Skip to content
Home » [Update] 10 วรรณกรรมต้องอ่าน เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ | 10 เท่า ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] 10 วรรณกรรมต้องอ่าน เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ | 10 เท่า ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

10 เท่า ภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว

Dek-D.com

น้องๆ เคยสงสัยกันมั้ยคะว่าเด็กอเมริกันเรียนอะไรกันบ้างในวิชาภาษาอังกฤษ อย่างบ้านเราเวลาเรียนวิชาภาษาไทยก็จะได้เรียนทั้งหลักภาษา การเขียนเรียงความ เขียนจดหมายราชการ รวมไปถึงการอ่านวรรณคดีอย่างรามเกียรติ์ หรืออ่านหนังสือนอกเวลาเป็นวรรณกรรมน่ารักๆ อย่างนิกกับพิม เด็กฝรั่งเองก็มีเรียนแบบนี้เหมือนกันค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าเด็กนักเรียนที่นั่นต้องอ่านวรรณกรรมเรื่องใดกันบ้าง

     อันที่จริงจำนวนหนังสือที่ต้องอ่าน ไม่ว่าจะเป็นเล่มบังคับหรือเล่มแนะนำเพิ่มเติมมีเยอะมากกกกกกกก แถมแต่ละโรงเรียนไม่จำเป็นต้องอ่านให้เหมือนกันในแต่ละเทอมด้วย พี่พิซซ่าจะดึงเรื่องเด่นๆ แบบนักเขียนไม่ซ้ำมาให้ละกันนะคะ

www.amazon.com

1. To Kill a Mockingbird โดย Harper Lee

     เรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1960 และประสบความสำเร็จในทันที ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ด้วย แถมยังกลายเป็นวรรณกรรมคลาสสิกของอเมริกันในยุคใหม่อีกด้วย เป็นหนึ่งในหนังสือขึ้นหิ้งที่ชาวอเมริกันต้องอ่านเลยค่ะ

     หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวผ่าน Scout (สเก๊าต์) เด็กผู้หญิงวัย 6 ปีที่อาศัยอยู่กับพี่ชายชื่อ Jem (เจ็ม) และคุณพ่อที่เป็นพ่อหม้ายและเป็นทนายชื่อ Atticus Finch (แอตติคัส ฟินช์) นอกจากนี้สเก๊าต์ก็มีเพื่อนแถวบ้านที่สนิทกันอีกคนชื่อ Dill (ดิล) เด็กๆ ทั้งสามมักจะคุยกันเรื่องของผู้ชายที่ชื่อ Boo (บู) ที่ไม่มีใครเคยเห็นและไม่มีใครในเมืองอยากพูดถึงซักเท่าไหร่ ทั้งสามมักแอบไปดูบูบ่อยๆ และมักจะมโนต่างๆ นานาเกี่ยวกับบูไปตามที่ได้ยินคนอื่นเล่ามา แต่บางครั้งที่ไปแอบดูก็จะเจอของขวัญเล็กๆ ทิ้งไว้ให้เด็กๆ ในต้นไม้หน้าบ้านบู

     นอกจากเรื่องราวของเด็กๆ แล้ว สเก๊าต์ยังเล่าเรื่องงานของพ่อด้วย นั่นคือพ่อถูกให้ไปว่าความให้ชายผิวดำที่โดนกล่าวหาว่าไปข่มขืนเด็กผู้หญิงผิวขาว นั่นทำให้เด็กคนอื่นมาล้อสเก๊าต์และเจ็มว่ามีพ่อที่เป็นพวกรักคนดำ เพราะเหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดที่มลรัฐอลาบาม่าในช่วง Great Depression (ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง) ซึ่งบริเวณนั้นในยุคนั้นยังไม่ค่อยมองคนผิวสีอย่างเท่าเทียมซักเท่าไหร่

     ถ้าอยากรู้ว่าตกลงชายผิวดำคนนั้นทำผิดจริงมั้ย แล้วเด็กๆ จะใช้ชีวิตแบบที่โดนคนอื่นแกล้งอย่างไร หรือตกลงบูเป็นใครและมีความสำคัญยังไงกับเรื่องก็ต้องตามไปอ่านเองค่ะ เนื้อเรื่องอาจจะดูหนักเพราะพูดถึงเรื่องสีผิวและคดีข่มขืน แต่จริงๆ แล้วเรื่องนี้ก็สอดแทรกความขบขันของเด็กๆ อยู่ มีความอบอุ่นในครอบครัว แถมยังสะท้อนแนวคิดสังคมอเมริกันในรัฐทางภาคใต้ยุคนั้นด้วย เป็นตำนานอีกเรื่องหนึ่งเลยแหละ

2. 1984 โดย George Orwell

     เป็นนิยายดิสโทเปียที่ตีพิมพ์ในปี 1949 โดยนักเขียนชาวอังกฤษ เป็นเรื่องราวในโลกที่มีสงครามตลอดกาล มีการสอดส่องของรัฐบาลอยู่ทุกที่ และยังทำให้การคิดอย่างอิสระกลายเป็น “อาชญากรรมทางความคิด” โดยมี Big Brother คอยดูอยู่

     ตัวเอกของเรื่องคือ Winston Smith (วินสตัน สมิธ) เขาเป็นสมาชิกพรรคนอกและทำงานให้กับกระทรวงความจริง หน้าที่ของเขาคือการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ในหนังสือพิมพ์เก่าๆ ให้มีเนื้อหาสนับสนุนแนวคิดพรรคในปัจจุบันแทน ซึ่งงานอื่นของกระทรวงนี้ก็คือการทำลายเอกสารต่างๆ ที่จะเป็นหลักฐานว่ารัฐบาลกำลังโกหกอยู่ออกไปให้หมด วินสตันเป็นพนักงานที่ขยันขันแข็งแม้ว่าจริงๆ จะเกลียดพรรคของเขา และฝันว่าจะได้ก่อกบฏกับ Big Brother

     แค่นี้ก็น่าจะเดาได้แล้วว่านิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ผสานทั้งการเมืองและวิทยาศาสตร์ไว้ด้วยกัน นอกจากนี้คำศัพท์หลายๆ คำจากเรื่องนี้ก็กลายมาเป็นคำที่ใช้ปกติกันเวลาพูดเรื่องการเมืองในชีวิตจริงอีกด้วย เรื่องนี้เคยได้รับเลือกจากนิตยสาร Time ให้เป็น 1 ใน 100 นิยายภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดระหว่างปี 1923-2005 และยังได้รับเลือกเป็นนิยายที่ดีที่สุด 100 เรื่องในห้องสมุดอีกต่างหาก

     ถ้าชอบนิยายการเมืองและอยากอ่านผลงานของจอร์จ ออร์เวลล์อีกล่ะก็ พี่พิซซ่าแนะนำเรื่อง Animal Farm ให้อีกเรื่องค่ะ

www.amazon.com

3. Pygmalion โดย George Bernard Shaw

     พิกเมเลียนเป็นบทละครที่แสดงครั้งแรกในปี 1913 เป็นเรื่องราวของศาตราจารย์ด้านสัทศาสตร์ Henry Higgins (เฮนรี่ ฮิกกิ้นส์) ที่พนันว่าเขาจะเปลี่ยนสาวขายดอกไม้จากบ้านนอก Eliza Doolittle (เอไลซ่า ดูลิตเติล) ผู้พูดภาษาอังกฤษสำเนียงค็อกนี่ย์ ให้กลายเป็นสุภาพสตรีชั้นสูง โดนจะสอนทั้งเรื่องการพูดและมารยาทต่างๆ ให้กับเธอ

     บทละครเรื่องนี้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อีกมากมายหลายเรื่องเช่น She’s All That และ The Duff เรื่องที่โด่งดังที่สุดคือเรื่อง My Fair Lady นอกจากนี้ยังเป็นต้นแบบให้กับนิยายอีกหลายเรื่องที่ใช้พล็อตพระเอกพนันกับเพื่อนว่าจะเปลี่ยนสาวเฉิ่มให้เป็นสาวสวยให้ได้ ถ้าอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วเฮนรี่กับเอไลซ่าได้ลงเอยกันมั้ย ก็ต้องลองอ่านดูเองค่ะ แม้โดยรวมเรื่องนี้ดูจะค่อนไปทางคอเมดี้แต่ก็สอดแทรกแนวคิดเรื่องชนชั้นสูงของอังกฤษและบทบาทของผู้หญิงในสังคมยุคนั้นไว้ด้วยเช่นกัน นอกจากอ่านสนุกแล้ว ยังได้เกร็ดประวัติศาสตร์อีกด้วยนะ

4. Emma โดย Jane Austen

     เอ็มม่าเป็นนิยายคลาสสิกอีกเรื่องที่อ่านง่ายและเพลินมากเลยค่ะ เรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1815 แต่เนื้อหาไม่ได้ดูเชยเลย อ่านยุคนี้ก็ยังสนุกมากอยู่ค่ะ เรื่องราวว่าด้วย Emma (เอ็มม่า) สาวสวยสดใส ฉลาด หัวดื้อ ผู้ชอบจับคู่ให้คนนั้นคนนี้แต่ตัวเองสาบานว่าจะไม่แต่งงานเด็ดขาด แต่เธอก็มักทำผิดพลาดกับชีวิตคนอื่นอยู่เสมอ แถมยังค่อนข้างขี้มโน บางครั้งเธอก็ขัดขวางความรักคนอื่นเพราะมองว่าคู่นั้นไม่สมกันแบบในจินตนาการของเธอ ส่วนพระเอกของเรื่องคือ Mr. Knightley (คุณไนท์ลีย์) หนุ่มข้างบ้านที่เป็นคนเดียวที่กล้าวิจารณ์และขัดเอ็มม่าอยู่เสมอ มาดูกันว่าสุดท้ายแล้วทั้งคู่ลงเอยกันยังไง และคู่รักคู่อื่นในเรื่องที่เอ็มม่าไปยุ่งกับเขาเนี่ย จะสมหวังกันหมดมั้ย

     ใครชอบนิยายแนวโรแมนติกคอเมดี้ไม่ควรพลาดเรื่องนี้เลยค่ะ นิยายเรื่องนี้ถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ละคร และละครเวทีมากมายหลายครั้ง ถ้าใครอยากลองดูเวอร์ชันภาพยนตร์ละก็ พี่แนะนำเรื่อง Clueless ที่อลิเซีย ซิลเวอร์สโดนเล่น และเรื่อง Emma ที่กวินเน็ธ พัลโธรว์เล่น สนุกมากๆ เลยค่ะ

     ผลงานอื่นๆ ของเจน ออสเต็น ก็เป็นนิยายคลาสสิกที่ควรอ่านในโรงเรียนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Sense and Sensibility, Pride and Prejudice หรือ Northanger Abbey ลองหาอ่านกันดูนะคะ

www.amazon.com

5. The Great Gatsby โดย F. Scott Fitzgerald

     เอฟ สก๊อต ฟิตซ์เจอรัลด์ เป็นนักเขียนชาวอเมริกันที่เป็นตัวพ่อของยุคแจ๊ซหรือช่องทศวรรษที่ 20 ที่ดนตรีแจ๊ซ ท่าเต้นมันๆ และแฟชั่นชุดปาร์ตี้วิบวับกำลังเป็นที่นิยม นิยายเรื่องนี้ก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของยุคนั้นเช่นกัน ทุกวันนี้เวลามีงานปาร์ตี้เรายังเรียกธีมงานที่แต่งตัวเป็นยุค 20 ว่าธีมแกตส์บี้เลยใช่มั้ยล่ะ แต่จริงๆ แล้วตอนนี้เรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ออกมากลับเป็นเรื่องที่ไม่ดัง ขายไม่ค่อยออก คำวิจารณ์ก็ย่ำแย่ ตัวฟิตซ์เจอรัลด์เองยังเสียชีวิตไปโดยคิดว่าตัวเองเป็นนักเขียนที่ไม่ได้เรื่องเลย แต่เรื่องนี้กลับมาอีกครั้งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และกลายเป็นหนังสือเรียนในหลักสูตรภาคบังคับของอเมริกาในตอนนั้น จากนั้นก็ถูกดัดแปลงเป็นละครเวทีและภาพยนตร์อีกหลายต่อหลายเรื่อง

     เรื่องนี้บอกเล่าผ่าน Nick Carraway (นิค คาร์ราเวย์) บัณฑิตหนุ่มจากเยลที่เพิ่งได้งานในนิวยอร์ก เขาจึงมาเช่าบ้านบนเกาะสมมติแห่งหนึ่งในหมู่บ้านสมมติชื่อเวสต์เอ้ก เพื่อนข้างบ้านของเขาคือเศรษฐีหนุ่มผู้ลึกลับนามว่า Jay Gatsby (เจย์ แกตส์บี้) เจย์ชอบจัดงานปาร์ตี้แบบเวอร์วังเรื่อยๆ แต่ตัวเองกลับไม่ชอบอยู่ในงาน วันหนึ่งนิคไปเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องชื่อ Daisy (เดซี่) ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของอ่าว เดซี่แนะนำให้เขารู้จักกับสามีของเธอผู้เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกับนิค จากนั้นเดซี่ก็แนะนำสาวให้นิค สาวคนนั้นบอกนิคว่าสามีของเดซี่แอบมีผู้หญิงอื่น ไม่นานนักนิคก็ได้รับเชิญไปงานปาร์ตี้ที่บ้านเจย์ และนิคก็ได้รู้ว่าเจย์เคยคบหากับเดซี่มาก่อน เขายังรักและรอเธอกลับมาสานสัมพันธ์กันต่ออยู่เสมอ มาลุ้นกันว่าสุดท้ายแล้วเดซี่จะรู้มั้ยว่าสามีมีเมียน้อย และเธอจะกลับมาคบหากับเจย์ แกตส์บี้อีกมั้ยนะ

     หลายคนน่าจะได้ชมภาพยนตร์เรื่อง The Great Gatsby เมื่อปี 2013 ที่แสดงโดยลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ฉะนั้นลองไปหาเวอร์ชันนิยายอ่านดูก็น่าจะสนุกไม่แพ้กันค่ะ

6. Romeo and Juliet โดย William Shakespeare

     มีผลงานของเชคสเปียร์เป็นสิบๆ เรื่องที่กลายมาเป็นบทอ่านในหลักสูตรภาคบังคับของนักเรียนมัธยม โดยส่วนตัวพี่ไม่ค่อยชอบอ่านงานเชคสเปียร์เท่าไหร่เพราะเป็นบทละครและกลอนภาษาเก่าๆ ยากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านรามเกียรติ์ 5555 แต่ก็ยอมรับว่าหลายเรื่องมีอิทธิพลต่องานเขียนในยุคต่อมา แถมแต่ละเรื่องก็โด่งดังกลายเป็นภาพยนตร์และละครเวทีมากมาย ที่ไม่ว่าจะทำซ้ำอีกเมื่อไหร่ก็ปังตลอด เรื่องที่เป็นที่รู้จักกันดีสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นโรมิโอและจูเลียต ที่ต่อให้ไม่เคยอ่านของจริงมาก่อนแต่ทุกคนก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องประมาณไหนใช่มั้ยละคะ

     นอกจากโรมิโอและจูเลียตแล้ว ผลงานอื่นๆ ที่มักเจอในหลักสูตรมัธยมบ่อยๆ ได้แก่ Macbeth, Hamlet, King Lear, Othello, A Midsummer Night’s Dream, The Merchant of Venice, Twelfth Night, The Tempest และ Much Ado About Nothing แต่จริงๆ แล้วงานเชคสเปียร์ก็ดังและถูกเลือกไปสอนในชั้นเรียนแทบทุกเรื่องเลยแหละ

www.amazon.com

7. Of Mice and Men โดย John Steinbeck

     ออฟไมซ์แอนด์เม็นเป็นนิยายขนาดสั้นที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1937 บอกเล่าเรื่องราวของ 2 หนุ่ม George Milton (จอร์จ มิลตัน) และ Lennie Small (เลนนี่ สมอลล์) แรงงานที่ย้ายหางานทำไปเรื่อยๆ ทั่วแคลิฟอร์เนียเพราะตอนนั้นอยู่ในยุคภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งยิ่งใหญ่ งานจึงหายาก จอร์จเป็นคนหัวดีแม้จะไม่ได้รับการศึกษาในโรงเรียนมาก็ตาม ส่วนเลนนี่มีพัฒนาการทางสมองที่บกพร่อง เขาเป็นคนตัวใหญ่ดูน่ากลัว แต่ถึงยังไงทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนรักกันและมักแชร์ความฝันที่วันหนึ่งจะมีอนาคตที่สดใสร่วมกันอยู่เสมอ เลนนี่ชอบเล่นอะไรกับสัตว์ที่นุ่มๆ น่ารักๆ เช่นกระต่าย แต่ด้วยความบกพร่องของเขาทำให้เขามักฆ่าสัตว์โดยไม่ตั้งใจเสมอ แล้ววันหนึ่งความอยากลูบของนุ่มๆ น่ารักๆ ของเลนนี่นี่แหละที่ทำให้เขาโดนกล่าวหาว่าพยายามข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่ง

     ใครอยากอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพของสองหนุ่มที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย อยากรู้ว่าชีวิตเลนนี่ต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไร และทั้งคู่จะประสบความสำเร็จมีอนาคตที่สดใสกันได้หรือไม่ละก็ ไปลองหาอ่านกันได้เลยค่ะ และถ้าอ่านจบแล้วอยากอ่านเรื่องแนวนี้อีก แนะนำเรื่อง The Grapes of Wrath อีกผลงานชิ้นเยี่ยมของจอห์น สไตน์แบ็ก ที่เป็นหนังสือเรียนมัธยมด้วยเช่นกัน

8. The Scarlet Letter โดย Nathaniel Hawthorne

     นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1850 แต่ตัวเรื่องมีเซ็ตติ้งในช่วงปี 1642-1649 ในสังคมพิวริตัน (กลุ่มชาวคริสต์ที่ยึดถือเรื่องความ “บริสุทธิ์” ในทุกๆ อย่าง ต้องปฎิรูปคริสต์นิกายต่างๆ ให้บริสุทธิ์ที่สุด) มลรัฐแมสซาชูเซ็ตส์ ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์เรื่อง Easy A ก็น่าจะพอรู้จักนิยายเรื่องนี้คร่าวๆ บ้างแล้ว

     เรื่องเปิดที่ชุมชนพิวริตันในเมืองบอสตัน ผู้คนต่างมาชุมนุมดูการลงโทษหญิงคนหนึ่งนามว่า Hester Prynne (เฮสเทอร์ พรินน์) เพราะเธอลักลอบเป็นชู้ และมีลูกไม่มีพ่อ เธอต้องปักตัว A ไว้ที่เสื้อเพื่อให้อับอาย เพราะเหมือนเป็นการประจานว่าเธอเป็นหญิงไม่ดี นอกจากนี้ยังต้องถูกด่าประจานอีกหลายชั่วโมง แม้จะโดนประจานหนักขนาดไหนเธอก็ยืนรับเงียบๆ แบบมีศักดิ์ศรี และไม่ยอมเปิดปากว่าใครเป็นพ่อของเด็ก

     ในฝูงชนนั้นเฮสเทอร์เห็นสามีของเธอที่คิดว่าหายไปกลางทะเลเป็นเวลานานแล้วอยู่ด้วย แต่พอสามีเธอรู้ว่าเธอต้องโทษอะไรเขากลับโกรธมาก และสาบานว่าจะหาพ่อของเด็กให้ได้เพื่อเอาตัวคนนั้นมาลงโทษด้วย เขาจึงปลอมตัวเป็นหมอที่มาตรวจดูอาการเธอในคุก แต่เฮสเทอร์ก็ยังไม่ยอมพูดอยู่ดีว่าใครเป็นพ่อเด็ก สามีจึงสั่งว่าเธอห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าเขาเป็นสามีของเธอ ถ้าเธอพูดเขาจะจัดการกับพ่อเด็กให้ได้

     ต้องอ่านเองแล้วแหละว่าตกลงใครเป็นพ่อเด็ก แล้วทำไมเฮสเทอร์จึงไม่ยอมบอกใคร และสามีเธอจะจัดการกับพ่อเด็กได้หรือไม่ เรื่องจะลงเอยยังไงกันแน่เนี่ย

www.amazon.com

9. Iliad โดย Homer

     เรื่องนี้ถือเป็นวรรณกรรมตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุด เชื่อกันว่าเขียนขึ้นประมาณ 700 ปีก่อนคริสตกาล อิเลียดไม่ได้เป็นแค่นวนิยายแต่เป็นมหากาพย์เรื่องนาวที่เป็นเรื่องราวของสงครามกรุงทรอย แม้เซ็ตติ้งเรื่องราวจะเกิดขึ้นแค่ช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ในปีสุดท้ายของสงคราม แต่ก็ใส่ตำนานกรีกไว้เยอะมาก ท้าวความถึงเรื่องราวก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ว่าตอนแรกเกิดอะไร ทำไมถึงต้องมีสงครามนี้ รวมพลนักรบยังไง และเล่าไปถึงคำทำนายในอนาคต เช่นจุดจบของอะคิลีสจะเป็นอย่างไร ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์เรื่อง Troy ก็น่าจะเข้าใจมหากาพย์เรื่องนี้ได้ไม่ยากค่ะ

     หลังอ่านอิเลียดจบก็อยากแนะนำให้อ่านเรื่องต่ออีกเรื่องได้เลย นั่นคือ Odyssey (โอดิสซี) เป็นเรื่องราวการผจญภัยของโอดิสซีอุสหลังสงครามกรุงทรอยจบและเขาต้องเดินทางกลับบ้าน แต่ระหว่างทางกลับต้องพบเจออุปสรรคมากมายที่ทำให้ถึงบ้านช้าไปอีกเป็นสิบปี ใครชอบตำนานกรีก ชอบเรื่องราวของวีรบุรุษและพลังมหัศจรรย์ทั้งหลายไม่ควรพลาดทั้ง 2 เรื่องนี้ค่ะ ผลงานชั้นครูจริงๆ

10. Frankenstein โดย Mary Shelley

     ถ้าพูดคำว่า “แฟรงเกนสไตน์” ขึ้นมา คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำนี้ และพี่เชื่อว่าหลายคนคงเห็นภาพสัตว์ประหลาดที่คล้ายมนุษย์แต่ไม่ใช่มนุษย์ที่เกิดจากการเอาร่างคนตายมาปะต่อกันและใช้กระแสไฟฟ้าช็อตให้เกิดชีวิตขึ้นมา แต่ถ้าเป็นคนที่อ่านเรื่องนี้จริงๆ แล้วก็จะรู้ว่า “แฟรงเกนสไตน์” นั้นคือนามสกุลของนักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างสิ่งมีชีวิตนี้ขึ้นมาต่างหาก ไม่ใช่ชื่อของตัวนั้นเอง

     ถ้าใครรู้จักแฟรงเกนสไตน์มาจากสื่อต่างๆ เยอะแล้ว พี่ยิ่งแนะนำให้หาวรรณกรรมเรื่องนี้มาอ่านเลยค่ะ เพราะบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่ค่อยจะเหมือนกับที่เราคุ้นเคยกันซักเท่าไหร่ มีทั้งความน่ากลัวสยองขวัญ และมีทั้งความโรแมนติกความดราม่าเรียกน้ำตา แถมน้องๆ จะได้รู้อีกด้วยว่าจริงๆ แล้วสัตว์ประหลาดที่วิกเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ สร้างขึ้นมานั้น เรียกตัวเองว่าอะไร

     ทั้ง 10 เรื่องนี้เป็นงานวรรณกรรมส่วนหนึ่งที่นักเรียนไฮสคูลจำเป็นต้องเรียนกัน แต่จริงๆ ยังมีอีกเยอะเลยนะคะ ผลงานยุคใหม่ๆ ก็ถูกเติมเข้าไปในหลักสูตรแนะนำด้วยเช่นกัน ลองมาดูตัวอย่างกันอีกซักเล็กน้อยดีกว่าค่ะ

อีก 20 วรรณกรรมที่ควรอ่านก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
     1. Great Expectations โดย Charles Dickens
     2. Walden โดย Henry David Thoreau
     3. The Picture of Dorian Gray โดย Oscar Wilde
     4. Joy Luck Club โดย Amy Tan
     5. Adventures of Huckleberry Finn โดย Mark Twain
     6. Looking for Alaska โดย John Green
     7. The Catcher in the Rye โดย  J.D. Salinger
     8. The Crucible โดย Arthur Miller
     9. Lord of the Flies โดย  William Golding
     10. The Count of Monte Cristo โดย Alexandre Dumas
     11. Fahrenheit 451 โดย  Ray Bradbury
     12. The Handmaid’s Tale โดย Margaret Atwood
     13. Jane Eyre โดย Charlotte Brontë
     14. Paradise Lost โดย John Milton
     15. The Help โดย Kathryn Stockett
     16. The Old Man and the Sea โดย Ernest Hemingway
     17. The Hobbit โดย J.R.R. Tolkien
     18. The Hound of the Baskervilles โดย Arthur Conan Doyle
     19. Gulliver’s Travels โดย Jonathan Swift
     20. Waiting for Godot โดย Samuel Beckett

    

ลองเลือกอ่านตามแนวที่สนใจดูนะคะ รับรองว่าอ่านแล้วภาษาอังกฤษจะพัฒนาขึ้นเยอะแน่นอน แถมยังได้ความรู้อีกเพียบด้วย

[NEW] 1101- 1150(หนึ่งพันหนึ่งร้อยเอ็ด-หนึ่งพันหนึ่งร้อยห้าสิบ) | 10 เท่า ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ตัวเลข

อ่าน-อังกฤษ

อ่าน-ไทย

ความหมาย

1101 One thousand One hundred and One วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์วัน หนึ่งพันหนึ่งร้อยเอ็ด
1102 One thousand One hundred and Two วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ทู หนึ่งพันหนึ่งร้อยสอง
1103 One thousand One hundred and Three วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ธรี หนึ่งพันหนึ่งร้อยสาม
1104 One thousand One hundred and Four วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์โฟร์ หนึ่งพันหนึ่งร้อยสี่
1105 One thousand One hundred and Five วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ไฟว์ หนึ่งพันหนึ่งร้อยห้า
1106 One thousand One hundred and Six วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ซิกซ์ หนึ่งพันหนึ่งร้อยหก
1107 One thousand One hundred and Seven วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์เซเว่น หนึ่งพันหนึ่งร้อยเจ็ด
1108 One thousand One hundred and Eight วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์เอท หนึ่งพันหนึ่งร้อยแปด
1109 One thousand One hundred and Nine วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ไนน์ หนึ่งพันหนึ่งร้อยเก้า
1110 One thousand One hundred and Ten วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ เท็น หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบ
1111 One thousand One hundred and Eleven วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ อีเลฟเว่น หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบเอ็ด
1112 One thousand One hundred and Twelve วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ ทเวลฟ์ หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบสอง
1113 One thousand One hundred and Thirteen วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ เธอร์ทีน หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบสาม
1114 One thousand One hundred and Fourteen วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ โฟร์ทีน หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบสี่
1115 One thousand One hundred and Fifteen วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ ฟิฟทีน หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบห้า
1116 One thousand One hundred and Sixteen วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ ซิกซ์ทีน หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบหก
1117 One thousand One hundred and Seventeen วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ เซเว่นทีน หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบเจ็ด
1118 One thousand One hundred and Eighteen วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ เอททีน หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบแปด
1119 One thousand One hundred and Nineteen วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ ไนน์ทีน หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบเก้า
1120 One thousand One hundred and Twenty วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ทเว้นตี้ หนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบ
1121 One thousand One hundred and Twenty One วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ทเว้นตี้วัน หนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด
1122 One thousand One hundred and Twenty Two วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ทเว้นตี้ทู หนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบสอง
1123 One thousand One hundred and Twenty Three วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ทเว้นตี้ธรี หนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบสาม
1124 One thousand One hundred and Twenty Four วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ทเว้นตี้โฟร์ หนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบสี่
1125 One thousand One hundred and Twenty Five วันเธาซันดฺ แอนด์ วันฮันเดรด แอนด์ทเว้นตี้ไฟว์ หนึ่งพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้า


พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ – ตลอดเวลา (Long Version)【Official Audio】


ตลอดเวลา พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เวอร์ชั่น 4 นาที โดยเพลง ตลอดเวลา เวอร์ชั่นนี้ มีเนื้อเพลงเพิ่มเติมจากเวอร์ชั่นแรกที่ถูกบรรจุในอัลบั้ม เสือตัวที่ 11 เมื่อปี 2533
Remastered by Woody Pornpitaksuk @Westside Mastering
เนื้อเพลง
พักสายตาเถอะนะคนดี
หลับลงตรงนี้ ที่ที่มีแต่เราสองคน
ผ่านเรื่องราวผ่านงานผ่านคน สับสนหลายความ
บางเวลาต้องการสักคน ไว้คอยปลอบใจ เข้าใจ พูดคุย
ความรักเอย งดงามอย่างนี้
จนชั่วชีวี โหยหาความรักไม่เคยพอ
จะอยู่ที่ใด หนใดก็ดี
ขอให้มีเธอ สุขอย่างนี้ไม่มีใดเทียม
พักกาย พักใจ หลับตาฝันดี
รักเอย รับที เข้าใจถึงกัน
ความรักเอย งดงามอย่างนี้
จนชั่วชีวี โหยหาความรักไม่เคยพอ
อยากให้เธอเคียงข้างอย่างนี้
บอกรักอีกที อยู่ใกล้กันตลอดเวลา
พักกาย พักใจ หลับตาฝันดี
รักเอย รับที เข้าใจถึงกัน
พักกาย พักใจ หลับตาฝันดี
รักเอย รับที เข้าใจถึงกัน
【 ช่องทางติดตามข่าวสาร ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ 】
Facebook ► http://www.facebook.com/pupongsitofficial
Instagram ► http://instagram.com/pupongsitofficial
LINE ► @PuPongsitOfficial หรือ http://line.me/ti/p/%40pupongsitofficial
TikTok ► https://vt.tiktok.com/ZSJBeAeu5/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ - ตลอดเวลา (Long Version)【Official Audio】

คำและวลีภาษาอังกฤษ: บทเรียนที่ 10 – คำศัพท์อังกฤษ!


เรียนรู้คำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษ บทที่ 10: ในวิดีโอนี้คุณจะได้เรียนรู้ 100 คำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษที่เป็นประโยชน์และพบได้บ่อยที่สุดในการสนทนาภาษาอังกฤษประจำวัน เพียงแค่ฟังและพูดตามให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทักษะการพูดภาษาอังกฤษของคุณจะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากภายในเวลาอันรวดเร็วค่ะ
ชุดวิดีโอคำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษ: https://bit.ly/3dx8ZTI
เมื่อเราเป็นเด็ก เราทุกคนเรียนรู้ที่จะพูดภาษาแม่ของเราโดยการฟังครอบครัวของเราพูดคุยกับเรา ในที่สุดเราก็จะสามารถพูดตามเพื่อสื่อสารกับพวกเขาได้ การเรียนรู้ภาษาใหม่นั้นไม่ได้แตกต่างกัน ยิ่งคุณฝึกฝนภาษาอังกฤษโดยการฟังและพูดตามคำศัพท์ใหม่ๆ มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งสามารถเชื่อมโยงคำศัพท์ใหม่ๆ เหล่านั้นเข้ากับภาษาของคุณได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
วิดีโอการเรียนรู้ภาษาเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นเครื่องมือที่ง่ายดายและมีประสิทธิภาพสำหรับการสอนให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็วที่สุด หากคุณพบว่าวิดีโอนี้มีประโยชน์ โปรดกดสมัครสมาชิก เนื่องจากจะมีการโพสต์วิดีโอใหม่ๆ เป็นประจำค่ะ
ขอบคุณที่รับชมค่ะ!

\”Autumn Day\”
Kevin MacLeod (incompetech.com)
Licensed under Creative Commons: By Attribution 3.0
http://creativecommons.org/licenses/by/3.0/

\”Wallpaper\”
Kevin MacLeod (incompetech.com)
Licensed under Creative Commons: By Attribution 3.0
http://creativecommons.org/licenses/by/3.0/

คำและวลีภาษาอังกฤษ: บทเรียนที่ 10 – คำศัพท์อังกฤษ!

100 ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ที่ต้องใช้จริงในชีวิตประจำวัน


100 ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน ที่ใช้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน
อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษตัวต่อตัว หรือเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบบุฟเฟ่ต์
สมัครได้เลย ​https://www.unfoxenglish.com/
สอบถามแอดไลน์ ​https://lin.ee/5uEdKb7h
กลุ่มเฟสบุค https://www.facebook.com/groups/unfoxenglishcommunity/
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ | ฝึกพูดภาษาอังกฤษ | สอนภาษาอังกฤษ | dltv | เรียนออนไลน์

100 ประโยคสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ที่ต้องใช้จริงในชีวิตประจำวัน

The Unknown East Coast Of Koh Chang (Underrated!)


The Unknown East Coast Of Koh Chang (Underrated!) East Thailand Island Trip Ep. 3
Exploring the west coast of Koh Chang ➡️ https://youtu.be/THYEPgqA8j0
After we explored all around the west coast of Koh Chang, its time to do the same on the less known east coast of the Thailand island. The eastern side of Koh Chang is less busy, you see less hotels, less villages and less people. Koh Chang’s east side has a lot of beautiful nature to offer. When you come to the Trat province in Thailand, definitely visit Koh Chang and then also check out the stunning east coast of this Thailand island.
Watch the full East Thailand Islands Playlist
➡️ https://bit.ly/3c2b76Y
Long beach
➡️ https://goo.gl/maps/pZht1cr2Q3C3u82h8
The organic coconut farm
➡️ https://goo.gl/maps/KjgWehxBFvxst4Ey8
Thailand travelthailand kohchang

🙋🏼‍♂️A B O U T M E
I am Ken Abroad, a fulltime traveler traveling southeast Asia, currently living in Thailand, making Thailand travel vlogs. It is my goal here on this channel to visit every country in southeast Asia and bring you along the journey.
You won’t see much tourist places in my videos, I rather like to show the “real” sides of each country in my videos. Where do the local people go to eat? Where do they hang out? How do the locals travel through the country? Stuff like that.
Click here to subscribe and follow my trip around Bangkok Thailand \u0026 southeast Asia
➡️https://bit.ly/2A2GheP

📷 I N S T A G R A M
Check also my Instagram, where I post regularly pictures, daily stories \u0026 lots of behindthescenes stuff: @Ken__abroad
➡️ https://www.instagram.com/ken__abroad/

☕ S U P P O R T T H E C H A N N E L
Many of you asked me how to support the channel and the videos. If you feel like supporting the channel by sponsoring me a coffee or a drink, here’s your chance ➡️https://www.buymeacoffee.com/kenabroad

📷 M Y G E A R
➡️ https://www.amazon.de/shop/kenabroad

🌐 W E B S I T E \u0026 S H O P
Check out my website for merch or BUSINESS INQUIRIES
➡️ https://www.kenabroad.com

The Unknown East Coast Of Koh Chang (Underrated!)

พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ – ใครจะเข้าใจ【Official Audio】


\”ใครจะเข้าใจ\” บทเพลงที่เกี่ยวกับเรื่องราวความรักของผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัดสินใจพลีกายแลกกับเงินเพื่อความอยู่รอดของตนเองและคนข้างหลัง จากอัลบั้ม อยากขึ้นสวรรค์ ของปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เจ้าพ่อเพลงรักเพื่อชีวิต
Remastered by Woody Pornpitaksuk @Westside Mastering
เนื้อเพลง
รู้ว่าหลอกเธอไว้ และหวังว่าเธอเข้าใจ
ดั่งว่าเดินทางมาไกล ไกลจนกู่ไม่กลับ
รู้ว่านี่น่ะร้าย เป็นตายเธอคงไม่ยอม
เราเคยประนีประนอม ออมชอมกันได้ทุกอย่าง
เพราะเธอเคยบอก อย่าทำกับฉันอย่างนี้
เพราะเธอเคยบอก ว่าเธอทนไม่ได้
ไม่รู้สึกได้ไหม เธอบอกใครเล่าจะทนไหว
มีเลือดมีเนื้อหัวใจ ให้ตายซะยังดีกว่า
หิวท้องกิ่วฉันล้า ถึงออกมาไล่ล่าหาเงิน
หมดสิ้นความคิดอับจน ที่เหลือก็คือเรือนร่าง
เพราะเธอเคยบอก อย่าทำกับฉันอย่างนี้
เพราะเธอเคยบอก ว่าเธอทนไม่ได้
แล้วฉันล่ะ ใครเคยเข้าใจฉันไหม
แล้วฉันล่ะ ใครเคยคิดถึงฉันไหม
ฉันต้องนอนกับชาย ที่ฉันไม่เคยรู้จัก
ฉันต้องพลีร่างกายแลกเงิน เลี้ยงใครต่อใครตั้งกี่ร้อยคน
เพราะเธอเคยบอก อย่าทำกับฉันอย่างนี้
เพราะเธอเคยบอก ว่าเธอทนไม่ได้
แล้วฉันล่ะ ใครเคยเข้าใจฉันไหม
แล้วฉันล่ะ ใครเคยคิดถึงฉันไหม
ฉันต้องนอนกับชาย ที่ฉันไม่เคยรู้จัก
ฉันต้องพลีร่างกายแลกเงิน เลี้ยงใครต่อใครตั้งกี่ร้อยคน
เธอกำลังไป มองคล้ายฉันเป็นกากเดน
ทุกอย่างเป็นดั่งควรเป็น ฉันเห็นสมควรทุกอย่าง
น้ำตาอยู่ตรงไหน อยู่ในใจไม่ไหลออกมา
ไม่เชื่อคือโชคชะตา นี่คือสิ่งที่ฉันทำและฉันเป็น
【 ช่องทางติดตามข่าวสาร ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ 】
Facebook ► http://www.facebook.com/pupongsitofficial
Instagram ► http://instagram.com/pupongsitofficial
LINE ► @PuPongsitOfficial หรือ http://line.me/ti/p/%40pupongsitofficial
TikTok ► https://vt.tiktok.com/ZSJBeAeu5/

พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ - ใครจะเข้าใจ【Official Audio】

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ 10 เท่า ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *