Skip to content
Home » [Update] สรุป ! ทั้ง 12 Tense อย่างละเอียด มาดูกัน | ประโยค perfect tense – NATAVIGUIDES

[Update] สรุป ! ทั้ง 12 Tense อย่างละเอียด มาดูกัน | ประโยค perfect tense – NATAVIGUIDES

ประโยค perfect tense: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Table of Contents

สรุป 12 Tenses

ก่อนที่จะเข้าสู่บทเรียน สรุป Tenses ทั้ง 12 Tenses น้อง ๆควรได้รู้ภาพรวมคร่าว ๆ ของเนื้อหาตัวนี้ก่อน ซึ่งคำถามยอดฮิตคือ

Q: Tenses คืออะไร?

A: คือไวยกรณ์เหมือนภาษาไทยนี่แหละจ้า เรียนเพื่อให้เราใช้ประโยคได้ถูกต้อง รู้เรื่อง

Q: แล้ว Tenses มีอะไรบ้าง

A: มีทั้งหมด 12 ชนิด แบ่งตามเวลา 3 ช่วง (อดีต ปัจจุบัน และอนาคต) กับ ลักษณะของการกระทำอีก 4 แบบ

 

สรุป เทคนิคเข้าใจ Tenses ง่าย ๆ ไม่ต้องท่องก็จำได้ ! 

ให้เราจินตนาการว่า tenses คือ โรงเรียนที่มี 3 ช่วงชั้น คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต แล้วในโรงเรียนก็มีกีฬาสีแบ่งออกเป็น 4 สี คือ simple, continuous, perfect และสีสุดท้าย perfect continuous โดยแต่ละสีจะมีนิสัยพิเศษ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสีนั้น ๆ

 

ช่วงเวลา

x

การกระทำ

Past

Present

Future

Simple

S + V.2
S + V.1
S + will + V.inf

Continuous

S + was/were + V.ing
S + is/am/are + V.ing
S + will + be + V.ing

Perfect

S + had + V.3
S + has/have + V.3
S + will + have + V.3

Perfect Continuous

S + had + been + V.ing
S + has/have + been + V.ing
S + will + have + been + V.ing

 

S = ประธาน, V = กริยา, V.inf = กริยาต้นฉบับ (ไม่ผันหรือเปลี่ยนรูปใด ๆ ส่วนใหญ่หน้าตาเหมือน V.1)

 

 

มาเริ่มที่สีแรก simple : สีนี้จะมีนิสัยเรียบง่าย ไม่เรื่องเยอะตามชื่อ simple

  1. Past simple: S + V.2

  • ใช้กับเรื่องที่จบไปแล้วในอดีต เอาไว้บอกว่าการกระทำนั้น ๆ เสร็จสิ้นไปแล้ว

ตัวอย่างประโยค

  • I

    loved

    you. แปลว่า ฉันเคยรักเธอ (ในอดีตเคยรัก และหมดรักไปแล้ว)

  • You

    gave

    him your heart. แปลว่า คุณให้ใจกับเขาไปแล้ว (ให้ไปตั้งแต่ในอดีตแล้ว ให้ไปนานแล้ว)

  • She

    was

    my best friend. แปลว่า เธอเคยเป็นเพื่อนรักของฉัน (เคยเป็นเพื่อนกันในอดีต แต่ความเป็นเพื่อนมันจบไปแล้ว)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Present simple: S + V.1

  • ใช้กับข้อเท็จจริงต่าง ๆ เช่น น้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส, ฉันเป็นผู้หญิง, ชื่อของเขาคือต้น

  • ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น เทศกาลปีใหม่ (เกิดขึ้นเป็นประจำในวันที่ 1 มกราคม)

  • ใช้กับนิสัยหรือรสนิยมส่วนตัว เช่น ฉันเป็นคนรักเด็ก เธอเป็นคนนอนตื่นสาย

ตัวอย่างประโยค

  • I

    love

    you.  แปลว่า ฉันรักคุณ (รักจริง ๆ นะ ไม่ได้โม้ ถือเป็นข้อเท็จจริง)

  • We

    celebrate

    Christmas on December 25. แปลว่า เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม (เป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นเป็นประจำ)

  • I

    like

    dogs. แปลว่า ฉันชอบสุนัข (เป็นรสนิยมส่วนตัว)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Future simple: S + will/be going to + V.inf

*** บางโรงเรียนสอนให้ใช้ V.1 เป็นความรู้ที่ผิดนะคะ ต้องเป็น V.inf เพราะกริยาทุกตัวที่ตามหลังกริยาช่วย (ในที่นี้คือตามหลัง will นั่นเอง) ต้องเป็นกริยาดั้งเดิมซึ่งก็คือ V.inf เพียงแต่ V.inf ส่วนใหญ่จะมีหน้าตาเหมือนกันกับ V.1 แต่จำไว้เสมอว่า ไม่ได้เหมือนกันทุกตัว ***

  • ใช้กับเรื่องที่คาดว่า/วางแผนว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น

ตัวอย่างประโยค

  • I

    will make

    you happy. แปลว่า ฉันจะทำให้คุณมีความสุข (คาดว่าจะทำ)

  • He

    is going to be

    a better person. แปลว่า เขาจะเป็นคนที่ดีขึ้น (วางแผนว่าจะปรับปรุงตัว)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

ต่อกันที่สีที่ 2 continuous: สีนี้จะมีนิสัยกระตือรือร้น กำลังทำอะไรอยู่ตลอด ทำอะไรอย่างต่อเนื่อง

  1. Past continuous: S + was/were + V.ing

* Tense นี้สามารถใช้คู่กับ Past simple ได้ ในกรณีเกิดเหตุการณ์สองเหตุการณ์แทรกกัน เรียนเพิ่มเติมอีกบท *

  • ใช้กับเรื่องที่จบไปแล้วในอดีต เอาไว้เล่าถึงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ ณ ตอนนั้น

ตัวอย่างประโยค

  • I

    was eating

    rice. แปลว่า ตอนนั้นฉันกำลังทานข้าวอยู่ (ตอนนี้ทานเสร็จไปแล้ว แต่เล่าถึงว่าในอดีตกำลังทำอะไรอยู่)

  • You

    were having

    fun. แปลว่า ตอนนั้นคุณกำลังสนุกเลย (ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว แต่ตอนนั้นกำลังสนุก)

  • He

    was running

    . แปลว่า ตอนนั้นเขากำลังวิ่งอยู่  (ตอนนี้ไม่ได้วิ่งแล้ว แต่ตอนนั้นกำลังวิ่งอยู่)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Present continuous: S + is/am/are + V.ing

  • ใช้กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น หรือกำลังทำอยู่ในขณะที่พูด 

ตัวอย่างประโยค

  • I

    am studying

    .  แปลว่า ฉันกำลังเรียนหนังสืออยู่ (ตอนนี้กำลังเรียนอยู่อย่างต่อเนื่อง)

  • They

    are sleeping

    . แปลว่า พวกเขากำลังหลับอยู่ (กำลังกลับอยู่ในขณะที่คนพูดพูดอยู่)

  • The cat

    is sitting

    on my computer. แปลว่า แมวกำลังนั่งอยู่บนคอมของฉัน (กำลังนั่งอยู่ในขณะที่ฉันพูด)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Future continuous: S + will + be + V.ing

  • ใช้กับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เอาไว้เล่าว่าในอนาคตตอนนั้นจะกำลังทำอะไรอยู่

ตัวอย่างประโยค

  • I

    will be celebrating

    on my birthday. แปลว่า ในวันเกิดฉันน่าจะกำลังฉลองอยู่ (ยังไม่ถึงวันเกิด แต่เดาว่าในวันเกิดต้องกำลังฉลองอยู่แน่)

  • He

    will be crying

    after the announcement of exam results. แปลว่า หลังจากการประกาศผลสอบเขาต้องร้องไห้แน่ๆ (ผลสอบยังไม่ประกาศ แต่เดาว่าในอนาคตเมื่อประกาศแล้วเขาจะร้องไห้)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

สีที่ 3 perfect: สีนี้จะมีนิสัยครองทุกยุค อยู่ในทุกช่วงเวลา มักทำอะไรนาน ๆ ขี้โม้ ชอบเล่าประสบการณ์

  1. Past perfect: S + had + V.3

* Tense นี้สามารถใช้คู่กับ Past simple ได้ ในกรณีเกิดเหตุการณ์สองเหตุการณ์ต่อกัน เรียนเพิ่มเติมอีกบท *

  • ใช้กับเรื่องที่จบไปแล้วในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดตามมา

ตัวอย่างประโยค

  • When Janny arrived, the exam

    had

    already

    started

    . แปลว่า ตอนเจนนี่มาถึง การสอบก็ได้เริ่มไปแล้ว (การสอบเริ่มไปก่อน เจนนี่มาถึงทีหลัง)

  • Kai was depleted. He

    had studied

    hard all day. แปลว่า ไคเหนื่อยล้ามาก เขาเรียนหนักมาทั้งวัน  (เรียนหนักมาทั้งวันก่อน แล้วจึงเหนื่อย)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Present perfect: S + has/have + V.3

  • ใช้กับเรื่องที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน (และน่าจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต)

ตัวอย่างประโยค

– We have studied in the same school for four years. (เรียนโรงเรียนเดิมมาสี่ปีแล้ว ตอนนี้ยังเรียนอยู่ และในอนาคตน่าจะเรียนต่อ)

  • ใช้กับเรื่องที่เริ่มต้นในช่วงเวลาหนึ่ง และช่วงเวลานั้นยังไม่หมด

ตัวอย่างประโยค

– Coronavirus has spread around the world this year. (เริ่มต้นในปีนี้และปีนี้ยังไม่หมด)

  • ใช้กับเรื่องที่เพิ่งจะเสร็จไป

ตัวอย่างประโยค

– I have just finished my homework. (เพิ่งจะทำการบ้านเสร็จ)

  • ใช้กับเรื่องที่ไม่ระบุเวลา และต้องการแค่เล่าว่าเคยทำ ไม่เคยทำ ประสบการณ์ หรือ ผลลัพธ์

ตัวอย่างประโยค

– I have learned Japanese, Korean, Italian, and English.

– Have you ever been to France?

– Someone has stolen my eraser!

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

  1. Future perfect: S + will + have + V.3

  • ใช้กับเรื่องที่คาดว่าจะจบลงในอนาคต

ตัวอย่างประโยค

–  He will have studied English for a year next week. (เขาจะเรียนภาษาอังกฤษครบหนึ่งปีในอาทิตย์หน้า)

– They will have seen the doctor Tuesday morning. (พวกเขาจะไปพบแพทย์วันอังคารตอนเช้า)

  • ใช้คู่กับ Present Simple เมื่อเรื่องที่คาดว่าจะจบในอนาคตจบแล้ว มีอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นต่อกันพอดี

– She will have cleaned the dishes when I get home. (เธอคงจะล้างจานเสร็จแล้วตอนฉันมาถึงบ้าน)

– By the time you arrive, I will have gone to bed. (กว่าคุณจะมาถึง ฉันคงจะเข้านอนแล้ว)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

สีสุดท้าย perfect continuous: สีนี้จะมีนิสัยคล้ายกันกับ perfect แต่จะเน้นความต่อเนื่องของการกระทำ

  1. Past perfect continuous: S + had + been + V.ing

* Tense นี้สามารถใช้คู่กับ Past simple ได้ ในกรณีเกิดเหตุการณ์สองเหตุการณ์แทรกกัน เรียนเพิ่มเติมอีกบท *

  • ใช้กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น กำลังทำอยู่ในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดแทรกกลางคัน 

ตัวอย่างประโยค

– We had been walking for 30 minutes when it started to rain. (ตอนนั้นเรากำลังเดินเล่นกันอยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนที่ฝนจะตกลงมากลางคัน)

– When the phone rang, I had been watching TV. (โทรศัพท์ดังขึ้นมากลางคั่นในขณะที่ฉันกำลังดูทีวีอยู่)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Present perfect continuous: S + has/have + been + V.ing

  • ใช้กับเรื่องที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยจะเสร็จแล้วหรือไม่เสร็จก็ได้

ตัวอย่างประโยค

– It has been raining for four hours. (ฝนตกอย่างต่อเนื่องมาสี่ชั่วโมงแล้ว)

– They have been running for 20 minutes. (พวกเขาวิ่งอย่างต่อเนื่องมา 20 นาทีแล้ว)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

3. Future perfect continuous: S + will + have + been + V.ing

  • ใช้คู่กับ Present Simple เมื่อเรื่องที่หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ แล้วมีเรื่องที่สองเกิดขึ้นต่อกันพอดี โดยที่เรื่องที่หนึ่งอาจจะเสร็จแล้วหรือไม่เสร็จก็ได้

ตัวอย่างประโยค

– I will have been exercising when you arrive. (ฉันคงจะออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องอยู่ตอนที่คุณมาถึง)

– When he wakes up, she will have been watering flowers. (ตอนที่เขาตื่นนอน เธอคงจะกำลังรดน้ำดอกไม้อย่างต่อเนื่องอยู่)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

การทำประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม

กรณีที่ 1 : เป็นคำถาม yes/no

ถ้าในประโยคมี Verb to be ( is,  am,  are หรือ was, were)

  • ทำให้เป็น

    ปฏิเสธ

    โดยการเติม not หลัง verb to be ได้เลย เช่น

– I am a good cook. 🡪 I am not a good cook.

  • ทำให้เป็น

    คำถาม

    โดยการเอา verb to be มาไว้หน้าสุด เช่น

– I am a good cook. 🡪 Am I a good cook? **อย่าลืมใส่ ? ท้ายคำถามนะคะทุกคน

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, you are. / No, you are not.

ถ้าในประโยคมี Verb to have (have, has, had)

  • ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้า verb to have (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)

    • Do + ประธานพหูพจน์

    • Does + ประธานเอกพจน์

** ยกเว้นในกรณีถามประสบการณ์ใน Perfect tense จะใช้

 

S + verb to have + never… ในปฏิเสธ

verb to have + S + ever + …? ในคำถาม

  • ทำให้เป็น

    ปฏิเสธ

    โดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น

– He has a big house. 🡪 He does not have a big house.

  • ทำให้เป็น

    คำถาม

    โดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น

– He has a big house. 🡪 Does he have a big house?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, he does. / No, he doesn’t.

ถ้าในประโยคมี Modal verb (can, should, must)

  • ทำให้เป็น

    ปฏิเสธ

    โดยการเติม not หลัง Modal verb ได้เลย เช่น

– This bird can fly. 🡪 This bird cannot fly.  **ไม่ต้องเว้นวรรคระหว่าง can กับ not

– I should go outside. 🡪 I should not go outside.

  • ทำให้เป็น

    คำถาม

    โดยการเอา Modal verb มาไว้หน้าสุด เช่น

– This bird can fly. 🡪 Can this bird fly?

– I should go outside. 🡪 Should I go outside?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, it can. / No, it can’t.

 

ถ้าในประโยคมีกริยาอื่น ๆ นอกเหนือจากข้างบน

ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้าคำกริยา (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)

  • ทำให้เป็น

    ปฏิเสธ

    โดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น

– We go to school together. 🡪 We do not go to school together.

  • ทำให้เป็น

    คำถาม

    โดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น

– I love you. 🡪 Do you love me?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, I do. / No, I don’t.

 

กรณีที่ 2 : เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเป็นข้อมูลไม่ใช่ yes/no

ให้นำคำถามขึ้นต้นประโยค (Wh- question) มาไว้ด้านหน้าประโยคคำถามแบบ yes/no ได้เลย

 

  • What = อะไร มักใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ เวลาวันที่ เช่น

What is your favorite animal?

What time is it?

  • Where = ที่ไหน มักใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น

Where do we meet?

Where are you?

  • When = เมื่อไร มักใช้ถามเกี่ยวกับวันเวลา เช่น

When is Christmas?

When will they sleep?

  • Why = ทำไม มักใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล เช่น

Why are you so cute?

Why did you do that?

  • Who = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคน เช่น

Who does he like?

Who is she?

  • Whose = ของใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ (ถามว่าเป็นของใคร) เช่น

Whose pen is it?

Whose are these?

  • Whom = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคนเหมือน who แต่คนที่ถูกพูดถึงจะต้องเป็นกรรม เช่น

Whom are you waiting for?

Whom do you serve?

  • Which = อันไหน/สิ่งไหน มักใช้ถามเวลาให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น

Which dress do you like?

Which is nicer?

  • How = อย่างไร/เท่าไร มักใช้ถามเรื่องราคา จำนวน สุขภาพ อายุ ความถี่ วิธีการทำ เช่น

How much is this?

How many pets do you have?

How do you do? หรือ How are you?

How old are you?

How often do you exercise?

How do you go to work?

 

[Update] การแปลTense | ประโยค perfect tense – NATAVIGUIDES

การแปล  Tense

ลักษณะ Tense ในภาษาอังกฤษ

                ภาษาอังกฤษมีการเปลี่ยนรูปกริยาเพื่อแสดงกาล  กริยานั้นอาจจะเปลี่ยนรูปไปเลย เช่น  go   went    gone   หรือเติมปัจจัยเข้าไปหลังกริยา เช่น  walk  walked  walked  ในประโยคอาจมีหรือไม่มีคำบอกกาลเวลากำกับอยู่   หน้าที่ของกริยาที่เปลี่ยนไปที่เราเรียกว่า tense ต่าง ๆ นี้  คือ เพื่อบอกความหมายของกาลเวลาต่าง ๆ  กัน

                ตัวอย่างประโยค  3 ประโยคต่อไปนี้  มีความหมายไม่เท่ากันในแง่ของกาลเวลา

                1.  My friend lives in Bangkok.

                2.  My friend lived in Bangkok.

                3.  My friend has lived in Bangkok. 

                ประโยค 1-3  อาจแปลได้ความเท่ากัน คือ “เพื่อนของฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ”  แต่ความหมายของประโยคที่เกี่ยวกับเวลาไม่เท่ากัน

