Skip to content
Home » [Update] สรุป 12 tense เข้าใจง่าย จำง่าย พร้อมตัวอย่างประโยค | ทํา งาน ถึง ปัจจุบัน ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] สรุป 12 tense เข้าใจง่าย จำง่าย พร้อมตัวอย่างประโยค | ทํา งาน ถึง ปัจจุบัน ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ทํา งาน ถึง ปัจจุบัน ภาษา อังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

Table of Contents

Tense คือ อะไร

เมื่อพูดถึงเรื่องของ Tense ในภาษาอังกฤษ หลายๆ คน คงไม่อยากจะฟังมัน แต่ด้วยความสำคัญของมันนี่ล่ะ ทำให้คนที่ต้องการพูดภาษาอังกฤษ ปฏิเสธไม่ได้ ที่จะต้องเรียนรู้เรื่อง Tense เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียน การสอบต่างๆ เรามาลองทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันนะครับ บทเรียนนี้สรุปหลักการใช้ โครงสร้าง ตัวอย่างประโยค เทนส์ต่างๆ ค่อยๆ อ่าน เข้ามาอ่านบ่อยๆ อ่านทำความเข้าใจวันละ 1-2 หัวข้อ อย่าเครียดนะครับ ทุกคนทำได้ สู้ๆ .. ถ้าอ่านอย่างตั้งใจจนจบ จะรู้ว่า เรื่อง Tense จริงๆ แล้ว ไม่ยากเลยครับ

12 tense มีอะไรบ้าง

เทนส์ในภาษาอังกฤษ โดยหลักไวยากรณ์ส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 12 tenses คือ เทนส์บอกอดีต 3 เทนส์, เทนส์บอกปัจจุบัน 3 เทนส์ และเทนส์ที่พูดถึงอนาคตอีก 3 เทนส์ ดังนี้

Present Simple Tense

โครงสร้าง present simple tense (ปัจจุบันกาล)

ประธาน + กริยาช่องที่ 1
ถ้าประธานเป็นบุรุษที่ 3 เอกพจน์ + กริยาช่องที่ 1 เติม s หรือ es
อ่านบทเรียน คลิก >> การเติม s, es

เช่น I go… / You go… / He goes… / They go…

ตัวอย่างประโยค

She sings a song. แปลว่า หล่อนร้องเพลง
He plays football. แปลว่า เขาเล่นฟุตบอล
She is not here. หรือ She isn’t here. แปลว่า หล่อนไม่อยู่ที่นี่
We are not drivers. หรือ We aren’t drivers. แปลว่า พวกเราไม่ใช่คนขับรถ

ประโยคปฏิเสธและคำถามเราจะใช้ Verb to do มาช่วย เช่น

You do not like apple. หรือ You don’t like apple.
She does not eat meat. หรือ She doesn’t eat meat.
Do you like it?
Does he like it?

หลักการเติม ‘s’ ที่คำกริยา (โครงสร้าง present simple tense)

1. เติม s หลังคำกริยานั้นๆ เช่น
He eats / She sings / A tiger runs.

2. ถ้ากริยาลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, o, z, ss ให้เติม es เช่น
He teaches English.
She goes away.
She brushes her teeth.

3. ถ้ากริยาลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น
He tries to study.
She studies English.

หมายเหตุ ถ้าหน้า y เป็นสระ ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i ให้เติม s ได้เลย เช่น
play – plays = เล่น
pay – pay = จ่าย
destroy – destroys = ทำลาย

สรุป หลักการใช้ Present Simple Tense

1. แสดงลักษณะความจริงอยู่เสมอ ไม่ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปเท่าใดก็ตาม เช่น

The earth moves around the sun.
โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์

The sun rises in the east and sets in the west.
ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก

The earth is round.
โลกกลม

Water freezes at 0 C.
น้ำมีจุดเยือกแข็งที่ 0 องศาเซลเซียส

2. การกระทำที่เกิดขึ้นเสมอๆ เกิดขึ้นจนเป็นนิสัย หรือ ประเพณีนิยม มักจะมี adverb of frequency ประกอบในประโยค เช่น

every day, usually, sometimes, frequently, always, naturally, generally, rarely, seldom, never etc.

She gets up at six o’clock.
หล่อนตื่นนอน 6 โมงเช้า (ตื่นเวลานี้จนเป็นนิสัย)

He runs every morning.
เขาวิ่งทุกๆ เช้า

John often drinks beer.
จอห์นมักจะดื่มเบียร์

She never sits in front of the church.
หล่อนไม่เคยนั่งข้างหน้าของโบสถ์เลย

3. แสดงเหตุการณ์หรือกิจกรรมต่างๆ ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เช่น

I go to Chiangmai in the afternoon.
ฉันจะไปเชียงใหม่ในตอนบ่าย

He starts to study in five minutes.
เขาจะเริ่มเรียนภายใน 5 นาที

The concert begins at 1.30.
คอนเสิร์ตเริ่มเวลา 1.30 นาฬิกา

4. ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย เช่น

New brooms sweep clean.
ไม้กวาดใหม่ย่อมกวาดสะอาดกว่า

Money makes friend.
เงินทองอาจทำให้ท่านมีเพื่อนฝูงมาก

Health is wealth.
ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ

Present Continuous Tense

โครงสร้าง present continuous tense (ปัจจุบัน กำลังกระทำ)

I + am + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานเอกพจน์ + is + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานพหูพจน์ + are + กริยาช่องที่ 1 เติม ing

ตัวอย่างประโยค

She is running.
Is he playing football now?
I am not sleeping.
They are walking.

หลักการเติม ing ที่คำกริยา (โครงสร้าง continuous tense)

1. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้ตัด e ทิ้งก่อน แล้วเติม ing เช่น
bite > biting
come > coming
arise > arising
write > writing
take > taking

2. กริยาที่ลงท้ายด้วย ee ให้เติม ing ได้เลย เช่น
free > freeing
see > seeing
flee > fleeing
agree > agreeing

3. กริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วเติม ing เช่น
lie > lying
die > dying
tie > tying

4. คำกริยาพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และมีตัวสะกดเป็นพยัญชนะตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น
run > running
sit > sitting
hit > hitting
get > getting
dig > digging
rob > robbing

5. กริยาหลายพยางค์ที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะ 1 ตัว ถ้าหน้าพยัญชนะมีสระหนึ่งตัว ให้เพิ่มพยัญชนะเข้าไปอีก 1 ตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น
forget > forgetting
admit > admitting

6. คำกริยามี 2 พยางค์ ซึ่งออกเสียงหนักที่พยางค์หลัง มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดเข้ามาอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น
offer > offerring
refer > referring
occur > occurring
begin > beginning

7. คำต่อไปนี้ ใช้ได้ 2 แบบ คือ travel, quarrel ดังนี้
travel > traveling (แบบอเมริกัน)
travel > travelling (แบบอังกฤษ)
quarrel > quarreling (แบบอเมริกัน)
quarrel > quarrelling (แบบอังกฤษ)

8. กริยาตัวอื่นๆ เติม ing ได้เลย เช่น
hear > hearing
burn > burning
bend > bending
read > reading

สรุป หลักการใช้ Present Continuous Tense

1. แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะพูด และคาดว่าจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า มักมีคำเหล่านี้ คือ now, at the present time, at this moment etc. เช่น

She is eating.
Tom is running now.
We are walking.

2. แสดงการกระทำที่เริ่มก่อนพูดเป็นเวลานาน ขณะที่พูดนี้เหตุการณ์อาจไม่ได้กำลังเกิดขึ้นจริงๆ มักมีคำว่า this week, this month etc. เช่น

I am working with my teacher this summer.
ฉันกำลังทำงานกับครูของฉันในฤดูร้อนนี้
(ขณะที่พูดอาจทำ หรือไม่ทำอาการนี้ก็ได้)

Tom is working for an examination.
ทอม กำลังดูหนังสือสำหรับการสอบในครั้งนี้
(ขณะพูดอาจจะไม่ได้ดูหนังสือก็ได้)

3. ใช้แทนอนาคตที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า หรืออนาคตอันใกล้ มักมี adverb of time (tomorrow, next week, next month etc.) เช่น

I am asking him tomorrow (= I will ask him tomorrow.)
ฉันจะถามเขาพรุ่งนี้

He is leaving on Sunday (= He’ll leave on Sunday.)
เขาจะออกเดินทางในวันอาทิตย์

4. กริยาที่ไม่นิยมใช้รูป Present Continuous Tense คือ

4.1 กริยาแสดงความรู้สึกทางประสาททั้ง 5 เช่น
see = เห็น / notice = สังเกต / smell = ดมกลิ่น / taste = ชิม / hear = ได้ยิน / recognize = จำได้ / etc.

4.2 กริยาที่แสดงความรู้สึกทางอารมณ์ เช่น
love = รัก / like = ชอบ / dislike = ไม่ชอบ / adore = รักยิ่ง, บูชา / forgive = อภัย / wish = ปรารถนา, ต้องการ / care = เอาใจใส่ / desire = ปรารถนา / hate = เกลียด / want = ต้องการ / refuse = ปฏิเสธ

4.3 กริยาแสดงความคิด เช่น
think = คิด / know = รู้ / realize = ตระหนัก / recollect = จำได้ / suppose = คิด / recall = นึกได้ / expect = คาดหวัง / suppose = คิด / understand = เข้าใจ / mean = ตั้งใจ, หมายความว่า / believe = เชื่อ / forget = ลืม / trust = เชื่อ / remember = จำได้

4.4 กริยาอื่นๆ เช่น
seem = ดูราวกับว่า / appear (=seem) / hold = บรรจุ / belong = เป็นของ / own = เป็นเจ้าของ / contain = บรรจุ / possess = เป็นเจ้าของ / consist = ประกอบด้วย

Present Perfect Tense

โครงสร้าง present perfect tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์)

ประธาน + have, has + Past Participle (คำกริยาช่อง 3)

ตัวอย่างประโยค

We have eaten American foods.
She has not (ย่อเป็น hasn’t) eaten Thai foods.
Has he smoked cigarettes?

สรุป หลักการใช้ Present Perfect Tense

1.แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วเหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน(ขณะที่พูด) และมีแนวโน้มว่าจะเนินต่อไปในอนาคตมักจะมีคำว่า since, for

ตัวอย่างประโยค

Dr.Helen has lived in Bangkok since 1958.
ดร.เฮเลน อยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่ ค.ศ.1958

I have studied in America for four years.
ฉันเคยเรียนที่อเมริกามาเป็นเวลา 4 ปี

2. แสดงการกระทำซึ่งเกิดขึ้นในอดีต และเพิ่งเสร็จสมบูรณ์ไปไม่นาน มักมี adverb เช่น just, yet etc. ประกอบด้วย

ตัวอย่างประโยค

I have just passed my friend’s house.
ฉันพึ่งผ่านบ้านเพื่อนของฉันมา

They have already finished housework.
พวกเขาทำงานบ้านเสร็จแล้ว

3. แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ผลของการกระทำนั้นยังคงมาถึงปัจจุบันขณะที่พูด

ตัวอย่างประโยค

I have read this book before.
ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว

He has opened the door.
เขาได้เปิดประตูแล้ว (ผลของการกระทำยังอยู่ คือประตูเปิดอยู่)

4. เหตุการณ์ที่เคยทำซ้ำๆ กันหลายครั้งแล้วในอดีต อาจจะทำต่อไปในอนาคต แต่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไรแน่ อาจไม่ได้บอกเวลาไว้ มักมี adverb of time เช่น many times, several times ในประโยคด้วย

ตัวอย่างประโยค

I have been to America many times.
ฉันได้ไปอเมริกาหลายครั้งแล้ว

She has read this book three times.
หล่อนเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ 3 ครั้งแล้ว

He has eaten Thai food several times.
เขาเคยกินอาหารไทยหลายครั้งแล้ว

Present Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง present perfect continuous tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์กำลังกระทำ)

ประธาน + has, have + been + กริยาเติม ing

ตัวอย่างประโยค

I have been thinking.
ฉันกำลังคิด

They have been talking.
พวกเขากำลังพูดกัน

She has been living here for 2 weeks.
หล่อนอาศัยอยู่ที่นี่มา 2 สัปดาห์แล้ว

He has been studying hard all year.
เขาเรียนหนังสือหนักมาตลอดปี

สรุป หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense

1. ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาโดยไม่ขาดตอน

ตัวอย่างประโยค

John has been living in America since 1984.
จอห์นได้มาอยู่อเมริกาตั้งแต่ปี 1984

หมายเหตุ Present Perfect Continuous Tense นี้ ใช้เหมือน Present Perfect ต่างกันที่ว่า Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อต้องการเน้นย้ำว่าการกระทำนั้นติดต่อกันมาตลอด และกริยาที่ใช้มักเป็นกริยาที่มีลักษณะต่อเนื่องได้ ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้เท่าไร

Past Simple Tense

โครงสร้าง past simple tense (อดีตกาล ธรรมดา)

ประธาน + กริยาช่อง 2

ตัวอย่างประโยค

She went home.
เธอกลับบ้าน

I came here last night.
ฉันมาที่นี่เมื่อคืน

สรุป หลักการใช้ Past Simple Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และจบสิ้นลงไปแล้วในอดีตเช่นกัน มักมีคำว่า once, ago, last night, last week, last year etc.

ตัวอย่างประโยค

I got sick yesterday.
ฉันป่วยเมื่อวานนี้

I lived in Phuket 3 years ago.
ฉันอยู่ที่ภูเก็ตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

She went to the university last week.
หล่อนไปมหาวิทยาลัยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

2. แสดงเหตุการณ์ที่เป็นนิสัย ที่ทำเป็นประจำในอดีต (ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว) มักมี adverb ความถี่อยู่ในประโยคด้วย เช่น always, every, frequently etc.

ตัวอย่างประโยค

Mario walked every morning.
มาริโอ้เดินทุกๆ เช้า (เป็นนิสัยในอดีต ปัจจุบันไม่ได้ทำสิ่งนั้นแล้ว)

He always woke up late last year.
เขาตื่นนอนสายเสมอๆ เมื่อปีที่แล้ว

When I was young. I listened to the radio every night.
เมื่อฉันเป็นเด็ก ฉันฟังวิทยุทุกคืน

3. แสดงถึงการกระทำทั้งสองอย่างที่เกิดในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า as, while อยู่ด้วย

ตัวอย่างประโยค

While she sang, I danced.
ขณะที่หล่อนร้องเพลง ฉันเต้นรำ

As she cooked, her son played football.
ขณะที่หล่อนทำอาหาร ลูกชายของหล่อนก็เล่นฟุตบอล

Past Continuous Tense

โครงสร้าง past continuous tense (อดีตกาล กำลังกระทำ)

ประธาน + was, were + กริยาเติม ing

ตัวอย่างประโยค

I was drinking a glass of water.
ฉันกำลังดื่มน้ำ 1 แก้ว

They were playing football in the field.
เขากำลังเล่นฟุตบอลอยู่ในสนาม

สรุป หลักการใช้ Past Continuous Tense

1. ใช้เมื่อเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ก่อนแล้วเราจะใช้ Past Continuous และมีเหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้น จะใช้ Past Simple

ตัวอย่างประโยค

While I was cooking, the telephone rang.
ขณะฉันทำอาหารโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

We are walking along the street, it began to rain.
พวกเรากำลังเดินไปตามถนนฝนก็เริ่มตก

2. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในอดีต

ตัวอย่างประโยค

He was sleeping in the class.
ฉันกำลังหลับในห้องเรียน

He was running in the morning
เขากำลังวิ่งในตอนเช้า

3. แสดงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า while ในประโยค

ตัวอย่างประโยค

While I was watching T.V, my brother was reading a book.
ขณะที่ฉันดูทีวี น้องชายของฉันอ่านหนังสือ

She was sleeping while he was talking with his friends.
หล่อนกำลังนอนหลับ ขณะที่เขากำลังพูดคุยกับเพื่อนของหล่อน

Past Perfect Tense

โครงสร้าง past perfect tense (อดีตกาลสมบูรณ์)

ประธาน + had + Past Participle (กริยาช่อง 3)

ตัวอย่างประโยค

She had slept.
หล่อนได้นอนหลับแล้ว

He had not worked.
เขาไม่ได้ทำงาน

I had eaten foods before you came.
ฉันได้รับประทานอาหารก่อนที่คุณจะมา

สรุป หลักการใช้ Past Perfect Tense

1. แสดงเหตุการณ์ 2 อย่าง ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต โดยเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อน เราจะใช้ Past Perfect Tense และอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดทีหลัง เราจะใช้ Past Simple Tense

ตัวอย่างประโยค

When I had finished my housework, I played T.V games.
เมื่อฉันทำงานบ้านเสร็จฉันก็เล่น T.V เกมส์ (ทำงานบ้านเสร็จก่อนแล้วจึงเล่น)

2. ใช้เปลี่ยน Past Simple หรือ Present Perfect ให้เป็น Indirect Speech เช่น

Direct Speech : “I have stayed in America for 2 years.” She said
หล่อนพูดว่า “ฉันเคยอยู่อเมริการมา 2 ปีแล้ว”

Indirect Speech : She said that she had stayed in America for 2 years.
หล่อนพูดว่าหล่อนเคยอยู่อเมริกามา 2 ปีแล้ว

Direct Speech : He said “I worked in Bangkok many years.”
เขาพูดว่า”ฉันเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี”

Indirect Speech : He said that he had worked in Bangkok many years.
เขาพูดว่าเขาเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี

Past Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง past perfect continuous tense (อดีตกาลสมบูรณ์ กำลังกระทำ)

ประธาน + had been + กริยาเติม ing + กรรม หรือส่วนขยาย

ตัวอย่างประโยค

I had been sleeping.
ฉันกำลังนอนหลับ

She had been waiting for two hours.
หล่อนคอย 2 ช.ม. แล้ว

He had not (hadn’t) been walking before you came.
เขาไม่ได้กำลังเดินก่อนคุณมา

สรุป หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense

1. ใช้คล้ายๆ กับ Past Perfect ซึ่งเราใช้ก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต โดยต้องการเน้นว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดตอน เราใช้ Past Perfect Continuous Tense แล้วจากนั้นเกิดอีกเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา เราใช้ Past Simple Tense

ตัวอย่างประโยค

She had been living in America before she moved to Bangkok.
หล่อนอยู่อเมริการก่อนที่ย้านมาอยู่ที่กรุงเทพฯ

I had been waiting two hour before He arrived.
ฉันคอยเป็นเวลา 2 ชั่วโมงก่อนที่เขามาถึง

She had been reading for several hours when I saw her.
หล่อนกำลังอ่านหนังสือหลายชั่วโมง เมื่อฉันเห็นหล่อน

Future Simple Tense

โครงสร้าง future simple tense (อนาคต)

ประธาน + will + คำกริยาไม่ผัน

ตัวอย่างประโยค

I will go to see you tomorrow.
ฉันจะไปพบคุณพรุ่งนี้

They will eat.
พวกเขาจะกิน

Mary will run.
แมรี่จะวิ่ง

สรุป หลักการใช้ Future Simple Tense

1. ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคต มักมี adverb of time อยู่ด้วย เช่น tonight, tomorrow, next week, next month etc.

ตัวอย่างประโยค

I will meet him tomorrow.
ฉันจะไปพบเขาพรุ่งนี้

She is going to see the doctor next week.
หล่อนจะไปหาหมอสัปดาห์หน้า

The plane will arrive at the airport in a few minutes.
เครื่องบินจะมาถึงสนามบินในอีก 2-3 นาที

การใช้ be going to แทน will

1. ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 (ไม่ผัน) เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่ได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้ว หรือเชื่อว่าเป็นจริง อย่างนั้นโดยไม่สงสัย

ตัวอย่างประโยค

I am studying hard: I am going to try for scholarship.
ฉันกำลังเรียนหนังสืออย่างหนัก ฉันพยายามเพื่อสอบชิงทุนการศึกษา

She is going to write to her parents.
หล่อนตั้งใจว่าจะเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ของเธอ

She has bought flour: She is going to make cake.
หล่อนซื้อแป้งมา หล่อนจะทำเค้ก

2. ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพื่อแสดงการคาดคะเน

ตัวอย่างประโยค

I think it is going to rain.
ฉันคิดว่าฝนจะตก (อย่างแน่นอน)

Future Continuous Tense

โครงสร้าง future continuous tense (อนาคต กำลังกระทำ)

ประธาน + will + be + กริยาเติม ing + กรรม หรือส่วนขยาย

ตัวอย่างประโยค

I will be running.
ฉันจะกำลังวิ่ง

I will be working tomorrow.
ฉันจะกำลังทำงานพรุ่งนี้

We will be drinking.
เราจะกำลังดื่ม

สรุป หลักการใช้ Future Continuous Tense

1. แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเหตุการณ์นั้นจะกำลังดำเนินอยู่

ตัวอย่างประโยค

At ten o’clock tomorrow morning. I will be waiting my friend.
เวลา 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ ฉันจะกำลังรอเพื่อน

I will be cooking at 5 o’clock tomorrow evening.
ฉันจะทำอาหารตอน 5 โมงเย็นพรุ่งนี้

He will be sleeping at 4 o’clock tomorrow morning.
เขากำลังหลับตอน 4 โมงเช้าพรุ่งนี้

2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Future Continuous Tense ส่วนเหตุการณ์หลังใช้ Present Simple Tense

ตัวอย่างประโยค

They will be playing football when you arrive at their house.
เขาจะกำลังเล่นฟุตบอลอยู่ เมื่อคุณมาถึงบ้านของเขา (เล่นก่อนที่คุณจะถึงบ้าน)

When he calls to you, she will be going to the market.
เมื่อเขาโทรมาหาคุณ หล่อนกำลังไปตลาด

Future Perfect Tense

โครงสร้าง future perfect tense (อนาคตกาลสมบูรณ์)

ประธาน + will + have + กริยาช่อง 3

ตัวอย่างประโยค

I will have eaten.
ฉันจะกินอยู่แล้ว

Siri will have gone.
สิริไปแล้ว

He will have finished his work.
เขาจะเสร็จงานของเขาแล้ว

สรุป หลักการใช้ Future Perfect Tense

1. ใช้เมื่อคิดว่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณ์หรือการกระทำจะสิ้นสุดลง โดยมักมีคำเหล่านี้ เช่น by that time, by then, by tomorrow, by next year, by next week, by at ten o’clock in two hours etc.

ตัวอย่างประโยค

I will have slept in three hours.
ฉันจะนอนเสร็จใน 3 ชั่วโมง

They will have finished the new road by next week.
พวกเขาจะทำถนนใหม่เสร็จในสัปดาห์หน้า

2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน โดยคาดว่าเมื่อถึงเวลานั้นเหตุการณ์หนึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ เราจะใช้ Future Perfect Tense กับเหตุการณ์นั้น และจะเกิดเหตุการณ์ที่ 2 ตามมา เราจะใช้ Present Simple Tense

ตัวอย่างประโยค

By the time you arrive, I will have finished homework.
เมื่อเวลาที่คุณมา ฉันก็ทำการบ้านเสร็จพอดี

She will have eaten foods before you came.
หล่อนรับประทานอาหารเสร็จก่อนที่คุณจะมา

The movie will have started before we reach the theater.
ภาพยนตร์เริ่มฉายก่อนที่พวกเราจะมาถึงโรงภาพยนตร์

Future Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง future perfect continuous tense (อนาคตกาลสมบูรณ์ กำลังกระทำ)

ประธาน + will + have + been + กริยาเติม ing + กรรม หรือส่วนขยาย

ตัวอย่างประโยค

I will have been working.
เราคงจะทำงาน (ติดต่อกัน)

He will have been running.
เขาคงจะวิ่ง (ติดต่อกัน)

สรุป หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense

หลักการใช้ Tense นี้ เน้นให้เห็นถึงการต่อเนื่องของการกระทำว่าถึงเวลานั้นในอนาคต การกระทำนั้นยังคงดำเนินอยู่ และจะดำเนินต่อไปอีก (ยังไม่หยุด)

ตัวอย่างประโยค

By ten o’clock I will have been working without a rest.
ถึงตอน 10 โมง ฉันได้ทำงาน (ติดต่อกันมา) โดยไม่พัก

When you arrive, she will have waiting for three hours.
เมื่อคุณถึง หล่อนคงจะรอคุณ (โดยไม่หยุดรอ) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง

สรุป 12 tense สั้นๆ ง่ายๆ

สรุป Present Simple Tense

Present Simple ใช้เมื่อเป็นการกล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวัน หรือสิ่งที่ทำเป็นประจำ หรือ สิ่งที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเป็นปกติ หรือเป็นความจริง

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Somchai usually plays tennis on Sunday.
Sue reads the newspaper every day.
Earth revolves around the sun.

สรุป Present Continuous Tense

Present Continuous ใช้เมื่อกล่าวถึงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะปัจจุบัน ในขณะที่ผู้พูดกำลังพูดอยู่ และกำลังดำเนินต่อไปในอนาคต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Sue is reading the newspaper now.
Jame is playing tennis with Jack right now.

สรุป Present Perfect Tense

Present Perfect ใช้เมื่อมีเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ คือ

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไป

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jame has just finished his homework.

2. ใช้ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้งในอดีตโดยไม่ระบุระยะเวลาที่แน่นอน

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jame has eaten at this restaurant many times.

3. ใช้กับ since หรือ for ประโยคจะกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินจนถึงปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jame has lived in Bangkok since 1985.
Sue has known Anny for five years.

หมายเหตุ คำเหล่านี้มักใช้ใน Perfect Tense
just , often , never , over , yet , since , already , for , etc.

สรุป Present Perfect Continuous Tense

Present Perfect Continuous ใช้เมื่อต้องการแสดงถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินอยู่ในปัจจุบัน และจะดำเนินต่อไป

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Sue has been talking to John on the phone for fifty minutes.

สรุป Past Simple Tense

Past Simple ใช้เมื่อต้องการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบไปแล้วในอดีต สังเกตจากประโยคนั้นจะเป็นประโยคที่แสดงความเป็นอดีต เช่น เมื่อวานนี้ ปีที่แล้ว หรือ ปี พ.ศ. ที่ผ่านมาแล้ว

ตัวอย่างประโยค
Sue played tennis with Jame yesterday.
Mary saw Jame at the post office last week.

สรุป Past Continuous

Past Continuous ใช้เมื่อต้องการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่แน่นอนในอดีต หรือขณะที่เหตุการณ์หนึ่งดำเนินอยู่

ตัวอย่างประโยค
Sue was playing tennis with Jame when I came.
While Jame was talking a shower , the phone rang.

สรุป Past Perfect Tense

Past Perfect จะใช้ในเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

1. ใช้ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอดีตและสิ้นสุดในอดีตไปแล้ว

ตัวอย่างประโยค
Jame had seen Anny five years before.

2. ใช้ในเหตุการณ์ที่เกิด 2 เหตุการณ์ในอดีต และต้องการแสดงลำดับเหตุการณ์ว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อน

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jame had finished my homework before Anny arrived.

สรุป Past Perfect Continuous Tense

Past perfect Continuous ใช้ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาถึงจุดจุดหนึ่งในอดีต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
At that time, Jame had been writing a novel for 3 months.

When Sue came to this university in 1985, Prof. Johnson had already been teaching here for 4 years.

สรุป Future Simple Tense

Future Simple ใช้เมื่อต้องการกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคต สามารถใช้ will (shall ใช้กับ I หรือ We แต่ในปัจจุบันนิยมใช้ will แทน shall) ซึ่งมีความหมายเดียวกันเมื่อใช้เกี่ยวกับเรื่องอนาคต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jame will leave tomorrow.
We shall leave tomorrow.

สรุป Future Continuous Tense

Future Continuous ใช้กับเหตุการณ์ดังนี้คือ

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ในอนาคต
When I get home, my son will be watching TV.

2. ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคตที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
Sue will be staying here till Monday.

สรุป Future Perfect Tense

Future Perfect ใช้กับเหตุการณ์ที่จะจบสมบูรณ์ในอนาคต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Before you go to see him, he will have left that place.

สรุป Future Perfect Continuous Tense

Future Perfect Continuous ใช้กับเหตุการณ์ที่ดำเนินไปช่วงหนึ่งและจะจบลงในอนาคต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
When Jame gets his degree, he will have been studying at Harvard University for four years.

[Update] สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ คำถาม+คำตอบ | ทํา งาน ถึง ปัจจุบัน ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

เพื่อน ๆ พร้อมหรือยังที่จะต้องสัมภาษณ์งาน เป็นภาษาอังกฤษ?

ถ้าคำตอบคือ ใช่ เพื่อน ๆ สามารถปิดหน้าต่างของโพสต์นี้ไปได้เลยค่ะ 555

แต่ถ้าคำตอบคือ ไม่ แปลว่าเพื่อน ๆ มาถูกโพสต์แล้วค่ะ โพสต์นี้ถูกเขียนมาเพื่อนเพื่อน ๆ โดยเฉพาะเลยจ้า~

ถ้าเพื่อน ๆ ยังมีเวลาเหลือเยอะ กว่าจะที่ได้สอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ เบญอยากจะแนะนำให้เพื่อน ๆ ฝึกการออกเสียงภาษาอังกฤษของตัวเองด้วยค่ะ

เพื่อที่เราจะสามารถสื่อสารในคำตอบภาษาอังกฤษที่เราเตรียมไว้ให้ถูกต้องที่สุด และจะไม่เสียโอกาสได้งานนั้นไปค่า

เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปเลือกคอร์สเรียนที่ตัวเองชอบได้เลยค่ะ เป็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่เน้นฟัง พูด และคำศัพท์ ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ฟัง และพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นก่อนไปสัมภาษณ์ค่ะ

แต่ถ้าเพื่อน ๆ หางานใหม่ ที่อยากทำได้แล้ว และเค้ากำลังจะเรียกเพื่อน ๆ ไปสัมภาษณ์ในเร็ววันนี้ เบญก็แนะนำให้เพื่อน ๆ ไปเตรียมตัว เตรียมประโยคคำตอบด้วยกันเลยค่า

จริง ๆ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เลยที่เราจะเตรียมตัว และเตรียมคำตอบของเราสำหรับการสัมภาษณ์ที่จะมาถึงนี้นะคะ

และในความคิดของคนที่ถามเราก็คือ คำถามเหล่านั้นก็ไม่ใช่คำถามยากอะไร เพราะฉะนั้นผู้จัดการ หรือแผนกส่วนบุคคลที่เป็นคนสัมภาษณ์เพื่อน ๆ เค้าก็หวังว่าเพื่อน ๆ จะตอบมันได้ และตอบมันอย่างดีค่ะ

วิธีเตรียมตัวในการเตรียมสัมภาษณ์งาน

➝ ฝึกฝน ให้เชี่ยวชาญ

ท่องจำ หรือไม่ท่องจำ เป็นตัวเลือกของเพื่อน ๆ ค่ะ เพื่อน ๆ สามารถเลือกได้ บางคนถนัดท่องทั้งหมดก่อน และเวลาพูดก็จะมั่นใจขึ้น หรือบางคนเลือกที่จะจำเพียงแค่หัวข้อหลัก ๆ หรือคำศัพท์ภาษาอังกฤษยาก ๆ ที่เตรียมไว้

แต่เบญของแนะนำว่า เมื่อเพื่อน ๆ เขียนคำตอบของตัวเองไว้แล้ว ก็ควรฝึกอ่านบ่อย ๆ ค่ะ เพื่อที่จะได้ไม่ประหม่า หรือลืมคำตอบเวลาที่ต้องตอบจริง ๆ

และเชื่อเบญได้เลยค่ะ ว่าถ้าเพื่อน ๆ ได้เตรียมตัว เตรียมคำตอบมาไว้อย่างดีแล้ว ก็จะยิ่งทำให้เพื่อน ๆ มีความมั่นใจเมื่อตอบคำถาม และไม่แสดงความเครียด และความกังวลออกมาด้วยค่ะ

เช่นเดียวกันกับการหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเรียนเพิ่ม เพื่อที่จะได้ฝึกสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษของเพื่อน ๆ ให้ดีขึ้น

โดยส่วนตัวแล้ว เบญขอแนะนำเป็นคอร์สเรียนวีดีโอออนไลน์ แบบตัวต่อตัวกับเจ้าของภาษา Italki ค่ะ เป็นคอร์สที่มีหัวข้อให้เลือกแบบติวสัมภาษณ์โดยเฉพาะ

รับรองว่าคุณครูเค้าจะมีคำถาม และคำตอบอื่น ๆ ดี ๆ ไว้ให้เพื่อน ๆ ได้ฝึกก่อนไปลงสนามจริงแน่นอนค่ะ และเพื่อน ๆ สามารถเลือกครูที่อยากเรียนได้ด้วยตัวเอง และราคาชั่วโมงก็ไม่แพงเลยจ้า

➝ หาตัวช่วยเช็คแกรมม่าภาษาอังกฤษของเรา

สิ่งที่สำคัญก็คืออย่าลืมเช็คให้เรียบร้อยด้วยนะคะ ว่าประโยคของเราสะกดถูกมั้ย และไวยากรณ์ของเราเป็นยังไงบ้าง ก่อนที่จะเอาไปท่อง

โดยถ้าพูดถึงการพิมพ์ภาษาอังกฤษแล้ว โปรแกรม 1 ในดวงใจของเบญก็คือ Grammarly ค่ะ

ซึ่งเค้าจะช่วยเราจับคำผิด เปลี่ยนคำที่เพราะว่า และเรียงไวยากรณ์ของเราให้ดูโปรมากขึ้นค่ะ เพื่อน ๆ ของเข้าไปอ่านรายละเอียดข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ

แล้วเบญรับรองเลยว่า แต่งประโยค หรือการพิมพ์ภาษาอังกฤษยาว ๆ จะไม่ใช่ปัญหาของเพื่อน ๆ อีกต่อไป

เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปอ่านรีวิววิธีการใช้ Grammarly หรือว่าเพื่อน ๆ สามารถเข้าไปลงทะเบียนฟรี เพื่อลองเอาไปใช้ในคอม หรือโทรศัพท์ของตัวเองได้ค่ะ

ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มดูคำถาม และคำตอบเกี่ยวกับการสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษกันเลยค่า

① แนะนำตัวภาษาอังกฤษ

Tell me about yourself / Can you tell me about yourself?

แปลว่า ช่วยแนะนำตัวเองหน่อย หรือเล่าเกี่ยวกับตัวคุณหน่อย

สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากรู้:

 ผู้สัมภาษณ์นะคะ อยากรู้ว่าทำไมเพื่อน ๆ ถึงเหมาะสมกับการได้งานที่นั่น เพื่อน ๆ ก็พยายามตอบคำถามโดยที่ไม่ต้องตอบเหมือนฉันมั่นใจมากเกินไปเกี่ยวกับตัวเอง หรือไม่มีความมั่นใจเลย หรือว่าให้ข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เช่น แม่ฉันชื่อนี้ พ่อฉันชื่อนี้

สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ

เพื่อน ๆ สามารถเริ่มจากการพูดถึงชีวิตส่วนตัวนิดหน่อย เช่น กิจกรรมยามว่างที่ชอบทำคืออะไร หรือว่าเรียนจบที่ไหน และอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต

และอาจจะเพิ่มความน่าสนใจ ทำให้คนฟังไม่เบื่อโดยการบอกสิ่งสนุก ๆ ที่เราชอบทำ หรือเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงก็ได้ค่ะ

คำตอบที่ดีที่สุด สำหรับคำถามนี้ ก็คือ การที่เราจริงใจ ซื่อสัตย์ วางแผนเรื่องการตอบมาอย่างดี โดยที่ไม่วนไป วนมา หรือไม่รู้จะจบยังไง

มีความมั่นใจเวลาที่พูด เพราะฉะนั้นเป้าหมายในการตอบคำถามที่นี่ก็คือ บอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวของเพื่อน ๆ เอง เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่ผู้สัมภาษณ์มองว่าตัวตนของเราคืออะไร และเมื่อเรามาทำงานเราก็จะเป็นคนแบบนั้นแหละ

ตัวอย่างคำตอบ:

ด้วยเพราะว่าคำตอบนี้ค่อนข้างส่วนตัว และความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งเบญได้เอาตัวอย่างคำตอบมาให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านดู

และเพื่อน ๆ สามารถลองใช้เป็นตัวอย่างในการแต่งประโยคคำตอบได้ค่ะ โดยเปลี่ยนเรื่องของเค้า และใส่เรื่องของเพื่อน ๆ เข้าไป

➝ When I’m not working, I like to spend time exploring with my dogs. I take them hiking, visiting historical sites, or even just walking around town. A surprising number of people are drawn to dogs.

➝ I always enjoy talking with who I meet. I feel that communication is one of the most important aspects of my professional life as well.

➝ When talking with people, being able to guide the conversation in a particular direction is one of the ways I’ve been successful in different situations at the office.

② จุดแข็ง ภาษาอังกฤษ

What is your greatest strength? / What are your strengths?

แปลว่า จุดแข็ง(ข้อดี)ของคุณคืออะไร / จุดแข็ง(ข้อดี)ของคุณมีอะไรบ้าง

สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากรู้:

จุดแข็งภาษาอังกฤษ

และนี่เป็นอีกคำถามหนึ่ง ที่ผู้ที่สัมภาษณ์ถามเพื่อที่ได้รู้ว่า เพื่อน ๆ เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่ได้ได้รับหรือไม่

เพราะฉะนั้น มันสำคัญมากที่จะเตรียมคำตอบที่ทำให้ที่ทำงานรู้ว่า เพื่อน ๆ มีจุดแข็งอะไรที่โดดเด่นที่เหมาะจะทำงานนี้ได้ และต่างจากผู้ที่มาสัมภาษณ์งานคนอื่น ๆ อย่างไร

ในคำตอบของเพื่อน ๆ สามารถเริ่มทำได้การเริ่มคิดถึงว่าเรามีจุดแข็งอะไรบ้าง และลองเขียนลงไปในกระดาษ เป็นลิสต์ของจุดเด่น จุดแข็ง ความสามารถของเรา เช่น:

1. ลองเขียนเป็นข้อ ๆ ว่าถ้านึกถึงงานที่เราอยากได้ มีอะไรบ้างที่เป็นจุดแข็งและเกี่ยวกับงานที่เราอยากได้ อาจจะใส่เกี่ยวกับที่ ๆ เราเคยเรียนพิเศษ หรือไปอบรม ทักษะที่เรามี หรือประสบการณ์ส่วนตัวที่เราเคยมี

2. สรุปให้เหลือ 3-5 ข้อ ที่เพื่อน ๆ คิดว่าเป็นจุดแข็งของเพื่อน ๆ และเกี่ยวกับงานที่อยากได้มากที่สุด

3. ข้างหลังจุดแข็ง 3-5 ข้อที่เพื่อน ๆ เลือกมา ให้ใส่ประสบการณ์ในอดีตที่เพื่อน ๆ เคยเจอ และใช้สิ่งนั้นในการแก้ปัญหา หรือช่วยให้งานดีขึ้นยังไง

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยมาก เมื่อเพื่อน ๆ รู้ว่า Top 3 หรื Top 5 ของเพื่อน ๆ คืออะไร และใช้มันยังไง เผื่อว่าตอนที่สัมภาษณ์เค้าอาจจะถามลึกลงไปในแต่ละจุดแข็ง เพื่อน ๆ ก็จะมีคำตอบพร้อมให้เค้าอยู่แล้ว ทำให้ดูว่าเราเป็นคนที่เตรียมตัวมาอย่างดีค่ะ 🙂

ตัวอย่างคำตอบ

เช่นเดิมนะคะ คำตอบของเพื่อน ๆ ในข้อนี้เองก็ขึ้นอยู่กับงานที่เพื่อน ๆ ไปสมัคร + จุดแข็งที่เพื่อน ๆ เลือกมาพรีเซ้นท์ ซึ่งข้างล่างนี้จะเป็นตัวอย่างที่เพื่อน ๆ สามารถใช้เป็นตัวอย่างในการแต่งประโยคภาษาอังกฤษ และดูวิธีการตอบของเค้าได้ค่ะ

➝ I have a solid work ethic. When I’m working on a project, I don’t just want to meet deadlines.

➝ Rather, I prefer to complete the project well ahead of schedule. Last year, I even earned a bonus for completing my three most recent reports one week ahead of time.

ถ้าเพื่อน ๆ กลัวพิมพ์ประโยคผิด หรือว่าไม่รู้จะใช้คำภาษาอังกฤษแบบไหนดี เพื่อน ๆ สามารถดาวน์โหลดตัวช่วย Grammarly ตรวจคำผิด และแก้ไวยากรณ์ นี้ได้เลยค่ะ เค้าจะช่วยให้บทสัมภาษณ์งานของเพื่อน ๆ ดูเหมือนโปรมากขึ้น

③ จุดอ่อน ภาษาอังกฤษ

What is your greatest weakness? / What are your weaknesses?

แปลว่า จุดอ่อน(ข้อเสีย)ของคุณคืออะไร / จุดอ่อน(ข้อเสีย)ของคุณมีอะไรบ้าง

สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากรู้:

อีกคำถามหนึ่งที่หลีกเลี่ยง วิ่งหนี วิ่งซ่อนยังไง ก็หนีไม่พ้นค่ะ เมื่อเค้าอยากรู้จุดแข็งของเราแล้ว เค้าก็ต้องอยากรู้จุดอ่อนของเราเหมือนกัน

เพื่อน ๆ ต้องพยายามตอบคำถามนี้ให้มันดู positive หรือออกมาในแง่บวกมาก ๆ ค่ะ แม้กระทั่งเพื่อน ๆ อาจจะคิดว่า เอ้า ก็ข้อเสีย หรือจุดอ่อนของเรามันเป็นเรื่องไม่ดี หรือน่าเศร้าไม่ใช่หรอ?

แต่เพื่อน ๆ เองก็ยังต้องทำให้ที่ทำงานรู้ให้ได้ว่า เพื่อน ๆ สามารถเปลี่ยนจุดอ่อน ให้เป็นจุดแข็งได้ เพื่อที่เค้าจะได้รู้ว่าในอนาคตไม่ว่าจะมีจุดอ่อนอะไรผุดเข้ามาอีก เพื่อน ๆ ก็เอาอยู่

เพื่อน ๆ สามารถพูดเกี่ยวกับทักษะอะไรที่เพื่อน ๆ เริ่มเรียนรู้ และมันช่วยเปลี่ยนจุดอ่อนของเพื่อน ๆ นั้น ให้เป็นจุดแข็ง

หรือเกี่ยวกับประสบการณ์ในอดีต ว่าเพื่อน ๆ สามารถดูจุดอ่อนของตัวเองออกได้ยังไง และเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงมัน

ตัวอย่างคำตอบ

➝ I used to wait until the last minute to set appointments for the coming week, but I realized that scheduling in advance makes much more sense.

➝ I’m now much more proactive about scheduling meetings, and this allows me to plan and segment out my work for the week without having to guess at when I’ll need to leave time for meetings.

④ ทำไมคุณถึงอยากได้งานนี้ ภาษาอังกฤษ

Why do you want this job? แปลว่า ทำไมคุณถึงอยากได้งานนี้

เมื่อเพื่อน ๆ ได้รับคำถามที่จากผู้ที่สัมภาษณ์งานของเพื่อน ๆ เพื่อน ๆ สามารถตอบได้เกี่ยวกับสิ่งต่อไปนี้ คือ:

1. บอกให้เค้าเข้าใจว่าทำไม ทักษะ และความสามารถของเราถึงเหมาะสมกับงานนี้

2. แสดงให้เค้าเห็นถึง ความกระตือรื้อร้น ที่อยากจะได้งานนี้

3. และพูดถึงว่างานนี้นั้นมันเข้ากันกับตัวตนของเรายังไง

4. คำตอบที่บ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของเรามากที่สุด คือสิ่งที่ผู้ถามคำถามนี้ต้องการจากเรามากที่สุดค่ะ

และทุกสิ่งที่เราตอบเข้าไปในคำตอบของเรานั้น ผู้สัมภาษณ์ก็จะดูว่านั่นใช่บุคคลิคของเราจริง ๆ หรือตัวตนของเราจริง ๆ หรือเปล่า

ซึ่งนั่นก็จะมีผลกับการตอบว่า เราเหมาะสมกับงาน และที่ทำงานที่เราสมัครไปหรือเปล่า

ตัวอย่างคำตอบ

➝ I want this job because I’ve always loved building and marketing websites—even as a kid. I built websites when they were using frames and AltaVista was a decent search engine.

➝ I was 10 or 11. I’ve always been passionate about digital marketing, but I just didn’t know I could make a career out of trying to get people to a website.

และอีกหนึ่งตัวอย่างการตอบคำถาม ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถตอบแบบนี้ได้เลยค่ะ เพียงแค่เติมคำในช่องว่าง ว่างการทำงานที่นี่จะทำให้เพื่อน ๆ ได้รับทักษะในเรื่องอะไรบ้าง (เกี่ยวกับงาน)

➝ Working for you would give me the opportunity to build upon my experience and skills in ___, ___, and ___ as part of what I know would be a really inspiring and rewarding environment, based upon what I’ve heard about your company.

⑤ ทำไมเราควรจ้างคุณ ภาษาอังกฤษ

Why should we hire you? แปลว่า ทำไมพวกเราถึงควรที่จะรับคุณเข้าทำงาน

สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากรู้:

และแล้วก็ถึงคำถามที่เพื่อน ๆ ต้องขายตัวเอง และโฆษณาเกี่ยวกับตัวเองมากที่สุดก็มาถึงแล้วค่ะ

เพราะในคำถามนี้ สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากรู้จริง ๆ ก็คือ เพื่อน ๆ จะทุ่มเทให้กับงานนี้จริง ๆ หรือเปล่า

และก่อนที่จะเข้ามาสัมภาษณ์ที่ทำงานเค้าก็จะมีลิสต์ของลักษณะของพนักงานที่เค้าอยากจ้างมาแล้ว

การตอบคำถามนี้ก็จะเป็นอีกตัวหนึ่งที่ช่วยให้เค้าตัดสินใจว่า ในลิสต์ที่เค้ามีนั้น เราอยู่ในนั้นกี่ข้อ ซึ่งก็ไม่ต้องห่วง หรือไปกังวลว่าลิสต์ของเค้ามีอะไรบ้างนะคะ

และสิ่งจำเป็นที่เพื่อน ๆ ต้องใส่ไว้ในคำตอบนี้ก็คือ ความมั่นใจ กระชับ และตรงประเด็นค่ะ โดยอธิบายไปเลยว่า เรามีข้อเสนออะไรให้กับเค้า และทำไมเพื่อน ๆ ถึงควรได้งานนี้

ตัวอย่างคำตอบ

➝ You should hire me because my experience is almost perfectly aligned with the requirements you asked for in your job listing.

➝ I have seven years’ progressive experience in the hospitality industry, advancing from my initial role as a front desk associate with Excalibur Resort and Spa to my current position there as a concierge.

➝ I’m well-versed in providing world-class customer service to an upscale clientele, and I pride myself on my ability to quickly resolve problems so that our guests enjoy their time with us.”

⑥ ทำไมคุณถึงออกจากงาน ภาษาอังกฤษ

Why do you want to leave your current job? / Why have you left your current job? / Why are you leaving your present job?

แปลว่า ทำไมคุณถึงอยากออกจากงานปัจจุบันของคุณ

สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากรู้:

คำนี้นั้นจะบ่งบอกว่าทำไมเพื่อน ๆ ถึงอยากทำงานให้กับที่ทำงาน บริษัท โรงเรียน หรือธุรกิจนั้น

เมื่อเพื่อน ๆ กำลังเตรียมตัวสำหรับตอบคำถามสัมภาษณ์งานสำหรับคำถามนี้ เพื่อน ๆ ควรพูดว่าเหตุผลจริง ๆ คืออะไรค่ะ

เพราะความจริงก็คือ คนที่ทำงานฝ่ายบุคคล หรือผู้สัมภาษณ์เค้ามีประสบการณ์ในการฟังค่ะ ว่าคนนี้พูดจริง หรือแค่สร้างเรื่องมา

แต่ เบญอยากให้เพื่อน ๆ พูดไปถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือว่าแต่งประโยคคำตอบที่พูดถึงอนาคต

ให้โฟกัสของคำตอบของเราชี้ไปที่อนาคตค่ะ ว่าเพราะว่าเหตุว่ามันเป็นแบบนี้ ๆ ในอนาคต เมื่อเราทำงานที่นี่

ตัวอย่างคำตอบ

➝ I’m looking for a bigger challenge and to grow my career, but I didn’t feel like I could give equal attention both to my job search and to my full-time work responsibilities.

➝ It didn’t seem ethical to slack off from my former job in order to conduct my job search, and so I left the company.

⑦ คุณอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ ภาษาอังกฤษ

What are your salary expectations? / What salary are you seeking?

แปลว่า คุณอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่

ถึงแม้เพื่อน ๆ อยากจะพูดว่า “ขอสัก 2-3 แสนก็พอค่ะ” ก็ให้ห้ามใจตัวเองไว้ก่อนน~

สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากรู้:

คำถามนี้ เป็นคำถามที่ค่อนข้างกำกวม เนื่องจากว่ามันดูเหมือนเป็นคำถามที่สามารถหาคำตอบได้ง่าย ๆ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยาก

เงินเดือน ภาษาอังกฤษ

เพราะว่าคำตอบนั้น สามารถทำให้เพื่อน ๆ ได้งานนี้ หรือไม่ได้งานไปเลยก็ได้

แต่ถ้าเพื่อน ๆ บอกเงินเดือนต่ำเกินไปเพราะอยากได้งานนี้มาก ๆ ก็อาจจะทำให้เราพลาดและได้เงินเดือนไม่สมกับความสามารถของเราค่ะ

แต่เพื่อน ๆ ก็ไม่ได้อยากบอกมากเวอร์ หรือสูงจนเกินไป เกินกว่าที่เงินเดือนขั้นปกติที่ที่ทำงานนี้สามารถให้ได้

ซึ่งลองมาดูตัวอย่างคำตอบกันค่ะ ว่าเราจะเลือกตอบคำถามประโยคนี้อย่างไรดี..

ตัวอย่างคำตอบ

➝ My salary range is quite flexible. I would, of course, like to be compensated fairly for my decade of experience and award-winning sales record.

➝ However, I am very open to discussing specific numbers once we have discussed the details of the position.”

⑧ คุณรับมือกับความกดดันยังไง ภาษาอังกฤษ

How do you handle stress and pressure? แปลว่า คุณมีวิธีการรับมืองกับความเครียด และความกดดันอย่างไร

สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากรู้:

สิ่งที่เพื่อน ๆ จะทำ เมื่องานไม่ราบรื่น หรือเกิดสถานการณ์ที่มันไม่คาดฝัน หรือมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพื่อน ๆ จะรับมืออย่างไร

เพราะฉะนั้น เพื่อน ๆ ไม่ควรบอกว่า “ไม่มีหรอกค่ะ ความเครียด และความกดดันในที่ทำงาน ทุกอย่างดี เหมือนเดินอยู่ในทุ่งข้าวสาลี” เพราะนั่นไม่ใช่ความจริงค่ะ

แต่ในทางกลับกัน เพื่อน ๆ ควรอธิบายในแนวว่า จริงอยู่ที่ที่ทำงานมีความเครียดและกดดันมาก แต่ว่าเพื่อน ๆ มีวิธีจัดการ และรับมือกับมันได้แน่นอน!

ตัวอย่างคำตอบ

➝ I try to react to situations rather than stress. That way, I can handle the situation without becoming overly stressed.

➝ For example, when I deal with an unsatisfied customer, rather than focusing on feeling stressed, I focus on the task at hand.

➝ I believe my ability to communicate effectively with customers during these moments helps reduce my own stress. I think it also reduces any stress the customer may feel.”

⑨ เป้าหมายในอนาคตของคุณ ภาษาอังกฤษ

What are your goals for the future? / What kind of goals would you have in mind if you got this job? 

แปลว่า เป้าหมายในอนาคตของคุณคืออะไร / เป้าหมายของคุณคืออะไรถ้าคุณได้ทำงานนี้

สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากรู้:

สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ

คิดถามนี้ถูกตั้งขึ้นมา เพราะอยากรู้ว่าเราวางแผนจะอยู่ที่นี่ระยะยาว หรือว่าจะย้ายไปทำงานที่อื่นทันทีที่เรารู้สึกว่าเจอโอกาสที่ดีกว่า

เพราะฉะนั้นพยายามให้คำตอบของเราเน้นไปที่งาน และที่ทำงาน และพูดซ้ำ ๆ ว่าเรารู้ว่าตำแหน่งที่จะได้มานี้ก็เป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งของเราที่เราอยากจะทำเป็นระยะยาว

ตัวอย่างคำตอบ

➝ In the short term, I hope to work as a sales representative for a company such as yours – one with a mission-based on excellent customer service and care.

➝ Working as a sales representative for a company I believe in will prepare me to take on expanded team leadership responsibilities in the future, as those become available.

⑩ คุณมีคำถามไหม ภาษาอังกฤษ

Do you have any questions for me? แปลว่า คุณมีคำถามที่อยากจะถามฉันหรือเปล่า

สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากรู้:

คำถามสุดท้ายของการสอบสัมภาษณ์งานมักจะจบด้วยคำถามนี้ค่ะ ก็ตามคำถามเลยค่ะ ว่าเพื่อน ๆ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับที่ทำงานที่เพื่อน ๆ ไปสมัครงานบ้าง

ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ กำลังคิดอยู่ในใจว่า.. เอ๊ะ คำถามนี้มันจำเป็นต้องตอบว่าฉันมีคำถาม หรือควรจะตอบตัดบทไปเลยว่า No, Thank you.

คำตอบก็คือ ควรจะถามค่ะ เพราะว่าถ้าเพื่อน ๆ ตัดบทจบไปเลย ก็อาจจะทำให้เค้ารู้สึกว่า เอ๊ะ หรือว่าเพื่อน ๆ ไม่ได้อยากได้งานนี้จริง ๆ

ซึ่งเพื่อน ๆ อาจจะเขียนไว้สัก 1-2 คำถามก็ได้ค่ะ เช่น ผลประกาศรับเข้างาน จะได้วันไหนหรอ? เป็นต้น

ตัวอย่างคำตอบ

➝ Do you have a formal schedule and mechanism for performance reviews? How soon after hiring would I receive my first review?

ถ้าเพื่อน ๆ ยังไม่แน่ในว่าตัวเองจะแต่งประโยคคำตอบภาษาอังกฤษออกมาได้มั้ย เบญแนะนำให้เพื่อน ๆ ใช้ตัวอย่างจากคำตอบที่เบญได้นำมาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันวันนี้ค่ะ

และเปลี่ยนคำศัพท์ให้เหมาะสมกับเพื่อน ๆ และงานที่ไปสมัครค่ะ

ถ้าเพื่อน ๆ สนใจอยากจะติวสอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษให้แน่นอนก่อนที่จะไปลงสนามจริง เบญแนะนำเป็นการติวตัวต่อตัวกับครูเจ้าของภาษา Itaki ค่ะ เพราะว่าราคาไม่แพงเลยจริง ๆ

และเป็นคอร์สที่เพื่อน ๆ สามารถเลือกครูที่ตัวเองชอบได้ค่ะ

สุดท้ายนี้ขอให้เพื่อน ๆ โชคดี และสอบสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ 🙂

คำถาม และคำตอบ 10 ข้อวันนี้ ช่วยเพื่อน ๆ ได้ยังไงบ้าง อย่าลืมคอมเม้นมาคุยกันข้างล่างนะคะ


คุณแม่ทำกับข้าว ของเล่นเครื่องครัว ของเล่นไม้ ของเล่นทำอาหาร ครัวไม้ สไลม์ Play Doh สกุชชี่


คุณแม่ทำกับข้าว ของเล่นเครื่องครัว ของเล่นไม้ ของเล่นทำอาหาร ครัวไม้ สไลม์ Play Doh สกุชชี่
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ช่อง Fairy Doll TV (แฟรีดอล) นะคะ
ฝากกดติดตามช่องแฟรี่ดอล ทีวี ของพี่นุ้ยด้วยนะคะ
❤ กดติดตามช่อง Fairy Doll : http://goo.gl/exBeXn
❤ Subscribe to the channel :http://goo.gl/exBeXn
❤Facebook : https://www.facebook.com/fairydolltv

Please feel free to subscribe to our channel for more Youtube exclusive children’s videos here. Fair use of content is intended

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

คุณแม่ทำกับข้าว ของเล่นเครื่องครัว ของเล่นไม้ ของเล่นทำอาหาร ครัวไม้ สไลม์ Play Doh สกุชชี่

LIVE 🛑 สด ฟังเพลงออนไลน์ เพลงเพราะ ฟังชิวๆ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง #โปรดฟังเพลงนี้ #ไม่มีโฆษณา


LIVE 🛑 สด ฟังเพลงออนไลน์ เพลงเพราะ ฟังชิวๆ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง โปรดฟังเพลงนี้ ไม่มีโฆษณา
ขอบคุณที่รับชม
ถ้าชอบก็กดติดตาม กดกระดิ่งให้ด้วยน๊าา..
THANKS FOR 🔔 SUBSCRIBE
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ขอขอบคุณเจ้าของบทเพลง สตรีมนี้สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิง และโปรโมทเพลงของศิลปินเพียงเท่านั้น มิได้มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ..
หากต้องการให้นำเพลงออก โปรดติดต่อเรา!! ขอบคุณครับ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
☑️ช่องทางติดต่อ
@Line ID. vmusiclive
Live Stream By : VMUSICLIVE STUDIO
ไลฟ์สดเพลง ฟังเพลงออนไลน์ เพลงที่วัยรุ่นชอบฟัง
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

LIVE 🛑 สด ฟังเพลงออนไลน์ เพลงเพราะ ฟังชิวๆ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง #โปรดฟังเพลงนี้ #ไม่มีโฆษณา

N๒๐: คำศัพท์ 300 คำ-จำเป็นมาก [ตอน1/3] | เรียนภาษาอังกฤษ กับ อ.พิบูลย์ แจ้งสว่าง


https://www.youtube.com/watch?v=TSu2pUF3iLo
ลิงค์นี้คือคลิปเดียวกับคลิปที่คุณดูอยู่นี้ แต่เราปรับเสียงให้ดังฟังชัดยิ่งขึ้น ลงไว้ในช่องยูทูปอีกช่องหนึ่งชื่อว่า Naked English (เป็นยูทูปช่องที่สองของ อ. พิบูลย์ แจ้งสว่าง) – ต้องขออภัยที่คลิปต้นฉบับเสียงเบามาก เนื่องจาก ณ เวลาที่เราถ่ายทำและตัดต่อวิดีโอนี้ เรายังมีประสบการณ์น้อย หวังว่าคลิปที่ปรับเสียงใหม่นี้จะทำให้คุณเรียนภาษาอังกฤษได้ราบรื่นยิ่งขึ้นครับ … จากทีมงาน Beautiful World และ Naked English
อ่านบทความเกร็ดความรู้ภาษาอังกฤษ (ฟรี) \u0026 ดูรายละเอียดคอร์สเรียน Eng ได้ที่
www.NakedEnglish.net หัวข้อ: บทความที่น่าสนใจ
ติดตามเราได้ที่ Facebook.com/EnglishWithPiboon
เราเน้นเรียน+สอนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ให้สนทนาและเข้าใจหลักการใช้ภาษาอย่างถูกต้อง
[จัดทำและสอนโดย อ. พิบูลย์ แจ้งสว่าง] Piboon Jangsawang

N๒๐: คำศัพท์ 300 คำ-จำเป็นมาก [ตอน1/3] | เรียนภาษาอังกฤษ กับ อ.พิบูลย์ แจ้งสว่าง

ประโยคอังกฤษใช้คุยกับบอสต่างชาติ Talk to Your Boss in English


ติดตาม Facebook Fan Page ครูเชอรี่ English Bright ได้ที่
https://www.facebook.com/cherry.englishbright

ประโยคอังกฤษใช้คุยกับบอสต่างชาติ Talk to Your Boss in English

คุณมีปัญหาเหล่านี้กับการใช้ภาษาอังกฤษหรือไม่ ในที่ทำงาน | English At Work EP.0


KND Studio ช่องยูทูบใหม่สำหรับคนที่ชอบเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ เข้าไปกดซับฯ ได้ที่ https://bit.ly/kndstudio
เราเข้าใจดีว่า คุณไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษในทุกทักษะและแง่มุม แต่เก่งแค่เท่าที่ต้องนำไปใช้ในอาชีพการงานก็พอถมเถแล้ว English At Work Podcast จึงขออาสาเป็นพี่ๆ เพื่อนๆ ที่เหมือนจะกึ่งๆ เป็นโค้ชด้วย ที่ช่วยติดอาวุธให้คุณทั้งในเรื่องภาษาและวิธีคิดที่จะเป็นประโยชน์ในการทำงานแบบเอาไปใช้ได้เลยทันที
ในเอพิโสดแนะนำตัวนี้ บิ๊กบุญ จาก คำนี้ดี และ บี๋ นภัส จาก Glowstory จะมาชวนคุยถึงเรื่องปัญหาทั่วไปในการทำงาน รวมถึงสิ่งคิดว่าที่รายการของเราจะช่วยคุณได้ ลองเข้ามาเช็กกันว่า เหล่านี้ใช่ปัญหาเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษในที่ทำงานของคุณด้วยหรือเปล่า
Time Index | คุณมีปัญหาเหล่านี้กับการใช้ภาษาอังกฤษหรือไม่ ในที่ทำงาน
00:00 Intro
03:44 What are some of the possible topics?
14:10 The Hosts
25:38 Tell us your problems!
———————————————
ติดตาม English At Work ในช่องทางต่างๆ
Website: https://thestandard.co/podcast_channel/englishatwork/
Spotify: http://bit.ly/englishatwork
SoundCloud: http://bit.ly/scenglishatwork
storytelling EnglishAtWork TheStandardPodcast BritishCouncil

คุณมีปัญหาเหล่านี้กับการใช้ภาษาอังกฤษหรือไม่ ในที่ทำงาน | English At Work EP.0

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ทํา งาน ถึง ปัจจุบัน ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *