ตัวอย่างประโยคภาษาไทย: คุณกำลังดูกระทู้
ผมได้ยกตัวอย่างไปประโยคคำถาม และปฏิเสธไปบ้างแล้วในบทก่อน ๆ แต่ไม่ได้อธิบายอะไร ก็ตั้งใจเพื่อให้คนที่ใช้พอเป็นแล้ว ก็ใช้กันไปโดยไม่ต้องไปคิดเรื่องกฎจนเกินไป การทำประโยคคำถาม และปฏิเสธนั้น เท่าที่เห็นมา เราไม่ค่อยมีปัญหามากนัก ถึงแม้โครงสร้างประโยคจะไม่ค่อยเหมือนภาษาไทยก็ตาม บทนี้ก็มาสรุป รูปประโยคกันหน่อยก่อนที่จะไปต่อในเรื่องอื่น สำหรับคนที่อาจจะไม่คุ้นเคย
Table of Contents
ประโยคปฏิเสธ
ถ้าเราจับกริยาแท้ของประโยคได้ ก็ทำเป็นประโยคปฏิเสธก็ไม่มีอะไรยาก มีแค่สองกฎง่าย ๆ
- สำหรับ Present Simple กับ Past Simple ที่ไม่ใช่ verb to be ให้ใช้ do/does/did + not + v1 เช่น
- He
does not
like this. เขาไม่ชอบอันนี้ - They
did not
come here. พวกเขาไม่ได้มาที่นี่
-
Do not
go there. จำได้ไหมครับ ประโยคคำสั่ง หรือแนะนำ ไม่มีประธาน - You
do not
have to go there. คุณไม่ต้องไปที่นั้นก็ได้
- He
- สำหรับรูปอื่น ๆ จะมีกริยาช่วยอยู่ด้วย ก็ให้ใช้ not หลังกริยาช่วย เช่น
- He
is not
doing it right. เขากำลังทำไม่ถูก - They
have not
been doing this. เขาไม่ได้ทำอันนี้มา - He
had not
lived here before. เขาไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อนหน้านั้น
- The bus
will not
come back. รถตู้จะไม่กลับมาแล้ว - The bus
will not
be coming back. เหมือนกับประโยคข้างต้น แต่เน้นการกระทำ - This
could not
have been better. เรื่องนี้นี้ไปได้ดีมาก ๆ ไม่มีดีกว่านี้แล้ว - You
are not
going to believe this. อันนี้เป็นภาษาพูดสำหรับดึงความสนใจผู้ฟัง เหมือนเราพูดว่า รับรองคุณไม่เชื่อเรื่องนี้แน่เลย หรือ รู้อะไรไหม เหลือเชื่อมากเลย - You
should
not be doing this. คุณไม่ควรจะทำอันนี้ (เน้นว่าเขาทำอยู่)
- He
ที่น่าสังเกต คือ verb to be ไม่ว่าจะเป็นกริยาช่วย หรือ กริยาแท้ (แปลว่า เป็น อยู่ คือ) ก็ให้เติม not ข้างหลังเหมือนกัน เช่น
- He
was not
here. เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ (ในอดีต) - He
was not
doing that. เขาไม่ได้ทำอันนั้นอยู่ (ในอดีต)
แต่ verb to have ถ้าเป็นกริยาช่วยให้เติม not ข้างหลัง แต่ถ้าเป็นกริยาแท้ในรูป Present/Past Simple (แปลว่า มี ต้อง ฯลฯ) ให้ใช้ do/does/did + not นำ เช่น
- He
does not
have a car. เขาไม่มีรถ
- He
has not
had a car. เขาไม่เคยมีรถ
ผมเคยอ่านว่า คนอังกฤษใช้ He has not a car. คือ เติม not หลังคำว่ามี อันนี้ผมคิดว่าเป็นอังกฤษแบบเก่าครับ ปัจจุบันก็มีคนใช้น้อยลง แม้แต่คนอังกฤษเองก็ตาม เพราะฉะนั้น ใครจะใช้แบบนั้น ก็ใช้ได้ครับ ไม่ถือว่าผิด แต่ถ้าจะเอาแบบสากลหน่อย ก็ใช้ verb to do ช่วยดีกว่า
อีกแบบที่ใช้ได้ คือ He has no cars. มีความหมายเดียวกับ He does not have any cars. อันนี้สำหรับนามนับได้ จะใช้ a car หรือ any cars ก็ได้ เป็นการเน้นที่ต่างกันนิดหน่อยแล้วแต่สถานการณ์
ประโยคบอกเล่าเน้นกริยา
พิเศษหน่อยสำหรับ ประโยค Present/Past Simple เราสามารถเน้นกริยาได้ โดยใช้ do/does/did เหมือนประโยคปฏิเสธแต่ไม่ใส่ not เช่น
- He
does have
a car. ความหมายเดียวกับ He has a car. แต่เน้นอาการมี - They
did go
there. ความหมายเดียวกับ They went there. แต่เน้นการไป
บางคนถามว่า เน้นไปทำไม ในกรณีที่ผู้ฟัง(หรืออ่าน)กำลังสงสัย หรือมีอาจจะมีความคิดไปอีกทาง เราก็เอามาเน้นได้ เหมือนคนไทยเราพูดว่า “มี เขามีรถนะ” แทนที่จะพูดแค่ว่า “เขามีรถ” เฉย ๆ เรื่องการเน้นคำนี้ ในภาษาพูดมีเกี่ยวข้องกับการเน้นเสียงในประโยค คำ do/does/did ที่เติมเข้ามานี้ก็สามารถใช้เป็นจุดให้ผู้พูดเน้นเสียงได้ สำหรับประโยคแบบอื่น ๆ ที่มีกริยาช่วย ผู้พูดสามารถเน้นที่ตัวกริยาช่วยได้อยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น
- He
does
have a car. เน้นเสียงที่ does เพื่อเน้นว่า มี เขามีรถนะ - He
has
gone home. เน้นเสียงที่ has ซึ่งเป็นกริยาช่วย เพื่อเน้นว่า ไปแล้ว เขาไปแล้วนะห้าม
ใช้ว่า He does have gone home.
ผู้สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมเรื่องการเน้นเสียงในประโยคได้ในบทที่ 18 ของหนังสือ พูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยให้ถูกต้อง
ประโยคคำถาม
ก็ในหลักเดียวกันกับประโยคปฏิเสธนะครับ
- สำหรับ Present Simple กับ Past Simple ที่ไม่ใช่ verb to be ให้ใช้ do/does/did เป็นกริยาช่วยเข้ามานำหน้า เช่น
-
Does
he like this? เขาชอบอันนี้ไหม -
Did
they come here? พวกเขามาที่นี่หรือเปล่า (ในอดีต) -
Does
she have to do this? เขาต้องทำอันนี้หรือ
- Why
does
she have to do this?. ทำไมเขาต้องทำอันนี้ - What
did
you want? คุณต้องการอะไร - How
does
-
- สำหรับรูปอื่น ๆ ก็เอากริยาช่วยที่มีอยู่นำหน้าเลย เช่น
-
Is
he doing it right? เขากำลังทำไม่ถูกหรือ -
Have
they been doing this? เขาไม่ได้ทำอันนี้มาอยู่หรือ
-
Had
he lived here before. เขาเคยอยู่ที่นี่มาก่อนหน้าหรือเปล่า -
Could
this have been better? อันนี้จะไปได้ดีกว่านี้ได้ไหม -
Was
he here? เขาอยู่ที่นี่หรือ กริยาแท้ verb to be ก็เอาขึ้นหน้าได้เลย -
Why
was
he here? ทำไมเขาอยู่ที่นี่ (ในอดีต)
-
How
should
I do this? ฉันควรทำอันนี้อย่างไร
- What
could
this be? อันนี้เป็นอะไรได้บ้าง
-
ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย คำบอกลักษณะของคำถาม อาจจะทำตัวเป็นประธานซะเองก็ได้ ลักษณะนี้ก็ไม่มีการใส่กริยาช่วยนำหน้าประธานในประโยคเหมือนตัวอย่างข้างต้น เช่น
- Which car
has
leather seats? รถคันไหนมีเบาะหนัง Which car เป็นประธานซะเอง
- What
is
happening? เกิดอะไรขึ้นอยู่ หรือแปลตามตัวก็ อะไรกำลังเกิดขึ้นอยู่ เช่นเดียวกัน What เป็นประธาน
ประโยคคำถามแบบปฏิเสธ
สำหรับประโยคคำถามแบบปฎิเสธ เช่น ถามว่า ทำไมคุณถึงไม่มา ก็ใช้แบบประโยคคำถามปกติข้างต้น แต่สามารถใส่ not ได้สองที่ คือ
- ใส่หลังประธาน เช่น
-
Does
henot
like you? เขาไม่ชอบคุณหรือ - Why
do
you
not
like him? ทำไมคุณไม่ชอบเขา
- Why
is
he
not
coming? ทำไมเขาไม่มา
-
- ใส่คู่กับกริยาช่วย แต่ต้องทำเป็นแบบลดรูป เช่น does not ก็กลายเป็น doesn’t เช่น
-
Doesn’t
he like you? เขาชอบคุณไม่ใช่หรือ - Why
don’t
you like him? ทำไมคุณไม่ชอบเขา
- Why
isn’t
he coming? ทำไมเขาไม่มา
-
ตัวอย่างข้างต้นความหมายค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่บางทีความหมายก็ไม่เหมือนกันเลย เช่น ในประโยคขอร้อง
-
Can
you
not
do this? คุณไม่ทำอันนี้ได้ไหม คนพูดขอให้อย่าทำ
-
Can’t
you
do
this? คุณทำอันนี้ไม่ได้หรือ คนพูดอยากให้ทำ หรือสงสังว่าทำไมทำไม่ได้ ความหมายคล้ายกับ Can you do this? แต่เพิ่มความอยาก หรือความฉงนใจลงไป
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง:
» ไปบทถัดไป 11. ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ตัวประกอบ » กลับไปที่ สารบัญ
[NEW] แนะนำตัว ภาษาอังกฤษ ประโยคแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล | ตัวอย่างประโยคภาษาไทย – NATAVIGUIDES
รวมประโยคภาษาอังกฤษสำเร็จรูป สำหรับการแนะนำตัวภาษาอังกฤษเบื้องต้น สำหรับคนที่เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง จำไปใช้ได้ทันทีเลยครับ แชร์ไว้อ่าน มีประโยชน์แน่นอนครับ
บทเรียนภาษาอังกฤษ ที่ควรอ่านก่อน
การแนะนำตัวเองภาษาอังกฤษ – Introducing
Let me introduce myself.
= ขอแนะนำตัวเอง
May I introduce myself?
= ขอแนะนำตัวเองนะครับ/คะ
I’m (My name’s)…
= ฉันชื่อ…
I’m Thai.
= ฉันเป็นคนไทย
I’m from Thailand.
= ฉันมาจากประเทศไทย
I’m a student at…
= ฉันเป็นนักเรียนที่…
I study at…
= ฉันเรียนอยู่ที่…
I’m teaching at…
= ฉันสอนอยู่ที่…
I’m a teacher of … at …
= ฉันเป็นครูวิชา … ที่ …
I work at…
= ฉันทำงานที่…
I live in Bangkok.
= ฉันอยู่กรุงเทพฯ
I’m in the first year.
= ฉันอยู่ปี 1
I’m a second year student.
= ฉันเป็นนักเรียนปี 2
I study…
= ฉันเรียน…
My field of study is…
= สาขาวิชาที่ฉันเรียนคือ…
My college is in Bangkok.
= วิทยาลัยฉันอยู่ที่กรุงเทพฯ
คำศัพท์น่ารู้ สำหรับแนะนำตัวภาษาอังกฤษ
Vocational Certificate
= ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
Diploma / High vocational Certificate
= ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
Bachelor’s degree
= ปริญญาตรี
Master’s degree
= ปริญญาโท
Doctor’s degree (Doctor of philosophy degree)
= ปริญญาเอก
การแนะนำผู้อื่นเป็นภาษาอังกฤษ
This is Helen.
= นี่คือเฮเลน
I’d like you to know Helen.
= ฉันอยากให้คุณรู้จักเฮเลน
I’d like to introduce you to Kate.
= ฉันอยากแนะนำคุณให้รู้จักเคท
I want to introduce my friend Chris.
= ฉันอยากจะแนะนำคริสเพื่อนฉัน
I want you to meet my friend Joey.
= ฉันอยากให้คุณพบโจอี้เพื่อนฉัน
Here’s Chris and that’s Lookkate.
= นี่คริส และนั่นลูกเกด
คำแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก
(It’s) nice/good to meet/see you.
(I’m) pleased to meet/see you.
(I’m) glad to meet/see you.
It’s a pleasure to meet you.
การตอบ ให้เพิ่มคำว่า too ที่หมายถึง ‘เช่นเดียวกัน’ เช่น
Nice to see you, too. ยินดีที่ได้รู้จักเช่นเดียวกัน
การให้และขอข้อมูลส่วนบุคคล
Giving and Asking for Personal Information
การบอกข้อมูลส่วนตัวภาษาอังกฤษ
How old are you?
= คุณอายุเท่าไร
(I’m) sixteen.
= ฉันอายุ 16 ปี
How tall are you?
= คุณสูงเท่าไร
I’m 165 centimeters tall.
= ฉันสูง 165 ซ.ม.
How much do you weigh?
= คุณหนักเท่าไร
(I weigh) 55 kilograms.
= (ฉันหนัก) 55 กิโลกรัม
การบอกข้อมูลครอบครัวภาษาอังกฤษ
How many people are there in your family?
= ครอบครัวคุณมีกี่คน
How many brothers and sisters do you have?
= คุณมีพี่น้องกี่คน
I have 2 brothers/sisters.
= ฉันมีพี่น้องผู้ชาย/หญิง 2 คน
I don’t have any brothers or sisters.
= ฉันไม่มีพี่น้องเลย
There are 4 people in my family.
= ครอบครัวฉันมี 4 คนด้วยกัน
My grandparents live with us.
= ปู่ ย่า (ตา ยาย) อยู่กับเราด้วย
What does your father do?
= พ่อคุณทำงานอะไร
My father is a teacher.
= พ่อฉันเป็นครู
Does your mother work?
= แม่คุณทำงานหรือเปล่า
She works with government.
= แม่เป็นข้าราชการ
She doesn’t work.
= แม่ไม่ได้ทำงาน
What do you want to be (in the future)?
= คุณอยากเป็นอะไร (ในอนาคต)
I want to be a pilot.
= ฉันอยากเป็นนักบิน
[คลิกอ่าน >> คำศัพท์อาชีพ ภาษาอังกฤษ 108 อาชีพ พร้อมคำอ่าน คำแปล ฟังเสียงเจ้าของภาษา]
I haven’t decided yet.
= ยังไม่ได้ตัดสินใจ
การขอบคุณภาษาอังกฤษ
Thanking (การขอบคุณ)
สำนวนที่ใช้ในการขอบคุณ ได้แก่
Thank you (very much).
= ขอบคุณ (มาก)
Thanks (a lot).
= ขอบใจ (มาก)
Thank you for…
= ขอบคุณสำหรับ เช่น
Thank you for your present.
= ขอบคุณสำหรับของขวัญ
Thank you for everything.
= ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง
Thank you for your help.
= ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ
I really appreciate that.
= ฉันรู้สึกประทับใจจริงๆ
คลิกอ่าน >> Thank you กับ Thanks ต่างกันอย่างไร
การตอบรับคำขอบคุณภาษาอังกฤษ
You’re welcome.
= ไม่เป็นไร
Don’t mention it.
= ไม่เป็นไร
Not at all.
= ไม่เป็นไร
It’s nothing.
= ไม่เป็นไร
That’s all right. / That’s O.K.
= ไม่เป็นไร
(It’s) a pleasure.
= ด้วยความยินดี
My pleasure. / With pleasure.
= ด้วยความยินดี
Don’t worry (about it).
= อย่ากังวลไปเลย
No problem.
= ไม่มีปัญหา
การขอโทษภาษาอังกฤษ
Apologizing
การขอโทษ สำนวนที่ใช้ในการขอโทษ ได้แก่
I’m sorry.
= ฉันขอโทษ
I’m sorry. I’m late.
= ขอโทษที่มาช้า
I’m sorry I troubled you.
= ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก
Excuse me, please.
= ขอโทษครับ/ค่ะ (ขออนุญาต หรือเกริ่นก่อนขัดจังหวะบางอย่าง)
Excuse me for interrupting.
= ขอโทษที่รบกวน
Excuse me for a moment.
= ขอโทษขอเวลาสักครู่
การให้อภัย สำนวนที่ใช้ในการตอบรับคำขอโทษ
That’s all right.
= ไม่เป็นไร (ตอบรับคำขอโทษ)
Don’t worry (about it).
= อย่ากังวลไปเลย
No problem.
= ไม่มีปัญหา
That’s O.K. หรือ I’m O.K.
= ไม่เป็นไร หรือ ผมไม่เป็นไร
วิชาภาษาไทย ชั้น ม.3 เรื่อง ระดับภาษา
สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
ประโยคสามัญ – ภาษาไทย ป.6
สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.6 ชุดนี้
เรื่อง
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สื่อการเรียนการสอนทุกระดับชั้น ป.1 ม.3 ที่
http://www.otpchelp.com หรือ
http://www.kruao.com (ครูโอ๋)
Overview-รัฐบาลทำประเทศลุกเป็นไฟ ใช้คำตัดสินศาลล่าคนเห็นต่าง เล่นสกปรกอยู่ยาว อดีตตุลาการแฉเรื่องลึก
รายการ Overview ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564
สมัครสมาชิกเพื่อรับสิทธิพิเศษ (Membership)
https://www.youtube.com/channel/UCpHTAE2EOwWkWGnW2HY8gRw/join
ติดตาม VoiceTV
YouTube : https://www.youtube.com/channel/UCpHTAE2EOwWkWGnW2HY8gRw
Facebook : https://www.facebook.com/VoiceTVOverview/
Instagram : https://www.instagram.com/voicetv/
Twitter : https://twitter.com/VoiceTVOfficial
Website : https://www.voicetv.co.th/
VoiceTV
ภาษาไทย ม.2 ตอนที่ 12 ประโยคในภาษาไทย – Yes iStyle
สอนวิชาภาษาไทย ระดับชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ 2 ตอนที่ 12
เนื้อหา ประโยคในภาษาไทย โดยครู ยีนส์ ยุราพันธ์
วิชาภาษาไทย ชั้น ม.2 เรื่อง ประโยคความเดียว
สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ตัวอย่างประโยคภาษาไทย