                ประโยคที่ 1   ใช้ simple present tense หมายความชัดเจนว่า

                เพื่อนของฉันอยู่ในกรุงเทพฯ  (กำลังอยู่ในขณะนั้น)

                ประโยคที่ 2   ใช้ past tense แสดงว่า

                เขาไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว        

                ประโยคที่ 3   ใช้ present perfect tense อาจหมายความว่า

                เขาเคยอยู่ที่นั่นในอดีต ตอนนี้อาจจะยังอยู่หรืออาจไม่อยู่แล้ว  

 

คำบอกกาลในภาษาไทย

                ภาษาที่มีวิภัตติ  ปัจจัย  อย่างภาษาบาลี  สันสกฤตและอังกฤษ  กาล  มาลา วาจก เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ  แต่ในภาษาไทย  กาล  มาลา  วาจก  ไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่าไรนัก  เพราะภาษาไทยเวลานำมาพูดหรือเขียน  ไม่จำเป็นต้องระบุเวลาว่าเมื่อไร  ผู้ฟังและผู้อ่านต้องทำความเข้าใจเอาเอง  ภาษาไทยไม่มีการแจกวิภัตติ   ปัจจัยเพื่อบอกกาลเวลา   คำแต่ละคำใช้ได้ในทุกโอกาส   เมื่อต้องการจะบอกกาลเวลาก็มีวิธีการที่จะบอกได้ดังนี้

                เมื่อต้องการทราบว่า  กริยากระทำเมื่อไรต้องอาศัยกริยาช่วย เช่น  จะ  อยู่  กำลัง  ได้  แล้ว  ในภาษาไทยจะบ่งชัดลงไปว่า กริยาแท้ หรือ กริยาช่วย  ต้องดูตำแหน่งในประโยคเป็นส่วนประกอบด้วย  คำเหล่านี้บอกกาลเวลาต่างกัน คือ  

                บอกปัจจุบัน   เช่น  อยู่  กำลัง กำลัง….อยู่  กำลัง….อยู่แล้ว

                ดูโทรทัศน์อยู่นั่นแหละ  ไม่รู้จักหลับนอน 

                (เป็นการบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่ยุติลง แสดงว่า ยังดูโทรทัศน์โดยไม่ยอมเข้านอน)

                เขากำลังวิ่ง   

                (คำว่า  “กำลัง”  เป็นคำบอกเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน  แสดงว่าเขากำลังวิ่งอยู่อย่างต่อเนื่อง แสดง     ให้เห็นว่าเขายังไม่ได้หยุดวิ่ง)

 

                สมศักดิ์กำลังนอนหลับอยู่

                (แสดงว่า ตลอดเวลาสมศักดิ์นอนหลับอยู่ยังไม่ตื่นขึ้นมา เป็นการบอกเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่โดยเน้น            ความ)

                สมศรีกำลังทำการบ้านอยู่แล้ว 

                (ประโยคนี้เน้นความยิ่งกว่า สมศักดิ์กำลังนอนหลับอยู่เพราะในข้อความนี้ได้เน้นให้เห็นว่า สมศรีได้ลง     มือทำการบ้านแล้ว  แต่ยังทำการบ้านไม่เสร็จ ซึ่งเป็นการบอกเหตุการณ์ให้รู้ว่าการกระทำได้เริ่มเรียบร้อย        แล้ว แต่ยังไม่เสร็จ)

บอกอดีต  ได้แก่   ได้  ได้….แล้ว   เช่น 

                สมศรีได้รับจดหมาย 

                (บอกให้รู้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา  สมศรีได้รับจดหมาย)

                สมศรีได้พบคุณพ่อแล้ว 

                (บอกให้รู้ว่าการพบคุณพ่อของสมศรีได้ผ่านพ้นไปและเสร็จสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว)

บอกอนาคต  ได้แก่  จะ  กำลังจะ….อยู่   กำลัง….อยู่แล้ว  เช่น

                ใครจะไปใครจะมา  

                (บอกเวลาล่วงหน้า  เหตุยังไม่เกิด) 

                หล่อนกำลังจะเปิดวิทยุฟังเพลง

                สมศรีกำลังจะกินอาหารอยู่เดี๋ยวนี้แหละ

                คุณแม่กับคุณพ่อกำลังจะไปตลาดอยู่แล้ว

 

 

 

 

ความแตกต่างและความคล้ายคลึงของ  tense ในภาษาอังกฤษและภาษาไทยในแง่รูปคำและหน้าที่

Tense ในภาษาอังกฤษ                                                                                       Tense ในภาษาไทย

รูปคำ

– เปลี่ยนรูปคำกริยา เช่น  go   went gone                                                     –  ไม่เปลี่ยนรูปกริยา  

–  เติมปัจจัย  ed  เช่น  walk walked walked                                              –  มีการเติมกริยาช่วย  เช่น กำลัง  กำลัง                                                                                                                                           จะ  แล้ว 

– มีหรือไม่มีคำบอกกาล/เวลา กำกับ                                                                –  มีหรือไม่มีคำบอกกาล/เวลา กำกับ

หน้าที่

บอกความหมายของกาลเวลาต่าง ๆ กัน  ตาม  tense ที่ต่างกัน              –  ไม่ให้ความสำคัญกับกาล/เวลาที่ต่างกัน

–  รู้กาลเวลาโดยเดาจากปริบท หรือจากคำกำกับเวลา (ถ้ามี)

 

 

วิธีแปล

   ผู้แปลควรอ่านประโยคภาษาอังกฤษเพื่อทำความเข้าใจความหมายของ  tense ในแง่ของกาล/เวลา  ดูว่าประโยคนั้นใช้ tense อะไร  แล้วจึงแปลถ่ายทอดเป็นภาษาไทยให้ตรงกับลักษณะกาล/เวลา ที่นิยมใช้ในภาษาไทย   โดยอาจจะเติมคำเสริมกริยาต่าง ๆ หรือคำบอกเวลาที่เหมาะสมในภาษาไทย  เช่น   มาตลอด  ก่อน  แล้ว  จะ  เพิ่ง  เคย  เป็นต้น  ถ้าในประโยคภาษาอังกฤษนั้นมีกริยาหลายตัวที่อยู่ใน tense เดียวกัน  ไม่จำเป็นต้องใส่คำเสริมกริยาไปทุกที่  เพราะจะเป็นการซ้ำซ้อนซึ่งภาษาไทยไม่นิยม  ดังตัวอย่างเช่น

                   เขากำลังจะโทรศัพท์ถึงเพื่อนของเขาและเพื่อนของเขากำลังจะมา

                   เขาทั้งสองกำลังจะไปทานข้าวนอกบ้านกัน

                (ภาษาไทยไม่นิยม)

 

                เช่นเดียวกันเมื่อแปลประโยคหรือข้อความที่เป็นเรื่องเล่า ซึ่งใช้คำกริยาเป็นอดีตกาล

เวลาแปลภาษาไทยไม่นิยมใส่คำบอกกาล  ได้  + กริยา  อย่างพร่ำเพรื่อ   ตัวอย่างเช่น

                เขาได้ไปโรงเรียน เขาได้มาถึงโรงเรียนทันเวลา และเขาได้ทำความเคารพครูที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียน

                (ภาษาไทยไม่นิยม)

 

ตัวอย่างการแปลประโยคภาษาอังกฤษที่มี tense ต่าง ๆ เป็นภาษาไทย  

1.  Have you finished your term paper?

                ทำรายงานเสร็จแล้วหรือยัง

อธิบาย:  แล้ว-ยัง  คำบอกเวลาจากอดีตมาจนปัจจุบัน  (present perfect tense)

        No, but I’ll finish it this evening.

        ยังหรอก  แต่จะทำให้เสร็จตอนเย็นนี้

อธิบาย:  จะ….ตอนเย็นนี้  บอกกาลอนาคตแบบของไทย  

2.  Did you see a lot of friends at the party?

        คุณพบเพื่อนหลายคนไหมที่งานเลี้ยง

อธิบาย:   อดีต  แต่ไม่จำเป็นต้องใส่คำเสริมบอกอดีต  เช่น  “ได้”  ข้างหน้าคำกริยา

        No,  I didn’t.  When I arrived there, some of them had already left.

        ไม่ค่อยพบหรอก พอไปถึงที่งานปรากฏว่าเพื่อนหลายคนกลับไปก่อนแล้ว

อธิบาย:  already = ก่อนแล้ว  และกริยาในประโยคก็แปลอย่างปกติ  

3.    Did you enjoy the party last night?

        เมื่อคืนงานเลี้ยงสนุกไหม

อธิบาย:   แปลคำบอกกาลก็เพียงพอแล้ว   last  night = เมื่อคืน

        Yes, I did. It wasn’t like any other party that I have ever been to.

        สนุกซิ   ไม่เหมือนกับงานเลี้ยงก่อน ๆ ที่เคยไปเลย

อธิบาย:   แปล  present perfect จากอดีตจนถึงปัจจุบันโดยใช้คำบอกกาล  เคย….เลย  

4.    When I arrived at the office, the meeting was just beginning

        เมื่อฉันไปถึงที่ทำงาน  การประชุมกำลังเพิ่งเริ่มพอดี

อธิบาย:   เราไม่แปล past tense ของกริยาว่าได้ + v   แปลว่า ไปถึง  เท่านั้น  just

                แปลว่า  เพิ่ง ใช้คำนี้กับเหตุการณ์ในอดีตก็ได้

        continuous tense ในประโยคนี้   แปลตรงกับภาษาไทยว่า  กำลัง + v

5.    Talking to her wasn’t easy although I had known her for a long time.

        (การ) คุยกับเธอนั้นไม่ใช่ของง่าย  ทั้ง ๆ ที่ฉันเคยรู้จักเธอมาก่อนแล้ว

อธิบาย:   เหตุการณ์ในอดีต ไม่นิยมแปลว่า  ได้ + v  การแปลเพื่อแสดง  past perfect       

        tense ใช้คำเสริมกริยา เคย…ก่อนแล้ว  

6.    By the time you read this letter, I will have already left home.

        กว่าเธอจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้  ฉันก็คงออกจากบ้านไปแล้ว

อธิบาย:  เหตุการณ์ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต สังเกตคำแปล  กว่า…จะ  คง…แล้ว

 แล้ว ในที่นี้ แปลว่า ทำอาการนั้นแล้ว  ไม่ได้แปลว่า  อดีตหรือเวลาที่ล่วงเลยมาแล้ว  

7.    She explained that the problem of water was solved when she moved to this area ten years ago.

        เธอชี้แจงว่าปัญหาเรื่องน้ำแก้ไขไปก่อนที่เธอจะย้ายมาอยู่แถบนี้เมื่อ 10 ปีก่อน

อธิบาย:  v. + ed ไม่จำเป็นต้องแปลว่า  ได้ + v.  เสมอไป ในบางจุดอาจเติม “จะ” เพื่อให้เห็นช่วงเวลาก่อนหลังที่ห่างกัน  2 ช่วง แก้ไขไปก่อน…จะ  คำว่า “ก่อน” ที่อยู่ท้ายประโยค  แปลจาก  ago

8.    When  I finally knew what  was happening, I saw many police inside my house.  

        ก่อนที่ผมจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น  ผมก็เห็นตำรวจอยู่เต็มบ้าน

อธิบาย:   เพื่อให้เห็นความแตกต่างของเวลา 2  ช่วง  ที่ใช้  past  tense  กับ  past

continuous แปลเป็นภาษาไทย โดยใช้คำเสริมกริยา  ก่อนจะ     

9.    She has been standing there, waiting for her son, for more than two hours.

                เธอยืนอยู่ที่นั่นมาตลอด  คอยลูกชายอยู่เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงแล้ว

อธิบาย:   present perfect continuous tense แสดงโดยใช้คำเสริมบอกการทอดระยะของ 

                   ช่วงเวลา ….มาตลอด….แล้ว

10. I’ll be seeing him tomorrow at the office.

                ผมนัดกับเขาไว้ว่าจะเจอกันพรุ่งนี้ที่ที่ทำงาน

อธิบาย:   ประโยคที่ใช้ future continuous tense แสดงว่า มีการตกลงกันไว้แล้ว จะแปลต่างจากประโยคที่ว่า   “I’ll  see him”  ผมจะไปพบเขา  ซึ่งใช้ future tense ธรรมดา  ที่แสดงถึงอนาคตกาลเท่านั้นเอง

Share this:

Like this:

ถูกใจ

กำลังโหลด…


Have You Ever …? Present Perfect Tense – Practice Learn English Conversation


There are so many interesting experiences and activities in life when we recount our experiences, we often use the Present perfect tense to describe. Watch the video below to learn more about the Present perfect tense. EnglishJessica
Learn English and improve grammar, vocabulary and reading skills ➡️ https://www.youtube.com/playlist?list=PLtBFFyhEIC7lFhONPSYAryiaG4BpoyhbD\r
▶ Please subscribe to update new videos.\r
➡️ https://www.youtube.com/channel/UCXtMjo8xJqjEhS4A9KUY8GA?sub_confirmation=1\r
───────────────────\r
☞ Thanks for watching!\r
☞ Please share and like if you enjoyed the video 🙂 thanks so much ♥

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Have You Ever ...? Present Perfect Tense - Practice Learn English Conversation

What were you doing? – Past Continuous


Learn how to use Past Continuous/Progressive through a short story in this video. We use this tense 1. for a continuous action in the past which was interrupted by another action \”I was reading the label, when the jar slipped out of my hands\”; 2. to describe the atmosphere \”The sun was shining\”; 3. for two actions which happened in the same time in the past \”I was sitting in the living room and she was taking a shower\”

What were you doing? - Past Continuous

Learn English Tenses: PRESENT PERFECT CONTINUOUS


What does it mean when someone says: “I have been working”? This advanced tense is called the PRESENT PERFECT CONTINUOUS or PRESENT PERFECT PROGRESSIVE. It shows that an action started in the past and continues into the present. In this English grammar class, I’ll teach you how to use this verb tense, when to use it, and what mistakes to avoid. We’ll focus on structure, usage, spelling, pronunciation, contractions, questions, short answers, stative verbs, and irregular verbs. We’ll move forward stepbystep and do practice exercises together, so you understand clearly. This class is part of my engVid series on English verb tenses. So join me now to master this tense, upgrade your academic and business English, or get a higher score on English exams like the IELTS.
Take the quiz here: https://www.engvid.com/presentperfectcontinuous
In this lesson:
Present Perfect Continuous: Overview 0:00
When to use the Present Perfect Continuous tense 4:47
When not to use the Present Perfect Continuous tense 9:54
How to use the Present Perfect Continuous tense 12:52
Present Perfect Continuous: Contractions 18:35
Present Perfect Continuous: Spelling 24:03
Present Perfect Continuous: Short Answers 26:28
Present Perfect Continuous: Practice 28:34
Present Perfect Continuous: Common Errors 32:40
Present Perfect Continuous: Conclusion 35:38

Learn English Tenses: PRESENT PERFECT CONTINUOUS

Best Examples of Present Perfect Tense – Learn and teach English with videos


Best Examples of Present Perfect Tense
Learn and teach English with videos
To improve your English, play Voscreen every day!
WEB:  https://voscreen.com
Google Play:  https://goo.gl/5bQrbS
App Store:  https://goo.gl/5TyKMP
Voscreen is a videobased English learning app and it is 100 percent free to promote equality in education.
 Users improve English by watching short video clips from movies, music videos, documentaries and cartoons in a question format. 
 For beginners, or advanced speakers, for kids or adults, Voscreen helps everyone learn English quickly. 
 Voscreen is the fun and free way to learn more English vocabulary and users can boost their grammar knowledge too! 
 Play the Voscreen English game 20 minutes every day and learn new words and phrases. 
 
Voscreen on:
WEB:  https://voscreen.com
Android:  https://goo.gl/5bQrbS
IOS:  https://goo.gl/5TyKMP
 
Scripts:
Scene 1: A: He’s your uncle? B: Him? Uhuh. I’ve never seen him before.
Scene 2: I’ve never been sick before.
Scene 3: Hello darkness, my old friend. I’ve come to talk with you again.
Scene 4: l’ve made changes for you, Shrek. Think about that.
Scene 5: A: How long has he been gone? B: Two weeks, one day, 15 hours.
Scene 6: I’ve come to say goodbye.
Scene 7: Commuting to work by bike has risen by about 60 percent in 10 years.
Scene 8: Alice has escaped.
Scene 9: I’ve made a decision. We’re going to that mountain.
Scene 10: Have you ever imagined a future with A1:I15
Scene 11: My dream has come true. Thank you.
Scene 12: The maniac Boov has ruined everything. This is bad.
Scene 13: Their mother has not eaten for five months and has lost half of her body weight.
Scene 14: Something wonderful has happened. Ani, I’m pregnant.
Scene 15: I’ve missed you so much.

Best Examples of Present Perfect Tense - Learn and teach English with videos

เผยทริค Present Perfect ใช้ยังไง ให้ไม่งง | Eng ลั่น [by We Mahidol]


ทำไม๊ ทำไม จำได้แต่ใช้ไม่เป็น! หลายคนจำโครงสร้างประโยคของ Present Perfect Tense ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ยังไง วันนี้พี่คะน้า เลยมีเทคนิคการใช้แบบเข้าใจบริบทและสถานการณ์มาแนะนำ แล้วสถาณการณ์แบบไหนที่ใช้ Present Perfect Tense ได้บ้าง ลองไปดูตัวอย่างประโยคกัน
ทุกวันอังคาร เวลา 20.00 น. ทางช่อง We Mahidol
Learn WithMe WeMahidol Mahidol Engลั่น PresentPerfect
YouTube : We Mahidol
Facebook : http://www.facebook.com/wemahidol
Instagram : https://www.instagram.com/wemahidol/
Twitter : https://twitter.com/wemahidol
มหาวิทยาลัย มหิดล Mahidol University : https://www.mahidol.ac.th/th/
Website : https://channel.mahidol.ac.th/

เผยทริค Present Perfect ใช้ยังไง ให้ไม่งง | Eng ลั่น [by We Mahidol]

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ประโยค perfect tense

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *