[Update] เจาะลึกมหา’ลัยอันดับ 1 ของเกาหลี : Seoul National University | มหา ลัย 18 – NATAVIGUIDES

            

 

Seoul National University (서울대학교) (มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล)

หรือตัวย่อว่า SNU เป็น
มหาวิทยาลัยรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ในกรุงโซล ก่อตั้งในปี 1946 มี 2 วิทยาเขตคือ วิทยาเขต
ควานักซึ่งเป็นวิทยาเขตหลัก และวิทยาเขตจงโน ซึ่งเป็นวิทยาเขตสำหรับคณะแพทยศาสตร์

และจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของ 2012 QS Asian University Rankings

มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล

อยู่อันดับที่ 4 ของเอเชีย 

ปัจจุบันมีนักศึกษารวมทั้งหมดประมาณ 28,000 คน …. คนเกาหลีนิยมเรียกที่นี่ว่า
“โซลแด” โดยมาจาก โซล+แทฮากโย ที่แปลว่า มหาวิทยาลัย กลายเป็น โซลแด

 

ความโดดเด่น

– มีการทำโปรแกรมนักศึกษาแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก เช่น Harvard Law School , Stanford University , Yale University

– ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกเมื่อวัดจากจำนวนศิษย์เก่าที่ได้ดำรงตำแหน่ง CEO บริษัทชั้นนำ 500 อันดับในสหรัฐอเมริกา

– โดยภาพรวมแล้ว ถูกจัดเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 1 ของเกาหลีใต้

– มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะของตัวเองในชื่อ Seoul National University Museum of Art (SNUMoA) ก่อตั้งเมื่อปี 1995 เพื่อใช้แสดงผลงานของนักศึกษารวมถึงแสดงผลงานของศิลปินและนักออกแบบทั้งในและต่างประเทศบ่อยครั้ง

ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง

– พันกีมุน (เลขาธิการสหประชาชาติ)

– คังยูซิก CEO ของ LG

– อียุนอู CEO ของ ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์

– อีซูมาน CEO บริษัท SM Entertainment

– คิมแตฮี นักแสดงชื่อดัง (แฟชั่นดีไซน์)

– คิมจองฮุน นักร้องและนักแสดงชื่อดัง (ทันตแพทยศาสตร์) (ลาออก)

     
    

   

คณะที่เปิดสอนระดับปริญญาตรี-โท

     Humanities , Social Sciences , Natural Sciences , Agriculture Life , Sciences , Business Administration ,
     Education , Engineering , Fine Arts , Human Ecology , Law , Liberal Studies , Medicine , Music , Nursing ,
     Pharmacy , Veterinary , Medicine

    

การสมัครเข้าเรียน

    – เข้าเรียนในเทอมฤดูใบไม้ร่วงปี 2013 สมัครได้ตั้งแต่ 7 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ ประกาศผล 19 เมษายน 

    – เข้าเรียนในเทอมฤดูใบไม้ผลิปี 2014 สมัครได้ตั้งแต่ 10 มิถุนายน – 1 สิงหาคม  ประกาศผล 8 พฤศจิกายน 

   

    ทุนการศึกษา

ทางมหาวิทยาลัยไม่มีทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีสำหรับนักศึกษาเข้าใหม่ มีแต่ทุนการศึกษา
    สำหรับนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยและมีผลการเรียนดี หรือหากต้องการเข้าศึกษาที่นี่ สามารถ
    สมัครได้ผ่านทุนรัฐบาลเกาหลี

   

เอกสารที่ใช้ในการสมัคร

http://admission.snu.ac.kr

1. สมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์มหาวิทยาลัยที่

2. เรียงความ & แผนการศึกษา

3. จดหมายแนะนำ 2 ฉบับ

4. เอกสารแสดงหลักฐานทางการเงิน

5. ทรานสคริปต์ & เอกสารแสดงการจบการศึกษา

6. อื่นๆ เช่น พอร์ตฟอลิโอ

7. ผลแสดงความสามารถทางภาษา เลือกระหว่าง

– ผลสอบภาษาอังกฤษ TOEFL iBT 80 คะแนนขึ้นไป หรือ
IELTS 5.5 ขึ้นไป

– ผลสอบวัดระดับภาษาเกาหลี TOPIK ระดับ 3 ขึ้นไป
(แต่แว่วว่าปีหน้าเป็นต้นไปจะบังคับใช้ TOPIK เท่านั้น)

ค่าเล่าเรียน ตรวจสอบได้ที่นี่ คลิก

    
    
 

    

 

 

เหตุผลที่เลือกโซลแด?

ตอนที่เรียนอยู่ปีสุดท้ายคณะเภสัชศาสตร์ จุฬา ได้มีโอกาสเรียนวิชาเกาหลี ที่คณะอักษรศาสตร์ 

แล้วอาจารย์
ที่สอน(อ.สุภาพร บุญรุ่ง) ได้แนะนำให้สมัครทุนของโซลแดที่ให้สำหรับนักเรียนต่างชาติได้มาศึกษาต่อใน
ระดับปริญญาโ

ทหรือเอกและเป็นทุนที่ให้สำหรับสายวิทยาศาสตร์ ซึ่งทุนโดยทั่วไปจะให้สายภาษาหรือไม่ก็บัญชีเศรษฐศาตร์ซะเยอะ 

ก่อนสมัครทุนเราก็เข้าเว็บไซต์มหาลัย ดูบรรยากาศมหาลัยว่าน่าเรียนมั้ย หลักสูตรเป็นยังไงบ้าง 

แล้วก็เข้าไปดู
ว่ามีอาจารย์คนไหนที่เราอยากเรียนกับเค้าและสนใจในผลงานวิจัยของเค้า

น

อกจากนี้ ก็พอจะได้รู้มาบ้างว่า
โซลแดก็เป็นมหาลัยอันดับหนึ่งของเกาหลีเหมือนจุฬาฯ 

หลังจากนั้นก็เลยตัดสินใจสมัครมาเข้าเรียนที่โซลแด

 

     บรรยากาศภายในโซลแด

     บรรยากาศในโซลแดจะดูเป็นธรรมชาติสวยงาม

จะให้บรรยากาศแตกต่างกันใน 4 ฤดูเลย 

ซึ่งบางทีอาจจะนึกว่า
     มาเที่ยวพักตากอากาศเลยก็ได้ มหาลัยกว้างมากเมื่อเทียบกัยมหาลัยอื่นๆ ในโซล 

อาจจะต้องนั่งรถทัวร์รอบ
     มหาลัยเลยทีเดียว เปรียบเทียบเป็นภูเขาลูกเล็กๆ ย่อมๆ 

ล้อมรอบด้วยภูเขาลูกใหญ่ๆ อีกหลายลูกเลยทีเดียว
     เสาร์ อาทิตย์จะเห็นพวกลุงๆ ป้าๆ เกาหลีนั่งรถมาปีนเขา

ในมหาลัยเป็นเรื่องปกติ หรืออาจารย์กับลูกศิษย์ก็จะมี
     กิจกรรมปีนเขากันด้วยก็ได้

     
      นอกจากนั้นในมหาลัยก็จะมีร้านอาหารข้างนอกมาเปิด นอกเหนือจากโรงอาหาร เช่น ร้านพิซซ่า สปาเกตตี้
     

ไก่ทอด อาหารอิตาเลียน ก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม ร้านกาแฟ เป็นต้น

ชีวิตนิสิต ณ มหา’ลัยอันดับ 1 ของประเทศ

นักเรียนโซลแดนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นพวกหนอนหนังสือ แว่นหนาๆ เรียนอย่างเดียว ซึ่งก็เป็นความจริง

ฮ่าๆๆ 

ห้องสมุดจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เปิดตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืนเลยทีเดียว หรือไม่ในร้านกาแฟก็จะเป็นนักเรียน
มานั่งอ่านหนังสือ 

ทำรายงานกัน แต่นักเรียนบางกลุ่มก็จะเข้าร่วมกิจกรรมหรือชมรมต่างๆ ก็มี หรือไม่ตามเทศกาลต่างๆ ก็จะมีมาจัดกลุ่มทำซุ้มขายอาหาร 

เล่นดนตรี เล่นกีฬา หรือมีคอนเสิร์ตให้นักเรียนได้คลายเครียดกันบ้าง

     
    

นักเรียนต่างชาติมากน้อยแค่ไหน?

ได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนเกาหลี

เพื่อนบอกว่าเมื่อก่อนในมหาลัยไม่ค่อยมีคนต่างชาติเลย แต่เดี๋ยวนี้เดินไปทาง
ไหนก็ต้องเจอคนต่างชาติเป็นเรื่องปกติเลยทีเดียว

เราก็เป็นหนึ่งในคนต่างชาตินะ 

ซึ่งที่เพื่อนพูดก็เป็นความจริง เดินไปไหนก็จะได้ยินภาษาอังกฤษบ้าง จีนบ้าง 

และมหาลัยก็เลยมีการจัดเทศกาลอาหารนานาชาติ
ให้ชาวต่างชาติมาเปิดซุ้มชายอาหารชาติตัวเอง 

ซึ่งตอนมาปีแรกๆ มีเพื่อนๆ นักเรียนไทยมาเรียนแลกเปลี่ยน
เยอะ  เลยได้มีโอกาสจัดซุ้มอาหารไทยด้วย

   
      สภาพแวดล้อมรอบๆ โซลแด

     

รอบๆ มหาลัยก็จะเป็นภูเขา มีให้ปีนออกกำลังกาย สนุกสนาน สัมผัสกับธรรมชาติได้

หรือนั่งรถเมล์ 

หรือเดิน
      ออกไปด้านหลังมหาลัยซักประมานสิบนาทีก็จะมีสวนสาธารณะให้ออกกำลังกายได้ ส่

วนถ้าจะไปร้านอาหาร
      อร่อยๆ ร้านเหล้า ร้านคาราโอเกะ โรงหนัง ก็อาจจะต้องนั่งรถเมล์ออกไปใกล้สถานีรถไฟใต้ดินสถานีโซลแดอิบกู    

      หรือไม่ก็นักซองแด หรือว่าถ้าอยากจะช้อปปิ้ง ก็มีเอาท์เลทเล็กๆ ที่สถานีรถไฟโซลแดอิบกูเหมือนกัน

    

การเดินทางไปโซลแด

โซลแดอยู่ในกรุงโซล แต่ออกจะมาแถบชานเมืองทางใต้ๆ โซลหน่อย 

ถ้าจะมามหาลัยก็มาได้สองทาง

  ทางที่หนึ่งก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีโซลแดอิบกู ออกประตูเบอร์ 3 

แล้วนั่งรถเมล์สาย 5511 หรือ 5513

 ต่อเข้ามาทางด้านประตูด้านหน้าของมหาลัยอีกซักประมาณ 10 นาที 

อีกทางก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานี

นักซองแด ก็ออกประตู 4 แล้วนั่งรถเมล์สาย 02 เข้ามาทางประตูด้านหลังของมหาลัยอีกซักประ

มาณ 15 นาที

    
    

   

 

กิจกรรมน่าสนุก

กิจกรรมใหญ่ๆ ของมหาลัยก็น่าจะเป็น

เทศกาลประจำปีในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิเข้าช่วงฤดูร้อน แล้วก็ช่วง
ฤดูใบไม้ร่วง

ซึ่งทั้งสองช่วงเป็นช่วงที่อากาศกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป 

รวมถึงเป็นช่วงหลังสอบปลายเทอมหรือช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ๆ กิจกรรมก็จะมีนักเรียนมาจัดซุ้มขายอาหาร

เครื่องดื่ม (แอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ เหล้าข้าว โซจู ^^) ตอนดึกๆ ก็จะมีคอนเสิร์ตของนักร้องที่มหาลัยเชิญมา

อย่างเช่นปีที่แล้วก็จะเป็น PSY ฮ่าๆๆ ซึ่งตอนนั้นคังนัมสไตล์ยังไม่ออก เราก็ไม่รู้จัก เพื่อนชวนไปดูไซน์ เราก็ไซน์ไหน ไม่ไปดีกว่า มาตอนนี้ก็เสียดายนิดๆ ถ้าไปดูคงได้มาคุยอวดเพื่อนๆได้ 😛

  

   ชีวิตปริญญาโทที่แสนหนักอึ้ง?

     ชีวิตป.โทของสายวิทย์ที่นี่ก็หนักอยู่ ที่จบป.โทมาได้ก็ต้องอาศัยความพยายาม อึด อดทน 

ให้กำลังใจตัวเองมากๆ
   

 มาช่วงแรกๆ ยังปรับตัวมาได้ก็ร้องไห้กลับบ้านเลยทีเดียว >< 

มาตอนแรกก็นึกว่าจะสบายๆ เหมือนอยู่ที่ไทย

     มีวิชาเรียนก็มาเรียน เรียนเสร็จก็เที่ยวเล่นหรือกลับบ้าน แ

ต่เปล่าเลย 

     
     จริงๆ แล้วระบบการเรียนป.โทสายวิทย์ของที่เกาหลีคือ เค้าจะมีห้องแล็บให้ของ อ.ที่ปรึกษา 

เราก็ต้องมาเข้า
     แล็บแต่เช้าถึงเย็นๆ ดึกๆ ช่วงไหนมีวิชาเรียนก็ค่อยไปเรียน เรียนเสร็จก็กลับมาแล็บใหม่ 

แทบจะไม่มีเวลาส่วนตัว
     หรือไม่ได้ออกไปเจอเพื่อนหรือเที่ยวไหนเลย

   
      มาช่วงแรกๆ ก็ไม่เข้าใจ อึดอัด ปรับตัวไม่ได้ แต่อยู่ไปๆ มาๆ ก็ปรับตัวปรับใจยอมรับได้ มาถึงตอนนี้ก็ชินแล้ว
     

ในห้องแล็บส่วนใหญ่ก็ทำวิจัย การทดลอง ไว้สำหรับตีพิมพ์ตอนจะจบป.โท 

การทดลองเราก็ต้องทำเอง เริ่มเอง
     ไม่มีเพื่อนมาช่วยทำหรืออ.ช่วยบอกเหมือนตอนป.ตรี 

แต่ถ้าไม่รู้ตรงไหนก็ถามรุ่นพี่ได้ แต่ก็เป็นเกาหลี
     ซึ่งไม่เข้าใจก็ต้องพยายามเข้าใจ หรือไม่ก็มานั่งอ่านเอง 

เรียนเองหมดก็มี พอเครียดๆ ก็คุยเล่นฝึกภาษากับ
     เพื่อนในแล็บซึ่งเป็นคนเกาหลีหมดเลย  

ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม ความคิดของคนเกาหลีมากขึ้น

แหล่งรวมตัวเด็กโซลแด

หากเป็นช่วงสอบจะชอบไปอ่านหนังสือกันที่ห้องสมุดหรือร้านกาแฟ ส่วนเวลาจะเที่ยวหรือกินข้าวกันตอนเย็น
ก็จะไปร้านหมูย่างกันเป็นส่วนใหญ่ แถวๆ นักซองแดหรือไม่ก็โซลแดอิบกู พอกินข้าวกันเสร็จก็อาจจะไปต่อ
 ร้านเหล้าดื่มเบียร์หรือโซจูกัน ถ้ายังไหวกันต่อก็ไปร้านเหล้าร้านอื่นต่อ หรือไม่ก็ร้านคาราโอเกะ

 

     ทำไมโซลแดถึงเป็นอันดับหนึ่งของเกาหลี?

     ความคิดส่วนตัวสำหรับสาเหตุที่ทำให้โซลแดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ 

อาจจะเป็นเพราะเป็นมหาลัยที่มี
     หลักสูตรการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ มีอ.ที่มีความรู้เชี่ยวชาญ มีเครื่องมือ หรืออุปกรณ์พร้อมสำหรับ

การเรียนรู้
     สนับสนุนการทำวิจัยทำให้มีการตีพิมพ์เผยแพร่งานวิจัยๆ ใหม่ๆ สม่ำเสมอ

จนทำให้ได้รับการเป็นที่ยอมรับว่าเป็น   

     มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ

ความในใจถึงโซลแด

อยากขอบคุณมหาลัยที่รับเราเข้ามาเรียน ทำให้เราได้เจออ.ที่ปรึกษาที่ใจดีคอยสนับสนุนเราเสมอมา 

ได้มาเจอ
เพื่อนๆ ที่น่ารักคอยช่วยเหลือ ให้กำลังใจกันมาตลอด

ตอนนี้มหาลัยและห้องแล็บกลายเป็นบ้านหลังที่สอง อ.
และเพื่อนๆ ก็กลายเป็นครอบครัวอบอุ่นสำหรับเราไปแล้ว

สำหรับเราซึ่งเด็กต่างชาติที่มาอยู่ตามลำพังเหงาๆ
คนเดียว ขอบคุณมากๆ

    
    

    

 

ย้อนอ่าน Korean Kori ตอนที่ผ่านมา

 

ตอน 27 : 

เจาะลึกมหา’ลัยดัง ณ เกาหลี : Korea University(มหาวิทยาลัยโคเรีย)

ตอน 28 : 

21 เรื่องจริงต้องอ่าน “ลีซูมาน” เจ้าพ่อ SM TOWN แห่งเกาหลี

ตอน 29 : 

10 วิธีฝึกภาษาเกาหลีให้เก่งขั้นเทพ!! (แนะนำหนังสือ+เพลง+เว็บไซต์)

ตอน 30 : 9 คำคมภาษาเกาหลีต้อนรับวาเลนไทน์ ซึ้งมาก+โดนใจสุดๆ

เปิดแล้ว!! Dek-D’s โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอกทั่วโลก 2013

      โปรแกรมแรกในเมืองไทยที่จะช่วยค้นหาทุนเรียนต่อต่างประเทศ ง่ายแค่คลิก! รวบรวมทุนฟรีๆ 
      ไว้แล้วกว่า 200 ทุน คลิกไปใช้กันได้ที่  

www.dek-d.com/studyabroad/scholarship

โปรแกรมแรกในเมืองไทยที่จะช่วยค้นหาทุนเรียนต่อต่างประเทศ ง่ายแค่คลิก! รวบรวมทุนฟรีๆไว้แล้วกว่า 200 ทุน คลิกไปใช้กันได้ที่

     

TWITTER @PAYDEKD
S

PECIAL THANKS TO : P’OIL , KHAW

     วันนี้ “ไม่คุยโควิด”

                ถ้าจะคุยในประเด็นว่า มันจะจบกันเมื่อไหร่ ก็คงต้องคุยยาวต่อเนื่องไปถึงชาติหน้า ก็ยังไม่จบ

            เพราะมันจะไม่หายไปไหน

            มันจะอยู่กับมนุษย์โลกตลอดไป อยู่แบบเชื้อเอดส์ เชื้อไข้หวัดนก เชื้อซาร์ส เชื้อเมอร์ส เชื้ออหิวาต์ ประมาณนั้น

            คือทุกวันนี้ เจ้าไวรัสเหล่านั้นก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหน ยังคอยดักซุ่มโจมตีมนุษย์เราเหมือนเดิม

            ทั้งหยูกยาและวัคซีนที่คิดค้นใช้ปราบ-ใช้สร้างภูมิต้านโรค ก็ยังไม่มีเจ้าไหนทำได้สำเร็จ อย่างดีแค่ปะทะ-ปะทังอาการ

            แต่ทีนี้ นานๆ ไป….

            มนุษย์ตื่นจนหายตื่น กลัวจนหายกลัว เจ้าความตื่นกลัวมันก็เลยแปรสภาพเป็น “กูชินมึง” แล้ว!

            เมื่อไวรัสมันไม่ไป แต่เราก็ยังต้องอยู่ แล้วจะทำไง?

            ด้วยสัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอด มนุษย์ก็ต้อง “ปรับการใช้ชีวิต” ตัวเอง เพื่ออยู่กับมันให้ได้แบบเป็นมิตร

            วิธีผูกมิตรกับเจ้าไวรัสทำไง?

            ไวรัสเนี่ย ชาติกำเนิดเป็นเทพ ไม่ชอบคน “ไร้ศีล-ไร้ธรรม” ไม่ชอบคนใช้ชีวิตระเริง สังเกตมั้ย คน “ชีวิตมีกรอบ” โควิดจะไม่ค่อยแตะ

            แต่กับพวกมั่วอบายมุข พวกสำส่อน พวกรับส่วย กินสินบาทคาดสินบน พวกมั่วสุมชุมนุมเริงร่า ไม่สนคำเตือนทางการ

            พวกนี้ จะถูกล้วงคอหอยลงไปกินปอด มากต่อมาก!?

            สรุป ด้วยตรรกะมั่วเฉพาะตัวผม

            ก็ทำใจเถอะแม่จำเนียร!

            นี่มันยุคดิสรัปต์ รักจะอยู่ดูโลกให้มันโศภิน ก็ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบชิลๆ จนชิน ของแต่ละคน เป็นวิถี “หน้ากาก-ล้างมือ-ไม่มั่ว” ไปอีกซักพักใหญ่ๆ

            จนกว่าสังคมโลกและสังคมเรา ฉีดวัคซีนกันครึ่ง-ค่อนโลก จนเกิด “ภูมิต้านทานหมู่” แล้ว นั่นแหละ

            เจ้าไวรัสโควิด มันก็จะ “เป็นมิตร” กับมนุษยชาติ เหมือนกับเชื้อหวัดและอีกร้อยเชื้อที่ร่อนอยู่รอบตัวเรา

            แต่ถ้าเราใช้ชีวิตมัวเมาเกินลิมิตตอนไหน ไม่เจ้าโควิดหรือเจ้าไหนๆ ซักเจ้า มันก็จะ “เช็กบิล” เราตอนนั้นทันที!

            ทำอะไรในภาวะนี้….

            ไม่สู้ “ทำใจ” เชื่อผมเถอะ ถ้าไม่เชื่อ ไปถามนายห้างเต๊กเฮงหยูก็ได้

            นายกฯ ประกาศแล้วเมื่อวาน (๑๖ เม.ย.๖๔) no  lockdown, no curfew, yes mask

            ก็ต้องฟันฝ่าไปด้วยกันอย่างนั้น มาถึงป่านนี้แล้ว ได้-เสียกินด้วยกัน ไม่มีการแอบไปกิน แอบไปฉีดกันแบบมุบมิบ

            หยุดซะทีเถอะ…..

            พวก “อะไรก็ไม่ถูกใจกู” น่ะ สภาวการณ์โควิดกับสังคมที่ต้องดำเนินไปวันนี้

             มันเหมือนหน้าหนาว ตัวคนยาว ๕ ฟุต แต่มีผ้าห่มยาว  ๔ ฟุต จะคลุมโปงให้มิด เอาอุ่นทั้งหัวตัวยันตีน มันเป็นไปไม่ได้

            ก็ต้องเข้าใจ “ภาวะจำทน” งอก่อ-งอขิง เอาสองมือซุกหว่างขาของใคร-ของมัน ให้ผ้าห่มมันพอคลุมจากหัวถึงตีน

            มิดน่ะ อาจจะมิด….

            แต่ก็ต้องทนเมื่อยในท่างอก่ออันยาวนานไปให้ได้ แต่ถ้าใครอยากจะเอาสบายทั้งไม่หนาวและทั้งไม่เมื่อย

            ก็ได้นะ สถานที่อำนวยแบบนั้น เห็นอยู่เหมือนกัน

            “เตาอบ” ตามวัดนั่นไง!

            เชื่อเถอะ เรื่องโควิดนั้น สุดท้ายแล้ว ก็ต้อง “จนได้” เข้าสักวัน แต่พวกเราขออย่าเพิ่งตอนนี้เท่านั้น เป็นปีหน้า เมื่อโลกเข้าภาวะ “ภูมิต้านทานหมู่” แล้ว

            จะติด “โรคสามัญประจำโลก” พอไม่ตกเทรนด์บ้าง จะเป็นไรไป เนอะ!

            เมื่อวาน มีข่าวน่าจะรู้ไว้อยู่ข่าว ผมจะ “เอาข่าวมาเล่า” สู่กันฟัง

            ทำไมเชื้อไวรัส “แดงทักษิณ” จึงไม่หมดไปจากทางอีสานและทางเหนือท่านรู้มั้ย?

            และทำไมจึงฟักตัวในอีสานชนิดฝังราก-ฝังลึก?

            นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ ข่าวแพร่ไปทั่วแล้ว แต่จะคัดมาให้อ่านจากข่าวที่ว่อนโซเชียล

            Young Pride Club

            UPDATE:ตำรวจได้เข้ากดดันมหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้เลิกจ้าง ดร.เดวิด สเตร็คฟัสส์ ผู้ก่อตั้งเพจกระจายข่าวสาร  The Isaan Record และให้มีผลวีซ่าสิ้นสุดในทันที

            โดยรายละเอียดทางต้นโพสต์ ได้แจ้งว่า ดร.เดวิด สเตร็คฟัสส์ David Streckfuss ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ The Isaan  Record

            และอดีตผู้อำนวยการโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา  CIEE ที่เป็นโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น มากว่า  27 ปี

            ได้รับแจ้ง “ยกเลิกการจ้างงาน” โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลให้วีซ่าสิ้นสุดลงในวันที่ 18 มีนาคมนี้

            โดยทางมหาวิทยาลัยอ้างว่า….

            มีตำรวจจาก สภ.ขอนแก่น มากดดันอธิการบดีและคณบดี ตำรวจอ้างว่า ดร.เดวิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง

            หลังจากนั้น ทาง The Isaan Record ที่บริหารงานโดย  บมจ.บัฟฟาโล่ เบิร์ด โปรดักชั่นส์ ได้ว่าจ้าง ดร.เดวิด ในฐานะผู้ประสานระหว่างประเทศและยื่นขอ Work Permit ถูกต้องตามกฎหมาย

            ขณะนี้ ติดอยู่ที่ขั้นตอนของตรวจคนเข้าเมืองภาค 4 ที่ส่งทีมสอบสวนมาสอบปากคำพนักงานบริษัทแล้วถึง 3 รอบ  แต่ก็ไม่มีวี่แววว่า จะได้รับคำตอบ…..ฯลฯ……

            “ผู้จัดการออนไลน์” รายงานข่าวไว้ตอนหนึ่งว่า

           

ครับ…..

            นี่คือเนื้อหาที่ผม “หยิบจากข่าว” แหล่งต่างๆ มาเล่าต่อ  เมื่อทราบอย่างนี้ คงหายสงสัยกันกระมัง

            ว่าทำไมนักศึกษา-อาจารย์ส่วนหนึ่งของ ม.ขอนแก่น จึงต่อต้านนายกฯ ประยุทธ์เรื่อยมาตั้งแต่ยิ่งลักษณ์ตกเก้าอี้ จนถึงยุคสามสัสมุ่ง “ล้มเจ้า”

            นักศึกษา ม.ขอนแก่นส่วนหนึ่ง ก็ประสานแผนปฏิบัติการล้มเจ้าเข้มข้นต่อๆ มา!

            เมื่อสาวลึกลงไปจากเจ้า “สเตร็กฟัสส์” อดีต CIA ที่พรางตัวในคราบนักวิชาการอยู่ใน ม.ขอนแก่น

            ก็คือ “ขบวนการอเมริกัน” ที่รัฐบาลส่งเข้ามาเป็น “หนอนบ่อนไส้” ประเทศ โดยทำหน้าที่เสี้ยมให้คนไทย “เกลียดชาติ-เกลียดสถาบัน” แล้วเข้าห้ำหั่นกัน อย่างที่ทำในอีกหลายๆ ประเทศ

            “แดง นปช.ระบอบทักษิณ” รัฐบาลสหรัฐฯ โดยสถานทูตสหรัฐฯ ในไทย เดินสายสนับสนุนทั้งที่แจ้งและที่ลับมาตลอด

            ไปถาม “ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์” หรือ “แรมโบ้ อีสาน” อดีตแกนนำ นปช.ดูก็ได้

            ถาม “อานนท์ แสนน่าน” เลขาฯ หมู่บ้านคนเสื้อแดง

            ถาม “ขวัญชัย-นางอาภรณ์ ไพรพนา” ประธานชมรมคนรักอุดรฯ

            ถาม ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดงอุดรธานี  

ถามวิชัย สามิตร และ นางเกสร บุดดา อดีตแกนนำคนเสื้อแดงของ จ.หนองบัวลำภู

            ว่าจริงมั้ย…..

            คณะเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง สถานเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำไทย  

            เดินสายไปพบ ไปประสานงาน ไปลูบหลัง-ลูบไหล่ ไปสุมหัวตุ้มโฮมกันถึงแหล่งแดงชุมนุมตลอด

            แล้ววันนี้ จะแดง-จะส้มระบอบทักษิณ มันก็สามนิ้ว-สามสัส ในขบวนการชักใยไอ้กันในคราบ NED คราบ CIA ภาคพลเมืองต่อเนื่อง-เนื้อเดียวกันนั่นแหละ

            แล้วเจ้า CIA สเตร็กฟัสส์ …..

            ถ้ามิใช่ตัวแกนไอ้กันชักใยในหมู่จาน’มหาลัยและนักศึกษา แล้วมันจะเป็นหมาตัวไหนล่ะ?

            จบดีกว่า เขามาบอกว่าดึกแล้ว!