Skip to content
Home » [Update] 1.1 Nouns มารู้จัก…คำนาม..กันนะคะ | คำ นาม หมาย ถึง – NATAVIGUIDES

[Update] 1.1 Nouns มารู้จัก…คำนาม..กันนะคะ | คำ นาม หมาย ถึง – NATAVIGUIDES

คำ นาม หมาย ถึง: คุณกำลังดูกระทู้

 

ครูหวัด

 

เรื่องของ Nouns (คำนาม) ในภาษาอังกฤษ

Nouns ( คำนาม )
Types ( ชนิดของคำนาม )

                                          ขอขอบคุณ http://www.montfort.ac.th
คำนาม ( Nouns ) หมายถึงคำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งต่างๆ สถานที่ คุณสมบัติ สภาพ อาการ การกระทำ ความคิด ความรู้สึก ทั้งที่มีรูปร่างให้มองเห็น และไม่มีรูปร่าง  การแบ่งคำนามสามารถจำแนกได้หลายแบบแล้วแต่ตำรา  เท่าที่รวบรวมนำเสนอในที่นี้มี  4 แบบ คือ

แบบที่  1     แบ่งคำนามเป็น 2 ประเภท
แบบที่  2     แบ่งคำนามเป็น 3 ประเภท
แบบที่  3     แบ่งคำนามเป็น  4 ประเภท
แบบที่  4     แบ่งคำนามเป็น  7 ประเภท

ซึ่ง ใน  7  ประเภทนี้  3 ประเภทสุดท้ายได้แก่ material nouns, concrete nouns  และ mass  nouns อาจจัดอยู่ในกลุ่ม  common nouns  ได้ดังนี้

2 ประเภท

3 ประเภท

4 ประเภท

7 ประเภท

Common Nouns
Proper NounsCommon Nouns
Proper Nouns
Abstract NounsCommon Nouns
Proper Nouns
Abstract Nouns
Collective Nouns1. Common Nouns
2. Proper Nouns
3. Abstract Nouns
4. Collective Nouns
5. Material Nouns
6. Concrete Nouns
7. Mass Nouns

1. Common Noun (นามทั่วไป)

เป็นคำนามที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ทั่วๆไป ความคิด ( person, animal, place, thing, idea ) โดยไม่เฉพาะเจาะจง กล่าวโดยสรุปคือ คำนามทั้งหลายที่ไม่ใช่ proper nouns คือ common nouns เช่น

    สิ่งของ          boy, sign, table, hill, water, sugar, atom, elephant
    สถานที่         city, hill, road, stadium, school,company
    เหตุการณ์      revolution, journey, meeting
    ความรู้สึก      fear, hate, love
    เวลา            year, minute, millennium

  • Common Nouns เป็นได้ทั้ง นามนับได้(Countable) และนามนับไม่ได้ ( Uncountable )
    • Countable Nouns ( นามนับได้) สามารถอยู่ทั้งในรูปเอกพจน์หรือพหูพจน์
              มีตัวตน      เช่น dog, man, coin , note, dollar, table, suitcase
              ไม่มีตัวตน   เช่น day, month, year, action, feeling
    • Uncountable Nouns (นามนับไม่ได้) หรือ Mass Nouns อยู่ในรูปเอกพจน์ เท่านั้น
              มีตัวตน   เช่น   furniture, luggage, rice, sugar , water ,gold
             ไม่มีตัวตน  เช่น  music, love, happiness, knowledge, advice , information

 

Common countable

Common uncountable

indefinite(ไม่เจาะจง)

definite(เจาะจง)

indefinite(ไม่เจาะจง)

definite(เจาะจง)

Singular

a cow

the cow

milk

the milk

plural

cows

the cows

  • Common Nouns จะไม่ขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ ( Capital letter ) ยกเว้นเป็นคำขึ้นต้นของประโยค  ตัวอย่าง

     Ther are many children on the beach. Children love to swim.

2. Proper Nouns (นามเฉพาะ)  จะต้องขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของประโยค

  • เป็นคำนามที่เป็นชื่อเฉพาะของ Common Noun เช่น
    ชื่อคน (Person Name) เช่น   Somsak , Tom, Daeng
    ชื่อสถานที่ ( Place Name) เช่น   Australia,Bangkok,Sukhumvit Road, Toyota
    ชื่อบอกระยะเวลา (Time name ) เช่น Saturday, January, Christmas

  • Proper Nouns จะต้องเขียนขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ ( Capital letter )

  • Proper Nouns ปกติจะไม่มี determiner นำหน้า นอกจากอยู่ในรูปของพหูจน์ เช่น the Jones ( ครอบครัวโจนส์),the United States, the Himalayas
    แต่อย่างไรก็ดีมีข้อยกเว้นของคำนามที่ไม่ได้อยู่ในรูปพหูพจน์ เช่น The White House, the Sahara ( ทะเลทราย ), the Pacific ( Ocean ), the Vatican, the Kremlin ( ดูรายละเอียดจากเรื่องการใช้ articles – the )

  • เปรียบเทียบระหว่าง common nouns และ proper nouns

Common NounsProper Nouns
dogLassie ( ชื่อของสุนัข )
boyJack ( ชื่อของเด็กชาย)
carToyota ( ชื่อยี่ห้อรถ )
monthJanuary ( ชื่อของเดือน)
roadSukhumvit ( ชื่อถนน )
universityChulalongkorn ( ชื่อมหาวิทยาลัย)
shipU.S.S. Enterprise ( ชื่อเรือ )
countryThailand (ชื่อประเทศ )

  คำนามประเภทอื่นมีคำอธิบายดังนี้ 

3. Abstract Nouns   

เป็นคำนามของสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาททั้ง 5 ( touch- สัมผัสได้, sight-มองเห็นได้, taste-ชิมได้ , hearing- ได้ยิน, smell- ได้กลิ่น ) เป็นนามที่บอกลักษณะ สภาวะ อาการ เมื่อแปลเป็นภาษาไทยมักจะมีคำว่า ความ การนำหน้าอยู่ด้วยรวมทั้งชื่อศิลปวิทยาการต่างๆ Abstract Nouns จะมีที่มาจากคำกริยา ( verb) ,คำคุณศัพท์ ( adjective) และ คำนาม ( noun) ด้วยกันเองบ้าง เช่น

Abstract Nouns
ที่มาจากคำกริยา 
Abstract  Nouns
ที่มาจากคำคุณศัพท์
Abstract Nouns
ที่มาจากคำนาม

decision – to decidebeauty – beautifulinfancy – infant
thought  – to thinkpoverty – poorchildhood – child
Imagination – to imaginevacancy – vacantfriendship – friend
speech – to speakhappiness – happy 
growth – to growwisdom – wise 

4. Collective Nouns

เป็นคำนามของสิ่งที่เป็นหมวดหมู่ กลุ่มของคน สัตว์ สิ่งของ เช่น family , class, company, committee, cabinet, audience, board, group, jury, public, society, team, majority orchestra, party เป็นต้นรวมทั้ง a flock of birds, a herd of cattle ,a fleet of ships เป็นต้น อาจจะใช้คำกริยารูปของเอกพจน์หรือพหูพจน์ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้   ว่าต้องการให้เป็นหนึ่งเดียวหรือเป็นแต่ละส่วน แต่คำนามยังเป็นรูปเดิม เปลี่ยนแต่รูปกริยา เช่น

  • เอกพจน์ : The average British family has 3.6 members.
    ครอบครัวชาวอังกฤษ(ครอบครัวหนึ่ง ) มีสมาชิกโดยเฉลี่ย 3.6 คน 
  • พหูพจน์: The family are always fighting among themselves. ครอบครัวนี้มักจะทะเลาะกันเอง ( ประโยคนี้มีความหมายว่าสมาชิกในครอบครัวต่างทะเลาะกันเองทั้งครอบครัว จึงใช้กริยาเป็นพหูพจน์ )
  • เอกพจน์: The committee has reached its decision. คณะกรรมการได้ผลการตัดสินใจ ( ของคณะกรรมการรวมกันทั้งคณะ)

  • พหูพจน์: The committee have been arguing all morning over what they should do. คณะกรรมการเถียงกันตลอดทั้งเช้าว่าควรจะทำอะไร ( กรรมการแต่ละคนนับเป็น 1 หน่วย ทั้งคณะจึงเป็นพหูพจน์ )

พหูพจน์เท่านั้น เช่น   people, police, cattle นอกจากนี้ยังมีรูปแบบ คำวลีผสมด้วย of เพื่อเน้นให้ความเป็นหมู่หรือคณะให้ชัดเจนขึ้น รูปแบบคือ Collective noun + of + common noun ตัวอย่างเช่น

a flock of birdsa group of students
a flock of sheepa pack of cards
a herd of cattlea bunch of flowers
a fleet of shipsa kilo of pork

5. Concrete Nouns

เป็นคำนามของสิ่งที่มีรูปร่างสามารถสัมผัสได้ด้วยประสาททั้ง 5 ( touch- สัมผัสได้, sight-มองเห็นได้, taste-ชิมได้ , hearing- ได้ยิน, smell- ได้กลิ่น ) เช่น book , chair, water, oil , ice cream เป็นทั้งนามนับได้ และนับไม่ได้ มีลักษณะตรงกันข้ามกับ abstract nouns.

6. Material Nouns

  • เป็น common nouns ชนิดหนึ่งซึ่งมีรูปร่าง อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน แต่นับไม่ได้ เช่น

    ธาตุ: iron, gold, air, copper
    สารธรรมชาติ, สังเคราะห์: stone, cotton, brick, paper,cloth
    ของเหลวต่างๆ: water, coffee, wine, tea, milk  
    อาหาร: rice, bread, sugar, pork, fish, butter, fruit,salad 

  • แสดงความมากน้อยด้วยปริมาณ (quantity)  เช่น

a bowl of rice
two boxes of cereal
five bottles of beer
a cup of tea
three bars of soaptwo glasses of water
a loaf of bread
a slice of pizza
a piece of paper
a quart of milk

แต่ในการใช้ material nouns ส่วนมากจะพูดสั้นๆ เช่น ในประโยคเกี่ยวกับ tea ( ชา )

พูดในร้านอาหาร : I want some tea. ฉันขอชาหน่อยใ( ในที่นี้หมายถึง I want a cup of tea. )
พูดในซูเปอร์มาร์เก็ต: I want some tea. ในที่นี้ผู้พูดหมายถึง I want a packet of tea.
พูดในร้านอาหารซึ่งมีชาหลายชนิด หลายยี่ห้อให้เลือก    เช่น ชาจีน ชาเขียว ชาญี่ปุ่น ชาอู่หลง เป็นต้น :
I like their teas. หมายถึง I like their selection of teas. ( ฉันชอบชาหลากหลายชนิดที่มีให้เลือกของร้าน )

7. Mass nouns

เป็นคำนามสิ่งของที่นับไม่ได้ ทั้งมี และไม่มีตัวตน ( uncountable nouns และ abstract nouns ) เช่น sugar, iron , butter, beer, money, blood, furniture, vehicle, courage,gratitude, mercy , accuracy มีลักษณะดังนี้ คือ

  • จะไม่อยู่ในรูปพหูพจน์ 
  • ไม่ใช้ a , an , the นำหน้า ถ้าใช้เป็นการทั่วไป determiners ที่ใช้นำหน้าคือ some และ any เช่น
    • Blood is thicker than water.  เลือดข้นกว่าน้ำ ( uncountable )
    • Depression often affects women immediately following the birth of their babies
            ผู้หญิงมักมีอาการซึมเศร้าตามมาหลังคลอดบุตรทันที( abstract nouns ) 
    • He dropped some money on the floor. เขาทำเงินหล่นลงบนพื้น
  • หมายเหตุ
    * บางตำรา mass nouns คือmaterial nouns + concrete nouns และแยก abstract nouns ออกเป็น nouns อีกประเภทหนึ่ง *คำนามบางคำตามความคิดของคนไทยน่าจะเป็นสิ่งของที่นับได้เช่น furniture, luggage ,equipment, money  แต่ในภาษาอังกฤษ จะมองเป็นของที่นับไม่ได้ จะนับได้ต่อเมื่อแยกเป็นส่วนย่อย เช่น furniture แยกเป็น table, chair เป็นต้น

หากสรุปโดยคิดว่าคำนามมี 7  ประเภท การแยกกลุ่มจะเป็นไปตามตารางข้างล่างนี้    โดยตัวอย่างในบางคำนามจะซ้ำกับในคำนามอื่น เช่น water จะเป็นทั้ง concrete nouns และ material nouns  และ honesty เป็นทั้ง mass nouns และ abstract nouns

Nouns

ประเภทคำนาม

ประเภทย่อย

ประเภทย่อย

ตัวอย่าง

Proper nouns

   John, London

Common nouns

Countable nouns

Concrete

 chair,book,student

Collective nouns

 two flocks of birds ,people

Uncountable Nouns

Concrete nouns

 ice cream,oil,water

Mass Nouns

 furniture,money,honesty

Material nouns

 water,bread,oxygen,gold

Abstract nouns

 honesty, friendship,honesty

ตาราง การใช้ articles นำหน้าคำนาม ซึ่งในที่นี้เป็นหลักทั่วไปไม่รวมข้อยกเว้นต่างๆ   (ดูรายละเอียดข้อยกเว้นได้ในเรื่อง Articles )

 

Common Nouns

Proper Nouns

Countable Nouns

Uncountable Nouns

Singular

Plural

Singular

Plural

Singular

Plural

ไม่มี article
(John)

the
(the Jones)

ชี้เฉพาะ
(definite )

the
(the boy )

the
(the boys)

the
(the water )

ไม่เฉพาะ
(indefinite )

a/an
(a tiger)

ไม่มี article
( tiger)

ไม่มี article
(water)

Nouns

1. A noun is the name of a , , or .

2. Nouns are divided into  different kinds : —

Proper Nouns

 

Common Nouns

Collective nouns

Material Nouns

Abstract Nouns

Proper Noun

 is the name of a particular , , or .

eg :  John (  ) ;  Palm Beach County (  ) ; The Chinese (  ); 

                                                   Books ( 

 )

Common Noun

 is a name that can be given to any  or thing of the 

eg : Man, boy, table, dog

Collective Noun

 is  in form though denoting .

eg : Herd, army, flock.

Material Noun

 is the name of a 

eg : Milk, iron, wood.

An 

Abstract noun

 is the name of a quality.

eg : Love, truth, color.

Posted in:

[NEW] หลักการใช้ some กับ any พร้อมตัวอย่างประโยค | คำ นาม หมาย ถึง – NATAVIGUIDES

คำว่า some และ any เป็นคำภาษาอังกฤษที่เราพบเจอได้บ่อยมากๆ แต่ถึงแม้จะเจอบ่อย หลายๆคนก็อาจจะยังงงกับเจ้าสองคำนี้อยู่ นั่นก็เพราะสองคำนี้มีความหมายและวิธีใช้ที่ค่อนข้างหลากหลายนั่นเอง

ในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับคำว่า some และ any ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทั้งความหมาย วิธีการใช้ และตัวอย่างประโยค มาให้เพื่อนๆได้เรียนรู้กัน ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

หลักการใช้ some

คำว่า some มีความหมายและการใช้ที่หลากหลาย ซึ่งหลักๆแล้วจะมีดังนี้

Some แปลว่า บาง…

Some มีความหมายว่า “บาง…” เช่น บางส่วน บางคน ฯลฯ โดยจะมีการใช้แบ่งได้คร่าวๆ 3 แบบ

1. ใช้บอกปริมาณ

Some ในกรณีนี้จะมีความหมายว่า “บางส่วน” หรือ “จำนวนหนึ่ง” ใช้พูดถึงสิ่งที่มีปริมาณมากกว่าหนึ่งหน่วย หรือพูดถึงบางส่วนของสิ่งนั้น แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีปริมาณเท่าใด

คำว่า some ในความหมายนี้ จะทำหน้าที่เป็น determiner เวลาใช้จะต้องอยู่หน้าคำนาม (determiner คือคำที่ใช้กำกับคำนาม ทำหน้าที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำนาม เช่น บอกปริมาณ ตัวอย่าง determiner คำอื่นเช่น a, an, the, many, much, any) อย่างเช่น

Some cake แปลว่า เค้กบางส่วน
Some apples แปลว่า แอปเปิลจำนวนหนึ่ง
Some idea แปลว่า ความคิดบางอัน

ตัวอย่างประโยค

I ate some ice cream yesterday.
เมื่อวานฉันกินไอศกรีมไปบางส่วน

Joe gave me some good advice.
โจให้คำแนะนำบางอย่างกับฉัน

ทั้งนี้ การใช้ some ในความหมายนี้ เราจะใช้กับคำนามนับไม่ได้ หรือคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์เท่านั้น ถ้าเป็นคำนามนับได้ที่เป็นเอกพจน์ เราจะใช้ a หรือ an แทน อย่างเช่น

I bought a pen.
ฉันซื้อปากกาหนึ่งด้าม
(เนื่องจาก pen เป็นคำนามนับได้ เราจึงไม่ใช้ I bought some pen. แต่เราสามารถใช้ I bought some pens. ได้ ถ้าเราซื้อมาหลายด้าม)

2. ใช้กับคำนามที่ไม่เจาะจง

เราสามารถใช้ some เมื่อกล่าวถึงบุคคลหรือสิ่งใดๆ โดยที่ไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าเป็นคนไหนหรือสิ่งไหน เช่น

Some person ใครบางคน
Some cat แมวบางตัว
Some method บางวิธี

Some ในความหมายนี้จะทำหน้าที่เป็น determiner ต้องใช้หน้าคำนามเช่นกัน

ตัวอย่างประโยค

Some person came to see you yesterday.
มีใครบางคนมาหาคุณเมื่อวานนี้

There should be some ways to solve this problem.
มันน่าจะมีบางหนทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้

3. ใช้แทนคำนาม

เรายังสามารถใช้ some เป็น pronoun (คำที่ใช้แทนคำนาม) ได้อีกด้วย โดย some ในกรณีนี้จะมีความหมายว่า “บางส่วน” หรือ “จำนวนหนึ่ง” เหมือน some ที่ใช้บอกปริมาณ

ตัวอย่างประโยค

I have just made sandwiches. Would you like some?
ฉันเพิ่งทำแซนด์วิชเสร็จ คุณจะกินหน่อยมั้ย
(ถ้าแปลตรงๆจะเป็น “คุณจะกินบางส่วนมั้ย” แต่เพื่อให้เป็นธรรมชาติ เราเลยเปลี่ยนคำ)

Some of his works are very exceptional.
งานบางชิ้นของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก

Some แปลว่า ปริมาณมาก

เรายังสามารถใช้ some เมื่อต้องการบอกว่าสิ่งไหนมี “ปริมาณมาก” ได้อีกด้วย คำว่า some ในความหมายนี้จะทำหน้าที่เป็น determiner การใช้จะต้องใช้หน้าคำนาม

ตัวอย่างประโยค

It will be some time before I forget it.
มันคงจะต้องใช้เวลาพอสมควรก่อนที่ฉันจะลืมมันได้

It normally takes some effort to be fluent in second language.
ปกติแล้วมันจะต้องใช้ความพยายามพอสมควรในการที่จะใช้ภาษาที่สองได้คล่อง

Some แปลว่า ดีเยี่ยม

Some มีอีกความหมายว่า “ดีเยี่ยม” ทำหน้าที่เป็น determiner เช่นเดียวกัน

ตัวอย่างประโยค

That was some concert last night!
คอนเสิร์ตเมื่อคืนนี่สุดยอดจริงๆ

That was some Friday night dinner, wasn’t it?
อาหารเย็นเมื่อคืนวันศุกร์นั้นวิเศษณ์ไปเลย ว่ามั้ย

Some แปลว่า ประมาณ

เราสามารถใช้ some ไว้หน้าจำนวนตัวเลข ซึ่งจะแปลว่า “ประมาณ”

ตัวอย่างประโยค

Some 500 people went to the event.
มีคนประมาณ 500 คนไปร่วมงาน

I worked there for some 10 years.
ฉันทำงานที่นั่นประมาณ 10 ปี

Some แปลว่า เล็กน้อย

Some ยังสามารถแปลว่า “เล็กน้อย” ได้อีกด้วย โดยจะทำหน้าที่เป็น adverb คำว่า some ในความหมายนี้จะถูกใช้ใน American English เป็นหลัก และถือว่าเป็นคำที่ไม่เป็นทางการ

ตัวอย่างประโยค

I am feeling some better.
ฉันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

We could work some and then have lunch.
เรามาทำงานกันซักหน่อยแล้วค่อยไปกินข้าวเที่ยงก็ได้นะ

หลักการใช้ any

คำว่า any จะมีความหมายและการใช้แบ่งได้หลักๆดังนี้

Any แปลว่า บ้าง

Any มีความหมายว่า “บ้าง” หรือ “สักนิด” ทำหน้าที่เป็น determiner ต้องใช้หน้าคำนาม คำว่า any ในความหมายนี้ มักจะใช้กับประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม

ตัวอย่างประโยค

Are there any cookies left?
มีคุ้กกี้เหลือบ้างมั้ย

I haven’t play any mobile games recently.
ช่วงที่ผ่านมาฉันไม่ได้เล่นเกมมือถือเลยสักนิด

Any ในความหมายนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็น pronoun ซึ่งก็คือคำที่ใช้แทนคำนามได้อีกด้วย

ตัวอย่างประโยค

I looked around for a bottle of water, but there wasn’t any.
ฉันมองหาน้ำขวด แต่มันไม่มีเลย

Have you read any of her books?
คุณได้อ่านหนังสือของเธอบ้างมั้ย

Any แปลว่า อันไหนก็ได้

Any ยังสามารถแปลว่า “อันไหนก็ได้” หรือ “อะไรก็ตาม”

ตัวอย่างประโยค

Any food is fine in moderation.
อาหารอะไรก็โอเคหมดถ้ากินแต่พอดี

Any light color is good with black.
สีอ่อนไม่ว่าจะสีไหนก็เข้ากับสีดำได้หมด

Any ในความหมายนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็น pronoun ซึ่งก็คือคำที่ใช้แทนคำนามได้อีกด้วย

ตัวอย่างประโยค

You can choose any of these t-shirts.
คุณสามารถเลือกเสื้อเชิ้ตอันไหนก็ได้

She is rich. She can buy any of these luxury clothes.
เธอรวย เธอสามารถซื้อเสื้อผ้าแพงๆอันไหนก็ได้

Any แปลว่า แม้แต่น้อย

Any ยังมีอีกความหมายคือ “แม้แต่น้อย” ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น adverb คำว่า any ในความหมายนี้มักจะถูกใช้กับประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม

ตัวอย่างประโยค

This movie isn’t any good.
หนังเรื่องนี้ไม่ได้ดีเลยแม้แต่น้อย

Can’t you walk any faster?
คุณเดินเร็วขึ้นอีกสักหน่อยไม่ได้หรอ

Some กับ any ต่างกันอย่างไร

การใช้ some และ any เป็น determiner (คำที่ใช้กำกับคำนาม) ที่ใช้บอกปริมาณ (บางส่วน, จำนวนหนึ่ง, บ้าง, สักนิด) เราจะใช้กับประโยคคนละชนิดกัน

เราจะใช้ some กับประโยคบอกเล่า

I have some money.
ฉันมีเงินอยู่บ้าง
(เราจะไม่ใช้ I have any money.)

และจะใช้ any กับประโยคปฏิเสธ

I don’t have any money.
ฉันไม่มีเงินสักนิดเลย
(เราจะไม่ใช้ I don’t have some money.)

สำหรับประโยคคำถาม เรามักจะใช้ any

Do you have any money?
คุณมีเงินบ้างหรือเปล่า

แต่เราก็อาจใช้ some แทนได้ ถ้าเราคาดหวังว่าผู้ตอบจะตอบว่าใช่ หรือคาดหวังว่าเค้าจะมีในสิ่งที่เราถาม

Do you have some money?
คุณมีเงินบ้างหรือเปล่า

หรือเมื่อคำถามนั้นเป็นการยื่นข้อเสนอ การขอร้อง หรือการเสนอแนะ

Would you like some tea?
คุณจะรับชาหน่อยมั้ย

Can I have some coffee?
ฉันขอกาแฟได้มั้ย

Why don’t we buy some new clothes?
ทำไมพวกเราไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่สักหน่อยล่ะ

สรุปก็คือเรามักจะใช้ some ในประโยคบอกเล่า และใช้ any ในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม แต่ก็มีข้อยกเว้น คือเราสามารถใช้ some กับประโยคคำถามได้ ถ้าเราคาดหวังว่าเค้าจะตอบว่าใช่ หรือคำถามนั้นเป็นการยื่นข้อเสนอ การขอร้อง หรือการเสนอแนะ

เปรียบเทียบการใช้ some/any, a/an และ many/much

สำหรับคนที่ยังสับสนว่าในการบอกปริมาณ ตอนไหนเราควรใช้ some/any ตอนไหนควรใช้ a/an และตอนไหนควรใช้ many/much เรามาดูสรุปการเปรียบเทียบกันเลย

การใช้ a กับ an

ในการบอกปริมาณ เราจะใช้ a และ an เมื่อสิ่งนั้นมีปริมาณหนึ่งหน่วย โดยจะใช้ an เมื่อคำตามหลังนั้นขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u และจะใช้ a กับคำอื่นๆ

I bought an apple.
ฉันซื้อแอปเปิลหนึ่งลูก
(Apple ขึ้นต้นด้วยตัว a เราจึงใช้ an)

I bought a banana.
ฉันซื้อกล้วยหนึ่งลูก
(Banana ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u เราจึงใช้ a)

การใช้ many กับ much

เราจะใช้ many กับ much เพื่อสื่อว่าสิ่งนั้นมีปริมาณมาก โดยเราจะใช้ many กับคำนามที่นับได้ และใช้ much กับคำนามที่นับไม่ได้

I have many friends.
ฉันมีเพื่อนหลายคน
(Friend เป็นคำนามนับได้)

I had so much fun.
ฉันรู้สึกสนุกมาก
(Fun เป็นคำนามนับไม่ได้)

การใช้ some กับ any

เราจะใช้ some กับ any ซึ่งแปลว่า บางส่วน, จำนวนหนึ่ง, บ้าง, สักนิด เมื่อคำนามนั้นเป็นคำนามนับได้และเป็นพหูพจน์

(เรามักจะใช้ some กับประโยคบอกเล่า และใช้ any กับประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม)

I can lend you some pencils.
ฉันให้คุณยืมดินสอบางส่วนได้นะ
(Pencil เป็นคำนามนับได้)

He doesn’t have any siblings.
เขาไม่มีพี่น้องเลยสักคน
(Sibling เป็นคำนามนับได้)

หรือเมื่อคำนามนั้นเป็นคำนามนับไม่ได้

We just want to have some fun.
พวกเราแค่อยากสนุกกันบ้างเท่านั้นเอง
(Fun เป็นคำนามนับไม่ได้)

Do you have any money?
คุณมีเงินบ้างหรือเปล่า
(Money เป็นคำนามนับไม่ได้)

สรุปง่ายๆก็คือ

  • ปริมาณหนึ่งหน่วย (เอกพจน์) และเป็นคำนามนับได้ ใช้ a (ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u) หรือ an (ขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u)
  • ปริมาณมาก และเป็นคำนามนับได้ ใช้ many
  • ปริมาณมาก และเป็นคำนามนับไม่ได้ ใช้ much
  • บางส่วน จำนวนหนึ่ง สักนิด และเป็นคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ ใช้ some หรือ any
  • บางส่วน จำนวนหนึ่ง สักนิด และเป็นคำนามนับไม่ได้ ใช้ some หรือ any

เป็นยังไงบ้างครับกับวิธีใช้ some, any และคำอื่นที่เกี่ยวข้องในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


นิทาน เรื่อง กำเนิดสังข์ทอง


มาฟังนิทานสนุกๆ กันเกี่ยวกับ การกำเนิดสังข์ทอง ว่ามีเรื่องราว
ที่สนุกและเป็นมาอย่างไร ส่วนข้อคิดที่ได้จากเรื่องนั้นคือ
\”เราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่เลือกที่จะทำสิ่งดีดีได้\”
ท่านสามารถติดตาม สื่อการเรียนการสอน
\”ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน\” ได้อีกหลายช่องทาง
webpage : http://www.kruao.com (ครูโอ๋)
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
twitter : https://goo.gl/yHzunt
ฝากติดตามเพจ channel website ด้วยครับเพื่อพบกับ
สื่อการเรียนการสอน ที่เราอัพเดทให้ใหม่ๆ ตลอดฟรีๆ
สื่อการสอนนี้นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เรียนภาษาไทย สื่อการสอนอังกฤษ ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
เรียนภาษาไทยด้วยตนเอง อ่านออกเขียนได้ คำศัพท์ภาษาไทย
สอนภาษาไทย สื่อการสอนป5 สังข์ทอง นิทานพื้นบ้าน

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

นิทาน เรื่อง กำเนิดสังข์ทอง

วิชาภาษาไทย ชั้น ป.6 เรื่อง คำสรรพนาม


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาไทย ชั้น ป.6 เรื่อง คำสรรพนาม

คำกริยา – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3


ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
วีดีโอนี้จะสอนเกี่ยวกับ
มาเรียนรู้ ความหมาย และการใช้ คำกริยา
ตัวอย่างคำศํพท์ และประโยค ของ คำกริยา
บทเรียนอิเล็กทรอกนิกส์ วิชา ภาษาไทย ป.3 ชุดนี้
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.otpchelp.com

คำกริยา - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3

วิชาภาษาไทย | คำนามมีกี่ชนิดอะไรบ้าง


คำนาม ชนิดของคำนาม วิชาภาษาไทย
คำนามหมายถึง คำที่ใช้เรียกชื่อ คน สัตว์ พืช สิ่งของ สถานที่ สภาพ อาการ ลักษณะ ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิต หรือสิ่งไม่มีชีวิต ทั้งที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม
คำนามแบ่งได้ 5 ชนิด คือ
1. คำนามสามัญ หรือ สามานยนาม คือ คำนามที่ใช้เรียกชื่อทั่ว ๆ ไปของคน สัตว์ สิ่งของ เช่น นักเรียน ปลา ยางลบ ดินสอ ฯลฯ
2. วิสามานยนาม คือ คำนามที่ใช้เรียกชื่อเฉพาะของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ เช่น พระอภัยมณี สุนทรภู่ โรงเรียนคลองกิ่วยิ่งวิทยา ฯลฯ
3. สมุหนาม คือ คำนามที่ใช้เรียกชื่อหมู่ กอง หรือคำนามที่อยู่รวมกันเป็นหมู่ เช่น กองทหาร ฝูงกวาง คณะนักเรียน พรรคการเมือง ฯลฯ
4. อาการนาม คือ คำนามที่เกิดจาก “การ” หรือ“ความ” นำหน้าคำวิเศษณ์ เช่น การกิน การเล่น การเรียน ความรัก ความดี ความคิด ฯลฯ
5. ลักษณะนาม คือ คำนามที่แสดงลักษณะของนาม เช่น ไข่เป็นฟอง น้ำเป็นแก้ว ปลาตะเพียนเป็นตัว นักเรียนเป็นคณะ ฯลฯ

ถ้าชอบคลิปลองโหลดมาทดลองเรียนกันได้เลย แต่ถ้าอยากดูทุกคลิปกดสมัครได้เลยราคาไม่แพง แถมมีชีทสรุปกับแบบฝึกหัดครบ 7 วิชาด้วยนะ
📲ดาวน์โหลด : https://bit.ly/YTdownloadstartdee

วิชาภาษาไทย | คำนามมีกี่ชนิดอะไรบ้าง

ชนิดและหน้าที่ของคำนาม – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.4


พบสื่อการเรียนการสอนมากมายที่
http://www.kruao.com (ครูโอ๋)
สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.4
เรื่อง ชนิดและหน้าที่ของคำนาม
ถ้าสื่อนี้ดีมีประโยชน์อยากให้ช่วยกดไลค์ หรือ กดติดตามครับ
จะได้มีคนเห็นสื่อการเรียนการสอนนี้มากขึ้น
เพื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ในการเรียนการสอน
การทบทวน เป็นสื่อการสอน เป็นสื่อการเรียน ถือว่าท่าน
ได้ช่วยสนับสนุนการเรียนการสอนให้เด็กไทย หรือคนที่ยัง
ไม่รู้ว่ามีช่องเผื่อแพร่สื่อเหล่านี้ครับผม
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ชนิดและหน้าที่ของคำนาม - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.4

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ คำ นาม หมาย ถึง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *