ภาษา ที่ สาม ที่ ควร เรียน: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
เพราะทิศทางของโลกเปลี่ยนแปลงบ่อย…นอกจากการเรียนภาษาต่างประเทศเป็นภาษาที่สองอาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ความสามารถในการสื่อสาร “ภาษาอังกฤษ” ที่ปัจจุบันไม่ใช่ความสามารถพิเศษอีกต่อไป ยุคนี้จึงกลายมาเป็นยุคของ “ภาษาที่สาม” สิ่งที่คนรุ่นใหม่ทุกคนควรจะมีและถือเป็นข้อได้เปรียบที่นอกจาก ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ แล้ว เราต้องพัฒนาทักษะทางด้านภาษาของตัวเองให้โดดเด่นขึ้นไม่ให้น้อยหน้าใคร ภาษาที่สามจึงเปรียบเสมือนความสามารถพิเศษ ยิ่งถ้าพูดได้มากกว่าสามภาษาขึ้นไปก็จะยิ่งทำให้ทุกองค์กร และทุกสถาบันการศึกษาต้องรีบคว้าตัวไว้อย่างแน่นอนกับ 10 สุดยอดภาษาที่จำเป็นอย่างยิ่งในอนาคต จะมีภาษาอะไรที่น่าสนใจและควรค่าแก่การเรียนเพิ่มเติมบ้างไปชมกันเลย…
1. ภาษาจีนกลาง (Mandarin / 普通话)
“สวัสดี” ในภาษาจีนกลางพูดว่า “Ni hao” (หนี-ห่าว)
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีประชากรมากที่สุดในโลกประกอบไปด้วยหลากหลายชาติพันธุ์ จึงเป็นเหตุให้มีภาษาจีนกว่า 300 ภาษาในแต่ละพื้นที่ แต่ภาษาที่ใช้เป็นภาษาราชการของประเทศจีนคือ “ภาษาจีนกลาง” หรือ “ภาษาแมนดาริน” จากการรายงานในปี 2014 ภาษาจีนกลางเป็นภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในโลกกว่า 1 พันล้านคน มากเป็นสองเท่าของจำนวนคนที่พูดภาษาอังกฤษ และยังได้บรรจุเป็นภาษาของสหประชาติ (UN) อีกด้วย เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และได้รับการคาดการณ์ไว้ว่าในปี ค.ศ.2020 ประเทศจีนจะขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโลกอย่างแน่นอน การเรียนรู้ภาษาจีนกลางจึงจำเป็นและสำคัญมากในอนาคต รวมไปถึงผลการสำรวจภาษาที่มีการใช้มากที่สุดในอินเตอร์เน็ตภาษาจีนติดอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก รองจากภาษาอังกฤษ แม้จะเป็นภาษาที่ถือได้ว่ายากต่อการเรียนรู้ภาษาหนึ่ง แต่หากคุณสามารถสื่อสารทั้งเขียนและพูดภาษาจีนกลางได้เป็นอย่างดีแล้วหละก็ รับรองว่ามีผลต่ออาชีพหน้าที่การงานในอนาคตอย่างแน่นอน
2. ภาษาสเปน (Spanish / Español)
“สวัสดี” ในภาษาสเปนพูดว่า “Hola” (โอ-ลา)
ภาษาสเปนถูกใช้เป็นภาษาราชการในสามทวีป รวมแล้วกว่า 20 ประเทศทั่วโลก และยังพบว่ามีคนพูดภาษาสเปนได้ถึง 400 ล้านคน จากการสำรวจในปี 2014 นอกจากนี้ภาษาสเปนยังเป็นภาษาที่สองของประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ดูได้จากผลการสำรวจสำมะโนประชากรในสหรัฐอเมริกาพบว่า ภาษาสเปน เป็นภาษาเริ่มแรกที่ใช้พูดกันในครอบครัวในช่วงอายุตั้งแต่ 5 ขวบขึ้นไปประมาณ 38.3 ล้านคน และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นภาษาที่มีความสำคัญในด้านของเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่างประเทศ จำเป็นต่อการประกอบอาชีพของประชากร ภาษาสเปนจึงเป็นที่นิยมมากในการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยของประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้มีการคาดการณ์ไว้ว่า คนที่มีสามารถพูดและสื่อสารภาษาสเปนได้ดีจะทำให้มีอัตราค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.7 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ภาษาสเปนยังเป็นภาษาที่ใช้ในอินเตอร์เน็ตมาที่สุดอยู่ในอันดับที่ 3 รองจากภาษาจีน และภาษาอังกฤษ นั่นเอง
3. ภาษาญี่ปุ่น ( Japanese/ 日本語 )
“สวัสดี” ในภาษาญี่ปุ่นพูดว่า “Hajimemashite” (ฮะ-จิ-เมะ-มะ-ชิ-เตะ)
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีทั้งการลงทุนและขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก จึงทำให้ภาษาญี่ปุ่นยังคงเป็นภาษาที่มีอิทธิพลมาก ผู้คนทั่วโลกต้องการที่จะศึกษาภาษาญี่ปุ่นเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารในด้านธุรกิจนั่นเอง และนอกเหนือจากด้านของการทำธุรกิจแล้ว ภาษาญี่ปุ่นยังมีความน่าสนใจในด้านของวรรณกรรมต่างๆ การที่เราสามารถเรียนรู้และเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้ก็ทำให้เราอ่านหนังสือดีๆ ของประเทศญี่ปุ่นได้อีกมากเช่นกัน ปัจจุบันบริษัทญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในไทยคิดเป็นถึง 40% ของบริษัทต่างชาติทั้งหมด ในหลายองค์กรจึงต้องการบุคลากรที่มีความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนในประเทศญี่ปุ่นยังพูดภาษาอังกฤษได้น้อย จึงต้องการคนที่สื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้เป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้มีค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีผู้ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาทางการกว่า 130 ล้านคนทั่วโลก แม้จะเป็นภาษาที่สำคัญในด้านธุรกิจและเศรษฐกิจระหว่างประเทศมาก แต่ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่ค่อนข้างยากถึงขั้นต้องเรียกว่าพิสดารเลยทีเดียว เพราะมีไวยากรณ์ที่ซับซ้อน มีความละเอียดอ่อนมาก เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ และสถานะของบุคคลอีกด้วย
4. ภาษาโปรตุเกส (Portuguese/ Português)
“สวัสดี” ในภาษาโปรตุเกสพูดว่า “Olá” (โอ-ล๊ะ)
แม้ว่าความต้องการของภาษาโปรตุเกสจะไม่ฮอตเท่ากับภาษาสเปน แต่ภาษาโปรตุเกสก็เป็นภาษาราชการในหลายประเทศทั่วโลก อาทิเช่น ประเทศโปรตุเกส บราซิล แองโกลา โมซัมบิก และประเทศติมอร์-เลสเต เป็นต้น รวมแล้วมีคนพูดภาษาโปรตุเกสได้กว่า 200 ล้านคนทั่วโลก จัดอยู่ในอันดับที่ 6 ภาษาที่มีคนพูดได้มากที่สุดในโลก หากพิจารณาในด้านของเศรษฐกิจแล้วจะเห็นได้ว่าประเทศส่วนใหญ่ที่ใช้ภาษาโปรตุเกสจะเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาอยู่ในแถบทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศบราซิลที่มีขนาดใหญ่และมีประชากรจำนวนมาก กำลังต้องการที่จะขยายเศรษฐกิจออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่ยังขาดแคลนคนที่สามารถพูดและใช้ภาษาโปรตุเกสได้เป็นอย่างดี ถือเป็นข้อได้เปรียบและมีประโยชน์มากเพราะคนที่มีความรู้ด้านภาษาโปรตุเกสนี้มีน้อย แต่การเรียนรู้ภาษาโปรตุเกสต้องบอกเลยว่ายากกว่าภาษาสเปน แต่ก็ไม่ยากเท่ากับภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศส
5. ภาษาเยอรมัน (German/ Deutsch)
“สวัสดี” ในภาษาเยอรมันพูดว่า “Hallo” (ฮา-โล)
แม้ภาษาเยอรมันจะไม่ได้เป็นหนึ่งในภาษาของสหประชาชาติ แต่ก็เป็นภาษาราชการของประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจของยุโรปหลายประเทศ นอกจากประเทศเยอรมนีที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการแล้ว ยังมีประเทศใกล้เคียงที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาพูดอีก เช่น ออสเตรีย, เบลเยียม, เดนมาร์ก, ฮอลแลนด์, ลิกเตนสไตน์, ลักเซมเบิร์ก และสวิตเซอร์แลนด์ รวมแล้วประมาณ 100 ล้านคน และยังเป็นภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในยุโรปอีกด้วย อย่างประเทศเยอรมนีที่มีความแข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจมากที่สุดในสหภาพยุโรป ความสามารถในการพูดภาษาเยอรมันจึงมีประโยชน์และสำคัญมากในด้านการทำธุรกิจระหว่างประเทศกับประเทศในแถบยุโรป หรือแม้แต่ประเทศไทยเองก็มีบริษัทมากมายที่มาจากประเทศเยอรมัน จึงเป็นที่คาดการณ์ว่าผู้ที่สามารถสื่อสารภาษาเยอรมันได้จะทำให้มีอัตราค่าจ้างสูงขึ้นประมาณ 4% และยังเป็นภาษาที่ง่ายต่อการเรียนรู้เพราะมีลักษณะคล้ายภาษาอังกฤษ แต่จะยากในส่วนของไวยากรณ์
6. ภาษาอาหรับ (Arabic /العربيةالعربية)
“สวัสดี” ในภาษาอาหรับพูดว่า “Al salaam a’alaykum” (อัสสะลามมุอะลัยกุม)
ภาษาอาหรับ หรือ ภาษาอารบิค หนึ่งในภาษาของสหประชาชาติ และเป็นภาษาราชการของกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่น อิรัก, คูเวต, จอร์แดน, อิสราเอล, แอลจีเรีย, บาห์เรน, ปาเลสไตน์, ซาอุดีอาระเบีย และอื่นๆ อีกมากมาย จะเห็นได้ว่าภาษาอารบิคเป็นภาษาของศาสนาอิสลามที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุด และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวมากขึ้นทุกปี โดยสถิติล่าสุดในปี 2014 มีผู้พูดภาษาอารบิคได้ทั้งหมด 246 ล้านคนจากทั่วโลก มากเป็นอันดับที่ 6 และสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาษาอารบิคเป็นอีกหนึ่งภาษาที่น่าสนใจนั่นก็คือ กลุ่มประเทศในตะวันออกเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศผู้มีอิทธิพลในเศรษฐกิจน้ำมันโลก ทำให้ในอนาคตข้างหน้าภาษาอารบิคจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเรียนภาษาอาหรับต้องบอกเลยว่า เป็นภาษาที่มีระดับความยากอยู่ที่อันสามรองจากภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่นเลยทีเดียว เนื่องจากว่ามีระบบการเขียนที่ยาก และหลักไวยากรณ์ที่ซับซ้อนนั่นเอง
7. ภาษาฝรั่งเศส (French/ Français)
“สวัสดี” ในภาษาฝรั่งเศสพูดว่า “Bonjour” (บงชูร์)
ภาษาฝรั่งเศส เรียกได้ว่าเป็นภาษาที่โรแมนติกและไพเราะมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นภาษาที่มีประวัติศาสตร์โดดเด่นมากในยุโรปก่อนที่ภาษาอังกฤษจะเกิดขึ้นเสียอีก และยังคงเป็นภาษาที่มีบทบาทมาจนถึงปัจจุบันถือเป็น 1 ใน 5 ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ (UN) เนื่องจากที่ฝรั่งเศสเคยเป็นประเทศอาณานิคมของหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้ภาษาฝรั่งเศสเป็นอีกหนึ่งภาษาที่มีการใช้อย่างแพร่หลายสูงถึง 129 ล้านคนทั่วโลก (Top Ten Most Spoken Languages In The World In 2014) กว่า 40 ประเทศ และยังเป็น 1 ใน 10 ของภาษาที่พบมากที่สุดในอินเตอร์เน็ต ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ง่ายต่อการเรียนรู้เพราะคล้ายกับภาษาอังกฤษมาก ยกตัวอย่างในประเทศแคนาดามีผู้ที่ต้องการเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก เพราะตำแหน่งงานส่วนใหญ่จะต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสื่อสาร จนถึงขั้นมีการคิดประเมินค่าจ้างไว้ว่าคนที่สามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้จะมีค่าจ้างเพิ่งขึ้นถึง 2.7% เลยทีเดียว
8. ภาษารัสเซีย (Russian/ русский язык)
“สวัสดี” ในภาษารัสเซียพูดว่า “Zdravstvuite” (สดร๊าสต-วุย-ถิ)
ภาษารัสเซียเป็น 1 ใน 5 ของภาษาที่แพร่หลายมากที่สุดในโลก หนึ่งในลิสต์ภาษาที่เราต้องเรียนรู้เพราะเป็นทั้งภาษาสากล และภาษาทางการของสหประชาชาติ ทั่วโลกมีคนที่ใช้ภาษารัสเซียกว่า 277 ล้านคน จากผลสำรวจในปี 2014 ประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ภาษารัสเซียจึงมีความโดดเด่นมากสำหรับผู้ที่จะทำธุรกิจระหว่างประเทศ เพราะชาวรัสเซียส่วนใหญ่มีความเป็นชาตินิยม และอนุรักษ์นิยมค่อนข้างสูง ชาวรัสเซียโดยทั่วไปสื่อสารด้วยภาษาถิ่นของตนเอง และมีความรู้ภาษาอังกฤษไม่มาก เพื่อที่จะสามารถติดต่อทำธุรกิจกับประเทศรัสเซีย และประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการ จึงมีความต้องการล่ามหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษารัสเซียเป็นพิเศษ ทำให้มีผลต่ออัตราเงินเดือนที่จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 4% ต่อปี เมื่อพูดถึงในด้านของการเรียนรู้ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่ค่อนข้างยากภาษาหนึ่ง เนื่องจากมีไวยากรณ์ที่ซับซ้อน คนไทยอาจมีปัญหาในเรื่องของการออกเสียงเนื่องจากค่อนข้างยากเช่นเดียวกัน แต่ก็เรียกได้ว่าภาษารัสเซียเป็นภาษาที่ง่ายที่สุดในกลุ่มของ “ภาษายาก” นั่นเอง
9. ภาษาเกาหลี (Korean/ 한국어)
“สวัสดี” ในภาษาเกาหลีพูดว่า “안녕하세요.” (อัน-นยอง-ฮา-เซ-โย)
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีความมหัศจรรย์ทางด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมากในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะยังคงเป็นหนึ่งประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในเชิงพาณิชย์สำรับอนาคตข้างหน้า โดยจะเห็นได้ว่าในประเทศไทยมีบริษัทที่มาลงทุนจากประเทศเกาหลีเป็นจำนวนมาก และโดยพื้นฐานแล้วคนเกาหลีส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยมีทักษะทางด้านภาษาอังกฤษเท่าใดนัก จึงมีความต้องการคนที่สามารถพูดและสื่อสารภาษาเกาหลีได้ค่อนข้างสูง เพื่อมาทำงานในบริษัท หรือติดต่อด้านธุรกิจกับประเทศเกาหลีนั่นเอง ในสมัยก่อนคนไทยไม่ได้ให้ความสำคัญกับภาษาเกาหลีมากนัก ทั้งที่จริงแล้วประเทศไทยกับเกาหลีมีความสัมพันธ์กันหลายด้านอย่างเช่น การค้า เศรษฐกิจ ความมั่นคงทางศาสนา และการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันวัฒนธรรมเกาหลีก็ได้เข้ามามีบทบาทกับประเทศไทยมากขึ้นในเรื่องของแฟชั่น ภาพยนตร์ และดนตรี ทำให้มีสถานศึกษาและโรงเรียนกวดวิชาบางแห่งเปิดสอนภาษาเกาหลีขึ้นอย่างมากมาย หากใครจะเลือกภาษาเกาหลีมาเป็นภาษาที่ 3 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
10. ภาษาฮินดี (Hindi / हिन्दी, हिंदी)
“สวัสดี” ในภาษาฮินดีพูดว่า “Namaste / Namaskar” (นมัสเต / นมัสการ)
ภาษาอันดับที่ 4 ที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก “ภาษาฮินดี” เป็นภาษาราชการของสาธารณรัฐอินเดีย และเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกันทั่วไปของประเทศในแถบเอเชียใต้ เช่น ปากีสถาน เนปาล บังคลาเทศ ภูฏาน เป็นต้น โดยเฉพาะประเทศอินเดียที่ในปัจจุบันมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูง และยังเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกอยู่ในอันดับ 2 รองจากประเทศจีน ทำให้ภาษาฮินดีมีผู้ใช้ทั้งหมด 497 ล้านคน มีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น อินเดียก็อยู่ในกลุ่มประเทศ AEC+6 ด้วย ในประเทศไทยมีสมาคมนักธุรกิจชาวอินเดียและชุมชนชาวอินเดียอยู่หลายกลุ่ม ซึ่งเกือบทั้งหมดยังนิยมใช้ภาษาฮินดีเป็นภาษากลางในการสื่อสารกัน แต่ภาษาฮินดีก็ไม่ได้เป็นภาษาสากลในประเทศอินเดียซะทีเดียว เพราะคนที่พูดฮินดีส่วนใหญ่ก็จะใช้ภาษาอังกฤษได้ดีด้วยเช่นเดียวกัน
ขอบคุณภาพประกอบจาก : Internet
รวบรวมข้อมูลและอ้างอิงจาก :
Table of Contents
[NEW] ไปเรียนต่อญี่ปุ่น ดีไหม? 10 เหตุผลที่ควร ไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น | ภาษา ที่ สาม ที่ ควร เรียน – NATAVIGUIDES
เมื่อคิดจะเรียนต่อต่างประเทศ… ไปเรียนต่อญี่ปุ่น กันเถอะ!
หลายคนที่กำลังคิดอยากจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น
อาจจะมีคำถามอยู่ในใจว่า
การไปเรียนที่ญี่ปุ่นนั้น จะคุ้มค่ากับเงินและเวลาที่เสียไปไหม
ถ้าลองถามคนที่เคยมีประสบการณ์ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นมาแล้วล่ะก็
ส่วนใหญ่จะบอกว่า การไปเรียนที่ญี่ปุ่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ได้มากกว่าคำว่า “คุ้ม”
10 เหตุผลที่ควร ไปเรียนต่อญี่ปุ่น
1. ไม่ไกลเกินไป
นั่งเครื่องบินเพียงแค่ 6 ชั่วโมงจากไทย ก็ไปถึงญี่ปุ่นแล้ว งีบกลางคืน ตื่นเช้ามาก็ซิ่งได้ทันที
มีเที่ยวบินบินตรง ไปญี่ปุ่น โดยลงที่เมืองต่างๆ หลายแห่ง เช่น ซัปโปโร โตเกียว นาโงย่า โอซาก้า ฟุกุโอกะ
พ่อแม่พี่น้อง อยากไปเยี่ยมก็ไปหาได้ง่ายๆ สบายๆ ตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นราคาไม่แพง ก็มีเยอะมากตลอดทั้งปี
2. มาตรฐานการศึกษาที่ดี สาขาวิชาที่หลากหลาย
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีมาตรฐานทางด้านการศึกษาในระดับที่สูง ไม่ว่าคุณอยากจะเรียนสาขาใด เจาะลึกด้านไหน
เป็นพิเศษ การศึกษาที่ญี่ปุ่นสามารถตอบสนองความฝันของคุณได้
จากการจัดอันดับ 20 ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก “20 Best Education Systems In The World” ประจำปี 2015/2016 ญี่ปุ่นอยู่อันดับที่ 2 ของโลก
จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของ QS World Ranking 2015-2016 มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นติดอันดับ Top 100 จำนวน 5 แห่ง
นักวิทยาศาสตร์ของญี่ปุ่นได้รับรางวัลโนเบลมาแล้วถึง 24 คน นับเป็นอันดับที่ 8 ของประเทศที่ได้รับรางวัล
โนเบลมากที่สุดในโลก
3.ได้ภาษาที่สาม
เด็กสมัยใหม่ไม่ว่าใครก็พูดภาษาอังกฤษกันได้หมดแล้ว
การได้ภาษาที่สามเริ่มกลายเป็นเรื่องปรกติ การได้ภาษาญี่ปุ่น สามารถใช้ประโยชน์ในการทำงาน ไม่ว่าจะทำงานบริษัท หรือติดต่อธุรกิจส่วนตัว ค้นหาข้อมูล ท่องเที่ยว ฯลฯ
โดยเฉพาะคนที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นในระดับที่ดี ในระดับที่สื่อสารทางธุรกิจ หรือภาษาญี่ปุ่นที่เป็นสาขาเฉพาะทาง ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่อีกมาก พูดได้เต็มปากเลยค่ะว่า ถ้ามีความรู้ภาษาญี่ปุ่นในระดับที่สามารถสื่อสารได้ดีล่ะก็ ไม่มีทางตกงานค่ะ
นักเรียนไทยที่จบปริญญาตรี แล้วไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นประมาณ 1-2 ปี กลับมาถึงเมืองไทย ส่วนใหญ่ได้งานภายใน 1 เดือน และได้มากกว่า 1 งาน
4. คุณภาพชีวิตที่ดี สะดวก ปลอดภัย
ได้ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือในต่างจังหวัด
การจัดอันดับ QS Best Student Cities 2016 โตเกียวอยู่อันดับเมืองเหมาะกับนักศึกษามากที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 3 รองจากเมลเบิร์นของออสเตรเลีย และปารีสของฝรั่งเศส
ญี่ปุ่นติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกมาตลอด อัตราการก่ออาชญากรรมต่ำ ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ในโลกแล้วล่ะก็ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ลืมของไว้ แล้วมีโอกาสได้ของคืนกลับมาค่อนข้างสูงมาก
แม้จะมีประเด็นเรื่องภัยธรรมชาติที่หลายคนกังวล แต่การความเตรียมพร้อมในด้านการป้องกันภัยธรรมชาติ การ
ให้ความรู้และฝึกฝนเพื่อให้รู้จักรับมือกับภัยธรรมชาติ รวมถึงระบบการให้ความช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินของญี่ปุ่น ถือ
ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
5. เปิดโลกทัศน์แห่งความคิดสร้างสรรค์ ไอเดียพุ่งกระฉูด
นอกเหนือจากความไฮเทคอันล้ำสมัยแล้ว ญี่ปุ่นเป็นเจ้าแห่งความครีเอทีฟอันบรรเจิดสุดๆ
ไม่จำเป็นต้องเป็นนักครีเอทีฟตัวยง หรืออาร์ตตัวพ่อ แค่คนธรรมดาๆ กับการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นในแต่ละวัน ไม่ว่าจะไปแห่งหนใด คุณจะได้พบไอเดียแปลกๆ มุมมองใหม่ๆ ที่คิดไม่ถึงมาก่อน
คำว่า… “โหย..คิดได้ไงเนี่ย” จะเป็นประโยคปรกติที่ผุดขึ้นมาในสมองได้อยู่บ่อยครั้ง
ไม่ใช่แค่ไอเดียที่เป็นความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น แนวความคิดทางธุรกิจ การให้บริการของคนญี่ปุ่นยังมีความใส่ใจ
ที่ลึกซึ้ง มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้เราได้เรียนรู้อย่างล้ำลึก
6.ได้ท่องเที่ยวสะใจ สัมผัสทุกฤดูกาล
พูดถึงสถานที่ท่องเที่ยว เชื่อว่ายุคนี้ใครๆ ก็อยาก ไปญี่ปุ่น
ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะว่าเวลาว่างของนักเรียนไทยที่ญี่ปุ่นทำอะไรกัน ก็ “เที่ยว” สิคะ ไหนๆ ก็อยู่ในญี่ปุ่นทั้งที จะรอ
อยู่ไย ต้องออกไปแชะภาพอวดให้เพื่อนร่วมโลกอิจฉา
ญี่ปุ่นมีครบทั้ง 4 ฤดู จะฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว ไม่ว่าจะฤดูไหนก็มีสถานที่ให้ไปท่องเที่ยว
ได้อย่างไม่มีวันหมดสิ้น ไปแล้วไปอีก…ไม่เคยพอ
สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติของญี่ปุ่นก็คงความอุดมสมบูรณ์สวยงาม สถานที่ทางวัฒนธรรมก็สวยล้ำจับใจ การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน ทำให้ได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์ใหม่ ที่น่าจดจำไม่มีวันลืม
7. ได้เพื่อนจากนานาชาติทั่วโลก
มีนักเรียนจากนานาชาติมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ทำให้คุณได้เพื่อนใหม่จากทุกมุมโลก
โดยเฉพาะในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น นักเรียนแต่ละชาติจะได้แสดงความคิดเห็น บอกเล่าเรื่องราวของประเทศตน ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาญี่ปุ่น ซึ่งทำให้คุณได้เรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิตและความคิดที่แตกต่างของผู้คนจากนานาชาติทั่วโลก และยังได้รู้จักประเทศไทยของเราเองมากขึ้นอีกด้วย
8. มีระเบียบวินัย พึ่งพาตัวเองได้
การใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศคนเดียว ทำให้คุณต้องปรับตัว ช่วยเหลือตัวเองทุกๆด้าน เพราะไม่มีคอยทำอะไรให้
เหมือนอยู่บ้านที่เมืองไทย ต้องเผชิญกับสารพัดปัญหา ทำให้กล้าตัดสินใจ
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ชีวิตในญี่ปุ่น คุณจะถูกสภาพแวดล้อมบังคับให้มีระเบียบวินัย เป็นคนตรงต่อเวลาไปโดยอัตโนมัติ ปรับทัศนคติให้รู้จักความเกรงใจสไตล์ญี่ปุ่นที่เห็นแก่ส่วนรวม ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น
9.โอกาสในการทำงานทั้งที่ไทยและญี่ปุ่น
การทำงานในประเทศไทยนั้น แทบจะไม่ต้องพูดถึง ตลาดงานในไทยยังต้องการบุคลากรที่จบการศึกษาจากญี่ปุ่น
อยู่ตลอดเวลา
บริษัทญี่ปุ่นที่มาลงทุนในไทยในปัจจุบัน อาจจะไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่แนวโรงงาน แต่เป็นบริษัทที่เน้นด้านการค้าขายสินค้าและบริการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ เหล่านี้ ไม่ได้ต้องการแต่ตำแหน่งล่ามโรงงาน เหมือนยุคก่อน แต่ต้องการบุคลากรที่มีความรู้ด้านใดด้านหนึ่ง พร้อมทั้งสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ ไม่ว่าจะงานการตลาด การขาย กฎหมาย การแพทย์ บัญชี คอมพิวเตอร์ ฯลฯ
สำหรับตลาดงานที่ญี่ปุ่น ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้ บริษัทญี่ปุ่นเปิดรับพนักงานต่างชาติเข้าทำงานเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นักเรียนที่จบการศึกษาในญี่ปุ่น จึงมีโอกาสเข้าทำงานในบริษัทที่ญี่ปุ่นเพื่อสั่งสมประสบการณ์การทำงานได้มากขึ้น
10. ฟินกับความเป็นติ่ง
ถ้าคุณเป็นติ่งญี่ปุ่น ไม่ว่าจะติ่งอะไรก็ตาม … บอกได้คำเดียวว่า การใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นคือที่สุดแห่งความฟิน!!!
ติ่งญี่ปุ่น จะใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นได้อย่างมีความสุข แถมความเป็นติ่งจะเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้มีความมุ่งมั่น ตั้งใจเรียนได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ
ถ้าคุณคิดว่า คุณไม่ถึงกับ “ติ่ง” แค่มีบางอย่างที่คุณชอบเกี่ยวกับญี่ปุ่น หรือมี ” ความฝัน” บางอย่างที่หาได้ที่
ญี่ปุ่น เชื่อเถอะค่ะ ว่าคุณจะสนุกและมีความสุขกับการใช้ชีวิตในแดนอาทิตย์อุทัย
แน่นอนว่า ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ต้องเจอะเจอปัญหาเป็นเรื่องปรกติ แต่ถ้าเรามีความ “ชอบ” อยู่ล่ะก็ เราจะสามารถฝ่าฟันปัญหาต่างๆ ไปได้แน่นอน
เหตุผลในการไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ยังมีอีกมากมาย
คุณอาจจะมีเหตุผลของตัวเองที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
ถ้าคิดว่าญี่ปุ่น ตอบโจทย์ที่ใช่ ….
วางแผนการศึกษาให้พร้อม แล้วไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ ที่ญี่ปุ่นกันนะคะ
> ทำไมถึงสมัครไปเรียนต่อญี่ปุ่นกับ Jeducation
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ
รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)
ติดต่อสอบถาม-ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-267-7726
email : [email protected]
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line
TR11 : กัปตันเดวี่แชร์เทคนิคการเลือกเรียนภาษาที่ 3
TCAS Reality เว็บไซต์ DekD.com \r
\r
ติดตามโครงการทั้งหมดได้ที่ https://www.dekd.com/tcas/reality/\r
\r
Subscribe ติดตามข่าวสาร TCAS Reality ไม่ให้พลาด !\r
http://www.youtube.com/subscription_center?add_user=dekdbar4
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
5 เหตุผลที่คุณควรเรียนภาษาจีน | DearChineseLanguage
语言就是交际的工具
yǔyán jiùshì jiāojì de gōngjù
ภาษาคือเครื่องมือในการสื่อสาร
ทำไมภาษาจีนจึงสำคัญ ??
ทำไมในยุคปัจจุบันเราถึงไม่ควรมองข้ามภาษาจีน ??
และการที่คนไทยจะเรียนภาษาจีนกลางมันยากขนาดนั้นจริงๆน่ะหรือ ??
มาชมคำตอบในคลิปนี้ได้เลยค่า
\”5 เหตุผลที่คุณควรเรีัยนภาษาจีนกลาง\”
\”โบกมือต้อนรับยุคที่ภาษาจีนเป็นภาษาที่ถูกใช้มากที่สุดในโลก ได้เวลาเสริมศักยภาพตัวเองกันแล้ว เริ่มกันเลยค่ะ\”
\”ภาษาจีนไม่ได้ยาก ไม่ว่าใครก็เรียนได้ ทันที\”
หวังว่าเนื้อหาคลิปจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ กดติดตาม (subscribe) เป็นกำลังใจกันให้หน่อยน้ออ
Dear Chinese Language
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Fanpage
https://www.facebook.com/Dearchineselanguage/
แชร์ [เทคนิค] เรียนภาษาที่ 3 ของผม
ในคลิปนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์และเทคนิคเรียนภาษาที่3 ของผมนะครับ 🙂 มาดูกันว่าเป็นอย่างไร
เรียนต่อเยอรมัน เรียนต่อต่างประเทศ
Social Media
Instagram:Pasitzhou (https://www.instagram.com/pasitzhou/)
Facebook: Pasitzhou (https://www.facebook.com/Pasitzhou108437654175710)
ติดต่อ
Email: [email protected]
Music :
Life of Riley
Kevin MacLeod
Licensed under Creative Commons: By Attribution 3.0
http://creativecommons.org/licenses/b…
เรียนจีนหรือญี่ปุ่นดีนะ? | YUMI see the world
เรียนภาษาจีน hsk เรียนภาษาญี่ปุ่น jlpt
แชร์ไอเดียสำหรับใครที่สนใจในการเรียนภาษาที่สามจ้า
ใครมีไอเดียแนะนำเพื่อนๆ ก็คอมเม้นท์ใต้คลิปได้เลย
มีคำถามหรือ อยากให้ทำคลิปเกี่ยวกับการเรียนภาษาในหัวข้ออื่นๆ
คอมเม้นท์มาได้เลยจ้า ^^
.
แชร์วิธีเตรียมตัวสอบ HSK4 คะแนน200+ แบบฉบับเด็กสายวิทย์และไม่เคยไปจีน https://www.youtube.com/watch?v=tqWB98c_3Nw\u0026t=685s
แชร์วิธีเตรียมตัวสอบ TOEIC จากคะแนน 380 สู่ 700+ https://www.facebook.com/yumiseetheworld/photos/a.105337771510548/107168821327443
สอบ N5 อ่านอะไรบ้าง (เรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง) https://www.youtube.com/watch?v=clVNJ5PXk
พูดจีนได้ ใน 10 นาที ฉบับมือใหม่ https://www.youtube.com/watch?v=3YiBhDl7Bb8\u0026t=1s
ebook เรียนอังกฤษจีนง่ายๆสไตล์เด็กสายวิทย์
meb market https://www.mebmarket.com/ebook132282%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%86%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C
ookbee https://www.ookbee.com/shop/book/0f99be8a3ec442f1a85501896495e9b7/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%86%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C
.
Facebook : เรียนอังกฤษจีนง่ายๆสไตล์เด็กสายวิทย์ by YUMI https://www.facebook.com/yumiseetheworld
เริ่มเรียนภาษาที่ 3 ครั้งแรก Feat. ครูลูกกอล์ฟ | New Year New You: First Time EP.30
การเริ่มเรียนภาษาที่ 3 อาจจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่หลายคนอยาก Upskill ให้ตัวเอง อาจเพราะช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูหนังและซีรีส์ ในขณะเดียวกันก็ต้องเรียนเพราะความจำเป็นอย่างต้องไปเรียนต่อหรือทำงานในประเทศที่ใช้ภาษานั้นๆ
New Year New You: First Time ชวน ครูลูกกอล์ฟคณาธิป สุนทรรักษ์ อดีตนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศเยอรมนี และปัจจุบันมีรายการใหม่ที่เน้นพูดภาษาเยอรมันในช่อง YouTube แชร์ประสบการณ์การเรียนภาษาที่ 3 ครั้งแรก และสอนภาษาเยอรมันสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นเรียนภาษาเยอร์มัน
Time Index
0:00 Intro
1:38 จุดเริ่มต้นของการเรียนภาษาที่ 3
6:30 ตอนไปเรียนภาษาที่ 3 ที่เยอรมัน
8:58 วิธีผลักดันให้ตัวเองเรียนภาษาที่ 3
11:00 สอนภาษาเยอรมัน 101
14:33 เทคนิคที่ทำให้เรียนภาษาที่ 3 ได้อย่างราบรื่น
———————————————
THE STANDARD PODCAST: EYEOPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Apple Podcasts: https://apple.co/3hp6O7K
Spotify: http://spoti.fi/3rOrbA6
SoundCloud: https://soundcloud.com/thestandardpodcast
Twitter: https://twitter.com/TheStandardPod
Facebook: https://www.facebook.com/thestandardth/
Website: https://thestandard.co/podcast/
ภาษาเยอรมัน ครูลูกกอล์ฟ NewYearNewYou จูนจูน TheStandardPodcast TheStandardco TheStandardth
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ภาษา ที่ สาม ที่ ควร เรียน