Skip to content
Home » [Update] สำนวนอังกฤษ2 | slammed แปลว่า – NATAVIGUIDES

[Update] สำนวนอังกฤษ2 | slammed แปลว่า – NATAVIGUIDES

slammed แปลว่า: คุณกำลังดูกระทู้

Table of Contents

Linsanity! (‘เจเรมี่ หลิน’ ลือลั่น สนั่นยุทธจักรบาส!)

แชร์ช้าไปนิด แต่ว่ายังไม่ out นะ (ฮี่ๆๆ)

เชื่อว่าตอนนี้เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้จัก Jeremy Lin นักบาส NBA ดาวรุ่งเชื้อสายจีน(ไต้หวัน)กันบ้างแล้ว

**ที่อเมริกา เขา hot เสียจนมีการบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาว่า…
Linsanity (ลินซานิที่)**
ซึ่งเป็นการผสมระหว่างคำว่า…
‘Lin’ (ชื่อของ เจเรมี่ หลิน)
กับ
‘insanity’ (ที่แปลว่า บ้าคลั่ง ฯลฯ)

Linsanity หลัก ๆ ตีความได้ 2 แบบคือ
1) ‘กระแสคลั่งไคล้หลิน’ (หรือพูดง่าย ๆ ก็ “หลินฟีเวอร์” นั่นแหละ)
2) ‘เป็นฉายาเฉพาะของหลิน’ (แปลเป็นไทยคงได้ประมาณว่า “หลินระห่ำ” หรือ “บู๊หลิน” อะไรทำนองเนี้ย)

Linsanity นี่เป็นกระแสติดลมบนขึ้นมาเมื่อต้นปีนี้เองครับ โดย Jeremy Lin พอยท์การ์ดที่จู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากทีมสำรองของ New York Knicks ช่วยทีมคว้าชัยได้ 7 นัดรวด แถมโชว์ฟอร์มเทพอีกต่างหาก จนทำให้เสื้อเบอร์ของเขาขายหมดเกลี้ยง และแม้แต่ปลุกกระแสคลั่งไคล้เกมบาสเก็ตบอลในประเทศไต้หวัน(รวมถึง ‘จีน’) ขึ้นมาอีกด้วย

Lin ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของความมานะพยายามครับ

เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาต้องอดทนและฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่าง เรียกว่ากว่าจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงของทีม New York Knicks นี่… เขาทั้งเคยโดนปฏิเสธ โดนดอง โดนโละ จากทืมอื่น ๆ มาแล้ว (ถ้าจะพูดให้คิดบวก “ฟ้าย่อมมีตา” คนเราถ้าตั้งใจจริง สักวันฟ้าน่าจะเปิดทางให้เรา)

นอกจากจะเก่งเรื่องกีฬาแล้ว Lin ยังเอาดีเรื่องเรียนอีกด้วย โดยเขาศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Harvard (คณะเศรษฐศาสตร์)

ถึงช่วงนี้ Lin กับทีม NYK อาจจะมีแผ่วไปบ้าง แต่กระแสของเค้าก็ยังมิได้ซาลงไปเลย

โดยปัญหาที่เกิดขึ้น บ้างก็ว่า Lin ควรจะไปฟิตเสริมหุ่นที่บางไปหน่อย และคู่แข่งทีมอื่น ๆ เริ่มจับทางเขาได้ บ้างก็ว่าเป็นปัญหาของโค้ชและการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น โดยเฉพาะเมื่อตัวหลักอย่าง Melo กลับคืนสนาม… กระนั้น Lin ก็ยังนิ่งได้และยืนหยัดสู้ต่อไปอย่างเข้มแข็ง (แต่ก็ได้ข่าวว่าทั้งเขาและทีมกำลังค่อย ๆ คืนฟอร์มอยู่นะ) สู้ๆๆๆ Linsanity!

 

—————————–

 

หาคลิป Linsanity มาให้ชม/ฟังกันครับ

แฟน ๆ ที่ชื่นชอบถึงกับดัดแปลงเพลง Insane in the Brain
มาเป็น ‘Linsane in the Brain’

Linsanity! Journey to the NBA

ที่มาที่ไป “ท่าดีใจ” ของ Lin

Jeremy Lin ทำ 25 แต้ม ในเกมปะทะ Nets

สำนวนอังกฤษ 148

 

#PowerUp #English
#พูดอังกฤษติดสำนวน

หนังสือ IDIOM เล่มใหม่ออกแล้วนะครับ กับสำนักพิมพ์ SE-ED Smart Language ในชื่อว่า…
“POWER UP Your English – พูดอังกฤษติดสำนวนให้ฟังเริ่ด!”

เพื่อน ๆ นักอ่านสามารถหาซื้อหนังสือ POWER UP ได้ที่
– ร้านหนังสือ SE-ED ทุกสาขา
– ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
– สั่งซื้อ ONLINE ผ่านเว็บไซต์ SE-ED

= = = = = = = = = =

= = = = = = = = = =

 

Pack it in

= เลิก / หยุด

= ม้วนเสื่อ / พับโครงการ / ปิดกิจการ

ความหมาย:

Pack it in หมายถึง

–                   ละเลิก, ล้มเลิก

–                   หยุดทำ, หยุดกิจกรรม, พักงาน

–                   เข้านอน

โดยวลี pack it in นี้เปรียบเปรยกับการแพ็คกระเป๋าเก็บข้าวของเพื่อเตรียมระเห็จนั่นเอง (ถ้าเทียบกับสำนวนไทยก็คงจะประมาณว่า “ม้วนเสื่อกลับบ้าน”)

ตัวอย่างเช่น

EX1:  ‘Our store isn’t doing well. We’re going to pack it in soon.’

(ร้านของเราขายไม่ค่อยดี เราจะปิดกิจการในไม่ช้า)

 

EX2:  ‘It’s already late now, so let’s pack it in! We will do it again tomorrow.’

(ตอนนี้ค่ำแล้วล่ะ เราพักไว้ก่อนเถอะ! เราจะมาทำมันใหม่พรุ่งนี้)

 

เกร็ดที่น่าสนใจก็คือวลี ‘pack them in’ (ที่เพียงเปลี่ยนจากคำว่า it เป็น them) นี้ มันกลับมีความหมายคนละเรื่องกันเลย! โดย pack them in หมายถึง เรียกลูกค้า / มีผู้ชมแน่นขนัด

ตัวอย่างเช่น

– ‘In Kenya, fantasy films continue to pack them in.’

(ในประเทศเคนย่า หนังแนวแฟนตาซียังคงเรียกผู้ชมได้อย่างล้นหลาม)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


Don’t shit where you eat

= อย่าริมีรักในวงงาน / หลีกเลี่ยงเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน

ความหมาย:

วลี Don’t shit where you eat (อย่าทำเรี่ยราดในแหล่งหากิน) สื่อความหมายว่า “ไม่ควรมีความสัมพันธ์ชู้สาว หรือริรักกิ๊กกั๊กในที่ทำงาน” เพราะบางทีความรักใคร่อาจจะทำให้คุณเสียงานเสียการได้ ตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์ของคุณอาจถูกจับจ้องเพ่งเล็ง (จนตัวเกร็ง) และมีสิทธิ์ตกเป็นขี้ปากของคนในออฟฟิศได้ง่าย ๆ หรือเมื่อไหร่ที่คุณกับเขาเข้าหน้ากันไม่ติด บรรยากาศในที่ทำงานก็คงจะอึมครึมขมุกขมัวแน่ ๆ (จากปกติที่งานเข้าอยู่แล้ว เจอแบบนี้ก็ยิ่งงานเข้าเข้าไปใหญ่ ฮ่าๆๆ)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


Under one’s belt

= มีประสบการณ์(ติดตัว) / มีดีกรี / มีผลงาน / ครองสถิติ / ครอบครอง(ธุรกิจ) / ประดับบารมี

ความหมาย:

Under one’s belt หมายถึง

–                   มีประสบการณ์, มีคุณวุฒิ, มีภูมิความรู้, มีชั่วโมงบิน

–                   มีประสบการณ์ติดตัวอย่างช่ำชองแตกฉาน จนเป็นที่ยอมรับนับถือ

–                   ผ่านการเรียนรู้หรือประสบความสำเร็จบางอย่างที่จะทำให้คุณมีข้อได้เปรียบในอนาคต

–                   อยู่ในความครอบครองดูแล (โดยเฉพาะในเชิงธุรกิจ/บริหาร)

 

ตัวอย่าง:

EX1: ‘That boxer has several knockouts under his belt. He will be a dangerous opponent.’

(นักมวยคนนั้นครองสถิติชนะน็อคหลายครั้ง เขาจะต้องเป็นคู่ปรับที่น่ากลัว)

 

EX2:  ‘With six years in the business under her belt, Angella has skills in both the wholesale and retail side of the wine industry.’

(ด้วยประสบการณ์ 6 ปีในธุรกิจ แองเจลล่ามีทักษะทั้งในด้านการขายส่งและขายปลีกของอุตสาหกรรมไวน์)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->



Haters gonna hate

= ก็คนมันเกลียด / พวกที่เกลียดก็เกลียดอยู่วันยังค่ำ / ใครจะเกลียดก็เชิญ

ความหมาย:

Haters gonna hate (“คนมันจะเกลียด”) เป็นวลีที่สื่อความหมายว่า เวลาคนเราไม่ชอบขี้หน้าใครแล้วล่ะก็ เขาก็จะพาลเกลียดคน ๆ นั้นไปเสียทุกเรื่อง (เรียกได้ว่าทำอะไรก็ผิดไปหมด) และต่อให้คนผู้นั้นทำดีแค่ไหนก็ตาม เขาก็จะมองไม่เห็น แต่ถ้าเป็นเรื่องจับผิดนี่ถนัดนักเชียว (ประมาณว่า “ขนาดหายใจยังผิด” 55)

Haters gonna hate เป็นวลีดังที่พบบ่อย ๆ ในโลกออนไลน์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ “คอนเทนท์ที่เกี่ยวกับศิลปิน” ทั้งหลายแหล่ (ซึ่งก็จะมีทั้ง “แฟนคลับ” และ “แฟนขับ”) โดยพวกหลังที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า haters นี้ก็คอยจ้องแต่จะรุมถล่ม ตามจิกกัดด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา เช่น เม้นเกรียน ๆ , ป่วนกระทู้, ปล่อยข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ เป็นต้น

ทีนี้ถ้าเขาเกรียนมา แล้วเราไปเกรียนตอบ บางครั้งมันก็กลายเป็นไปเข้าทางพวก haters เสียแทน! สำหรับแฟนขับบางคนต่อให้เราตอบโต้เขาด้วยเหตุผลที่ดีแค่ไหน ก็ไม่ได้ประโยชน์ เสียเวลาไปเปล่า ๆ สู้เรานิ่ง ๆ ไว้ เมินมันซะดีกว่า แล้วก็ตัดบทไปว่า ‘Haters Gonna Hate.’ (ใครจะเกลียด ก็ช่าง_ _ _!)

ตัวอย่าง:

A: ‘Don’t give a shit! They hate you, they gonna hate everything about you. Don’t waste your time to fight back cuz they still gonna hate you if you win. (อย่าไปใส่ใจเลย! พวกนั้นเกลียดเธอ พวกเขาจะเกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ อย่าไปเสียเวลาโต้ตอบเลย เพราะพวกนั้นก็ยังเกลียดเธออยู่ดีถ้าเธอเถียงชนะ)

B: ‘Totally agree, haters gonna hate!’

(เห็นด้วยสุด ๆ ก็คนมันจะเกลียดซะอย่าง!)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 147

หนังสือ IDIOM & SLANG ทั้ง 2 เล่ม มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไปแล้วนะครับ

เช่น ซีเอ็ด / B2S / ศูนย์หนังสือจุฬา / Double A Book Tower / นายอินทร์ / แพร่พิทยา / Kinokuniya

เพื่อนๆสามารถแวะไปชมและอุดหนุนกันได้นะครับ

(หรือสั่งซื้อโดยตรงกับ สนพ.ปัญญาชน)

 

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Speak for itself

= อธิบายได้ด้วยตัวมันเอง / ชัดเจนในตัวมันเอง

= บ่งบอก / เป็นที่ประจักษ์ / เป็นเครื่องพิสูจน์

= สื่อสารด้วยผลงาน

 

ความหมาย:

Speak for itself หมายถึง สิ่งที่สามารถถ่ายทอดสื่อสารออกมาได้ด้วยตัวมันเอง หรือมีความชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดหรือคำอธิบายใด ๆ ให้มากความ

ตัวอย่างหนึ่งที่เราจะพบได้บ่อย ๆ ก็คือในแวดวงศิลปะ ที่นิยมให้ผลงานสื่อสารตัวมันเองกับคนดู มากกว่าที่จะให้ศิลปินมาคุยโม้โอ้อวดว่าผลงานของตนมีดีอย่างนู้นอย่างนี้ (‘Let the art speak for itself!’ – ให้ศิลปะพูดด้วยตัวมันเองเถอะ!)

 

ตัวอย่าง:

– “Lionel Messi is probably the best soccer player in the world right now. His accomplishments speak for themselves.”

(ลิโอเนล เมสซี่ คงจะเป็นผู้เล่นฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ ความสำเร็จของเขาเป็นที่ประจักษ์ชัด)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 


On your doorstep / At one’s door

= ใกล้ตัว / ใกล้ ๆ

= ถึงที่ / ถึงบ้าน

= อยู่ในความดูแล / อยู่ในความรับผิดชอบ

 

ความหมาย:

วลี On your doorstep ที่เปรียบเปรยกับการมายืนอยู่ถึงหน้าประตูบ้านนี้ หมายถึง

–                   ถึงที่, ถึงตัว, ถึงบ้าน, ถึงถิ่น

–                   ในบริเวณบ้านคุณ

–                   ใกล้ตัว / ใกล้บ้าน, ใกล้ที่ทำงาน

–                   อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ

 

สำหรับในความหมายสุดท้าย(อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ) มักจะมีคำกริยาที่ใช้ควบคู่กันอย่างเช่น lay, put  (หยิบยื่น, โบ้ยให้) และ arrive (มาถึงตัว) ยกตัวอย่าง…

‘They always lay their problems on my doorstep.’ (พวกเขาชอบโบ้ยปัญหามาให้ฉันตลอด)

 

ตัวอย่าง:

EX1:      ‘The eurozone crisis is ‘a ticking time bomb’ that lies at Turkey’s doorstep, according to a top economist, Daron Acemoglu.’

(วิกฤติยูโรโซนเป็นเหมือนระเบิดเวลาใกล้ตัวของตุรกี จากทัศนะของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ ดารอน อัดเจมอกลู)

 

EX2:      ‘Local Authorities need to recognise the problem is on their doorstep.’

                (เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องตระหนักว่าปัญหาอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตน)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 


H.A.M.

= แข็งสุดๆ / หินสุดๆ

= เคี่ยว / โหด

= เอาจริง / จัดหนัก

 

ความหมายและที่มา:

h.a.m. ในที่นี้ย่อมาจาก ‘hard as a motherf**ker’ ซึ่งเป็นภาษาสแลงของฝรั่งวัยโจ๋ (แบบดิบ ๆ หน่อย ไม่ค่อยสุภาพ)

1) ความหมายของมันจะเน้นที่คำว่า ‘hard’ เป็นหลัก (‘แข็ง / หนัก / ยาก / รุนแรง’)

2) ส่วน as a motherf**ker นั้นทำหน้าที่เป็นคำขยาย (motherf**ker ในภาษาสแลงที่ฝรั่งใช้กันนั้น ไม่จำเป็นจะต้องแปลตรงตัวเสมอไป ในที่นี่เราอาจจะแปลได้ว่า “สุดๆ / โคตรๆ / เชี่ยๆ”)

3) พอมารวมกันแล้ว ‘hard as a motherf**ker’ ก็สามารถจะแปลความหมายได้ทำนองว่า

– แข็งจริงๆ  /  หินสุดๆ  /  ยากโคตรๆ  /  เคี่ยวชิบ  /  โหดสัส  /  ฯลฯ

 

เดี๋ยวนี้จิ๊กโก๋ฝรั่ง(โดยเฉพาะวัยรุ่นผิวสี) เขาจะนิยมใช้วลี go ham (ย่อมาจาก go hard as a motherf**ker) กัน ซึ่งผู้ให้กำเนิดวลี go ham นี้ก็คือพวกศิลปินฮิพฮ็อพนั่นเอง ดังจะเห็นได้จากในเพลง ‘I go ham’

พอเราพูดว่า ‘I go ham.’ (ไอ โก แฮม) ก็จะได้ความหมายทำนองว่า “ชั้นเอาจริงนะเว้ย” / “ชั้นจัดหนักแน่” / “ชั้นไม่ออมมือ”

 

และในเกมกีฬาหรือการแข่งขันต่าง ๆ ถ้าใครคนไหน go ham นั่นเท่ากับหมอนั่นกำลังท็อปฟอร์ม ไร้เทียมทานสุดๆ เช่น

‘Vikings running back Adrian Peterson going ham.’

(รันนิ่งแบ็คทีมไวกิ้ง เอเดรียน พีเทอร์สัน กำลังฟอร์มดุ)

 

ทิ้งท้ายด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกอย่างหนึ่งของคำว่า ham…

ด้วยความบังเอิญ ในวงการบันเทิงเขาก็มีคำว่า ham เหมือนกัน แต่มันจะสื่อความหมายในเชิงลบ โดย ham actor หมายถึง นักแสดงที่เล่นไม่ได้เรื่อง เล่นไม่เป็นธรรมชาติ ชอบโอเวอร์แอ็คติ้ง (แต่ที่มาของ ham actor นั้นมันคนละเรื่องเดียวกันเลย โดยเป็นคำเก่าที่ย่อมาจาก hamfatter นั่นเอง)

 

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

 

Blow your socks off

= ทำให้อึ้ง / ทำให้ตะลึง / ทำให้เคลิบเคลิ้ม

 

คำเหมือน (Syn):

–                   Knock your socks off

 

ความหมายและที่มา:

Blow your socks off เป็นสแลงที่ใช้เมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาทำให้คุณทึ่ง, ประหลาดใจ, ประทับใจอย่างแรง หรือมันทำให้คุณรู้สึกดีจนเคลิบเคลิ้ม

 

หลายคนคงจะงงว่าแล้วไอ้เจ้า “ถุงเท้าหลุด” เนี่ย…มันมาเกี่ยวกับอารมณ์เซอร์ไพรส์สุดติ่งได้อย่างไร???

 

เรื่องมันมีที่มาครับ แต่คงต้องฟังหูไว้หูหน่อยนิ อิอิ >>>

–                   เรื่องแรก ฝรั่งเขาสันนิษฐานว่าสำนวนนี้มีที่มาจากการ “ดวลกำปั้น” ซึ่งบางครั้งคู่ต่อสู้ก็ต่อยกันดุเดือดเสียจนอีกฝ่ายล้มกระเด็น รองเท้าถุงเท้าหลุดลุ่ย (นอกจากนี้คำว่า sock มีรากศัพท์มาจากคำในภาษาละติน ‘soccus’ ที่แปลว่า รองเท้าสาน/รองเท้าแตะ)

 

–                   เรื่องที่สอง เรื่องนี้ติดเรทนิดหน่อย กล่าวคือ… วงการหนังโป๊ฝรั่งในยุค 40-50 ซึ่งถ่ายทำกันแบบบ้าน ๆ เงียบ ๆ (เงียบจริง ๆ เพราะส่วนใหญ่เป็นหนังเงียบ ฮ่าๆ) และผลิตเอาไว้สำหรับฉายดูเฉพาะกลุ่ม(หนุ่มโฉด) มันมีเอกลักษณ์ที่แสนพิลึกกึกกือนั่นคือ “นักแสดงชายในเรื่องนอกจากจะสวมหน้ากากหรือใส่แว่นอำพรางหน้าตาแล้ว… พวกเขามักจะชอบสวมถุงเท้าในระหว่างเข้าพระเข้านางด้วย!” (สันนิษฐานว่าเนื่องจากความอาย โดยส่วนใหญ่พวกหนุ่ม ๆ เหล่านี้มักจะเป็นดาราสมัครเล่นและมีอาการเขินกล้อง) และเพราะว่ามันยากที่จะเกลี้ยกล่อมให้หนุ่ม ๆ นักแสดงยอมถอดถุงเท้าตอนเข้ากล้อง จนในที่สุดมันก็เลยกลายมาเป็นมุกอำทำนองว่า… ถ้าหนังเรื่องไหนร้อนแรงจนทำให้คุณอึ้ง-ทึ่ง-เสียว-ครางฮือ! นั่นแสดงว่า “มันมีทีเด็ดเสียจนทำให้คุณถึงกับถุงเท้าหลุดได้!” (Knock your socks off!)

 

ตัวอย่าง:

– ‘Unless you’ve been living under a rock, you’ve heard about Susan Boyle’s knockyoursocksoff performance on Britain’s Got Talent.’

(ถ้าหากว่าคุณไม่ได้อยู่หลังเขาล่ะก็ คุณจะต้องได้ยินเกี่ยวกับการแสดงที่น่าประทับใจของ ซูซาน บอยล์ ในรายการ บริเทนส์ ก็อท ทาเล็นท์)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 145

หนังสือ IDIOM & SLANG เล่ม 2 (สำนวนสนุก สแลงสนาน) มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไปแล้วนะครับ

เช่น ซีเอ็ด / B2S / ศูนย์หนังสือจุฬา / Double A Book Tower / นายอินทร์ / แพร่พิทยา / Kinokuniya

เพื่อนๆสามารถแวะไปชมและอุดหนุนกันได้นะครับ

(หรือสั่งซื้อโดยตรงกับ สนพ.ปัญญาชน)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


weaksauce

= อ่อน / จืด / ไม่ไหว

= เห่ย / ห่วย / กระจอก

 

ความหมาย:

–                   อ่อนแอ / อ่อนหัด / กระจอกงอกง่อย

–                   เห่ย / ห่วยแตก / ไม่ได้เรื่อง / ไม่สำคัญ

–                   จืดชืด / เชย

               

ที่มา:

Weak sauce เป็นสแลงที่เปรียบเทียบกับซอสเผ็ดน้อย (mild) ของร้านอาหารชื่อดัง Taco Bell ซึ่งเมื่อเทียบกับซอสรสอื่น ๆ แล้ว มันกลายเป็นซอสที่น่าผิดหวัง ไร้ซึ่งความเผ็ดร้อนจัดจ้าน (หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “จืดสนิท” นั่นแหละ)

ตัวอย่าง:

– “That movie was weaksauce, I want my money back!”

(หนังเรื่องนั้นไม่ได้เรื่องเลย ฉันอยากได้เงินคืน!)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

It takes one to know one

= ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง

= โจรย่อมรู้สันดานโจร / ผีเห็นผี

= ก็พอๆกันนั่นแหละ

ความหมาย:

–                   คนที่เอ่ยปากวิพากษ์วิจารณ์ ก็ทำผิดเหมือนๆกัน หรือไม่ได้ดีเด่ไปกว่า คนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์

–                   คนที่มีนิสัย(สันดาน)เหมือนๆกันเท่านั้น ถึงจะรู้นิสัย หรือรู้เท่าทัน คนประเภทเดียวกันได้

นอกจากนี้ยังมีอีกสำนวนหนึ่งที่มีความหมายใกล้เคียงกัน นั้นคือ It takes a thief to catch a thief. (ใช้โจรจับโจร)

ตัวอย่าง:

– “You say he’s a playboy? It takes one to know one!

(นายบอกว่าหมอนั่นเป็นเพลย์บอยเหรอ? ใครจะไปรู้จักโจรดีเท่าโจร!)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


Pull one’s punch  

= ออมมือ / เพลามือ / กั๊ก

= อ่อนข้อ / ยั้งมือ / ประนีประนอม

= ยั้งปาก / อ้อมค้อม / ถนอมน้ำใจ

ความหมายและที่มา:

Pull one’s punch มาจากวงการมวย หมายถึง การต่อยแบบออมมือ ออกหมัดไม่เต็มแรง เพื่อให้อีกฝ่ายชนะ (พูดง่าย ๆ ก็คือ “การล้มมวย” นั่นเอง)

ทีนี้เมื่อนำมาใช้เป็นสำนวน มันหมายความว่า

–                   การออมมือให้

–                   การยอมอ่อนข้อ อะลุ้มอล่วย ประนีประนอม

–                   การยั้งปาก วิจารณ์แต่พอดี (หรือพูดอ้อม ๆ ซอฟต์ ๆ เพื่อถนอมน้ำใจอีกฝ่าย)

ตรงกันข้าม ถ้าเป็นสำนวน pull no punch ล่ะก็ มันจะหมายถึง ใส่ไม่ยั้ง หรือพูดกันตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม (จัดเต็มและจะแจ้งกันไปเลยงานนี้!)

ตัวอย่าง:

EX1:      “She didn’t want to hurt your feeling, so she pulled her punches.”

(เธอไม่อยากทำร้ายความรู้สึกนาย เธอก็เลยพูดถนอมน้ำใจ)

EX2:      “Razorlight pull no punches by announcing their next album will be dreadful.”

(วงเรเซอร์ไลท์ ไม่ประนีประนอม ประกาศกร้าวว่าอัลบั้มหน้าจะต้องจัดหนัก)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Go down the tubes

= ตกต่ำ / ดิ่งลงเหว

= เสื่อมถอย / เสื่อมคลาย

= ตกกระป๋อง / ตกอับ

= ล้มเหลว / เจ๊ง / หดหาย

ความหมายและที่มา:

Go down the tubes เป็นสำนวนที่สื่อความหมายในเชิงลบ ได้แก่ ล้มเหลว, ย่ำแย่, เสื่อมถอย และสูญสิ้น (สมมติว่าถ้าใช้ ‘go down the tubes’ กับแผนการ = แผนการล้มเหลว ไม่ได้ดั่งใจ / หรือถ้าใช้กับความรัก = ความรักเสื่อมคลาย แตกหักเลิกรา)

สำนวน go down the tube มีที่มาเหมือนกับ go down the drain โดยมันอุปมากับสิ่งที่ถูกชะล้างไหลดิ่งลงท่อน้ำทิ้งไปพร้อม ๆ กับสิ่งเหลือเดนที่ไม่มีใครต้องการ

ตัวอย่าง:

– “American TV went down the tubes with the over abundance of reality TV.”

(วงการทีวีในอเมริกาตกต่ำอย่างแรงด้วยสภาพล้นตลาดของรายการแนวเรียลลิตี้)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สำนวนอังกฤษ 144

หนังสือ IDIOM & SLANG เล่ม 2 (สำนวนสนุก สแลงสนาน) มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไปแล้วนะครับ

เช่น ซีเอ็ด / B2S / ศูนย์หนังสือจุฬา / Double A Book Tower / นายอินทร์ / แพร่พิทยา / Kinokuniya

เพื่อนๆสามารถแวะไปชมและอุดหนุนกันได้นะครับ

(หรือสั่งซื้อโดยตรงกับ สนพ.ปัญญาชน)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Take one for the team

= เสียสละ / อุทิศตน / พลีชีพ

ความหมายและที่มา:

Take one for the team หมายถึง การยอมเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อเพื่อน เพื่อทีม (เช่น คุณอาจจะยอมเจ็บตัว ยอมโดนด่า ยอมเสียหน้า ยอมลำบาก ฯลฯ เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม)

ที่มาของสำนวนนี้มาจากวงการกีฬา(โดยเฉพาะเบสบอล) ที่บางครั้งผู้เล่นยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ทีมของตนเป็นฝ่ายได้เปรียบ (ในกีฬาเบสบอล บางครั้งแบตเตอร์หรือผู้ตียอมเอาตัวบังบอล เพื่อที่จะได้เลื่อนขึ้นไป 1 เบส และสร้างโอกาสในการผลักดันเกม)

สำหรับวัยรุ่นมะกัน บางครั้งพวกเขาจะใช้ take one for the team แบบฮาๆ ตัวอย่างเช่น ก๊วนเพื่อนหนุ่มๆ ยกพลไปหลีสาวๆ ที่มากันเป็นโขยง แล้วหนึ่งหนุ่มยอมเสียสละพลีชีพจีบสาวอ้วนดำ เพื่อให้ไอ้เกลอหนุ่มๆ ได้ลุ้นจีบสาวสวยที่เหลือ (“He’s taking one for the team!” – เขายอมพลีชีพเพื่อเพื่อน!)

 

ตัวอย่าง:

–   “Jenny often stays late at work. She’s taking one for the team.”

(เจนนี่มักจะอยู่ทำงานจนดึกดื่น เธออุทิศตนเพื่อองค์กร)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Right on the money

= ถูกต้อง / ถูกเผง / ตรงเป๊ะ / แม่นเหมือนจับวาง

ความหมายและที่มา:

Right on the money หมายถึง ถูกต้อง, แม่นยำ

สำหรับที่มาของมันนั้นมีอยู่ 2-3 กระแส ได้แก่

–                   เรื่องแรก นักธนูในอดีตมีการแข่งขันชิงรางวัล โดยจะมีการนำเหรียญกษาปณ์ไปติดไว้ตรงกลางเป้า และนักแม่นธนูรายใดที่ยิงลูกศรเข้าใกล้เหรียญมากที่สุด ก็จะได้เหรียญนั้นไปครอง

–                   เรื่องที่สอง ก็เกี่ยวข้องกับเป้าอีกแล้ว โดยในกีฬาปาเป้า/ยิงธนูนั้น ฝรั่งเขาจะมีศัพท์เฉพาะไว้เรียกเป้าตรงกลางว่า bull’s eye (และไอ้เจ้าคำว่า bull’s eye นี้ ชาวอังกฤษก็เคยใช้เรียกแทนเหรียญ 1 คราวน์มาก่อน)

–                   เรื่องที่สาม ตีความกันซื่อๆ โดยเขาว่ากันว่ามันเป็นศัพท์จากวงการพนันม้า ประมาณว่า “right on the money = แทงถูก” นั่นเอง

ตัวอย่าง:

EX1:      “You said that they would betray us, you were right on the money.”

(นายพูดว่าพวกเค้าจะหักหลังเรา ตรงอย่างที่นายว่าไว้ไม่มีผิดเลย)

EX2:      “The winger’s crossing was right on the money.”

(การเปิดบอลของปีกแม่นเหมือนจับวาง)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Make a dent in

= กระเตื้อง / คืบหน้า / ก้าวหน้า

= ยุบ / พร่อง / ร่อยหรอ

= มีผลกระทบ / ส่งผลกระทบ / จุดประกาย / สร้างจุดเปลี่ยน

ความหมาย:

Make a dent in เป็นสำนวนที่แปลความได้หลักๆ 3 แบบ ได้แก่

1)            กระเตื้อง / คืบหน้าอย่างช้าๆ

2)            ยุบ / พร่อง

3)            มีผลกระทบ

Make a dent แปลตรงตัวว่า “สร้างรอยยุบ / ทำให้บุบ / กระทุ้ง” เมื่อนำมาใช้เป็นสำนวน มันมักจะถูกใช้ในประโยคเชิงลบคู่กับคำว่า only หรือ hardly หรือ barely เพื่อสื่อว่า… งานคืบหน้าไปแบบเชื่องช้า(กระเตื้อง) หรือแทบไม่คืบหน้าเลย ตัวอย่างเช่น

EX1:     ‘They worked all day and only made a dent in their report.’

                        (พวกเขาทำงานมาทั้งวัน และรายงานเพิ่งจะกระเตื้องนิดหน่อย)

 

อีก 1 รูปแบบการใช้ที่ค่อนข้างตรงตัว จะสื่อความหมายถึง การพร่อง / ลดทอน / ร่อยหรอ ตัวอย่างเช่น

EX2:     ‘The home repairs after flooding will make a big dent in our savings.’

                        (การซ่อมบ้านหลังน้ำท่วมจะทำให้เงินออมของเราร่อยหรอลงไปเยอะ)

 

และสำหรับการใช้รูปแบบสุดท้าย มันสื่อถึงสิ่งที่มีผลกระทบ กระตุ้น หรือบันดาลจุดเปลี่ยนในวงกว้าง (อุปมาการ ‘กระแทกกระทุ้ง’ = การสร้าง ‘ความกระทบกระเทือน’)

EX3:     ‘Agriculture in Afghanistan needs to grow at a minimum of 5 percent a year over the next decade for the country to make a dent in rural poverty and attain food security.

(การเกษตรกรรมในประเทศอัฟกานิสถานจะต้องมีอัตราการเติบโตปีละอย่างน้อย 5 เปอร์เซ็นต์ในทศวรรษหน้า เพื่อผลักดันการแก้ปัญหาความยากจนในชนบท และสร้างความมั่นคงทางอาหาร)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

It is what it is

= ก็มันเป็นอย่างนั้น / มันก็เป็นอย่างนี้แหละ / มันเป็นเช่นนั้นเอง

= ก็ต้องเป็นไปตามนั้น / เป็นแบบนั้นอยู่วันยังค่ำ

= ‘ก็มันเป็นงี้อ่ะ จะให้ทำไงได้’

ความหมาย:

It is what it is (“มันเป็นอย่างที่มันเป็น”) เป็นวลีดังที่ฝรั่งนิยมใช้กันมาก มันเป็นคำพูดที่ออกจะกำกวมและยียวน (ตอบเหมือนไม่ได้ตอบ) และมักจะถูกใช้ในสถานการณ์เหล่านี้

–                   ตอบแบบอ้อมแอ้ม ไม่เต็มใจตอบ

–                   ตอบแบบไม่รู้จะตอบอะไร

–                   ตอบแบบไม่อยากเปิดเผยรายละเอียด

–                   หรือพูดไปเพราะปลดปลง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรกับสิ่งที่เป็นอยู่ได้ (ช่างมัน!)

วลีนี้เริ่มเป็นที่นิยมในสหรัฐ เมื่อนักการเมืองชื่อดัง Al Gore ใช้มันในการแสดงความคิดเห็นเมื่อปี ค.ศ. 2002 ดังนี้…

“I strongly disagreed with the Supreme Court decision and the way in which they interpreted and applied the law. But I respect the rule of law, so it is what it is.”

(ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำตัดสินของศาลสูงสุด รวมทั้งแนวทางที่พวกเขาตีความและใช้กฎหมาย แต่ผมเคารพในหลักนิติรัฐ เราก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น)

 

ตัวอย่าง:

A: “Why my idiom book doesn’t sell like gossip magazine?”

(ทำไมหนังสือสำนวนของฉันถึงไม่ขายดีแบบนิตยสารกอสซิปมั่งนะ?)

B: “Well, it is what it is.

(ทำใจ มันก็อย่างนี้แหละโยม)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สำนวนอังกฤษ 143

#PowerUp #English
#พูดอังกฤษติดสำนวน

หนังสือ IDIOM เล่มใหม่ออกแล้วนะครับ กับสำนักพิมพ์ SE-ED Smart Language ในชื่อว่า…
“POWER UP Your English – พูดอังกฤษติดสำนวนให้ฟังเริ่ด!”

เพื่อน ๆ นักอ่านสามารถหาซื้อหนังสือ POWER UP ได้ที่
– ร้านหนังสือ SE-ED ทุกสาขา
– ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
– สั่งซื้อ ONLINE ผ่านเว็บไซต์ SE-ED

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Separate the men from the boys / Separate the sheep from the goats

= พิสูจน์ว่าใครคือตัวจริง

= ตัวจริงตัวปลอม / แยกตัวจริงออกจากตัวปลอม

ความหมายและที่มา:

การจำแนกแยกแยะว่าใครคือตัวจริง(ผู้ที่เก่งจริง มีฝีมือจริง) หรือใครที่เก๋าจริง (มีประสบการณ์/วุฒิภาวะเหนือกว่า)

ที่มาดั้งเดิมของสำนวนนี้ มาจากในพระคัมภีร์ไบเบิล (มัทธิว 25:32) ที่กล่าวถึงวันพิพากษาหลังสิ้นโลก ซึ่งพระเยซูจะทรงแยกคนดีออกจากคนชั่ว มีใจความว่า…

 “And all nations shall be gathered together before him, and he shall separate them one from another, as the shepherd separateth the sheep from the goats.” (บรรดาประชาชาติต่างๆจะประชุมพร้อมกันต่อพระพักตร์พระองค์ และพระองค์จะทรงแยกมนุษย์ทั้งหลายออกเป็นสองพวก เหมือนอย่างผู้เลี้ยงแกะจะแยกแกะออกจากแพะ)

ตัวอย่าง:

– ‘Working in a crisis like this really separates the men from the boys.’

(การทำงานในภาวะวิกฤติเช่นนี้เป็นบทพิสูจน์ว่าใครคือของจริง)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


Team up

= จับคู่ / แท็คทีม / ประสาน / รวมหัว / ร่วมงาน

ความหมาย:

Team up หมายถึง การจับคู่ ร่วมมือกันทำงาน หรือทำอะไรสนุกๆ เจ๋งๆ ด้วยกัน

ถ้าเราพบคำว่า team up ตามข่าวทั่วไป มันมักจะหมายถึง การร่วมงานร่วมโปรเจ็คของสองยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มองค์กร หรือศิลปิน ที่สร้างความตื่นตะลึงให้แก่วงการ

ตัวอย่าง:

– ‘A pair of martial arts icons, Donnie Yen And Jackie Chan teaming up For ULTIMATE CODEBREAK.’

 (คู่พระกาฬแห่งวงการหนังบู๊ ดอนนี่ เยน และ เฉินหลง จับคู่ประชันบทบาทในหนังเรื่อง อัลติเมท โค้ดเบรก)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Feel it in my bones

= สังหรณ์ใจ / มีลางสังหรณ์

= มั่นอกมั่นใจ / สัมผัสได้ / หยั่งรู้

ความหมาย:

“Feel it in my bones (รู้สึกลึกลงไปถึงกระดูก)” หมายถึง รู้สึกมั่นใจว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นหรือจะเป็นจริง แม้ว่ายังไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ใดๆก็ตาม เป็นการรู้ล่วงหน้าได้ด้วยสัญชาตญาณ

ตัวอย่าง:

– ‘I think this song is going to be a big hit. I can feel it in my bones.’

 (ฉันคิดว่าเพลงนี้จะต้องดังระเบิด ฉันมั่นอกมั่นใจ)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Get away from it all

= หลีกหนีความจำเจ / หลีกหนีความวุ่นวาย / เปลี่ยนบรรยากาศ

= ปลีกวิเวก / หลบไปพัก / หลบลี้หนีหน้า

ความหมาย:

–                   หลีกหนีจากชีวิตประจำวันที่ซ้ำซากจำเจ ไปยังที่ที่แปลกใหม่ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

–                    การเดินทางไปพักผ่อน หลีกหนีจากความวุ่นวาย ให้เวลาสงบๆกับตัวเอง

–                   หลีกหนีปัญหา ตัดขาดจากโลกภายนอก

ตัวอย่าง:

– ‘I’m tired of the city life. I want to get away from it all.’

 (ฉันเบื่อหน่ายชีวิตในเมือง ฉันอยากจะหนีไปอยู่หลังเขา)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 139.5

ฝากไว้ในอ้อมใจเพื่อนๆนักอ่านด้วย (ฮิ้วๆๆๆ)

หนังสือ IDIOM & SLANG เล่ม 1 และ 2 ตอนนี้มีวางจำหน่ายอยู่ตามร้านหนังสือทั่วไปแล้วนะครับ

ทั้ง CU BOOK  /  ซีเอ็ด  /  B2S  /  Double A Book Tower

หรือจะสั่งซื้อกับทาง สำนักพิมพ์ปัญญาชน ก็ได้เช่นกัน

ใครไปร้านหนังสือ แวะดูกันได้นะครับ

IDIOM & SLANG เล่ม 1 = ชำแหละสำนวนอังกฤษ (พิมพ์ครั้งที่2)
IDIOM & SLANG เล่ม 2 = สำนวนสนุก สแลงสนาน

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

เคยมีเพื่อนสมาชิกถามประโยคว่า “มันก็แค่ของนอกกาย ตายก็เอาติดตัวไปไม่ได้”

ภาษาอังกฤษว่า “It’s just material… you can’t take it with you!”

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

ถ้าจะพูดว่า “ขอเลื่อนเป็นคราวหน้า / ขอผัดไว้ก่อนนะ”
เพื่อนๆสามารถพูดว่า I’ll take a rain check.
หรือทำเป็นประโยคคำถาม ‘Can I get a rain check?’ (ขอเป็นครั้งหน้าได้ไหม?)

ที่มาของมันก็คือ…
raincheck นี้เป็นตั๋วชดเชยครับ สำหรับเกมกีฬาในเมืองนอก ซึ่งถ้ามีฝนตกแล้วการแข่งต้องยกเลิก คนดูก็จะไปขอตั๋ว rain check เอาไว้สำหรับดูนัดแข่งใหม่

นอกจากนี้ ตามห้างก็นิยมใช้กัน อย่างเช่นมีการเข้าคิวซื้อสินค้า แล้วของเกิดหมดสต็อค ทางห้างก็จะให้ raincheck กับลูกค้า เพื่อเป็นหลักประกันว่าถ้าลูกค้ามาซื้อใหม่ตอนมีของแล้ว จะได้ส่วนลดพิเศษ

ตัวอย่างเช่น
I was going to go on a picnic, but since the weather has turned, I’ll take a rain check. (ฉันกำลังจะไปปิคนิค แต่เพราะอากาศแปรปรวน ฉันจะเลื่อนไปก่อน)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

M thru F???

วิธีเขียน วันจันทร์-ศุกร์ ของฝรั่ง…
นอกจากแบบปกติ Monday to Friday (Monday through Friday) แล้ว
เราสามารถใช้ได้ว่า M thru F ครับ

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

>>> Can’t complain

วิธีตอบรับของฝรั่งอีกอย่างนอกจากคำว่า “Okay.”
***เพื่อนๆสามารถใช้วลี “Can’t complain.”***
= หรือแปลเป็นไทยว่า “ก็ดี” / “ก็เรื่อยๆ” / “ไม่เลว” / “พอได้น่ะ”

can’t complain เป็นวิธีในการตอบเพื่อแสดงว่าทุกอย่างปกติดี พอถูไถ ไม่มีอะไรเลวร้าย (ไม่รู้จะบ่นอะไร / ไม่มีอะไรให้ติบ่นก่นด่า)

ตัวอย่าง(ในประโยคสนทนา):
A: “How’ve you been?” (เป็นอย่างไรบ้าง)
B: “Can’t complain.” (ก็ดีนี่)

ตัวอย่าง(ในบทความ/ประโยคบอกเล่า)
– It’s a blessing that we work together so I can’t complain about not seeing him enough. (โชคดีที่เราได้ทำงานด้วยกัน ฉันก็เลยหมดสิทธิบ่นเรื่องที่ว่าจะไม่ค่อยได้เจอเขา)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

>>> porkward

porkward เป็นสแลงที่มีความหมายเหมือนกับ ‘awkward’
แปลว่า
– เปิ่น / เงอะงะ / เก้ๆกังๆ
– เฟอะฟะ / ซุ่มซ่าม
– กระอักกระอ่วน / อึดอัด
– น่าอาย / ขายหน้า
– รุ่มร่าม

สแลงตัวนี้ ฝรั่งเขาเล่นคำ
***โดยเอาคำว่า pig/pork มาฟิวชั่นกับ awkward = porkward***
(ก็ประมาณว่าเอาบุคลิกของหมูมาบวกกับคำว่าเงอะงะ ให้มันยิ่งฟังดูขำๆ)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 138

 

เพื่อนๆสามารถหาซื้อหนังสือ IDIOM & SLANG ได้ตามร้านหนังสือทั่วไป

หรือจะสั่งซื้อกับทาง สำนักพิมพ์ปัญญาชน ก็ได้เช่นกัน

และเร็วๆนี้ หนังสือ IDIOM & SLANG เล่ม 2 ใกล้จะคลอดแล้วจ้า ^ ^

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

In a different league

= เหนือชั้น / เหนือระดับ / ห่างชั้น

 

ความหมาย:

เหนือชั้น / ยอดเยี่ยมกว่า / พิเศษกว่า / สุดยอด

 

ตัวอย่าง:

– “Daniel Radcliffe is in a sort of different league. I don’t know many 17 or 18 year olds who would have done ‘Equus,’ and now he’s singing and dancing on Broadway,” Gary Oldman said.

(“แดเนียล แรดคลิฟ เป็นดาราที่เหนือชั้น ผมไม่ค่อยรู้จักเด็กอายุ 17-18 ปีที่ได้เล่นละครเวทีอย่าง ‘อิคุส’ และตอนนี้เค้ากำลังร้องและเต้นอยู่บนเวทีบรอดเวย์” แกรี่ โอลด์แมน กล่าว)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Not my cup of tea

= ไม่ถูกใจ / ไม่ใช่แนว / ไม่ปลื้ม

 

ความหมายและที่มา:

Not my cup of tea หมายถึง ไม่ค่อยชอบ ไม่โปรดปราน ไม่พิสมัย (หรือใช้แบบย่อๆว่า ‘Not my cuppa’ / ‘Not in my cuppa’)

 

ที่มาของมันก็มาจากรสนิยมของชาวอังกฤษที่ชอบดื่มชานั่นเอง ยุคแรกๆวลี ‘a cup of tea’ ถูกใช้ในแง่บวกแทนความหมายถึงสิ่งที่ดีๆ พิเศษ เข้มข้น ฯลฯ หรือแม้แต่ใช้เอ่ยถึงเพื่อนคนโปรด

แต่ปัจจุบันมันมักจะถูกนำมาใช้ในแง่ลบ โดยเริ่มตั้งแต่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 นักข่าวนามว่า Hal Boyle ได้เขียนคอลัมน์เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวอังกฤษลงในหนังสือพิมพ์ของอเมริกา เขาได้ยกตัวอย่างวิธีเอ่ยถึงคนที่น่ารำคาญ/ไม่ถูกชะตาแบบผู้ดีอังกฤษว่า

“He’s not my cup of tea.” (เขาไม่ใช่คนโปรดของฉัน)

 

ในแง่หนึ่ง ‘Not my cup of tea’ เป็นวิธีกล่าวปฏิเสธแบบสุภาพ

–                   ถ้าใช้ ‘It’s not my cup of tea.’ ก็แปลว่า “ไม่ชอบ(เฉยๆ)”

–                   แต่ถ้าเพิ่ม really เข้าไปเป็น… ‘It’s not really my cup of tea.’

ก็จะเพิ่มน้ำหนักคำพูดเป็น “ไม่ชอบจริงๆ(อย่างแรง)”

 

ตัวอย่าง:

– “Action movies are not my cup of tea. I prefer dramas.”

(หนังแอ็คชั่นไม่ใช่แนวของฉัน ฉันชอบหนังดราม่ามากกว่า)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Live by the sword, die by the sword

= ผู้ใดที่อยู่ด้วยคมดาบ ก็จักมอดม้วยด้วยคมดาบ


ความหมายและที่มา:

Live by the sword, die by the sword เป็นสุภาษิตที่สะท้อนถึงกฎแห่งกรรม หมายถึง “ผู้ใดที่ใช้ความรุนแรง ก็ย่อมต้องถูกความรุนแรงย้อนเล่นงานเข้าสักวัน” (แรงมา แรงไป ไม่จบไม่สิ้น)

สุภาษิตนี้มีที่มาจากพระคัมภีร์ไบเบิล (มัทธิว 26:52) “Put your sword back in its place,” Jesus said to him, “for all who draw the sword will die by the sword.” (พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “จงเอาดาบของท่านใส่ฝักเสีย ด้วยว่าบรรดาผู้ถือดาบจะต้องพินาศเพราะดาบ”)

 

ตัวอย่าง:

– Noel Gallagher criticized over the UK riots – he said “It’s just pointless violence and there are gang-related crimes. If you live by the sword, you die by the sword!

(โนเอล กัลลาเกอร์ วิจารณ์เหตุจลาจลในอังกฤษ เขาบอกว่า “มันเป็นความรุนแรงอย่างไร้จุดหมาย และมีแก๊งอาชญากรรมเข้ามาเอี่ยว ถ้าคุณอยู่ด้วยคมดาบฉันใด คุณก็จักตายด้วยคมดาบฉันนั้น!”)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Wouldn’t miss it for the world / Not miss it for the world

= ไม่พลาดแน่ๆ / ไม่ยอมพลาดเด็ดขาด / ไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง

 

ความหมาย:

Wouldn’t miss it for the world เป็นประโยคพูดที่ใช้ยืนยันความตั้งใจว่าคุณจะต้องทำสิ่งนั้นแน่ๆ ไม่ยอมพลาดเป็นอันขาด (หัวเด็ดตีนขาด ไม่พลาดแน่ๆ!)

วลีต่อท้าย for the world มีความหมายคล้ายกับ for anything-ที่แปลว่า-อะไรก็ตามแต่ หรือ ทุกสิ่งทุกอย่าง… และเมื่อมาอยู่หลังคำว่า not (เป็น not _ for the world) ก็จะมีความหมายเน้นย้ำว่า ไม่_เด็ดขาด (ไม่ว่าจะเพื่ออะไร ฉันก็ไม่ยอมเด็ดขาด)

 

ตัวอย่าง:

–  My friend is waiting to see X-Japan concert for over 10 years. He wouldn’t miss it for the world.

(เพื่อนผมรอดูคอนเสิร์ตของวง เอ๊กซ์-เจแปน มานานกว่า 10 ปี เขาไม่ยอมพลาดแน่ๆ)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 137

 

เย่! เพจ IDIOM & SLANG  ของผม มีคนกด like เกิน 5,000 คนแล้ว!

(ใครแวะมา look ไหว้วานช่วยไปกด like กันหน่อย นายเบอท love ตายเลย ;-P)

http://www.facebook.com/IDIOM.SLANG

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Swagger jacker

= พวกขี้ก็อป / พวกชอบลอก / ลูกอีช่างก็อป

 

ความหมาย:

swagger jacker เป็นสแลงที่หมายถึง “คนที่ชอบลอกเลียนแบบ” เช่น พวกชอบลอกสไตล์การแต่งตัวของคนอื่น / นักร้องที่ชอบก็อปเพลงคนอื่น / คนที่ชอบก็อปมุกชาวบ้านมา เป็นต้น

โดย ‘jacker’ แปลว่า ขี้ขโมย -ส่วน- ‘swagger’ แปลว่า สไตล์, เอกลักษณ์เฉพาะตัว

                เกร็ดน่าขำเกี่ยวกับสแลงตัวนี้ก็คือ Cher Lloyd ศิลปินสาวชาวอังกฤษที่แจ้งเกิดจากรายการ The X Factor ผู้นี้… เธอมักจะถูก haters (แฟนขับ) ติฉินนินทาบนโลกไซเบอร์ พวกเขากล่าวหาเธอว่าเป็น copy cat (จอมลอก) เธอก็เลยโต้ตอบด้วยเพลงเปิดตัวที่ชื่อว่า ‘Swagger Jagger’ เสียเลย และปรากฏว่ามันดันติดอันดับ 1 บนชาร์ตอังกฤษเสียด้วยสิ! (เนื้อหาในเพลงสรุปได้ประมาณว่า “ฉันเป็นตัวของฉันอย่างนี้ แฟนขับเอ๋ยอย่ามัวแต่มาจ้องจับผิดฉันเลย พวกเธอว์ทำแบบฉันได้ป่ะเหอะ?”)

 

ตัวอย่าง:

– Bette Midler calls lady gaga a swagger jacker. She said that Lady Gaga stole her mermaid in a wheelchair performance.

(เบ็ต มิดเลอร์ เรียก เลดี้ กาก้า ว่า ยัยเด็กขี้ลอก เธอบอกว่า เลดี้ กาก้า ฉกการแสดงชุดนางเงือกในวีลแชร์ของเธอไป)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

On a roll

= ขาขึ้น / ดวงขึ้น / กำลังเฮง

 

ความหมาย:

อยู่ในช่วงที่กำลังประสบความสำเร็จ หรือกำลังดวงดี หยิบจับอะไรก็ขึ้น ทำอะไรก็ดีไปหมด หรือประสบความสำเร็จแบบต่อเนื่อง

 

ตัวอย่าง:

– Adele is on a roll as she achieves longest running No.1 album in both the UK and US.

(อะเดลกำลังรุ่งสุดขีด เมื่อเธอพิชิตสถิติครองอันดับ 1 ยาวนานที่สุดบนชาร์ตอัลบั้มทั้งในอังกฤษและสหรัฐ)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


Fall of the radar / Drop off the radar

= ตกสำรวจ / หาไม่เจอ

= หายวับ / หายหน้าหายตา / หายต๋อม / เงียบหาย

= ตกกระป๋อง

 

ความหมาย:

–                   ถูกหลงลืมหรือถูกเพิกเฉย

–                   หาไม่เจอ ค้นหาไม่พบ

–                   หาย สาบสูญ

–                   ตกกระป๋อง หลุดโผ หลุดกระแส

 

ตัวอย่าง:

– Once he was a big star, but now he falls off the radar.

(เขาเคยเป็นดาราใหญ่ แต่ตอนนี้เขาเงียบหายไปเลย)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Thick and fast

= ประดัง / พรึบพรับ / กรู / พรั่งพรู / ถาโถม

 

ความหมาย:

thick and fast เป็นคุณศัพท์ ที่ใช้พรรณนาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทีละมากๆ ประดังหลั่งไหล

 

ตัวอย่าง:

Taiwan’s problems have come thick and fast, causing the stock market to fall for four consecutive days in the first week of the Year of the Rabbit.

(ประเทศไต้หวันมีปัญหาประเดประดัง ส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงติดต่อกัน 4 วัน ในอาทิตย์แรกของปีกระต่าย)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

 

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 136

เย่! เพจ IDIOM & SLANG  ของผม มีคนกด like เกิน 5,000 คนแล้ว!

(ใครยังมิได้ like ชวนไปกด like กันหน่อย นายเบอท love ตายเลย ;-P)

http://www.facebook.com/IDIOM.SLANG

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

teetotal

= ไม่กินเหล้า / งดเหล้า

 

ความหมาย:

Teetotal หมายถึง คนที่ไม่แตะเครื่องดื่มมึนเมา เหล้า เบียร์ ไม่เอา (บอยไม่ดื่ม! ฮ่าๆ) คำว่า teetotal นี้เป็นคุณศัพท์ ถ้าเป็นคำนามฝรั่งจะใช้คำว่า teetotaller (คนไม่ดื่มเหล้า / คนแอนตี้แอลกอฮอล์)

 

ตัวอย่าง:

– They don’t like clubbing because they’re teetotal.

(พวกเขาไม่ชอบเที่ยวผับ เพราะพวกเขาไม่ดื่มเหล้า)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Blow your own trumpet

= โอ้อวด / คุยโว / ยกยอ

= ป่าวประกาศ

= อวย / โอ่ / อวดเก่ง / คุยฟุ้ง

 

ความหมาย:

Blow your own trumpet หมายถึง การคุยโวโอ้อวด อวยความสามารถตัวเอง อวดความสำเร็จ ผลงาน ความดีความชอบ (สำนวนที่มีความหมายเหมือนกัน ได้แก่ Blow your own horn)

 

ตัวอย่าง:

– That guy is boring because he always blows his own trumpet. I’m so tired of hearing about his successful life.

(หมอนั่นช่างน่าเบื่อ เพราะเค้าชอบคุยโวโอ้อวดเสมอ ฉันเอียนที่จะฟังเรื่องความสำเร็จในชีวิตของเขา)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


In a rut

= อยู่ในกรอบ / จำเจ

 

ความหมาย:

–                   การใช้ชีวิตอยู่ในกรอบ มีแบบแผนชีวิตที่ซ้ำซากจำเจน่าเบื่อ

–                   การตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีความคืบหน้าเปลี่ยนแปลง

 

ตัวอย่าง:

– He is tired of being in a rut, so he wants to leave job and go travelling.

(เขาเบื่อชีวิตจำเจ เขาก็เลยอยากลาออกจากงานแล้วไปท่องเที่ยว)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Drink like a fish

= ดื่มจัด / กินเหล้าแทนน้ำ / เมาหัวราน้ำ

= ดื่มอึกๆ

 

ความหมาย:

                Drink like a fish หมายถึง การดื่มหนัก โดยเฉพาะสำหรับเครื่องดื่มมึนเมา มันเป็นสำนวนที่เปรียบเทียบกับพฤติกรรมของปลาที่คอยเผยอปากอมน้ำเพื่อการหายใจตลอดเวลานั่นเอง

 

ตัวอย่าง:

Caleb’s bandmates are concerned that he is drinking like a fish and they are trying to get him into rehab.

(เพื่อนร่วมวงของคาเล็บเป็นห่วงเรื่องที่เค้าดื่มจัด และพวกเค้าพยายามจะพาตัวเขาไปเข้ารับการบำบัด)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

“ฝนฟ้า” กับสำนวน

 

เจ้าของบล็อกขอฝากเพจ IDIOM & SLANG ใน Facebook ด้วยนะครับ ^ ^ อย่าลืมช่วยกด like เป็นสมาชิกด้วยเน้อ~

http://www.facebook.com/IDIOM.SLANG

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

อาทิตย์ก่อนมีเพื่อนสมาชิกใน page ถามหาคำแปลของสำนวนไทยว่า “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า”

ซึ่ง นายเบอทได้พยายามค้นหาแล้ว แต่ไม่พบจริงๆ เข้าใจว่าฝรั่งอาจจะไม่ค่อยพูดกัน (ถ้าเพื่อนท่านใดทราบ ไหว้วานช่วยชี้แนะแบ่งปันความรู้ด้วยครับ _/\_)

 

ทีนี้กระผมก็ได้พยายามหาประโยคที่ใกล้เคียง ก็พบว่ามีประโยคดังต่อไปนี้…

Rain does not fall everywhere at once. (ฝนไม่ได้ตกพร้อมกันทุกที่)

Rain doesn’t fall the same on all. (ฝนไม่ได้ตกเหมือนกันทุกที่)

– It doesn’t rain or snow all over the world at the same time. (ฝนหรือหิมะไม่ได้ตกพร้อมกันทั่วโลกในคราเดียว)

 

หรือถ้าคุณต้องการใช้สำนวน “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” เพื่อสื่อความหมายที่ว่า “มีคนที่ไม่ได้รับความเท่าเทียมยุติธรรม มีการเลือกปฏิบัติ”

ก็อาจใช้สำนวนอังกฤษที่ว่า…

“Life is not fair.” (โลกนี้ไม่ยุติธรรม)

 

——————-

 

นอกจากนี้ผมยังพบสำนวนอังกฤษอีกหนึ่งอย่าง ที่ดูแล้วน่าจะใช่ แต่ปรากฏว่ามีความหมายแตกต่าง

นั่นคือ…

“Not every cloud brings rain.” หรือ “All clouds bring not rain.”

แปลแบบตรงตัวได้ว่า “มิใช่เมฆทุกก้อนที่ให้ฝน”

ความหมายโดยนัยของมันก็คือ “อย่าตัดสินสิ่งที่เห็นจากภายนอก”

สำนวนอังกฤษ 135

เจ้าของบล็อกขอฝากเพจ IDIOM & SLANG ใน Facebook ด้วยนะครับ ^ ^ อย่าลืมช่วยกด like เป็นสมาชิกด้วยเน้อ~

http://www.facebook.com/IDIOM.SLANG

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Can’t shake

= สลัดไม่หลุด / ลบไม่ออก

 

ความหมาย

can’t shake หมายถึง สลัดไม่หลุด หนีไม่พ้น ใช้ได้กับทั้งคน หรือสิ่งที่เป็นความรู้สึก และภาพลักษณ์ ตัวอย่างเช่น

– ‘Even though she hurt me, but I still can’t shake her.’

(แม้ว่าเธอจะทำฉันเจ็บปวด แต่ฉันก็ไม่อาจสลัดเธอไปได้)

 

– Johnny Depp said; “There’s a part of me in Captain Jack, and there’s a great part of Captain Jack in me as well,”. “Basically, I can’t shake him. He won’t leave me alone.”

(จอนนี่ เด็ป กล่าวไว้ว่า “มันมีส่วนหนึ่งของตัวผมอยู่ในกัปตันแจ็ค และก็มีตัวตนของกัปตันแจ็คอยู่ในตัวผมอย่างมากเช่นกัน ผมหนีเค้าไม่พ้นจริงๆ เค้าไม่ยอมปล่อยผมไว้คนเดียวหรอก”

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

 

Eye candy

= อาหารตา / เจริญตา / เพลินตา

= อลังการ / หวือหวา

= ตระการตา / ละลานตา

 

ความหมาย:

eye candy หมายถึง สิ่งที่ดูแล้วเพลิดเพลินเจริญตา

–                   ถ้าเป็นแฟชั่น ก็หมายถึงสิ่งที่เก๋ แปลกตา หวือหวา ฉูดฉาด

–                   ถ้าเป็นการแสดง ก็เป็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ อลังการ

–                   ถ้าเป็นคน ก็หมายถึงคนที่หล่อสวยบาดตา เซ็กซี่ ดูดีจากภายนอก (แต่อาจจะเข้าข่าย “สวยแต่รูป จูบไม่หอม” ก็ได้ ฮา~)

ตัวอย่าง:

–  “Transformers 3: Dark of the Moon” is more eye-candy for those who love to indulge in Michael Bay’s heavy metal visuals and sound effects.

(หนัง “Transformers3: Dark of the Moon” เป็นหนังที่เพลิดเพลินเจริญตามากกว่าสำหรับคนที่หลงใหลคลั่งไคล้ในงานภาพและเสียงแบบจัดเต็มของ ไมเคิล เบย์)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


posse

= พรรคพวก / เพื่อนฝูง

= ก๊วน / แก๊ง

 

ความหมาย:

กลุ่มเพื่อน กลุ่มคน กลุ่มสังสรรค์

 

ตัวอย่าง:

– Tonight I’m gonna go party with my posse.

(คืนนี้ชั้นจะไปปาร์ตี้กับแก๊ง)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Hooked on / get hooked on

= ติด / เสพย์ติด

= ติดงอมแงม / ติดใจ / ติดหนึบ

 

ความหมาย:

hooked on หมายถึง ติดอกติดใจ ติดงอมแงม หลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น สำนวนนี้พบบ่อยในการสื่อความหมายถึง “การติดเหล้าติดยา” (หรือติดการพนัน) เช่น

– According to surveys of British hospitals, one in six doctors hooked on alcohol or illegal drugs.

(อ้างอิงจากผลวิจัยของโรงพยาบาลอังกฤษ หมอ 1 ใน 6 คนติดสุราหรือยาผิดกฎหมาย)

 

แต่ในปัจจุบันเราสามารถใช้ hooked on ได้กับหลายๆ สถานการณ์ อาทิ ติดรายการทีวี ติดฟุตบอล ติดการ์ตูน ติดเกม ติดบีบี ฯลฯ ตัวอย่างเช่น

– I got hooked on watching Family Guy.

(ฉันติดการ์ตูนเรื่อง แฟมิลี่ กาย งอมแงม)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 133

 

เจ้าของบล็อกขอฝากเพจ IDIOM & SLANG ใน Facebook ด้วยนะครับ ^ ^ อย่าลืมช่วยกด like เป็นสมาชิกด้วยเน้อ~

http://www.facebook.com/IDIOM.SLANG

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Shape up or ship out

= ไม่ทำก็เฉดหัวไป / ไม่อยากทำงานก็ลาออกไปซะ / ไม่เวิร์คก็เลิก

= จะปรับตัวหรือจะไป / ไม่สู้ก็ถอยไป

 

ความหมาย:

Shape up or ship out เป็นวลีที่ผนวก 2 สำนวนที่มีเสียงพยัญชนะคล้ายกันแต่มีความหมายตรงข้ามกันดังต่อไปนี้
–  ‘shape up’ มีความหมายในแง่บวก หมายถึง ปรับปรุง / พัฒนา
–   ‘ship out’ มีความหมายเชิงลบ หมายถึง เลิก / ออก / ถูกไล่ออก
เมื่อมาฟิวชั่นกันแล้วมันจึงมีความหมายในทำนองว่า “ถ้าไม่ปรับปรุงตัว ก็จงออกไปเสียเถอะ!”

 

ตัวอย่าง:

–  Boy, you’re late again. This is final warning, shape up or ship out!

(พ่อหนุ่ม มาสายอีกแล้ว นี่คือคำเตือนครั้งสุดท้าย จะปรับตัวหรือจะไป!)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

shitbag

= พวกกาก / ต่ำตม / พวกน่ารังเกียจ

= คนไม่เอาไหน / พวกง่าว / พวกขี้เกียจ

= คนหลักลอย / สับปลับ

 

ความหมาย:

Shitbag เป็นสแลงจากทางฝั่งอังกฤษ หมายถึง
–     คนที่ขี้เกียจสันหลังยาว / เหลาะแหละ / ไม่ได้ความ / ไม่มีประโยชน์
–      คนที่ขาดสามัญสำนึก / ไร้สัจจะวาจา / ไม่มีศักดิ์ศรี
–      คนที่ไม่น่าคบหาสมาคม / น่ารังเกียจ
โดย shitbag ก็คือถุงที่ฝรั่งเขาเอาไว้ใช้เก็บทุ่นระเบิดของสุนัขนั่นเอง ฮ่าๆๆ (ดังนั้นเมื่อเป็นสแลง มันจึงสื่อถึงความต่ำช้า โสมม นั่นเอง)

 

ตัวอย่าง:

–    Don’t trust those politicians. They make excessive promises and never follow up. They’re all shitbags!

(อย่าไปเชื่อนักการเมืองพวกนั้น พวกเค้าให้สัญญาพร่ำเพรื่อแล้วก็ไม่เคยทำตาม พวกนั้นมันกเฬวราก!)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Dance with death

= เสี่ยงตาย / ล้อเล่นกับความตาย / รนหาที่ตาย

= สุ่มเสี่ยง / ล่อแหลม / ทำอะไรเสี่ยงๆ

 

ความหมาย:

การทำอะไรสุ่มเสี่ยง การอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมอันตราย

ตัวอย่าง:

–   Those teen gangs are involved in street racing and drug trade, they are dancing with death.

(แก๊งวัยรุ่นพวกนั้นพัวพันกับการซิ่งรถบนถนนและการค้ายา พวกเค้ากำลังรนหาที่ตาย)  

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Speak volumes

= บ่งบอก / สะท้อนถึง / บ่งชี้ / ฟ้อง

 

ความหมาย:

ถ้าสิ่งใด speak volumes แสดงว่ามัน
–      แสดงปฏิกิริยาหรือท่าทีออกมาอย่างชัดแจ้ง โดยไม่ต้องมีคำพูด
–       บ่งบอกถึงธรรมชาติของสิ่งนั้น แม้จะมีร่องรอยเพียงเล็กน้อย

ตัวอย่าง:

Deposits speak volumes about US confidence.

(การออมเงินบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐ)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 132

เจ้าของบล็อกขอฝากเพจ IDIOM & SLANG ใน Facebook ด้วยนะครับ ^ ^ อย่าลืมช่วยกด like เป็นสมาชิกด้วยเน้อ~

http://www.facebook.com/IDIOM.SLANG

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Neither here nor there

= ไม่สำคัญ / ไม่สลักสำคัญ

= ไม่เกี่ยว / ไม่เข้าเรื่อง

= ไม่มีผล / ไม่มีความหมาย

ความหมาย:

ไม่แยแส ไม่ให้ความสำคัญ เพราะ

–                   สิ่งนั้นไม่ได้อยู่ในความสนใจ คุณเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ หรือเป็นเรื่องไกลตัว

–                   ไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีผลกระทบกับตัวคุณ

–                   ไม่เข้าเรื่อง นอกประเด็น

ตัวอย่าง:

– Whoever wins that reality show, it’s neither here nor there to me. Because I don’t watch TV.

(ใครจะชนะเรียลลิตี้โชว์นั่น มันก็ไม่สำคัญอะไรกับชั้นหรอก เพราะว่าชั้นไม่ได้ดูทีวี)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Money talks, bullshit walks

= น้ำคำหรือจะขลังเท่าน้ำเงิน

= มีเงินซะอย่าง อะไรก็ว่าง่ายไปหมด

= เงินซื้อได้ / อยากได้..ต้องใจป้ำ / เงินมา งานเดิน

 

 

ความหมาย:

มันเป็นการขยายความสำนวนดัง Money Talks ที่แปลว่า “เงินบันดาล” นั่นเอง ทีนี้พอเป็น Money talks, bullshit walks ปุ๊บ ก็ยิ่งเน้นความหมายว่า… ในกิจธุระ หรือธุรกิจอันใดก็ตาม “เงิน” เท่านั้นที่เสียงดังที่สุด! (ในการเจรจาต้าอ้วยหลายครา คุณพูดให้ตายก็ไม่มีอะไรคืบหน้า แต่พอมีเงินเท่านั้นแหละเรียบร้อย “แค่จ่าย… ก็จบ!”)

ตัวอย่าง:

– Many teams woo him, but I think only the one who dares to pay will get him. Money talks, bullshit walks.

(หลายทีมรุมจีบเค้า แต่ชั้นว่าเฉพาะทีมที่กล้าจ่ายเท่านั้นแหละถึงจะได้ตัวเค้าไป ใครอยากได้ก็ต้องใจป้ำหน่อย )

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

swizz

= ขี้โกง / ตุกติก

= กลโกง / หลอกลวง / ตบตา / ต้มตุ๋น

= น่าผิดหวัง / น่าอัปยศ / ไม่สมราคา

 

ความหมาย:

swizz เป็นสแลงฝั่งบริติชที่แผลงมาจากคำว่า swindle ที่หมายถึง การหลอกลวง ต้มตุ๋น หรือจะหมายถึง น่าผิดหวัง น่าอัปยศก็ได้

ในการใช้จริงนั้น เรามักจะเจอมันปรากฏในรูปวลีว่า ‘What a swizz’ หรือ ‘That’s a bit of a swizz’ (แปลเป็นไทยได้ว่า โกงเห็นๆ / โกงนี่หว่า / โกงกันหน้าด้านๆ เป็นต้น)

ตัวอย่าง:

– That 3D movie was well-promoted, but after I’d seen it I think it’s not worth the time or money. What a swizz!

(หนัง 3 มิติเรื่องนั้นโปรโมตไว้ดีมาก แต่หลังจากดูมันแล้ว ชั้นว่ามันไม่คุ้มทั้งเงินและเวลาเลย หลอกฟันเงินกันชัดๆ!

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Win the day

= ทำสำเร็จ / คว้าชัย / เอาชนะ

= ชนะใจ / พิชิตใจ / ซื้อใจ

 

ความหมาย:

Win the day หมายถึง

–                   การเอาชนะ ประสบความสำเร็จ ในเหตุการณ์เฉพาะหน้า

–                   การพิชิตใจ ทำให้ผู้คนยอมรับสนับสนุนความคิดเห็นของตัวคุณได้

ตัวอย่าง:

–  New products grab headlines, but useful products that give good value often win the day.

(ผลิตภัณฑ์ใหม่เรียกเสียงฮือฮาได้ แต่เป็นผลิตภัณฑ์ดีๆ และมีคุณค่า ที่มักจะชนะใจผู้บริโภค)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 130

#PowerUp #English
#พูดอังกฤษติดสำนวน

หนังสือ IDIOM เล่มใหม่ออกแล้วนะครับ กับสำนักพิมพ์ SE-ED Smart Language ในชื่อว่า…
“POWER UP Your English – พูดอังกฤษติดสำนวนให้ฟังเริ่ด!”

เพื่อน ๆ นักอ่านสามารถหาซื้อหนังสือ POWER UP ได้ที่
– ร้านหนังสือ SE-ED ทุกสาขา
– ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
– สั่งซื้อ ONLINE ผ่านเว็บไซต์ SE-ED

= = = = = = = = = =

= = = = = = = = = =

 

Speak for yourself

= พูดเองเออเอง

= อยากพูดอะไรก็เชิญ / เชิญคนเดียวเถอะ / เรื่องของเธอ

 

ความหมาย:

Speak for yourself เป็นสำนวนที่ใช้พูดโต้ตอบเมื่อเราไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของอีกฝ่ายหนึ่ง

ตัวอย่าง:

A: We were very impressed with this party, it was really great.

(เราประทับใจกับงานเลี้ยงครั้งนี้มาก มันเยี่ยมจริงๆ)

B: Speak for yourself! I think it’s so damn boring.

(เชิญคนเดียวเถอะ! ชั้นว่ามันโคตรน่าเบื่อเลย)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

shite

= เชี่ย / เวร

= แย่ / ห่วย

 

ความหมาย:

‘shite’ (ไชท์) ก็คือคำสบถ shit เวอร์ชั่นเกาะอังกฤษนั่นเอง สำหรับอังกฤษชน เวลาพูด shite แล้วมันจะให้อารมณ์จี๊ดกว่า shit เยอะมาก

ตัวอย่าง:

–  Don’t talk about my life, it’s shite!

(อย่าพูดเรื่องชีวิตชั้นเลย มันบัดซบ!)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


Man up

= โชว์แมน / แมนๆ หน่อย / แมนๆ / ใจๆ

= กล้า / รวบรวมความกล้า

= เข้มแข็ง / นิ่ง

 

ความหมาย:

man up เป็นสแลงที่หมายถึง การแสดงความเป็นลูกผู้ชาย ไม่ว่าจะกล้า นิ่ง เข้มแข็ง หรือยืดอกรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ… ถ้าจะให้พูดง่ายๆ man up ก็คือ “แมนๆหน่อย” อย่าป๊อด อย่าใจฝ่อ

ตัวอย่าง:

Hey dude, man up and ask her out for a date!

(เฮ้ พวก กล้าๆหน่อย แล้วขอเธอออกเดทซะ!)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Kick ass and take names

= จัดหนัก / ล่อให้น่วม

= เล่นงาน / จัดการ

= ถล่ม / ยำเละ

 

ความหมายและที่มา:

Kick ass and take names แปลความได้ว่า

–                   ทำร้าย/เล่นงานใครเสียจนน่วม

–                    ข่มขู่/ขู่เข็ญโดยใช้กำลัง

–                   ในเชิงกีฬาก็หมายถึง การถล่มแหลก/ยำเละ นั่นเอง

ตัวอย่าง:

–  That team is shit! Kids, let’s kick ass and take names!

(ทีมนั้นมันห่วยแตก! เด็กๆ เราลงไปจัดหนักกันเหอะ!)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 128

 

นักเขียนไม่ได้อยู่ได้ด้วยยอด Likes หรือยอด Views อย่างเดียว
ถ้าท่านอยากให้มี content ดี ๆ แบบนี้อยู่ต่อไป ช่วยกันอุดหนุนหนังสือนะครับ

หาซื้อหนังสือ POWER UP – พูดอังกฤษติดสำนวน ได้ที่ร้าน SE-ED ทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำ เช่น B2S, นายอินทร์, ศูนย์หนังสือจุฬา

หรือสั่งซื้อ online คลิกเลย >>
ร้านซีเอ็ด
https://se-ed.com/s/cQda

นายอินทร์
https://www.naiin.com/product/detail/224400

Preview หนังสือ
https://www.facebook.com/IDIOM.SLANG/posts/1594797470563990 

 

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Kosher / kosha

= เจ๋ง / เยี่ยม / แจ๋ว / สุดยอด

= ดี / น่าพอใจ / เหมาะสม

 

ความหมาย:

Kosher ในภาษาสแลงแบบเดิมมีความหมายเหมือนกับคำว่า proper ที่แปลว่า เหมาะสม, ถูกต้อง แต่ในสแลงแบบใหม่มีความหมายเหมือนกับคำว่า cool ที่แปลว่า เจ๋ง, ยอดเยี่ยม

แต่ตามความหมายดั้งเดิม kosher เป็นคุณศัพท์ที่หมายถึง ถูกต้องตามพิธีกรรม/ธรรมเนียมยิว เช่น kosher food (อาหารยิว) kosher clothing (เสื้อผ้าสำหรับชาวยิว)

ตัวอย่าง:

EX1:      This deal is not kosher.

                (ข้อตกลงครั้งนี้ไม่น่าพอใจ)

 

EX2:      Don’t worry, everything’s kosha.

                (ไม่ต้องวิตก ทุกอย่างปกติดี)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

He who laughs last, laughs best / He who laughs last laughs longest

= หัวเราะทีหลังดังกว่า / หัวเราะทีหลังยาวกว่า

 

ความหมาย:

“หัวเราะทีหลังดังกว่า” เป็นคำคมที่เตือนว่าอย่าเหิมเกริมหรือชะล่าใจในยามที่เรากำลังได้เปรียบใคร เพราะสุดท้ายแล้วเหตุการณ์อาจจะพลิกล็อคได้ (หัวเราะก่อน หน้าแตกทีหลัง!) ฉะนั้นถ้ายังไม่มั่นใจให้นิ่งไว้ก่อนจะดีกว่า

วลีไทยอื่นๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน ได้แก่ “เกมยังไม่จบ อย่าเพิ่งดีใจไป” หรือ “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร”

ตัวอย่าง:

–                   Su dumped Sith and insulted him a lot, but now she regrets it because she was just dumped by another guy, whereas Sith becomes a successful artist and dating with the top-notch girl. He who laughs last laughs longest!

(สุทิ้งสิทธิ์ไปและดูถูกดูแคลนเค้าไว้มาก แต่ตอนนี้เธอต้องมาเสียใจเอง เพราะเธอพึ่งจะถูกหนุ่มคนอื่นทิ้งไป ขณะที่สิทธิ์กลายเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จและกำลังคบหากับสาวสุดฮ็อต อยู่ แบบนี้เรียกว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า!)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Keep your chin up

= เชิดหน้าเข้าไว้

 

ความหมาย:

‘Keep your chin up’ เป็นสำนวนให้กำลังใจ ให้เรามั่นใจ แม้ว่าจะอยู่ในยามคับขันท้อแท้ (ไม่ว่าจะเหนื่อยจะหนักแค่ไหน “เชิดหน้าเข้าไว้!”)

ตัวอย่าง:

–                   Come on, Jake! Don’t give up, let’s give it another try. Keep your chin up!

                (ไม่เอาน่า เจค! อย่ายอมแพ้ ลองดูอีกสักตั้งเถอะ เชิดหน้าเข้าไว้!)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Let’s face it

= ยอมรับเถอะ / ว่ากันตรงๆ

 

ความหมาย:

‘let’s face it’ เป็นวลีที่บอกให้ผู้ฟังยอมรับและเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอย่างตรงไปตรงมา

ตัวอย่าง:

A: We really need nuclear plants for the future growth.

(เราต้องการโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์สำหรับการเติบโตในอนาคต)

B: Haven’t you seen the Fukushima incident? Let’s face it, nuclear plants are not safe at all!

(นายไม่เห็นข่าวเหตุการณ์ที่ฟุกุชิมะหรือไง? ยอมรับเสียเถอะ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์น่ะไม่ปลอดภัยเลย!)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 126

เจ้าของบล็อกขอฝากเพจ IDIOM & SLANG ใน Facebook ด้วยนะครับ ^ ^ อย่าลืมช่วยกด like เป็นสมาชิกด้วยเน้อ~

http://www.facebook.com/IDIOM.SLANG

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Walk the walk / walk the talk

= พูดแล้วทำ / ทำให้เห็น / พิสูจน์ตน(ด้วยการกระทำ)


 

ความหมาย:

Walk the walk หมายถึง การทำได้อย่างที่พูด พิสูจน์ตนด้วยการกระทำ โดยสแลงตัวนี้มักจะมาเป็นชุดว่า “Talk the talk and walk the walk.” (พูดแล้วต้องทำให้ได้ด้วย) หรือบ้างก็ใช้ประโยคว่า “Walk it like you talk it.” (ทำให้ได้อย่างที่พูด)

ตัวอย่าง:

He promised to come back and marry her. And now he walks the talk.

(เค้าให้สัญญาว่าจะกลับมาแต่งงานกับเธอ และตอนนี้เค้าทำตามสัญญา)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

No smoke without fire

= มีไฟย่อมมีควัน


 

ความหมาย:

เมื่อมีเรื่องมีราว ย่อมต้องมีต้นสายปลายเหตุ หรือ ข่าวลือย่อมมีมูล สำนวนไทยที่มีความหมายคล้ายกันและคนใช้บ่อยๆ ได้แก่ ไม่มีมูล หมาไม่ขี้

ตัวอย่าง:

– Roy Hodgson was sacked from Liverpool after months of rumors. There’s no smoke without fire!

(กุนซือรอย ฮ็อดจ์สัน ถูกปลดจากทีมลิเวอร์พูลหลังจากที่มีข่าวลือมานานนับเดือน มีไฟก็ย่อมมีควัน!)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

wee

= เล็ก / นิดหน่อย


 

ความหมาย:

wee เป็นวลีที่นิยมใช้ในหมู่ชาวสก็อตติช มันเป็นคำคุณศัพท์ที่แปลว่า เล็ก / น้อย แต่สามารถนำมาใช้ได้ในหลายๆบริบท ตัวอย่างเช่น

– ที่พบบ่อยๆก็คือ ‘wee bit’ ซึ่งมีความหมายเหมือนกับ little bit

เช่น I can speak Japanese a wee bit. (ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อย)

 

– ใช้แทนคำว่า small

เช่น When I was wee.. (ตอนฉันยังเด็ก..)

หรือ He is a wee man. (เค้าเป็นผู้ชายตัวเล็ก)

 

 

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Wild card

= สิ่งไม่แน่นอน / เรื่องไม่คาดคิด

= เดาใจยาก / ไม่เข้าใครออกใคร / เอาแน่เอานอนไม่ได้

= ตัวโจ๊กเกอร์ / ตัวป่วน

 

ความหมายและที่มา:

ในเกมไพ่ “Wild Card” (ไพ่โจ๊ก) เป็นไพ่ที่ช่วยให้คุณได้เปรียบที่สุด เพราะคุณสามารถใช้มันแทนแต้มใดก็ได้ ดังนั้นต่อให้คู่แข่งของคุณระมัดระวังเพียงใด ก็ไม่อาจรับมือกับเซอร์ไพรส์จากไพ่โจ๊กของคุณไปได้

ในเชิงสำนวน wild card หมายถึง สิ่งที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ควบคุมไม่อยู่ เป็นเรื่องนอกเหนือความคาดหมาย อย่างในหนังเรื่อง The Social Network ก็มีการพูดถึงตัวละครหนุ่มเพลย์บอยเจ้าปัญหา Sean Parker ไว้ว่า “Parker is a smart individual, but he’s also a wild card.” (ปาร์คเกอร์เป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่อง แต่เค้าก็เป็นตัวป่วนด้วย)

 

นอกจากนี้ wild card เป็นคำที่นิยมใช้ในเกมกีฬามากๆ โดยหมายถึง “ตัวเสียบ” ที่ถูกเลือกให้เข้าแข่งในรายการโดยไม่ต้องผ่านการคัดเลือกตามปกติ (เช่น มีนักกีฬาคนอื่นบาดเจ็บหรือสละสิทธิ) หรือ “ตัวโจ๊กเกอร์” เป็นผู้เล่นใหม่ตัวเซอร์ไพรส์ที่คู่ต่อสู้ไม่คุ้นอ่านทางไม่ออก (ส่วนจะโชว์ฟอร์มดี/ไม่ดีนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) ตัวอย่างเช่น O’Shea said Chicharito will be Manchester United’s ‘wild card.’ (โอเชียบอกว่า ชิชาริโต้จะเป็นตัวโจ๊กเกอร์ของทีมแมนยู)


;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 124

 

เจ้าของบล็อกขอฝากเพจ IDIOM & SLANG ใน Facebook ด้วยนะครับ ^ ^ อย่าลืมช่วยกด like เป็นสมาชิกด้วยเน้อ~

http://www.facebook.com/IDIOM.SLANG

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

add fuel to the fire / add fuel to the flame

= เติมเชื้อไฟ / โหมกระพือ


ความหมาย:

การทำให้สถานการณ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้วเลวร้ายลงไปอีก ตอกย้ำซ้ำเติม หาเรื่องเพิ่ม (จากงานเข้า กลายเป็นงานงอก) เปรียบดั่งการราดน้ำมันบนกองไฟ

ตัวอย่าง:

–     Pro-government forces add fuel to fire in Egyptian riots.

(ม็อบหนุนรัฐบาลเติมเชื้อไฟการจลาจลในอียิปต์)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


sugar honey iced tea

= เฮงซวย

= เชดส์ / สาด

= ซวยแล้ว! / ตายโหง! / ชิบหาย! / ให้ตาย!


ความหมายและที่มา:

[S]ugar [H]oney [I]ced [T]ea เป็นอีกวิธีหนึ่งในการพูดคำว่า “Shit!” แบบอ้อมๆ (เมื่อนำเอาพยัญชนะตัวแรกของทั้งสี่คำนี้มารวมกัน มันจะออกมาเป็นคำว่า S-H-I-T นั่นเอง!)

เวลาใครสบถคำว่า Shit! มันก็ฟังดูไม่สุภาพชิมิ? แต่พอพูดคำว่า ‘Sugar Honey Iced Tea!’ ออกมา อุ๊ยฟังดูรื่นฮู้รื่นหู ฮ่าๆ

ตัวอย่าง:

–  Oh, sugar honey iced tea! Where did I leave my car key?

(โอ้ ตายละเหวย! ชั้นไปทิ้งกุญแจรถไว้ที่ไหนเนี่ย?)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


take a stab at / make a stab at

= ลอง / ทดลอง / พยายาม

= ลองพิสูจน์

= เดา / คิด


ความหมาย:

–                   การพยายามทำอะไรบางอย่าง

–                   การลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างหรือท้าทาย

–                   ลองพิสูจน์ ลองดู

–                   การคาดเดา พยายามหาคำตอบ

ตัวอย่าง:

EX1: Dicaprio will take a stab at ‘Devil In The White City.’ He will play a serial killer role.

(ดิคาปริโอจะลองพลิกบทบาทในหนัง ‘เดวิล อิน เดอะ ไวท์ ซิตี้’ เค้าจะรับบทเป็นฆาตกรต่อเนื่อง)

EX2: What shall we do now? Let’s make a stab at it.

(เราจะทำยังไงกันดี? มาช่วยกันคิดทีเถอะ)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


Like fingernails on a chalkboard

= น่ารำคาญสุดๆ

= แสบแก้วหู

ความหมาย:

สิ่งที่น่ารำคาญ กวนประสาท หรือเสียงที่ฟังแล้วโหยหวน แสบแก้วหู เหมือนกับคำแปลตรงตัวของมันว่า “เหมือนเอาตะปูไปครูดบนกระดานดำ”

ตัวอย่าง:

–  I don’t know how he can become a famous singer! His voice is like fingernails on a chalkboard.

(ชั้นไม่รู้ว่าหมอนั่นเป็นนักร้องดังได้ไง! เสียงเค้าอย่างกับควายถูกเชือด)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 122

 

#PowerUp #English
#พูดอังกฤษติดสำนวน

หนังสือ IDIOM เล่มใหม่ออกแล้วนะครับ กับสำนักพิมพ์ SE-ED Smart Language ในชื่อว่า…
“POWER UP Your English – พูดอังกฤษติดสำนวนให้ฟังเริ่ด!”

เพื่อน ๆ นักอ่านสามารถหาซื้อหนังสือ POWER UP ได้ที่
– ร้านหนังสือ SE-ED ทุกสาขา
– ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
– สั่งซื้อ ONLINE ผ่านเว็บไซต์ SE-ED

= = = = = = = = = =

= = = = = = = = = =

 

Put me in my place

= เตือน / ปราม

 

ความหมาย:

“put someone in his place” หมายถึง การเตือนไม่ให้เหลิง ไม่ให้หลงตัวเอง หรือสำคัญตนเองจนเกินไป

ตัวอย่าง:

– She has too much ego, it would be hard for someone to put her in her place.

(เธอเป็นคนอีโก้เยอะจัด มันยากที่ใครจะปรามเธอได้)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

backstabber

= พวกชอบแทงข้างหลัง / คนทรยศ

 

ความหมาย:

backstabber หมายถึง คนที่หักหลัง แทงข้างหลัง หรือปลิ้นปล้อนสับปลับ ดีต่อหน้า ลับหลังเลว (คำๆนี้มาจากกริยา stab in the back ที่แปลว่า “แทงข้างหลัง” นั่นเอง)

ตัวอย่าง:

– See what my best friend did with me – he stole my girlfriend. He’s such a backstabber!

(ดูเพื่อนสนิททำกับชั้นสิ – มันแย่งแฟนชั้นไป หมอนั่นมันพวกชอบแทงข้างหลัง! )

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Cross my heart / Cross my heart and hope to die

= จริงๆ สาบานได้

= สัญญา / สาบาน

 

ความหมาย:

“cross my heart (and hope to die)” เป็นประโยคที่ผู้พูดใช้เพื่อยืนยันอย่างหนักแน่นว่าสิ่งตนพูดนั้นเป็นเรื่องจริง หรือจะทำจริงๆ

โดย cross my heart นั้นมีที่มาจากการทำเครื่องหมายกางเขนของชาวคริสต์(ที่เชื่อว่าการโกหกเป็นบาป และเมื่อใดที่คนเอ่ยถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมื่อนั้นก็มักจะมีเรื่องของการสาบานเข้ามาเอี่ยวเสมอ) ส่วน hope to die ก็ยิ่งเน้นหนักทำนองว่า “ถ้าไม่จริงขอให้ตายเลย” (ถ้าเป็นในเมืองไทยก็คงใกล้เคียงกับคำพูดที่ว่า “ไม่จริงให้ฟ้าผ่าตาย” หรือ “ขอเอาหัวเป็นประกัน”)

ตัวอย่าง:

–  Darling, I have nobody but you – cross my heart and hope to die.

(ที่รักจ๋า ฉันไม่มีใครนอกจากเธอ – สาบานได้เลย)

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

douchebag

= ไอ้ง่าว / ไอ้เบื๊อก / เกรียน / ไอ้กะหลั่ว

= คนเฮงซวย / คนเส็งเคร็ง

 

ความหมาย:

‘douchebag’ (ดูชแบ็ค) เป็นสแลงที่ใช้เย้ยหยันโดยเฉพาะกับผู้ชาย หมายถึง คนงี่เง่า ไม่เอาไหน ชอบก่อกวนหรือทำตัวน่ารำคาญ (คำอื่นที่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ jerk กับ asshole)

douchebag เป็นคำที่ค่อนข้างหยาบโลน ในความหมายดั้งเดิมของมัน douchebag เป็นเครื่องมือสวนล้างจุดซ่อนเร้นของคุณสตรีนั่นเอง

ตัวอย่าง:

–  That guy just keeps bothering me. He’s such a douchebag!

(หมอนั่นตามตื๊อชั้นอยู่ได้ เค้ามันพวกเส็งเคร็ง!)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 120

เจ้าของบล็อกขอฝากเพจ IDIOM & SLANG ใน Facebook ด้วยนะครับ ^ ^ อย่าลืมช่วยกด like เป็นสมาชิกด้วยเน้อ~

http://www.facebook.com/pages/IDIOM-SLANG-chahaela-sanwn-xangkvs/120614324648986

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

On the same wavelength

= คลื่นตรงกัน / ใจตรงกัน / เห็นพ้องต้องกัน

= สอดประสานกัน

ความหมาย:

เห็นพ้องต้องกัน เข้ากันได้ดี สอดประสานกันดี ถ้าหากคนสองคนจูนคลื่นตรงกัน (on the same wavelength) นั่นหมายถึง พวกเขาเข้าใจกันและกันดีเพราะมีความสนใจและความคิดเห็นตรงกัน (หรือพูดง่ายๆว่า “คลิก” นั่นแหละ)

ตัวอย่าง:

– They were unhappy to work together and decided to split the band. They thought they’re not on the same wavelength.

(พวกเค้าไม่แฮปปี้ที่จะทำเพลงร่วมกันและตัดสินใจยุบวง พวกเค้าคิดว่าพวกเค้าคลื่นไม่ตรงกัน)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Right up your street

= เหมาะ / เหมาะเหม็ง / เหมาะเจาะ / เหมาะสม

= เข้ากับ / เข้าทาง

คำเหมือน (Syn):

 

ความหมาย:

ถ้ามีสิ่งใดที่ right up your street นั่นหมายถึงสิ่งนั้นเหมาะเจาะกับคุณ หรือตรงกับความสามารถของคุณ เพราะคุณสนใจและรู้จักมันดี หรือมีความเชี่ยวชาญในสิ่งนั้นๆ

ตัวอย่าง:

– Chanida has great communication skill, so the PR job is right up her street.

(ชนิดามีทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นงานสายพีอาร์จึงเหมาะเจาะกับเธอ)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Fame whore

= พวกอยากดัง

 

ความหมาย:

คนที่กระสันอยากดัง ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองมีชื่อเสีย(ง) ไม่สนใจในวิธีการ ไม่ว่ามันจะต่ำช้าเลวทรามหรือน่าอับอายขายหน้าแค่ไหน อาทิ พวกดาราในรายการเรียลลิตี้โชว์เมืองนอก หรือพวกซีเล็บที่ชอบปล่อยของโชว์คลิปลับ เป็นต้น (ส่วนของพี่ไทย กระผมโนคอมเม้นท์ ให้คุณผู้อ่านนึกภาพชี้ตัวกันเอาเอง คริๆๆ)

ตัวอย่าง:

– Socialite Kim Kardashian’s ex-husband has slammed the reality TV star as a “fame whore.” (สามีเก่าของสาวสังคม คิม คาร์ดาเชียน สับเละแม่สาวดาวเรียลลิตี้โชว์ว่าเป็นพวกกระสันอยากดัง)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


Against the grain / Go against the grain

= สวนกระแส / แหกคอก

 

ความหมายและที่มา:

การทำสิ่งที่สวนกระแส แหกคอก หรือทำอะไรผิดแผกไปจากปกติวิสัย   อุปมาดั่งการตัดไม้สวนลายเนื้อไม้ (grain) ซึ่งจะยากกว่าปกติและทำให้ชิ้นไม้ที่ออกมามีตำหนิ

ตัวอย่าง:

– It’s not easy to go against the grain and buy stocks when others are selling them.

(มันไม่ง่ายที่จะสวนกระแสซื้อหุ้นในขณะที่คนอื่นๆกำลังเทขายกัน)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 118

 

เจ้าของบล็อกขอฝากเพจ IDIOM & SLANG ใน Facebook ด้วยนะครับ ^ ^ อย่าลืมช่วยกด like เป็นสมาชิกด้วยเน้อ~

http://www.facebook.com/pages/IDIOM-SLANG-chahaela-sanwn-xangkvs/120614324648986

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Veg out

= ชิลๆ / เอกเขนก / ผ่อนคลาย

= อู้เต็มคราบ / ปล่อยตัวตามสบาย

 

ความหมายและที่มา:

‘veg out’ หมายถึงการปล่อยตัวตามสบาย เอกเขนก อู้ๆ ชิลๆ พักผ่อนแบบเต็มที่ และไม่เอาเรื่องอะไรมาคิดให้รกหัว (หรืออยู่บ้านเฉยๆ ไม่ทำอะไร)

veg out น่าจะมีที่มาจากคำว่า vegetable ที่ไม่ได้แปลว่าผักอย่างเดียว แต่มันสามารถใช้เป็นสแลงที่แปลว่าคนไม่สมประกอบ จิตไม่สมประดีได้ด้วย   บ้างเปรียบเทียบว่า “เหมือนผักที่อยู่เฉยๆ ถูกวางแช่ไว้บนโต๊ะหรือในตู้เย็น ไม่กระดิกกระเดี้ย”

คำหนึ่งที่มีความหมายใกล้เคียงกับ veg out ได้แก่ ‘couch potato’ ที่หมายถึง “คนขี้เกียจ” ที่ชอบนั่งแช่ดูทีวีอยู่บนโซฟา (แต่ต่างกันตรงที่ veg out เป็นคำกริยา ส่วน couch potato เป็นคำนาม)

ว่ากันว่าสแลง veg out ถือกำเนิดที่อังกฤษในยุค 90 และมันยังไปปรากฏในหนังดัง Pretty Woman ที่จูเลีย โรเบิร์ต พูดประโยคหนึ่งว่า…

–  “Let’s watch old movies all night… we’ll just veg out in front of the TV.”

(เรามาดูหนังเก่าทั้งคืนกันเถอะ… เราจะนั่งแช่อยู่หน้าจอทีวี)

ตัวอย่าง:

– This long weekend I will just stay home and veg out.

(วันหยุดยาวนี้ฉันจะอยู่บ้านเฉยๆและอู้ให้เต็มคราบ)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


Got what it takes / Have got what it takes

= มีดี / ดีพอ / เข้าขั้น


ความหมาย:

มีความสามารถหรือมีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ

 

ตัวอย่าง:

– He has got what it takes to be a superstar.

(เขามีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นซูเปอร์สตาร์)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Kick in

= เริ่ม / บังเกิด / ปรากฏ

= มีผล / ออกฤทธิ์

ความหมาย:

– การบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน

– การเริ่มมีผล เริ่มทำงาน

ตัวอย่าง:

EX1: Once the medicine kicks in, you will feel sleepy.

(เมื่อยาออกฤทธิ์ คุณจะรู้สึกง่วง)

EX2: Her mother instinct kicked in when she got pregnant.

(สัญชาตญาณความเป็นแม่ของเธอได้บังเกิดขึ้นเมื่อเธอตั้งท้อง)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


More than meets the eye

= มากกว่าที่ตาเห็น

= มีอะไรซ่อนอยู่ / มีลับลมคมใน


ความหมาย:

– มีความจริงที่ซ่อนอยู่ หรือมีคุณค่าแฝงอยู่ ในสิ่งนั้นๆ

– สิ่งที่ลึกๆแล้วมีความสลับซับซ้อน สลักสำคัญ หรือมีความน่าสนใจ มากกว่าภาพลักษณ์ภายนอกที่ปรากฏให้เห็น

สำนวนนี้ไปปรากฏอยู่ในการ์ตูนดัง Transformers นั่นเอง ถ้าใครเป็นแฟนคงจะพอคุ้นหูกับเพลงที่มีท่อนเปิดว่า  ‘Transformers More than meets the eye’ ซึ่งพวกหุ่นยนต์จำแลงเหล่านี้ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของสำนวน “มากกว่าที่ตาเห็น” เพราะมันไม่ใช่แค่หุ่นธรรมดา แต่สามารถแปลงร่างไปเป็นยานพาหนะต่างๆได้ด้วย

ตัวอย่าง:

–  There’s more than meets the eye to this scandal. I feel something fishy.

(มีเล่ห์สนกลในอยู่ในเรื่องอื้อฉาวครั้งนี้ ฉันรู้สึกว่ามีอะไรทะแม่งๆ)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำนวนอังกฤษ 117

 

เจ้าของบล็อกขอฝากเพจ IDIOM & SLANG ใน Facebook ด้วยนะครับ ^ ^ อย่าลืมช่วยกด like เป็นสมาชิกด้วยเน้อ~

http://www.facebook.com/pages/IDIOM-SLANG-chahaela-sanwn-xangkvs/120614324648986

 

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

 

Wing it

= ด้นสด

= ลงมือเลย

ความหมายและที่มา:

การลงมือทำแบบเฉพาะหน้า หรือด้นสด มีการเตรียมการมาน้อย หรือไม่ได้เตี๊ยมมาก่อน

สำนวนนี้ถือกำเนิดในปลายคริสตศวรรษที่19 โดยมีที่มาจากละครเวที   ‘to wing’ ก็คือการเล่นแบบสดๆโดยไม่รู้บทพูด ทั้งนี้ในเบื้องหลังส่วนหนึ่งของการด้นสดนั้น จะมีคนบอกบทซ่อนตัวอยู่ตรงปีกข้างหลังฉาก และคอยบอกบทพูดให้กับนักแสดง ในกรณีที่พวกเขาอ่อนซ้อมหรือลืมบทจริงๆ

ตัวอย่าง:

– We hadn’t prepared for the presentation. So we just had to wing it.

(เราไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการนำเสนองาน เราก็เลยต้องด้นสด)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


The lesser of two evils

= เลวน้อยกว่า / แย่น้อยหน่อย


ความหมายและที่มา:

สิ่งที่เลวน้อยกว่าจากสิ่งที่แย่ทั้งคู่ ในบางสถานการณ์เมื่อเรามีตัวเลือกจำกัด และตัวเลือกทั้งสองนั้นต่างก็มีตำหนิ เราก็มักจะเลือกเอาสิ่งที่มีตำหนิน้อยกว่า ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ณ บัดนั้น

สำนวนนี้มีที่มาจากวงการการเมืองและการทหารนั่นเอง ตัวอย่างเช่นในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตกตัดสินใจให้การสนับสนุนผู้นำของโซเวียตอย่างสตาลิน เพราะเชื่อว่า ณ ตอนนั้นไม่มีใครที่จะเลวไปกว่า “ฮิตเลอร์” ขณะที่ทางฝั่งสตาลินเองซึ่งยึดมั่นในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ก็เห็นว่าต้องยอมจับมือกับพวกลัทธิทุนนิยมอย่างฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อกำจัดลัทธิฟาสซิสต์ ซึ่งเป็นดั่งปีศาจร้ายไปให้ได้เสียก่อน…   อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ “การเลือกตั้งของสหรัฐ” ซึ่งมีสองพรรคใหญ่อย่าง พรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน ซึ่งผู้เลือกตั้งส่วนใหญ่มักจะได้รับคำแนะนำให้เลือกพรรคที่เลวทรามน้อยกว่า (เช่น สมัยก่อน ทั่นบุช ของพรรครีพับลิกันได้ก่อวีรเวรเอาไว้เยอะจนประชาชนเอือม สมัยนี้บางคนก็เลยหันมาเลือกพรรคเดโมแครตแทน เป็นต้น)

ตัวอย่าง:

– Between coal and nuclear power, nuclear might be the lesser of two evils.

(ระหว่างพลังงานถ่านหินกับพลังงานนิวเคลียร์ นิวเคลียร์อาจเป็นทางเลือกที่เลวร้ายน้อยกว่า)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

Edgy

= เฉี่ยว / ล้ำ / เฟี้ยว / เจ๋ง / แนว

ความหมาย:

สิ่งที่ล้ำหน้า โดดเด่น ทันสมัย วิเศษ ไม่ซ้ำใคร (โดยน่าจะตัดทอนมาจากสำนวน on the cutting edge หรือ at the leading edge)

ตัวอย่าง:

– You can find many edgy art galleries in Bangkok.

(คุณสามารถหาอาร์ตแกลเลอรี่เจ๋งๆได้เยอะแยะในกรุงเทพ)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->


BOGOF / BOGO

= ซื้อหนึ่ง แถมหนึ่ง


ความหมายและที่มา:

BOGOF (บอ-กอฟ) ย่อมาจากคำว่า “Buy one get one free!” (ส่วน BOGO ย่อมาจาก “Buy one, get one.”) ที่แปลเป็นไทยได้ว่า “ซื้อหนึ่ง แถมหนึ่ง” นั่นเอง

ข้อสังเกตในการใช้ BOGOF ก็คือ เรามักจะพบมันอยู่คู่กับคำว่า offer หรือ deal เสมอ โดยเฉพาะคำว่า offer

สำหรับที่มานั้น BOGOF เป็นหนึ่งในยุทธวิธีการตลาดที่โด่งดังที่สุดของวงการซูเปอร์มาร์เก็ต โดยมีอเมริกาเป็นหนึ่งในต้นแบบ และมันเป็นยุทธวิธีที่ใช้จูงใจลูกค้าได้อย่างดี แต่ในปัจจุบันได้มีกระแสต่อต้าน BOGOF ในต่างประเทศ เพราะเชื่อว่าซูเปอร์มาร์เก็ตกำลังกระตุ้นให้ผู้บริโภคทิ้งขว้างอาหาร เพราะพอเอาเข้าจริงแล้วของแถมมักจะถูกโยนทิ้ง ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ไม่ได้กิน   นอกจากนี้ในยุโรปเมื่อปี 2008 EU ได้มีแผนที่จะแบนกลยุทธ์ BOGOF เนื่องจากพบว่ามันเข้าข่ายหลอกลวง โดยไม่ใช่ว่าผู้บริโภคจะได้ของแถมฟรีเสมอไป เพราะบางทีมีการบิดเบือนราคาจริง

เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆคือ BOGOF มีคำพ้องเสียงที่มีความหมายผิดแฝดผิดฝากันเลย นั่นคือถ้าออกเสียงดังๆใส่อารมณ์แรงๆว่า “Bog off!” มันเป็นคำอุทานที่แปลว่า “ไสหัวไป” หรือ “อย่ามายุ่งกับชั้น”

ตัวอย่าง:

– She is tempted by BOGOFF offers.

(เธอถูกยั่วใจด้วยข้อเสนอซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง)

;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :-> ;-> :->

สงวนลิขสิทธิ์

– ยินดีสำหรับการใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติมความรู้

– ยินดีถ้าท่านจะ save เก็บไว้อ่านเองที่บ้าน

แต่ไม่ยินดี สำหรับการคัดลอก, ดัดแปลง, ทำซ้ำ

หรือนำไปจัดจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

[NEW] อีกมุมของAvril Lavigne(อีกที) | slammed แปลว่า – NATAVIGUIDES

อีกมุมของAvril Lavigne(อีกที)

1.จริงๆพี่เคยลงกระทู้นี่ไป2ครั้งแล้ว เนื่องจากกำลังทำโปรเจคทางจิตวิทยา”มองเงา”(เป็นกาีรนำเสนอข้อมูลในด้านที่คนมองไม่เห็น หรือไม่มองกัน พอจะนึกออกมั้ย ประมาณว่าสิ่งที่สื่อนำเสนออยู่ คือส่วนที่คนทั่วไปมองเห็น แต่ในเงามักจะไม่มีคนมอง) เป็นแค่การนำเสนอข้อมูล ไม่ได้จงใจจะทำให้เกลียดนะคะ แต่ถ้าใครคิดว่าระงับสติอารมณ์ตัวเองไม่ได้ กดXไปเลยค่ะ เน้นใช้สมอง โนอารมณ์

โดยแบ่งระดับการประเมิน เป็น ปล่อยให้ด่าตามสบาย(ใช้อารมณ์ ได้แก่รัก โลภ โกรธ หลง) กับ ชี้แจงจุดประสงค์ (เพื่อให้ใช้สติในการอ่าน)

แต่เนื่องจากระดับที่2 พี่คงพูดไม่เคลียร์เอง (แต่พี่พยายามบอกแล้วนะ ไม่เห็นต้องนักเลงใส่กันเลย T  T) ก็เลยโดนแฟนคลับด่า ว่า “กวนอวัยวะเบื้องล่าง” บ้าง หรือ “พยายามใส่ร้่ายไอดอล”บ้าง “ขุดคุ้ยแต่เรื่องไม่ดีของคนอื่นมาพูด”บ้าง แต่ไม่เป็นไร ทำใจมาและ

2.ข้อมูลที่ทำมีตั้งแต่ด้านการเมือง กีฬา ดารา แฟชั่น แต่คิดว่ากลุ่มDek-dน่าจะมีความสนใจด้านนี้มากที่สุด ก็เลยเลือกไอดอลสุดชิค Avril Lavigne เพราะตอนเด็กก็ชอบเหมือนกัน (นี่แสดงว่าป้าแก่แล้ว ใช่มั้ยลูก) ข้อความที่ยกมาเป็นคำพูดของเจ้าตัวเอง ที่อยู่ในบทสัมภาษณ์ที่สามารถตามข้อมูลไปได้ตามlinkที่ให้ไว้ ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบคำพูด หรือ การกระทำ ก็ต้องไม่ชอบเค้าาาานู่น อย่างมาลงที่พี่นะ มันไม่ใช่สิ่งที่พี่แต่งขึ้นมา หรือว่าเป็นความเห็นส่วนตัวแต่อย่างไร

3.ช่วยกรุณาแสดงความเห็น เกี่ยวกับบทความที่ได้อ่าน (ไม่ใช่ตัวดารา)
 เช่น “ชอบ ได้มองคนๆนี้อีกมุมนึง”
       “ไม่ชอบ รูปน้อยไป ไม่สื่อนะ”
       “โกหก ไม่จริ๊ง รับไม่ได้”
        
งดความเห็นของแฟนคลับหัวรุนแรง ที่รับความจริงไม่ได้ หรือพยายามแก้ตัว
 เช่น   “มันก็เรื่องของเขานี่!” –รู้แล้วจ้ะ แต่การนำเสนอข่าว พี่พยายามทำอีกด้านที่ไม่มีคนมองอยู่
         “เรามองแต่ในแง่ดีของกันและกัน” — มองแต่แง่ดีน่ะ ไปอยู่ในโลกของนิยายเถอะ ไม่งั้นจะมีข่าวประมาณว่า โดนปล้น หรือข่มขืนเพราะคิดว่า”เค้าดูเป็นคนดีเนอะ”เหรอ คิดเยอะๆนะ พยายามมองทั้งสองด้าน
         “ทำตัวเองให้ดีก่อน ที่จะไปติชมคนอื่น”– พี่พยายามเสนอข้อมูลด้านมืดอยู่ พี่ไม่ได้ออกสื่อเอง ไม่ต้องเป็นคนดีขนาด ทำตัวเองให้ดีก่อน แล้วค่อยวิจารณ์ดารา ไม่งั้นพี่คงเรียนไม่จบ เพราะความเลวพี่มีมาก55 ล้อเล่น –  .  -“
         “เขียนข่าวไม่เป็นกลางแบบนี้เรียกว่าไม่มีจรรยาบรรณ” — ถ้าน้องไม่ได้อ่านคำชี้แจง แล้วมาตัดสินคนอื่นแบบนี้ ก็เรียกไม่เป็นกลางเหมือนกัน อีกอย่าง พี่ มองเงาาาาาาาอยู่ โอเค?

ความคิดเห็น ประมาณว่า ” I love you. Keep rockin on” โอเค พอรับได้ แต่จริงๆ ต้องการผลเกี่ยวกับงานมากกว่า

4.การนำเสนอข้อมูลจะเป็นแบบpowerpoint มีแค่รูปกับภาษาอังกฤษ ภาษาไทยมีไว้สำหรับคนขี้เกียจอ่านอังกฤษค่ะ

เม้นท์แล้วกลับมาดูอีกรอบนะคะ เผื่ออยากถามอะไรเพิ่ม

ขอบคุณมากๆนะ รบกวนมากเลย

*********************

1.“I want people to watch my video and not be staring at my girl parts but to be listening to my lyrics, and hearing what I have to say, and watching me rock out on my guitar”

แปล เธออยากให้คนดูMVที่ตัวเพลง และการเล่นกีต้าร์ที่เจ๋งสุดยอด มากกว่ามองที่ความเป็นผู้หญิง

Avril Lavigne, who once billed herself as the “anti-Britney Spears,” has gone Britney and become what she once railed against. Avril finally realized that sex sells and threw the whole anti-Britney philosophy out the window in her latest “What the Hell” music video.

จาก http://www.breatheheavy.com/exhale/viewthread.php?tid=293161

แปล เธอเป็นพวก anti-Britney Spears เพราะว่า Britney Spearsเป็นพวกขายsex (ไม่ได้ขายแบบนั้นนะ) แต่ในMV“What the Hell” ของเธอก็ เหอๆ เปิดตัวมา ก็มีแต่ชุดชั้นในอยู่บนเตียงผู้ชาย

 

2. I don’t want to walk around in Britney Clothes. How uncomfortable, eh?

แปล ไม่อยากจะเข้าใกล้เสื้อผ้าของ Britney มันดูอึดอัดมากๆ

ต้องแบบนี้ถึงจะไม่อึดอัด

อึดอ๊าด อึดอัด

แต่เวลาเธอเป็นนางแบบแล้วสวยจริงๆ

ตามlinkนี้ไป

http://plasticsergeant.com/avril-lavignes-boob-job

http://news.softpedia.com/news/Yup-Avril-Lavigne-Got-Boobs-77552.shtml

จะรู้ว่าเค้าเถียงกันอยู่ว่าเธอ ไปทำอะไรมาให้อึดอัดขึ้นหรือป่าว (จากแฟนคลับ ไม่หรอกเธอโตขึ้น ก็เลยโตตามตัวเท่านั้นแหละ)

3. ‘Sk8er Boi’ is one of the most hardest, rawest songs ever made. A lot of girls wish they could jam on the guitar like I could, but they can’t!”

http://www.prettyandstupid.com/idiot/18

แปล Sk8er Boi เป็นเพลงหนึ่งที่ยากมากๆ สาวๆหลายคนอยากจะเล่นกีต้าร์ให้ได้อย่างชั้น แต่พวกเขาทำไม่ได้

 
โอ้ เธอเก่งมากค่ะ เล่นอยู่ไม่กี่คอร์ด เข้าใจว่าเป็นคอร์ดพื้นฐาน แต่เก่งจริงเล่นให้เทพซิคะ ตัวเองไม่เก่งขนาดนั้นซะหน่อย

4. “When I wrote complicated, I was feeling what the song talks about–that there are tons of people in the world who are fake ,who are two faced”

แปล ตอนที่ชั้นเขียนเพลง complicated ชั้นรู้สึกว่าเพลงนี้เกี่ยวกับผู้คนหลากหลายบนโลกที่ไม่จริงใจต่อกัน (อู้ววว)

“The Matrix, who produced six songs for Lavigne, five of which appear in the album, had another explanation of how the collaboration  went. According to them, they wrote much of the portions in the three singles: “Complicated”, “Sk8er Boi”, and “I’m with You”, which were conceived using a guitar and piano. Christy said, “Avril would come in and sing a few melodies, change a word here or there.”

แปล The Matrix เป็นผู้produceเพลง5เพลงที่อยู่ในอัลบั้มของAvril พวกเขาเขียนเพลง Complicated, Sk8er Boi และ I’m with You คุณ.Christyบอกว่า Avrilแค่เข้ามา แล้วก็ร้องนอกหน่อย แล้วก็เปลี่ยนคำพูดตรงนู่นตรงนี้

Lavigne is listed as one of the songwriters on this, but there is some question as to how much she contributed. According to The Matrix, they wrote most of the song and Avril just changed a few words. Lavigne insists she contributed a lot more to the song, including most of the lyrics and the melody. A huge part of Lavigne’s appeal is that she writes her own songs. This set her apart from singers like Britney Spears and Christina Aguilera, and let Arista Records position her as a singer-songwriter like Michelle Branch and Vanessa Carlton.

แปล เธอเขียนในalbumว่าเธอเป็นคนแต่งเพลง แต่จริงๆเธอแค่มาเปลี่ยนคำพูดนิดหน่อย แต่เธอกลับพูดว่าเธอมีส่วนร่วมอย่างมาก และนั้นทำให้เธอแตกต่างจากพวก Britney Spears หรือว่า Christina Aguilera และให้ Arista Recordsเขียนว่าเธอเป็นคนแต่งเพลงเหมือนกับ Michelle Branch และ Vanessa Carlton

— คนที่มีalbumต้องไปเปิดหนังสือเพลงที่แถมมาได้ เธอเป็นทั้งผู้แต่งเพลง ร้องนำ เล่นกีต้าร์

http://www.songfacts.com/detail.php?id=2201

5. “People are like, ‘Well, she doesn’t know the Sex Pistols.’ Why would I know that stuff? Look how young I am. That stuff’s old, right?”

แปลว่า คนอื่นๆชอบบอกว่าชั้น(Avril) ไม่รู้จัก Sex Pistols แล้วทำไมชั้นต้องรู้จักด้วยหละ ชั้นเป็นวัยสะรุ่นนะ ไม่รู้จักของเก่าๆแบบนั้นหรอก

หลังจากนั้นก็พูดว่า

“I created Punk for this day and age. Do you see Britney walking around wearing ties and singing punk? Hell no. That’s what I do. I’m like a Sid Vicious for a new generation.”

แปล ชั้นเป็นคนสร้างpunk พวกคุณเคยเห็น Britney ใส่tiesเดินไปเดินมา แล้วร้องpunkหรือเปล่าล่ะ ไม่มี!!! นั้นเป็นสิ่งที่ชั้นทำ ชั้นเป็น Sid Viciousคนต่อไปหนาเว้ย

6.”I have my own style that happens to be different from everyone else in Hollywood. My inspiration is me.”

แปล ชั้นมี styleเป็นของตัวเอง ที่ต่างจากคนอื่นใน Hollywood แรงบันดาลใจของชั้นก็คือชั้นเอง (อ้าว ไหนบอกไม่รู้จัก)

—Sid Vicious of Sex Pistols

 

เธอไม่ใช่ที่ใส่tiesแล้วเล่นกีต้าร์คนแรกนะจ้ะ

7. “Of course, I’ve being compared to Kurt Cobain, we are both rock legends.”

แปล อะ แน่นอน ชั้นถูกเอาไปเปรียบเทียบกับ Kurt Cobain ก็เราเป็นตำนานของ rockเหมือนกันนี่หน่า

—Kurt Cobain เป็นนักร้องนำ และมือกีต้าร์ วง Nirvana เค้าระดับไหน แล้วคุณระดับไหน

8. I don’t write “Oh baby, baby” songs.

แปล ชั้นไม่เขียนเขียนแบบ Oh baby, baby (อืม แต่เป็น  yeah yeah yeah มากกว่า ใช่มั้ยคะ)

เลยไม่แปลกว่าทำไมถึงได้ไปร้อง คำว่า yeah yeah yeah ในเพลง Cheers (Drink To That) ของ Rihanna

http://www.youtube.com/watch?v=ZR0v0i63PQ4

 

9. “People like Shakira shouldn’t have record contracts. She can’t even speak English.”

แปล คนแบบ Shakiraไม่ควรจะได้เซ็นต์สัญญากับบริษัทอัดเสียงหรอก เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วยซ้ำ

( แหนะ เหยียดชนชาติอีก)

–อย่างน้อยเค้าก็เสียงดี เต้นเก่ง ไม่เคลมผลงานคนอื่นเป็นของตัวเองล่ะ

แถมยังร้อง Waka Waka (This Time for Africa) เพลงของบอลโลก2010

http://www.youtube.com/watch?v=pRpeEdMmmQ0

10. “I’m going to be around for a while. I’m going to make tons of records and keep on writing music and performing and reaching fans.”

แปล ชั้นคงอยู่ในวงการอีกพักใหญ่ แล้วก็จะสร้างผลงานมากมาย รวมถึงเขียนเพลง ร้องเพลงไปเรื่อยๆ

เริ่มด้วย

เพลง Girlfriend

“Girlfriend” has been accused a plagiarism to pop band The Rubinoos’ claim-to-fame single “I Wanna be Your Boyfriend” (1979). Within the lyrics of Rubinoos’ song is “Hey hey you you, I wanna be your boyfriend” while in Avril’s lyric there’s “Hey hey you you, I want to be your girlfriend”.

แปล เพลง Girlfriend ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าลอกเพลงมาจาก วง The Rubinoos เพลง I Wanna be Your Boyfriend

ของ The Rubinoos ร้องว่า “Hey hey you you, I wanna be your boyfriend”

ของ Avril ร้องว่า “Hey hey you you, I want to be your girlfriend”.

 

http://www.youtube.com/watch?v=FZxrMb4Cilw

ตามด้วย

เพลง Contagious

This isn’t the only accusal case that Avril faces. Long time collaborator Chantal Kreviazuk also slammed her in using the track “Contagious” without her permission. Kreviazuk fumed, “I sent her a song two years ago called ‘Contagious,’ and I just saw the track listing to (The Best Damn Thing) and there’s a song called ‘Contagious’ on it and my name’s not on it. What do you do with that?”

แปล Chantal Kreviazuk บอกว่าAvril เอาเพลงของเธอไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยตัวเธอเป็นผู้ส่งเพลงชื่อContagious ให้Avrilเอง แต่เธอกลับเห็น Avril เอาเพลงของเธอไปลงในAlbum The Best Damn Thing โดยไม่ได้เขียนชื่อChantal Kreviazuk ซึ่งเป็นผู้แต่งลงไป

http://www.youtube.com/watch?v=G7DE38546vM

Evan Taubenfield made it clear by saying, “We originally  wrote it for me, so there’s no way Chantal was involved. I can’t speak on her song or any claims she’s making about our song because I’ve never heard hers.”

แปล Evan Taubenfield บอกว่าจริงๆพวกเค้าเป็นผู้เขียนเอง คุณ Chantalไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

ใช่ ไม่ใช่ เธอรู้อยู่แก่ใจ

ไปตามอ่านการแก้ตัวของผู้จัดการของเธอได้ที่ http://www.aceshowbiz.com/news/view/00009927.html

+++สนับสนุนความคิดเห็นด้วย

John Mayer:

In an interview, John was asked what he thinks about chicks playing their own instruments and Avril was mentioned and then John answered:
John: “Oh, Avril doesn’t really play the guitar.(snickers) She only does so in the video to make herself look cool.”
Interviewer:  “No collaborattions with Avril in the future?”
John: “Avril? No. Oh!  wait, maybe logistically selling ties. Of course I’d design them. She’d just wear them.”

แปล  มีการสัมภาษณ์ John Mayerว่าเขียนยังไงกับผู้หญิงที่เล่นดนตรีได้ และชื่อ Avril ได้ถูกพูดถึงขึ้นมา

John Mayer: โอ้ Avril ไม่ได้เล่นกีต้าร์จริงๆหรอก เธอแค่เล่นในMVเพื่อให้ตัวเองดูเจ๋งเท่านั้นเอง

Interviewer: แล้วจะไม่มีการร่วมงานของ Avrilในอนาคตเหรอ

John Mayer: Avril เหรอ? ไม่หรอก!เดี๋ยวก่อน เราอาจจะขายเนคไทได้ แน่นอน ชั้นจะเป็นคนออกแบบ แล้วเธอก็เป็นใส่มัน

—นี่เป็นคำพูดจากปากคนที่ไม่ได้โนเนมนะคะ แต่ John Mayer เป็นนักกีต้าร์ที่เก่งมาก เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่มีรุ่นกีต้าร์เป็นของตัวเอง

John Mayer Stratocaster®

http://www.fender.com/products/search.php?partno=0119700800

 
และยังได้ไปเล่นกีต้าร์ตอนงาน Memorialของ Michael Jacksonด้วย

http://www.youtube.com/watch?v=kX2Vb68egWA

Good Charlotte:

When a fan asked if they would tour with Avril, they responded “Hell No”, and then Joel said, “I’d be having a good day until someone calls me Avril Lavigne.”

แปล ถ้าจะให้วงไปทัวร์กับAvril พวกเขาจะตอบว่าไม่แน่นอน Joel บอกว่ามันดีมากจนกระทั่งมีบางคนเรียกเราว่า Avril Lavigne

Chester from Linkin Park:

Said sarcastically, “Move over guys. Make room for Avril Lavigne, she’s a big star. We’re only a little rock band.”

แปล Chesterบอกว่า ถอย ถอย พวกเรา หลีกทางให้ Avril Lavigneหน่อย เธอเป็นดาราใหญ่ พวกเราแค่วงRock เล็กๆเท่านั้นแหละ

1.จริงๆพี่เคยลงกระทู้นี่ไป2ครั้งแล้ว เนื่องจากกำลังทำโปรเจคทางจิตวิทยา”มองเงา”(เป็นกาีรนำเสนอข้อมูลในด้านที่คนมองไม่เห็น หรือไม่มองกัน พอจะนึกออกมั้ย ประมาณว่าสิ่งที่สื่อนำเสนออยู่ คือส่วนที่คนทั่วไปมองเห็น แต่ในเงามักจะไม่มีคนมอง) เป็นแค่การนำเสนอข้อมูล ไม่ได้จงใจจะทำให้เกลียดนะคะ แต่ถ้าใครคิดว่าระงับสติอารมณ์ตัวเองไม่ได้ กดXไปเลยค่ะ เน้นใช้สมอง โนอารมณ์โดยแบ่งระดับการประเมิน เป็น ปล่อยให้ด่าตามสบาย(ใช้อารมณ์ ได้แก่รัก โลภ โกรธ หลง) กับ ชี้แจงจุดประสงค์ (เพื่อให้ใช้สติในการอ่าน)แต่เนื่องจากระดับที่2 พี่คงพูดไม่เคลียร์เอง (แต่พี่พยายามบอกแล้วนะ ไม่เห็นต้องนักเลงใส่กันเลย T T) ก็เลยโดนแฟนคลับด่า ว่า “กวนอวัยวะเบื้องล่าง” บ้าง หรือ “พยายามใส่ร้่ายไอดอล”บ้าง “ขุดคุ้ยแต่เรื่องไม่ดีของคนอื่นมาพูด”บ้าง แต่ไม่เป็นไร ทำใจมาและ2.ข้อมูลที่ทำมีตั้งแต่ด้านการเมือง กีฬา ดารา แฟชั่น แต่คิดว่ากลุ่มDek-dน่าจะมีความสนใจด้านนี้มากที่สุด ก็เลยเลือกไอดอลสุดชิค Avril Lavigne เพราะตอนเด็กก็ชอบเหมือนกัน (นี่แสดงว่าป้าแก่แล้ว ใช่มั้ยลูก) ข้อความที่ยกมาเป็นคำพูดของเจ้าตัวเอง ที่อยู่ในบทสัมภาษณ์ที่สามารถตามข้อมูลไปได้ตามlinkที่ให้ไว้ ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบคำพูด หรือ การกระทำ ก็ต้องไม่ชอบเค้าาาานู่น อย่างมาลงที่พี่นะ มันไม่ใช่สิ่งที่พี่แต่งขึ้นมา หรือว่าเป็นความเห็นส่วนตัวแต่อย่างไร3.ช่วยกรุณาแสดงความเห็น เกี่ยวกับบทความที่ได้อ่าน (ไม่ใช่ตัวดารา)เช่น “ชอบ ได้มองคนๆนี้อีกมุมนึง””ไม่ชอบ รูปน้อยไป ไม่สื่อนะ””โกหก ไม่จริ๊ง รับไม่ได้”งดความเห็นของแฟนคลับหัวรุนแรง ที่รับความจริงไม่ได้ หรือพยายามแก้ตัวเช่น “มันก็เรื่องของเขานี่!” –รู้แล้วจ้ะ แต่การนำเสนอข่าว พี่พยายามทำอีกด้านที่ไม่มีคนมองอยู่”เรามองแต่ในแง่ดีของกันและกัน” — มองแต่แง่ดีน่ะ ไปอยู่ในโลกของนิยายเถอะ ไม่งั้นจะมีข่าวประมาณว่า โดนปล้น หรือข่มขืนเพราะคิดว่า”เค้าดูเป็นคนดีเนอะ”เหรอ คิดเยอะๆนะ พยายามมองทั้งสองด้าน”ทำตัวเองให้ดีก่อน ที่จะไปติชมคนอื่น”– พี่พยายามเสนอข้อมูลด้านมืดอยู่ พี่ไม่ได้ออกสื่อเอง ไม่ต้องเป็นคนดีขนาด ทำตัวเองให้ดีก่อน แล้วค่อยวิจารณ์ดารา ไม่งั้นพี่คงเรียนไม่จบ เพราะความเลวพี่มีมาก55 ล้อเล่น – . -“”เขียนข่าวไม่เป็นกลางแบบนี้เรียกว่าไม่มีจรรยาบรรณ” — ถ้าน้องไม่ได้อ่านคำชี้แจง แล้วมาตัดสินคนอื่นแบบนี้ ก็เรียกไม่เป็นกลางเหมือนกัน อีกอย่าง พี่ มองเงาาาาาาาอยู่ โอเค?ความคิดเห็น ประมาณว่า ” I love you. Keep rockin on” โอเค พอรับได้ แต่จริงๆ ต้องการผลเกี่ยวกับงานมากกว่า4.การนำเสนอข้อมูลจะเป็นแบบpowerpoint มีแค่รูปกับภาษาอังกฤษ ภาษาไทยมีไว้สำหรับคนขี้เกียจอ่านอังกฤษค่ะเม้นท์แล้วกลับมาดูอีกรอบนะคะ เผื่ออยากถามอะไรเพิ่มขอบคุณมากๆนะ รบกวนมากเลย*********************1.“I want people to watch my video and not be staring at my girl parts but to be listening to my lyrics, and hearing what I have to say, and watching me rock out on my guitar”แปล เธออยากให้คนดูMVที่ตัวเพลง และการเล่นกีต้าร์ที่เจ๋งสุดยอด มากกว่ามองที่ความเป็นผู้หญิงAvril Lavigne, who once billed herself as the “anti-Britney Spears,” has gone Britney and become what she once railed against. Avril finally realized that sex sells and threw the whole anti-Britney philosophy out the window in her latest “What the Hell” music video.จาก http://www.breatheheavy.com/exhale/viewthread.php?tid=293161แปล เธอเป็นพวก anti-Britney Spears เพราะว่า Britney Spearsเป็นพวกขายsex (ไม่ได้ขายแบบนั้นนะ) แต่ในMV“What the Hell” ของเธอก็ เหอๆ เปิดตัวมา ก็มีแต่ชุดชั้นในอยู่บนเตียงผู้ชาย2. I don’t want to walk around in Britney Clothes. How uncomfortable, eh?แปล ไม่อยากจะเข้าใกล้เสื้อผ้าของ Britney มันดูอึดอัดมากๆต้องแบบนี้ถึงจะไม่อึดอัดอึดอ๊าด อึดอัดแต่เวลาเธอเป็นนางแบบแล้วสวยจริงๆตามlinkนี้ไปhttp://plasticsergeant.com/avril-lavignes-boob-jobhttp://news.softpedia.com/news/Yup-Avril-Lavigne-Got-Boobs-77552.shtmlจะรู้ว่าเค้าเถียงกันอยู่ว่าเธอ ไปทำอะไรมาให้อึดอัดขึ้นหรือป่าว (จากแฟนคลับ ไม่หรอกเธอโตขึ้น ก็เลยโตตามตัวเท่านั้นแหละ)3. ‘Sk8er Boi’ is one of the most hardest, rawest songs ever made. A lot of girls wish they could jam on the guitar like I could, but they can’t!”http://www.prettyandstupid.com/idiot/18แปล Sk8er Boi เป็นเพลงหนึ่งที่ยากมากๆ สาวๆหลายคนอยากจะเล่นกีต้าร์ให้ได้อย่างชั้น แต่พวกเขาทำไม่ได้โอ้ เธอเก่งมากค่ะ เล่นอยู่ไม่กี่คอร์ด เข้าใจว่าเป็นคอร์ดพื้นฐาน แต่เก่งจริงเล่นให้เทพซิคะ ตัวเองไม่เก่งขนาดนั้นซะหน่อย4. “When I wrote complicated, I was feeling what the song talks about–that there are tons of people in the world who are fake ,who are two faced”แปล ตอนที่ชั้นเขียนเพลง complicated ชั้นรู้สึกว่าเพลงนี้เกี่ยวกับผู้คนหลากหลายบนโลกที่ไม่จริงใจต่อกัน (อู้ววว)“The Matrix, who produced six songs for Lavigne, five of which appear in the album, had another explanation of how the collaboration went. According to them, they wrote much of the portions in the three singles: “Complicated”, “Sk8er Boi”, and “I’m with You”, which were conceived using a guitar and piano. Christy said, “Avril would come in and sing a few melodies, change a word here or there.”แปล The Matrix เป็นผู้produceเพลง5เพลงที่อยู่ในอัลบั้มของAvril พวกเขาเขียนเพลง Complicated, Sk8er Boi และ I’m with You คุณ.Christyบอกว่า Avrilแค่เข้ามา แล้วก็ร้องนอกหน่อย แล้วก็เปลี่ยนคำพูดตรงนู่นตรงนี้Lavigne is listed as one of the songwriters on this, but there is some question as to how much she contributed. According to The Matrix, they wrote most of the song and Avril just changed a few words. Lavigne insists she contributed a lot more to the song, including most of the lyrics and the melody. A huge part of Lavigne’s appeal is that she writes her own songs. This set her apart from singers like Britney Spears and Christina Aguilera, and let Arista Records position her as a singer-songwriter like Michelle Branch and Vanessa Carlton.แปล เธอเขียนในalbumว่าเธอเป็นคนแต่งเพลง แต่จริงๆเธอแค่มาเปลี่ยนคำพูดนิดหน่อย แต่เธอกลับพูดว่าเธอมีส่วนร่วมอย่างมาก และนั้นทำให้เธอแตกต่างจากพวก Britney Spears หรือว่า Christina Aguilera และให้ Arista Recordsเขียนว่าเธอเป็นคนแต่งเพลงเหมือนกับ Michelle Branch และ Vanessa Carlton— คนที่มีalbumต้องไปเปิดหนังสือเพลงที่แถมมาได้ เธอเป็นทั้งผู้แต่งเพลง ร้องนำ เล่นกีต้าร์http://www.songfacts.com/detail.php?id=22015. “People are like, ‘Well, she doesn’t know the Sex Pistols.’ Why would I know that stuff? Look how young I am. That stuff’s old, right?”แปลว่า คนอื่นๆชอบบอกว่าชั้น(Avril) ไม่รู้จัก Sex Pistols แล้วทำไมชั้นต้องรู้จักด้วยหละ ชั้นเป็นวัยสะรุ่นนะ ไม่รู้จักของเก่าๆแบบนั้นหรอกหลังจากนั้นก็พูดว่า”I created Punk for this day and age. Do you see Britney walking around wearing ties and singing punk? Hell no. That’s what I do. I’m like a Sid Vicious for a new generation.”แปล ชั้นเป็นคนสร้างpunk พวกคุณเคยเห็น Britney ใส่tiesเดินไปเดินมา แล้วร้องpunkหรือเปล่าล่ะ ไม่มี!!! นั้นเป็นสิ่งที่ชั้นทำ ชั้นเป็น Sid Viciousคนต่อไปหนาเว้ย6.”I have my own style that happens to be different from everyone else in Hollywood. My inspiration is me.”แปล ชั้นมี styleเป็นของตัวเอง ที่ต่างจากคนอื่นใน Hollywood แรงบันดาลใจของชั้นก็คือชั้นเอง (อ้าว ไหนบอกไม่รู้จัก)—Sid Vicious of Sex Pistolsเธอไม่ใช่ที่ใส่tiesแล้วเล่นกีต้าร์คนแรกนะจ้ะ7. “Of course, I’ve being compared to Kurt Cobain, we are both rock legends.”แปล อะ แน่นอน ชั้นถูกเอาไปเปรียบเทียบกับ Kurt Cobain ก็เราเป็นตำนานของ rockเหมือนกันนี่หน่า—Kurt Cobain เป็นนักร้องนำ และมือกีต้าร์ วง Nirvana เค้าระดับไหน แล้วคุณระดับไหน8. I don’t write “Oh baby, baby” songs.แปล ชั้นไม่เขียนเขียนแบบ Oh baby, baby (อืม แต่เป็น yeah yeah yeah มากกว่า ใช่มั้ยคะ)เลยไม่แปลกว่าทำไมถึงได้ไปร้อง คำว่า yeah yeah yeah ในเพลง Cheers (Drink To That) ของ Rihannahttp://www.youtube.com/watch?v=ZR0v0i63PQ49. “People like Shakira shouldn’t have record contracts. She can’t even speak English.”แปล คนแบบ Shakiraไม่ควรจะได้เซ็นต์สัญญากับบริษัทอัดเสียงหรอก เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วยซ้ำ( แหนะ เหยียดชนชาติอีก)–อย่างน้อยเค้าก็เสียงดี เต้นเก่ง ไม่เคลมผลงานคนอื่นเป็นของตัวเองล่ะแถมยังร้อง Waka Waka (This Time for Africa) เพลงของบอลโลก2010http://www.youtube.com/watch?v=pRpeEdMmmQ010. “I’m going to be around for a while. I’m going to make tons of records and keep on writing music and performing and reaching fans.”แปล ชั้นคงอยู่ในวงการอีกพักใหญ่ แล้วก็จะสร้างผลงานมากมาย รวมถึงเขียนเพลง ร้องเพลงไปเรื่อยๆเริ่มด้วยเพลง Girlfriend”Girlfriend” has been accused a plagiarism to pop band The Rubinoos’ claim-to-fame single “I Wanna be Your Boyfriend” (1979). Within the lyrics of Rubinoos’ song is “Hey hey you you, I wanna be your boyfriend” while in Avril’s lyric there’s “Hey hey you you, I want to be your girlfriend”.แปล เพลง Girlfriend ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าลอกเพลงมาจาก วง The Rubinoos เพลง I Wanna be Your Boyfriendของ The Rubinoos ร้องว่า “Hey hey you you, I wanna be your boyfriend”ของ Avril ร้องว่า “Hey hey you you, I want to be your girlfriend”.http://www.youtube.com/watch?v=FZxrMb4Cilwตามด้วยเพลง ContagiousThis isn’t the only accusal case that Avril faces. Long time collaborator Chantal Kreviazuk also slammed her in using the track “Contagious” without her permission. Kreviazuk fumed, “I sent her a song two years ago called ‘Contagious,’ and I just saw the track listing to (The Best Damn Thing) and there’s a song called ‘Contagious’ on it and my name’s not on it. What do you do with that?”แปล Chantal Kreviazuk บอกว่าAvril เอาเพลงของเธอไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยตัวเธอเป็นผู้ส่งเพลงชื่อContagious ให้Avrilเอง แต่เธอกลับเห็น Avril เอาเพลงของเธอไปลงในAlbum The Best Damn Thing โดยไม่ได้เขียนชื่อChantal Kreviazuk ซึ่งเป็นผู้แต่งลงไปhttp://www.youtube.com/watch?v=G7DE38546vMEvan Taubenfield made it clear by saying, “We originally wrote it for me, so there’s no way Chantal was involved. I can’t speak on her song or any claims she’s making about our song because I’ve never heard hers.”แปล Evan Taubenfield บอกว่าจริงๆพวกเค้าเป็นผู้เขียนเอง คุณ Chantalไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดใช่ ไม่ใช่ เธอรู้อยู่แก่ใจไปตามอ่านการแก้ตัวของผู้จัดการของเธอได้ที่ http://www.aceshowbiz.com/news/view/00009927.html+++สนับสนุนความคิดเห็นด้วยJohn Mayer:In an interview, John was asked what he thinks about chicks playing their own instruments and Avril was mentioned and then John answered:John: “Oh, Avril doesn’t really play the guitar.(snickers) She only does so in the video to make herself look cool.”Interviewer: “No collaborattions with Avril in the future?”John: “Avril? No. Oh! wait, maybe logistically selling ties. Of course I’d design them. She’d just wear them.”แปล มีการสัมภาษณ์ John Mayerว่าเขียนยังไงกับผู้หญิงที่เล่นดนตรีได้ และชื่อ Avril ได้ถูกพูดถึงขึ้นมาJohn Mayer: โอ้ Avril ไม่ได้เล่นกีต้าร์จริงๆหรอก เธอแค่เล่นในMVเพื่อให้ตัวเองดูเจ๋งเท่านั้นเองInterviewer: แล้วจะไม่มีการร่วมงานของ AvrilในอนาคตเหรอJohn Mayer: Avril เหรอ? ไม่หรอก!เดี๋ยวก่อน เราอาจจะขายเนคไทได้ แน่นอน ชั้นจะเป็นคนออกแบบ แล้วเธอก็เป็นใส่มัน—นี่เป็นคำพูดจากปากคนที่ไม่ได้โนเนมนะคะ แต่ John Mayer เป็นนักกีต้าร์ที่เก่งมาก เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่มีรุ่นกีต้าร์เป็นของตัวเองJohn Mayer Stratocaster®http://www.fender.com/products/search.php?partno=0119700800และยังได้ไปเล่นกีต้าร์ตอนงาน Memorialของ Michael Jacksonด้วยhttp://www.youtube.com/watch?v=kX2Vb68egWAGood Charlotte:When a fan asked if they would tour with Avril, they responded “Hell No”, and then Joel said, “I’d be having a good day until someone calls me Avril Lavigne.”แปล ถ้าจะให้วงไปทัวร์กับAvril พวกเขาจะตอบว่าไม่แน่นอน Joel บอกว่ามันดีมากจนกระทั่งมีบางคนเรียกเราว่า Avril LavigneChester from Linkin Park:Said sarcastically, “Move over guys. Make room for Avril Lavigne, she’s a big star. We’re only a little rock band.”แปล Chesterบอกว่า ถอย ถอย พวกเรา หลีกทางให้ Avril Lavigneหน่อย เธอเป็นดาราใหญ่ พวกเราแค่วงRock เล็กๆเท่านั้นแหละ


Should, Must แปลว่าอะไรและใช้อย่างไร


สอบถามเรื่องคอร์ส Line: Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey
โทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
รายละเอียดคอร์ส http://www.ajarnadam.tv/
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
สาขาเชียงใหม : http://www.facebook.com/hollywoodlearningcm
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Should, Must แปลว่าอะไรและใช้อย่างไร

ตัวอย่าง: ล่ามพูดพร้อมภาษาอังกฤษไทย Example: English-Thai Simultaneous Interpreter


ตัวอย่างการล่ามพูดพร้อม (ล่ามตู้) ภาษาอังกฤษไทย
ติดต่อสำหรับงานได้ที่ Facebook: Interpreter Mastermind
ล่ามพูดพร้อม ล่ามบนเวที ล่ามภาษาอังกฤษไทย ล่ามภาษาจีนไทย โค้ชล่าม
คอร์สสอนล่าม พิธีกรภาษาอังกฤษ พิธีกรภาษาอังกฤษไทย พิธีกรภาษาจีนไทย จัดหาล่าม
จัดหาอุปกรณ์การล่าม นักแปล ล่ามสด simultaneousinterpreter consecutiveinterpreter englishthaiinterpreter chinesethaiinterpreter

ตัวอย่าง: ล่ามพูดพร้อมภาษาอังกฤษไทย Example: English-Thai Simultaneous Interpreter

What Is Critical Race Theory?


Have you heard of Critical Race Theory? If you haven’t, you will. It’s coming to a high school, college, or workplace diversity training session near you. What do you need to know about it, and what can you do to stop it?
FOLLOW PragerU!
Facebook: 👉https://www.facebook.com/prageru
Twitter: 👉https://twitter.com/prageru
Instagram: 👉https://instagram.com/prageru/
SUBSCRIBE 👉 https://www.prageru.com/join/
To view the script, sources, quiz, visit: https://www.prageru.com/video/whatiscriticalracetheory
Join PragerU’s text list! https://optin.mobiniti.com/prageru
Do you shop on Amazon? Click https://smile.amazon.com and a percentage of every Amazon purchase will be donated to PragerU.
SHOP!
Love PragerU? Visit our store today! https://shop.prageru.com/
Script:
Have you heard about Critical Race Theory? I’m guessing you probably have. It has already insinuated itself into many institutions and is making rapid progress into others. If it takes hold, it will completely change the very nature of America and the way you live.
Critical Race Theory holds that the most important thing about you is your race. The color of your skin. That’s who you are. Not your behavior. Not your values. Not your environment. Your race.
In Critical Race Theory, if you are a member of a \”minoritized\” racial group—their term, not mine—you are a victim of a system that is rigged against you, a system that doesn’t want you to succeed. On the other hand, if your race is \”privileged,\” you’re an exploiter—whether you intend to be or not.
Critical Race Theory begins from the assumption that racism occurs in all interactions. To see how this works, consider this thought experiment: Imagine you own a shop, and two customers enter at the same time—one white and one black. Who do you help first? If you help the black person first, Critical Race Theory would say you did so because you don’t trust black people to be left alone in your store. That’s racist. If you helped the white person first instead, Critical Race Theory would say you did so because you think blacks are secondclass citizens. That’s racist, too.
That’s Critical Race Theory. It can find racism in anything, even if it has to read your mind to do it.
Critical Race Theory is a uniquely American invention. Brewed up at Harvard Law School in the ‘70s, now part of the academic and media mainstream, it is also uniquely unAmerican because it rejects the core tenets of the American, classically liberal, JudeoChristian value system. It turns the bedrock American idea upside down.
Here it is in the words of Richard Delgado and Jean Stefancic, two leading proponents: \”Critical Race Theory questions the very foundations of the liberal order, including equality theory, legal reasoning, Enlightenment rationalism, and the neutral principles of constitutional law.\”
It does this because Critical Race Theory proponents assume racism is present everywhere and always, and they look for it \”critically\” until they find it. And they always find it. It has to be there because that’s how the imperial European powers, and then America, set things up.  
Here, as in all dangerous academic theories, there is a kernel of truth. Human beings were not preoccupied with race until the 16th century when Europeans began to explore and then colonize other parts of the world. Drawing distinctions between the races reached its peak in the 19th century with the widespread use of slave labor in North and South America.  
No one denies this. But since then, the Western world and, most especially, America has spent a lot of time, money, and blood breaking free of its racist past. It’s been a rocky road, for sure, but great progress has been made. 
Critical Race Theory says all this progress is a mirage: racism never died—never even faded a little bit. It just hid itself better. Critical Race Theory, therefore, is not a continuation of the Civil Rights Movement. It is, in fact, a repudiation of it. To Critical Race theorists, Martin Luther King was both wrong and naïve. White Americans can never judge blacks by the content of their character. They can only judge them, always unfavorably—consciously or unconsciously, by the color of their skin.
Ironically, not since the Aryan obsession in Germany in the 1930s and 1940s, or South African Apartheid in the second half of the 20th century, has a social movement been so obsessed with race.
Critical Race Theory is, then, in a very real sense, a counterAmerican Revolution. But that’s a positive, not a negative, to those who subscribe to the theory.
The American experiment was given a 400year tryout, and it doesn’t work. So let’s scrap it. That’s what they believe. Is that what you believe? I’m going to guess that most of you don’t.
For the complete script visit https://www.prageru.com/video/whatiscriticalracetheory

What Is Critical Race Theory?

Used To ไม่ได้แปลว่า เคย อย่างเดียว


สนใน sponsor คลิปของอาจารย์อดัมติดต่ออีเมล [email protected] หรือโทร 02 612 9300
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

Used To ไม่ได้แปลว่า เคย อย่างเดียว

Supposed to แปลว่าอะไร ใช้อย่างไร ???


สอบถามเรื่องคอร์สได้ที่ไลน์ @ajarnadam หรือโทร 02 612 9300
รายละเอียดคอร์ส http://www.ajarnadam.tv/
FB: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
IG: https://www.instagram.com/ajarnadam
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam

Supposed to แปลว่าอะไร ใช้อย่างไร ???

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ slammed แปลว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *