Skip to content
Home » [Update] เอกพจน์/พหูพจน์ (Singular/Plural) คืออะไร อธิบายแบบง่ายๆ | คำนามคือ – NATAVIGUIDES

[Update] เอกพจน์/พหูพจน์ (Singular/Plural) คืออะไร อธิบายแบบง่ายๆ | คำนามคือ – NATAVIGUIDES

คำนามคือ: คุณกำลังดูกระทู้

เรื่องเอกพจน์และพหูพจน์ในภาษาอังกฤษถือเป็นแกรมม่าพื้นฐานที่สำคัญมากๆอย่างหนึ่ง ใครที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือยังเข้าใจไม่ถี่ถ้วนมากนัก ก็มาดูกันในบทความนี้ได้เลย

ในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับเอกพจน์และพหูพจน์ ทั้งนิยาม ตัวอย่างคำ บทบาทของพจน์ และหัวข้ออื่นที่เกี่ยวข้องอย่างคำนามนับได้และนับไม่ได้ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

เอกพจน์และพหูพจน์คืออะไร

คำนามในภาษาอังกฤษจะมี 2 รูป คือเอกพจน์และพหูพจน์

คำนามเอกพจน์ (singular noun) คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนหนึ่งหน่วย ซึ่งก็คือคำนามรูปปกติทั่วไป เช่น cat, table, pen, foot, woman

คำนามพหูพจน์ (plural noun) คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งหน่วย หรือพูดอีกแบบก็คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนตั้งแต่สองหน่วยขึ้นไปนั่นเอง

คำนามพหูพจน์จะเป็นคำนามที่เปลี่ยนรูปมาจากเอกพจน์ด้วยการเติม s หรือ es ต่อท้าย อย่างเช่น cats, tables, pens หรือบางคำก็ใช้การเปลี่ยนตัวอักษรแทน เช่น feet, women

ตัวอย่างคำนามเอกพจน์และพหูพจน์

เอกพจน์ความหมายพหูพจน์ความหมายA catแมวหนึ่งตัวTwo catsแมวสองตัวA tableโต๊ะหนึ่งตัวFour tablesโต๊ะสี่ตัวThis penปากกาด้ามนี้ (หนึ่งด้าม)These pensปากกาเหล่านี้ (หลายด้าม)This footเท้าข้างนี้ (ข้างเดียว)My feetเท้าของฉัน (สองข้าง)A womanผู้หญิงหนึ่งคนAll womenผู้หญิงทุกคน

เรียนรู้เพิ่มเติม
เพื่อนๆที่สนใจสามารถเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ได้ที่หลักการเติม s และ es หลังคำนาม พร้อมตัวอย่าง

คำนามนับได้และนับไม่ได้

ในภาษาอังกฤษ คำนามจะแบ่งออกเป็นคำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้

คำนามนับได้ (countable noun) คือคำนามที่นับจำนวนเป็นชิ้นเป็นอันได้ อย่างเช่น

  • Boy (เด็กผู้ชาย) – นับได้ว่ากี่คน
  • Bird (นก) – นับได้ว่ากี่ตัว
  • Pencil (ดินสอ) – นับได้ว่ากี่แท่ง

คำนามนับไม่ได้ (uncountable noun) คือคำนามที่ตามธรรมชาติแล้วนับจำนวนเป็นชิ้นเป็นอันได้ยาก เรามักจะมองเป็นภาพรวมหรือเป็นกลุ่มก้อนมากกว่า อย่างเช่น

  • Water (น้ำ) – เราจะไม่นับน้ำว่ามีกี่หยด
  • Rice (ข้าว) – เราจะไม่นับข้าวว่ามีกี่เม็ด
  • Happiness (ความสุข) – ไม่สามารถนับเป็นชิ้นเป็นอันได้

เราสามารถทำคำนามนับไม่ได้ให้กลายเป็นคำนามนับได้ด้วยการกำหนดหน่วยเฉพาะให้มัน อย่างเช่น A glass of water (น้ำหนึ่งแก้ว), two bowls of rice (ข้าวสองชาม)

คำนามนับได้และนับไม่ได้จะมีความเกี่ยวข้องกับเอกพจน์และพหูพจน์คือ

  • คำนามนับได้จะมีทั้งรูปเอกพจน์และพหูพจน์ เช่น คำว่า bird เป็นเอกพจน์ มีรูปพหูพจน์คือ birds
  • คำนามนับไม่ได้จะมีแค่รูปเอกพจน์เท่านั้น (ยกเว้นเมื่อเรากำหนดหน่วยเฉพาะให้มัน) เช่น คำว่า water เป็นเอกพจน์ แต่จะไม่มีรูปพหูพจน์ (เราจะไม่ใช้ waters)

พจน์ของคำนามมีบทบาทสำคัญอย่างไร

การที่ภาษาอังกฤษมีการแบ่งรูปเอกพจน์และพหูพจน์ ถึงแม้จะดูเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะมองข้ามไม่ได้เลย

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า พจน์ของคำนามนั้นมีบทบาทสำคัญในภาษาอังกฤษหลายอย่าง ซึ่งก็คือ

1. ช่วยบ่งชี้ปริมาณของคำนาม

ในภาษาอังกฤษ เมื่อไม่ได้ระบุปริมาณชัดเจน ผู้ฟัง/ผู้อ่านอาจอาศัยการดูพจน์ของคำนาม เพื่อให้รู้ว่าผู้พูด/ผู้เขียนหมายถึงปริมาณหนึ่งหน่วย หรือมากกว่าหนึ่งหน่วย ยกตัวอย่างเช่น

My leg hurts.
ขาฉันเจ็บ (ข้างเดียว)

My legs hurt.
ขาทั้งสองข้างของฉันเจ็บ

จากตัวอย่าง ถ้าเราใช้รูปเอกพจน์หรือพหูพจน์สลับกัน ก็อาจทำให้การสื่อความหมายนั้นผิดเพี้ยนได้

2. มีผลต่อการเลือกใช้คำนำหน้าคำนาม

คำนามเอกพจน์และพหูพจน์ยังมีความเกี่ยวข้องกับการใช้คำนำหน้าคำนาม (determiner) อีกด้วย ตัวอย่างคำนำหน้าคำนามก็อย่างเช่น a, an, the, this, that, these, those, many, some, ปริมาณตัวเลขต่างๆ (one, two, three,…)

คำนำหน้าคำนามหลายๆตัวจะมีข้อกำหนดว่าจะต้องใช้กับคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ อย่างเช่น

  • คำนำหน้าคำนามบางตัว จะต้องใช้กับคำนามเอกพจน์เท่านั้น เช่น a, an, one, this, that
  • คำนำหน้าคำนามบางตัว จะต้องใช้กับคำนามพหูพจน์เท่านั้น เช่น these, those, many, two, three
  • คำนำหน้าคำนามบางตัว ก็สามารถใช้กับคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้ เช่น the, some

การเลือกใช้คำนามเอกพจน์/พหูพจน์ที่ไม่สอดคล้องกับคำนำหน้าคำนาม นอกจากจะผิดหลักแกรมม่าแล้ว ยังอาจทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านสับสนได้อีกด้วย

3. มีผลต่อการเลือกใช้รูปคำกริยา

ในภาษาอังกฤษ คำกริยาก็มีรูปเอกพจน์และพหูพจน์เช่นกัน ซึ่งเราจะต้องใช้คำกริยารูปเอกพจน์กับคำนามเอกพจน์ และใช้คำกริยารูปพหูพจน์กับคำนามพหูพจน์ ตัวอย่างเช่น

John is my close friend.
จอห์นเป็นเพื่อนสนิทของฉัน
(John เป็นคำนามเอกพจน์ เราจึงใช้คำกริยารูปเอกพจน์ ซึ่งก็คือ is)

John and Jim are my close friends.
จอห์นและจิมเป็นเพื่อนสนิทของฉัน
(John and Jim เป็นคำนามพหูพจน์ เราจึงใช้คำกริยารูปพหูพจน์ ซึ่งก็คือ are)

การเลือกใช้รูปคำกริยาที่ไม่สอดคล้องกับคำนามจะถือว่าผิดหลักแกรมม่า ซึ่งอาจทำให้สับสน และอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของผู้พูดหรือผู้เขียนได้

จากบทบาททั้ง 3 ข้อ เพื่อนๆคงเห็นแล้วว่า การเลือกใช้พจน์ของคำนามให้ถูกต้องถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยทีเดียว ถ้าจะให้ดี เพื่อนๆก็ควรหาโอกาสฝึกดูฝึกใช้ให้ชินกันไว้นะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[Update] เอกพจน์/พหูพจน์ (Singular/Plural) คืออะไร อธิบายแบบง่ายๆ | คำนามคือ – NATAVIGUIDES

เรื่องเอกพจน์และพหูพจน์ในภาษาอังกฤษถือเป็นแกรมม่าพื้นฐานที่สำคัญมากๆอย่างหนึ่ง ใครที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือยังเข้าใจไม่ถี่ถ้วนมากนัก ก็มาดูกันในบทความนี้ได้เลย

ในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับเอกพจน์และพหูพจน์ ทั้งนิยาม ตัวอย่างคำ บทบาทของพจน์ และหัวข้ออื่นที่เกี่ยวข้องอย่างคำนามนับได้และนับไม่ได้ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

เอกพจน์และพหูพจน์คืออะไร

คำนามในภาษาอังกฤษจะมี 2 รูป คือเอกพจน์และพหูพจน์

คำนามเอกพจน์ (singular noun) คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนหนึ่งหน่วย ซึ่งก็คือคำนามรูปปกติทั่วไป เช่น cat, table, pen, foot, woman

คำนามพหูพจน์ (plural noun) คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งหน่วย หรือพูดอีกแบบก็คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนตั้งแต่สองหน่วยขึ้นไปนั่นเอง

คำนามพหูพจน์จะเป็นคำนามที่เปลี่ยนรูปมาจากเอกพจน์ด้วยการเติม s หรือ es ต่อท้าย อย่างเช่น cats, tables, pens หรือบางคำก็ใช้การเปลี่ยนตัวอักษรแทน เช่น feet, women

ตัวอย่างคำนามเอกพจน์และพหูพจน์

เอกพจน์ความหมายพหูพจน์ความหมายA catแมวหนึ่งตัวTwo catsแมวสองตัวA tableโต๊ะหนึ่งตัวFour tablesโต๊ะสี่ตัวThis penปากกาด้ามนี้ (หนึ่งด้าม)These pensปากกาเหล่านี้ (หลายด้าม)This footเท้าข้างนี้ (ข้างเดียว)My feetเท้าของฉัน (สองข้าง)A womanผู้หญิงหนึ่งคนAll womenผู้หญิงทุกคน

เรียนรู้เพิ่มเติม
เพื่อนๆที่สนใจสามารถเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ได้ที่หลักการเติม s และ es หลังคำนาม พร้อมตัวอย่าง

คำนามนับได้และนับไม่ได้

ในภาษาอังกฤษ คำนามจะแบ่งออกเป็นคำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้

คำนามนับได้ (countable noun) คือคำนามที่นับจำนวนเป็นชิ้นเป็นอันได้ อย่างเช่น

  • Boy (เด็กผู้ชาย) – นับได้ว่ากี่คน
  • Bird (นก) – นับได้ว่ากี่ตัว
  • Pencil (ดินสอ) – นับได้ว่ากี่แท่ง

คำนามนับไม่ได้ (uncountable noun) คือคำนามที่ตามธรรมชาติแล้วนับจำนวนเป็นชิ้นเป็นอันได้ยาก เรามักจะมองเป็นภาพรวมหรือเป็นกลุ่มก้อนมากกว่า อย่างเช่น

  • Water (น้ำ) – เราจะไม่นับน้ำว่ามีกี่หยด
  • Rice (ข้าว) – เราจะไม่นับข้าวว่ามีกี่เม็ด
  • Happiness (ความสุข) – ไม่สามารถนับเป็นชิ้นเป็นอันได้

เราสามารถทำคำนามนับไม่ได้ให้กลายเป็นคำนามนับได้ด้วยการกำหนดหน่วยเฉพาะให้มัน อย่างเช่น A glass of water (น้ำหนึ่งแก้ว), two bowls of rice (ข้าวสองชาม)

คำนามนับได้และนับไม่ได้จะมีความเกี่ยวข้องกับเอกพจน์และพหูพจน์คือ

  • คำนามนับได้จะมีทั้งรูปเอกพจน์และพหูพจน์ เช่น คำว่า bird เป็นเอกพจน์ มีรูปพหูพจน์คือ birds
  • คำนามนับไม่ได้จะมีแค่รูปเอกพจน์เท่านั้น (ยกเว้นเมื่อเรากำหนดหน่วยเฉพาะให้มัน) เช่น คำว่า water เป็นเอกพจน์ แต่จะไม่มีรูปพหูพจน์ (เราจะไม่ใช้ waters)

พจน์ของคำนามมีบทบาทสำคัญอย่างไร

การที่ภาษาอังกฤษมีการแบ่งรูปเอกพจน์และพหูพจน์ ถึงแม้จะดูเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะมองข้ามไม่ได้เลย

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า พจน์ของคำนามนั้นมีบทบาทสำคัญในภาษาอังกฤษหลายอย่าง ซึ่งก็คือ

1. ช่วยบ่งชี้ปริมาณของคำนาม

ในภาษาอังกฤษ เมื่อไม่ได้ระบุปริมาณชัดเจน ผู้ฟัง/ผู้อ่านอาจอาศัยการดูพจน์ของคำนาม เพื่อให้รู้ว่าผู้พูด/ผู้เขียนหมายถึงปริมาณหนึ่งหน่วย หรือมากกว่าหนึ่งหน่วย ยกตัวอย่างเช่น

My leg hurts.
ขาฉันเจ็บ (ข้างเดียว)

My legs hurt.
ขาทั้งสองข้างของฉันเจ็บ

จากตัวอย่าง ถ้าเราใช้รูปเอกพจน์หรือพหูพจน์สลับกัน ก็อาจทำให้การสื่อความหมายนั้นผิดเพี้ยนได้

2. มีผลต่อการเลือกใช้คำนำหน้าคำนาม

คำนามเอกพจน์และพหูพจน์ยังมีความเกี่ยวข้องกับการใช้คำนำหน้าคำนาม (determiner) อีกด้วย ตัวอย่างคำนำหน้าคำนามก็อย่างเช่น a, an, the, this, that, these, those, many, some, ปริมาณตัวเลขต่างๆ (one, two, three,…)

คำนำหน้าคำนามหลายๆตัวจะมีข้อกำหนดว่าจะต้องใช้กับคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ อย่างเช่น

  • คำนำหน้าคำนามบางตัว จะต้องใช้กับคำนามเอกพจน์เท่านั้น เช่น a, an, one, this, that
  • คำนำหน้าคำนามบางตัว จะต้องใช้กับคำนามพหูพจน์เท่านั้น เช่น these, those, many, two, three
  • คำนำหน้าคำนามบางตัว ก็สามารถใช้กับคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้ เช่น the, some

การเลือกใช้คำนามเอกพจน์/พหูพจน์ที่ไม่สอดคล้องกับคำนำหน้าคำนาม นอกจากจะผิดหลักแกรมม่าแล้ว ยังอาจทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านสับสนได้อีกด้วย

3. มีผลต่อการเลือกใช้รูปคำกริยา

ในภาษาอังกฤษ คำกริยาก็มีรูปเอกพจน์และพหูพจน์เช่นกัน ซึ่งเราจะต้องใช้คำกริยารูปเอกพจน์กับคำนามเอกพจน์ และใช้คำกริยารูปพหูพจน์กับคำนามพหูพจน์ ตัวอย่างเช่น

John is my close friend.
จอห์นเป็นเพื่อนสนิทของฉัน
(John เป็นคำนามเอกพจน์ เราจึงใช้คำกริยารูปเอกพจน์ ซึ่งก็คือ is)

John and Jim are my close friends.
จอห์นและจิมเป็นเพื่อนสนิทของฉัน
(John and Jim เป็นคำนามพหูพจน์ เราจึงใช้คำกริยารูปพหูพจน์ ซึ่งก็คือ are)

การเลือกใช้รูปคำกริยาที่ไม่สอดคล้องกับคำนามจะถือว่าผิดหลักแกรมม่า ซึ่งอาจทำให้สับสน และอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของผู้พูดหรือผู้เขียนได้

จากบทบาททั้ง 3 ข้อ เพื่อนๆคงเห็นแล้วว่า การเลือกใช้พจน์ของคำนามให้ถูกต้องถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยทีเดียว ถ้าจะให้ดี เพื่อนๆก็ควรหาโอกาสฝึกดูฝึกใช้ให้ชินกันไว้นะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


ทบทวนคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3


ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
วีดีโอนี้จะสอนเกี่ยวกับ
วันนี้ เรามาทบทวนคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา
ทบทวนคำศํพท์ ต่างๆ
บทเรียนอิเล็กทรอกนิกส์ วิชา ภาษาไทย ป.3 ชุดนี้
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.otpchelp.com

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ทบทวนคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3

ชนิดและหน้าที่ของคำนาม – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.4


พบสื่อการเรียนการสอนมากมายที่
http://www.kruao.com (ครูโอ๋)
สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.4
เรื่อง ชนิดและหน้าที่ของคำนาม
ถ้าสื่อนี้ดีมีประโยชน์อยากให้ช่วยกดไลค์ หรือ กดติดตามครับ
จะได้มีคนเห็นสื่อการเรียนการสอนนี้มากขึ้น
เพื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ในการเรียนการสอน
การทบทวน เป็นสื่อการสอน เป็นสื่อการเรียน ถือว่าท่าน
ได้ช่วยสนับสนุนการเรียนการสอนให้เด็กไทย หรือคนที่ยัง
ไม่รู้ว่ามีช่องเผื่อแพร่สื่อเหล่านี้ครับผม
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ชนิดและหน้าที่ของคำนาม - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.4

ดราม่า!! สาวขอ พิมรี่พาย ด่าพวกเหยียดอีสาน ชาวอีสานไม่ทนคลับเฮาส์หยามแรง- ฟาดกลับ : Khaosod TV


ดราม่า!! สาวขอ พิมรี่พาย ด่าพวกเหยียดอีสาน // ชาวอีสานไม่ทนคลับเฮาส์หยามแรงถึงโคตรเหง้าฟาดกลับ
ครบทุกรส สดทุกเรื่อง\r
Official Khaosod TV\r
­\r
Website : http://www.khaosod.co.th/default.php\r
Facebook : https://www.facebook.com/khaosod\r
Instagram : https://instagram.com/khaosod\r
Twitter : https://twitter.com/KhaosodOnline

ดราม่า!! สาวขอ พิมรี่พาย ด่าพวกเหยียดอีสาน ชาวอีสานไม่ทนคลับเฮาส์หยามแรง- ฟาดกลับ : Khaosod TV

ชนิดของคำนาม 5


ชนิดของคำนาม 5

Singular noun and Plural noun


Singular noun and Plural noun

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ คำนามคือ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *