Smile Bank.
ไอ เวิค ฟอ เดอะ สไมล แบ็งค
ฉัน ทำงาน ให้กับ ธนาคาร สไมล์

23. Do you like your job?
ดู ยู ไลค ยัว จอบ
คุณ ชอบ งาน ของคุณ ใช่ไหม

24. Yes. I like it very much.
เย็ส ไอ ไลค อิท เว๊ริ มัช
ใช่ค่ะ ฉัน ชอบ มัน มาก

25. Where do you go to school?
แว ดู ยู โก ทู สกูล
คุณ ไป โรงเรียน ที่ไหน (คุณเรียนอยู่ที่ไหน)

26. I go to King School.
ไอ โก ทู คิง สกูล
ผม ไป โรงเรียน คิง (ผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนคิง)

27. What subjects do you like?
ว็อท ซับเจ็คส ดู ยู ไลค
วิชา อะไร ที่คุณ ชอบ (คุณชอบวิชาอะไร)

28. I like math and English.
ไอ ไลค แม็ธ แอน อิ๊งลิช
ผม ชอบ คณิตศาสตร์ และ ภาษาอังกฤษ

29. How tall are you?
ฮาว ทอล อา ยู
คุณ สูง เท่าไหร่

30. I’m 165 centimetres tall.
ไอม วัน ฮั๊นเดริด แอนด ซิกสติ เซ็นทิมี๊เทอส ทอล
ฉัน สูง 165 เซ็นติเมตร

31. What is your weight?
ว็อท อิส ยัว เวท
น้ำหนัก ของคุณ คือ อะไร (คุณ หนัก เท่าไหร่)

32.I wiegh 42 kilograms.
ไอ เว ฟ๊อทิ ทู คิ๊ละแกรมส
ฉัน หนัก 42 กิโลกรัม

33. How old are you?
ฮาว โอลด อา ยู
คุณ อายุ เท่าไหร่

34. I’m twenty-three.
ไอม เทว็นทิ ธรี
ฉัน อายุ 23

35. How old are you?
ฮาว โอลด อา ยู
คุณ อายุ เท่าไหร่

36. I’m twenty years old.
ไอม เทว็นทิ เยียส โอลด
ฉัน อายุ ยี่สิบ ปี

37. When is your birthday?
เว็น อิส ยัว เบิ๊ธเด
เมื่อไหร่ คือ วันเกิด ของคุณ (วันเกิดของคุณวันไหน)

38. Fourth of July.
ฟอธ ออฟ จุล๊าย
วันที่ 4 ของ เดือนกรกฎาคม ( 4 กรกฎาคม)

39. When were you born?
เว็น เวอ ยู บอน
เมื่อไหร่ คุณ ถูกให้กำเนิด (คุณเกิดวันไหน)

40. December 6th, 1994.
ดิเซ็มเบอะ เดอะ ซิกส์ ไนนทีน ไนนทิฟอ
เดือนธันวาคม วันที่ 6 ปี 2537 (6 ธันวาคม 2537)

41. Do you have a mobile phone?
ดู ยู แฮฝ อะ โม๊ไบล โฟน
คุณ มี โทรศัพท์ มือถือ ใช่ไหม

42. Yes, I do.
เย็ส ไอ ดู
ใช่ ฉัน มี

43.What’s your phone number?
ว็อทส ยัว โฟน นั๊มเบอะ
เบอร์ โทรศัพท์ ของคุณ คือ อะไร

44. 086 123 3129
โอ เอท ซิกส วัน ทู ธรี ธรี ทู วัน ไนน
ศูนย์ แปด หก หนึ่ง สอง สาม สาม หนึ่ง สอง เก้า

45.What nationality are you?
ว็อท แน๊ชแน็ลเลอะทิ อา ยู
คุณ คือ สัญชาติ อะไร (คุณมีสัญชาติอะไร)

46. I’m American.
ไอม อะเม๊ริเคิน
ผม คือ สัญชาติอเมริกัน (ผมมีสัญชาติอเมริกัน)

47. What’s your nationality?
ว็อทส ยัว แน๊ชแนลเลอะทิ
สัญชาติ ของ คุณคือ อะไร

48. I’m English.
ไอม อิ๊งลิช
ฉัน คือ สัญชาติอังกฤษ (ฉันมีสัญชาติอังกฤษ)

ประโยคภาษาอังกฤษสำหรับถามตอบสิ่งที่ชื่นชอบ

ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน

ประโยคถามตอบสิ่งที่ชื่นชอบ ก็จะเป็นการถามเกี่ยวกับ บุคคล สิ่งของ กิจกรรมต่างๆที่ชื่นชอบ เช่น นักร้อง สี กีฬา ผลไม้ เป็นต้น  ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Favourites นั่นเอง มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 30 ประโยคด้วยกัน

49. Who is your favourite singer?
ฮู อิส ยัว เฟ็ฝเวอะริท ซิ๊งเงอะ
นักร้อง ที่ชื่นชอบ ของคุณ คือ ใคร (นักร้องคนโปรดของคุณคือใคร)

50. My favorite singer is Justin Bieber?
มาย เฟ็ฝเวอะริท ซิ๊งเงอะ อิส จั๊สติน บี๊เบอะ
นักร้อง คนโปรด ของฉัน คือ จัสติน บีเบอร์

51.I like Lady Gaga.
ไอ ไลค เล๊ดิ ก๊ากะ
ฉัน ชอบ เลดี้ กาก้า

52. Who is your favourite star?
ฮู อิส ยัว เฟ็ฝเวอะริท สตา
ดารา ที่ชื่นชอบ ของคุณ คือ ใคร (ดาราคนโปรดของคุณคือใคร)

53. I like Brad Pitt. And you?
ไอ ไลค แบรด พิท แอนด ยู๊
ฉัน ชอบ แบรด พิตต์ แล้ว คุณล่ะ

54. My favourite is David Beckham.
มาย เฟ็ฝเวอะริท อิส เด๊วิด เบ็คแฮม
คนที่โปรดปราน ของฉัน คือ เดวิด เบ็คแฮม

55. What kind of music do you like?
ว็อท ไคด ออฟ มิ๊วสิค ดู ยู ไลค
ดนตรี ชนิด อะไร ที่ คุณ ชอบ (คุณชอบดนตรีแนวไหน)

56. I like pop music.
ไอ ไลค พ็อพ มิ๊วสิค
ฉัน ชอบ ดนตรีแนวป็อป

57. I don’t like pop music. I like rock.
ไอ ด้นท ไลค พ็อพ มิ๊วสิค ไอ ไลค ร็อค
ฉัน ไม่ชอบ ดนตรี แนวป็อป ฉัน ชอบ แนวร็อก

58. What kind of food do you like?
ว็อท ไคด ออฟ ฟูด ดู ยู ไลค
อาหาร ชนิด อะไร ที่ คุณ ชอบ (คุณชอบอาหารชนิดไหน)

59. I like chicken.
ไอ ไลค ชิ๊คเคิน
ฉัน ชอบ ไก่

60. What’s your favorite food?
ว็อทส ยัว เฟ็ฝเวอะริท ฟูด
อาหาร ที่คุณ ชื่นชอบ คือ อะไร

61. My favorite food is steak.
มาย เฟ็ฝเวอะริท ฟูด อิส สเต๊ค
อาหาร ที่ชื่นชอบ ของฉัน คือ สเต็ก

62. What colour do you like?
ว็อท คั๊ลเลอะ ดู ยู ไลค
สี อะไร ที่ คุณ ชอบ (คุณชอบสีอะไร)

63. I like blue.
ไอ ไลค บลู
ฉัน ชอบ สีฟ้า

64. What’s your favorite color?
ว็อทส ยัว เฟ็ฝเวอะริท คั๊ลเลอะ
สี ที่คุณ ชื่นชอบ คือ อะไร

65.My favorite colour is white.
มาย เฟ็ฝเวอะริท คั๊ลเลอะ อิส ไวท
สี ที่ชื่นชอบ ของฉัน คือ สีขาว

66.What movie do you like?
ว็อท มู๊วิ ดู ยู ไลค
หนัง อะไร ที่ คุณ ชอบ (คุณชอบหนังเรื่องไหน)

67.  I like Harry Potter.
ไอ ไลค แฮ๊ริ พ็อทเทอะ
ฉัน ชอบ แฮรี่ พ็อตเตอร์

68. What’s your favorite movie?
ว็อทส ยัว เฟ็ฝเวอะริท มู๊วิ
หนัง ที่คุณ ชื่นชอบ คือ อะไร

69. Spider Man.
สไป๊เดอะ แมน
สไปเดอร์ แมน

70. What’s your favorite sport?
ว็อทส ยัว เฟ็ฝเวอะริท สปอท
กีฬา ที่ชื่นชอบ ของคุณ คือ อะไร

71. My favourite sport is football.
มาย เฟ็ฝเวอะริท สปอท อิส ฟุทบอล
กีฬา ที่ชื่นชอบ ของฉัน คือ ฟุตบอล

72. What sport do you like?
ว็อท สปอท ดู ยู ไลค
คุณ ชอบ กีฬา อะไร

73. I like golf.
ไอ ไลค กอฟ
ฉับ ชอบ กอล์ฟ

74. What animals do you like?
ว็อท แอ๊นเนอะเมิลส ดู ยู ไลค
สัตว์ อะไร ที่คุณ ชอบ (คุณชอบสัตว์ชนิดไหน)

75.  I like cats. Do you like cats?
ไอ ไลค แค็ทส ดู ยู ไลค แค็ทส
ผม ชอบ แมว คุณ ชอบ แมว ใช่ไหม

76.  Yes, I do.
เย็ส ไอ ดู
ใช่ค่ะ (ํฉัน ชอบ แมว)

77.  What kind of fruit do you like?
ว็อท ไคด ออฟ ฟรูท ดู ยู ไลค
ผลไม้ ชนิด อะไร ที่ คุณ ชอบ (คุณชอบผลไม้ชนิดไหน)

78. I like bananas.
ไอ ไลค บะน๊านัส
ฉัน ชอบ กล้วย

79. Do you like bananas?
ดู ยู ไลค บะนานั๊ส
คุณ ชอบ กล้วย ไหม

ประโยคภาษาอังกฤษสำหรับถามตอบความสามารถส่วนบุคคล

ประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆ

ประโยคถามตอบความสามารถส่วนบุคคล ก็จะเป็นการถามว่าคุณมีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง เช่น การพูดภาษาต่างประเทศ การร้องเพลง การเล่นดนตรี เป็นต้น ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Special Ability นั่นเอง มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 14 ประโยคด้วยกัน

80. Can you speak French?
แคน ยู สปีค เฟร็นช
คุณ สามารถ พูด ภาษาฝรั่งเศส ไหม (คุณพูดภาษาฝรั่งเศสเป็นไหม)

81. Yes, I can. I speak English and French.
เย็ส ไอ แคน ไอ สปีค อิ๊งลิช แอนด เฟร็นช
ใช่ ฉัน สามารถ (พูดได้) ฉัน พูด ภาษาอังกฤษ และ ภาษาฝรั่งเศส

82. How many languages can you speak?
ฮาว เม็นนิ แล๊งกวิจเจ็ส แคน ยู สปีค
คุณ สามารถ พูดได้ กี่ ภาษา

83. I can speak two languages; English and Chinese.
ไอ แคน สปีค ทู แล๊งกวิจเจ็ส อิ๊งลิช แอนด ไชนี๊ส
ฉัน สามารถ พูดได้ สอง ภาษา ภาษาอังกฤษ และ ภาษาจีน

84. Can you play the football?
แคน ยู เพล ฟุตบ๊อล
คุณ สามารถ เล่น ฟุตบอลล ไหม (คุณเล่นฟุตบอลเป็นไหม)

85. Yes, I can.
เย็ส ไอ แคน
ใช่ ฉัน สามารถ (เล่นเป็น)

86. Can you play football?
แคน ยู เพล ฟุตบ๊อล
คุณ สามารถ เล่น ฟุตบอล ไหม (เล่นฟุตบอลเป็นไหม)

87. No, I can’t play football. I can play golf.
โน ไอ แค๊นท ไอ แคน เพล กอฟ
ไม่ ฉัน ไม่สามารถ เล่น ฟุตบอล(เล่นฟุตบอลไม่เป็น) ฉัน สามารถ เล่น กอฟ (เล่นกอล์ฟเป็น)

88. Can you play the piano?
แคน ยู เพล เดะ พิแอโน๊
คุณ สามารถ เล่น เปียโน ไหม (คุณเล่นเปียโนเป็นไหม)

89. No, I can’t. I can play the violin.
โน ไอ แค้นท ไอ แคน เพล เดอะ ไว๊เออะลิน
ไม่ ฉัน ไม่สามารถ (เล่นไม่เป็น) ฉัน สามารถ เล่น ไวโอลิน (เล่นไวโอลินเป็น)

90. Can you play the guitar?
แคน ยู เพล เดอะ กิท๊า
คุณ สามารถ เล่น กีตาร์ ไหม (เล่นกีตาร์เป็นไหม)

91. Yes, I can play the guitar and the piano?
เย็ส ไอ แคน เพล เดอะ กิท๊า แอนด เดอะ พิแอ๊โน
ใช่ ฉัน สามารถ เล่น กีตาร์ และ เปียโน (เล่นกีตาร์และเปียโนได้)

92. Can you sing?
แคน ยู ซิง
คุณ สามารถ ร้องเพลง ไหม (คุณร้องเพลงเป็นไหม)

93. Yes, I can. And you?
เย็ส ไอ แคน แอนด ยู๊
ใช่ ฉัน สามารถ (ร้องเป็น) แล้ว คุณล่ะ

94. I can’t sing but I can dance.
ไอ ค้านท ซิง บัท ไอ แคน ด๊านซ
ฉัน ไม่สามารถ ร้องเพลง (ร้องไม่เป็น) แต่ ฉัน สามารถ เต้นรำ(เต้นรำเป็น)

ประโยคภาษาอังกฤษสำหรับถามตอบเกี่ยวกับครอบครัว

ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจําวัน

ประโยคถามตอบเกี่ยวกับครอบครัว ก็จะเป็นการถามข้อมูลเกี่ยบกับบุคคลในครอบรัว  เช่น ในครอบครัวมีกี่คน มีพี่น้องกี่คน เป็นต้น ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Family นั่นเอง มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 ประโยคด้วยกัน

95. How many people are there in your family?
ฮาว เม็นนิ พี๊เพิล อา แด อิน ยัว แฟ๊มลิ
ใน ครอบครัว ของคุณ มี กี่ คน

96. There are five people. What about you?
แด อา ไฟฝ พี๊เพิล ว็อท อะเบ๊า ยู
มี ห้า คน แล้วคุณล่ะ

97. There are three people in my family.
แด อา ธรี พี๊เพิล อิน มาย แฟ๊มลิ
มี สาม คน ใน ครอบครัว ของฉัน

98. How many brothers and sisters do you have?
ฮาว เม็นนิ บรั๊ดเดอส แอนด ซิ๊สเตอส ดู ยู แฮฝ
คุณ มี พี่ชายน้องชาย และ พี่สาวน้องสาว กี่คน

99. I have one sister and two brothers.
ไอ แฮฝ วัน ซิสเตอะ แอนด ทู บรั๊ดเดอส
ฉัน มี พี่สาวน้องสาว หนึ่งคน และ พี่ชายน้องชาย สองคน

100. Do you have any brothers or sisters?
ดู ยู แฮฝ เอ็นนิ บรัดเดอส ออ ซิ๊สเตอส
คุณ มี พี่ชายน้องชาย หรือ พี่สาวน้องสาว บ้างไหม

101. Yes, I have one brother.
เย็ส ไอ แฮฝ วัน บรั๊ดเดอะ
ใช่ ผม มี พี่ชายน้องชาย หนึ่งคน

ประโยคภาษาอังกฤษสำหรับถามตอบทั่วไป

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

ประโยคถามตอบทั่วไป ก็จะเป็นการถามทั่วๆไปไม่จำกัด  ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า General Topics นั่นเอง มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 ประโยคด้วยกัน

102. What do you do after school?
ว็อท ดู ยู ดู อ๊าฟเทอะ สกูล
คุณ ทำ อะไร หลังจาก เลิกเรียน

103. I play football.
ไอ พเล ฟุทบอล
ผม เล่น ฟุตบอล

104. what do you do after work?
ว็อท ดู ยู ดู อ๊าฟเทอะ เวิค
คุณ ทำ อะไร หลังจาก เลิกงาน

105. I read books.
ไอ รีด บุคส
ฉัน อ่าน หนังสือ

106. How often do you play football?
ฮาว อ๊อฟึน ดู ยู เพล ฟุ๊ทบอล
คุณ เล่น ฟุตบอล บ่อยแค่ไหน

107. I play football twice a week. And you?
ไอ เพล ฟุ๊ทบอล ไทว๊ซ อะ วีค
ผม เล่น ฟุตบอล สองครั้ง ต่อ สัปดาห์

108. I don’t play football.
ไอ ด๊น เพล ฟุ๊ทบอล
ฉันไม่เล่นฟุตบอล

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน คิดว่าถ้าใครเรียนจนจบทั้ง 108 ประโยคแล้ว คิดว่าสามารถที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับหนึ่งแน่นอน เพราะประโยคที่นำมาเสนอ เป็นประโยคง่ายที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.4 / 5. Vote count: 658

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

[Update] 27 ประโยค บอกว่า “ไม่เข้าใจ ภาษาอังกฤษ” ที่พลาดมากถ้าไม่รู้ | ประโยคพูดยาก – NATAVIGUIDES

ถ้าคุณคิดว่า การบอกว่า ฉันไม่เข้าใจ เป็นภาษาอังกฤษ พูดได้แบบเดียวคือ I don’t understand คุณก็พลาดประโยคอื่น ๆ ที่มีความหมายเหมือนกันไปหลายประโยคเลยค่ะ

การพูดว่า ไม่เข้าใจ ในภาษาอังกฤษนั้น มีอยู่หลายประโยค หลายวลี และหลายสำนวนเลยค่ะ แต่มันแค่อาจจะไม่ได้แปลได้ตรงตัวขนาดนั้น เราก็เลยไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า

แต่วันนี้เบญได้รวบรวมมาให้ถึง 27 ประโยคเลยค่ะ ที่มีความหมายว่าฉันไม่เข้าใจ ภาษาอังกฤษ มาให้คุณเก็บไว้ไปฝึกพูด ใช้กับฝรั่งตอนที่คุยกัน เบญเชื่อเลยว่า เค้าจะต้องอึ้งแน่ ๆ ว่าคุณรู้ประโยคพวกนี้

และจริง ๆ แล้วประโยคพวกนี้ ก็เป็นประโยคที่เราได้ยินบ่อยค่ะ แต่เราอาจจะแค่ไม่เคยคิดว่า ในบริบทนี้ มันแปลว่าไม่เข้าใจนะ แต่หลังจากอ่านโพสต์ของวันนี้แล้ว รับรองว่าเราจะเข้าใจแน่นอนจ้า

ประโยคที่เบญเอามาฝากวันนี้ เป็นแค่ประโยคแค่เสี้ยวเล็ก ๆ ของประโยคภาษาอังกฤษทั้งหมดที่เราควรรู้ ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษนะคะ

แต่ถ้าคุณสนใจประโยคภาษาอังกฤษหัวข้ออื่น ๆ ที่ใช้ได้จริงใจชีวิตประจำวันแบบนี้ เบญขอแนะนำคอร์สฝึกประโยคภาษาอังกฤษทั่วไป ให้คุณได้ไปฝึกเพิ่มกันด้วยค่ะ

คอร์สนี้มีชื่อว่า Glossika.com เป็นคอร์สที่เน้นประโยคภาษาอังกฤษจริง ๆเน้นให้เราฝึกพูดตาม และฝึกหูของเราให้ชินกับสำเนียงเข้าของภาษาค่ะ

ลองเรียนกับ Glossika ฟรีเลยแค่คลิกเดียว >>

หรืออ่านรีวิวเรียนกับคอร์ส Glossika เพิ่มเติมได้เลยนะคะ รับรองว่า Glossika จะช่วยให้การพูด-ฟังประโยคภาษาอังกฤษของคุณไปอีกเลเวลนึงแน่นอนค่ะ

แต่ถ้าคุณพร้อมที่จะเรียนประโยคภาษาอังกฤษ ฉันไม่เข้าใจ ที่เบญเอามาฝากกันแล้ววันนี้ ก็ไปเริ่มฝึกอ่าน และทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันเลยจ้า…

1. I don’t understand it.

2. I can’t understand.

สองประโยคแรกนี้ เป็นประโยคที่เราคุ้นหูกันอยู่แล้ว ที่มีคำว่า understand ที่แปลว่าเข้าใจอยู่ด้วย แต่เราสามารถเพิ่มดีกรีความดราม่าเข้าไปได้นะคะ

โดยการใส่คำว่า at all ข้างหลังสุด เพื่อบอกว่า ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด เช่น

I don’t understand you at all. ฉันไม่เข้าใจคุณเลยสักนิด

I can’t understand this at all. ฉันไม่เข้าใจสิ่งนี้เลยสักนิด

อย่าลืมลองเอาคำว่า at all ไปในข้างหลังประโยค ไม่เข้าใจ ตามนี้ดูนะคะ ทำให้ประโยคดูมีสีสันขึ้นค่ะ อิอิ

ข้างล่างนี้จะเป็นประโยคที่ไม่ได้แปลตรงตัวว่า ไม่เข้าใจ ในภาษาอังกฤษนะคะ แต่หลายประโยค เป็นวลีภาษาอังกฤษที่แปลทีละคำไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยกันเป็นประโยค แต่ก็มีความหมายว่า ไม่เข้าใจ ภาษาอังกฤษเหมือนกันค่ะ

ถ้าประโยคไหนที่มีความหมายเบื้องหลังน่าสนใจ เบญจะเขียนคำอธิบายความหมายไว้ให้ใต้ประโยคด้วยนะคะ คุณจะได้เข้าใจเวลาที่เอาไปใช้จริงว่า ความหมายลึก ๆ ของมันคืออะไร พร้อมแล้วไปดูด้วยกันเลยจ้า

3. I don’t get it.

get เป็นอีกคำที่มีแปลว่า เข้าใจค่ะ ซึ่งแปลตรงตัวว่า ได้รับ ซึ่งจริง ๆ แล้วในข้อนี้ สามารถแปลได้ทั้งสองอย่าง ที่พูดถึงสิ่งของ ถ้าฉันยังไม่ได้รับมันนะ หรือถ้าในบริบทที่พูดถึงความเข้าใจ จะแปลว่า ฉันไม่เข้าใจ ค่ะ

แต่เราก็เพิ่มความดราม่าเข้าไปในประโยคนี้ได้เหมือนกันค่ะ (เบญชอบดราม่า อิอิ) ก็คือการใส่คำว่า just เข้าไปหลังประธาน เช่น

I just don’t get it. ฉันนี่ไม่เข้าใจเลย

He just doesn’t get it. เขานี่ไม่เข้าใจเลยนะ

4. I still don’t get it.

ประโยคนี้จะเหมือนกับประโยคข้างบนเลยค่ะ แต่เราเพิ่มคำว่า still ซึ่งมีความหมายว่า อยู่เลย/ยัง…อยู่ ใช้ในการสนทนาที่เราอาจจะบอกเค้าไม่แล้วว่าไม่เข้าใจ และเค้าพยายามอธิบายให้ฟัง แต่เราก็ยังไม่เข้าใจค่ะ เช่น

I said it 3 times and he still doesn’t get it! ฉันพูดไปตั้ง 3 ครั้ง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ

5. I cant’ figure it out.

ถ้าแปลตรงตัวของประโยคนี้ จะเป็นประมาณว่า ฉันยังคิดมันไม่ออกเลย / ฉันยังหาคำตอบเรื่องนี้ไม่ได้เลย แบบว่าสิ่งที่เราพูดถึงเป็นเหมือนโจทย์หรือคำว่า แต่เราก็ยังไม่เข้าใจ และยังแก้ไม่ได้ค่ะ

6. I have no clue.

7. I have no idea.

ประโยคที่ 6 และ 7 นี้ จะเป็นประโยคที่มีความหมายคล้าย ๆ กับว่าฉันไม่รู้ แต่เราก็สามารถใช้ในบริบทที่พูดถึงว่าเราไม่เข้าใจได้ค่ะ โดยที่เราสามารถใส่สิ่งที่เราไม่เข้าใจไว้ข้างหลังประโยคนี้ได้ เช่น

I have no clue what he’s talking about. ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

He has no idea why I’m doing this to him. เขาไม่เข้าใจเลยว่า ฉันทำแบบนี้กับเขาทำไม

You have no idea what I just said. คุณไม่เข้าใจเลย ว่าฉันเพิ่งพูดอะไรไป

ป.ล. ถ้าประธานเป็น I, you, we, they หรือ พหูพจน์ ให้ใช้ have นะคะ แต่ถ้าประธานเป็น he, she, it หรือ เอกพจน์ ให้ใช้ has จ้า

ส่วนใหญ่เรื่องที่ไม่เข้าใจ ที่ต่อหลังประโยค จะขึ้นด้วย คำเริ่มคำถาม what, where, when, why, how จ้า

8. It makes no sense to me.

9. It doesn’t make any sense.

10. It’s a mystery to me!

ข้อนี้แปลรวม ๆ ประมาณว่า มันเป็นเหมือนปริศนาสำหรับฉัน ก็คือว่าเราไม่เข้าใจมันเลยนั่นเอง

11. What’s the point?

มาดูข้อนี้กันค่ะ คุณอ่านแล้วอาจจะบอกว่า แล้วมันเกี่ยวกับว่าไม่เข้าใจยังไง จริง ๆ แล้วมันเป็นประโยคที่พูดถึงว่า สรุปเธอหมายถึงอะไร ทำไปทำไม พูดไปทำไม

แต่ความหมายลึก ๆ ในบริบท ก็คือ ฉันไม่เข้าใจ ประมาณนั้นค่ะ เช่น

What’s the point of saying this? ฉันไม่เข้าใจ ว่าพูดไปทำไม

What’s the point of being nice to you? ฉันไม่เข้าใจ ว่าฉันจะทำดีกับเธอไปทำไม

ซึ่งมันก็จะไม่ได้แปลตรงตัวขนาดนั้น ไม่ต้องใช้ of และสิ่งที่พูดถึงข้างหลังก็ได้ ก็จะเป็นประโยคที่ประมาณว่า เวลามีคนทำอะไร หรือพูดอะไร แล้วเราไม่เข้าใจ ก็ใช้คำพูดนี้ได้

12. Can I ask why?

13. Could you explain it, please?

ประโยคข้อที่ 12, 13 เป็นประโยคคำถามในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ และเราอยากจะขอให้เค้าอธิบายอีกรอบ ซึ่งก็เป็นการที่เราบอกเค้าแล้วค่ะ ว่าฉันไม่เข้าใจ เรื่องที่เกิดขึ้น หรือสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป

14. It’s over my head.

15. It’s completely beyond me!

ข้อ 12 และ 13 นี้แปลว่า มันลอยข้ามหัวฉันไปเลย / มันเกินความเข้าใจของฉัน แปลว่าเราไม่เข้าใจนั่นแหละค่ะ แบบมันไม่ได้เข้ามาในความเข้าใจในสมองหรือความคิดของฉันเลย มันอาจจะยาก หรือซับซ้อนเกินไป เช่น

Japanese is so hard and it’s completely beyond me! ภาษาญี่ปุ่นยากมากเลย และมันเกินความเข้าใจของฉันไปเลย

16. What are you on about?

นี่เป็นอีกประโยคนึงที่เป็นเหมือนคำถาม แต่มีความหมายว่า ฉันไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไรอยู่ สำหรับเบญแล้ว รู้สึกว่าประโยคนี้ค่อนข้างแรงค่ะ

เพราะฉะนั้นถ้าคุณเอาไปใช้ อาจจะต้องระวังโทนเสียง และดูสถานการณ์นิดนึง ว่าเหมาะสมหรือเปล่า

17. I can’t make head or tail of it.

18. I can’t get my head around it!

19. I can’t wrap my head around it!

20. I fail to understand

21. It beats me.

ข้อนี้พูดถึงเวลาที่เราไม่เข้าใจบางสถานการณ์ หรือการกระทำบางอย่าง เช่น

It beats me how Harry got this job. ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าแฮร์รี่ได้งานนี้ได้ยังไง

What beats me is why she talks with Jenny. สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ก็คือทำไมเขาถึงคุยกับเจนนี่

นี่เป็นอีกหนึ่งประโยคที่จะมาพร้อมกับ why, how และ why ค่ะ ตามหลัง และพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

22. It’s all Greek to me.

Greek ในที่นี้ หมายถึงภาษากรีกค่ะ ในความหมายของประโยคนี้ก็คือว่า ฉันไม่เข้าใจเลย มันเหมือนภาษากรีกสำหรับฉัน ก็คือภาษาที่เราไม่รู้จักค่ะ (แต่ไม่แน่ใจว่าใช้ได้กับคนที่พูดภาษากรีกได้หรือเปล่านะคะ อิอิ)

23. None the wiser

ความหมายในข้อนี้ก็คือ ไม่ได้เข้าใจมากขึ้นกว่าก่อนเลย และถ้าเมื่อก่อนไม่เข้าใจ ตอนนี้ก็ไม่เข้าใจค่ะ เช่น

It’s been months, and he’s still none the wiser about the true cause of the accident. มันผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดจากอะไร

เป็นประโยคที่พูดเดี่ยว ๆ เลยไม่ได้ค่ะ ต้องใส่เหตุการณ์ที่ไม่เข้าใจลงไปด้วย

24. What’s going on?

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย! ประโยคนี้จะแปลเป็นไทยประมาณนี้ค่ะ พูดถึงการแสดงความไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งก็จะเป็นประโยคคำถามค่ะ

25. What’s so funny about it?

อันนี้เป็นอีกประโยคคำถามภาษาอักฤษ ที่พูดถึงว่าเราไม่เข้าใจกับสถานการณ์นี้ ในประโยคนั้นจะแปลว่า มันตลกตรงไหนหรอ และมันเป็นได้ทั้งคำถามที่จริงใจ แบบเราไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันตลกตรงไหน

หรือมันก็สามารถเป็นประโยคที่พูดประชดได้ เมื่อเราไม่เห็นด้วยว่ามันตลกค่ะ และคุณก็เปลี่ยนคำว่า funny เป็นคำอื่นได้นะคะ เช่น

What’s so sad about it? มันน่าเศร้าตรงไหนหรอ

What’s so special about it? มันพิเศษตรงไหนหรอ

ซึ่งเราใส่จะกับประโยคอื่น ๆ ที่แปลว่าไม่เข้าใจไปข้างหน้าด้วยก็ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่มีคนฟังก็เข้าใจอยู่แล้วค่ะว่า เราไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

26. Why not?

ประโยคนี้จะแปลตรงตัวเลยค่ะว่า ทำไมล่ะ พูดถึงในสถานการณ์ที่คนที่คุยกับเราพูดประโยคปฏิเสธ และเราไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกแบบนั้น หรือคิดแบบนั้นค่ะ เช่น

Q: I’m not going to the party tonight. ฉันไม่ไปงานปาร์ตี้คืนนี้นะ

A: Why not? ทำไมล่ะ

และก็สามารถเปลี่ยนคำว่า not เป็นอย่างอื่นได้ด้วยค่ะ เช่น me, him, you, her เป็นต้น ก็จะหมายความว่า ฉันไม่เข้าใจ ทำไมต้องเป็นฉัน ตัวอย่างประโยคเช่น

Q: Boss said you’re going to Bangkok tomorrow. หัวหน้าบอกว่าเธอต้องไปกรุงเทพพรุ่งนี้

A: Why me? ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ

หรือจะเป็นในแนวประโยคคำถามแบบปฏิเสธก็ได้ค่ะ โดยเป็นการรวมกันของทั้งสองประโยคข้างบน เช่น

Q: Shes’ going to pick up my husband from the airport. เขาจะไปรับสามีฉันที่สนามบิน

A: Really? Why not you? จริงหรอ ทำไมเธอไม่ไปล่ะ

เป็นอีกประโยคนึงที่ใช้แทนคำว่า ฉันไม่เข้าใจได้ แต่ก็ยังมีความหมายเหมือนเดิมค่ะ อย่าลืมของเอาไปใช้ดูนะคะ

27. This is as clear as mud to me.

ข้อนี้พูดถึง mud ที่แปลว่าโคลนค่ะ และก็พูดถึงคำว่า clear ที่แปลว่าชัดเจน หรือใส และในประโยคนี้แปลว่า มันใสเหมือนโคลนเลยแหละ

เบญชอบประโยคนี้มาก เพราะว่าฟังแล้วค่อนข้างตลก และก็ทำให้เราเห็นภาพเลย ว่าเวลาเราไม่เข้าใจเป็นยังไง บวกความประชดประชันนิดหน่อย

แต่โดยความหมายรวม ๆ และก็คือบอกว่าเราเข้าไม่เข้าใจค่ะ เราไม่เห็นภาพเลย เพราะว่าพยายามมองผ่านโคลนไรงี้ เป็นอีกประโยคที่น่ารัก และเปรียบเทียบได้กวนดีค่ะ อิอิ

ถ้าประโยคข้างบนนี้เป็นประโยชน์กับคุณ ก็อย่าลืมคอมเม้นบอกกันไว้บ้างนะคะ หรือว่ามีประโยคไหนอีกที่คุณเคยได้ยิน แล้วเบญไมไ่ด้เขียนไว้ในลิสต์นี้ ก็มาแบ่งปันกันได้เลยจ้า

อย่าลืมไปหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ไว้ฝึกคำศัพท์และประโยคภาษาอังกฤษเพิ่มเติมนะคะ จะได้พัฒนาภาษาอังกฤษของเราไปเรื่อย ๆ และไม่ย่ำอยู่กับที่ สู้ ๆ จ้า 🙂


\”กล้วยอบเนยโรยเกลือ\” กับประโยคอื่นที่พูดยากพอกัน 18+ [แอลลองเอง]


วันวาเลนไทน์ คนไม่มีคู่ไม่รู้จะไปไหน ก็มาดูแอลเองกันนะ
คลิปนี้จะมาลองออกเสียงประโยคพูดยาก ที่ออกเสียงแล้ว ลิ้นพันกัน
ใครจะลองไปพูดออกเสียงดูก็ได้นะ
กล้วยอบเนยโรยเกลือ
ยายกินลำไยน้ำลายยายไหลย้อย
ยายมอยขายหมี ยายมีขายหอย หมียายมอยแหย่หอยยายมี หอยยายมีกัดหมียายมอย
เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดฟักผัก
หมึกหกเลอะมุ้ง มุ้งเลอะหมึกหมด
หูฉลามสยามรูจ
งูกินหนูจนงูงงงวย
อาเฮียหลีพาอาหลีเฮียไปดูผี
ยกหีบหนี ยกหนีหีบ
น้ำมันหอยตาหมี น้ำมันหมีตาหอย
หมอมีติดหอย หมอน้อยติดหมี จิ้มหมอสองสามที ติดทั้งหมี ติดทั้งหอย
แอลเอง ประโยคลิ้นพัน ประโยคพูดยาก

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

\

แฝด 3 zaa // คนไทย…พูดไทย…ง่ายจนฮา


เกมส์สำนวนภาษาไทยสุดคลาสสิค
ไม่ว่ายุคไหน พูดถูก…ถือว่าเก่ง!!!

เพจ Facebook ของเรา
https://www.facebook.com/FAD3ZAA

ติดต่องาน
T.0869912224

แฝด 3 zaa // คนไทย...พูดไทย...ง่ายจนฮา

ฝึกออกเสียงภาษาญี่ปุ่น ด้วยประโยคพูดยาก ประโยคพูดผิดพูดถูก คำพูดลิ้นพัน 早口言葉 1


はやぐちことば(早口言葉)
คือ ประโยคที่มีคำที่ออกเสียงคล้ายๆกัน ทำให้พูดติดต่อกันยาก ประโยคที่ทำให้พูดผิดพูดถูกได้ง่าย คำพูดลิ้นพัน มีประโยชน์ในการฝึกออกเสียงและฝึกสมาธิ
เรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์แบบ Facebook Live
ใน Facebook Group กับออยเซนเซ
Website : https://aoysensei.net
สมัครเรียนได้ที่ Line : @aoysensei หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40aoysensei
คอร์ส ใหม่ ….
คอร์ส สนทนาภาษาญี่ปุ่น ในชีวิตประจำวัน กดเข้ากลุ่มได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/groups/1938880786187348
กลุ่มเรียน มินนะเล่ม 1 https://www.facebook.com/groups/156196908117592
กลุ่มเรียน มินนะเล่ม 2 https://www.facebook.com/groups/1279210845468442
กลุ่มเรียน มินนะเล่ม 3 https://www.facebook.com/groups/1873561912858740
กลุ่มเรียน มินนะเล่ม 4 https://www.facebook.com/groups/1078171438984000
กลุ่ม ติว N5
https://www.facebook.com/groups/1920981364857014
กลุ่ม ติว N4
https://www.facebook.com/groups/2014889988830281
กลุ่ม ติว N3
https://www.facebook.com/groups/358119851426563
กลุ่มเรียน ฟรี !! เข้าได้เลยจ้า https://www.facebook.com/groups/239785653070928

ติดต่อ ออยเซนเซ Website : https://aoysensei.net
Line : @aoysensei หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40aoysensei
FB Profile : https://www.facebook.com/atczhang
IG : https://www.instagram.com/aoysensei

ฝึกออกเสียงภาษาญี่ปุ่น ด้วยประโยคพูดยาก ประโยคพูดผิดพูดถูก คำพูดลิ้นพัน 早口言葉 1

หาอะไรให้ป้าทำ | คำพูดยากลิ้นพันกัน!! EP.2


ติดตามความสนุกอื่นๆได้ที่ http://bit.ly/2oGT7Eb
Facebook ส่วนตัว : http://bit.ly/2oOd9S2
Facebook แฟนเพจ : http://bit.ly/2uNNUNI
อย่าลืมกดติดตาม ไลค์ และ แชร์วิดีโอด้วยจ้ะ

หาอะไรให้ป้าทำ | คำพูดยากลิ้นพันกัน!! EP.2

EP5 เกม ทายจังหวัดจากภาพ 10 ข้อ


เกมสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน
เพื่อเสริมทักษะความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
วิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ
อย่าลืมกดติดตาม Subscribe VGameKids กันด้วยนะครับ

EP5 เกม ทายจังหวัดจากภาพ 10 ข้อ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ประโยคพูดยาก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *