Skip to content
Home » [Update] หน้าที่ของ EITHER and NEITHERในภาษาอังกฤษ | neither do i แปลว่า – NATAVIGUIDES

[Update] หน้าที่ของ EITHER and NEITHERในภาษาอังกฤษ | neither do i แปลว่า – NATAVIGUIDES

neither do i แปลว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

either ออกเสียงได้ 2 อย่าง คือ ไอ-เทอร์ และ อี-เทอะ คำๆ นี้ทำหน้าที่ได้หลายอย่างคือ adverb, determiner และ pronoun
1. กรณีที่ทำหน้าที่ adverb
เมื่อ either ทำหน้าที่ adverb มีหลักที่ควรทราบอยู่ 2 อย่าง คือ ประการแรก ใช้ either แทนคำว่า too และ also ถ้าหากประโยคที่เอ่ยถึงครงแรกเป็นปฏิเสธ ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงความคล้อยตามกันของเนื้อความ ลองพิจารณาเปรียบเทียบตัวอย่างต่อไปนี้
I like fish                             – I do too.
ผมชอบปลา                          ผมก็ชอบด้วยเช่นกัน
I don’t like music.           – My mother doesn’t either.
ผมไม่ชอนดนตรี                  คุณแม่ของผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน
I don’t enjoy tennis, and I don’t much like swimming either.
ผมไม่ชอบเล่นเทนนิส และผมเองก็ไม่ชอบว่ายน้ำด้วยเช่นกัน
เพื่อจะได้จดจำโครงสร้างการใช้ either จากตัวอย่างดังกล่าวได้ง่ายขึ้น จึงขอสรุปกฎดังนี้
negative sentence, (and) subject + negative verb + either
ประการที่สอง เราใช้ either กับ or เมื่อพูดถึงทางเลือก (alternative) ซึ่งมี 2 ทางหรือมากกว่า
ตัวอย่าง
You can either come with me now or walk home.
คุณมากับผมก็ได้หรือจะเดินกลับบ้านก็ได้ (ให้เลือกเอา)
Either you leave this house or I’ll call the police.
คุณจะออกไปจากบ้านหลังนี้หรือจะให้ผมเรียกตำราจ (ให้เลือกเอา)
You can either have soup, fruit juice or melon.
คุณเลือกเอาว่าจะเอาซุป นํ้าผลไม้ หรือแตงโม
หมายเหตุ ในกรณีที่ either… or ใช้เชื่อม subjects หรือทำทน้าที่conjunction สิ่งที่ควรจะระวังก็คือ กริยาภายในประโยคจะต้องใช้ให้สอดคล้องกับ subject ตัวที่อยู่ใกล้กับกริยามากที่สุด
ตัวอย่าง
Either Jim or Jane was responsible for mailing the letter.
จิมหรือเจนก็ได้ช่วยรับผิดชอบส่งจดหมายฉบับนี้ให้ที
Either you or I am mad.
ไม่คุณก็ผมที่บ้า
(สังเกตประโยคแรกใช้กริยา was ซึ่งสัมพันธ์กับ subject “Jane” และประโยคที่สองใช้กริยา am สัมพันธ์กับ subject “I”)
2. กรณีที่ทำหน้าที่ determiner
คำว่า determiner ในที่นี้หมายถึง คำที่วางไว้หน้า noun เช่น either day, either side, either car ฉะนั้น either เมื่อใช้ในหน้าที่ดังกล่าวนี้ก็อาจจะเรียกว่าเป็น adjective ที่ไปขยาย noun นั่นเอง โดยปกติ either เมื่อเป็น determiner หมายถึง one or the other แปลว่า “คนใดคนหนึ่ง, ด้านใดด้านหนึ่ง, วันใด วันหนึ่ง ฯลฯ” แต่บางครั้ง either อาจจะหมายถึง both แปลว่า ทั้งสองคน, ทั้งสองด้าน ฯลฯ ลองพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
Come on Tuesday or Wednesday. Either day is O.K.
มาวันอังคารหรือวันพุธ วันใดวันหนึ่งก็ได้
There were roses on either side of the door.
มีดอกกุหลาบอยู่ทั้งสองด้านของประตู
หมายเหตุ โปรดสังเกตประโยคแรก เราใช้ noun รูปเอกพจน์กับ either ส่วน ประโยคที่สอง ใช้ plural noun กับ both เพราะ either side หมายถึง both sides)
สิ่งที่ควรจดจำอีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อ either พบ noun จะใช้ determiner อื่นด้วยอีกไม่ได้ อาทิ determiners พวก article, possessive หรือ demonstrative เช่น เราอาจจะพูดว่า
/ the room
/ my room
/ either room
แต่จะไม่ใช้
X the either room
X either my room
นอกจากนี้หลังคำ either จะตามด้วย singular และ singular verb
ตัวอย่าง
/ Either day is O.K.
X Either day are O.K.
/ Either kind of school is quite suitable.
X Either kinds of school are quite suitable.
3. กรณีที่ทำหน้าที่ pronoun
คำว่า either อาจจะใช้เป็น pronoun เลย หรือใช้ร่วมกับโครงสร้าง

either of + plural noun phrase ก็ได้
ตัวอย่าง
Do you want, whisky or brandy ?
Oh, I don’t mind. Either.
คุณจะดื่มวิสกี้หรือบรั่นดี
อะไรก็ได้ครับ
Has either of your parents visited you?
พ่อแม่ของคุณมาเยี่ยมคุณบ้างไหม
ข้อสังเกต เมื่อ either of ตามด้วย noun phrase จะต้องมี determiner ซึ่ง อาจจะเป็น possessive, demonstrative หรือ article ประกอบอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้น เราอาจจะใช้ได้ว่า
/ either of the rooms.
/ either of my rooms.
แต่จะไม่ใช้
X either of rooms
นอกจากนี้เรายังใช้ either of + personal pronoun ได้ด้วยสำหรับคำว่า personal pronoun ก็คือสรรพนามแทนบุคคล เช่น you, them, us
ตัวอย่าง
/ Either of you could do it.
X Either you could do it.
ข้อควรจำอีกประการหนึ่งก็คือ ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย either of ตามด้วย plural noun phrase กริยาจะใช้รูปเอกพจน์
ตัวอย่าง
/ Either of the children is quite capable of looking after the baby.
เด็กคนใดก็ได้ที่สามารถดูแลทารกได้
X Either of the children are quite capable of looking after the baby.
แต่บางครั้งเราอาจจะพบว่าในประโยคปฏิเสธ (negative sentence) เราอาจจะใช้ plural verb ได้ แต่เป็นในลักษณะที่เป็น informal style
ตัวอย่าง
I don’t think either of them are at home.
(Informal)
I don’t think either of them is at home.
(Formal)
ผมไม่คิดว่าจะมีใครอยู่บ้าน
หมายเหตุ อย่าลืมว่า เราจะใช้ plural verb ได้ก็ต่อเมื่อ either of + personal pronoun/plural noun phrase อยู่ในรูปประโยคปฏิเสธ
ต่อไปนี้จะกล่าวถึงหลักการใช้ neither
neither ออกเสียงได้ 2 อย่างคือ ไน-เทอะ หรือ นี-เทอะ คำนี้ทำหน้าที่ได้หลายอย่างคือ determiner, pronoun, conjunction, adverb
1. กรณีที่ทำทน้าที่ determiner
เมื่อ neither ทำหน้าที่ determiner จะใช้ neither + singular noun + singular verb ในกรณีดังกล่าวนี้จะไม่มี article, possessive หรือ demonstrative หลังคำว่า neither
ตัวอย่าง
Neither parent realized what was happening.
ไม่มีฟอแม่คนไหนเลยที่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
Neither car is exactly what I want.
ไม่มีรถคันไหนเลยที่ตรงกับความต้องการของผม
Neither plan really suits me.
ไม่มีแผนการอัน ไหนเลยที่เหมาะสมกับผม
2. กรณีที่ทำหน้าที่ pronoun
neither อาจจะใช้ทำหน้าที่ pronoun ได้ โดยใช้โครงสร้างเป็น neither of + plural noun phrase ใน plural noun phrase จะมี determiner จำพวก article, possessive หรือ demonstrative กับ noun รูปพหูพจน์ กริยาในประโยคอาจจะเป็นรูปเอกพจน์ถ้าหากเป็น formal style หรืออาจจะเป็นรูปพหูพจน์ เมื่อเป็น informal style
ตัวอย่าง
Neither of his parents realized what was happening.
ไม่มีพ่อแม่คนไหนเลยที่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
Neither of these cars is exactly what I want.
ไม่มีรถคันไหนเลยที่ตรงกับคาามต้องการของผม
Neither of my sisters are very tidy.
(Informal)
ไม่มีน้องสาวของผมคน ไหนเลยที่เรียบร้อย
นอกจาก neither of จะใช้ร่วมกับ plural noun phrase แล้ว ยังใช้ได้กับ personal pronoun เช่น neither of them, neither of us, neither of you ได้ด้วย
ตัวอย่าง
Neither of them can understand.
ไม่มีใครสักคนที่เข้าใจ
Neither of us wants to come.
ไม่มีใครในพวกเราสักคนที่อยากจะมา
นอกจากการใช้ดังกล่าวแล้ว ยังอาจจะใช้ neither ตามลำพัง ในฐานะที่เป็น pronoun
ตัวอย่าง
Which one do you want? – Neither is any good.
คุณต้องการอันไหน – ไม่มีสักอันที่ดีเลย
The unions do not want a strike, and neither do the management.
ทางสหภาพไม่ต้องการสไตร้ค์ และฝ่ายบริหารก็ไม่ต้องการเช่นกัน
จากตัวอย่าง เรื่องการใช้ neither จะพบว่ามีโครงสร้างที่จดจำง่ายๆ คือ
ประโยคปฏิเสธ neither + helping verb รูปบอกเล่า + subject
3. กรณีที่ทำหน้าที่ conjunction
ในกรณีนี้ neither จะใช้กับ nor เพื่อเชื่อม negative ideas หรือ ความคิดในเชิงปฏิเสธเข้าด้วยกัน
ตัวอย่าง
Neither James nor Virginia was at home.
ทั้งเจมส์และเวอร์จิเนียไม่อยู่ที่บ้าน
เพื่อแยกแยะให้เห็นความหมายและที่มาของประโยคดังกล่าวให้ชัดเจนขึ้น นั่นคือ ประโยคตัวอย่างดังกล่าวมาจาก
(A) James wasn’t at home.
(B) Virginia wasn’t at home.
เมื่อนำเอา (A) และ (B) มารวมกันโดยใช้ neither … nor จะได้เป็น Neither James nor Virginia was at home.
ดูตัวอย่างเพิ่มเติม
I neither smoke nor drink.
มาจาก 2 ประโยค คือ
(A) I don’t smoke.
(B) I don’t drink.
เมื่อรวม (A) กับ (B) เข้าด้วยกัน โดยใช้ neither … nor จะได้เป็น
I neither smoke nor drink.
ผมไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มสุรา
ในกรณีที่ neither … nor ใช้เชื่อม subjects กริยาภายในประโยคจะใช้ตามประธาน (subject) ตัวที่อยู่ใกล้มันมากที่สุด
ตัวอย่าง
Neither Ray nor George has finished his work.
ทั้งเรย์และจอร์จยังทำงานไม่เสร็จ
แต่ถ้าเป็นแบบ informal style เมื่อประธาน 2 ตัว ถูกเชื่อมด้วย neither … nor อาจจะใช้ plural verb ก็ได้
ตัวอย่าง
Neither James nor Virginia were at home.
ทั้งเจมส์และเวอร์จิเนียไม่อยู่บ้าน
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 8,968 times, 1 visits today)

[NEW] คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (Conjunctions): คำและวลีที่พบบ่อยที่สุด | neither do i แปลว่า – NATAVIGUIDES

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) หรือคําสันธานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตาม เพราะคำเชื่อมจะทำให้ทั้งคำพูด คำอ่าน คำเขียนได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ทำความเข้าใจกับคําเชื่อมภาษาอังกฤษ

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) มีผลประโยคคือเชื่อมต่อระหว่างคำศัพท์กับคำศัพท์หรือระหว่างประโยคทำให้เข้าใจได้ง่าย วันนี้ Eng Breaking จะแนะนำถึงคุณประเภทของคำเชื่อมในภาษาอังกฤษพร้อมเผยเคล็ดลับในการใช้งานของคำเชื่อม อ่านเข้าใจง่าย เอามาใช้งานได้ดี ใครๆ ก็ทำได้แน่นอน

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction)  คืออะไร นำมาใช้ยังไง?

ก่อนที่จะดูว่าคำเชื่อมมีกี่ประเภทแล้วใช้งานได้อย่างไรบางเราลองดูประโยคของคำเชื่อมตอนที่มีคำเชื่อมกับตอนที่ไม่ใช้คำเชื่อมแตกต่างกันอย่างไรดังนี้

ยกตัวอย่างประโยคที่ง่ายๆ เช่น ฉันชอบแมว.  ฉันชอบหมา. ฉันชอบลิง. มันเป็นประโยคเดียวแต่คนอ่าน คนฟังจะไม่เห็นความเกี่ยวกัน ดูเหมือนเป็นสามประโยคสั้นๆ มากกว่าใช่ไหมคะ?! แล้วถ้าตอนนี้เราลองใส่คำเชื่อมเช่น คำว่า “และ” (and) ประโยคจะกลายเป็น ฉันชอบแมว และ หมาและ ลิง ความหมายไม่เปลี่ยนไปแต่ประโยคดูดีขึ้น ไม่ต้องใช้คำซ้ำๆ กันด้วย ง่ายๆ แต่มีประโยคช์ดีมากๆ เพราะว่าในประโยคนั้นมีคำเชื่อม

หรือแทนคำว่า ฉันชอบแมว. ฉันชอบหมา. ฉันไม่ชอบลิง เราก็สามารถพูดสั้นลงและไม่ต้องพูดซ้ำคำว่า ฉันถ้าเราใช้คำเชื่อมดังนี้

ฉันชอบแมวและหมาแต่ไม่ชอบลิง เป็นอย่างไรบางคะผู้เรียน คำเชื่อมจะช่วยให้ประโยคเดี่ยว รวมตัวกันได้เป็นประโยคยาวๆ และดูดีขึ้นมาทันที ต่อไปนี้เราจะไปค้นค้วาให้ลึกๆ ประเภทต่างๆ ของคําเชื่อมภาษาอังกฤษ และวิธีการใช้งานของแต่ละแบบพร้อมตัวอย่างให้เห็นง่าย ชัดเจนดังต่อไปนี้

คําเชื่อมภาษาอังกฤษพร้อมเผยวิธีการใช้อย่างถูกต้อง

คำเชื่อมประโยคมีอะไรบ้าง

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ conjunction สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทด้วยกันคือ
1. Coordinating conjunctions
2. Subordinating Conjunctions
3. Correlative Conjunctions

เราจะไปเฉาะลึกแต่ละประเภทของคำเชื่อมและการใช้งานดังนี้

1. หลักการใช้ Coordinating conjunctions 

หลักการใช้ Coordinating conjunctions  คือผู้เรียนแค่คำคำศัพท์ FAN BOYS ก็สามารถเอามาใช้งานได้แล้วเพราะมันเป็นตังอักษรย่อจากพวกคำเชื่อมอยู่ในประเภทหนึ่งที่ได้เรียกว่า Coordinating conjunctions คำว่า FAN BOYS ประกอบด้วยคำเชื่อม For, And, Nor, But, Or, Yet, So. ในนั้นแต่ละคำเชื่อมก็จะมีความหมายที่แตกต่างกัน ต้องขึ้นอยู่กับกรณีต่างๆ เราจะใช้ให้ประโยคได้สมบูรณ์แบบและอย่างเหมาะสม

คําเชื่อมภาษาอังกฤษความหมายภาษาไทยยกตัวอย่างForเพราะว่าI stopped exercising, for I was tired.
แปลว่า ฉันหยุดออกกำลังกายเพราะว่าฉันเหนื่อยAndและ (ใช้ในกรณีเชื่อมประโยคไปในแนวเดียวกัน)She does not like cats and dogs.
แปลว่า โหลดไม่ชอบแมวและสุนัขNorไม่ทั้งสองI am not hungry, nor thirsty.
แปลว่า ฉันไม่หิวข้าว และก็ไม่กระหายน้ำด้วยButแต่We love

English

, but don’t like math.
แปลว่า พวกเรารักภาษาอังกฤษ แต่ไม่ชอบคณิตศาสตร์OrหรือThey chat on Facebook, or they chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค หรือไม่ก็พวกเขาแชททางไลน์Yetแต่She was very sad, yet she did not give up.
แปลว่า หล่อนเศร้าเสียใจมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้Soดังนั้น/ ก็They chat on Facebook, so they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค ดังนั้นพวกเขาไม่แชททางไลน์

2.หลักการใช้ Subordinating Conjunctions

คำเชื่อม Subordinating Conjunctions เป็นคำเชื่อมที่มักจะเจอบ่อยมากเมื่อเรียนภาษาอังกฤษเพราะคำเชื่อมที่อยู่ในกลุ่มนี้อยู่ในหลากหลายรูปแบบ หลากหลายคำเพื่อเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน จากตารางดังนี้เราจะบ่งบอกหมู่คำเชื่อม Subordinating Conjunctions พร้อมแปลความหมายให้เห็นอย่างชัดเจน

คำเชื่อม Subordinating Conjunctionsความหมายภาษาไทยafterหลังจากalthoughแม้ว่าasเพราะว่าas far asเท่าที่as ifราวกับว่าas long asตราบใดที่as soon asทันทีที่as thoughราวกับว่าbecauseเพราะว่าbeforeก่อนeven if/ even thoughแม้ว่าifถ้าin order thatเพื่อว่าsinceตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่าso thatเพื่อว่าthanกว่าthoughแม้ว่าunlessเว้นเสียแต่ว่าuntilจนกระทั่งwhenเมื่อwheneverเมื่อใดก็ตามwhereที่ซึ่งwhereasขณะที่whereverที่ใดก็ตามwhichที่whoผู้ที่whileในขณะที่

Note: สำหรับคำเชื่อมว่า  since: ตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่า จะมีโครงสร้างภาษาอังกฤษขั้นอยู่กับสถานการณ์เละความหมายที่อยากสื่อเช่น ถ้าแปลว่า “ตั้งแต่” ใช้เชื่อมระหว่างประโยค Present Perfect (Subject + have/has + V3) หรือ Present Simple (Subject + V1(ประฐานเอกพจน์เติมs) กับ Past Simple Subject + V2 เติม ed บ้าง,ผันบ้าง เช่น

He has worked hard “since” his father died. (Present Perfect, Past Simple)
ถ้าแปลว่า “เพราะว่า, เนื่องจากว่า” ให้วางไว้หน้า Clause ของประโยคแรก เช่น
“Since” he doesn’t learn English, he can’t speak it. (เนื่องจาก (เพราะ) เขาไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ เขาจึงพูดไม่ได้)

อย่างที่บอกไปแล้วว่าตัวเชื่อมนี้จะเป็นการเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน ดังนั้นให้สังเกตดีๆ ถ้าเป็นประโยครองจะตามหลังด้วยคำเชื่อมดังกล่าว ในขณะที่ประโยคหลักไม่ต้องใช้คำเหล่านี้

  • “after”: I went for a swim after breakfast. แปลว่า ฉันไปว่ายน้ำหลังอาหารเช้า
  • “because” : My sister she didn’t go to school yesterday because of fever. แปลว่า พี่สาวฉัน เธอไม่ได้มาโรงเรียนเมื่อวานนี้เนื่องมาจากการเป็นไข้
  • “before” : Before going to Bangkok, you should read the guide book.
    แปลว่า ก่อนการเดินทางไป Bangkok คุณควรอ่านหนังสือนำเที่ยว
  • “so that” : I study hard so that I can pass the exam.แปลว่า ฉันเรียนหนักเพื่อที่ฉันจะได้ผ่านการสอบ

เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างสนุกสนาน

3.หลักการใช้ Correlative Conjunctions

เมื่อคุณอ่านหนังสือหรือดูหนังคงเจอหมู่คําเชื่อมภาษาอังกฤษแบบที่สามคือ Correlative Conjunctions ที่มีหน้าที่เชื่อมประโยคที่มีน้ำหนักเท่าๆกัน เยอะเหมือนกัน เช่นพวกคำว่า 

  • Both … and … แปลว่า ทั้ง … และ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น ประโยคอังกฤษดังนี้  I enjoy both singing and dancing. แปลว่า ฉันมีความสุขกับการร้องเพลงและการเต้นดังนั้นคำเชื่อม Both … and …นี้จะใช้ในกรณีเชื่อมต่อประธานของประโยคเข้าด้วยกัน (เมื่อมีจำนวนเท่ากับ 2)
  • Neither … nor … แปลว่า ไม่ทั้ง … และ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น Neither Namthip nor I want to go there.
    แปลว่า ทั้ง Namthip และฉันไม่ต้องการไปที่นั่น จากนั้นจะเห็นได้เลยว่าคำเชื่อม Neither … nor … ใช้ในประโยคและมีความหมายคือ ไม่ใช่ทั้งสิ่งแรกและสิ่งที่สอง
  • Either

    … or … แปลว่า ถ้าไม่ … ก็ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น I can’t remember. It’s either Yellow or Orange. แปลว่า ฉันจำไม่ได้ ถ้าไม่สีเหลืองหรือสีส้ม ดังนั้นผู้เรียนสามารถใช้คำเชื่อมนี้ เมื่อต้องการสื่อความหมายว่า ไม่อันใดก็อันหนึ่ง 

  • Not only … but also … แปลว่า ไม่เพียงแค่ … แต่ … ด้วย ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น Namthip is not only Beatiful, but also a great teacher. แปลว่า Namthip ไม่เพียงแค่สวยเท่านั้น แต่ยังเป็นเป็นครูที่สุดยอดอีกด้วย ดังนั้นผู้เรียนสามารถใช้คำเชื่อมนี้ เมื่อสื่อความหมายว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวในตอนแรก มักนิยมใช้ในภาษาอังกฤษสำหรับการเน้นย้ำ
  • as…as แปลว่า ….เท่ากับ….. ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น  She is as tall as me แปลว่า เธอสูงเท่ากับฉัน/ She runs as fast as I do. แปลว่า เธอวิ่งเร็วเท่าฉัน  
  • just as…so  แปลว่า …..เหมือนกับที่….. just as I thought.  แปลว่า เหมือนกับที่ฉันคิด
  • no sooner…than   ยังไม่ทันที่……ก็……หรือ เกือบทันทีที่ ยกตัวอย่างเช่น No sooner had I started mowing the lawn than it started raining แปลว่า เกือบทันทีที่ฉันได้เริ่มตัดหญ้าฝนก็เริ่มตก
  • rather…than …….ดีกว่า…. ยกตัวอย่างเช่น  She would rather live in Chonburi than in Bangkok. แปลว่า เธอชอบอาศัยอยู่ในชลบุรีมากกว่ากรุงเทพ
  • whether…or แปลว่า ว่า…..หรือ…. ยกตัวอย่างเช่น   Whether you like it or not, you have to pay the fine. แปลว่า ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม คุณก็ต้องจ่ายค่าปรับอยู่ดี
  • the…the  แปลว่า ยิ่ง…..ยิ่ง… ยกตัวอย่างเช่น    The sooner, the better. ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี (สำนวน)

คําเชื่อมภาษาอังกฤษพร้อมวิธีการใช้งานง่าย

เผยเคล็ดลับเด็ดช่วยคุณเรียนคำเชื่อมในภาษาอังกฤษกับไวยากรณ์ต่างๆ ในภาษาอังกฤษเร็วๆ คือต้องเอามาประยุกใช้บ่อย เริ่มจากการเขียนเป็นประโยคสั้นถึงยาว หรือเขียนเป็นบทความไปด้วย แล้วฝึกพูดออกมา พูดกับตัวเองในกระจกหรือแชร์ในเฟสและให้เพื่อนๆ เข้ามาช่วยอ่านช่วยเช็คให้ด้วย แก้คำที่ผิดพลาด ถ้ามีส่วนไหนเนื้อหายากจำยากไปเราก็เขียนเป็น note ติดบนโต้หรือกำแพง ที่ไหนเรามักจะเห็นบ่อยๆ รับรองวิธีนี้ได้ผลดีจริงๆ

เป็นอย่างไรบางคะ จะเห็นว่าการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไม่ยากอย่างที่คุณคิดแน่นอน เราไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งทองเก่ง 100% ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แต่เราใช้บ่อย พูดบ่อยไวยากรณ์ที่หลักๆ สำคัญรับรองว่าสอบอะไรก็ผ่านได้ และมีความมั่นใจนการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเอง

P/s: เรียนภาษาอังกฤษวันละนิด สร้างสรรกับการเรียน อย่ายอมแพ้ คุณจะเป็นคนต่อไปที่ชนะความกลัวในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและสำเร็จได้อย่างแน่นอน อย่าลืมติดตามเว็บของเราเพื่อรับความรู้เพิ่มเติมพร้อมแชร์ประสบการณ์ใช้ภาษาอังกฤษดีๆ ช่วยพัฒนาทั้งสี่ทักษะในภาษาอังกฤษไปด้วยกัน

คุณรู้ไหมว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ก็เหมือนการฝึกขี่จักรยานคือการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงเราต้องกล้าทำ เราถึงจะเก่งได้ แตกต่างจากแพ็กเกจเรียนทั่วไป สำหรับการเรียนกับ Eng Breaking ผู้เรียนจะมีโอกาสสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน
เรามีมากกว่า 167,300 นักเรียนทั่วไทยที่สำเร็จเเล้ว ถ้าคุณอยากเป็นผู้เรียนที่สำเร็จต่อไปอย่าพลาดกับการเรียนกับ Eng Breaking วันนี้.

ไม่พลาดกับบทความนี้:

ความคิดเห็น 635 รายการ

 


Neither กับ Either ใช้อย่างไร


สอบถามเรื่องคอร์ส Line: Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey
โทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
รายละเอียดคอร์ส http://www.ajarnadam.tv/
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
สาขาเชียงใหม : http://www.facebook.com/hollywoodlearningcm
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Neither กับ Either ใช้อย่างไร

So do I / Neither do I


Grammar Azercell Neither Ellipsis

So do I / Neither do I

ใช้คำว่า too/either/neither ที่ถูกต้องยังไง


ซื้อหนังสือและสินค้าอื่นๆ ได้ที่: https://fanclub.co.th/kellenjames
ติดตามผมได้ที่
Subscribe: https://youtube.com/c/ginfarang/?sub_confirmation=1
ไอจีส่วนตัว: https://instagram.com/ginkellen/
ไอจีสอนอังกฤษ: https://instagram/krukellen/
เพจเฟซบุ๊ก: https://facebook.com/ginfarang/
ติ๊กต็อก: https://www.tiktok.com/@krukellen

ใช้คำว่า too/either/neither ที่ถูกต้องยังไง

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.4 เรื่อง So and Neither


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.4 เรื่อง So and Neither

การใช้ So do I, So am I, Neither do I, Neither am I ep.4


วันนี้มาดูการใช้ประโยค So do I, So am I, Neither do I, Neither am I กันค่ะ

การใช้ So do I, So am I, Neither do I, Neither am I  ep.4

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ neither do i แปลว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *