Skip to content
Home » [Update] สรุป 12 tense เข้าใจง่าย จำง่าย พร้อมตัวอย่างประโยค | อย่าเครียด ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] สรุป 12 tense เข้าใจง่าย จำง่าย พร้อมตัวอย่างประโยค | อย่าเครียด ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

อย่าเครียด ภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Tense คือ อะไร

เมื่อพูดถึงเรื่องของ Tense ในภาษาอังกฤษ หลายๆ คน คงไม่อยากจะฟังมัน แต่ด้วยความสำคัญของมันนี่ล่ะ ทำให้คนที่ต้องการพูดภาษาอังกฤษ ปฏิเสธไม่ได้ ที่จะต้องเรียนรู้เรื่อง Tense เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียน การสอบต่างๆ เรามาลองทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันนะครับ บทเรียนนี้สรุปหลักการใช้ โครงสร้าง ตัวอย่างประโยค เทนส์ต่างๆ ค่อยๆ อ่าน เข้ามาอ่านบ่อยๆ อ่านทำความเข้าใจวันละ 1-2 หัวข้อ อย่าเครียดนะครับ ทุกคนทำได้ สู้ๆ .. ถ้าอ่านอย่างตั้งใจจนจบ จะรู้ว่า เรื่อง Tense จริงๆ แล้ว ไม่ยากเลยครับ

12 tense มีอะไรบ้าง

เทนส์ในภาษาอังกฤษ โดยหลักไวยากรณ์ส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 12 tenses คือ เทนส์บอกอดีต 3 เทนส์, เทนส์บอกปัจจุบัน 3 เทนส์ และเทนส์ที่พูดถึงอนาคตอีก 3 เทนส์ ดังนี้

Present Simple Tense

โครงสร้าง present simple tense (ปัจจุบันกาล)

ประธาน + กริยาช่องที่ 1
ถ้าประธานเป็นบุรุษที่ 3 เอกพจน์ + กริยาช่องที่ 1 เติม s หรือ es
อ่านบทเรียน คลิก >> การเติม s, es

เช่น I go… / You go… / He goes… / They go…

ตัวอย่างประโยค

She sings a song. แปลว่า หล่อนร้องเพลง
He plays football. แปลว่า เขาเล่นฟุตบอล
She is not here. หรือ She isn’t here. แปลว่า หล่อนไม่อยู่ที่นี่
We are not drivers. หรือ We aren’t drivers. แปลว่า พวกเราไม่ใช่คนขับรถ

ประโยคปฏิเสธและคำถามเราจะใช้ Verb to do มาช่วย เช่น

You do not like apple. หรือ You don’t like apple.
She does not eat meat. หรือ She doesn’t eat meat.
Do you like it?
Does he like it?

หลักการเติม ‘s’ ที่คำกริยา (โครงสร้าง present simple tense)

1. เติม s หลังคำกริยานั้นๆ เช่น
He eats / She sings / A tiger runs.

2. ถ้ากริยาลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, o, z, ss ให้เติม es เช่น
He teaches English.
She goes away.
She brushes her teeth.

3. ถ้ากริยาลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น
He tries to study.
She studies English.

หมายเหตุ ถ้าหน้า y เป็นสระ ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i ให้เติม s ได้เลย เช่น
play – plays = เล่น
pay – pay = จ่าย
destroy – destroys = ทำลาย

สรุป หลักการใช้ Present Simple Tense

1. แสดงลักษณะความจริงอยู่เสมอ ไม่ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปเท่าใดก็ตาม เช่น

The earth moves around the sun.
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์

The sun rises in the east and sets in the west.
ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก

The earth is round.
โลกกลม

Water freezes at 0 C.
น้ำมีจุดเยือกแข็งที่ 0 องศาเซลเซียส

2. การกระทำที่เกิดขึ้นเสมอๆ เกิดขึ้นจนเป็นนิสัย หรือ ประเพณีนิยม มักจะมี adverb of frequency ประกอบในประโยค เช่น

every day, usually, sometimes, frequently, always, naturally, generally, rarely, seldom, never etc.

She gets up at six o’clock.
หล่อนตื่นนอน 6 โมงเช้า (ตื่นเวลานี้จนเป็นนิสัย)

He runs every morning.
เขาวิ่งทุกๆ เช้า

John often drinks beer.
จอห์นมักจะดื่มเบียร์

She never sits in front of the church.
หล่อนไม่เคยนั่งข้างหน้าของโบสถ์เลย

3. แสดงเหตุการณ์หรือกิจกรรมต่างๆ ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เช่น

I go to Chiangmai in the afternoon.
ฉันจะไปเชียงใหม่ในตอนบ่าย

He starts to study in five minutes.
เขาจะเริ่มเรียนภายใน 5 นาที

The concert begins at 1.30.
คอนเสิร์ตเริ่มเวลา 1.30 นาฬิกา

4. ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย เช่น

New brooms sweep clean.
ไม้กวาดใหม่ย่อมกวาดสะอาดกว่า

Money makes friend.
เงินทองอาจทำให้ท่านมีเพื่อนฝูงมาก

Health is wealth.
ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ

Present Continuous Tense

โครงสร้าง present continuous tense (ปัจจุบัน กำลังกระทำ)

I + am + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานเอกพจน์ + is + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานพหูพจน์ + are + กริยาช่องที่ 1 เติม ing

ตัวอย่างประโยค

She is running.
Is he playing football now?
I am not sleeping.
They are walking.

หลักการเติม ing ที่คำกริยา (โครงสร้าง continuous tense)

1. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้ตัด e ทิ้งก่อน แล้วเติม ing เช่น
bite > biting
come > coming
arise > arising
write > writing
take > taking

2. กริยาที่ลงท้ายด้วย ee ให้เติม ing ได้เลย เช่น
free > freeing
see > seeing
flee > fleeing
agree > agreeing

3. กริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วเติม ing เช่น
lie > lying
die > dying
tie > tying

4. คำกริยาพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และมีตัวสะกดเป็นพยัญชนะตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น
run > running
sit > sitting
hit > hitting
get > getting
dig > digging
rob > robbing

5. กริยาหลายพยางค์ที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ 1 ตัว ถ้าหน้าพยัญชนะมีสระหนึ่งตัว ให้เพิ่มพยัญชนะเข้าไปอีก 1 ตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น
forget > forgetting
admit > admitting

6. คำกริยามี 2 พยางค์ ซึ่งออกเสียงหนักที่พยางค์หลัง มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดเข้ามาอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น
offer > offerring
refer > referring
occur > occurring
begin > beginning

7. คำต่อไปนี้ ใช้ได้ 2 แบบ คือ travel, quarrel ดังนี้
travel > traveling (แบบอเมริกัน)
travel > travelling (แบบอังกฤษ)
quarrel > quarreling (แบบอเมริกัน)
quarrel > quarrelling (แบบอังกฤษ)

8. กริยาตัวอื่นๆ เติม ing ได้เลย เช่น
hear > hearing
burn > burning
bend > bending
read > reading

สรุป หลักการใช้ Present Continuous Tense

1. แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะพูด และคาดว่าจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า มักมีคำเหล่านี้ คือ now, at the present time, at this moment etc. เช่น

She is eating.
Tom is running now.
We are walking.

2. แสดงการกระทำที่เริ่มก่อนพูดเป็นเวลานาน ขณะที่พูดนี้เหตุการณ์อาจไม่ได้กำลังเกิดขึ้นจริงๆ มักมีคำว่า this week, this month etc. เช่น

I am working with my teacher this summer.
ฉันกำลังทำงานกับครูของฉันในฤดูร้อนนี้
(ขณะที่พูดอาจทำ หรือไม่ทำอาการนี้ก็ได้)

Tom is working for an examination.
ทอม กำลังดูหนังสือสำหรับการสอบในครั้งนี้
(ขณะพูดอาจจะไม่ได้ดูหนังสือก็ได้)

3. ใช้แทนอนาคตที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า หรืออนาคตอันใกล้ มักมี adverb of time (tomorrow, next week, next month etc.) เช่น

I am asking him tomorrow (= I will ask him tomorrow.)
ฉันจะถามเขาพรุ่งนี้

He is leaving on Sunday (= He’ll leave on Sunday.)
เขาจะออกเดินทางในวันอาทิตย์

4. กริยาที่ไม่นิยมใช้รูป Present Continuous Tense คือ

4.1 กริยาแสดงความรู้สึกทางประสาททั้ง 5 เช่น
see = เห็น / notice = สังเกต / smell = ดมกลิ่น / taste = ชิม / hear = ได้ยิน / recognize = จำได้ / etc.

4.2 กริยาที่แสดงความรู้สึกทางอารมณ์ เช่น
love = รัก / like = ชอบ / dislike = ไม่ชอบ / adore = รักยิ่ง, บูชา / forgive = อภัย / wish = ปรารถนา, ต้องการ / care = เอาใจใส่ / desire = ปรารถนา / hate = เกลียด / want = ต้องการ / refuse = ปฏิเสธ

4.3 กริยาแสดงความคิด เช่น
think = คิด / know = รู้ / realize = ตระหนัก / recollect = จำได้ / suppose = คิด / recall = นึกได้ / expect = คาดหวัง / suppose = คิด / understand = เข้าใจ / mean = ตั้งใจ, หมายความว่า / believe = เชื่อ / forget = ลืม / trust = เชื่อ / remember = จำได้

4.4 กริยาอื่นๆ เช่น
seem = ดูราวกับว่า / appear (=seem) / hold = บรรจุ / belong = เป็นของ / own = เป็นเจ้าของ / contain = บรรจุ / possess = เป็นเจ้าของ / consist = ประกอบด้วย

Present Perfect Tense

โครงสร้าง present perfect tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์)

ประธาน + have, has + Past Participle (คำกริยาช่อง 3)

ตัวอย่างประโยค

We have eaten American foods.
She has not (ย่อเป็น hasn’t) eaten Thai foods.
Has he smoked cigarettes?

สรุป หลักการใช้ Present Perfect Tense

1.แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วเหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน(ขณะที่พูด) และมีแนวโน้มว่าจะเนินต่อไปในอนาคตมักจะมีคำว่า since, for

ตัวอย่างประโยค

Dr.Helen has lived in Bangkok since 1958.
ดร.เฮเลน อยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่ ค.ศ.1958

I have studied in America for four years.
ฉันเคยเรียนที่อเมริกามาเป็นเวลา 4 ปี

2. แสดงการกระทำซึ่งเกิดขึ้นในอดีต และเพิ่งเสร็จสมบูรณ์ไปไม่นาน มักมี adverb เช่น just, yet etc. ประกอบด้วย

ตัวอย่างประโยค

I have just passed my friend’s house.
ฉันพึ่งผ่านบ้านเพื่อนของฉันมา

They have already finished housework.
พวกเขาทำงานบ้านเสร็จแล้ว

3. แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ผลของการกระทำนั้นยังคงมาถึงปัจจุบันขณะที่พูด

ตัวอย่างประโยค

I have read this book before.
ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว

He has opened the door.
เขาได้เปิดประตูแล้ว (ผลของการกระทำยังอยู่ คือประตูเปิดอยู่)

4. เหตุการณ์ที่เคยทำซ้ำๆ กันหลายครั้งแล้วในอดีต อาจจะทำต่อไปในอนาคต แต่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไรแน่ อาจไม่ได้บอกเวลาไว้ มักมี adverb of time เช่น many times, several times ในประโยคด้วย

ตัวอย่างประโยค

I have been to America many times.
ฉันได้ไปอเมริกาหลายครั้งแล้ว

She has read this book three times.
หล่อนเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ 3 ครั้งแล้ว

He has eaten Thai food several times.
เขาเคยกินอาหารไทยหลายครั้งแล้ว

Present Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง present perfect continuous tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์กำลังกระทำ)

ประธาน + has, have + been + กริยาเติม ing

ตัวอย่างประโยค

I have been thinking.
ฉันกำลังคิด

They have been talking.
พวกเขากำลังพูดกัน

She has been living here for 2 weeks.
หล่อนอาศัยอยู่ที่นี่มา 2 สัปดาห์แล้ว

He has been studying hard all year.
เขาเรียนหนังสือหนักมาตลอดปี

สรุป หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense

1. ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาโดยไม่ขาดตอน

ตัวอย่างประโยค

John has been living in America since 1984.
จอห์นได้มาอยู่อเมริกาตั้งแต่ปี 1984

หมายเหตุ Present Perfect Continuous Tense นี้ ใช้เหมือน Present Perfect ต่างกันที่ว่า Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อต้องการเน้นย้ำว่าการกระทำนั้นติดต่อกันมาตลอด และกริยาที่ใช้มักเป็นกริยาที่มีลักษณะต่อเนื่องได้ ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้เท่าไร

Past Simple Tense

โครงสร้าง past simple tense (อดีตกาล ธรรมดา)

ประธาน + กริยาช่อง 2

ตัวอย่างประโยค

She went home.
เธอกลับบ้าน

I came here last night.
ฉันมาที่นี่เมื่อคืน

สรุป หลักการใช้ Past Simple Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และจบสิ้นลงไปแล้วในอดีตเช่นกัน มักมีคำว่า once, ago, last night, last week, last year etc.

ตัวอย่างประโยค

I got sick yesterday.
ฉันป่วยเมื่อวานนี้

I lived in Phuket 3 years ago.
ฉันอยู่ที่ภูเก็ตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

She went to the university last week.
หล่อนไปมหาวิทยาลัยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

2. แสดงเหตุการณ์ที่เป็นนิสัย ที่ทำเป็นประจำในอดีต (ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว) มักมี adverb ความถี่อยู่ในประโยคด้วย เช่น always, every, frequently etc.

ตัวอย่างประโยค

Mario walked every morning.
มาริโอ้เดินทุกๆ เช้า (เป็นนิสัยในอดีต ปัจจุบันไม่ได้ทำสิ่งนั้นแล้ว)

He always woke up late last year.
เขาตื่นนอนสายเสมอๆ เมื่อปีที่แล้ว

When I was young. I listened to the radio every night.
เมื่อฉันเป็นเด็ก ฉันฟังวิทยุทุกคืน

3. แสดงถึงการกระทำทั้งสองอย่างที่เกิดในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า as, while อยู่ด้วย

ตัวอย่างประโยค

While she sang, I danced.
ขณะที่หล่อนร้องเพลง ฉันเต้นรำ

As she cooked, her son played football.
ขณะที่หล่อนทำอาหาร ลูกชายของหล่อนก็เล่นฟุตบอล

Past Continuous Tense

โครงสร้าง past continuous tense (อดีตกาล กำลังกระทำ)

ประธาน + was, were + กริยาเติม ing

ตัวอย่างประโยค

I was drinking a glass of water.
ฉันกำลังดื่มน้ำ 1 แก้ว

They were playing football in the field.
เขากำลังเล่นฟุตบอลอยู่ในสนาม

สรุป หลักการใช้ Past Continuous Tense

1. ใช้เมื่อเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ก่อนแล้วเราจะใช้ Past Continuous และมีเหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้น จะใช้ Past Simple

ตัวอย่างประโยค

While I was cooking, the telephone rang.
ขณะฉันทำอาหารโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

We are walking along the street, it began to rain.
พวกเรากำลังเดินไปตามถนนฝนก็เริ่มตก

2. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในอดีต

ตัวอย่างประโยค

He was sleeping in the class.
ฉันกำลังหลับในห้องเรียน

He was running in the morning
เขากำลังวิ่งในตอนเช้า

3. แสดงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า while ในประโยค

ตัวอย่างประโยค

While I was watching T.V, my brother was reading a book.
ขณะที่ฉันดูทีวี น้องชายของฉันอ่านหนังสือ

She was sleeping while he was talking with his friends.
หล่อนกำลังนอนหลับ ขณะที่เขากำลังพูดคุยกับเพื่อนของหล่อน

Past Perfect Tense

โครงสร้าง past perfect tense (อดีตกาลสมบูรณ์)

ประธาน + had + Past Participle (กริยาช่อง 3)

ตัวอย่างประโยค

She had slept.
หล่อนได้นอนหลับแล้ว

He had not worked.
เขาไม่ได้ทำงาน

I had eaten foods before you came.
ฉันได้รับประทานอาหารก่อนที่คุณจะมา

สรุป หลักการใช้ Past Perfect Tense

1. แสดงเหตุการณ์ 2 อย่าง ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต โดยเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อน เราจะใช้ Past Perfect Tense และอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดทีหลัง เราจะใช้ Past Simple Tense

ตัวอย่างประโยค

When I had finished my housework, I played T.V games.
เมื่อฉันทำงานบ้านเสร็จฉันก็เล่น T.V เกมส์ (ทำงานบ้านเสร็จก่อนแล้วจึงเล่น)

2. ใช้เปลี่ยน Past Simple หรือ Present Perfect ให้เป็น Indirect Speech เช่น

Direct Speech : “I have stayed in America for 2 years.” She said
หล่อนพูดว่า “ฉันเคยอยู่อเมริการมา 2 ปีแล้ว”

Indirect Speech : She said that she had stayed in America for 2 years.
หล่อนพูดว่าหล่อนเคยอยู่อเมริกามา 2 ปีแล้ว

Direct Speech : He said “I worked in Bangkok many years.”
เขาพูดว่า”ฉันเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี”

Indirect Speech : He said that he had worked in Bangkok many years.
เขาพูดว่าเขาเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี

Past Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง past perfect continuous tense (อดีตกาลสมบูรณ์ กำลังกระทำ)

ประธาน + had been + กริยาเติม ing + กรรม หรือส่วนขยาย

ตัวอย่างประโยค

I had been sleeping.
ฉันกำลังนอนหลับ

She had been waiting for two hours.
หล่อนคอย 2 ช.ม. แล้ว

He had not (hadn’t) been walking before you came.
เขาไม่ได้กำลังเดินก่อนคุณมา

สรุป หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense

1. ใช้คล้ายๆ กับ Past Perfect ซึ่งเราใช้ก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต โดยต้องการเน้นว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดตอน เราใช้ Past Perfect Continuous Tense แล้วจากนั้นเกิดอีกเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา เราใช้ Past Simple Tense

ตัวอย่างประโยค

She had been living in America before she moved to Bangkok.
หล่อนอยู่อเมริการก่อนที่ย้านมาอยู่ที่กรุงเทพฯ

I had been waiting two hour before He arrived.
ฉันคอยเป็นเวลา 2 ชั่วโมงก่อนที่เขามาถึง

She had been reading for several hours when I saw her.
หล่อนกำลังอ่านหนังสือหลายชั่วโมง เมื่อฉันเห็นหล่อน

Future Simple Tense

โครงสร้าง future simple tense (อนาคต)

ประธาน + will + คำกริยาไม่ผัน

ตัวอย่างประโยค

I will go to see you tomorrow.
ฉันจะไปพบคุณพรุ่งนี้

They will eat.
พวกเขาจะกิน

Mary will run.
แมรี่จะวิ่ง

สรุป หลักการใช้ Future Simple Tense

1. ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคต มักมี adverb of time อยู่ด้วย เช่น tonight, tomorrow, next week, next month etc.

ตัวอย่างประโยค

I will meet him tomorrow.
ฉันจะไปพบเขาพรุ่งนี้

She is going to see the doctor next week.
หล่อนจะไปหาหมอสัปดาห์หน้า

The plane will arrive at the airport in a few minutes.
เครื่องบินจะมาถึงสนามบินในอีก 2-3 นาที

การใช้ be going to แทน will

1. ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 (ไม่ผัน) เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่ได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้ว หรือเชื่อว่าเป็นจริง อย่างนั้นโดยไม่สงสัย

ตัวอย่างประโยค

I am studying hard: I am going to try for scholarship.
ฉันกำลังเรียนหนังสืออย่างหนัก ฉันพยายามเพื่อสอบชิงทุนการศึกษา

She is going to write to her parents.
หล่อนตั้งใจว่าจะเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ของเธอ

She has bought flour: She is going to make cake.
หล่อนซื้อแป้งมา หล่อนจะทำเค้ก

2. ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพื่อแสดงการคาดคะเน

ตัวอย่างประโยค

I think it is going to rain.
ฉันคิดว่าฝนจะตก (อย่างแน่นอน)

Future Continuous Tense

โครงสร้าง future continuous tense (อนาคต กำลังกระทำ)

ประธาน + will + be + กริยาเติม ing + กรรม หรือส่วนขยาย

ตัวอย่างประโยค

I will be running.
ฉันจะกำลังวิ่ง

I will be working tomorrow.
ฉันจะกำลังทำงานพรุ่งนี้

We will be drinking.
เราจะกำลังดื่ม

สรุป หลักการใช้ Future Continuous Tense

1. แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเหตุการณ์นั้นจะกำลังดำเนินอยู่

ตัวอย่างประโยค

At ten o’clock tomorrow morning. I will be waiting my friend.
เวลา 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ ฉันจะกำลังรอเพื่อน

I will be cooking at 5 o’clock tomorrow evening.
ฉันจะทำอาหารตอน 5 โมงเย็นพรุ่งนี้

He will be sleeping at 4 o’clock tomorrow morning.
เขากำลังหลับตอน 4 โมงเช้าพรุ่งนี้

2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Future Continuous Tense ส่วนเหตุการณ์หลังใช้ Present Simple Tense

ตัวอย่างประโยค

They will be playing football when you arrive at their house.
เขาจะกำลังเล่นฟุตบอลอยู่ เมื่อคุณมาถึงบ้านของเขา (เล่นก่อนที่คุณจะถึงบ้าน)

When he calls to you, she will be going to the market.
เมื่อเขาโทรมาหาคุณ หล่อนกำลังไปตลาด

Future Perfect Tense

โครงสร้าง future perfect tense (อนาคตกาลสมบูรณ์)

ประธาน + will + have + กริยาช่อง 3

ตัวอย่างประโยค

I will have eaten.
ฉันจะกินอยู่แล้ว

Siri will have gone.
สิริไปแล้ว

He will have finished his work.
เขาจะเสร็จงานของเขาแล้ว

สรุป หลักการใช้ Future Perfect Tense

1. ใช้เมื่อคิดว่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณ์หรือการกระทำจะสิ้นสุดลง โดยมักมีคำเหล่านี้ เช่น by that time, by then, by tomorrow, by next year, by next week, by at ten o’clock in two hours etc.

ตัวอย่างประโยค

I will have slept in three hours.
ฉันจะนอนเสร็จใน 3 ชั่วโมง

They will have finished the new road by next week.
พวกเขาจะทำถนนใหม่เสร็จในสัปดาห์หน้า

2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน โดยคาดว่าเมื่อถึงเวลานั้นเหตุการณ์หนึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ เราจะใช้ Future Perfect Tense กับเหตุการณ์นั้น และจะเกิดเหตุการณ์ที่ 2 ตามมา เราจะใช้ Present Simple Tense

ตัวอย่างประโยค

By the time you arrive, I will have finished homework.
เมื่อเวลาที่คุณมา ฉันก็ทำการบ้านเสร็จพอดี

She will have eaten foods before you came.
หล่อนรับประทานอาหารเสร็จก่อนที่คุณจะมา

The movie will have started before we reach the theater.
ภาพยนตร์เริ่มฉายก่อนที่พวกเราจะมาถึงโรงภาพยนตร์

Future Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง future perfect continuous tense (อนาคตกาลสมบูรณ์ กำลังกระทำ)

ประธาน + will + have + been + กริยาเติม ing + กรรม หรือส่วนขยาย

ตัวอย่างประโยค

I will have been working.
เราคงจะทำงาน (ติดต่อกัน)

He will have been running.
เขาคงจะวิ่ง (ติดต่อกัน)

สรุป หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense

หลักการใช้ Tense นี้ เน้นให้เห็นถึงการต่อเนื่องของการกระทำว่าถึงเวลานั้นในอนาคต การกระทำนั้นยังคงดำเนินอยู่ และจะดำเนินต่อไปอีก (ยังไม่หยุด)

ตัวอย่างประโยค

By ten o’clock I will have been working without a rest.
ถึงตอน 10 โมง ฉันได้ทำงาน (ติดต่อกันมา) โดยไม่พัก

When you arrive, she will have waiting for three hours.
เมื่อคุณถึง หล่อนคงจะรอคุณ (โดยไม่หยุดรอ) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง

สรุป 12 tense สั้นๆ ง่ายๆ

สรุป Present Simple Tense

Present Simple ใช้เมื่อเป็นการกล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวัน หรือสิ่งที่ทำเป็นประจำ หรือ สิ่งที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเป็นปกติ หรือเป็นความจริง

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Somchai usually plays tennis on Sunday.
Sue reads the newspaper every day.
Earth revolves around the sun.

สรุป Present Continuous Tense

Present Continuous ใช้เมื่อกล่าวถึงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะปัจจุบัน ในขณะที่ผู้พูดกำลังพูดอยู่ และกำลังดำเนินต่อไปในอนาคต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Sue is reading the newspaper now.
Jame is playing tennis with Jack right now.

สรุป Present Perfect Tense

Present Perfect ใช้เมื่อมีเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ คือ

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไป

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jame has just finished his homework.

2. ใช้ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้งในอดีตโดยไม่ระบุระยะเวลาที่แน่นอน

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jame has eaten at this restaurant many times.

3. ใช้กับ since หรือ for ประโยคจะกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินจนถึงปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jame has lived in Bangkok since 1985.
Sue has known Anny for five years.

หมายเหตุ คำเหล่านี้มักใช้ใน Perfect Tense
just , often , never , over , yet , since , already , for , etc.

สรุป Present Perfect Continuous Tense

Present Perfect Continuous ใช้เมื่อต้องการแสดงถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินอยู่ในปัจจุบัน และจะดำเนินต่อไป

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Sue has been talking to John on the phone for fifty minutes.

สรุป Past Simple Tense

Past Simple ใช้เมื่อต้องการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบไปแล้วในอดีต สังเกตจากประโยคนั้นจะเป็นประโยคที่แสดงความเป็นอดีต เช่น เมื่อวานนี้ ปีที่แล้ว หรือ ปี พ.ศ. ที่ผ่านมาแล้ว

ตัวอย่างประโยค
Sue played tennis with Jame yesterday.
Mary saw Jame at the post office last week.

สรุป Past Continuous

Past Continuous ใช้เมื่อต้องการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่แน่นอนในอดีต หรือขณะที่เหตุการณ์หนึ่งดำเนินอยู่

ตัวอย่างประโยค
Sue was playing tennis with Jame when I came.
While Jame was talking a shower , the phone rang.

สรุป Past Perfect Tense

Past Perfect จะใช้ในเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

1. ใช้ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอดีตและสิ้นสุดในอดีตไปแล้ว

ตัวอย่างประโยค
Jame had seen Anny five years before.

2. ใช้ในเหตุการณ์ที่เกิด 2 เหตุการณ์ในอดีต และต้องการแสดงลำดับเหตุการณ์ว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อน

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jame had finished my homework before Anny arrived.

สรุป Past Perfect Continuous Tense

Past perfect Continuous ใช้ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาถึงจุดจุดหนึ่งในอดีต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
At that time, Jame had been writing a novel for 3 months.

When Sue came to this university in 1985, Prof. Johnson had already been teaching here for 4 years.

สรุป Future Simple Tense

Future Simple ใช้เมื่อต้องการกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคต สามารถใช้ will (shall ใช้กับ I หรือ We แต่ในปัจจุบันนิยมใช้ will แทน shall) ซึ่งมีความหมายเดียวกันเมื่อใช้เกี่ยวกับเรื่องอนาคต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jame will leave tomorrow.
We shall leave tomorrow.

สรุป Future Continuous Tense

Future Continuous ใช้กับเหตุการณ์ดังนี้คือ

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ในอนาคต
When I get home, my son will be watching TV.

2. ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคตที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
Sue will be staying here till Monday.

สรุป Future Perfect Tense

Future Perfect ใช้กับเหตุการณ์ที่จะจบสมบูรณ์ในอนาคต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Before you go to see him, he will have left that place.

สรุป Future Perfect Continuous Tense

Future Perfect Continuous ใช้กับเหตุการณ์ที่ดำเนินไปช่วงหนึ่งและจะจบลงในอนาคต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
When Jame gets his degree, he will have been studying at Harvard University for four years.

[Update] รวม 100 สำนวนและวลีภาษาอังกฤษ + ตัวอย่าง | อย่าเครียด ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

bored to deathเบื่อมากI have nothing to do all day. I’m bored to death.
ฉันไม่มีอะไรทำทั้งวันเลยฉันเบื่อมากYou’ve got to be kiddingคุณต้องล้อเล่นแน่ๆเลยSon: Mom, I won the singing contest at school.
ลูกชาย: แม่ฉันชนะการประกวดร้องเพลงที่โรงเรียน

Mom: You’ve got to be kidding. You sing terribly.
แม่: คุณต้องล้อเล่นแน่ๆเลยคุณร้องเพลงได้แย่มากsick and tiredเบื่อระอาI am getting sick and tired of Japanese food.
ฉันเบื่อมากกับอาหารญี่ปุ่น (กินมาทั้งอาทิตย์จนเบื่อ)call it a dayเลิกงานเลิกทำบางสิ่งIt’s nine o’clock now. Let’s call it a day.
ตอนนี้ 3 ทุ่มแล้วเลิกงานกลับบ้านกันเถอะGet on one’s nervesทำให้เครียดรบกวนPlease stop singing. It’s getting on my nerves.
กรุณาหยุดร้องเพลงเถอะมันรบกนฉันมากcouch potatoคนขี้เกียจ (มักเอาแต่นั่งดูทีวี)You have a big fat belly because you are a couch potato.
คุณมีหน้าท้องที่ใหญ่มากเพราะคุณมัวแต่ดูทีวีread one’s mindคิดเหมือนฉันเลยYou read my mind. I was going to say that.
คุณคิดเหมือนฉันเลย (เหมือนอ่านใจฉันได้) ฉันกำลังจะพูดมันเลยfeel blueรู้สึกเสียใจรู้สึกเศร้าใจWhenever I feel blue, I like to watch comedy shows.
เมื่อไนก็ตามที่ฉันรู้สึกเศร้าใจฉันชอบดูรายการตลกfender benderอุบัติเหตุเล็กน้อยMy sister got a small accident. It was just a fender-bender.
น้องสาวของฉันได้รับอุบัติเหตุเล็กน้อยแต่มันก็แค่เล็กน้อยget a foot in the doorผ่านขั้นแรกของขั้นตอนหรือกระบวนการที่ยาวCan you  help my sister to get her foot in the door.
คุณช่วยน้องสาวฉันให้ผ่านขั้นแรกไปหน่อยนะchickenคนที่ขี้ขลาดCome on, let’s go. Don’t be a chicken.
เอาน่าไปกันเถอะอย่าขี้ขลาดไปเลยgive someone a hard timeทำให้ยุ่งยากสร้างความลำบากให้Stop giving yourself a hard time.
หยุดสร้างความลำบากให้กับตัวเองเลยmake up one’s mindตัดสินใจMake up your mind, please.
กรุณาตัดสินใจด้วยgo dutchแบ่งกันจ่ายคนละครึ่งHe didn’t pay for me, so we ended up going dutch on the first date.
เขาไม่ได้จ่ายเงินให้ฉันเราจึงลงท้ายด้วยการจ่ายคนละครึ่งในวันthrow in the towelยอมแพ้I don’t think I can win, so I’ll throw in the towel.
ฉันไม่คิดว่าฉันจะชนะดังนั้นฉันจะยอมแพ้goose bumpsขนลุกI never get goose bumps when I see a horror movie.
ฉันไม่เคยขนลุกเมื่อฉันดูหนังสยองขวัญเลยstay in touchที่ยังติดต่อกันไม่ขาดการติดต่อกันPromise me that we will stay in touch.
สัญญากับฉันนะว่าพวกเราจะไม่ขาดการติดต่อกันhave the gutsกล้าหาญHe doesn’t have the guts to go skiing.
เขาไม่มีความกล้าหาญที่จะเล่นสกีrain or shineไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออกRain or shine, we are going to go camping tomorrow.
ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออกพวกเราจะไปตั้งแค้มป์พรุ่งนี้easier said than doneพูดง่ายแต่ทำยากFinding a good job is easier said than done.
การหางานที่ดีนั้นพูดง่ายแต่ทำยากIt’s about timeในที่สุดก็ถึงเวลาที่…It’s about time you took responsibility.
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่คุณต้องรับผิดชอบสักที (คือไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย)jump to conclusionsด่วนตัดสินใจรีบตัดสินใจเร็วDon’t jump into conclusions. Wait until you know everything.
อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจรอจนกระทั่งคุณรู้ทุกอย่างก่อนkeep an eye onเฝ้าดูเฝ้ามองจับตาดูPlease keep an eye on my son while I go to the bathroom.
กรุณาจับตาดูลูกชายฉันในขณะที่ฉันไปเข้าห้องน้ำout of the blueทันทัทันใดจู่ๆก็เกิดI have serious diarrhea, out of the blue.
จู่ๆฉันก็ท้องเสียอย่างรุนแรงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยknow something inside outรู้แบบละเอียดรู้ทั้งหมดWhy don’t you ask your sister? She knows it inside out.
ทำไมคุณไม่ถามพี่สาวของคุณหล่อนรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับมันgive someone a handช่วยเหลือCan you give me a hand putting away these toys?
คุณช่วยฉันเก็บของเล่นเหล่านี้หน่อยได้ไหมnow and thenเป็นครั้งคราวI go on vacation with my family every now and then.
ฉันไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวของฉันเป็นครั้งเป็นคราวnuke – microwaveทำอาหารหรืออุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟThe easy way to heat up food is to nuke it.
วิธีง่ายๆที่จะอุ่นอาหารคือการอุ่นด้วยไมโครเวฟon the dotตรงเวลามากๆSee you at 10 o’clock on the dot.
เจอกัน 10 โมงเป๊ะนะkeep my finger crossedหวังว่าจะมีข่าวดีI hope he can do it. I’m keeping my finger crossed.
ฉันหวังว่าเขาสามารถทำมันได้ฉันภาวนาให้มีข่าวดีout of this worldมหัศจรรย์สุดวิเศษIt’s totally out of the world. How can you do it?
มันช่างมหัศจรรย์มากคุณทำมันได้ยังไงover one’s headยากเกินกว่าจะทำได้I am afraid that I can’t help you. It’s way over my head.
ฉันเกรงว่าฉันไม่สามารถช่วยคุณได้มันยากเกินกว่าที่ฉันจะทำได้จริงๆpain in the assสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดรำคาญมากI have to deal with traffic every day. It was a total pain in the ass.
ฉันต้องจัดการกับปัญหารถติดทุกวันมันเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดน่ารำคาญมากๆpiece of cakeง่ายมากๆIt’s not difficult at all, it’s a piece of cake.
มันไม่ยากเลยมันง่ายมากๆsooner or laterไม่ช้าก็เร็วในที่สุดYou’re going to fall in love with me sooner or later.
คุณจะต้องตกหลุมรักฉันไม่ช้าก็เร็วpull someone’s legอำพูดโกหกในเชิงล้อเล่นDon’t ask me to believe it. Stop pulling my leg.
อย่าขอให้ฉันเชื่อมันเลยหยุดพูดเล่นได้แล้วput oneself in one’s placeเอาใจเขามาใส่ใจเรานึกถึงจิตใจคนอื่นIf I put myself in your place, I would do the same thing.
ถ้าฉันเป็นคุณฉันก็จะทำเหมือนกันI can eat a horseต้องการกินมากมายI didn’t eat anything all day, I feel like I can eat a horse now.
ฉันไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวันตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถกินม้าได้ทั้งตัวละread between the linesการตีความสิ่งที่ผู้เขียนอาจจะไม่ได้เขียนออกมาตรงๆReading between the lines, I think he loves you.
ดูจากสิ่งที่เขาทำแล้วฉันคิดว่าเขาชอบเธอนะrings a bellคุ้นๆหูเคยได้ยินหรือเคยรู้จักHer name rings a bell, but I am not sure.
ชื่อหล่อนฟังดูคุ้นๆแต่ฉันไม่มั่นใจbugรบกวนทำให้รำคาญI need to focus on my work, so stop bugging me.
ฉันต้องตั้งใจกับงานของฉันดังนั้นหยุดรบกวนฉันได้แล้วsleep on itใช้เวลาในการตัดสินใจI will give you my answer tomorrow. I need to sleep on it.
ฉันจะบอกคำตอบคุณวันพรุ่งนี้ฉันขอเวลาตัดสินใจสักหน่อยplay it by earคิดว่าจะทำอะไรอย่างไรโดยตัดสินจากสถานการณ์ตอนนั้นๆLet’s just play it by ear, ok?
เดี๋ยวเราดูสถานการณ์พรุ่งนี้อีกทีแล้วค่อยคิดโอเคไหมspeak of the devilพูดกวนๆพูดปั่นป่วนหรือตายยากจริงๆ (คนที่กำลังพูดถึงมาพอดี)Hi Anna, speak of the devil, we were talking about you.
สวัสดีแอนนาตายยากจริงๆพวกเรากำลังพูดถึงเธอเลยgrab a biteไปหาอะไรกินแบบเร็วๆWe have 10 minutes before the movie, let’s grab a bite.
เรามีเวลา 10 นาทีก่อนภาพยนตร์เริ่มไปหาอะไรเร็วๆกินกันเถอะtake it easyทำตัวสบายๆTake it easy. Everything will be alright.
ทำตัวสบายๆอย่าเครียดทุกอย่างจะโอเคล่ะgo with the flowทำตัวไหลไปตามกระแสน้ำI don’t want to upset my mom so I will just go with the flow.
ฉันไม่อยากทำให้แม่ไม่พอใจดังนั้นฉันจะตามๆหล่อนไปtwenty-four sevenตลอดเวลาทุกๆนาทีของทุกๆวันThe system runs 24/7.
ระบบทำงานทุกวันตลอดเวลา (เนื่องจากหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมงและหนึ่งอาทิตย์ก็มี 7 วัน )under the weatherป่วยไม่สบายI’m feeling under the weather.
ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยdon’t sweat itอย่ากังวลเลยDon’t sweat it, things will work out for you.
อย่ากังวลเลยทุกอย่างจะดีเองyou can say that againเห็นด้วยกับคุณ (ก็คือพูดซ้ำได้อีกเพราะเห็นด้วย)A: This is totally unacceptable.
อันนี้นี่รับไม่ได้อย่างรุนแรงB: You can say that again.
ฉันเห็นด้วยกับคุณ (ไม่ได้แปลว่าให้คุณพูดอีกครั้งนะคะ)brokeไม่มีเงินถังแตกI’m always broke around the end of the month.
ปลายเดือนที่ไรฉันมักจะเงินหมดช่วงปลายๆเดือนkeep me coolทำตัวตามปกติJust keep your cool and you will be just fine.
แต่ทำตัวปกติเป็นธรรมชาติแล้วทุกอย่างจะดีเองsort ofค่อนข้างI sort of know how to get to the airport.
ฉันค่อนข้างจะรู้ว่าไปสนามบินได้อย่างไรบ้างgood for youมันดีสำหรับคุณI heard you got promoted, good for you.
ฉันได้ยินว่าคุณได้เลื่อนตำแหน่งเก่งมากๆดีแล้วสำหรับคุณI don’t buy itฉันไม่เชื่อหรอกHe said he did it by himself but I don’t buy it.
เขาพูดว่าเขาทำมันด้วยตัวของเขาเองแต่ฉันไม่เชื่อหรอกshotgunนั่งด้านหน้า (ของพาหนะ) ข้างคนขับI want to ride shotgun in his car.
ฉันต้องการที่จะนั่งข้างหน้า (ข้างๆคนขับ)ในรถของเขาwho caresฉันไม่สนใจI missed the his class today, but who cares?
วันนี้ฉันไม่ได้เข้าเรียนวิชาของเขาแต่ฉันไม่สนใจbig dealเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญCome on, don’t be serious. It’s not a big deal.
เอาน่าอย่าเครียดไปเลยมันไม่ใช่เรื่องใหญ่what a small worldโลกแคบจังI just knew that he knows my brother. What a small world.
ฉันเพิ่งรู้ว่าเขารู้จักพี่ชายฉันโลกแคบจังwhat’s going on?เกิดอะไรขึ้นWhat’s going on here?เกิดอะไรขึ้นที่นี่now you’re talkingพูดแบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อยเห็นด้วยกับคนนั้นYou want to give me free tickets to the movie. Now you’re talking.
คุณให้ตั๋วคอนเสิร์ทอย่างนี้ค่อยน่าคุยกันหน่อยover my dead bodyข้ามศพฉันไปก่อนเถอะThere is no way she will go with us, over my dead body.
ไม่มีทางที่หล่อนจะไปกับพวกเราข้ามศพฉันไปก่อนเถอะcoming right upมักจะใช้ในร้านอาหารว่าอาหารใกล้จะมาแล้วYour food is coming right up.
อาหารของคุณกำลังมาแล้วค่ะgood thinkingใช้ชมความช่างคิดรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนGood thinking to call and book the hotel rooms.
รอบคอบมากที่โทรไปและจองโรงแรมไว้ก่อนnothing mattersไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าบางอย่างDon’t worry about what they said. Nothing matters but what you are.
อย่ากังวลในสิ่งที่พวกเขาพูดไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสิ่งที่คุณเป็นcome onพูดให้กำลังใจ “เอาน่ะ”Come on, she’s not the only girl in the world.
เอาน่ะหล่อนไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนเดียวในโลกนะ (ปลอบใจเพื่อนที่อกหัก)never mindช่างมันเถอะลืมไปเถอะNever mind what I said before, I was angry.
อย่าสนใจสิ่งที่ฉันดูดไปก่อนหน้านี้เลยฉันโมโห (ลืมๆไปเถอะ)if you insistการตกลงหลังจากที่ถูกรบเร้าขอร้องWe will stay one more night if you insist.
พวกเราจะค้างที่นี่อีกคืนก็ได้ถ้าคุณต้องการแบบนั้นit’s nothingแค่นี้เล็กน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่No need to thank me. It’s just nothing.
ไม่ต้องขอบคุณฉันก็ได้แค่นี้เล็กน้อยfair enoughก็ยุติธรรมดีFair enough, let’s share it for today.
ก็ยุติธรรมดีงั้นเรามาแบ่งกันใช้ละกันสำหรับวันนี้cat got your tongueทำไมไม่ตอบทำไมไม่พูดStop being awfully quiet, cat must have gotten your young.
หยุดเงียบได้แล้วทำไมไม่ตอบล่ะmy pleasureด้วยความยินดีอย่างยิ่งIt was my pleasure to meet you.
ฉันรู้สึกยินดีมากๆที่ได้พบคุณit totally slipped my mindลืมไปเลยI forgot about our anniversary. It totally slipped my mind.
ฉันลืมวันครอบรอบแต่งงานของเราไปเลยลืมสนิทit’s written all over your faceสีหน้าคุณบอกคำตอบหมดละI know you are so happy, it’s written all over your face.
ฉันรู้ว่าเธอมีความสุขมากสีหน้าคุณบอกฉันหมดละgo for itเอาเลยสู้ๆสนับสนุนให้ทำสิ่งที่วางแผนหรือตั้งใจไว้Don’t be hesitate, go for it.
อย่าลังเลเลยเอาเลยสู้ๆgive it to me straightบอกฉันมาตามตรงJust give it to me straight, what happened last night?
บอกฉันมาตามตรงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นit’s a dealตกลงทำข้อตกลงIt’s a deal. I will get you new phone if you pass the exam.
โอเคตกลงฉันจะซื้อโทรศัพท์ให้คุณใหม่ถ้าคุณสอบผ่านdon’t be a strangerอย่าขาดการติดต่ออย่าเป็นคนแปลกหน้านะPromise me that we will keep in touch. Don’t be a stranger.
สัญญากับฉันนะว่าเราจะติดต่อกันอย่าขาดการติดต่อนะlet’s go fifty-fiftyจ่ายคนละครึ่งแบ่งคนละครึ่งWe decided to go fifty-fifty on dinner.
พวกเราตัดสินใจที่จะจ่ายคนละครึ่งสำหรับอาหารเย็นgood for nothingไร้ประโยชน์ไร้ค่าI am sure that she is good for nothing.
ฉันมั่นใจว่าหล่อนไร้ประโยชน์ไร้ค่า (อย่าสนใจ)get a lifeใช้ชีวิตให้คุ้มหน่อยมีชีวิตชีวาหน่อยWe are having a party tonight. Let’s get a life!
เราจะมีปาร์ตี้คืนนี้กันมาสุกกันเถอะdon’t joke with meขอให้หยุดพูดเล่นอย่าล้อเล่นกับฉันนะDon’t joke with me, are you going to resign?
อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะคุณจะลาออกจริงๆหรอI can’t thank you enoughขอบคุณมากๆขอบคุณเท่าไรก็ไม่พอI can’t thank you enough for what you have done for me.
ฉันขอบคุณมากๆสำหรับสิ่งที่คุณทำมาให้ฉันjust name itแค่บอกมา(จะทำให้ทุกอย่าง)I will get whatever you need, just name it.
ฉันจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการแค่บอกมาno worriesไม่เปนไรอย่ากังวลเลยNo worries, I don’t need it anyway.
ไม่เป็นไรไม่ต้องกังวลฉันไม่ต้องการมันล่ะwhy so blue?ทำไมเศร้าจังWhy so blue? Don’t tell me that you fail the test again.
ทำไมเศร้าจังอย่าบอกนะว่าคุณสอบตกอีกแล้วnature callsใช้เมื่อคุณต้องการไปเข้าห้องน้ำCan we have 10 minute break? Nature calls!
ขอพักเบรคสัก 10 นาทีนะฉันต้องการไปเข้าห้องน้ำwhat’s eating you?ถามบางคนว่ามีอะไรรบกวนเขา (ไม่ได้กินเขานะ)shame on youน่าอายจริงๆขายหน้าจริงHow could you treat me so badly? Shame on you!
คุณทำกับฉันอย่างงั้นได้ไงละอายแก่ใจบ้างสิhang in thereอย่ายอมแพ้ (ไม่ได้แปลว่าแขวนไว้ในนั้นนะคะ)Hang in there. I’m sure things will get better
สู้ๆนะฉันมั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นtake a hikeไปให้พ้นไล่ไปไกลๆTake a hike, I am not interested in your services.
ไปให้พ้นฉันไม่สนใจกับบริการของคุณit’s a piece of cakeง่ายมากๆMom, don’t worry about my exam. It’s just a piece of cake.
แม่อย่ากังวลกับการสอบของฉันเลยมันง่ายมากๆI’m on my wayอยู่ระหว่างทางไป…See you in 10 minutes, I’m on my way.
อีก 10 นาทีเจอกันฉันอยู่ระหว่างทางละ (กำลังไปหา)It’s a long storyเรื่องมันยาว (ไม่ยากพูดถึงหรือยากที่จะอธิบาย)It’s a long story. We both decided to break up.
เรื่องมันยาวน่ะ (ยากที่จะอธิบาย) เราทั้งคู่ตัดสินใจที่จะเลิกกันsince whenตั้งแต่เมื่อไรSince when have you interested about my life?
ตั้งแต่เมื่อไรที่คุณเริ่มสนใจเกี่ยวกับชีวิตฉันgot itถามว่าเข้าใจไหม / ตอบว่าเข้าใจMake sure you follow the instructions, got it?
กรุณาทำตามคำวิธีใช้ด้วยเข้าใจไหม (ไม่ได้แปลว่าได้รับรึเปล่า)you wishฝันไปเถอะบอกว่าคุณจะไม่ได้ในสิ่งที่คุณต้องการYou think you will win the competition? You wish!
คุณคิดว่าคุณจะชนะการแข่งขันหรอฝันไปเถอะyou’re dressed to killแต่งตัวสวยมากน่าดึงดูดI must impress him tonight. I am dressed to kill.
ฉันต้องทำให้เขาประทับใจคืนนี้ฉันต้องแต่งตัวให้สวยสะพรึงthat figuresฟังดูมีเหตุผลฉันไม่แปลกใจเลยHe won’t let you drive after the accident. That figures.
เขาไม่ให้คุณขับรถหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุฉันไม่แปลกใจเลยdo tellบอกฉันมาเลยบอกมาเถอะYou heard about the gossip? Do tell.
คุณรู้เรื่องซุบซิบนินทาใช่ไหมบอกฉันมาno sweatไม่มีปัญหาNo sweat, we can go there together another day.
ไม่มีปัญหาพวกเราไปที่นั่นวันอื่นได้I blew itทำเจ๊งทำเสียหายทำผิดครั้งใหญ่I was trying to surprise my girlfriend for her birthday, but I blew it.
ฉันพยายามที่จะเซอร์ไพรส์แฟนของฉันแต่ฉันทำพลาดI messed upทำเจ๊งทำเสียหายทำผิดครั้งใหญ่I messed up, I lost my passport at the airport.
ฉันทำพลาดฉันทำพาสปอร์ทของฉันหายที่สนามบินrise and shineปลุดให้ตื่นRise and shine sweetheart, it’s time for breakfast.
ตื่นได้แล้วที่รักมันถึงเวลาอาหารเช้าแล้วyou betใช่เลยแน่นนอนYou bet I’m going to study tonight.
แน่นอนฉันจะอ่านหนังสือคืนนี้ล่ะpie in the skyฝันลมๆแล้งๆความหวังที่เป็นไปไม่ได้My dream of becoming a famous actress is just a pie in the sky.
ความฝันของฉันที่จะเป็นนักแสดงโด่งดังก็เป็นแค่ความฝันลมๆแล้งๆNo strings attachedโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆHe said he would do it for free, no strings attached.
เขาบอกว่าเขาจะทำมันให้ฟรีนะไม่ต้องจ่ายเงินsleep tightนอนหลับฝันดีI hope you sleep tight tonight.
ฉันหวังว่าคุณจะนอนหลับฝันดีนะI couldn’t agree with you moreเห็นด้วยมากๆสุดๆเห็นด้วยมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วI couldn’t agree with you more, Paris is the best.
ฉันเห็นด้วยมากๆกับคุณปารีสดีที่สุดthank goodnessโล่งใจขอบคุณพระเจ้าสำหรับการที่…Thank goodness we arrived at the airport on time.
โล่งใจขอบคุณพระเจ้าพวกเรามาถึงสนามบินทันเวลาyou made itประสบความสำเร็จในบางอย่างYou made it! I am so proud of you.
คุณทำได้จริงๆด้วยฉันภูมิใจในตัวคุณจริงๆwhateverพูดเมื่อเราไม่เชื่อสิ่งที่อีกคนพูดWhatever, I know you went to the party last night.
เอาเถอะไม่ว่าเธอจะพูดอะไรมาฉันรู้ว่าคุณไปที่งานปาร์ตี้เมื่อคืนนี้I’m sick of itเบื่อหน่ายบางอย่างI’m sick of it. I am not going to say anything from now on.
ฉันเบื่อหน่ายกับมันมากต่อไปนี้ฉันจะไม่พูดอะไรละhold on a secบอกให้รอสักครู่เพื่อที่จะพูดบางอย่างHold on a sec, this is not what you told me yesterday.
รอแปปนะนี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณบอกฉันเมื่อวานนี้you never knowบางสิ่งบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นI don’t think he will get promoted but you never know.
ฉันไม่คิดว่าเขาจะได้เลื่อนขั้นแต่ใครจะไปรู้ (เขาอาจจะได้เลื่อนขั้น)it serves you rightสมน้ำหน้าได้รับสิ่งที่สมควรได้รับIt serves you right. You deserved it.
สมน้ำหน้าคุณได้รับสิ่งที่คุณควรได้รับ (ทำไม่ดีได้รับสิ่งที่ไม่ดี)I can’t waitตื่นเต้นมากรอไม่ไหวแล้วWe only have 2 more days until the vacation. I just can’t wait.
เราเหลืออีกแค่ 2 วันก่อนไปเที่ยวพักผ่อนฉันตื่นเต้นมากรอไม่ไหวแล้วI told you soใช้เมื่อคุณบอกบางอย่างกับใครไปแล้วเป็นจริงYou should have listened to me, I told you so.
คุณน่าจะฟังฉันฉันบอกคุณแล้วkeep me in the loopบอกทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆRemember to keep me in the loop.
อย่าลืมบอกทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้down to earthไม่ถือตัวติดดินI like them so much. They are so down to earth.
ฉันชอบพวกเขามากพวกเขาไม่ถือตัว (ติดดิน)sure thingแน่นอน (ว่าจะทำบางอย่าง)Sure thing. I will accompany you tomorrow.
แน่นอนฉันจะไปเป็นเพื่อนคุณพรุ่งนี้kill timeฆ่าเวลา (การใช้เวลาทำสิ่งที่มักไม่สำคัญเพื่อรอ…)I killed an hour listening to music.
ฉันฟังเพลงฆ่าเวลาไป 1 ชั่วโมงTake your timeตามบายไม่ต้องรีบTake your time, I have nothing to do today.
ไม่ต้องรีบร้อนฉันไม่มีอะไรต้องทำวันนี้That will doใช้การได้แล้วล่ะดีพอแล้วล่ะA: More sugar?
น้ำตาลเพื่มไหมB: No, that will do, thank you.
ไม่ล่ะอันนั้นพอแล้วขอบคุณHow comeเป็นไปได้อย่างไรทำไม…How come you didn’t call me?
ก็แล้วทำไมเธอไม่โทรมาหาฉันcan’t standทนไม่ได้ที่จะ …I can’t stand living with my roommate.
ฉันทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับเพื่อนร่วมห้องของฉัน


ภาษาอังกฤษเมื่อชีวิต เป็น เครียด!


stress stressed stressed out stressful ต่างกันยังไง จะใช้อันไหน เครียดไปหมดแล้ววว
อะไรทำให้เรา ‘เป็นเครียด’ ได้บ้าง ลองฝึกใช้ฟอร์มนี้ “…… really stresses me out.” พิมพ์มาค่ะ รออ่านแก้เครียดอยู่น้า
EnglishAfterNoonz ดัชชี่พลัส เครียดจัดพลัสดัชชี่ โยเกิร์ตอารมณ์ดี โยเกิร์ตสายพันธุ์ใหม่ โยเกิร์ตมู้ดดี

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ภาษาอังกฤษเมื่อชีวิต เป็น เครียด!

ภาษาอังกฤษ เอาไว้พูดให้กำลังใจ กัน


ประโยคภาษาอังกฤษเอาไว้พูดให้กำลังใจกัน

ภาษาอังกฤษ เอาไว้พูดให้กำลังใจ กัน

อย่าพูดว่า I eat already. และ I don’t eat yet.


ใครพูดว่า I eat already. และ I don’t eat yet.
อย่าเพิ่งเลื่อนไป ดูคลิปนี้ก่อนค่าาา
ใครดูชอบ คอมเม้น 😊😊 ข้างล่างให้หน่อยน้า
Facebook Page: https://www.facebook.com/KruFyi.EasyEnglish/
LINE@ : @krufyi.easyenglish

อย่าพูดว่า I eat already. และ I don't eat yet.

Serious ไม่ได้แปลว่าเครียด !! เครียด จริงจัง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ? #อดัมไลฟ์


สอบถามเรื่องคอร์ส Line: Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey
โทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
รายละเอียดคอร์ส http://www.ajarnadam.tv/
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
สาขาเชียงใหม : http://www.facebook.com/hollywoodlearningcm
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
อดัมไลฟ์

Serious ไม่ได้แปลว่าเครียด !! เครียด จริงจัง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ? #อดัมไลฟ์

ออกเสียงภาษาอังกฤษ: FILM อย่าลืม L ง่ายมากกว่าที่คิด


http://www.facebook.com/AlifSilpachai
http://www.twitter.com/AlifSilpachai

ออกเสียงภาษาอังกฤษ: FILM อย่าลืม L ง่ายมากกว่าที่คิด

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ อย่าเครียด ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *