Skip to content
Home » [Update] สาขายอดฮิตของนักเรียนไทย ที่ไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย ก็คือ | เรียน ป โท ออสเตรเลีย – NATAVIGUIDES

[Update] สาขายอดฮิตของนักเรียนไทย ที่ไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย ก็คือ | เรียน ป โท ออสเตรเลีย – NATAVIGUIDES

เรียน ป โท ออสเตรเลีย: คุณกำลังดูกระทู้

เรียนปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย เรียน ป.ตรี ที่ออสเตรเลีย

Table of Contents

เรียนปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย

ออสเตรเลีย เป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่มีนักเรียนไทย ไปเรียนต่อในระดับ ป.ตรี กันมาก เป็นรองเพียงแค่ ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศอังกฤษ โดยหลักสูตรการศึกษาที่คนไทยนิยมไปเรียนกันมากสุดคือ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ลองลงมาจะเป็น ปริญญาตรี และ ปริญญาโท ตามลำดับ

สาขายอดฮิตของนักเรียนไทย ที่ไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย ก็คือ

สาขาค่าเรียน Group of Eight ต่อปีค่าเรียน มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ต่อปี1. Business and ManagementAUD 38,000 – 42,000AUD 21,000 – 41,0002. EngineeringAUD 39,000 – 45,000AUD 26,000 – 40,0003. Mathematics and Computer SciencesAUD 38,000 – 43,000AUD 26,000 – 40,0004. Communication ArtsAUD 30,000 – 38,000AUD 23,000 – 33,0005. International RelationsAUD 30,000 – 40,000AUD 23,000 – 35,000

 

มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียมีเป็นจำนวนมาก เป็นของรัฐบาลถึง 37 แห่ง และ เอกชนอีก 2 แห่ง ป.ตรี ของออสเตรเลีย ส่วนใหญ่จะเรียนกันประมาณ 3 ปี แต่ถ้าเป็นพวก Specialist ยกตัวอย่างเช่น แพทย์ ทันตแพทย์ วิศวกรในบางสาขา ก็จะต้องเรียนมากขึ้น เช่น แพทย์เรียน 6 ปี วิศวเหมืองแร่ เรียน 4 ปี

ในจำนวนมหาวิทยาลัยรัฐบาล 37 แห่ง  มีมหาวิทยาลัยชั้นนำ 8 แห่ง หรือ Group of Eight (Go8) ที่มีความเป็นเลิศด้านวิจัยและวิชาการที่แข็งแกร่ง โดยอันดับโลกอยู่ไม่ต่ำกว่า 150 ในภาพรวม  สำหรับวิชาด้านกฎหมาย Go8 อยู่ในลำดับท็อป 100 ซึ่งมี 6 มหาวิทยาลัยอยู่ในลำดับท็อป 50 และ 4 แห่ง ลำดับท็อป 20 จากมหาวิทยาลัยทั่วโลก

Group of Eight (Go8) ประกอบด้วย

ชื่อมหาวิทยาลัยรัฐRanking ในออสเตรเลียWorld RankingAustralian National UniversityACT124University of MelbourneVIC239University of New South Wales (UNSW)NSW345University of Queensland (UQ)QLD448The University of SydneyNSW542Monash UniversityVIC659The University of Western AustraliaWA791The University of AdelaideSA8114

 

สัญลักษณ์แต่ละมหาวิทยาลัยของ Go8

การสมัครเข้าเรียนต่อในระดับ ป.ตรี ของออสเตรเลีย จะไม่เหมือนกับของประเทศไทย โดยที่การสมัครเรียน ป.ตรี ของออสเตรเลีย จะใช้วิธีการดูจาก วุฒิการศึกษาในระดับ ม.ปลาย และ ค่อยพิจรณา รับเข้าเรียนต่ออีกครั้ง

  1. ใช้เวลาเรียน ในสาขาวิชาทั่วไปเพียง 3 ปี
  2. สามารถทำงาน Part Time ได้ถึง 40 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์ ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย
  3. คุณภาพของมหาวิทยาลัย มีมาตรฐานสูงมาก ติดอันดับ QS World University Rankings ทุกแห่ง
  4. ได้ประสบการณ์ ในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ร่วมกับนักเรียนชาวต่างชาติ

 

lineokk

จะเห็นได้ว่า เส้นทางการศึกษาในระดับปริญญาตรี ของออสเตรเลีย ไม่เหมือนกับการเรียนในประเทศไทย การที่จะเข้าเรียน ป.ตรี ที่ออสเตรเลียนั้น มีหลายเส้นทางมาก

ตัวอย่างเช่น
นางสาว สมหญิง จบ ม.6 แล้ว พื้นฐานภาษาอังกฤษดี มีผลสอบ Ielts ผ่านเกณฑ์ ก็สามารถเข้าเรียน ป.ตรี ได้เลย

นางสาว สมทรง จบ ม.6 แล้ว แต่พื้นฐานภาษาอังกฤษไม่ดี ก็ต้องไปปรับพื้นฐานภาษาก่อน โดยจะเรียนปรับพื้นฐานภาษา ที่ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัยโดยตรง หรือ เรียนที่โรงเรียนสอนภาษาอื่นก่อน พอมั่นใจแล้วค่อยไปสอบ Ielts ถ้าผ่าน แล้วค่อยกลับมาเรียน ป.ตรี ก็ยังได้ครับ

นาย สมชาย จบ ม.5 มีผลสอบ Ielts 5.5 แต่ไม่อยากเรียนเมืองไทยแล้ว ไปเรียนออสเตรเลียดีกว่า เรียนด้วยทำงานไปด้วย สนุกดี นายสมชาย สามารถไปเรียน Diploma -> Advance Diploma -> Bachelor Degree อย่างนี้ก็ได้นะครับ

ตามความเป็นจริงแล้ว เส้นทางการศึกษาจะมีอีกมากครับ ขึ้นอยู่กับว่า อยากไปเรียน ป.ตรี ที่ออสเตรเลีย สาขาอะไร พื้นฐานการศึกษาของนักเรียนเป็นอย่างไร ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลองมาคุยกับ พี่อาร์ท ที่ Office นะครับ จะได้แนะนำเส้นทางที่เหมาะสมให้ครับ ติดต่อสอบถาม

ค่าเล่าเรียน ปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย โดยประมาณ 

  • Business and Management ค่าเรียน ต่อปี A$ 22,890 ตลอดหลักสูตร 3 ปี A$ 68,670 (ยกตัวอย่างจาก University of Canberra)
  • Engineering ค่าเรียน ต่อปี A$ 32,300 ตลอดหลักสูตร 4 ปี A$ 129,200 (ยกตัวอย่างจาก UTS)
  • Computer Sciences ต่อปี A$ $23,993.60 ตลอดหลักสูตร 3 ปี A$ 71,980.80 (ยกตัวอย่างจาก Griffith University)

ค่าครองชีพ : A$ 250 – A$ 300 ต่อสัปดาห์ แล้วแต่ Lifestyle นะครับ ใครกินจุ Party เยอะ ก็อาจจะเกินครับ

รายได้จากการทำงาน Part Time : ค่าจ้างจะคำนวนเป็นรายชั่วโมงให้ครับ โดยเฉลี่ยประมาณ A$ 12 ต่อ ชั่วโมง ใน 1 สัปดาห์ นักเรียนส่วนใหญ่จะมีรายได้ A$ 200 ขึ้นไปครับ ถ้าใครได้ทำงาน Part Time ร้านอาหาร นอกจากค่าจ้างที่จะได้รับแล้ว ยังได้กินข้าวฟรีด้วยครับ

เริ่มทำงาน Part Time ได้เมื่อไหร่ : จะเริ่มทำงานได้ก็ต่อเมื่อเริ่มเรียน ในวันแรกของการลงทะเบียนเรียนที่สถาบันนั้นๆ นักเรียนสามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ของสถาบันไว้ได้ว่า เรามีแผนที่จะทำงาน Part time ด้วยในอนาคต

จำนวนชั่วโมงที่สามารถทำงาน Part Time ได้: 40 ชั่วโมง ต่อ 2 สัปดาห์ ซึ่งนักเรียนสามารถกำหนดเองได้ว่า สัปดาห์นี้อาจจะทำได้แต่ 15 ชั่วโมงสัปดาห์ถัดไป อาจจะทำ 25 ชั่วโมง หรือบางคนก็ทำเป็น 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ได้ครับ แล้วแต่เราและนายจ้าง
โอกาสของงาน part time: ขึ้นอยู่กับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ประสบการณ์การทำงานที่จะสมัคร แต่โดยรวมถ้าไม่เลือกงานก็หาไม่ยากจนเกินไป

ตัวอย่าง

ตารางค่าใช้จ่าย Bachelor of Business Administration at University of Canberra 3 years

ประเภทค่าใช้จ่าย

(AUD)

(Baht)

 ◆ ค่าสมัคร (Free)

0

 ◆ ค่าเรียน *แบ่งชำระ 6 งวด

68,670

1,854,090

0

 ◆ Telegraphic Transfer Fee

30

810

0

 ◆ ค่าประกันสุขภาพ 38 เดือน (ประมาณ)

2,280

61,560

0

 ◆ ค่าธรรมเนียมขอ Visa

 

15,325

0

 ◆ ค่า บ. ตัวแทนรับเอกสาร (VFS)

 

895

0

 ◆ ค่าตรวจสุขภาพเพื่อขอ Visa (BNH/ Bangkok Hospital) ชำระที่รพ.

 

5,500

0

 ◆ ตั๋วเครื่องบิน ไปเที่ยวเดียว ประมาณ(สามารถหาซื้อได้เอง)

 

23,000

0

     รวม

1,961,180

0

ขั้นที่ 1 หาข้อมูลเลือกที่เรียน

โดยปกติแล้ว จะหาข้อมูลกัน 3 แบบ คือ

  1. หาเองจาก Web Site
  2. จากการแนะนำ
  3. จาก บริษัทแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับ บริษัทฯ แนะแนวของประเทศออสเตรเลีย มีจำนวนเยอะมาก เลือกใช้ที่เหมาะสมได้เลยครับ

ขึ้นที่ 2 เตรียมเอกสาร

ะต้องเตรียมเอกสารหลัก ๆ 4 ด้านด้วยกันคือ

1. ประวัติการศึกษา
Transcript ล่าสุดครับ เช่น ถ้าจบ ป.โท ก็เอา ป.โท มาครับ ประวัติการเรียนภาษาอังกฤษ เรียนมากี่นำมาใช้ได้หมดครับ รวมถึงประวัติการฝึกอบรมต่าง ๆ ด้วย

2. ประวัติการทำงาน (ถ้ายังไม่เคยทำก็ไม่ต้องครับ)
ถ้ามีจดหมายรับรองการทำงานจะดีมากครับ หรือ กรณีเป็น Freelance ก็ควรต้องหาเอกสารประกอบ เพื่อยืนยันว่าเราประกอบอาชีพอะไร

3. ประวัติการเงิน
ทางสถานฑูต จะดูบัญชีเงินฝากเราย้อนหลัง 6 เดือน เงินในบัญชีเงินฝาก ประมาณ 600,000 บาท เน้นนะครับว่า 6 เดือน ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ ก่อนจะยื่น Visa 1 เดือน ก็เอาเงินใส่เข้ามา 300,000 บาท อย่างนี้ไม่ควรครับ

บัญชีเงินฝาก ไม่จำเป็นต้องเป็นของคนที่จะไปเรียน แต่เป็นของ พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือญาติ ก็ได้ แต่ญาติ แท้ ๆ นะครับ ไม่ใช่ แฟนหรือ คนข้างบ้าน

นอกจากบัญชีเงินฝากแล้ว สลากออมสิน, เงินฝากสหกรณ์ ก็ใช้ได้ครับ คนที่ให้เอกสารด้านการเงินเรามาอ้างอิง จะเรียกว่า Sponsor นะครับ

4. Passport
ปัจจุบันมีที่รับทำหลายแห่งครับ เช่นที่ แจ้งวัฒนะ ,เซ็นทรัล บางนา, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เชียงใหม่, ขอนแก่น, สงขลา ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,000 บาท ครับ

ขั้นที่ 3 ส่งเอกสารการเรียนให้บริษัทเพื่อตรวจสอบ

นำเอกสารที่เตรียมทั้งหมด scan ส่งให้บริษัทตรวจสอบในเบื้องต้น โดยจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่นักเรียนสนใจ รวมทั้งบริษัทจะแนะนำมหาวิทยาลัยที่เหมาะสมทั้งด้านวิชาการและงบประมาณของนักเรียน หลังจากที่สรุปข้อมูลจากเอกสารที่นักเรียนส่งให้บริษัทพิจารณา ลำดับต่อไปคือการสมัครเรียน

ขั้นที่ 4 การสมัครเรียน

บริษัทจะเป็นตัวแทนดำเนินเรื่องยื่นสมัครให้กับมหาวิทยาลัยที่บริษัทเป็นตัวแทน ส่วนใหญ่แล้วมหาวิทยาลัยไม่คิดค่าสมัคร ยกเว้นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในกลุ่ม Go8 จะมีค่าสมัครไม่เกิน AUD 200  หลังจากยื่นใบสมัครเข้าไปแล้ว มหาวิทยาลัยจะใช้เวลาการพิจารณาประมาณ 2-4 สัปดาห์ (อาจจะเร็วหรือช้ากว่านั้น แล้วแต่กรณี) ถ้าคุณสมบัติของนักเรียนผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด มหาวิทยาลัยจะออกเอกสารตอบรับหรือ ที่เรียกว่า Letter of Offer

เมื่อเราได้รับใบ Letter of Offer ควรตรวจสอบความถูกต้อง และเงื่อนไขต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าน้องไปสมัครเรียน ป.ตรี วิศวะ กับทาง มหาวิทยาลัย ใน Letter of Offer จะระบุวันเริ่มเรียน, ชื่อ – นามสกุล, คณะและสาขาวิชาที่ลงทะเบียนเรียน รวมถึงค่าเรียน แต่กณีที่คุณสมบัติด้านวิชาการถึงและผลคะแนนภาษาอังกฤษยังไม่ถึงตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด นักเรียนจะได้รับเป็น Conditional Letter of Offer ก็คือพอนำผลคะแนนที่ได้ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด ก็จะถูกเปลี่ยนเป็น Letter of Offer

ขั้นที่ 5 การชำระค่าเรียน

ขั้นตอนนี้นักเรียนสามารถชำระเงินโดยการโอนค่าเรียนตรงไปที่ สถาบัน หรือ มหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย ได้เลยครับ โดยนำ Offer Letter ไปแจ้งที่ธนาคาร จะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 1,500 บาทครับ

ขั้นที่ 6 รับเอกสารยืนยันการลงทะเบียนเรียน

เอกสารยืนยันการลงทะเบียนเรียน หรือ Confirmation of Enrolment (COE) จะส่งมาที่บริษัทหลังจากที่นักเรียนชำระเงินภายใน ประมาณ 1-2 สัปดาห์ (อาจจะเร็วหรือช้ากว่านั้น แล้วแต่ช่วงเวลาที่ชำระ เช่นเป็นเวลาที่ใกล้เปิดเทอมอาจจะใช้เวลาสักหน่อย เพราะนักเรียนหลายคนก็เร่งชำระเงินให้ทันก่อนเปิดเทอม)  เอกสาร COE นี้จะเป็นใบรับรองว่า เราได้ชำระค่าเรียนไปแล้ว บอกถึงความตั้งใจว่าเราจะไปเรียนแน่นอน

ขั้นที่ 7 ยื่นวีซ่า

หลังจากที่ เตรียมเอกสารทั้งหมดแล้ว + COE ขั้นต่อไป ต้องกรอกฟอร์ม 157 A ครับ และยื่นในระบบ online ค่าธรรมเนียมวีซ่าประมาณ 14,xxx – 15,xxx บาท โดยปกติแล้วทาง บริษัทฯ แนะแนวจะดำเนินขั้นตอนนี้ให้ครับ

ขั้นที่ 8 ตรวจสุขภาพ

หลังจากที่ยื่นวีซ่าเข้าระบบแล้วบริษัทจะนัดนักเรียนเพื่อไป scan ลายนิ้วมือ (Biometrics) ที่ตัวแทนสถานทูตคือ VFS  พร้อมแนะนำให้น้องนัดโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพหลังจากเสร็จ scan ลายนิ้วมือ

ขั้นตอนก็เหมือนตรวจร่างกายทั่วไป มีตรวจปัสสาวะ ตรวจตา X-ray โรงพยาบาลที่จะตรวจได้ก็มีไม่กี่แห่งครับ ต้องอยู่ในรายชื่อของสถานฑูตเท่านั้น ขั้นตอนนี้ต้องกรอกฟอร์มเยอะแยะเลย ปวดหัว แต่มีบางโรงพยาบาลกรอกให้เราเลย แต่แพงกว่า โรงพยาบาลที่แนะนำจะมี BNH ราคาประมาณ 5,500 บาท บริการดีที่สุดเท่าที่ทราบมา  พอตรวจเสร็จก็ไปจ่ายตัง กลับบ้านได้เลยครับ ส่วนผลการตรวจจะไปถึงสถานฑูตเอง

ขั้นที่ 9 รอฟังผลวีซ่า

รอผลประมาณ 4 สัปดาห์  (อาจจะเร็วหรือช้ากว่านั้น แล้วแต่เจ้าหน้าที่สถานทูตเป็นผู้พิจารณา) ผลวีซ่าจะถูกส่งผ่านมาที่บริษัท เมื่อวีซ่าผ่านสามารถซื้อตั๋วเครื่องบิน  และเตรียมจัดหาที่พักใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ไปเรียน

 

รายการสิ่งของที่ควรนำไปออสเตรเลีย

รายละเอียดเพิ่มเติมของ : การเตรียมของไปต่างประเทศ จัดกระเป๋าไปต่างประเทศ รายการสิ่งของ Click !!!

เครื่องแต่งกาย

    ● เสื้อแจ็คเก็ตหนา

● กางเกงขายาว

    ● เสื้อแจ๊กเก็ตบาง

● กางเกงใน

    ● Overcoat

● ผ้าเช็ดตัว

    ● เสื้อยืดแขนยาว

● ผ้าอนามัย

    ● เสื้อยืดแขนสั้น

● แว่นสายตา

    ● Cardigan

● แว่นกันแดด

    ● เสื้อเชิ้ต

● เข็มขัด

    ● ชุดนอน

● รองเท้าผ้าใบ

    ●

Jean

● รองเท้าแตะ

    ● กางเกงขาสั้น

ของใช้ส่วนตัว

    ● เครื่องสำอาง

● โฟมล้างหน้า

    ● ยาสระผม

● มีดโกนหนวด

    ● ครีมนวดผม

● ครีมโกนหนวด

    ● สบู่

● ครีมกันแดด

    ● ยาสีฟัน

● ครีมทาผิว

    ● แปรงสีฟัน

● ทิชชู่

    ● ลิปมัน

● ทิชชู่เปียก

    ● ไม้จิ้มฟัน

● สำลี

Gadget

● โทรศัพท์มือถือ

● อุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์

● กล้องถ่ายรูป

● ที่แปลงหัวปลั๊กไฟ

เอกสารสำคัญ

    ● Passport

● แผนการเดินทาง

    ● Passport copy

● แผนที่

    ● E-ticket

● สมุดบันทึก

    ● เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน

● นามบัตร

    ● บัตรเครดิต

● เงินสด

    ● Hotel Reservation

 

    ● Travel insurance

 

 

ยาสามัญประจำบ้าน และยาโรคประจำตัว

 

● ยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ไข้

● ยาประจำตัว

● ยาดม

● ยาหม่อง

● พลาสเตอร์ยา

 

 

ของใช้อื่นๆ ที่จำเป็น

  ● ถุง (สำหรับใส่เสื้อผ้าใส่แล้ว)

  ● กาวตราช้าง

  ● บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

  ● กรรไกรตัดเล็บ

  ● กุญแจ ล๊อคกระเป๋า

  ● อุปกรณ์กันฝน เช่น เสื้อกันฝน ร่ม เป็นต้น

 

สามารถดูขั้นตอนโดยละเอียดได้ที่ link นี้ครับ >>> https://www.educatepark.com/เรียนต่อออสเตรเลีย/ขั้นตอนการเไปเรียนที่ออสเตรเลีย

[Update] เรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา MBA เรียนต่อประเทศสหรัฐอเมริกา | เรียน ป โท ออสเตรเลีย – NATAVIGUIDES

ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่นักเรียนไทยมักนิยมไปเรียนต่อไม่ว่าจะเป็นในระดับปริญญาตรี โท และเอก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ด้วยเหตุที่ว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำทั้งทางด้านการศึกษา เทคโนโลยีต่างๆ มากมาย อีกทั้งยังมีจำนวนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่ม IVY League อาทิ Harvard, Browns, UPenn, Princeton หรือ Columbia เป็นต้น หรือแม้แต่ University ของรัฐต่างๆ ที่มีชื่อเสียงอาทิ University of California at Berkeley, University of California at Los Angles (UCLA), University of Texas at Austin, University of Washington, University of Colorado at Boulder อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย อาทิ Georgetown University, George Washington University, etc.

อย่างไรก็ตาม การสมัครเข้าเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกานั้นกลับมีจำนวนนักเรียนที่มีน้อยกว่าประเทศอังกฤษในปัจจุบัน ด้วยความยุ่งยากในการรับสมัครเข้าเรียนต่อ อย่างไรก็ตาม การสมัครเข้าเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาก็เป็นอีกความท้าทายหนึ่งสำหรับนักเรียนไทยและมีจำนวนไม่น้อยเลยที่สามารถฟันฝ่าเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาได้ โดยพี่ๆ GENT จะขอสรุปขั้นตอนการเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาให้เบื้องต้น ดังนี้

  1. คะแนน GPA: มหาวิทยาลัยที่อเมริกาจะดูคะแนน GPA เมื่อสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณา แต่จะมีความยืดหยุ่นในหาก GPA ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด แต่ต้องมีปัจจัยบวกอื่นๆ เพื่อมาชดเชย GPA ที่ไม่ถึงเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม สำหรับน้องๆ ที่เกรดไม่ดีเท่าไหร่นัก ก็ยังพอมีทางที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่อันดับดีๆ ได้ โดยการเข้าเรียนในหลักสูตร Graduate Pathway/ Pre Master เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าน้องๆ สามารถเรียนในหลักสูตรนั้นๆ และทำคะแนนได้ดี เมื่อจบการศึกษาหลักสูตร Pre Master แล้ว ก็สามารถเข้าเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยที่เรียนจบหลักสูตร Graduate Pathway/ Pre Master ได้ต่อไป
  2. ผลคะแนนภาษาอังกฤษ TOEFL: อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทางมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาจะใช้ในการพิจารณาในการรับสมัครนักเรียนคือผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ในการเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา น้องๆ ควรมีคะแนน TOEFL ไม่ต่ำกว่า 80 – 100อย่างไรก็ตาม หากน้องๆ มีผลคะแนนภาษาอังกฤษที่ไม่ดีนัก แต่ใกล้เคียงกับเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการ ทางมหาวิทยาลัยอาจจะนำเสนอเป็น Conditional Offer ให้น้องๆ เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมหรือ Graduate Pathway/ Pre Master
  3. Standardized Tests: รวมถึงการสอบ GMAT สำหรับนักเรียน MBA หรือ Business  การสอบ GRE สำหรับนักเรียนสายวิทยาศาสตร์อาทิ วิศวกรรมศาสตร์ การสอบ USMILE สำหรับนักเรียนแพทย์ และการสอบ LSAT สำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนด้านกฎหมาย ซึ่งการสอบ Standardized Test เหล่านี้จะเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการใช้พิจารณาของทางมหาวิทยาลัย โดยจะสามารถใช้เป็นการชดเชยคะแนน GPA ที่ไม่สูงมากนักได้ ในกรณีที่น้องๆ สามารถทำคะแนนจากผลสอบ Standardized Test ได้อยู่ในระดับที่โดดเด่น
  4. Statement of Purpose: การเขียน Statement of Purpose เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่ทางมหาวิทยาลัยใช้ในการพิจารณา โดยจะดูทักษะภาษาอังกฤษในการเขียน แต่ที่สำคัญคือดูเนื้อหาและความตั้งใจในการเลือกเรียนสาขาวิชานั้นๆ ว่าสอดคล้องกับแผนการดำเนินชีวิตหรือการทำงานในอนาคตหรือไม่ อย่างไร ตลอดจนประสบการณ์การทำงาน ฝึกงาน วิชาเรียนที่ผ่านมา จะช่วยให้น้องๆ ประสบความสำเร็จได้มากน้อยเพียงใด ยิ่งถ้า Statement of Purpose มีความโดดเด่นและมีความแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ ก็ยิ่งมีโอกาสที่น้องๆ จะได้รับการตอบรับมากขึ้นเท่านั้น

    (ดูข้อแนะนำในการเขียน SOP ได้ที่นี่ – Click

  5. Recommendations: ปัจจัยสุดท้ายแต่ไม่ท้ายที่สุดที่ทางมหาวิทยาลัยจะใช้ในการพิจารณาการสมัครคัดเลือกคือ Recommendation Letters จากอาจารย์หรือเจ้านายหากว่าผู้สมัครมีประสบการณ์การทำงาน โดยส่วนมาก มหาวิทยาลัยมากจะขอ Recommendation Letters 2 – 3 ฉบับ ทั้งนี้ใช้เป็นส่วนประกอบในการพิจารณาดูว่าอาจารย์หรือเจ้านายของผู้สมัครนั้นมีความเห็นอย่างไร และมีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนที่ผู้สมัครจะสามารถเรียนจบการศึกษาและประสบความสำเร็จในอนาคตต่อไปได้
  6. Working Experience: โดยมากแล้ว หากน้องๆ เรียนในสายวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ แพทยศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ทางมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา จะไม่ได้ Require ประสบการณ์การทำงาน ยกเว้น สายธุรกิจหรือหลักสูตร MBA (ใช้ประสบการณ์ประมาณ 2 – 5 ปี) อย่างไรก็ตาม หากน้องๆ มีประสบการณ์การทำงานซึ่งใกล้เคียงหรือตรงกับสายการเรียนที่เรากำลังจะไปเรียนต่อปริญญาโทนั้น ก็จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญ (Add On Benefits) ในการที่จะทำให้โปรไฟล์ของน้องๆ มีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นตัวสนับสนุนที่สำคัญเพื่อสนับสนุนว่าทำไมน้องๆ ถึงอยากมาเรียนสายการเรียนนี้
  7. Interview: สำหรับการเรียนต่อปริญญาโทในประเทศสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะ Require การสอบสัมภาษณ์กับผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกจากปัจจัย 6 ข้อข้างต้นเพื่อนำคะแนนไปรวมและพิจารณาตัดสิน สำหรับการสอบสัมภาษณ์นี้เปรียบเสมือนเป็นดาบสองคม โดยสำหรับน้องๆ บางคน การสอบสัมภาษณ์ถือเป็นโอกาสที่ดีในการได้อธิบายข้อด้อยของตนเอง หากแต่ในอีกด้านนึง ถ้าไม่สามารถที่จะอธิบายจุดด้อยของตัวเองได้ดีนัก ประกอบการทักษะการพูดภาษาอังกฤษไม่ดีนัก ก็อาจจะทำให้ทางมหาวิทยาลัยตัดสินไม่รับเลือกน้องๆ เข้าเรียนต่อ ดังนั้นจึงควรเตรียมตัวให้ดีสำหรับการสอบสัมภาษณ์

ข้อมูลข้างต้น เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับการเตรียมตัวเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หากน้องๆ ต้องการขอรับข้อมูลเพิ่มเติมการวางแผนการเรียนปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา รวมถึงต้องการปรึกษาเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญวางแผนการศึกษาให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถติดต่อกับพี่เบสท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท GENT ได้โดยตรงที่เบอร์ 062-656-5996 


เรียน + ทำงาน ประเทศออสเตรเลีย ใช้เงินเท่าไร | มีเงินเหลือเก็บกลับไทยจริงมั้ย


++ไปเรียนและทำงานออสเตรเลีย ใช้เงินเท่าไร และมีเงินเหลือเก็บกลับไทยจริงมั้ย++
ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนเลยว่า ที่ออสเตรเลียไม่ได้เป็นโครงการ เรียนและทำงาน โดยเฉพาะนะคะ เพราะหลายคนชอยเข้าใจผิดว่าการไปเรียนและทำงาน เป็นโครงการที่ทางเอเจ้นท์จัดทำขึ้น ไม่ใช่นะคะ คือทุกคนที่ไปเรียนที่ออสเตรเลีย สามารถทำงานได้ตามเงื่อนไขของวีซ่านักเรียนอยู่แล้ว ซึ่งตรงจุดนี้เองเลยทำให้ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่หลายๆคนอยากไป เพราะได้ทั้งความรู้ และได้ทำงานเก็บเงินด้วย
📌 ข้อมูลที่พูดไว้ในวีดีโอ เป็นข้อมูลที่สอบถามจากนักเรียนหลายๆคนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลีย และจากประสบการณ์ตรงของตัวบุ๋มเอง ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าทุกคนจะต้องใช้งบเท่านี้ และทำงานได้เงินเท่านี้ค่ะ📌
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการไปออสเตรเลียและการทำวีซ่า ได้ที่เพจ https://www.facebook.com/StepAbroadVisa หรือ
line: stepabroad และ bummpl

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

เรียน + ทำงาน ประเทศออสเตรเลีย ใช้เงินเท่าไร | มีเงินเหลือเก็บกลับไทยจริงมั้ย

แชร์ประสบการณ์เก็บเงินเรียนโท MBA ในออสเตรเลียเองด้วย Work and Holiday ที่ Darwin โดยคุณเจม


เจมผู้ใช้ชีวิตอยู่ที่ Darwin โดยทำงานเก็บเงินเพื่อส่งตัวเองเรียนต่อ MBA แชร์ประสบการณ์การเรียนภาษา ทำงาน สังคมที่ Darwin

แชร์ประสบการณ์เก็บเงินเรียนโท MBA ในออสเตรเลียเองด้วย Work and Holiday ที่ Darwin โดยคุณเจม

เรียนปริญญาโท ที่ Macquarie University ประเทศออสเตรเลีย


น้อง Mook Chanikan Vorakamhaeng บอกเล่าความประทับใจ หลังจากได้ไปศึกษาปริญญาโทต่อที่ Macquarie University ประเทศออสเตรเลียกับ IDP
น้องๆ คนไหนที่กำลังวางแผนเรียนต่อประเทศออสเตรเลีย สามารถปรึกษา IDP บริษัทที่ถือหุ้นโดยมหาวิทยาลัย 38 แห่งในประเทศออสเตรเลีย ช่วยดูแล และดำเนินการเรียนต่อง่ายขึ้น ที่สำคัญ ดำเนินทุกขั้นตอนฟรี
IDP ให้บริการฟรี!! ทุกขั้นตอนเรียนต่อต่างประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
🏢IDP Education สีลม ซี.พี. ทาวเวอร์ ชั้น 4
☎️Tel : 026383111
💬Facebook : IDP Thailand
Line: https://lin.ee/r59ap0A หรือ @idpthailand
💬IG: idp.thailand
💬Twitter: @idpthailand
🌐Website: https://www.idp.com/thailand

เรียนปริญญาโท ที่ Macquarie University ประเทศออสเตรเลีย

มาแชร์ประสบการณ์ไปเรียนต่อโทที่ออสเตรเลีย 🇦🇺 (ดูข้อมูลเพิ่มใน Description Box ด้านล่างนะคะ)


workandtravel ออสเตรเลีย แชร์ประสบการณ์
เว็บของรัฐบาลออสเตรเลีย (ออสเตรเลียดีอย่างไร, การศึกษา, การสมัครเข้าเรียน, การใช้ชีวิต, วีซ่า)
https://www.studyaustralia.gov.au/thai
Agency (ควรจะเช็ค เอเจนซี่ให้ดีก่อนที่จะเลือกใช้นะคะ)
https://visaandstudyabroad.com/
https://www.beyondstudycenter.com/en/
https://insight.in.th/
https://australian.co.th/
https://www.study.sydney/thai/live/supportservices
เวปหาบ้านเช่าและหางานที่ออสเตรเลีย (Aussietip กลุ่มชุมชนคนไทยในออสเตรเลียที่เราสามารถเข้าไปถามคำถามได้ค่ะ )
https://aussietip.com/
สมัครสอบ IELTS
https://www.ielts.idp.co.th/index_th.aspx
การขอวีซ่า Work \u0026 Holiday
https://immi.homeaffairs.gov.au/visas/gettingavisa/visalisting/workholiday417
Work and Study
ปกติเมื่เราเดินทางไปเรียนที่ประเทศต่าง ๆ จะได้วีซ่าที่สามารถทำงานและเรียนไปด้วยได้ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียน/นักศึกษามาก เพราะจะได้ฝึกการแบ่งเวลาและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เรียนเป็นหลัก ทำงานเป็นรองนั่นเองค่ะ
Work and Holiday
คือโครงการแลกเปลี่ยนที่สนับสนุนให้เยาวชนไทยได้ออกไปเรียน ทำงาน และท่องเที่ยว เป็นเวลา 1 ปี เพื่อเปิดโลกทัศน์ ปรับตัวและเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่าง หาประสบการณ์การทำงาน ฝึกใช้ภาษาอังกฤษและยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น เยาวชนสามารถเลือกไปได้ 2 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ (โครงการ Work and Holiday Visa (WHV) ไทย — ออสเตรเลีย และ โครงการ Working Holiday Scheme (WHS) ไทย — นิวซีแลนด์)
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ Thai Work \u0026 Holiday Club นะคะ
https://www.thaiwahclub.com/articlewah/WorkAndHolidayAustralia/40WahFAQ.html
ฝากติดตามช่องของแอนด้วยนะคะ
Read more: https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=anneschannel\u0026month=29102021\u0026group=3\u0026gblog=6
😊 Thank you for watching!
Social Media
Instagram: @anne_patthaveekarn (https://www.instagram.com/anne_pattha…)
Twitter: https://twitter.com/anneschannel23
Tiktok: @annechannel23
FB Page: https://fb.me/Anneschannel23
_______________________________
Song: Fredji Blue Sky (Vlog No Copyright Music)
Music provided by Vlog No Copyright Music.
Video Link: https://youtu.be/Hf6vHY0lQTI

มาแชร์ประสบการณ์ไปเรียนต่อโทที่ออสเตรเลีย 🇦🇺  (ดูข้อมูลเพิ่มใน Description Box ด้านล่างนะคะ)

HOME TOUR EP0 เปิดบ้านที่ออสเตรเลีย สร้างจากน้ำพักน้ำแรง | Shin Emily


Home Tour Ep0
วันนี้ชินจะพาทุกท่านไปชมบ้านหลังแรกในชีวิต เป็นบ้านที่เกิดจากความภาคภูมิใจเพราะเป็นเงินที่ชินและสามีร่วมกันเก็บมาระยะหนึ่ง บ้านเริ่มสร้างเมื่อเดือน ตุลาคม2019และเสร็จในเดือนเมษายน2020 เป็นระยะเวลา6เดือน
และวันนี้เป็นการตรวจที่เรียกว่า \”Final inspection\” หรือกาาตรวจเช็คครั้งสุดท้ายเพื่อทำการแก้ไขข้อบกพร่องก่อนที่จะเซ็นรับบ้าน

เมียฝรั่ง
เปิดบ้านออสเตรเลีย
บ้านหลังแรก

HOME TOUR EP0 เปิดบ้านที่ออสเตรเลีย สร้างจากน้ำพักน้ำแรง  | Shin Emily

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เรียน ป โท ออสเตรเลีย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *