Skip to content
Home » [Update] สรุป ! โครงสร้าง Present simple tense พร้อมตัวอย่าง | present simple tenseคือ – NATAVIGUIDES

[Update] สรุป ! โครงสร้าง Present simple tense พร้อมตัวอย่าง | present simple tenseคือ – NATAVIGUIDES

present simple tenseคือ: คุณกำลังดูกระทู้

โครงสร้าง Present simple tense

ในเนื้อหาบทนี้เราจพูดถึง โครงสร้าง Present simple tense โดยมีโครงสร้างที่เราควรรู้ได้แก่

บอกเล่า

S + V.1

S + is/am/are

S + Aux.* + V.inf **

 
They play.
They are fun.
They can play.

ปฏิเสธ

S + do/does + not + V.inf

S + is/am/are + not

S + Aux. + not + V.inf

 
They do not play.
They are not fun.
They cannot*** play.

คำถามทั่วไป

Do/Does + S + V.inf + ?

Is/Am/Are + S + V.inf + ?

Aux. + S + V.inf + ?

 
Do they play?
Are they fun?
Can they play?

Wh- Question

นำคำมาไว้ด้านหน้าคำถาม

How are they?
How can they play?

 
Where do they play?
How is it?
How can you do it?

 

* Aux. = Auxiliary Verb หรือ Helping Verb คือกริยาที่วางด้านหน้ากริยาหลักเพื่อช่วยทำให้ประโยคสมบูรณ์

** V.inf = Verb infinitive คือกริยาที่เป็น base form (รากหรือต้นฉบับของกริยา) ห้ามเติมแต่ง

ไม่เหมือนกับ V.1 เพราะกริยาช่องที่หนึ่งจะมีการเติม s/es หลังคำกริยา เมื่อประธานเป็นเอกพจน์

*** cannot ห้ามเว้นวรรคระหว่างคำ

สถานการณ์ที่ใช้ Present Simple Tense

1) ใช้กับเรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง, กฎธรรมชาติ, กฎทางวิทยาศาสตร์, ข้อมูลข่าวสาร คือ ต้องเป็นจริงเสมอ 

• Light travels faster than sound.  (แสงเดินทางเร็วกว่าเสียง)

• Dinosaurs are extinct. (ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้ว)

• Water boils at 100 degrees Celsius. (น้ำเดือดที่หนึ่งร้อยองศาเซลเซียส)

• I am fifteen years old girl. (ฉันเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าปี)

 

2) ใช้กับเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น เทศกาลต่าง ๆ

• We celebrate Christmas on December 25. (เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม)

• I wash my hair every other day. (ฉันสระผมวันเว้นวัน)

• They go to London once a year. (พวกเขาไปลอนดอนปีละครั้ง)

** ให้ดู adverb of frequency ประกอบด้วย เพื่อดูความถี่ของเหตุการณ์ (เรียนเพิ่มเติมในบท adverb)

แถม! everyday VS every day แตกต่างกันยังไง?

everyday (adj.) ต้องการคำนามตามหลังเสมอ

ex. He wants to wear an everyday outfit to the ceremony.

every day (adj. + n.) ไม่ต้องมีคำนามตามหลังแล้ว

ex. He wears the same outfit every day.

 

3) ใช้กับนิสัยหรือรสนิยมความชอบส่วนตัว

• She likes cats. (เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม)

• I am not a morning person. (ฉันไม่ใช่คนชอบตื่นเช้า)

• We hate homework. (พวกเราเกลียดการบ้าน)

 

4) ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย หรือคำคมต่าง ๆ

Don’t bite the hand that feeds you. (อย่ากินบนเรือนขี้รดบนหลังคา)

Don’t count your chickens before they are hatched. (สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร)

• As you sow, so you reap. (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว)

• Actions speak louder than words. (การกระทำสำคัญกว่าคำพูด)

 

5) ใช้กับเรื่องที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ มักวางแผนไว้แล้ว ถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว (มักเป็นเรื่องการเดินทาง)

• The bus leaves tonight at 8:30 pm. (รถเมล์ออกเดินทางคืนนี้สองทุ่มครึ่ง)

• The movie starts in 20 minutes. (หนังเริ่มอีกยี่สิบนาทีข้างหน้า)

• What time does the conference start tomorrow? (พรุ่งนี้การประชุมเริ่มกี่โมง)

 

การทำประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคปฏิเสธ และ ประโยคคำถาม

กรณีที่ 1 : เป็นคำถาม yes/no

ถ้าในประโยคมี Verb to be ( is,  am,  are หรือ was, were)

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง verb to be ได้เลย เช่น

– I am a good cook. 🡪 I am not a good cook.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา verb to be มาไว้หน้าสุด เช่น

– I am a good cook. 🡪 Am I a good cook? **อย่าลืมใส่ ? ท้ายคำถามนะคะทุกคน

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, you are. / No, you are not.

 

ถ้าในประโยคมี Verb to have (have, has, had)

ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้า verb to have (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)

Do + ประธานพหูพจน์

Does + ประธานเอกพจน์

** ยกเว้นในกรณีถามประสบการณ์ใน Perfect tense จะใช้

S + verb to have + never… ในปฏิเสธ

verb to have + S + ever + …? ในคำถาม

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น

– He has a big house. 🡪 He does not have a big house.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น

– He has a big house. 🡪 Does he have a big house?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, he does. / No, he doesn’t.

 

ถ้าในประโยคมี Modal verb (can, should, must)

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง Modal verb ได้เลย เช่น

– This bird can fly. 🡪 This bird cannot fly.  **ไม่ต้องเว้นวรรคระหว่าง can กับ not

– I should go outside. 🡪 I should not go outside.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา Modal verb มาไว้หน้าสุด เช่น

– This bird can fly. 🡪 Can this bird fly?

– I should go outside. 🡪 Should I go outside?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, it can. / No, it can’t.

 

ถ้าในประโยคมีกริยาอื่น ๆ นอกเหนือจากข้างบน

ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้าคำกริยา (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น

– We go to school together. 🡪 We do not go to school together.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น

– I love you. 🡪 Do you love me?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, I do. / No, I don’t.

 

กรณีที่ 2 : เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเป็นข้อมูลไม่ใช่ yes/no

ให้นำคำถามขึ้นต้นประโยค (Wh- question) มาไว้ด้านหน้าประโยคคำถามแบบ yes/no ได้เลย

  • What = อะไร มักใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ เวลาวันที่

    เช่น

What is your favorite animal?

What time is it?

  • Where = ที่ไหน มักใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่

    เช่น

Where do we meet?

Where are you?

  • When = เมื่อไร มักใช้ถามเกี่ยวกับวันเวลา

    เช่น

When is Christmas?

When will they sleep?

  • Why = ทำไม มักใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล

    เช่น

Why are you so cute?

Why did you do that?

  • Who = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคน

    เช่น

Who does he like?

Who is she?

  • Whose = ของใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ (ถามว่าเป็นของใคร)

    เช่น

Whose pen is it?

Whose are these?

  • Whom = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคนเหมือน who แต่คนที่ถูกพูดถึงจะต้องเป็นกรรม

    เช่น

Whom are you waiting for?

Whom do you serve?

  • Which = อันไหน/สิ่งไหน มักใช้ถามเวลาให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

    เช่น

Which dress do you like?

Which is nicer?

  • How = อย่างไร/เท่าไร มักใช้ถามเรื่องราคา จำนวน สุขภาพ อายุ ความถี่ วิธีการทำ

    เช่น

How much is this?

How many pets do you have?

How do you do? หรือ How are you?

How old are you?

How often do you exercise?

How do you go to work?

 

[NEW] แบบทดสอบภาษาอังกฤษ ม.6 เรื่อง Present Simple Tense | present simple tenseคือ – NATAVIGUIDES

Tense แรกที่คุณครูมักสอนในห้องเรียนส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้น Present Simple Tense นี่แหละ หลังจากเพื่อน ๆ ได้ทบทวนบทเรียนออนไลน์เรื่อง Tense 12 แบบ กันไปแล้ว ก็คงจะพอสู้กับข้อสอบที่ StartDee รวบรวมมาให้ได้บ้างแล้วล่ะ ลองทำกันดูสักตั้ง !

ตะลุยทำข้อสอบกับ StartDee กันได้ แค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน StartDee แอปเดียวครบจบทุกวิชา

 

  1. Which of the following adverbs CANNOT be used with present simple tense?

    A. Frequently
    B. Never
    C. By the time
    D. Rarely
    E. Hardly

 

เฉลย: ข้อ C

คำที่ใช้คู่กับ Present Simple มักจะเป็นคำที่”บอกความถี่” ใช้สื่อถึงสิ่งที่ทำเป็นประจำ หรือ คำที่บอกกิจวัตรประจำวัน แต่คำว่า by the time แปลว่า “เมื่อ” หรือ “ในเวลาที่” จะสื่อถึงเหตุการณ์เกิดก่อนเกิดหลัง มากกว่าการแสดงถึงการบอกกิจวัตรประจำวันหรือความถี่ 

ข้อ A.  ผิด เพราะ frequently มีความหมายว่า “บ่อยๆ ถี่ๆ” ใช้ในการบอกความถี่ หรือสิ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวัน 

ข้อ B.  ผิด เพราะ  never มีความหมายว่า “ไม่เคย” ซึ่งสามารถบอกเป็นกิจวัตรได้ว่าไม่เคยทำสิ่งนี้

ข้อ D. และ E.  ผิด เพราะ rarely และ hardly  มีความหมายว่า “แทบจะไม่” ใช้ในการบอกว่าแทบจะไม่ได้ทำสิ่งนั้นในชีวิตประจำวันเลย

  1. Lora always ________________ by bus.
    A. commute
    B. commutes
    C. is commuting
    D. has been commuting
    E. will commute

 

เฉลย: ข้อ B

จากโจทย์สามารถแปลได้ว่า “ลอร่ามักจะเดินทางไปกลับโดยรถเมล์เสมอ” สังเกตจากคีย์เวิร์ดคำว่า  “always” บอกถึงสิ่งที่ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ

และจากโจทย์ Lora คือประธานของประโยคที่อยู่ในรูปเอกพจน์ จึงต้องตามด้วย กริยาในรูปเอกพจน์ที่ เติม s/es  นั่นเอง

ข้อ A.  ผิด เพราะ Lora เป็นประธานเอกพจน์ ดังนั้น commute จึงต้องเติม s 

ข้อ C.  ผิด เพราะ คำว่า always จะเป็นตัวบ่งบอกถึง Present Simple ไม่ใช่ Present Continuous ที่มีโครงสร้าง v. to be + v.ing (is commuting)

ข้อ D.  ผิด เพราะ has + been + v.ing (commuting) จะเป็นรูป Present Perfect Continuous ไม่ใช่ Present Simple

ข้อ E.  ผิด เพราะ การใช้ will + v.infinitive (commute) จะบ่งบอกถึงการใช้ในรูปแบบ Future Simple ไม่ใช่ Present Simple

  1. Which of the following structures is INCORRECT according to the present simple tense?
    A. Do + s + v.infinitive ?
    B. Does + s + v2 ?

     

    C. Is + s + adj ?
    D. What + do/does + s + v.infinitive ?
    E. How often do/does + s + v.infinitive ? 

 

เฉลย: ข้อ B

เพราะในการตั้ง ประโยคคำถาม ของรูป Present Simple ถ้าหากประโยคนั้น ไม่มีกริยาช่วยที่จะนำมาวางข้างหน้า ให้เราเอา v. to do เข้ามาช่วย ซึ่งถ้าหากเรามีการใช้ v. to do ในประโยค กริยาแท้ของประโยคนั้นๆ จะห้ามผันรูปเด็ดขาด โดยจะมีโครงสร้างของประโยคคำถามคือ Do/Does + s +  v.infinitive + ? ดังนั้นการที่ใช้ v2 จึงผิด

 

ข้อ A. ผิด เพราะ ถูกตามหลักการตั้งประโยคคำถามโดยใช้ v.to do ซึ่งมีโครงสร้างคือ Do/Does + S +  v.infinitive + ?

ข้อ C. ผิด เพราะ ถูกตามหลักการตั้งประโยคคำถามโดยใช้ v.to be ซึ่งมีโครงสร้างคือ  Is/Am/Are + s + adj/n. ?

ข้อ D. และ E.  ผิด เพราะถูกตามหลักการตั้งประโยคคำถามโดยใช้ Wh-question แล้ว ซึ่งมีโครงสร้างคือ  Wh-question + do/does + s + v.infinitive?

  1. Bobby: _______________ a foreigner ?

    Liliana: ________________ He can’t understand our language.

A. Is he / Yes, he isn’t.
B. Is he / No, he isn’t.
C. Is he / Yes, he is.
D. He is / Yes, he is.
Is he / Yes, he does.

 

เฉลย: ข้อ C

จากโจทย์สามารถแปลได้ว่า:   บ็อบบี้: “_______คนต่างชาติรึเปล่านะ”

                                            ลิเลียน่า: “_______ เขาฟังภาษาพวกเราไม่ออก”

จากโจทย์ ในประโยคแรกจะต้องเป็นประโยคคำถามเนื่องจากประโยคมีการลงท้ายด้วย ? ซึ่งโครงสร้างของประโยคคำถามคือของ present simple คือ  Is/ Am / Are + S +  complement (adj /n) ?

และในประโยคที่สองที่ต้องเป็นคำตอบต้องเป็นเชิงบวก เนื่องจาก He can’t understand our language. เป็นตัวบ่งบอกว่าเขาที่พูดถึงคือคนต่างชาติจริงๆ ดังนั้นในการตอบจึงต้องใช้โครงสร้าง Yes, s + is/ am /are. และในที่นี้ประโยคที่เป็นคำตอบสื่อถึงประธานเอกพจน์ (He) จึงต้องใช้ “is”

ข้อ A.  ผิด เพราะ การตอบแบบเห็นด้วย จะมีโครงสร้าง Yes, s + is/ am /are. ห้ามใช้ not  และจากบริบทของโจทย์ต้องการรูปประโยคปฏิเสธ ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า

ข้อ B.  ผิด เพราะ เนื่องจาก He can’t understand our language. เป็นตัวบ่งบอกว่าเขาที่พูดถึงคือคนต่างชาติจริงๆ ดังนั้นรูปประโยคปฏิเสธ (No, he isn’t.) จึงไม่เข้ากับบริบท

ข้อ D.  ผิด เพราะ ในประโยคแรกจะต้องเป็นประโยคคำถามเนื่องจากประโยคมีการลงท้ายด้วย ? แต่ในตัวเลือกเป็นประโยคบอกเล่า (He is)

ข้อ E.  ผิด เพราะ ในประโยคที่สองต้องการการตอบที่ลงท้ายด้วย is, am, are เนื่องจากคำถามขึ้นต้นด้วย Is จึงไม่สามารถใช้ does ในการตอบได้

  1. Change the sentence into the negative form of present simple:

    “ Kimberly is always late to class.”

A. Kimberly does not always late to class.
B. Is Kimberly not always late to class?
C. Kimberly are not always late to class.
D. Kimberly is not always late to class.
E. Kimberly do not always late to  class.

 

เฉลย: ข้อ D

เพราะในโจทย์จะแปลได้ว่า “ คิมเบอรี่มักจะมาเข้าชั้นเรียนสาย”

โครงสร้างในประโยคปฏิเสธของ present simple ที่ใช้คู่กับ v. to be  คือ S + is am are + not + complement (adj / n).  ซึ่งจากโจทย์เราเห็น adj. หรือคำคุณศัพท์ late เพราะฉะนั้นเราต้องใช้ v. to be ในประโยค และเนื่องจากประธานของประโยคซึ่งก็คือ Kimberly เป็นเอกพจน์จึงต้องใช้ is คำตอบที่ถูกต้องคือ D. Kimberly is not always late to class.

 ข้อ A. และ E. ผิด เพราะโจทย์ต้องการโครงสร้างประโยคปฏิเสธที่ใช้ v.to be เป็นกริยาช่วย ไม่ใช่ v.to do 

 ข้อ B.  ผิด เพราะโจทย์ต้องการโครงสร้างประโยคปฏิเสธ ไม่ใช่ประโยคคำถาม

 ข้อ C.  ผิด เพราะ Kimberly เป็น ประธานเอกพจน์ ต้องใช้ กริยา is ไม่ใช่ are 

  1. Durian is the king of fruit, but I _______________
    A. like it.
    B. do not like it.
    C. am not like it.
    D. not like it.
    E. does not like it.

เฉลย: ข้อ B

เพราะในประโยคนี้แปลว่า “ทุเรียนคือราชาผลไม้แต่_______”

จากโจทย์ มีการใช้ but ที่แปลว่าแต่ ซึ่งเป็นคำที่แสดงถึงความขัดแย้งกันของประโยคข้างหน้าและข้างหลัง ทำให้ประโยคด้านหลังต้องกลายเป็นประโยคปฏิเสธที่มีโครงสร้าง S + do/ does + not + v

เนื่องจากประธานเป็น I จึงต้องใช้ “do”  เข้ามาเป็นกริยาช่วย จึงได้ประโยคสมบูรณ์ว่า  Durian is the king of fruit, but I do not like it. หรือ “ทุเรียนคือราชาผลไม้แต่ฉันไม่ชอบมัน”

 

ข้อ A.  ผิด เพราะโจทย์ มีการใช้ but ที่แปลว่า “แต่” ซึ่งเป็นคำที่แสดงถึงความขัดแย้งกันของประโยคข้างหน้า และข้างหลัง ทำให้ประโยคหลังต้องการความหมายในเชิงปฏิเสธ จึงต้องเปลี่ยนจาก like it. เป็น do not like it.

ข้อ C.  ผิด เพราะโครงสร้างประโยคปฏิเสธในข้อนี้ โจทย์ต้องการกริยาช่วยที่จะมาขยายคำว่า like เราจึงต้องใช้ v. to do (ใช้ขยายกริยาทั่วไป) ไม่ใช่ v.to be (ใช้ขยาย adj. / noun)

ข้อ D.  ผิด เพราะโครงสร้างประโยคปฏิเสธในข้อนี้ โจทย์ต้องการกริยาช่วยที่จะมาขยายคำว่า like ตามโครงสร้าง S + do/does + not + v.infinitive  จึงต้องเติม do ข้างหน้า not 

ข้อ E.  ผิด เพราะ I  เป็นประธานที่ต้องใช้คู่กับคำกริยาพหูพจน์ ดังนั้นต้องใช้ do not ไม่ใช่ does not 

 

เป็นยังไงกันบ้าง ถูกกันหมดทุกข้อไหมเอ่ย ถ้าเพื่อน ๆ ถูกหมด ก็ถือว่ามีความเข้าใจเรื่อง Present Simple Tense พอสมควรเลยทีเดียว ส่วนเพื่อน ๆ ที่ทำบางข้อผิด ลองอาจเฉลยแสนละเอียดของเราดูได้นะ รับรองว่าถ้าเจอข้อสอบสไตล์นี้อีกในวันข้างหน้า เพื่อน ๆ ต้องทำได้แน่นอน สู้ ๆ นะทุกคน

 


หลักการใช้ Present continuous Tense ฉบับเข้าใจง่าย


รียนคอร์สออนไลน์: http://www.learningtreeuk.com
ติดตามทางเฟสบุ๊ค: http://www.facebook.com/learninguk
ติดต่อสอบถาม: https://line.me/R/ti/p/%40ttw7272u
และไลน์ของครูพิม pimolwan1984

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

หลักการใช้ Present continuous Tense ฉบับเข้าใจง่าย

Talking about Your Family in English


Teach and learn the names of the family members in English and learn how to talk about your family.
https://www.kidspages.com

Talking about Your Family in English

ติว TOEIC : Present Perfect สอบบ่อยสุด! ทำยังไงให้รอด⁉


จำไม่เคยได้ ❌ โครงสร้าง Present Perfect 🔥
ออกสอบบ่อยสุด!! ทำยังไงให้รอด⁉ คลิปนี้มีคำตอบ
.
แจกกลอน ไปท่องจำ แต่งอย่างดี!‼
จำโคตรง่าย ท่องครั้งเดียวก็จำได้ ใช้ได้จริงในห้องสอบ
ไม่อยากตกม้าตาย รีบกดแชร์ ⚠ ครูดิวเตือนแล้วนะคะ
‍‍ ‍‍‍‍‍‍‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍
อ่อนแกรมม่า!🚫 ถ้ายังไม่มั่นใจว่า TOEIC จะรอด
ต้องเริ่มติวได้แล้ว!!
‍‍‍‍‍‍‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍
อยากได้คะแนนสูงๆ✨ให้ครูดิวติวให้ชัวร์ ตั้งแต่ตอนนี้!!
การันตีผล 750+ ไปสอบแล้วไม่ถึง ยินดีให้เรียนซ้ำฟรี!
‍‍ ‍‍‍‍‍‍‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍ ‍‍
📍สนใจสมัครคอร์ส 💬
📍สอบถามรายละเอียดคอร์สกับแอดมิน ได้ทาง
📍Inbox : m.me/TOEICKruDew
📍ทดลองเรียนฟรี : www.opendurian.com/toeic_krudew
📍Add Line : https://lin.ee/nrn6h06
📍IG\u0026TikTok : @krudewtoeic
‍‍ ‍‍ ‍‍
toeic krudewtoeic ติวtoeic grammar english

ติว TOEIC : Present Perfect สอบบ่อยสุด! ทำยังไงให้รอด⁉

What Did You Do? Simple Past Tense


Learn how to talk about your day or about your weekend and how to ask questions using Past Tense Verbs.

What Did You Do? Simple Past Tense

หลักการใช้ present simple tense ฉบับเข้าใจง่ายสุดๆ


เรียนคอร์สออนไลน์: http://www.learningtreeuk.com
ติดตามทางเฟสบุ๊ค: http://www.facebook.com/learninguk
ติดต่อสอบถาม: https://line.me/R/ti/p/%40ttw7272u
และไลน์ของครูพิม pimolwan1984

หลักการใช้ present simple tense ฉบับเข้าใจง่ายสุดๆ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ present simple tenseคือ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *