Skip to content
Home » [Update] หลักการใช้คอมม่า (Comma) ในภาษาอังกฤษ | การ เขียน วัน ที่ ภาษา อังกฤษ ที่ ถูก ต้อง – NATAVIGUIDES

[Update] หลักการใช้คอมม่า (Comma) ในภาษาอังกฤษ | การ เขียน วัน ที่ ภาษา อังกฤษ ที่ ถูก ต้อง – NATAVIGUIDES

การ เขียน วัน ที่ ภาษา อังกฤษ ที่ ถูก ต้อง: คุณกำลังดูกระทู้

คอมม่า (,) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ แต่ถึงแม้จะถูกใช้บ่อย หลายๆคนก็ยังคงสับสนอยู่ดี ว่าเราควรใช้คอมม่าตอนไหนและต้องใช้อย่างไรบ้าง

สำหรับคนที่สงสัย ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหาการใช้คอมม่าในภาษาอังกฤษ มาให้เพื่อนๆได้เรียนรู้กันได้อย่างง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Table of Contents

คอมม่าคืออะไร

คอมม่า (comma) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ ทำหน้าที่แยกคำ วลี หรือประโยค เพื่อให้ผู้อ่านสามารถอ่านจับใจความได้ง่ายและถูกต้องมากขึ้น

ถ้าเปรียบเทียบคอมม่ากับเครื่องหมายจุด (.) ที่ใช้ปิดท้ายประโยค หรือที่เรียกว่า period เครื่องหมายทั้ง 2 ตัวนี้จะเป็นตัวบอกการเว้นจังหวะในการอ่านและพูดเหมือนกัน แต่เครื่องหมายคอมม่าจะเป็นตัวบอกจังหวะการเว้นที่สั้นกว่า

หลักการใช้คอมม่า

ใครที่มีข้อสงสัยว่าเราต้องใช้คอมม่าในกรณีไหนและต้องใช้ยังไงบ้าง ก็ไปดูหลักการใช้คอมม่าทั้ง 11 ข้อกันเลย

1. ใช้คอมม่าหน้าคำเชื่อมที่เชื่อม independent clause

Independent clause (ประโยคใจความสมบูรณ์) คือประโยคที่มีทั้งประธานและคำกริยา ตัวประโยคจะมีใจความสมบูรณ์ในตัวมันเอง เช่น

I am a student. (ฉันเป็นนักเรียน) – ถือเป็น independent clause เพราะมีทั้งประธานและคำกริยา
Feel good (รู้สึกดี) – ไม่ใช่ independent clause เพราะไม่มีประธาน
Big black cat (แมวสีดำตัวใหญ่) – ไม่ใช่ independent clause เพราะไม่มีคำกริยา

ส่วนคำเชื่อมในที่นี้จะต้องเป็น coordinating conjunction ซึ่งก็คือคำเชื่อมที่ให้น้ำหนักกับ 2 สิ่งที่ถูกเชื่อมเท่าๆกัน โดยอาจใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคก็ได้ coordinating conjunction มีทั้งหมด 7 ตัวคือ for, and, nor, but, or, yet, so (เมื่อนำอักษรแรกมาต่อกันจะได้เป็น FANBOYS ใช้ช่วยให้ท่องจำได้ง่ายขึ้น)

หากเราเชื่อม independent clause 2 ประโยคด้วย coordinating conjunction เราจะต้องใช้คอมม่าหน้า coordinating conjunction

โครงสร้างการใช้

independent clause + , + coordinating conjunction + independent clause

ตัวอย่างประโยค

He didn’t speak to anyone, and nobody spoke to him.
เขาไม่ได้พูดกับใคร และก็ไม่มีใครพูดกับเขา

I wanted to stay home, but my wife wanted to go shopping.
ฉันอยากอยู่บ้าน แต่ภรรยาของฉันอยากไปช้อปปิ้ง

เราจะไม่ใช้คอมม่า ถ้าข้างหน้าหรือข้างหลัง coordinating conjunction ไม่ใช่ independent clause

She brushed her teeth and washed her face.
เธอแปรงฟันและล้างหน้า
(washed her face ไม่ใช่ independent clause)

I am not a writer but an editor.
ฉันไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นบรรณาธิการ
(an editor ไม่ใช่ independent clause)

2. ใช้คอมม่าเมื่อขึ้นต้นประโยคด้วย dependent clause

Dependent clause คือประโยคที่มีใจความไม่สมบูรณ์ เวลาใช้จะต้องใช้ร่วมกับประโยคอื่น ในที่นี้เราจะแบ่งออกเป็น 3 กรณี

1. Participial phrase

เมื่อประโยคขึ้นต้นด้วยวลีจำพวก participial phrase ซึ่งก็คือวลีที่ขึ้นต้นด้วย v. + ing หรือ v. ช่อง 3 เราจะต้องใช้คอมม่าคั่นหลังวลีนั้น

โครงสร้างการใช้

participial phrase + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Being the only son in the family, his family have high hopes for him.
ด้วยการที่เขาเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัว ครอบครัวของเขาจึงตั้งความหวังกับเขาไว้สูง

Bitten by my own dog, I was very disappointed.
การโดนกัดโดยหมาของตัวเองทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังมาก

2. Adverbial phrase

แต่ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย adverbial phrase ซึ่งก็คือวลีที่ทำหน้าที่เป็น adverb เราอาจใช้คอมม่าหรือไม่ใช้ก็ได้ (ถ้า adverbial phrase ยาว หรือเราต้องการเน้น adverbial phrase นั้น เราจะนิยมใช้คอมม่า)

ตัวอย่าง adverbial phrase เช่น
At 6 o’clock
After the show
In the middle of Bangkok

โครงสร้างการใช้

adverbial phrase + (,) + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

In 2020 there is a pandemic affecting the world.
ในปี 2020 มีโรคระบาดที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก

When I was six, I lived in Chiang Mai with my mom.
ตอนฉันอายุหกขวบ ฉันอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่กับแม่ของฉัน

3. Sentence adverb

ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย sentence adverb ซึ่งก็คือคำจำพวก adverb ที่ทำหน้าที่ขยายทั้งประโยค เราจะใช้คอมม่าคั่นหลัง sentence adverb นั้น

โครงสร้างการใช้

sentence adverb + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Honestly, I am not angry.
ตรงๆเลยนะ ฉันไม่ได้โกรธ

Clearly, this plan isn’t working.
เห็นได้ชัดว่าแผนนี้ใช้ไม่ได้ผล

3. ใช้คอมม่าคั่นวลีหรือคำกลางประโยคที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

เราจะใช้คอมม่าคั่นวลีหรือคำที่อยู่กลางประโยค ถ้าวลีหรือคำนั้นทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ไม่ได้จำเป็นสำหรับประโยค (แม้ตัดออกไป ใจความหลักของประโยคก็ยังเหมือนเดิม)

โครงสร้างการใช้

ประโยคส่วนที่ 1 + , + วลี/คำที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม + , + ประโยคส่วนที่ 2

ตัวอย่างประโยค

Tim, unlike Joe, is very polite.
ทิมเป็นคนสุภาพมาก ไม่เหมือนกับโจ

King Crab restaurant, which Anne recommended, is fantastic.
ร้านอาหารคิงแครบที่แอนแนะนำนั้นดีมาก

แต่ถ้าวลีหรือคำนั้นจำเป็นสำหรับประโยค ถ้าตัดออกแล้วใจความเปลี่ยน เราก็จะไม่ใช้คอมม่า

People who exercise regularly tend to be more happy.
คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมักจะมีความสุขมากกว่า
(ถ้าตัด who exercise regularly ทิ้ง ความหมายจะเปลี่ยนเป็น “คนจะมีความสุขมากกว่า” ซึ่งมีใจความผิดไปจากเดิม)

The restaurant that Anne recommended is fantastic.
ร้านอาหารที่แอนแนะนำนั้นดีมาก
(ถ้าตัด that Anne recommended ทิ้ง ความหมายจะเปลี่ยนเป็น “ร้านอาหารดีมาก” ซึ่งมีใจความผิดไปจากเดิม คือเราจะไม่รู้ว่าหมายถึงร้านไหน)

วลีที่ขึ้นต้นด้วย that มักจะจำเป็นสำหรับประโยค เรามักจะไม่ใช้คอมม่าครอบส่วนนั้น

4. ใช้คอมม่าแยกรายการคำตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป

ถ้าเรามีรายการคำตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป เราจะต้องคั่นแต่ละรายการด้วยคอมม่า ยกเว้นรายการสุดท้าย เราจะคั่นด้วยคอมม่าหรือไม่ก็ได้

โครงสร้างการใช้

รายการหนึ่ง, รายการสอง(,) and รายการสุดท้าย

ตัวอย่างประโยค

He is tall, dark, and handsome.
หรือ He is tall, dark and handsome.
เขาทั้งสูง เข้ม และหล่อ

She needs salt, pepper, and other seasonings at the grocery store.
หรือ She needs salt, pepper and other seasonings at the grocery store.
เธอต้องการเกลือ พริกไทย และเครื่องปรุงอย่างอื่นที่ร้านขายของ

5. ใช้คอมม่าคั่นระหว่าง coordinate adjectives

Coordinate adjectives คือคำคุณศัพท์ที่ขยายคำนามคำเดียวกันและมีความสำคัญเท่าๆกัน สามารถสลับที่กันได้ ตัวอย่างเช่น

เราสามารถใช้ได้ทั้ง long, narrow path
และ narrow, long path
คำว่า long และ narrow ในที่นี้จะถือเป็น coordinate adjectives

เราสามารถใช้ big black bear
แต่ไม่สามารถใช้ black big bear
คำว่า big และ black ไม่ถือเป็น coordinate adjectives (การใช้ adjective ขนาดจะต้องมาก่อนสี)

โครงสร้างการใช้

coordinate adjective 1 + , + coordinate adjective 2 + คำนาม

ตัวอย่างประโยค

The happy, lively cat is playing with the ball.
แมวที่มีความสุขสดใสกำลังเล่นกับลูกบอล

My roommate is a cheerful, kind girl.
รูมเมทของฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงและใจดี

ทั้งนี้ เราสามารถใช้ and เชื่อมระหว่าง coordinate adjectives แทนคอมม่าก็ได้เช่นกัน อย่างเช่น My roommate is a cheerful and kind girl.

6. ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำพูดกับวลีที่กำกับ

ในภาษาอังกฤษ เวลาเราเขียนประโยคที่เป็นคำพูด เราจะใช้เครื่องหมาย “-” ครอบประโยคคำพูดนั้น อย่างเช่น Anne said, “I feel sick.” ซึ่งแปลว่า แอนพูดว่า “ฉันรู้สึกป่วย”

สังเกตว่า เราจะใช้คอมม่าคั่นระหว่างวลีที่เข้ามากำกับ ซึ่งก็คือ Anne said และประโยคที่เป็นคำพูด ซึ่งก็คือ “I feel sick.”

ทั้งนี้ วลีที่กำกับนั้นอาจจะอยู่หน้า อยู่กึ่งกลาง หรืออยู่หลังประโยคที่เป็นคำพูดก็ได้

โครงสร้างการใช้

  • วลีกำกับ, “ประโยคคำพูด”
  • “ประโยคคำพูด,” วลีกำกับ, “ประโยคคำพูด”
  • “ประโยคคำพูด,” วลีกำกับ

ตัวอย่างประโยค

He answered, “She is not here.”
เขาตอบ “เธอไม่ได้อยู่ที่นี่”

“I think,” she said, “Joe can help.”
“ฉันคิดว่า” เธอพูด “โจสามารถช่วยได้”

“It is raining,” Tim said.
“ฝนกำลังตก” ทิมพูด

ในกรณีที่วลีกำกับอยู่ข้างหลังประโยคคำพูด ถ้าประโยคคำพูดลงท้ายด้วยเครื่องหมายตกใจ (!) หรือเครื่องหมายคำถาม (?) เราจะไม่ต้องใช้คอมม่า

“Stop playing video game!” mom yelled.
“หยุดเล่นเกมได้แล้ว” แม่ตวาด

“Are you alright?” Ben asked.
“คุณโอเคมั้ย” เบ็นถาม

บางคนอาจสงสัยว่า เราต้องใส่คอมม่าไว้ในหรือนอกเครื่องหมาย “-” ทำไมบางทีเห็นแต่ละที่ใช้ไม่เหมือนกัน

คำตอบก็คือถ้าเป็น American English จะนิยมเอาไว้ข้างใน เช่น “It is raining,” Tim said. แต่ถ้าเป็น British English จะนิยมเอาไว้ข้างนอก เช่น “It is raining”, Tim said.

7. ใช้คอมม่าในการแยกวันที่และสถานที่

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างวันและปีเมื่อเราเขียนวันที่ในรูปแบบ เดือน-วันที่-ปี แต่ถ้าเราเขียนในรูปแบบ วันที่-เดือน-ปี เราจะไม่ต้องใช้คอมม่า

โครงสร้างการใช้

เดือน วันที่, ปี

ตัวอย่างประโยค

She was born on December 10, 1995.
เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1995

She was born on 10 December 1995.
เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1995

และใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำบอกสถานที่ที่ต่างกัน เช่น เมือง จังหวัด รัฐ ประเทศ

โครงสร้างการใช้

  • ชื่อตำบล, ชื่อเขต, ชื่อจังหวัด, ชื่อประเทศ
  • ชื่อเมือง, ชื่อรัฐ, ชื่อประเทศ

ตัวอย่างประโยค

I live in Bangkok, Thailand.
ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

He came from Chicago, Illinois.
เขามาจากเมืองชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์

8. ใช้คอมม่าหน้า question tag

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างประโยคหลักกับ question tag

โครงสร้างการใช้

ประโยคหลัก + , + question tag

ตัวอย่างประโยค

These flowers are beautiful, aren’t they?
ดอกไม้เหล่านี้สวยมาก ว่ามั้ย

You didn’t forget the key, did you?
คุณไม่ได้ลืมกุญแจใช่มั้ย

9. ใช้คอมม่าเมื่อเรียกบุคคลโดยตรง

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำเรียกบุคคลอื่นกับส่วนอื่นของประโยค เมื่อเราเรียกบุคคลนั้นโดยตรง

โครงสร้างการใช้

  • ประโยคหลัก + , + คำเรียกบุคคล
  • คำเรียกบุคคล + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Dad, where are you?
พ่ออยู่ไหน

See you later, John.
ไว้เจอกันใหม่นะจอห์น

10. ใช้คอมม่าหลังคำขึ้นต้นประโยค

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำขึ้นต้นประโยคกับประโยคหลัก อย่างเช่น คำทักทาย yes/no

โครงสร้างการใช้

  • คำทักทาย + , + ประโยคหลัก
  • yes/no + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Hello, how is it going?
สวัสดี เป็นยังไงบ้าง

Yes, I live by myself.
ใช่ ฉันอยู่คนเดียว

11. ใช้คอมม่าเพื่อป้องกันการสับสน

เราจะใช้คอมม่าในประโยคที่อาจก่อให้เกิดความสับสนหรือความเข้าใจผิดแก่ผู้อ่าน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจความหมายได้ถูกต้องมากขึ้น

ตัวอย่างประโยค

I waved at my friend who entered the canteen, and smiled.
ฉันโบกมือให้เพื่อนที่เข้ามาในโรงอาหาร และยิ้มให้เค้า
(คอมม่าทำให้เรารู้ว่าฉันเป็นคนยิ้ม ไม่ใช่เพื่อนยิ้ม)

เป็นยังไงบ้างครับกับหลักการใช้เครื่องหมายคอมม่า (comma) ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[Update] วันที่ภาษาอังกฤษ เขียน อ่าน ใช้ยังไง? | การ เขียน วัน ที่ ภาษา อังกฤษ ที่ ถูก ต้อง – NATAVIGUIDES

การเขียนวันที่ภาษาอังกฤษ อาจจะยังเป็นเรื่องยุ่งยาก หรืองง ๆ กับรูปแบบที่สามารถใช้ได้จริงนั้น

หรือเพื่อน ๆ อาจจะสงสัยว่า วัน เดือน หรือปี อะไรขึ้นก่อนกันแน่เวลาที่ต้องเขียนวันที่เป็นภาษาอังกฤษนั้น และคอมม่า (,) จะต้องใส่ตรงไหนบ้าง

เพราะฉะนั้นวันนี้เบญได้ไปรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับทั้งการอ่าน และการเขียน วันที่ภาษาอังกฤษ มากฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

เบญเชื่อจริง ๆ ว่าโพสต์นี้จะช่วยเพื่อน ๆ ให้เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการเขียน และอ่านวันที่ภาษาอังกฤษ

แต่เบญมีตัวช่วยง่าย ๆ ที่ช่วยเบญได้เยอะ เวลาที่ต้องเขียน ประโยคภาษาอังกฤษ หรืออะไรก็ตามเกี่ยวกับภาษาอังกฤษทั้งยาวทั้งสั้น

ถ้าเพื่อน ๆ สนใจอยากได้ตัวช่วยนี้ไว้ช่วยเพื่อน ๆ ในทุก ๆ ครั้งที่เพื่อน ๆ เขียนภาษาอังกฤษ

สามารถเข้าไปดูรีวิวเว็บช่วยตรวจแกรมม่าภาษาอังกฤษนี้ ที่เบญได้ลองใช้ และแนะนำวิธีใช้ไว้ได้เลยค่ะ หรือโหลดมาติดตั้งฟรีได้เลยตอนนี้

ก่อนที่เราจะไปเรียนเรื่องการเขียนวันที่ในภาษาอังกฤษนั้น เรามาเรียน พื้นฐานของสิ่งที่อยู่ในวันที่ด้วยกันก่อนนะคะ

วิธีเขียน และอ่าน วันภาษาอังกฤษ

Q: How many days are there in a week?

A: There are 7 days in a week.

วันภาษาอังกฤษคำอ่านออกเสียงคำแปลภาษาไทยSundayซัน เดยฺวันอาทิตย์Mondayมัน เดยฺวันจันทร์Tuesdayทิวสฺ เดย์วันอังคารWednesdayเว็นสฺ เดยฺวันพุธThursdayเติรฺสฺ เดยฺวันพฤหัสบดีFridayฟรายฺ เดยฺวันศุกร์Saturdayแซทเทอ เดยฺวันเสาร์

การแต่งประโยคภาษาอังกฤษ ใช้วันอาทิตย์-เสาร์ นั้น ส่วนใหญ่มักจะนิยมใช้คำว่า on นำหน้าวันค่ะ

แม้กระทั่งเวลาที่เราแปลไทย หรือพูดเป็นภาษาไทย เราจะใช้คำว่า ใน ก็ตาม แต่ในภาษาอังกฤษจะต่างกันค่ะ เช่น…

The party at my house is on Friday night! หรือ

Are you leaving on Sunday morning?

วิธีเขียน และอ่าน เดือนภาษาอังกฤษ

Q: How many months are in a year?

A: There are 12 months in a year.

เดือนภาษาอังกฤษคำอ่านออกเสียงคำแปลภาษาไทยJanuaryแจน ยัว รีมกราคาFebruaryเฟ็บ บรัว รีกุมภาพันธ์MarchมารชฺมีนาคมAprilเอ เพริลฺเมษายนMayเมยฺพฤษภาคมJuneจูนฺมิถุนายนJulyจูลายฺกรกฎาคมAugustออกัสทฺสิงหาคมSeptemberเซ็พ เท็ม เบอรฺกันยายนOctoberอ็อค โท เบอรฺตุลาคมNovemberโน เฟว็ม เบอรฺพฤศจิกายนDecemberดี เซ็ม เบอรฺธันวาคม

การแต่งประโยคภาษาอังกฤษ ใช้เดือนต่าง ๆ ในประโยค ส่วนใหญ่มักจะนิยมใช้คำว่า in นำหน้าเดือนค่ะ เหมือนกับเวลาที่เราพูดหรือแปลในภาษาไทยว่า ในเดือนมกราคม เช่น…

I will go to England in July this year. หรือ

I don’t think it’s a good time to go to America in December.

วิธีอ่านวันที่ภาษาอังกฤษ

การอ่านวันที่เป็นภาษาอังกฤษนั้น ก็จะต่างกันกับการนับเลขทั่วไปค่ะ เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ สามารถเข้าไปอ่านได้เลยจ้า

เบญได้เขียนวิธีการเขียนเลขในวันที่ หรือลำดับ รวมถึงวิธีการอ่านออกเสียงไว้ในโพสต์ ตัวเลขภาษาอังกฤษ เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปอ่านดูได้ค่ะ

วิธีอ่านปีภาษาอังกฤษ

การอ่านปีเป็นภาษาอังกฤษนั้น ก็จะมีความแตกต่างเล็กน้อยจากการอ่านปีเป็นภาษาไทยค่ะ

เพราะอย่างถ้าปีเป็นภาษาไทย ส่วนใหญ่เราจะอ่านเป็นหลักพัน หรือหลักหน่วย เช่น

1984 เราจะอ่านเป็น หนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบสี่ หรือ หนึ่งเก้าแปดสี่

แต่สำหรับการอ่านปีเป็นภาษาอังกฤษนั้น เค้าจะแบ่งเป็น 2 ส่วนค่ะ

เช่น ปี 1984 จะถูกแบ่งเป็นอย่างละ 2 ตัว คือ 19 และ 84 ส่วนเวลาอ่านนั้น เราจะอ่านเป็นหลักสิบค่ะ คือ nineteen eighty-four.

  • 1066 = ten sixty-six
  • 1652 = sixteen fifty-two
  • 1941 = nineteen forty-one
  • 2017 = twenty seventeen

สำหรับปี 2000 นั้น เค้าก็จะอ่านเป็นหลักพันค่ะ two thousand

สำหรับปี 2001 ถึง ปี 2010 วิธีที่คนส่วนใหญ่อ่านกันก็คือ  two thousand and + number(เลขข้างหลัง) เช่น

  • 2001 = two thousand and one
  • 2005 = two thousand and five
  • 2008 = two thousand and eight

หลังจากปี 2010 ขึ้นไป เราอาจจะเคยได้ยินคนทั่วไปอ่านเป็นสองแบบ เช่น

ปี 2012 บางคนจะอ่านว่า…

  • two thousand and twelve
  • twenty twelve.

ในกรณีที่ปีนั้น ลงท้ายด้วยเลข 01 ถึง 09 เช่น 1705 สองตัวแรกเราจะอ่านเป็นหลักสิบ ส่วนสองตัวสุดท้ายเราจะอ่านเป็นหลักหน่วยค่ะ เลข 0 นั้น เราจะไม่อ่านว่า zero แต่เราจะอ่านว่า โอ เหมือนกับตัวพยัญชนะ O + number (เลขตัวสุดท้าย) เช่น…

  • 1508 = fifteen O eight
  • 1709 = seventeen O nine
  • 1901 = nineteen O one

และสำหรับปีที่ลงท้ายด้วยเลข 00 ตัวอย่างเช่น ปี 1600 เราก็จะอ่านหลักสิบของสองตัวแรก และอ่านเลข 00 ว่า hundred (ที่แปลว่าร้อย)ค่ะ เช่น…

  • 1300 = thirteen hundred
  • 1700 = seventeen hundred
  • 1800 = eighteen hundred

วิธีใช้ปี ในประโยคภาษาอังกฤษ

ในการเขียนปีในประโยคภาษาอังกฤษนั้น สามารถเขียนเป็นตัวเลข หรือตัวหนังสือก็ได้

แต่ส่วนใหญ่แล้ว เค้าจะไม่นิยมเขียนตัวเลขปีขึ้นต้นประโยค ส่วนใหญ่จะเขียนเป็นตัวหนังสือค่ะ เช่น…

The year 1929 brought the Great Depression, the St. Valentine’s Day Massacre, and an influenza epidemic.

Nineteen twenty-nine brought the Great Depression, the St. Valentine’s Day Massacre, and an influenza epidemic.

Much happened in the political arena in 2016.

Two thousand and sixteen was an eventful year in politics.

หรือว่า Two thousand sixteen was an eventful year in politics.

วิธีเขียนวันที่ภาษาอังกฤษ

เวลาเราอยากจะเขียนวันที่ในรูปแบบ เดือน-วันที่-ปี ในแบบเขียนนั้น เราจะเขียนโดยใช้เวลาวันที่เป็นเลขปกติ เช่น one, two, three มากกว่าใช้ first, second, third

แต่เวลาเราพูด หรืออ่านเรื่องวันที่นั้น เรามักจะใช้ เลขที่บอกลำดับวันที่ เช่น first, second, third ตัวอย่างเช่น…

เขียน: January 1, 2017

อ่าน: January first two thousand seventeen

มีหลายคนยัง งง ๆ กับการเขียนวันที่โดยใช้ comma หรือ ลูกน้ำ (,) คั่น และนี่คือวิธีการเขียนวันที่โดยใช้คอมม่าคั่นแบบง่าย ๆ ค่ะ

ในรูปแบบวันที่แบบ เดือน-วันที่-ปี จะใส่ comma หลังจากวันที่ และปี เช่น On May 13, 2007, Daniel was born.

และในรูปแบบ วันที่-เดือน-ปี นั้น จะไม่ใส่ comma เลย เช่น On 13 May 2007 Daniel was born.

หรืออีกรูปแบบหนึ่งคือใช้คำว่า of เป็นตัวคั่น ว่าเป็นของเดือน…

เช่น Daniel was born on the 13th of May

วิธีเขียนวันที่โดยระบุ วันอาทิตย์-เสาร์ด้วย

เวลที่เราจะต้องเขียนการเขียนวันที่รูปแบบยาวนั้น เราควรต้องใส่ comma หลังจากวันอาทิตย์-เสาร์ เพื่อที่จะให้มันอ่านง่ายมากขึ้นค่ะ เช่น…

My birthday is on Friday, December 21, 2012.

We will have a party on Monday, January 30, 2017!

วิธีเขียนวันที่เป็นตัวเลขทั้งหมด

การเขียนวันที่เป็นตัวเลขทั้งหมดนั้น ไม่นิยมใช้กันในการเขียนที่เป็นทางการค่ะ แต่สามารถใช้ได้ เวลาที่เราบันทึกโน๊ต หรือใช้สำหรับสิ่งที่ไม่เป็นทางการค่ะ

① เขียนวันที่แบบ month/day/year

ในรูปแบบนี้ จะนิยมใช้กันใช้ประเทศสหรัฐอเมริกา เรียงจาก (เดือน/วันที่/ปี)

เช่น 01/15/2018 (มกราคม วันที่ 15 ปี 2018)

② เขียนวันที่แบบ day/month/year

ในรูปแบบนี้จะนิยมใช้กันในประเทศอังกฤษ และแถบยุโรป (วันที่/เดือน/ปี)

เช่น 30/06/2016 (วันที่ 30 มิถุนายน 2016)

③ เขียนวันที่แบบ year/month/day

รูปแบบนี้ นิยมใช้กันในแถบเอเซีย (ปี/เดือน/วันที่)

เช่น 2019/07/28 (ปี 2019 กรกฎาคม วันที่ 28)

ปล.ในบางประเทศนั้นก็เลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งสลับกันค่ะ เช่น ประเทศแคนนาดา ใช้ทั้งสามแบบเลย ขึ้นอยู่กับว่าพวกเค้ากำลังคุยกับใคร

สมมติว่าเพื่อน ๆ มีเพื่อนอยู่ที่ประเทศอเมริกา และต้องการที่จะจัดงานปาร์ตี้และอยากชวนเค้ามาร่วมนั้น ต้องระวังวันที่ ที่เพื่อน ๆ จะเขียนลงไปใน e-mail ค่ะ เช่น

ถ้าเพื่อน ๆ ต้องการให้เค้ามาวันที่ 7 เดือน กันยายน แต่เพื่อน ๆ พิมพ์จดหมายไปว่า “I want to invite you to come to my party on 7/8″เค้าอาจะเข้าใจผิด และมาวันที่ 8 เดือน กรกฎาคม ก็ได้นะคะ

ก่อนจบโพสต์สำหรับวันนี้ เบญมีเว็บไซต์ที่จะช่วยเพื่อน ๆ แก้ไขทั้งไวยากรณ์ ตัวสะกด และพวกสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ภาษาไทยเราไม่ต้องใช้เช่น comma หรือ .

ถ้าเพื่อน ๆ ไม่อยากที่จะต้องไปนั่งไล่เช็คข้อความของเพื่อน ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ และก็ยังลืมโน่นลืมนี่อีก

เบญแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองเข้าไปอ่านรีวิวของโพสต์ รีวิวเว็บตรวจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษฟรี ได้เลยค่ะ

หรือว่าไปลงทะเบียนลองใช้โปรแกรมตัวช่วยนี้ด้วยตัวเองได้เลย ฟรี!

และการเขียนคุยเล่นกับเพื่อน ส่งคำเชิญชวน หรือรูปแบบวันที่ ก็จะไม่ยุ่งยากเลยจ้า และทำให้เราดูเป็นโปรมากขึ้นด้วยยย~

ถ้าโพสต์นี้ช่วยให้เพื่อน ๆ เข้าใจเกี่ยวกับการเขียน วันที่ เดือน ปี ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นยังไง อย่าลืมคอมเม้นไว้เป็นกำลังใจให้กับบ้างนะคะ

หรือว่าถ้าเพื่อน ๆ รู้จักรูปแบบอื่น ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ในการใช้วันที่ภาษาอังกฤษ อยากจะแบ่งปันกับเบญและเพื่อน ๆ คนอื่น ก็สามารถคอมเม้นไว้ได้เช่นเดียวกันค่ะ


ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | เลขลำดับที่ | Ordinal numbers | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


เรียนภาษาอังกฤษ เรียนง่ายภาษาอังกฤษ
ช่องบรีแอนน่าภาษาอังกฤษเป็นช่องที่คุณทำขึ้นมาสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษนะคะสอบหรือผู้ที่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับภาษาอังกฤษน้อยหรือผู้ที่อยากจะเรียนภาษาอังกฤษในวัยผู้ใหญ่นะคะจะสอนแบบช้าๆเข้าใจง่ายนะคะ ก็คลิปนี้ก็จะสอนเกี่ยวกับอ่านเลขลำดับที่นะคะภาษาอังกฤษจะมีตัวเลข 2 แบบคือเลขจำนวนนับแล้วก็เลขลำดับที่นะคะถ้าอยากรู้ว่าเลขลำดับที่เป็นยังไงก็เข้าไปดูได้นะคะในคลิปนี้แล้วก็กดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | เลขลำดับที่ | Ordinal numbers | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

การอ่านและเขียน วันที่ ลำดับที่


อ่านและเขียน วันที่ ลำดับที่

การอ่านและเขียน วันที่ ลำดับที่

วิธีเขียนและอ่าน วัน, เดือน, ปี ในภาษาอังกฤษ – Writing and Saying the Date


การเขียนและอ่านวัน, เดือน, ปี ในภาษาอังกฤษ
Writing and Saying the Date
เรามาดูคลิปตัวอย่างกันเลยค่ะ ………
==================================
✨ “ พลิกชีวิต ด้วยภาษาอังกฤษกับ Learning First English ”✨
==================================
ดูตัวอย่างและบทเรียนเพิ่มเติมได้ที่ https://learningfirstenglish.talentlms.com/catalog…
ติดตามช่องยูทูป https://www.youtube.com/cha…/UCEJvGLbPQEWC7ZtcMEJYRDQ/videos
❥หลักสูตรสอนภาษาอังกฤษในรูปแบบแอพพลิเคชั่น
❥แกรมม่าเน้นๆพูดได้แน่ๆ กับ Learning First English
👉 เรียนกับเจ้าของภาษาโดยตรง
👉 สอนโดยรูปแบบวีดิโออธิบายโดยคนไทย
👉 เรียนได้ทุกที่ไม่จำกัดเวลาและทบทวนได้ซ้ำที่ต้องการ
👉 ได้เรียนครบทั้ง4ทักษะ “ฟัง พูด อ่าน เขียน”
👉 เรียนได้ทั้งครอบครัวไม่มีการจ่ายเพิ่ม
====================================
📱 ติดต่อสอบถามได้ที่ 📱
📲 Facebook :: ทางคอมเม้น หรือจะ Inbox
📲 Line :: @learningfirst (มี @ ข้างหน้า)
📲 Tel :: 022970713, 0829491599, 0979439982

วิธีเขียนและอ่าน วัน, เดือน, ปี ในภาษาอังกฤษ - Writing and Saying the Date

การเขียนวันที่ ภาษาอังกฤษ


การเขียนวันที่ ภาษาอังกฤษ Days Months Ordinal Numbers

การเขียนวันที่ ภาษาอังกฤษ

วิธีเขียนวันที่ภาษาอังกฤษง่ายๆ


มาฝึกเขียนวันที่และมาทำความรู้จักตัวอักษรที่อยู่บนวันที่งั้นเถอะเรื่องง่ายๆที่บางคนยังไม่รู้ เขียนวันที่ภาษาอังกฤษ date เลขบอกลำดับที่
เดือนทั้ง12
https://youtu.be/TzE2n1zEBFM

วิธีเขียนวันที่ภาษาอังกฤษง่ายๆ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN TO MAKE A WEBSITE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ การ เขียน วัน ที่ ภาษา อังกฤษ ที่ ถูก ต้อง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *