Skip to content
Home » [Update] หลักการใช้คอมม่า (Comma) ในภาษาอังกฤษ | เครื่องหมายลูกน้ํา – NATAVIGUIDES

[Update] หลักการใช้คอมม่า (Comma) ในภาษาอังกฤษ | เครื่องหมายลูกน้ํา – NATAVIGUIDES

เครื่องหมายลูกน้ํา: คุณกำลังดูกระทู้

คอมม่า (,) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ แต่ถึงแม้จะถูกใช้บ่อย หลายๆคนก็ยังคงสับสนอยู่ดี ว่าเราควรใช้คอมม่าตอนไหนและต้องใช้อย่างไรบ้าง

สำหรับคนที่สงสัย ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหาการใช้คอมม่าในภาษาอังกฤษ มาให้เพื่อนๆได้เรียนรู้กันได้อย่างง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Table of Contents

คอมม่าคืออะไร

คอมม่า (comma) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ ทำหน้าที่แยกคำ วลี หรือประโยค เพื่อให้ผู้อ่านสามารถอ่านจับใจความได้ง่ายและถูกต้องมากขึ้น

ถ้าเปรียบเทียบคอมม่ากับเครื่องหมายจุด (.) ที่ใช้ปิดท้ายประโยค หรือที่เรียกว่า period เครื่องหมายทั้ง 2 ตัวนี้จะเป็นตัวบอกการเว้นจังหวะในการอ่านและพูดเหมือนกัน แต่เครื่องหมายคอมม่าจะเป็นตัวบอกจังหวะการเว้นที่สั้นกว่า

หลักการใช้คอมม่า

ใครที่มีข้อสงสัยว่าเราต้องใช้คอมม่าในกรณีไหนและต้องใช้ยังไงบ้าง ก็ไปดูหลักการใช้คอมม่าทั้ง 11 ข้อกันเลย

1. ใช้คอมม่าหน้าคำเชื่อมที่เชื่อม independent clause

Independent clause (ประโยคใจความสมบูรณ์) คือประโยคที่มีทั้งประธานและคำกริยา ตัวประโยคจะมีใจความสมบูรณ์ในตัวมันเอง เช่น

I am a student. (ฉันเป็นนักเรียน) – ถือเป็น independent clause เพราะมีทั้งประธานและคำกริยา
Feel good (รู้สึกดี) – ไม่ใช่ independent clause เพราะไม่มีประธาน
Big black cat (แมวสีดำตัวใหญ่) – ไม่ใช่ independent clause เพราะไม่มีคำกริยา

ส่วนคำเชื่อมในที่นี้จะต้องเป็น coordinating conjunction ซึ่งก็คือคำเชื่อมที่ให้น้ำหนักกับ 2 สิ่งที่ถูกเชื่อมเท่าๆกัน โดยอาจใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคก็ได้ coordinating conjunction มีทั้งหมด 7 ตัวคือ for, and, nor, but, or, yet, so (เมื่อนำอักษรแรกมาต่อกันจะได้เป็น FANBOYS ใช้ช่วยให้ท่องจำได้ง่ายขึ้น)

หากเราเชื่อม independent clause 2 ประโยคด้วย coordinating conjunction เราจะต้องใช้คอมม่าหน้า coordinating conjunction

โครงสร้างการใช้

independent clause + , + coordinating conjunction + independent clause

ตัวอย่างประโยค

He didn’t speak to anyone, and nobody spoke to him.
เขาไม่ได้พูดกับใคร และก็ไม่มีใครพูดกับเขา

I wanted to stay home, but my wife wanted to go shopping.
ฉันอยากอยู่บ้าน แต่ภรรยาของฉันอยากไปช้อปปิ้ง

เราจะไม่ใช้คอมม่า ถ้าข้างหน้าหรือข้างหลัง coordinating conjunction ไม่ใช่ independent clause

She brushed her teeth and washed her face.
เธอแปรงฟันและล้างหน้า
(washed her face ไม่ใช่ independent clause)

I am not a writer but an editor.
ฉันไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นบรรณาธิการ
(an editor ไม่ใช่ independent clause)

2. ใช้คอมม่าเมื่อขึ้นต้นประโยคด้วย dependent clause

Dependent clause คือประโยคที่มีใจความไม่สมบูรณ์ เวลาใช้จะต้องใช้ร่วมกับประโยคอื่น ในที่นี้เราจะแบ่งออกเป็น 3 กรณี

1. Participial phrase

เมื่อประโยคขึ้นต้นด้วยวลีจำพวก participial phrase ซึ่งก็คือวลีที่ขึ้นต้นด้วย v. + ing หรือ v. ช่อง 3 เราจะต้องใช้คอมม่าคั่นหลังวลีนั้น

โครงสร้างการใช้

participial phrase + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Being the only son in the family, his family have high hopes for him.
ด้วยการที่เขาเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัว ครอบครัวของเขาจึงตั้งความหวังกับเขาไว้สูง

Bitten by my own dog, I was very disappointed.
การโดนกัดโดยหมาของตัวเองทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังมาก

2. Adverbial phrase

แต่ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย adverbial phrase ซึ่งก็คือวลีที่ทำหน้าที่เป็น adverb เราอาจใช้คอมม่าหรือไม่ใช้ก็ได้ (ถ้า adverbial phrase ยาว หรือเราต้องการเน้น adverbial phrase นั้น เราจะนิยมใช้คอมม่า)

ตัวอย่าง adverbial phrase เช่น
At 6 o’clock
After the show
In the middle of Bangkok

โครงสร้างการใช้

adverbial phrase + (,) + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

In 2020 there is a pandemic affecting the world.
ในปี 2020 มีโรคระบาดที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก

When I was six, I lived in Chiang Mai with my mom.
ตอนฉันอายุหกขวบ ฉันอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่กับแม่ของฉัน

3. Sentence adverb

ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย sentence adverb ซึ่งก็คือคำจำพวก adverb ที่ทำหน้าที่ขยายทั้งประโยค เราจะใช้คอมม่าคั่นหลัง sentence adverb นั้น

โครงสร้างการใช้

sentence adverb + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Honestly, I am not angry.
ตรงๆเลยนะ ฉันไม่ได้โกรธ

Clearly, this plan isn’t working.
เห็นได้ชัดว่าแผนนี้ใช้ไม่ได้ผล

3. ใช้คอมม่าคั่นวลีหรือคำกลางประโยคที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

เราจะใช้คอมม่าคั่นวลีหรือคำที่อยู่กลางประโยค ถ้าวลีหรือคำนั้นทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ไม่ได้จำเป็นสำหรับประโยค (แม้ตัดออกไป ใจความหลักของประโยคก็ยังเหมือนเดิม)

โครงสร้างการใช้

ประโยคส่วนที่ 1 + , + วลี/คำที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม + , + ประโยคส่วนที่ 2

ตัวอย่างประโยค

Tim, unlike Joe, is very polite.
ทิมเป็นคนสุภาพมาก ไม่เหมือนกับโจ

King Crab restaurant, which Anne recommended, is fantastic.
ร้านอาหารคิงแครบที่แอนแนะนำนั้นดีมาก

แต่ถ้าวลีหรือคำนั้นจำเป็นสำหรับประโยค ถ้าตัดออกแล้วใจความเปลี่ยน เราก็จะไม่ใช้คอมม่า

People who exercise regularly tend to be more happy.
คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมักจะมีความสุขมากกว่า
(ถ้าตัด who exercise regularly ทิ้ง ความหมายจะเปลี่ยนเป็น “คนจะมีความสุขมากกว่า” ซึ่งมีใจความผิดไปจากเดิม)

The restaurant that Anne recommended is fantastic.
ร้านอาหารที่แอนแนะนำนั้นดีมาก
(ถ้าตัด that Anne recommended ทิ้ง ความหมายจะเปลี่ยนเป็น “ร้านอาหารดีมาก” ซึ่งมีใจความผิดไปจากเดิม คือเราจะไม่รู้ว่าหมายถึงร้านไหน)

วลีที่ขึ้นต้นด้วย that มักจะจำเป็นสำหรับประโยค เรามักจะไม่ใช้คอมม่าครอบส่วนนั้น

4. ใช้คอมม่าแยกรายการคำตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป

ถ้าเรามีรายการคำตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป เราจะต้องคั่นแต่ละรายการด้วยคอมม่า ยกเว้นรายการสุดท้าย เราจะคั่นด้วยคอมม่าหรือไม่ก็ได้

โครงสร้างการใช้

รายการหนึ่ง, รายการสอง(,) and รายการสุดท้าย

ตัวอย่างประโยค

He is tall, dark, and handsome.
หรือ He is tall, dark and handsome.
เขาทั้งสูง เข้ม และหล่อ

She needs salt, pepper, and other seasonings at the grocery store.
หรือ She needs salt, pepper and other seasonings at the grocery store.
เธอต้องการเกลือ พริกไทย และเครื่องปรุงอย่างอื่นที่ร้านขายของ

5. ใช้คอมม่าคั่นระหว่าง coordinate adjectives

Coordinate adjectives คือคำคุณศัพท์ที่ขยายคำนามคำเดียวกันและมีความสำคัญเท่าๆกัน สามารถสลับที่กันได้ ตัวอย่างเช่น

เราสามารถใช้ได้ทั้ง long, narrow path
และ narrow, long path
คำว่า long และ narrow ในที่นี้จะถือเป็น coordinate adjectives

เราสามารถใช้ big black bear
แต่ไม่สามารถใช้ black big bear
คำว่า big และ black ไม่ถือเป็น coordinate adjectives (การใช้ adjective ขนาดจะต้องมาก่อนสี)

โครงสร้างการใช้

coordinate adjective 1 + , + coordinate adjective 2 + คำนาม

ตัวอย่างประโยค

The happy, lively cat is playing with the ball.
แมวที่มีความสุขสดใสกำลังเล่นกับลูกบอล

My roommate is a cheerful, kind girl.
รูมเมทของฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงและใจดี

ทั้งนี้ เราสามารถใช้ and เชื่อมระหว่าง coordinate adjectives แทนคอมม่าก็ได้เช่นกัน อย่างเช่น My roommate is a cheerful and kind girl.

6. ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำพูดกับวลีที่กำกับ

ในภาษาอังกฤษ เวลาเราเขียนประโยคที่เป็นคำพูด เราจะใช้เครื่องหมาย “-” ครอบประโยคคำพูดนั้น อย่างเช่น Anne said, “I feel sick.” ซึ่งแปลว่า แอนพูดว่า “ฉันรู้สึกป่วย”

สังเกตว่า เราจะใช้คอมม่าคั่นระหว่างวลีที่เข้ามากำกับ ซึ่งก็คือ Anne said และประโยคที่เป็นคำพูด ซึ่งก็คือ “I feel sick.”

ทั้งนี้ วลีที่กำกับนั้นอาจจะอยู่หน้า อยู่กึ่งกลาง หรืออยู่หลังประโยคที่เป็นคำพูดก็ได้

โครงสร้างการใช้

  • วลีกำกับ, “ประโยคคำพูด”
  • “ประโยคคำพูด,” วลีกำกับ, “ประโยคคำพูด”
  • “ประโยคคำพูด,” วลีกำกับ

ตัวอย่างประโยค

He answered, “She is not here.”
เขาตอบ “เธอไม่ได้อยู่ที่นี่”

“I think,” she said, “Joe can help.”
“ฉันคิดว่า” เธอพูด “โจสามารถช่วยได้”

“It is raining,” Tim said.
“ฝนกำลังตก” ทิมพูด

ในกรณีที่วลีกำกับอยู่ข้างหลังประโยคคำพูด ถ้าประโยคคำพูดลงท้ายด้วยเครื่องหมายตกใจ (!) หรือเครื่องหมายคำถาม (?) เราจะไม่ต้องใช้คอมม่า

“Stop playing video game!” mom yelled.
“หยุดเล่นเกมได้แล้ว” แม่ตวาด

“Are you alright?” Ben asked.
“คุณโอเคมั้ย” เบ็นถาม

บางคนอาจสงสัยว่า เราต้องใส่คอมม่าไว้ในหรือนอกเครื่องหมาย “-” ทำไมบางทีเห็นแต่ละที่ใช้ไม่เหมือนกัน

คำตอบก็คือถ้าเป็น American English จะนิยมเอาไว้ข้างใน เช่น “It is raining,” Tim said. แต่ถ้าเป็น British English จะนิยมเอาไว้ข้างนอก เช่น “It is raining”, Tim said.

7. ใช้คอมม่าในการแยกวันที่และสถานที่

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างวันและปีเมื่อเราเขียนวันที่ในรูปแบบ เดือน-วันที่-ปี แต่ถ้าเราเขียนในรูปแบบ วันที่-เดือน-ปี เราจะไม่ต้องใช้คอมม่า

โครงสร้างการใช้

เดือน วันที่, ปี

ตัวอย่างประโยค

She was born on December 10, 1995.
เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1995

She was born on 10 December 1995.
เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1995

และใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำบอกสถานที่ที่ต่างกัน เช่น เมือง จังหวัด รัฐ ประเทศ

โครงสร้างการใช้

  • ชื่อตำบล, ชื่อเขต, ชื่อจังหวัด, ชื่อประเทศ
  • ชื่อเมือง, ชื่อรัฐ, ชื่อประเทศ

ตัวอย่างประโยค

I live in Bangkok, Thailand.
ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

He came from Chicago, Illinois.
เขามาจากเมืองชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์

8. ใช้คอมม่าหน้า question tag

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างประโยคหลักกับ question tag

โครงสร้างการใช้

ประโยคหลัก + , + question tag

ตัวอย่างประโยค

These flowers are beautiful, aren’t they?
ดอกไม้เหล่านี้สวยมาก ว่ามั้ย

You didn’t forget the key, did you?
คุณไม่ได้ลืมกุญแจใช่มั้ย

9. ใช้คอมม่าเมื่อเรียกบุคคลโดยตรง

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำเรียกบุคคลอื่นกับส่วนอื่นของประโยค เมื่อเราเรียกบุคคลนั้นโดยตรง

โครงสร้างการใช้

  • ประโยคหลัก + , + คำเรียกบุคคล
  • คำเรียกบุคคล + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Dad, where are you?
พ่ออยู่ไหน

See you later, John.
ไว้เจอกันใหม่นะจอห์น

10. ใช้คอมม่าหลังคำขึ้นต้นประโยค

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำขึ้นต้นประโยคกับประโยคหลัก อย่างเช่น คำทักทาย yes/no

โครงสร้างการใช้

  • คำทักทาย + , + ประโยคหลัก
  • yes/no + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Hello, how is it going?
สวัสดี เป็นยังไงบ้าง

Yes, I live by myself.
ใช่ ฉันอยู่คนเดียว

11. ใช้คอมม่าเพื่อป้องกันการสับสน

เราจะใช้คอมม่าในประโยคที่อาจก่อให้เกิดความสับสนหรือความเข้าใจผิดแก่ผู้อ่าน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจความหมายได้ถูกต้องมากขึ้น

ตัวอย่างประโยค

I waved at my friend who entered the canteen, and smiled.
ฉันโบกมือให้เพื่อนที่เข้ามาในโรงอาหาร และยิ้มให้เค้า
(คอมม่าทำให้เรารู้ว่าฉันเป็นคนยิ้ม ไม่ใช่เพื่อนยิ้ม)

เป็นยังไงบ้างครับกับหลักการใช้เครื่องหมายคอมม่า (comma) ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[NEW] 9 วิธีใช้คอมม่าในภาษาอังกฤษแบบเบื้องต้น เจอทุกข้อสอบแน่นอน! | เครื่องหมายลูกน้ํา – NATAVIGUIDES

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว

Dek-D.com

วันนี้เรามาเรียนแกรมมาร์ง่ายๆ ตัวนึงที่เราคุ้นเคยกันมากๆ ดีกว่าค่ะ นั่นคือการใช้เครื่องหมายจุลภาคหรือคอมม่า (comma) นั่นเอง มาดูกันว่าวิธีใช้ขั้นพื้นฐานของคอมม่ามีอะไรกันบ้าง

1. ใช้คั่นคำหรือกลุ่มคำที่เรียงต่อกันตั้งแต่ 3 อย่างขึ้นไปในความหมายว่า “และ” หรือ”หรือ”

     เห็นชื่อแล้วอาจจะงงๆ ว่ามันใช้ยังไงนะ จริงๆ มันก็คือใช้คั่น cat, dog, bird, and rat นั่นแหละค่ะ แต่ทีนี้จะเป็น and หรือว่า or รั้งท้ายก็ได้ ที่สำคัญคือต้องมี 3 อย่างขึ้นไปจะ cat, dog เฉยๆ ไม่ได้ ถ้ามีแค่ 2 ก็ใช้ cat and dog ได้เลย
     อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ บางคนจะเขียนคอมม่าไว้หน้า and หรือว่า or แต่บางคนก็ไม่เขียนเช่น
    

I have 2 cats, 3 dogs, and 5 birds.

กับ

I have 2 cats, 3 dogs and 5 birds.

     ซึ่งถือว่าถูกทั้งคู่ค่ะ จะใช้แบบมีคอมม่าตัวสุดท้ายหรือไม่ก็ได้ แต่พี่อยากให้ใช้แบบมีมากกว่าค่ะ ส่วนสาเหตุที่อยากให้ใช้ก็คือมันช่วยให้สับสนน้อยลงได้เมื่อเจอกลุ่มคำก้อนใหญ่ขึ้นมา เช่น

   I have coffee, hot chocolate and milk and tea.
   ถ้าเจอแค่นี้ เราแปลความได้หลายอย่างค่ะ
    – มีของ 4 อย่าง 1) กาแฟ 2) ช็อคโกแลตร้อน 3) นม 4) ชา
    – มีของ 3 อย่าง 1) กาแฟ 2) ช็อคโกแลตร้อน 3) นมกับชา
    – มีของ 3 อย่าง 1) กาแฟ 2) ช็อคโกแลตร้อนกับนม 3) ชา

     ทีนี้ก็จะงงได้ว่าตกลงเมนูไหนที่เป็นของผสมกันแน่ ดังนั้นการใส่คอมม่าไปช่วยก็จะทำให้เราเข้าใจว่ามันคือ

I have coffee, hot chocolate and milk, and tea.

มี 3 อย่างนะ 1) กาแฟ 2) ช็อคโกแลตร้อนกับนม 3) ชา ซึ่งเจ้าคอมม่าตัวสุดท้ายนี้มีชื่อว่า Oxford comma ค่ะ มันมีประโยชน์ในหลายสถานการณ์จริงๆ นะ ยิ่งถ้าเขียนเรียงความก็ควรใส่ทุกครั้ง เพราะจะช่วยให้คนอ่านเข้าใจงานเขียนของเราได้ง่ายขึ้นค่ะ

     นอกจากคั่นคำและกลุ่มคำแล้ว จะคั่นการกระทำก็ได้เช่นกัน เช่น

I had dinner, washed the dishes, and went to bed.

ฉันกินอาหารเย็น ล้างจาน และขึ้นนอน ก็ใช้คั่นได้เช่นกัน

2. ใช้คั่นประโยคเมื่อใช้คำเชื่อมจิ๋วๆ มาเชื่อมให้เป็นประโยคความรวม

     คำเชื่อมจิ๋วๆ ก็คือพวก

and, or, but, for, nor, yet, so

ที่เป็นคำสั้นๆ นี่แหละค่ะ เวลาเชียนเราก็จะใส่คอมม่าหลังจบประโยคแรก เช่น

I really want to go to school, but I am too sick to go.

ฉันอยากไปโรงเรียนจริงๆ แต่ฉันป่วยเกินจะไปได้ แต่ถ้าเป็นประโยคที่สั้นมากๆ อย่าง I come and you go. ก็สามารถละคอมม่าได้ค่ะ

     นอกจากนี้ถ้าประโยคหลังไม่มีประธาน ก็สามารถละคอมม่าได้เช่นกัน เช่น I thought for a while but still did not answer correctly. (ฉันคิดเป็นระยะเวลาหนึ่งแต่ก็ตอบไม่ถูกอยู่ดี) ประโยคนี้เราละประธานของ did not answer เพราะประธานคือ I เหมือนประโยคหน้า จึงสามารถละคอมม่าได้ค่ะ แต่ก็นั่นแหละ มันต้องมีบางประโยคที่ละแล้วทำให้สับสนยิ่งกว่าช็อคโกแลตร้อนอยู่แน่ๆ อย่างเช่นตัวอย่างนี้

     I saw that he was busy and prepared to leave. ถ้าไม่มีคอมม่าแบบนี้ผู้อ่านจะตีความว่ามันคือ
I saw that he was busy. He was prepared to leave.
     แต่ถ้าความหมายจริงๆ ที่เราต้องการคือ I saw that he was busy. I prepared to leave. แบบนี้ต้องมีคอมม่าเข้าไปช่วยทำให้กระจ่างค่ะ โดยเขียนเป็น

I saw that he was busy, and prepared to leave.

แบบนี้ผู้อ่านก็เข้าใจได้ว่าตัว I เป็นคน prepared เอง

3. ใช้คั่นเมื่อมีอนุประโยคนำหน้าในประโยค

     ภาษาทางการดูยากอีกแล้ว อนุประโยคที่ใช้ขึ้นต้นประโยคก็เช่น V.ing หรือคำบุพบทหรืออะไรที่มันไม่ใช่ประธานกริยากรรมแบบธรรมดาทั่วไป ตัวอย่างเช่น
    

If you are not sure about this, let me know now.

(ถ้าคุณไม่แน่ใจก็บอกฉันมาเลย)
    

After his long nap in the backyard, he felt better.

(หลังงีบในสวนหลังบ้านเป็นเวลานาน เขาก็รู้สึกดีขึ้น)
     นอกจากนี้พวกประโยคที่ขึ้นด้วย Adverb ก็ใช้คอมม่าตามหลังเพื่อคั่นเช่นกัน
    

Sadly, our old school was completely destroyed.

(น่าเศร้าที่โรงเรียนเก่าของเราถูกทำลายจนสิ้น)
     เช่นเดียวกับวิธีใช้ข้ออื่นๆ ที่บอกไป ถ้าอนุประโยคข้างหน้าสั้นๆ เข้าใจง่าย เราจะไม่ใส่คอมม่าก็ได้ค่ะ แต่ต้องสังเกตดีๆ ด้วยว่าถ้าไม่ใส่แล้วจะทำให้ความหมายกำกวมมั้ย

   เช่น Last Friday evening classes were canceled.
   เวลาคือก้อนไหนระหว่าง Last Friday evening กับ Last Friday
    

Last Friday, evening classes were canceled.

     (เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ชั้นเรียนตอนเย็นถูกยกเลิก)
    

Last Friday evening, classes were canceled.

     (เมื่อเย็นวันศุกร์ที่แล้ว ชั้นเรียนถูกยกเลิก)

4. ใช้คอมม่าคร่อมส่วนขยายที่สามารถตัดทิ้งได้

     ข้อนี้น่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะเจออยู่บ่อยๆ เช่น
    

My big sister, Rita, is coming.

ประโยคนี้เราสามารถตัดริต้าออกไปได้ ให้เหลือแค่ My big sister is coming. ก็เข้าใจได้อยู่
    

Jimmy, who is a president of this club, cannot be here today.

เราก็ตัดท่อนในคอมม่าออกไปได้เช่นกัน ความหมายยังเหมือนเดิมคือจิมมี่ไม่สามารถมาได้

5. ใช้คั่นชื่อที่ตั้งเมืองเช่น เมืองกับรัฐ หรือจังหวัดกับประเทศ หรือเมืองกับประเทศ

    

Bangkok, Thailand, is “The City of Angels.”
     I went to London, England, last year.

     ไม่ว่าจะเป็นชื่อถนน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด รัฐ แคว้น หรือประเทศ และไม่ว่าจะอยู่ต้าประโยค กลางประโยค หรือท้ายประโยคก็สามารถใช้คอมม่าคั่นได้ทุกตำแหน่งเลยค่ะ

6. ใช้คั่นเวลาเรียกใคร หรือเวลาอุทาน เช่น

    

Hello, sir.
     I need your help, Lisa.
     Yes, I did.
     Well, it could be.
     Let’s eat, Mom!

     ลองนึกภาพเราไม่ใส่คอมม่าสิ ประโยคก็จะออกมาเป็น Let’s eat Mom! (กินแม่กันเถอะ)

7. ใช้คั่นสิ่งที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูดกับสิ่งที่อยู่ข้างนอก

     อ่านแล้วต้องงงแน่ๆ ลองมาดูตัวอย่างแบบต่างๆ นะคะ
    

“I thought,” said Dan, “you were going out with him.”
     “How could you,” she cried. “How could you do that to me?”
     “I love you,” she said.
     She said, “I love you.”

     **อ่านเรื่องการใช้เครื่องหมายคำพูดเพิ่มเติมได้ที่

อ่านแล้วต้องงงแน่ๆ ลองมาดูตัวอย่างแบบต่างๆ นะคะ**อ่านเรื่องการใช้เครื่องหมายคำพูดเพิ่มเติมได้ที่ www.dek-d.com/studyabroad/37997/

8. ใช้คั่น question tag

    

I can go, can’t I?

(ฉันไปได้ใช่มั้ย)

     That’s your book, isn’t it?

(นั่นคือหนังสือของคุณใช่มั้ย)

     I am a student, aren’t I?

(ฉันเป็นนักเรียนใช่มั้ย)

9. ใช้คั่นวันที่กับปี

    

It was in the in that magazine’s August 5, 2015, edition.

(มันอยู่ในนิตยสารเล่มนั้นฉบับวันที่ 5 สิงหาคม 2015
     แต่ถ้าไม่มีวันที่มาให้ มีแค่เดือนกับปีก็ไม่ต้องใส่คอมม่าค่ะ นี่ไม่ได้ให้เลือกว่าจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะคะ แต่กฎนี้คือห้ามใส่เลย เช่น It was in the in that magazine’s August 2015 edition.

    

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีใช้คอมม่าแบบเบื้องต้นค่ะ จริงๆ ยังมีกฎอีกหลายข้อและรายละเอียดอีกมากมายแต่จะลึกเกินไป แม้อาจจะดูเหมือนกฎเยอะและจุกจิก แถมยังมีตัวที่ใส่ก็ได้ไม่ใส่ก็ได้ แต่ถ้าเจอแบบนั้นพี่แนะนำให้ใส่ไว้จะดีกว่าค่ะ เพราะมันช่วยชีวิตเราได้จริงๆ แถมยังช่วยชีวิตโยโย่ไว้ไม่ให้ถูกเรากินด้วย 555 แล้วพบกับ

English Issues

ได้ใหม่เสาร์หน้านะคะ


ใส่จุดทศนิยม และจุลภาคคั่นตัวเลข Excel


ตัวเลขทศนิยม และจุลภาคคั่นตัวเลข Excel
ทำจุดทศนิยม ตัวเลขใน Excel

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ใส่จุดทศนิยม และจุลภาคคั่นตัวเลข Excel

วิธีพิมพ์สัญลักษณ์ ( ~ % ` _ ) | Windows10


วิธีพิมพ์สัญลักษณ์ตัวหนอน ~ (Grave Accent)
1. เลือกภาษาที่พิมพ์ปัจจุบันเป็นภาษาอังกฤษ
2. กด Shift + ปุ่ม ~ ค้างไว้
วิธีพิมพ์สัญลักษณ์เปอร์เซ็น % (Percent)
1. เลือกภาษาที่พิมพ์ปัจจุบันเป็นภาษาไทย
2. กด Shift + ปุ่ม ~ ค้างไว้
วิธีพิมพ์สัญลักษณ์ `
1. เลือกภาษาที่พิมพ์ปัจจุบันเป็นภาษาอังกฤษ
2. กด Windows + ปุ่ม ~ ค้างไว้
วิธีพิมพ์สัญลักษณ์ _
1. เลือกภาษาที่พิมพ์ปัจจุบันเป็นภาษาไทย
2. กด Windows + ปุ่ม ~ ค้างไว้

ขอบคุณข้อมูลจาก :
http://tipsforwin8.blogspot.com/2014/05/graveaccentwindows8.html

วิธีพิมพ์สัญลักษณ์ ( ~ % ` _ ) | Windows10

เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ by KidsOnCloud


มารู้จักเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์กัน ทั้งเครื่องหมายบวก ลบ
เท่ากับ ไม่เท่ากับ มากกว่า น้อยกว่า อธิบายด้วยภาพเข้าใจได้ง่ายๆ ค่ะ

เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ by KidsOnCloud

อยากดาวโหลดคลิป Tiktok แบบไม่ให้มีลายน้ำติดมา ทำยังไง?| Archiiอาชิ | สอนเล่นติ๊กตอก


สอนเล่นติ๊กตอก ลบลายน้ำ Archiiอาชิ
IG ► http://www.instagram.com/archii.go
FB► https://www.facebook.com/archii.go
และ FB ► เที่ยวหัวหกก้นขวิด
เรามี TikTok ด้วยน้า ID : archii.go แล้วเจอกันน้า

อยากดาวโหลดคลิป Tiktok แบบไม่ให้มีลายน้ำติดมา ทำยังไง?| Archiiอาชิ | สอนเล่นติ๊กตอก

เครื่องหมายวรรคตอน – สื่อการสอนภาษาไทย หลักภาษาไทย ชั้น ป.2 | ครูกวาง


วันนี้ครูกวางจะพาเด็กๆมาเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายวรรคตอน
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และผู้ที่สนใจ
ไปเรียนรู้พร้อมๆกันนะคะ
==================================
ดูคลิปจบแล้วฝากกด Subscribe ด้วยนะคะ💕
✔สามารถกด Like กด Share ได้นะคะ
✔ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และสามารถคอมเม้นใต้คลิปได้เลยนะคะ
==================================
👉🏻สนใจติดต่อโฆษณาหรือสปอนเซอร์ ❤️💌
ช่องทางการติดต่อ ครูกวาง
Fanpage ► คุณครูกวาง
Youtube :► คุณครูกวาง
IG : ► kwangjiii
email : [email protected]

เพียงแค่ 1 Subscribe หรือ 1 Like ครูกวางก็ดีใจมากๆแล้วค่ะ💕
ตัดต่อและเพลง : Kinemater
ภาพประกอบ : Pixabay, google
==================================

เครื่องหมายวรรคตอน - สื่อการสอนภาษาไทย หลักภาษาไทย ชั้น ป.2 | ครูกวาง

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ เครื่องหมายลูกน้ํา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *