Skip to content
Home » [Update] [แปลเพลง] Colors of the Wind – Pocahontas | wind แปล – NATAVIGUIDES

[Update] [แปลเพลง] Colors of the Wind – Pocahontas | wind แปล – NATAVIGUIDES

wind แปล: คุณกำลังดูกระทู้

Colors of the Wind

เพลงนี้เป็นเพลงโปรดหนึ่งเดียวในใจใครหลายคน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Pocahontas (1995) เพราะเพลงนี้มีความสมบูรณ์อย่างที่สุดทั้งในด้านเนื้อหา ความหมาย หรือแม้แต่สัมผัสต่างๆในเพลง และรวมถึงอารมณ์ของตัวผู้ร้องที่สื่อออกมาพร้อมตัวละคร ผมขอยกเพลงนี้ให้เป็น หนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดของ Disney’s แม้ว่าจะมีหลายๆท่าน หลายๆเว็บไซต์ทำบทแปลเพลงนี้ไว้สมบูรณ์ดีแล้ว แต่ก็อดไมาได้ที่จะเป็นอีกคนที่ได้เผยแพร่ความหมายของเพลงนี้ให้ทุกคนได้รู้บ้าง บทความนี้จึงเป็นบทความที่ค่อนข้างยาวเป็นอย่างยิ่ง ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ท่านจะไม่ผิดหวังและจะได้เรียนรู้หลายๆอย่างจากเพลงๆนี้แน่นอน

ในภาพยนต์เรื่อง Pocahontas เพลงนี้จะเป็นช่วงที่ John Smith ได้พบกับ Pocahontas และได้เริ่มทำความรู้จักซึ่งกันและกัน ทั้งสองคนซึ่งมาจากต่างแผ่นดิน ต่างวัฒนธรรม ต่างชนชาติ ทั้งรูปร่างหน้าตา ภาษา รวมถึงสีผิวก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพลงเริ่มต้นเมื่อ John Smith เผลอเรียก Pocahontas และเผ่าของเธอว่าเป็นพวกคนป่า (ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่ไม่มีวัฒนธรรม หรือยังไม่เจริญนั่นเอง ต่างจาก John Smith ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ ดินแดนผู้ดีที่เจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ดินแดนที่มีอาณานิคมไปทั่วโลก จึงมองว่าตนเองคือชนชาติผู้เจริญกว่า และผลั้งเหยียดเชื้อชาติออกไปโดยไม่รู้ตัว) Pocahontas ก็ได้โต้แย้งกับ John Smith ว่าตัวเธอและเผ่าคือคนป่าเถื่อน แต่ผู้คนที่คอยรุกรานแผ่นดินผู้อื่นไปทั่ว ผู้คนที่คอยบั่นทอนทรัพยากรป่าเพื่อหาผลประโยชน์จนเกินพอดี ผู้คนที่ไม่เคยฟังคนอื่นนอกจากตัวเอง มองคนที่แตกต่างจากตนเองเป็นคนป่าเถื่อน กลับถูกเรียกว่าเป็นคนที่มีวัฒนธรรม (ซึ่งเป็นการเสียดสีที่ตรงเป้าอย่างแรง และโจมตีการล่าอาณานิคมด้วยการเปรียบเทียบได้อย่างสวยงามและแยบยล)

แน่นอนว่า Key Message หลักของเพลง คือการเรียนรู้ความแตกต่างของเชื้อชาติและวัฒนธรรม รวมไปถึงการต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว โดยเล่าผ่านบริบทของยุคล่าอาณานิคม และเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ของชนชาติอเมริกาและชนพื้นเมืองของอเมริกา ดังนั้นที่เรากำลังจะได้อ่าน คือสิ่งที่ Pocahontas สอนให้ John Smith ได้เรียนรู้กับสิ่งที่เขาไม่เคยได้รู้จักมาก่อนอย่างมากมายในบทเพลงนี้ มาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันนะ

Can you paint with all the colors of the wind?

You think I’m an ignorant savage
You’ve been so many places
I guess it must be so
But still I cannot see
If the savage one is me
How can there be so much that you don’t know?
You don’t know …

จิตใจคงจะคิด ข้าเป็นคนป่า
ท่านผ่านมามากมายและหลายถิ่น
ทุกแดนยิ่งใหญ่ไพศาล
แต่แล้วไม่วายแปลกใจ
ถ้าข้านี้เป็นคนป่าไง
มีอีกเท่าไหร่ท่านนั้นไม่รู้มากมาย
รู้ไม่จริง

[Pocahontas ถูกเรียกว่าเป็นคนป่า จึงได้ตั้งคำถามกลับ ว่าหากตัวเธอคือคนป่าที่ไร้อารยธรรม ทำไมถึงมีอีกตั้งหลายสิ่งบนโลกนี้ที่ตัว John Smith ยังไม่รู้จัก เพราะจิตใจไม่เคยคิดจะเห็นคุณค่าของสิ่งใดนอกจากจะครอบครอง ซึ่ง Pocahontas กำลังจะพา John Smith ไปรู้จักกับสิ่งต่างๆในมุมมองของเธอในเพลงนี้นี่เอง]

[ในท่อนนี้หลังจากที่John Smith ตกลงมาจากต้นไม้ Pocahontas ก็ช่วยเลิกหมวกเกราะที่บังตาของJohn Smithให้ และช่วยพยุงเขาขึ้นมาการเลิกหมวกเกราะออกจากตาของJohn Smith นั้นหมายถึง ตัวเขานั้นยังคงตาบอด ไม่ใส่ใจสิ่งอื่นนอกจากสิ่งที่ตนเองต้องการ เธอจึงช่วยเปิดตาเขาขึ้นมาให้เห็นสิ่งต่างๆโดยไม่ต้องมองผ่านหมวกเกราะที่ใช้สู้รบนั่นเอง และการพยุงเขาขึ้นมา Pocahontasไม่ละทิ้งเขาเมื่อเขาร่วงจากต้นไม้ สื่อถึง การช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยไม่แบ่งแยก รวมถึงการอยู่ร่วมกันในสังคมอีกด้วย!] (ท่อนนี้ขอยกมาจากเพลง สีสันแห่งสายลม หรือ Colors of the Wind ในเวอร์ชั่นภาษาไทย เพราะแปลออกมาได้กินใจพอสมควร ทำให้ชอบเป็นการส่วนตัว :D)

You think you own whatever land you land on
The Earth is just a dead thing you can claim
But I know every rock and tree and creature
Has a life, has a spirit, has a name

ท่านคิดว่าท่านครอบครองดินแดนใดก็ได้ที่ย่างเหยียบ
ผืนดินนี้เป็นเพียงสิ่งไร้ชีวิตที่ท่านต้องการ
แต่ข้ารู้ดี ทั้งหิน ทั้งพฤกษา และทุกสรรพสิ่ง
มีทั้งนามและมีชีวิต มีจิตใจ

[Pocahontas บอกกับJohn Smithว่า อย่าคิดเพียงว่าผืนแผ่นดินเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่ไม่มีชีวิต ใครคิดจะครอบครองเอาไว้ก็ได้ เพราะความจริงแล้ว ผืนแผ่นดินเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าสิ่งมีชีวิตมากมาย ทั้งยังมอบร่มเงา มอบอาหาร มอบน้ำให้กับสิ่งมีชีวิตต่างๆอย่างมากมายอีกด้วย นี่แหละคือชีวิต ในท่อนนี้สอดแทรกการรณรงค์ให้รักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ได้อย่างงดงาม เข้าใจได้ง่ายอย่างมาก และเป็นการเสียดสีการล่าอาณานิคมด้วย]

You think the only people who are people
Are the people who look and think like you
But if you walk the footsteps of a stranger
You’ll learn things you never knew you never knew

ท่านคิดว่ามีแค่คนกลุ่มเดียวที่เป็นมนุษย์
คือพวกพ้องที่มองและคิดเห็นเหมือนอย่างท่าน
แต่หากท่านเดินตามรอยเท้าแห่งคนแปลกหน้า
ท่านจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ที่ท่านไม่มีวันจะได้รู้

[ในภาพยนต์ท่อนนี้จะเป็นฉากที่Pocahontas ช่วยเหลือแม่หมีตัวหนึ่งไว้จากไกปืนของJohn Smith และเมื่อเธอพาเขาตามรอยเท้าของหมีตัวนั้นไป ทำให้John Smithได้พบกับเหล่าลูกหมีตัวน้อยๆที่รอคอยแม่ของมันกลับมาที่บ้านอยู่ สิ่งที่สื่อออกมาในท่อนนี้คือ ถ้าหากได้ทำความรู้จักผู้อื่นให้ลึกซึ้งแล้ว คุณจะได้รู้จักความเห็น ทัศนคติ การดำเนินชีวิต และอีกมากมายด้วย สื่อถึงการดำเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นด้วยความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม] ซึ่งเป็นการยกความหมายเดียวกับสำนวนอังกฤษว่า “Put yourself in someone else’s shoe” ที่หมายถึงการเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือการเห็นใจ และมองในมุมมองของผู้อื่น

Have you ever heard the wolf cry to the blue corn moon
Or asked the grinning bobcat why he grinned?
Can you sing with all the voices of the mountains?
Can you paint with all the colors of the wind?
Can you paint with all the colors of the wind?

ท่านเคยได้ยินเสียงหมาป่าเห่าหอนไปถึงจันทร์เดือนเพ็ญไหม?
หรือเคยถามแมวป่าหรือไม่ ไยจึงได้ฉีกยิ้ม?
ท่านร้องเพลงพร้อมเสียงกังวานจากหุบเขายิ่งใหญ่ได้ไหม?
ท่านจะแต่งแต้มสีสันด้วยสายลมได้หรือไม่?
ท่านแต่งเติมสีสันแห่งสายลมได้ไหม?

[ท่อนโปรดติดหูของใครหลายคน เป็นบทที่บรรยายความงดงามจากธรรมชาติที่ครบรส และทรงพลังมากที่สุด เมื่อPocahontasได้เอ่ยถามJohn Smithถึงคำถามเหล่านั้น ว่าในที่ๆเขาอยู่ เขาเคยได้เห็น เคยได้รู้จักสิ่งเหล่านี้มาก่อนหรือไม่ ซึ่งหากลองนึกๆดูแล้ว ดูเป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติเป็นไม่ได้ทั้งสิ้น John Smith คงไม่เคยได้ร้องเพลงกับภูเขา หรือวาดภาพด้วยสายลมแน่ๆ แต่สิ่งที่เธอจะสื่อคือ หากเขาได้ใส่ใจมองสิ่งต่างๆให้ลึกซึ้ง เขาจะพบเจอสิ่งที่งดงามกว่าสิ่งที่เขาเห็นได้ด้วยตาเปล่าเพียงอย่างเดียว! เพื่อตอบโต้กับความคิดที่คิดแต่จะครอบครองทุกอย่างเอาไว้เพื่อผลประโยชน์ของเขา เพื่อให้เห็นว่าหลายๆสิ่งมีคุณค่ามากกว่านั้น 

แน่นอนว่าJohn Smithซึ่งผจญภัยมาหลากหลายผืนแผ่นดินต้องเคยได้พบเจอสิ่งเหล่านี้แน่นอน ทั้งภูเขาและสายลมต่างๆ แต่ไม่เคยได้ใส่ใจถึงคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นมาก่อน ว่ามันมีความหมาย มีชีวิต จิตวิญญาณ และงดงามมากแค่ไหน เขาไม่รู้มาก่อนว่าสามารถร้องเพลงไปกับภูเขาพวกนั้น หรือแต้มสีสันให้สายลมได้ เพราะเขาไม่เคยมองพวกมันแบบนั้น ในอดีตสิ่งที่เขาสนใจคือการครอบครองแผ่นดินเพื่อขยายอาณานิคมให้กับประเทศของเขาเท่านั้น]

Come run the hidden pine trails of the forest
Come taste the sunsweet berries of the Earth
Come roll in all the riches all around you
And for once, never wonder what they’re worth

มาลองวิ่งไปในทิวสนงามแห่งป่าใหญ่
มาลองลิ้มชิมรสผลไม้แห่งผืนดิน
มาเกลือกกลิ้งไปตามความอุดมสมบูรณ์รอบๆกาย
เพียงครั้งเดียว ท่านจะไม่สงสัยในคุณค่าของมันอีกเลย

[สิ่งเหล่านี้ต่างจากที่Pocahontasได้เอ่ยถามไว้ข้างต้น นั่นคือสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนอย่างเราๆสามารถทำได้ ทั้งวิ่งเล่น เก็บเบอร์รี่ และเมื่อได้ลองเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้แล้ว เพียงแค่ครั้งเดียว แล้วจะไม่สงสัยอีกเลยว่าพวกมันมีคุณค่าอย่างไร ท่อนนี้สื่อถึงการได้ลองเรียนรู้ในสิ่งที่แตกต่างออกไปหรือในสิ่งที่ไม่เคยรู้จัก เหมือนกับเนื้อเพลงในท่อนก่อนๆ แต่ใช้การเปรียบเทียบที่เข้าใจง่าย และสื่อถึงการเรียนรู้กับสิ่งที่เรายังไม่เคยได้เข้ามาทำความรู้จักกับมัน เหล่าพวกพ้องของJohn Smithและ Pocahontas ต่างต้องการจะทำสงครามเพื่อครอบครองดินแดนแห่งนี้ แต่John SmithและPocahontas ทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป คือการผูกไมตรีต่อกัน และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข]

The rainstorm and the river are my brothers
The heron and the otter are my friends
And we are all connected to each other
In a circle, in a hoop that never ends

พายุฝนและสายชลเหมือนดั่งญาติสนิท
นกกระสาและเหล่านากนั้นคือเพื่อนพ้อง
และเราต่างเชื่อมโยงเป็นสายใยมีกันและกัน
จะสมบูรณ์ จะผูกพันกันไม่มีวันสิ้นสุด

[Pocahontas กล่าวถึงธรรมชาติรอบตัวเธอ บรรดาสัตว์ต่างๆที่เป็นเพื่อนของเธอว่า พวกเธอนั้นเชื่อมโยงกันเป็นสายใยวงกลมที่วนเวียนไปไม่มีจุดสิ้นสุด ในท่อนนี้ใช้เนื่้อความเดียวกันกับเพลง Circle of Life เพลงเอกจากภาพยนต์เรื่อง The Lion King ต่างกันที่ในความหมายของPocahontasจะใช้สื่อถึงสันติภาพได้ชัดเจนมากกว่า ทั้งหมดนี้เพื่อบอกJohn Smithว่า ถ้าหากเราสองฝ่ายสู้รบกันนั้น ก็เหมือนกับการตัดขาดออกจากกันไป ฝ่ายหนึ่งได้ในสิ่งที่ต้องการ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะสูญเสีย วงกลมวงนั้นจะขาดไป สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครชนะแท้จริง แต่หากเราผูกไมตรีกัน เราก็จะเป็นเหมือนกับผูกมันให้เป็นวงกลม ที่หมุนเรื่อยไปไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่มีใครสูญเสียใดๆทั้งสิ้น]

How high does the sycamore grow?
If you cut it down, then you’ll never know

ต้นสิคามอร์สูงเพียงใด?
หากท่านโค่นมันลง ท่านจะไม่มีวันรู้เลย


[ท่อนBridgeที่สั้นแต่ทรงพลังอย่างมาก ท่อนนี้ให้ความหมายได้ดีในตัวของมันเองอยู่แล้ว หากเราทำลายสิ่งใดก็ตามลงไป สิ่งที่เรายังไม่เคยได้รู้จักเกี่ยวกับมัน เราก็จะไม่มีวันจะได้รู้จักอีกต่อไป แต่ท่อนนี้เองที่เป็น Key Message หลักของเพลงนี่แหละ คือการเรียนรู้ความแตกต่างของเชื้อชาติและวัฒนธรรม เพราะฉนั้น “ต้นสิคามอร์ นั้นหมายถึง ความเห็นอกเห็นใจ และการเข้าใจในความแตกต่างนั้นเอง”

นอกเหนือจากในเนื้อเพลง ในภาพยนตร์ช่วงของท่อนนี้เป็นฉากที่PocahontasและJohn Smithปล่อยนกอินทรี 2 ตัวบินทยานไปเกาะบนยอดไม้ ตัวนกอินทรียังแทนสัญญะเชิง เสรีภาพ ความมุ่งมั่น แข็งแกร่ง (นอกจากนี้แล้วยังสังเกตได้ว่า สีขนของเหยี่ยวสองตัวนี้เป็นคนละสีกัน ตัวเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน สื่อถึงความต่างกันในด้านชนชาติและสีผิวอีกด้วย) ซึ่งแน่นอน “นกอินทรี” ในจุดนี้ก็หมายถึง อเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพนั่นเอง (สังเกตได้ว่าการ์ตูนเขาทำมาปลูกฝังเด็กๆในชาติของเขานี่ล่ะ!)]

And you’ll never hear the wolf cry to the blue corn moon
For whether we are white or copper skinned
We need to sing with all the voices of the mountains
We need to paint with all the colors of the wind

และท่านจะไม่มีวันได้ยินเสียงหมาป่าเห่าหอนถึงจันทร์ที่ส่องกลางฟ้า
และแม้ว่าเราจะผิวขาวหรือผิวดำแดงก็ตาม
เราต้องร้องเพลงพร้อมเหล่าเสียงก้องกังวานแห่งหุบเขายิ่งใหญ่
ต้องเติมสีสันด้วยสายลมให้สดใส


[ท่อนนี้ให้ความหมายเสริมจากท่อนข้างต้น หากเราความเห็นอกเห็นใจในสังคม ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันลงไป เราก็จะไม่มีวันจะได้รู้จักกับสิ่งสวยงามเหล่านี้ โดยเปรียบเทียบสังคมที่สงบสุขแทนความสวยงามของธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสอดแทรกการรณรงค์ให้ปกป้องธรรมชาติไว้ได้อย่างดี

(สังเกตได้ว่าเพลงนี้สื่อออกมาให้รู้ว่าต่อต้านการเหยียดสีผิวอย่างเห็นได้ชัดมาตลอด และยังย้ำเรื่องสีผิวอย่างชัดแจ้งในเนื้อเพลงท่อนนี้อีกด้วย)

การร้องเพลงไปพร้อมกับเสียงของภูเขา เสียงของภูเขาในที่นี้น่าจะหมายถึง เสียงสะท้อน(Echo)ที่เราตะโกนออกไปเสียงก็จะก้องกลับมา คือ การที่เราทำสิ่งใดให้ผู้อื่นเราก็จะได้สิ่งดีๆตอบแทนกลับมา เพียงเราเริ่ม เจตนารมณ์ของเราก็จะถูกสานต่อเรื่อยไป (จะมีฉากหนึ่งที่คุณย่าต้นหลิวอธิบายเรื่องนี้โดยเปรียบเทียบกับคลื่นน้ำ)

การระบายสีด้วยสายลม นั้นหมายถึงการเข้าใจกันและกันในสังคม เข้าใจความแตกต่าง ไม่แบ่งแยก ไม่ว่าสีผิว หรือวัฒนธรรม เชื้อชาติ และทำให้สังคมสมบูรณ์ยิ่งๆขึ้นต่อไป]

You can own the Earth and still
All you’ll own is Earth until
You can paint with all the colors of the wind

ท่านยังครอบครองโลกได้ดังใจ
แต่ครอบได้เพียงแต่ผืนดิน จนกว่า
ท่านจะรู้จักการแต่งแต้มสีสันแห่งสายลม …

[ท่อนสุดท้ายซึ่งเป็นท่อนโปรดของผม Pocahontas เธอไม่ได้บังคับให้เขาเชื่อเธอ แต่ทิ้งท้ายไว้ให้ John Smithว่า อยากจะครอบครองแผ่นดินต่างๆในโลกนี้ก็ยังคงทำได้ แต่ก็จะครอบครองได้เพียงแค่ผืนดิน หาประโยชน์อื่นใดไม่ได้อีกจนกว่าจะเรียนรู้ถึงคุณค่าของสิ่งใดๆที่แท้จริง

Earthแรกในประโยคนั้น หมายถึง โลก และEarthอีกคำนั้น หมายถึง พื้นดิน (เล่นคำได้อย่างแยบยลมาก!)

แผ่นดินผืนนี้ไม่ใช่แผ่นดินที่ใครจะครอบครอง แต่แผ่นดินนี้คือของทุกสิ่ง โดยไม่แบ่งแยกว่าจะเป็นพืช สัตว์ หิน ไม่ว่าใคร เชื่อในอะไร หรือมีผิวสีอะไร นี่แหละคือคุณค่าของแผ่นดินที่แท้จริง คือการเป็นแบ่งปันสายใยแห่งชีวิตร่วมกันกับทุกสิ่ง ไม่ใช่สิ่งของไร้ชีวิตที่ไว้ใครผู้ใดเอาไว้ครอบครอง ตาม Key Message หลักของเพลง คือการเรียนรู้ และเข้าความแตกต่างของเชื้อชาติและวัฒนธรรม รวมไปถึงต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว และการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา

เมื่อมาถึงท่อนสุดท้ายนี้ คงจะหายสงสัยแล้วว่าทำไมเพลงนี้จึงเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดตลอดกาลของ Disney’s]

คุณค่าที่คุณและเด็กๆจะได้รับและสิ่งที่ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงที่ดีที่สุด

  1. เพลงสื่อถึงการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม ความเข้าใจในความแตกต่างทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติ
  2. บทเพลงสื่อถึงการต่อต้านการเหยียดสีผิว อย่างเข้าใจง่าย
  3. มีการรณรงค์ให้อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและเห็นคุณค่าเข้ากับยุคสมัย
  4. มีเนื้อหาเรียบง่าย เล่าุถึงดำเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นโดยไม่เบียดเบียนกันและกัน และส่งเสริมกัน
  5. สอนให้มองสิ่งต่างๆให้ลึกซึ้งและเข้าใจอย่างถ่องแท้
  6. สอนให้เรียนรู้ที่จะผูกไมตรีต่อกันมากกว่าการใช้กำลัง ปฏิเสธสงครามและความรุนแรงชัดเจน
  7. สอนให้ทำความดีกับผู้อื่นและจะได้รับสิ่งนั้นตอบแทน
  8. เข้าใจง่าย และดีสำหรับเด็กกำลังเรียนรู้ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี
  9. เหมาะสำหรับสอนเด็กๆทุกคน เพราะเรื่องนี้ เจ้าหญิงไม่ได้อยู่ในวัง หรือแต่งตัวสวยงามหรูหรา แต่สร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ได้ไม่แพ้เจ้าหญิงดิสนี่เรื่องอื่นๆ
  10. เจ้าของรางวัล Oscar 2 สาขา และGrammy อีก 1 สาขา และรางวัลลูกโลกทองคำอีก 1 สาขา การันตีคุณภาพ

นอกจากจะสอดแทรกข้อคิดดีๆมากมายแล้ว แต่ละฉากแต่ละบทเพลงสามารถถ่ายทอดความหมายออกมาได้อย่างลึกซึ้งและสวยงามโดยการเปรียบเทียบอย่างมีชั้นเชิง(เช่นฉากควันไฟสงคราม เป็นฉากที่งดงามมากฉากหนึ่งเลยทีเดียว) บทพูดแต่ละประโยคสละสลวยและให้ข้อคิดดีๆ(เช่นคำสอนต่างๆของคุณย่าต้นหลิว) อยากให้พ่อแม่ลองดูภาพยนตร์เรื่องนี้พร้อมๆกับเด็ก ลองให้เขาได้นั่งดูและอธิบายให้เขาเข้าใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ให้ความรู้กับเด็กๆได้เป็นอย่างดี ให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาในครอบครัวของคุณ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน ♥

 

Credits :

http://www.whats-your-sign.com/falcon-animal-totem.html

http://blogs.disney.com/oh-my-disney/2013/10/13/why-colors-of-the-wind-is-so-good/?cmp=SMC|blgomd|OMDSeptember|FB|colors-Pocahontas|InHouse|090614|||esocialmedia|||

http://en.wikipedia.org/wiki/Pocahontas_(1995_film)

http://www.songlyrics.com/disney/colors-of-the-wind-lyrics/

[NEW] แปลเพลง Must Have Been The Wind | wind แปล – NATAVIGUIDES

[Verse 1]

I heard glass shatter on the wall

In the apartment above mine

At first, I thought that I was dreamin’

But then I heard the voice of a girl

And it sounded like she’d been cryin’

Now I’m too worried to be sleepin’

ฉันได้ยินเสียงแก้วแตกกระทบที่กำแพงนั้น

ที่ห้องพักอยู่เหนือตรงกับห้องของฉัน

ในตอนแรก ฉันนึกว่าฉันนั้นฝันไป

แต่ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง

ราวกับเธอนั้นกำลังร้องไห้อยู่เลย

และมันทำให้ฉันกังวลใจเกินกว่าที่จะนอนหลับลง

[Pre-Chorus]

So I took the elevator to the second floor

Walked down the hall and then I knocked upon her door

She opened up, and I asked about the things I’ve been hearing

ฉันจึงขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 2

เดินต่อไปตามทางเดินนั้น

และเคาะประตูห้องของเธอ

เธอเปิดประตูออกมา ฉันจึงถามเธอเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันได้ยิน

[Chorus]

She said, “I think your ears are playing tricks on you”

Sweater zipped up to her chin

“Thanks for caring, sir, that’s nice of you

But I have to go back in

Wish I could tell you about the noise

But I didn’t hear a thing”

She said, “It must have been the wind, must have been the wind

Must have been the wind, it must have been the wind”

She said, “It must have been the wind, must have been the wind

เธอบอกกับฉันว่า

“คุณคงจะหูฝาดไปแล้วละมั้ง”

เธอที่สวมเสื้อกันหนาวที่รูดซิปขึ้นมาจนอยู่ระดับเดียวกับคางของเธอ

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ คุณช่างมีจิตใจดีจริงๆ

แต่ฉันคงต้องกลับเข้าไปในห้องของฉันแล้วแหละ

ฉันก็อยากที่จะบอกคุณเกี่ยวกับเสียงพวกนั้นนะ

แต่ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเลย”

เธอบอกกับฉัน…

“มันคงเป็นแค่เสียงลมพัดเท่านั้นเอง”

เธอบอกกับฉัน…

“มันคงเป็นแค่เสียงลมพัดเท่านั้นเอง”

[Verse 2]

So I was layin’ on the floor of my room

Cold concrete on my back

No, I just couldn’t shake the feeling

I

didn’t want to intrude ’cause I knew

That I didn’t have all the facts

But I couldn’t bear the thought of leavin’ her

ฉันนั้นกำลังนอนอยู่ที่พื้นห้องของฉัน

สัมผัสพื้นคอนกรีตเย็น ๆ ที่หลังของฉัน

แต่แล้วฉันก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกนั้นออกไปได้

จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่อยากจะก้าวก่ายอะไรหรอกนะ

เพราะฉันรู้ว่าฉันก็ไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด

แต่ฉันไม่สามารถปล่อยเธอไว้ได้จริง ๆ

[Pre-Chorus]

So I took the elevator to the second floor

Walked down the hall and then I knocked upon her door

She opened up, and I asked about the things I’ve been hearing

ฉันจึงขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 2

เดินต่อไปตามทางเดินนั้น

และเคาะประตูห้องของเธอ

เธอเปิดประตูออกมา ฉันจึงถามเธอเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันได้ยิน

[Chorus]

She said, “I think your ears are playing tricks on you”

Sweater zipped up to her chin

“Thanks for caring, sir, that’s nice of you

But I have to go back in

Wish I could tell you about the noise

But I didn’t hear a thing”

She said, “It must have been the wind, must have been the wind

Must have been the wind, it must have been the wind”

She said, “It must have been the wind, must have been the wind

เธอบอกกับฉันว่า

“คุณคงจะหูฝาดไปแล้วละมั้ง”

เธอที่สวมเสื้อกันหนาวที่รูดซิปขึ้นมาจนอยู่ระดับเดียวกับคางของเธอ

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ คุณช่างมีจิตใจดีจริงๆ”

แต่ฉันคงต้องกลับเข้าไปในห้องของฉันแล้วแหละ

ฉันก็อยากที่จะบอกคุณเกี่ยวกับเสียงพวกนั้นนะ

แต่ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเลย”

เธอบอกกับฉัน…

“มันคงเป็นแค่เสียงลมพัดเท่านั้นเอง”

เธอบอกกับฉัน…

“มันคงเป็นแค่เสียงลมพัดเท่านั้นเอง”

[Bridge]

Aim my boombox at the roof, I’m playing “Lean On Me”

Just so that she knows that she can lean on me
And when she hears the words, I hope she knows she’ll be okay
Aim my boombox at the roof, I’m playing “Lean On Me”
Just so that she knows that she can lean on me
And when she hears the words, I know exactly what I’ll say

“Promise I’m not playing tricks on you

You’re always welcome to com

e in

You could stay here for an hour or two

If you ever need a friend”

เปิดเพลงที่ลำโพง Boombox และหันไปในทิศทางเดียวกับหลังคาของตึกนี้

และเปิดเพลง “Lean On Me”

เพื่อที่เธอจะได้รู้ว่าเธอสามารถพึ่งพิงฉันได้นะ

และเมื่อเธอได้ยินคำนี้จากฉัน หวังว่าเธอจะโอเคขึ้นนะ

เปิดเพลงที่ลำโพง Boombox และหันไปในทิศทางเดียวกับหลังคาของตึกนี้

และเปิดเพลง “Lean On Me”

เพื่อที่เธอจะได้รู้ว่าเธอสามารถพึ่งพิงฉันได้นะ

และเมื่อเธอได้ยินคำนี้จากฉัน ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันจะบอกเธอคือ

“สัญญาว่าฉันไม่ได้หลอกเธอนะ

ฉันยินดีต้อนรับเธอเสมอ

เธอจะมาอยู่กับฉันที่นี่ซักชั่วโมง สองชั่วโมงก็ได้นะ

ถ้าเธอต้องการใครซักคน”

[Chorus] x 2

“We can talk about the noise, when you’re ready, but ’til then”

“เธอสามารถบอกฉันได้นะเรื่องเสียง ๆ นั้น เมื่อเธอพร้อม

แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น…”

I’ll say, “It must have been the wind, must have been the wind

Must have been the wind, it must have been the wind”

“ฉันจะบอกกับเธอว่า มันก็เป็นแค่เสียงลมพัดเท่านั้นเอง”


Scorpions – Wind Of Change (Official Music Video)


REMASTERED IN HD!
Best of Scorpions: https://goo.gl/dtfDmo
Subscribe here: https://goo.gl/jQbFpy
Music video by Scorpions performing Wind Of Change. (C) 1991 The Island Def Jam Music Group
Scorpions WindOfChange Remastered

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Scorpions - Wind Of Change (Official Music Video)

BrunoMars – Best Songs Collection 2021 – Greatest Hits Songs of All Time – Music Mix Playlist 2021


HappySongsPlaylist HappySongs

BrunoMars - Best Songs Collection 2021 - Greatest Hits Songs of All Time - Music Mix Playlist 2021

Still Loving You | Scorpions | Lyrics [Kara + Vietsub HD]


» Ask me?: http://ask.fm/nguyenthanh269
● \”J.K\” Joker ●
» Music Of Life: http://goo.gl/qwQNAs
» I Love Proshow: http://goo.gl/sTu1QH
» Instrumental Music: http://goo.gl/DmrYoo
» We Love Proshow: http://goo.gl/Kz38Xq
» JK Music Channel: http://goo.gl/egrLUF
» Images Of PSP: http://goo.gl/i0hzda
» Contact Us: [email protected]
» Software Support: Proshow Producer v5.1 \u0026 Aegisub v3.02
Don’t forget to LIKE, SUBSCRIBE, COMMENT and RATE. Hope you all enjoy!
===================================
♦ Video Editor: \”J.K\”
♦ Timer: \”J.K\”
♦ Translator: November Rain
♦ Encode \u0026 Upload: Ut
♦ Effect: Badd
♦ Song: Still Loving You
♦ Singer: Scorpions
===================================
♩ Still Loving You | Scorpions | Lyrics ♩
Time, it needs time
To win back your love again
I will be there, I will be there
Love, only love
Can bring back your love someday
I will be there, I will be there
Fight, babe, I’ll fight
To win back your love again
I will be there, I will be there
Love, only love
Can break down the walls someday
I will be there, I will be there
If we’d go again
All the way from the start
I would try to change
The things that killed our love
Your pride has build a wall, so strong
That I can’t get through
Is there really no chance to start once again?
I’m loving you
Try, baby try
To trust in my love again
I will be there, I will be there
Love, our love
Just shouldn’t be thrown away
I will be there, I will be there
If we’d go again
All the way from the start
I would try to change
The things that killed our love
Your pride has build a wall, so strong
That I can’t get through
Is there really no chance to start once again?
If we’d go again
All the way from the start
I would try to change
The things that killed our love
Yes I’ve hurt your pride, and I know
What you’ve been through
You should give me a chance
This can’t be the end
I’m still loving you
I’m still loving you
I’m still loving you
I need your love
I’m still loving you!
Still loving you, baby!
I’m still loving you
I need your love
I’m still loving you
I need your love
I need your love
===================================
● Artwork by?
If anyone knows who took this picture or recorded this video please link me to their page so I can credit them properly.
● IMPORTANT
I do not own the songs or pictures. I just made a fan remix. The credits go to their respectful owners and if you’re a producer/record label and would like any uploads to be removed, renamed, or otherwise changed, please send me a message and I will do that immediately.
● DISCLAIMER
We do not own this audio. All rights belong to its rightful owner. This clip is copyright.

Still Loving You | Scorpions | Lyrics [Kara + Vietsub HD]

[THAISUB/romaji] Yorushika ヨルシカ – Eat The Wind รสชาติของสายลม(kaze wo hamu) แปลเพลง


แอบรู้สึกว่าซับเล็กไป แต่หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ไว้จะปรับปรุงแน่นอนเลย
Original mv: https://m.youtube.com/watch?v=GVrRXhS0mLs
Romaji: https://genius.com/Geniusromanizationsyorushikaeatthewindromanizedlyrics
ヨルシカ 風を食む
Yorushika Eat The Wind
作詞作曲、編曲(Words and Music): nbuna
Vocal:suis
ダウンロード、ストリーミング等
https://umj.lnk.to/etwMB
Official Site
http://yorushika.com/
Twitter
https://twitter.com/nbuna_staff
Instargram
https://www.instagram.com/yorushika_o…
[lyrics/romaji]

Ashita wa kitto tenki de warui koto nante nai ne
Taimu kaado wo oshite boku wa asa, me wo hiraita
Bokura wa kyou mo katteru tarinai mono shika nakute
Kutsu wo hakinagara kuusou sora wa takai no kana
Anata sae anata sae
Kore wa kitto wakaranain da
Hanikamu kao ga chiratsuku
Kuchi wo akete kaze wo hamu
Haru ga saki hana guwa shi
Sakura no chirinuru wo nagamu
Ima, kaze wo hamu
Tana no kokoro wa juu go en hitotsu dake urenokotta
Nebiki no shiiru wo hatte heiten jikan wo matta
Ashita mo kitto tenki de koko ni mo kyaku ga narande
Ni waribiki no kokoro wa dareka ga kaun darou ka
Anata dake anata dake
Boku wa zutto omottetan da
Tada shiroi ano kumo wo matsu
Kaze no nai haru ni zawameku
Kusa nagare ama tobu ya
Karuku hana no chiru wo nagamu
Ima, kaze wo hamu
Tsui ni kokoro wa hangaku itsu made mo urenokotte
Terebi wo nagamete kuusou nyuusu wa kibou no baagen
Anata wa kyou mo katteru tarinai mono shika nakute
Utsumuku temoto de kounyuu sora wa takai no kana
Anata dake anata dake
Kono kibou wo wakaranain da
Urenokori no kokoro de ii
Boku ni totte wa utsukushii

Haru ga saki hana guwa shi
Sakura no chirinuru wo nagamu
Anata shika anata shika
Anata no kizu wa wakaranain da
Kuchi wo akete utaidasu
Ima, anata wa kaze wo hamu
Fuyugomori haru ga saki
Anata no uta dake ga kikoeru
Ima, kuchizusamu anata dake
Anata dake

[THAISUB/romaji] Yorushika ヨルシカ - Eat The Wind รสชาติของสายลม(kaze wo hamu) แปลเพลง

Scorpions – Wind Of Change (World Events Version)


Best of Scorpions: https://goo.gl/dtfDmo
Subscribe here: https://goo.gl/jQbFpy

Music video by Scorpions performing Wind Of Change. (C) 1991 The Island Def Jam Music Group

Scorpions - Wind Of Change (World Events Version)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ wind แปล

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *