Skip to content
Home » [Update] รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 1 แวะตราตรึงชมกรุงปารีส ท่ามกลางอากาศหนาวจี๊ดจับใจ หอไอเฟลสวยใส เดินไฉไลพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ดูรูปโมนาลิซ่า ช่ะช่ะช่าหัวใจ | ปารีส – NATAVIGUIDES

[Update] รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 1 แวะตราตรึงชมกรุงปารีส ท่ามกลางอากาศหนาวจี๊ดจับใจ หอไอเฟลสวยใส เดินไฉไลพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ดูรูปโมนาลิซ่า ช่ะช่ะช่าหัวใจ | ปารีส – NATAVIGUIDES

ปารีส: คุณกำลังดูกระทู้

ก็ขอกราบสวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทยและชาวโลกออกไลน์ ที่น่ารักสดใส งามไฉไลสดสี รื่นฤดีความหวาน ร้าวรานจับใจ กันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน บล็อกเกอร์มือสม้ครเล่นแนวๆ โกโรโกโส สับปะรังเค ก็ขอมาทักทายคุณผู้อ่านทุกคนเข้าสู่เว็ปบล็อกของคนบ้าเที่ยว บ้าเขียนบล็อกไปเรื่อยเปื่อย ให้ท่านได้อ่านกันจนเมื่อยสมอง และปวดเศียรเวียนเกล้าอีกเหมือนเคยนะคะ

สำหรับบทความในวันนี้ เดี๊ยนเองก็ขอมาร่ายรีวิวบทความท่องเที่ยวประจำเดือนพฤษภาคมนี้ ให้เพื่อนๆได้มาสไลด์ดูภาพและอ่านฆ่าเวลากันนะค่ะ ตอนแรกกะว่าจะเขียนรีวิวให้ทันเดือนพฤษาคม แต่ดูเวลาแล้ว ยังไงก็ไม่ทันคะ เดี๊ยนก็เลยขอมาไล่เขียนรีวิวในเดือน มิย.นี้ ทีเดียวเลยล่ะกัน เพราะรีวิวเที่ยวครั้งนี้ มันยาวมากค่ะ มีหลายตอนคะ แต่จะทยอยเขียนเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไปค่ะ หวังว่าน่าจะกระตุ้นต่อมการเดินทางให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน ออกไปเปิดโลกกว้างกันนะค่ะ เพราะโลกนี้มันกว้างจริงๆ ลองออกไปสวิงกิ้งดูสิว่า บ้านม่านชานเรือนเค้าเป็นยังไงบ้างน้อ เคยดูแต่ในเน็ตในทีวี มาสัมผัสของจริง อยู่ในสถานที่จริงๆ น่าจะได้ประสบการณ์อะไรใหม่ๆไม่น้อยเลย  

พอดีในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เดี๊ยนได้มีโอกาสจัดทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปคนเดียวด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ก็เลยอยากจะมาเล่ามาแบ่งปันการเดินทางให้เพื่อนได้ดูกันในเว็ปบล็อกนี้ โดยการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ วางแผนไปเที่ยว 4 ประเทศได้แก่
1.ฝรั่งเศส
2.สวิสเซอร์แลนด์
3.อิตาลี
4.กรีซ
รวมทั้งหมด 26 วันค่ะ เที่ยวจริงๆแค่ 24 วัน นอกนั้นถือว่าเดินทางค่ะ เพราะทริปนี้เดินทางไกลตั้งแต่เหนือจรดใต้ ไล่ไปตั้งแต่ฝรั่งเศส เข้าไปทำบุญเผวดจนถึงประเทศกรีซเลยค๊า

และอีกอย่างการเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางท่องเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองครั้งแรก และแบกเป้ลุยเดี่ยวมาคนเดียวด้วย เรียกว่าการมาเที่ยวยุโรปในครั้งนี้ได้ประสบการณ์จากการเดินทางหลายอย่างเลยทีเดียวค่ะ ทั้งเรื่องของการเอาตัวรอด อาหารการกิน การสื่อสาร และการเดินทางที่ต้องวางแผนในเรื่องของเวลาสุดๆค่ะ และที่ต้องเจอเมื่อเดินทางในต่างบ้าน ต่างเมืองแบบนี้ คงหนีไม่พ้น การหลงทาง เดี๊ยนต้องขอบอกเลยว่า หลงแบบสุด และอีกอย่างป้ายบอร์ดบางเมืองก็ไม่มีภาษาอังกฤษ ทำให้ต้องคาดเดาหรือเปิด App แปลภาษาให้วุ่นเลยค่ะ ใหนจะแบกเป้ ใหนจะถ่ายรูป โอ้ย…มันส์ๆสุดไปเลยจ้า

เรื่องสำคัญอีกอย่างสำหรับคนที่จะแบกเป้มาเที่ยวยุโรปคนเดียวครั้งแรก!!!
คือเรื่องการเตรียมเอกสารให้พร้อมกับการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ด่าน ตม.ฝรั่งเศส ตอนยืนเข้าแถวรอลงประทับตราลงในพาสปอร์ต

สำหรับเพื่อนๆที่จะแบกมาเที่ยวยุโรปคนเดียวแบบตัวดิฉันเนื่องจากวันที่ไปถึงสนามบิน
ทางเจ้าหน้าที่คนที่จะประทับตราให้เรา
จะขอให้เราแจ้งเอกสารดังนี้ค่ะ (อันนี้แล้วแต่เคสคะ
เจ้าหน้าที่บางคนก็ไม่ขอ แต่ด้วยหน้าตาของเดี๊ยนเหมือนโจร หรือเป็นนางงามพยายามสวยก็ไม่ทราบ ทางเจ้าหน้าที่เลยขอข้อมูลคะ เนื่องจากเป็นการเดินทางมาฝรั่งเศสครั้งแรกของเดี๊ยน)
– ใบจองที่พักทั้งหมดเลยนะคะ
– ตั๋วเครื่องบินขากลับ สามารถปริ้นเป็นเอกสารจากอีเมลล์มาก็ได้คะ
– ประกันภัยการเดินทาง เอาที่เป็นใบเสร็จก็ได้คะ
– บัตร Eurail Pass (ถ้ามีก็แสดงให้เค้าทรา แต่ถ้าไม่มีไม่เป็นไรคะ)

ใบสรุปรายการเดินทาง หรือ Itinerary travel planning
ก็คือใบแผนการเดินทางท่องเที่ยวว่าไปเมืองใหนบ้าง
ใบเดียวกับใบที่ประกอบการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวนั้นแหละคะ  

เงินสดว่านำมาเท่าไหร่ ให้ขวักแสดงต่อเจ้าหน้าที่ให้หมดเลยนะค่ะ
เพราะเจ้าหน้าที่อยากรู้ว่านำเงินมาเที่ยวเมืองเค้ากี่แสนล้านยูโร
มีเงินเพียงพอกับค่าครองชีพหรือเปล่าอะไรประมาณนั้น
– บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็มก็แสดงให้หมดเช่นกัน ถ้ามี ถ้าไม่มีไม่เป็นไร 

จนท.จะถามว่ามากี่วัน มากับใคร ไปสิ้นสุดที่ประเทศใหน เมืองอะไร แค่นี้ค่ะ
ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที
ไม่นานไม่ต้องเข้าห้องเย็นให้เสียเวลาด้วย….จากนั้นถ้าเจ้าหน้าที่พิจารณาสมควารแล้วว่ามีเงินและเอกสารเพียงพอ
ก็จะประทับตราให้เราผ่านประตูไปอย่างฉลุย
พร้อมให้เราไปเป็นโรบินฮู้ดแล้วจ้า

ตอนเดี๊ยนไป เห็นคนอินเดียที่มาเที่ยว นางไม่ได้เตรียมเอกสารมา ก็โดนเรียกสอบเข้าห้องเย็นเลยค่ะ
ยังไงหากเพื่อนคนใดที่จะแบกเป้เที่ยวฝรั่งเศสครั้งแรกแบบเดี๊ยน
ก็เตรียมตัวให้พร้อมนะค่ะ จะได้ไม่ตื่นเต้นนะค่ะ
แต่ถ้ามีคู่หูดูโอ้ไปด้วยก็จะมีคนช่วยให้กำลังใจมาก
แต่ถ้ามาคนเดียวก็ต้องเข้มแข็งหน่อยนะ

ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เพื่อไม่ให้เสียเวล่ำเวลา เดี๊ยนขอมาพร่ำเพร้อ พรรณาตามประสาคนบ้าๆบอๆเที่ยวไปเรื่อยให้ท่านได้สไล์ดดูภาพกันดังนี้ค่ะ

เริ่มต้นรีวิวตอนเที่ยวที่ 1 กับทริปเที่ยวยุโรปคนเดียว แวะเที่ยวกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสก่อนเลยค่ะ

วันที่ 15 พ.ค.2561 
– เริ่มต้นการเดินทางของทริปนี้ ออกเดินทางจากกรุงเทพเวลา 9 โมงเช้า ด้วยสายการบินโอมานแอร์ มาเปลี่ยนเคร่ื่องที่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน จากนั้นก็นั่งเครื่องบินมาอีก 6 ชั่วโมง ถึงกรุงปารีสโดยปลอดภัยในเวลา 19.50 น. )

– หลังจากเครื่องบินแลนด์ดิ่งจอดที่สนามบินชาร์เดอโกล (CDG Airport)แล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็เดินทางจากสนามบินCDG เข้ากรุงปารีสโดยการใช้บริการรถรุสซี่บัส (Roisy Bus) ค่าบริการ 12 ยูโร โดยรถบัสโดยสารจอดส่งสุดสายที่สถานี Opera 

– เมื่อรถรุสซี่บัสจอดสุดสายที่ป้ายรถเมลล์ข้างๆโรงละคร Opera แล้วนะค่ะ จากนั้นเดี๊ยนก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า Metro ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Opera เพื่อเดินทางไปยังที่พักค่ะ

มาต่อเลยนะค่ะ หลังจากที่บล็อกก่อนหน้านี้ดิฉันเองได้รีวิวบล็อกการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน Metro แบบงงๆครั้งแรกด้วยตัวเองไปแล้วนะค่ะ เพื่อนๆเข้าไปดูรีวิวได้ที่เว็ปบล็อก :

ขอเริ่มต้นรีวิวเที่ยวกรุงปารีสในวันที่ 16 พ.ค.ให้เพื่อนได้ดูตามภาพกันดังนี้เลยนะค่ะ
(แจ้งก่อนนะค่ะ สำหรับภาพรีวิวทุกภาพอาจจะไม่สวยชะลูดบาดตา เพราะไม่ได้ตกแต่งใน Photoshop หรือ Light room เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาแต่งค่ะ เพราะยิ่งแต่งก็ยิ่งพังค่ะ เดี๊ยนเลยคิดว่าเอารูปถ่ายแบบสดๆแบบธรรมชาติเนี่ยแหละค่ะมาลงเลย หากไม่สวยยังไงขออภัยนะค่ะ) 

เช้านี้ที่กรุงปารีส ในวันที่ 16 พ.ค.2018 อากาศเย็นเหลือเกิน อยู่เมืองไทยร้อนสุด แต่มาสะดุดอากาศหนาวที่ฝรั่งเศส

ต่อจากรีวิวบล็อกก่อนหน้านี้ : รีวิวการเดินทางจากสนามบินฝรั่งเศสมาในกรุงปารีส….เช้าวันใหม่ในกรุงปารีส อากาศหนาวจี๊ดสุดๆไปเลยค่ะ หลังจากที่เมื่อวานเดินทางไกลกว่าจะเดินทางมาถึงโรงแรมก็ปาไปซะจนดึกดึน กว่าจะแต่งหน้านอนอีกก็เที่ยงคืนพอดีนะค่ะ

เช้านี้ตื่นมาหน้าเลยตึงๆเป็นพิเศษ พร้อมอากาศที่หนาวเหน็บสุดๆ เนื่องจากอยู่เมืองไทยบ้านเรา อากาศมันร้อน แต่พอมาออนซอนที่เมืองนี้ ทำไมมันหนาวอย่างนี้ล่ะ และอีกอย่างต้องหัดออกเสียง สระเออะ สระเออ สระอ่องๆบ่อยๆ นะค่ะ เพราะที่ฝรั่งเศสจะมีสำเนียงแบบ บองๆเลอๆ เชอๆ ชังๆ อะไรประมาณนี้นะค่ะ ถือว่ามาเรียนรู้ใหม่ ณ ต่างแดนด้วยกับสถานที่จริงด้วย

 แผนการเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้รวม 26 วัน เริ่มต้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สิ้นสุดที่เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ

 แผนการเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้รวม 26 วัน
เริ่มต้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สิ้นสุดที่เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ

ตอนมาวันแรกมองหาก้านกิ่ง ช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์คล้ายๆแบบบ้านเราก็ไม่ค่อยจะมี เพราะตึกรางบ้านช่องที่นี้ ก็ดูเป็นศิลปะแนวๆของเค้าหมดเลยด้วยนะ 

หลังจากที่ตื่นมาแล้ว เดี๊ยนก็รีบทำภารกิจให้เสร็จ รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ เพื่อเตรียมเช็คเอาท์ค่ะ

อาหารเช้านี้ที่โรงแรมโอแบร์แองแตร์ เป็นแบบง่ายๆนะค่ะ ใส่วางในถาด มีขนมปังให้ ทานคู่กับเนยและแยม และน้ำผลไม้ให้ ไม่มีชีสและไส้กรอกให้นะค่ะ เนื่องจากเป็นอาหารสไตล์ยุโรปไม่ใช้แบบอเมริกันกัน ส่วนเครื่องดื่มของเดี๊ยนเลือกดื่มโก้โก้ค่ะ โดยเครื่องดื่มสามารถเติมได้ตลอด แต่ถ้าอยากได้ขนมปังเพิ่มก็ต้องเสียตังเพิ่มด้วย แต่ไม่รู้เท่าไหร่นะค่ะ เพราะราคาห้องพัก 800 บาทมีอาหารเช้าให้ด้วยก็ถือว่าโอเคล่ะค่ะ 

แต่ตอนจะรับอาหารเช้าต้องเรียวคิวเข้าแถวรอนิดนึง


 แผนที่การเดินทางด้วยรถไฟ Metro และ RER ในกรุงปารีส ดิฉันก็พิมพ์มาไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ เผื่อจะได้ไม่หลงแต่ก็อิสสะงงๆอยู่ดี

ก่อนเดินทางก็ต้องเปิดแผนที่เส้นทางรถไฟฟ้า Metro ในกรุงปารีสทุกครั้งเลยค่ะ เพราะดูแผนที่ในเมืองนี้ ต้องขอบอกเลยว่า เดี๊ยนอิสสะงงๆมากๆ เมื่อคืนนี้กว่าจะเดินทางมาถึงโรงแรมก็ลุ้นแทบตาย กลัวจะมีโจรมาปล้น หรือปลุกปล้ำกลางทางหรือเปล่านะ แต่ก็รอดมาจนได้ค่ะ

อันนี้คือหน้าตาโรงแรมที่พักเมื่อคืนนี้ค่ะ โอแบร์ฌ แองแตร์นาชิโอนาล เด เฌิน (Auberge Internationale des Jeunes)ชื่อโรงแรมเรียกยากนิดนึงนะค่ะ ต้องสะกดอ่านทีละคำเลย โรงแรมอยู่แถวเขต 11 เลยค่ะ แต่ก็เดินทางมาได้ด้วยรถไฟฟ้า Metro

ได้เวลาตะลุยล่องท่องเมืองปารีสครั้้งแรกแล้ว มาดูสิว่าเมืองนี้มีอะไรให้เที่ยวบ้าง นอกจากหอไอเฟล

หลังจากที่ได้ทานอาหารเช้ามื้อแรกในกรุงปารีสแล้ว เดี๊ยนก็เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเพื่อแบกเป้สะพายใส่หลัง ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นเหลือเกิน โดยจุดมุ่งหมายเช้านี้เดินทางไปอีกโรงแรมซึ่งอยู่ใกล้ๆหอไอเฟลค่ะ

สำหรับเพื่อนๆท่านใดที่อยากได้แผนที่แหล่งท่องเที่ยวในกรุงปารีส
เดี๊ยนก็ขอจัดมาไว้ในเว็ปบล็อกนี้ ว่าเมืองปารีส
มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ใหนบ้าง จัดมาให้ดังนี้จ้า


แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในกรุงปารีส (Tourist map Attraction place) ภาพจากสารานุกรมเสรีวิิกิพีเดีย

โดยในแผนที่อธิบายรายละเอียดและบ่งบอกสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งเป็นตัวอักษร
A-Z ว่าชื่อสถานที่อะไรบ้าง ซึ่งในภาพแผนที่ตัวเล็กกะจิ๊ดลิ๊ดมากๆ
เดี๊ยนเลยขออธิายเพิ่มดังนี้ค่ะ
Must see thing in Paris A-Z
A= Arc De Triomphe ประตูชัย
B= Tour Eiffel หอไอเฟล
C= Champe De Mars สวนช็องเดอมาร์
D= Avenue des Champs-Élysées ถนนช็องเอลิเซ่
E= Grand Palais Paris
F= Pont Alexandre III Bridge สะพาน ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุด
G= The National Resident of Invalids
H= Concorde Square
I= Tuileries Garden
J= The Orsay Museum
K= Basilique du Sacré-Cœur (มหาวิหารซาร์เครเกอร์)
L= Moulin Rouge Cabaret
M= Galleries Lafayette Department Store
N= Opera Garnier Palace paris
O= Louvre Museum พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
P= Seine River แม่น้ำแซนด์
Q= Pont Neuf
R= The Holy chapel
S= Notre Dame de Paris มหาวิหารนอร์เทอแดม
T= Sorbonne University
U= Pantheon
V= Pompidou Centre
W= Le Marais district
X= City Hall Paris
Y= Place de la Bastille square
Z= Forum des halles

หากไปเที่ยวปารีสจริงแบบไป
1-3 วันคงเก็บไม่หมดแน่ๆนะค่ะ
ดังนั้นวางแผนไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ยังไม่เคยไปอาทิเช่น หอไอเฟล
มหาวิหารเครเกอร์ มหาวิหารนอร์เทอแดม พระราชวังแวร์ซาย ประตูชัย
พิพิธภัณฑ์ลูฟ ล่องเรือชมแม่น้ำแซน อะไรประมาณนี้

แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงปารีส ถ้าจะขยายใหญ่ขึ้น ก็ประมาณนี้ค่ะ (Paris Tourist Map Attraction place)

สำหรับข้อมูลในภาพนี้ หากเพื่อนต้องการขยายใหญ่ๆดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ :

หรือเข้าดูแผนที่แยกเป็นหมวดหมู่ได้ที่


เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน Metro ซึ่งสะดวกและเป็นที่นิยมสุดแล้ว แต่ใต้ดินดูน่ากลัวหน่อยนะ อยากให้ปรับความสว่างให้ขาวใสฟรุ้งฟริ้งน่าจะดีกว่านี้

 สำหรับการเดินทางไปยังโรงแรมที่พักคืนต่อมา ดิฉันเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Metro เหมือนเดิมค่ะ ยังไงขอไม่อธิบายการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าอีกนะค่ะ เพราะได้รีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้ค่ะ

ซึ่งการเดินทางในเช้านี้ เดี๊ยนเลือกเดินด้วยรถไฟฟ้า Metro สถานีเดิมที่เดินทางมาเมื่อคืนนี้แหล่ะ ยังเป็นสายรถไฟ Metro สาย 8 สีม่วงเหมือนเดิม Ledru-rollin เพื่อไปยังสถานี

ไม่รู้ว่าที่พักอยู่ตรงใหนนะค่ะ สำคัญที่สุดต้องเปิด GPS ให้ช่วยน้ำทางคือพอช่วยได้ค่ะ เพราะเดินออกจากรถไฟใต้ดินมา เดี๊ยนก็อิสสะงงๆพอสมควร

ดอกไม้สีสันสวยงาม น่าซื้อมากๆค่ะ

ผลหมากรากไม้ก็มีขายให้ซื้อลิ้มลองทานกัน ดูน่าจะเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ทั่วไปเลยนะค่ะ เพราะมองแล้ว ไม่ค่อยมีผลไม้จากเอเชียเลย

เข้ามา check in โรงแรมใหม่ในคืนนี้ พักดีกว่าเดิม ห้องส่วนตัว พักค้างที่โรงแรม beaugrenelle tour eiffel

 หลังจากเดินแวะชมตลาดแล้ว ก็เดินเปิด GPS มาจนถึงโรงแรมที่พักคืนนี้แล้วค่ะ

เข้ามา check in โรงแรมใหม่ในคืนนี้ พักดีกว่าเดิม ห้องส่วนตัว พักค้างที่โรงแรม beaugrenelle tour eiffel

นอนพักค้างแรมที่โรงแรม hotel beaugrenelle tour eiffel อยู่ใกล้หอไอเฟล กับสถานีรถไฟ Metro และรถไฟ RER เดินทางสะดวกดี แม้จะไม่อยู่ใจกลางเมืองก็ตาม เน้นความสะดวกสบายจ้า

คืนนี้พักค้างที่โรงแรม beaugrenelle tour eiffel

 เข้าถึงที่พักก็นั่งพักที่ล็อบบี้สักแป๊บค่ะ เพราะเมื่อยหลังมากๆ

เนื่องจากดิฉันมาเช็คอินน์ตอนเช้า ห้องพักยังไม่ว่างก็เลยต้องฝากกระเป๋าไว้ก่อนค่ะ ทางเจ้าหน้าที่ให้ฝากกระเป๋าไว้ข้างๆเคาว์เตอร์เลย ก็เลยวางกระเป๋าไว้ตามภาพที่เห็นเนี่ยแหละค่ะ

ได้เห็นของจริงๆสักทีนะค่ะ เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนามและในภาพทางเน็ตมาเนิิ่นนาน ดูสวยงาม เด่นตระหง่านอยู่กลางเมือง ที่ใครแวะมาก็ต้องมาชมกัน ซึ่งในจุดถ่ายรูปตรงหอไอเฟลก็มีหลายจุดเลยนะค่ะ

ตรงจุดที่ดิฉันเดินจากที่พักมานี้อยู่ใกล้ๆกับสวนช็องเดอมาร์ส และ wall of place ซึ่งเป็นอีกจุดถ่ายรูปที่มีนักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปกันค่ะ จะเป็นลานหญ้ายาวและสวนต้นไม้เรียงรายให้ชื่นชมกันตลอดค่ะ และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีนและอินเดียเยอะมากๆนะค่ะ ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจากที่อื่นอีก  เรียกว่าคึกมากๆเลยจ้า

วิธีการเดินทางมายังหอไอเฟลด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน Metro 
– หากเดินทางมาจากสถานี Opera สามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย 8 สีม่วง สังเกตุได้ที่แผนที่จะวงกลมเลข 8 ให้ค่ะ แนะนำมาลงที่สถานี Ecole Militaire ได้ค่ะ โดยให้ไปขึ้นรถไฟฟ้าฝั่งชานชลาที่จะไป Balard นะค่ะ
– หรือนั่งรถไฟฟ้า Metro สายสีเขียวหมายเลข 6 มาลงที่สถานี Bir-Harkiem
– หรือหากพักอยู่นอกเมืองปารีสก็ นั่งรถไฟ RER สายสีส้ม ตัวอักษร C มาลงที่สถานี Champe De mars Tour Eiffel

จุดแวะถ่ายภาพสวยๆและนั่งพักผ่อนที่สวนช็องเดอมาร์ส (Champe de mar)

สำหรับจุดถ่ายภาพยอดนิยมที่ดิฉันเดินมาเป็นลานหญ้าแบบนี้อยู่แถวสวนช็องเดอมาร์ส (champe de mars garden) เนื่องจากอยู่ใกล้ที่พักและรถไฟฟ้า Metro ค่ะ เพื่อนๆสามารถดูใน google map ได้นะค่ะ

บรรยากาศที่เดินทางมาเที่ยววันนี้ ท้องฟ้าแจ่มใส แดดจ้า แต่อากาศเย็นพอสมควรค่ะ รู้สึกริมฝีปากจะตึงๆเหมือนจะปริฉีกแตกแยกออกมาหน่อยๆ

สาระน่ารู้เกี่ยวกับ หอไอเฟล (

Tour Eiffel

)

สาระน่ารู้เกี่ยวกับ หอไอเฟล มากันดูเป็นความรู้ๆเล็กๆน้อยค่ะ

หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งชื่อตามกุสตาฟ ไอเฟล สถาปนิกและวิศวกรชั้นนำของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบหอคอยนี้ หอไอเฟลสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงสินค้าโลก ในปี ค.ศ. 1889 (Exposition universelle de Paris de 1889) เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และความสวยทางศิลปะสถาปัตยกรรม หอคอยสูงงดงามแห่งนี้เป็นดาวเด่นที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมงาน

ซึ่งต่อมาได้รู้จักในนามหอไอเฟลและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีส และใน ค.ศ. 2006 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) หรือสูงเท่ากับตึก 81 ชั้น

สาระน่ารู้เกี่ยวกับ หอไอเฟล (

Tour Eiffel

)

หอไอเฟลเริ่มสร้างในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1887
โดยเริ่มจากการทำฐานของหอลึกลงไปถึงชั้นดินแข็ง
เนื่องจากดินริมฝั่งแม่น้ำแซนมีความอ่อนมากแล้วจึงเริ่มทำตัวหอต่อจากนั้น
การก่อสร้างใช้คนงาน 300 คน มีคนงานเสียชีวิต 1 คน
โดยใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งหมด 2ปี 2เดือน 5วัน
และมีพิธีเปิดหอไอเฟลอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1889
โดยในวันนั้น นายกุสตาฟ ไอเฟลได้นำธงฝรั่งเศสไปติดไว้บนยอดหอไอเฟล

จุดถ่ายภาพยอดนิยมที่สวนช็องเดอมาร์ส (Champe de mar)

หอไอเฟล
(ฝรั่งเศส: Tour Eiffel หรือตูร์แอแฟล)
ถือว่าเป็นหอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนช็องเดอมาร์ บริเวณแม่น้ำแซน
ในกรุงปารีส เป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก
ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย

ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 กรุงปารีสได้เป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี ค.ศ. 1889 เพื่อฉลองการครบรอบ 100 ปีการปฏิวัติฝรั่งเศส ทางรัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้จัดการประกวดออกแบบสิ่งก่อสร้างเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของงาน มีการส่งแบบเข้าประกวดถึง 100 บริษัท โดยบริษัทที่ได้รับเลือกจากทางกรรมการของปารีสคือแบบของบริษัทของนายกุสตาฟ ไอเฟล และได้ทำสัญญากับรัฐบาลในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1887 โดยทางรัฐบาลฝรั่งเศสกำหนดที่ก่อสร้างไว้ริมแม่น้ำแซน ปลายสวนสาธารณะช็องเดอมาร์ โดยนายกุสตาฟ ไอเฟลได้สัมปทานหอ 20 ปี โดยนับจากวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1890 จนถึงปี ค.ศ. 1910 ต่อจากนั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์ของกรุงปารีส

เครดิตข้อมูลดีๆจากสารานุกรมเสรีวิกิพีเดีย :

เดินย่องถ่ายภาพหอไอเฟลที่สวนช็องเดอมาร์ส (Champe de mar)

ภายในสวนช็องเดอมาร์ก็ บรรยากาศยามเช้าสวยงามดีค่ะ แต่นักท่องเที่ยวก็เยอะขึ้นเรื่อยๆค่ะ

จริงๆจุดแวะถ่ายรูปสวยๆที่หอไอเฟลมีหลายจุดเลยค่ะ นอกจากที่สวนช็องเดอมาร์สแล้ว ก็ยังมีที่สวนทร็อคคาเดโร่ (Trocadero) ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของเหล่าคู่รัก ที่ชอบไปถ่ายภาพกันค่ะ


หอไอเฟล

บรรยากาศริมแม่น้ำแซน ก็คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก

จุดถ่ายภาพยอดนิยม ณ ปาแลเดอชัยโย Palais de Chaillot)

เมื่อกี้อยู่ฝั่งสวนช็องเดอมาร์ส เมื่อเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำมาก็จะเป็นสวนทร็อคคาเดโร่ ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปที่เหล่าคู่รง คู่รัก นิยมมาถ่ายภาพ Prewedding กันที่จุดนี้มากที่สุด เดี๊ยนเดินมายังเห็นเหล่าคู่บ่าวสาวจูงมือกันมาถ่ายภาพตลอดเลยค่ะ

ปาแลเดอชัยโย (Palais de Chaillot)

ลานน้ำพุที่สวนทร็อคคาเดโร และที่เห็นเป็นตึกๆใหญ่เว่อร์วังนั้นก็คือ อาคารปาลาเดอชัยโย ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพที่เหล่าคู่บ่าวสาวนิยมกันมาถ่ายรูป ก็อยู่ตรงนี้นี่เองนะค่ะ

หรือหากเดินไปที่จุดถ่ายภาพตรงตึกปาแลเดอชัยโย (Palais de Chaillot) ก็สวยงามเช่นกันค่ะ


จุดถ่ายภาพยอดนิยมที่ลานปาแลเดอชัยโย (Palais de Chaillot)

ปัจจุบันหอไอเฟลก็มีอายุร้อยกว่าปีแล้วค่ะ และยังคงเป็นหนึ่งแลนมาร์คที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียว เรียกว่าหอไอเฟลอันเดียว ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั่วทุกมุมโลกจริงๆ เพราะช่วงที่เดี๊ยนแวะเดินมา นักท่องเที่ยวสาระพัด สาระเพ ทั้งผมดำ ผมแดง โอ้ยเยอะมากๆ

แต่ตอนจะเที่ยวก็ต้องระวังมิจฉาชีพด้วยค่ะ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร คนที่น่ากลัวเดี๊ยนว่าไม่ใช้คนผิวดำแล้วกระมัง น่าจะเป็นคนผิวขาวๆเนี่ยแหละค่ะ เพราะคนผิวดำที่อยู่แถวๆหอไอเฟล เดี๊ยนให้เห็นแต่ละคน หอบกระเตงขายพวงกุญแจราคา 5 เซ็นเองค่ะ เดี๊ยนว่าน่าเห็นใจเค้านะ ก็เลยอุดหนุนช่วยซื้อไปหลายพวงเลย

สรุปสำหรับเพื่อนๆที่จะมาเที่ยวปารีสและถ่ายภาพที่หอไอเฟลครั้งแรกด้วยตัวเอง
แนะนำไปสวนช็องเดอมาร์ส และสวนทร็อคคาเดโร่ หรือที่ลานตรงตึกปาแลเดอชัยโยนะค่ะ

 และหลังจากที่แวะเดินเที่ยวชมหอไอเฟล สัญลักษณ์ของกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสไปแล้วนะค่ะ ก็ได้เวลาลั๊ลลาหาอะไรทานแล้วค่ะ

เดี๊ยนเลยเดินชะแว๊ปแวะมาย่านใกล้ๆโรงแรมที่พักซึ่งมีร้านขายขนมปังอยู่ เห็นแล้วน่าจะอร่อยเลยเข้าไปลิ้มลองซักหน่อยค่ะ

 แต่ทิรามิสุ ขนมของเค้าอร่อยดีนะค่ะ ชอบมากๆ อยากทานอีก แต่เกรงพุงจะปลิ้นเอาค่ะ
เลยจัดไปมื้อนี้ก่อน เดี่ยวมื้ออื่นค่อยว่ากัน

ค่าเสียหายมื้อเที่ยงนี้ แซนวิช 4 ยูโร ชาร้อน 2 ยูโร ขนมทิรามิสุอีก 3 ยูโร รวมแล้ว 9 ยูโรจ้า

เมื่อดิฉันได้ทานอาหารเที่ยงแนวฝรั่งเศสพอประทังท้องไปแล้ว ก็ได้เวลาเช็คอินน์เข้าห้องพักแล้วค่ะ หลังจากเมื่อเช้าฝากกระเป๋าไว้ที่ห้องพัก มาตอนบ่ายก็เอากระเป๋าขึ้นไปไว้ที่ห้องพัก มาดูสิว่าห้องพักเค้าโอเคใหม๊ ราคาห้องถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ไม่ถูกเลยนะค่ะ

ค่าห้องพัก 3000 บาทต่อคืนรวมอาหารบุฟเฟ่ต์ พอดีเอาบัตร Gift gard ของ Agoda แลกเอา ก็เลยไม่เสียเงินสดค่ะ ประหยัดไปอีกนะ

สภาพห้องพักเก่าไปหน่อย แต่ก็กว้างขวาง สะอาด สะอ้านดูดีนะค่ะ มีห้องน้ำในตัวให้ด้วย แต่ดูทรงๆแล้ว ห้องน้ำดูใหม่ น่านอนกว่าห้องนอนมากๆ

 มีโต๊ะนั่งทำงานให้ ถือว่าโอเคอยู่นะ

เนื่องจากเดี๊ยนเองก็เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนาม ไม่รู้ว่าสถานที่จริงเป็นยังไง ขอเข้าไปชมดูหน่อยสิ จะได้มารีวิวได้ถูกค่ะ

เริ่มต้นการเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์ลูบ ใช้บริการนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน Metro เหมือนเดิมค่ะ ต้องฝึกหัดนั่งมากๆเลยนะค่ะ ว่าไปยังไง เดินทางยังไง

อ่านในกระทู้ pantip บอกว่า จริงๆแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งเดินไปมาหาสู่กันได้นะค่ะ ก็จะได้ชมเมืองด้วย แต่ถ้าใครที่เมื่อยขา ไม่อยากเดินมาก ก็ใช้บริการรถไฟฟ้าเลยค่ะ มีทั้งรถไฟ Metro และ RER หรือนั่งรถบัสก็ได้ แต่เดี๊ยนก็ยังไม่เคยใช้บริการรถเมลล์โดยสารเค้านะค่ะ

เอาแค่นั่งรถไฟฟ้า Metro เดี๊ยนก็จะไม่รอดแล้วค่ะ เพราะบางครั้งหลงทาง หาป้ายไม่เจอ ไปผุดอีกสถานีก็มี ฮ่าๆๆ

เดียวเคยมาเที่ยวอีกที มองไปเหมือนจะใกล้ๆนะ แต่ดูแล้วน่าจะไกลเลยแหล่ะ

ใกล้ๆกับปลัดเดอร์กองกอร์ ก็เป็นสวนตุยเลอรีซึ่งเป็นสวนที่อยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์ลูป ซึ่งสามารถเดินไปได้ไม่ไกลคะ

 ที่สวนก็ยังมีดอกไม้สวยให้ชมด้วยนะคะ แต่ไม่รู้ว่าดอกไม้อะไร ลักษณะดอกเป็นสีม่วงทรงกลม ดูสวยสมเข้ากับบรรยากาศมาก กระชากใจเว่อร์ จนเป็นโรคเอ๋อไปเลยล่ะ

ดอกไม้ดูน่ารักดีนะค่ะ แต่เสียดายไม่มีกลิ่นให้ดม ได้แค่ชื่นชมเท่านั้น

 หากใครที่เดินมาเหนื่อย เมื่อยก็นั่งที่เก้าริมรอบน้ำพุได้นะค่ะ
เพราะมีเก้าอี้เรียงราย สะหยายอยู่โดยรอบให้นั่งมากมาย

ก็ไปนั่งบนชิงช้าสวรรค์อันสูงชัน เพื่อชมเมืองนี้ก็สวยงามไม่แพ้กัน

 บริเวณโดยรอบนี้เป็นสวนดอกกุหลาบช่อใหญ่งามวิไลยิ่งนัก ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลเย้ายวลใจจริงค่ะ

ดูสวยงามแปลกตาดี

Carrousel Arc de Triomphe ประตูชัยขนาดย่อม อันนี้แค่ย่อมๆนะค่ะ ถ้าไม่ขนาดย่อม คงใหญ่กว่านี้มากๆ

เดินทะลุสวนตุยเลอรีมาเรื่อยก่อนถึงพิพิธภัณฑ์ลูปก็เจอประตูชัยขนาดย่อมคะ ชื่อ Carrousel Arc de Triomphe ไม่รู้ว่าภาษาฝรั่งเศสอ่านว่ากระไร เกรงจะอ่านผิดเอาคะ


Pyramide du Louvre พีระมิดลูฟวร์

ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ อ่านดูเป็นความรู้กันสักนิดค่ะ 

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (ฝรั่งเศส: Musée du Louvre) หรือในชื่อทางการว่า the Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง โดยตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมากกว่า 35,000 ชิ้น จากตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงศตวรรษที่ 19 อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่งแอนทีออก ในปี พ.ศ. 2549

โดยพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลกและยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส
เครดิตข้อมูลดีจากสารานุกรมเสรีวิกิพีเดีย :


กระจก 666 แผ่น : ตำนานเมืองที่เล่าขานกันมา

 พีระมิดลูฟวร์ อีกหนึ่งจุดแวะเที่ยวที่น่าสนใจในกรุงปารีส ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย

สาระน่ารู้ เกี่ยวกับ กระจก 666 แผ่น : ตำนานเมือง 

พีระมิดลูฟวร์ (อังกฤษ: Louvre Pyramid)
เป็นพีระมิดที่สร้างขึ้นจากกระจกและโลหะ มีพีระมิดขนาดเล็กกว่า 3
หลังตั้งอยู่โดยรอบ ตั้งอยู่ที่ลานหน้าพิพิธภัณฑสถานลูฟวร์ในกรุงปารีส
ประเทศฝรั่งเศส ทำหน้าที่เป็นทางเข้าหลักของพิพิธภัณฑ์ สร้างเสร็จเมื่อ
พ.ศ. 2532 และกลายเป็นหนึ่งในจุดสังเกตของกรุงปารีส

การก่อสร้างพีระมิดนี้มอบหมายโดยฟร็องซัว
มีแตร็อง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2527 ออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป่ย
สถาปนิกที่เคยรับผิดชอบการออกแบบ Miho Museum ที่ญี่ปุ่น
โครงสร้างพีระมิดนี้สร้างขึ้นจากแผ่นกระจกทั้งหลัง มีความสูง 20.6 เมตร
ฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีความยาวด้านละ 35 เมตร
ประกอบขึ้นจากแผ่นกระจกรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน 603 แผ่น
และแผ่นกระจกรูปสามเหลี่ยม 70 แผ่น

บางคนกล่าวอ้างว่าแผ่นกระจกบนพิระมิดลูฟวร์มีทั้งหมด 666 แผ่น ซึ่งเป็น “number of the beast” ที่มักจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับซาตาน ผู้สนใจด้านประวัติศาสตร์จำนวนมาก ตัวอย่างเช่น หนังสือของ Dominique Stezepfandt ที่มีชื่อว่า François Mitterrand, Grand Architecte de l’Univers ได้กล่าวไว้ว่า “พีระมิดถูกอุทิศให้แก่พลังที่เล่ากันว่าเป็น Beast ใน พระคัมภีร์วิวรณ์ (…) โครงสร้างทั้งหลังมีรากฐานอยู่บนเลข 6”

เรื่องราวของกระจก 666 แผ่นเริ่มต้นขึ้นเมื่อราวทศวรรษที่ 1980 (พ.ศ. 2523-2532) โดยแผ่นพับโฆษณาอย่างเป็นทางการที่ตีพิมพ์ระหว่างการก่อสร้างได้กล่าวอ้างถึงตัวเลขนี้ถึงสองครั้ง แต่หน้าก่อน ๆ ในแผ่นพับกล่าวไว้ว่ากระจกมี 673 แผ่น ตัวเลข 666 ยังถูกกล่าวถึงในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ อย่างไรก็ตาม พิพิธภัณฑสถานลูฟวร์ได้แถลงว่า พีระมิดประกอบขึ้นจากแผ่นกระจก 673 แผ่น (รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน 603 แผ่น และรูปสามเหลี่ยม 70 แผ่น) [4] มีผู้พยายามนับจำนวนแผ่นกระจกบนพีระมิดอยู่หลายครั้ง โดยแต่ละครั้งจะนับได้จำนวนที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่จะมากกว่า 666 แผ่นทุกครั้ง
 เครดิตข้อมูลดีๆจาก

วันที่ไปโชคดีเพราะคนไม่เยอะแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าคนมาช่วงเช้าและบางคนก็ซื้อตั๋วมาแต่เนิ่นๆ เพราะบางทีคนแน่นมากๆ 

ส่วนเวลาเปิดทำการของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เปิดตั้งแต่วันพุธ – วันจันทร์
Monday: 9 a.m.–6 p.m.
Tuesday: Closed.
Wednesday: 9 a.m.–9:45 p.m.
Thursday: 9 a.m.–6 p.m.
Friday: 9 a.m.–9:45 p.m.
Saturday: 9 a.m.–6 p.m.
Sunday: 9 a.m.–6 p.m.
หยุดทุกวันอังคาร
หากเพื่อนที่วางแผนไปเที่ยว วางแผนไว้ให้ดีๆนะค่ะ
หรือเข้าไปดูข้อมูลพิพิธภัณฑ์เพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ :

 เนื่องจากเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่โตเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกามากๆนะค่ะ
โดยตอนซื้อบัตรเข้าชมก็จะได้แผนที่มาให้ด้วย เป็นแผ่นพับเปิดดูได้ตลอดว่าตอนนี้อยู่ใหนแล้ว


ดูภาพหุ่นผู้ชายคนนี้สิ สวยงาม หยดย้อย ผมยาวเฟื้อยเหมือนแม่หญิงเลยนะค่ะ

 หุ่นบางตัวก็มีท่าทางที่เหมือนคนและมีชีวิตชีวามากๆ  ดูภาพหุ่นผู้ชายคนนี้สิ สวยงาม หยดย้อย ผมยาวเฟื้อยเหมือนแม่หญิงเลยนะค่ะ

มีการจัดแสดงของล่ำค่าให้ได้ชมกันด้วย บางอย่างดูสวยงามมากๆ ดูแล้วน่าจะประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว

บางห้องก็จัดตกแต่งวาดรูปผนังสไตล์บาร็อค งดงามดูงดงามหรูหรา อลังการล้านแปดมากๆ

หลังจากที่เดินวนเวียน ชมที่ห้องจัดแสดงอื่นๆอยู่นาน ก็ถึงห้องจัดแสดงภาพโมนาลิซ่าแล้วค่ะ ซึ่งเป็นภาพดังที่เหล่านักท่องเที่ยวต่างแวะมาชมภาพจริงสักครั้ง เพราะเคยเห็นแต่ในอินเตอร์เน็ต และในหนังสือ อยากมาเห็นภาพจริงๆดูบ้างสิ ว่าสวยงามแค่ใหน


ภาพโมนาลิซ่าในพิพิภัณฑ์ลูฟวร์ (Mona Lisa at Louvre Museum in Paris )

ภาพโมนาลิซ่าในวันที่ถ่ายมาได้ เอียงหน่อย เพราะเดี๊ยนเองไม่สามารถมุดตัวไปอยู่ตรงกลางได้ เนื่องจากมวลมหาประชานักท่องเที่ยว ต่างก็เบียดเสียดเข้าไปถ่ายรูปด้านใน ที่จุดชมภาพ ก็มีการจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไว้อย่างหนาแน่นเลยนะค่ะ

สาระน่ารู้เกี่ยวกับภาพโมนาลิซ่า ทำไมถึงได้โด่งดังจัง ??

โมนาลิซา (อังกฤษ: Mona Lisa) หรือ ลาโจกอนดา (อิตาลี: La Gioconda) หรือ ลาโชกงด์ (ฝรั่งเศส: La Joconde) คือภาพวาดสีน้ำมัน สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร วาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง พ.ศ. 2046 (ค.ศ. 1503) ถึงปี พ.ศ. 2050 (ค.ศ. 1507) เป็นภาพที่มีชื่อเสียงทั่วโลกภาพหนึ่ง เป็นที่รู้จักในฐานะภาพของสุภาพสตรีที่มีรอยยิ้มอันเป็นปริศนา ที่ไม่รู้ว่าเธอจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่ ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของรัฐบาลฝรั่งเศส และเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Musée du Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ภาพโมนาลิซานี้ถูกวาดโดย ดา วินชี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2046 ถึง พ.ศ. 2050 ใช้เวลานานถึง 4 ปีในการวาดในปี ค.ศ. 1516 (พ.ศ. 2059) ดา วินชีได้นำภาพจากอิตาลีไปที่ฝรั่งเศส ด้วยพระราชประสงค์ของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 ที่ทรงปรารถนาที่จะให้ศิลปินทั้งหลายมารวมตัวทำงานกันที่ Clos Lucé ใกล้กับปราสาทในเมืองอัมบัวส์ และยังทรงให้ ดา วินชี วาดพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์อีกด้วย หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงซื้อภาพโมนาลิซา ในราคา 4,000 เอกือ

และในปี ค.ศ. 1519 (พ.ศ. 2062) ดา วินชี ได้เสียชีวิตที่เมืองอัมบัวส์ ประเทศฝรั่งเศส รวมอายุได้ 67 ปีรูปใบหน้าของมาดามลิซา

จบทริปไป 1 วันค่ะ มาดูสิว่ารีวิวการเดินทางเที่ยวปารีสในวันแรกนี้ หมดค่าใช้จ่าย และค่าเสียหายไปกี่ยูโร
ค่าอาหารเที่ยงมื้อกลางวัน+ขนมนมเนย อบเชยรสเด็ดใส่ถุงมาด้วย 12.6 ยูโร
ค่าอาหารเย็น 9 ยูโร
ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ 15 ยูโร
ค่าบัตรโดยสาร Metro แบบซื้อยกชุด 10 ใบ (ตั้งแต่รีวิวก่อนหน้านี้) 14.9 ยูโร
ค่าห้องพัก 2 คืนไม่เสียค่าใช้จ่ายเนื่องจากใช้ Gift Card ใน Agoda มาแลกประหยัดไปอีก
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 51.5 ยูโร

สำหรับบทความรีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 1 ก็ขอจบเพียงเท่านี้นะค่ะ ยังไงเดียวต่อต่อไปจะพาเพื่อนทุกท่านไปเที่ยวที่ใหน เดีียวมาเขียนต่อค่ะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกคนที่สละเวลาอันมีค่า เข้ามาลั๊ลลาอ่านบทความบล็อกของคนบ้าเที่ยวไปเร่ื่อยเปื่อย รูปภาพก็ไม่สวย ธรรมด๊า ธรรมดา แต่ก็เข้ามาดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
—————————————————————————

แนะนำบทความอื่นๆ และรีวิวท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยตามเมืองต่างๆ มีดังนี้ (จะทยอยเขียนเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไปค่ะ)


แนะนำ 8 เมืองน่าเที่ยวในฝรั่งเศส ที่คนนิยมไปเสพสุขถ่ายภาพสวยๆโรแมนติกกัน มีที่ใหนบ้าง

ที่คนนิยมไปเสพสุขถ่ายสวยๆโรแมนติกกัน มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวจ้า>>>




จะไปเที่ยวกรุงปารีส พักโซนใหนดี

ขอแนะนำ 8 เขตโซนที่พักพร้อมแผนที่มาให้เพื่อนๆได้เลือกกันจ้า

หรือดูข้อมูลโซนในปารีสที่เว็ปไซต์ :

http://bit.ly/2z6cOxa


แบ่งปันทริปท่องโลกกว้าง เที่ยวเมืองเซลอัมซี เมืองน่ารัก

มีจุดนั่งพักถ่ายรูปสวยๆ ไปดูสิว่ามีที่เที่ยวอะไรบ้าง

รีวิวพาเที่ยวชมมิวเซียมสยาม แหล่งเรียนรู้ไทยๆสุดเก๋ไก๋

มีอะไรอัพเดทใหม่ๆให้ชมบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า

มาเด้อมาเที่ยวเมืองขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล

ขับรถไปถ่ายรูปชมวิวต่างๆ มีที่ใหนเช็คอินบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลยจ้า

มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองอุดร

เช่ารถออนซอน ตะลอนไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อจ้า

เก็บตก รีวิวเที่ยวเวียงจันทร์ 1 วัน ไปเช้า-เย็นกลับ

มีที่เที่ยวอะไรให้ชื่นชมกันอีกบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ

แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวอินส์บรูค 2 วัน 1 คืน

มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ชื่นชมกันบ้าง ตามไปดูกันเลย

รีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวชมปราสาทน็อยชวานสไตน์

ด้วยตัวเองมาฝากใน 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมอีกบ้าง ตามไปชมกันเลย

พารีวิวเที่ยวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร

กรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ เดินชมในนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้

รีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองมิวนิค

เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปชมกันเลย

รีวิวแบกเป้เที่ยวนครนายก ไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับ

เที่ยวไปทั่วได้ใน 1 วันแบบชิลๆ

แบ่งปันรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม(Ulm)

เมืองน่ารัก ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน แต่ก็มีสถานที่ให้ยลตระการอยู่ไม่น้อย

ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ :

ก็ขอกราบสวัสดี๊ดี สวีดั๊ดดัดเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผองชาวไทยและชาวโลกออกไลน์ ที่น่ารักสดใส งามไฉไลสดสี รื่นฤดีความหวาน ร้าวรานจับใจ กันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน บล็อกเกอร์มือสม้ครเล่นแนวๆ โกโรโกโส สับปะรังเค ก็ขอมาทักทายคุณผู้อ่านทุกคนเข้าสู่เว็ปบล็อกของคนบ้าเที่ยว บ้าเขียนบล็อกไปเรื่อยเปื่อย ให้ท่านได้อ่านกันจนเมื่อยสมอง และปวดเศียรเวียนเกล้าอีกเหมือนเคยนะคะสำหรับบทความในวันนี้ เดี๊ยนเองก็ขอมาร่ายรีวิวบทความท่องเที่ยวประจำเดือนพฤษภาคมนี้ ให้เพื่อนๆได้มาสไลด์ดูภาพและอ่านฆ่าเวลากันนะค่ะ ตอนแรกกะว่าจะเขียนรีวิวให้ทันเดือนพฤษาคม แต่ดูเวลาแล้ว ยังไงก็ไม่ทันคะ เดี๊ยนก็เลยขอมาไล่เขียนรีวิวในเดือน มิย.นี้ ทีเดียวเลยล่ะกัน เพราะรีวิวเที่ยวครั้งนี้ มันยาวมากค่ะ มีหลายตอนคะ แต่จะทยอยเขียนเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไปค่ะ หวังว่าน่าจะกระตุ้นต่อมการเดินทางให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน ออกไปเปิดโลกกว้างกันนะค่ะ เพราะโลกนี้มันกว้างจริงๆ ลองออกไปสวิงกิ้งดูสิว่า บ้านม่านชานเรือนเค้าเป็นยังไงบ้างน้อ เคยดูแต่ในเน็ตในทีวี มาสัมผัสของจริง อยู่ในสถานที่จริงๆ น่าจะได้ประสบการณ์อะไรใหม่ๆไม่น้อยเลยพอดีในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เดี๊ยนได้มีโอกาสจัดทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปคนเดียวด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ก็เลยอยากจะมาเล่ามาแบ่งปันการเดินทางให้เพื่อนได้ดูกันในเว็ปบล็อกนี้ โดยการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ วางแผนไปเที่ยว 4 ประเทศได้แก่1.ฝรั่งเศส2.สวิสเซอร์แลนด์3.อิตาลี4.กรีซรวมทั้งหมด 26 วันค่ะ เที่ยวจริงๆแค่ 24 วัน นอกนั้นถือว่าเดินทางค่ะ เพราะทริปนี้เดินทางไกลตั้งแต่เหนือจรดใต้ ไล่ไปตั้งแต่ฝรั่งเศส เข้าไปทำบุญเผวดจนถึงประเทศกรีซเลยค๊าและอีกอย่างการเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางท่องเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองครั้งแรก และแบกเป้ลุยเดี่ยวมาคนเดียวด้วย เรียกว่าการมาเที่ยวยุโรปในครั้งนี้ได้ประสบการณ์จากการเดินทางหลายอย่างเลยทีเดียวค่ะ ทั้งเรื่องของการเอาตัวรอด อาหารการกิน การสื่อสาร และการเดินทางที่ต้องวางแผนในเรื่องของเวลาสุดๆค่ะ และที่ต้องเจอเมื่อเดินทางในต่างบ้าน ต่างเมืองแบบนี้ คงหนีไม่พ้น การหลงทาง เดี๊ยนต้องขอบอกเลยว่า หลงแบบสุด และอีกอย่างป้ายบอร์ดบางเมืองก็ไม่มีภาษาอังกฤษ ทำให้ต้องคาดเดาหรือเปิด App แปลภาษาให้วุ่นเลยค่ะ ใหนจะแบกเป้ ใหนจะถ่ายรูป โอ้ย…มันส์ๆสุดไปเลยจ้าสำหรับเพื่อนๆที่จะแบกมาเที่ยวยุโรปคนเดียวแบบตัวดิฉันเนื่องจากวันที่ไปถึงสนามบินทางเจ้าหน้าที่คนที่จะประทับตราให้เรา จะขอให้เราแจ้งเอกสารดังนี้ค่ะ (อันนี้แล้วแต่เคสคะ เจ้าหน้าที่บางคนก็ไม่ขอ แต่ด้วยหน้าตาของเดี๊ยนเหมือนโจร หรือเป็นนางงามพยายามสวยก็ไม่ทราบ ทางเจ้าหน้าที่เลยขอข้อมูลคะ เนื่องจากเป็นการเดินทางมาฝรั่งเศสครั้งแรกของเดี๊ยน)- ใบจองที่พักทั้งหมดเลยนะคะ- ตั๋วเครื่องบินขากลับ สามารถปริ้นเป็นเอกสารจากอีเมลล์มาก็ได้คะ- ประกันภัยการเดินทาง เอาที่เป็นใบเสร็จก็ได้คะ- บัตร Eurail Pass (ถ้ามีก็แสดงให้เค้าทรา แต่ถ้าไม่มีไม่เป็นไรคะ)- ใบสรุปรายการเดินทาง หรือ Itinerary travel planning ก็คือใบแผนการเดินทางท่องเที่ยวว่าไปเมืองใหนบ้าง ใบเดียวกับใบที่ประกอบการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวนั้นแหละคะ- เงินสดว่านำมาเท่าไหร่ ให้ขวักแสดงต่อเจ้าหน้าที่ให้หมดเลยนะค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่อยากรู้ว่านำเงินมาเที่ยวเมืองเค้ากี่แสนล้านยูโร มีเงินเพียงพอกับค่าครองชีพหรือเปล่าอะไรประมาณนั้น- บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็มก็แสดงให้หมดเช่นกัน ถ้ามี ถ้าไม่มีไม่เป็นไร- จนท.จะถามว่ามากี่วัน มากับใคร ไปสิ้นสุดที่ประเทศใหน เมืองอะไร แค่นี้ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที ไม่นานไม่ต้องเข้าห้องเย็นให้เสียเวลาด้วย….จากนั้นถ้าเจ้าหน้าที่พิจารณาสมควารแล้วว่ามีเงินและเอกสารเพียงพอ ก็จะประทับตราให้เราผ่านประตูไปอย่างฉลุย พร้อมให้เราไปเป็นโรบินฮู้ดแล้วจ้าตอนเดี๊ยนไป เห็นคนอินเดียที่มาเที่ยว นางไม่ได้เตรียมเอกสารมา ก็โดนเรียกสอบเข้าห้องเย็นเลยค่ะยังไงหากเพื่อนคนใดที่จะแบกเป้เที่ยวฝรั่งเศสครั้งแรกแบบเดี๊ยน ก็เตรียมตัวให้พร้อมนะค่ะ จะได้ไม่ตื่นเต้นนะค่ะ แต่ถ้ามีคู่หูดูโอ้ไปด้วยก็จะมีคนช่วยให้กำลังใจมาก แต่ถ้ามาคนเดียวก็ต้องเข้มแข็งหน่อยนะเริ่มต้นรีวิวตอนเที่ยวที่ 1 กับทริปเที่ยวยุโรปคนเดียว แวะเที่ยวกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสก่อนเลยค่ะ- เริ่มต้นการเดินทางของทริปนี้ ออกเดินทางจากกรุงเทพเวลา 9 โมงเช้า ด้วยสายการบินโอมานแอร์ มาเปลี่ยนเคร่ื่องที่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน จากนั้นก็นั่งเครื่องบินมาอีก 6 ชั่วโมง ถึงกรุงปารีสโดยปลอดภัยในเวลา 19.50 น.- หลังจากเครื่องบินแลนด์ดิ่งจอดที่สนามบินชาร์เดอโกล (CDG Airport)แล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็เดินทางจากสนามบินCDG เข้ากรุงปารีสโดยการใช้บริการรถรุสซี่บัส (Roisy Bus) ค่าบริการ 12 ยูโร โดยรถบัสโดยสารจอดส่งสุดสายที่สถานี Opera- เมื่อรถรุสซี่บัสจอดสุดสายที่ป้ายรถเมลล์ข้างๆโรงละคร Opera แล้วนะค่ะ จากนั้นเดี๊ยนก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า Metro ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Opera เพื่อเดินทางไปยังที่พักค่ะมาต่อเลยนะค่ะ หลังจากที่บล็อกก่อนหน้านี้ดิฉันเองได้รีวิวบล็อกการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน Metro แบบงงๆครั้งแรกด้วยตัวเองไปแล้วนะค่ะ เพื่อนๆเข้าไปดูรีวิวได้ที่เว็ปบล็อก : https://khunnaiver.blogspot.com/2018/05/how-to-take-metro-rer-railway-in-paris.html ขอเริ่มต้นรีวิวเที่ยวกรุงปารีสในวันที่ 16 พ.ค.ให้เพื่อนได้ดูตามภาพกันดังนี้เลยนะค่ะ(แจ้งก่อนนะค่ะ สำหรับภาพรีวิวทุกภาพอาจจะไม่สวยชะลูดบาดตา เพราะไม่ได้ตกแต่งใน Photoshop หรือ Light room เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาแต่งค่ะ เพราะยิ่งแต่งก็ยิ่งพังค่ะ เดี๊ยนเลยคิดว่าเอารูปถ่ายแบบสดๆแบบธรรมชาติเนี่ยแหละค่ะมาลงเลย หากไม่สวยยังไงขออภัยนะค่ะ)ต่อจากรีวิวบล็อกก่อนหน้านี้ : รีวิวการเดินทางจากสนามบินฝรั่งเศสมาในกรุงปารีส….เช้าวันใหม่ในกรุงปารีส อากาศหนาวจี๊ดสุดๆไปเลยค่ะ หลังจากที่เมื่อวานเดินทางไกลกว่าจะเดินทางมาถึงโรงแรมก็ปาไปซะจนดึกดึน กว่าจะแต่งหน้านอนอีกก็เที่ยงคืนพอดีนะค่ะเช้านี้ตื่นมาหน้าเลยตึงๆเป็นพิเศษ พร้อมอากาศที่หนาวเหน็บสุดๆ เนื่องจากอยู่เมืองไทยบ้านเรา อากาศมันร้อน แต่พอมาออนซอนที่เมืองนี้ ทำไมมันหนาวอย่างนี้ล่ะ และอีกอย่างต้องหัดออกเสียง สระเออะ สระเออ สระอ่องๆบ่อยๆ นะค่ะ เพราะที่ฝรั่งเศสจะมีสำเนียงแบบ บองๆเลอๆ เชอๆ ชังๆ อะไรประมาณนี้นะค่ะ ถือว่ามาเรียนรู้ใหม่ ณ ต่างแดนด้วยกับสถานที่จริงด้วยแผนการเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้รวม 26 วัน เริ่มต้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สิ้นสุดที่เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซตอนมาวันแรกมองหาก้านกิ่ง ช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์คล้ายๆแบบบ้านเราก็ไม่ค่อยจะมี เพราะตึกรางบ้านช่องที่นี้ ก็ดูเป็นศิลปะแนวๆของเค้าหมดเลยด้วยนะหลังจากที่ตื่นมาแล้ว เดี๊ยนก็รีบทำภารกิจให้เสร็จ รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ เพื่อเตรียมเช็คเอาท์ค่ะเมื่อเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้เสร็จแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็เดินลงบันใดวนจากชั้น 4 ลงมาทานอาหารที่โรงแรมชั้นล่างค่ะ โรงแรมที่นี้ ห้องพักแนวโฮสเทลหลักร้อย มีอาหารเช้าให้ด้วยนะค่ะ ไม่รู้ว่าอาหารเค้าเป็นอย่างไร มาดูกันค่ะส่วนที่นั่งทานอาหารก็สะอาดสะอ้านดีนะค่ะแต่ตอนจะรับอาหารเช้าต้องเรียวคิวเข้าแถวรอนิดนึงเดี๊ยนเองชอบตรงเครื่องกดเครื่องดื่มของโรงแรมเค้านะค่ะ มีให้เลือกหลายอย่างเลย ทั้งกาแฟ โก้โก้ คาปูชิโน่ หรือน้ำร้อนหลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว ก็เช็คเอาท์ออกจากที่พัก เพื่อเดินทางต่อไปยังอีกโรงแรมค่ะ ซึ่งใช้บัตร Gift Card ในเว็ป Agoda จองไว้แล้วก่อนเดินทางก็ต้องเปิดแผนที่เส้นทางรถไฟฟ้า Metro ในกรุงปารีสทุกครั้งเลยค่ะ เพราะดูแผนที่ในเมืองนี้ ต้องขอบอกเลยว่า เดี๊ยนอิสสะงงๆมากๆ เมื่อคืนนี้กว่าจะเดินทางมาถึงโรงแรมก็ลุ้นแทบตาย กลัวจะมีโจรมาปล้น หรือปลุกปล้ำกลางทางหรือเปล่านะ แต่ก็รอดมาจนได้ค่ะอันนี้คือหน้าตาโรงแรมที่พักเมื่อคืนนี้ค่ะ โอแบร์ฌ แองแตร์นาชิโอนาล เด เฌิน (Auberge Internationale des Jeunes)ชื่อโรงแรมเรียกยากนิดนึงนะค่ะ ต้องสะกดอ่านทีละคำเลย โรงแรมอยู่แถวเขต 11 เลยค่ะ แต่ก็เดินทางมาได้ด้วยรถไฟฟ้า Metroหลังจากที่ได้ทานอาหารเช้ามื้อแรกในกรุงปารีสแล้ว เดี๊ยนก็เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเพื่อแบกเป้สะพายใส่หลัง ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นเหลือเกิน โดยจุดมุ่งหมายเช้านี้เดินทางไปอีกโรงแรมซึ่งอยู่ใกล้ๆหอไอเฟลค่ะโดยในแผนที่อธิบายรายละเอียดและบ่งบอกสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งเป็นตัวอักษร A-Z ว่าชื่อสถานที่อะไรบ้าง ซึ่งในภาพแผนที่ตัวเล็กกะจิ๊ดลิ๊ดมากๆ เดี๊ยนเลยขออธิายเพิ่มดังนี้ค่ะMust see thing in Paris A-ZA= Arc De Triomphe ประตูชัยB= Tour Eiffel หอไอเฟลC= Champe De Mars สวนช็องเดอมาร์D= Avenue des Champs-Élysées ถนนช็องเอลิเซ่E= Grand Palais ParisF= Pont Alexandre III Bridge สะพาน ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยที่สุดG= The National Resident of InvalidsH= Concorde SquareI= Tuileries GardenJ= The Orsay MuseumK= Basilique du Sacré-Cœur (มหาวิหารซาร์เครเกอร์)L= Moulin Rouge CabaretM= Galleries Lafayette Department StoreN= Opera Garnier Palace parisO= Louvre Museum พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์P= Seine River แม่น้ำแซนด์Q= Pont NeufR= The Holy chapelS= Notre Dame de Paris มหาวิหารนอร์เทอแดมT= Sorbonne UniversityU= PantheonV= Pompidou CentreW= Le Marais districtX= City Hall ParisY= Place de la Bastille squareZ= Forum des hallesหากไปเที่ยวปารีสจริงแบบไป 1-3 วันคงเก็บไม่หมดแน่ๆนะค่ะ ดังนั้นวางแผนไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ยังไม่เคยไปอาทิเช่น หอไอเฟล มหาวิหารเครเกอร์ มหาวิหารนอร์เทอแดม พระราชวังแวร์ซาย ประตูชัย พิพิธภัณฑ์ลูฟ ล่องเรือชมแม่น้ำแซน อะไรประมาณนี้สำหรับข้อมูลในภาพนี้ หากเพื่อนต้องการขยายใหญ่ๆดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/a8/Paris_printable_tourist_attractions_map.jpg หรือเข้าดูแผนที่แยกเป็นหมวดหมู่ได้ที่ https://www.parispass.com/paris-tourist-map/ สภาพบ้านเมืองในกรุงปารีสก็เต็มไปด้วยตึกรางบ้านช่อง ดูเป็นล็อคเป็นล็อคสวยงามดีค่ะ แต่พื้นถนนหนทางก็สกปรกเต็มไปด้วยก้นบุหรี่เยอะไปหน่อยสำหรับการเดินทางไปยังโรงแรมที่พักคืนต่อมา ดิฉันเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Metro เหมือนเดิมค่ะ ยังไงขอไม่อธิบายการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าอีกนะค่ะ เพราะได้รีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้ค่ะซึ่งการเดินทางในเช้านี้ เดี๊ยนเลือกเดินด้วยรถไฟฟ้า Metro สถานีเดิมที่เดินทางมาเมื่อคืนนี้แหล่ะ ยังเป็นสายรถไฟ Metro สาย 8 สีม่วงเหมือนเดิม Ledru-rollin เพื่อไปยังสถานีนั่งรถไฟ Metro มาไม่มานนัก น่าจะซัก 30 นาทีได้กระมังค่ะ ก็ถึงสถานีรถไฟ La Motte Picquet ค่ะ เพื่อแบกเป้ไปเช็คอินน์ยังที่พักคืนนี้ โดยที่พักคืนนี้อยู่ในเขต 15 ใกล้ๆกับหอไอเฟลเลยค่ะไม่รู้ว่าที่พักอยู่ตรงใหนนะค่ะ สำคัญที่สุดต้องเปิด GPS ให้ช่วยน้ำทางคือพอช่วยได้ค่ะ เพราะเดินออกจากรถไฟใต้ดินมา เดี๊ยนก็อิสสะงงๆพอสมควรเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดินมาก็เจอผู้คนเดินพลุกพล่านเชียว อากาศตอนเช้าก็ยังเย็นๆอยู่นะค่ะระหว่างจะเดินทางไปโรงแรม ตรงใต้สะพานรถไฟก็มีตลาดเช้าให้เดินแวะช๊อปปิ้งสุดสวิงริงโก้กันด้วยนะค่ะดอกไม้สีสันสวยงาม น่าซื้อมากๆค่ะแวะมาร้านนี้คิดว่าเป็นร้านขายขนมเค้ก จริงๆแล้วเป็นร้านขายชีสค่ะ คนที่ฝรั่งเศสคงทานชีสเป็นอาหารหลักเลยกระมังค่ะเนี่ยผลหมากรากไม้ก็มีขายให้ซื้อลิ้มลองทานกัน ดูน่าจะเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ทั่วไปเลยนะค่ะ เพราะมองแล้ว ไม่ค่อยมีผลไม้จากเอเชียเลยหลังจากเดินแวะชมตลาดแล้ว ก็เดินเปิด GPS มาจนถึงโรงแรมที่พักคืนนี้แล้วค่ะนอนพักค้างแรมที่โรงแรม hotel beaugrenelle tour eiffel อยู่ใกล้หอไอเฟล กับสถานีรถไฟ Metro และรถไฟ RER เดินทางสะดวกดี แม้จะไม่อยู่ใจกลางเมืองก็ตาม เน้นความสะดวกสบายจ้าเข้าถึงที่พักก็นั่งพักที่ล็อบบี้สักแป๊บค่ะ เพราะเมื่อยหลังมากๆเนื่องจากดิฉันมาเช็คอินน์ตอนเช้า ห้องพักยังไม่ว่างก็เลยต้องฝากกระเป๋าไว้ก่อนค่ะ ทางเจ้าหน้าที่ให้ฝากกระเป๋าไว้ข้างๆเคาว์เตอร์เลย ก็เลยวางกระเป๋าไว้ตามภาพที่เห็นเนี่ยแหละค่ะหลังจากที่ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็เดินออกจากโรงแรมมายังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงปารีสจุดแรกเลยค่ะ นั้นก็คือ หอไอเฟล ถือเป็นแลนด์มาร์คของที่นี้เลยนะค่ะ คือแบบว่าถ้ามาถึงปารีสแล้ว ไม่มาชมหรือถ่ายรูปหอไอเฟล ยังไงก็มาไม่ถึงปารีสแน่ๆค่ะได้เห็นของจริงๆสักทีนะค่ะ เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนามและในภาพทางเน็ตมาเนิิ่นนาน ดูสวยงาม เด่นตระหง่านอยู่กลางเมือง ที่ใครแวะมาก็ต้องมาชมกัน ซึ่งในจุดถ่ายรูปตรงหอไอเฟลก็มีหลายจุดเลยนะค่ะตรงจุดที่ดิฉันเดินจากที่พักมานี้อยู่ใกล้ๆกับสวนช็องเดอมาร์ส และ wall of place ซึ่งเป็นอีกจุดถ่ายรูปที่มีนักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปกันค่ะ จะเป็นลานหญ้ายาวและสวนต้นไม้เรียงรายให้ชื่นชมกันตลอดค่ะ และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีนและอินเดียเยอะมากๆนะค่ะ ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจากที่อื่นอีก เรียกว่าคึกมากๆเลยจ้าวิธีการเดินทางมายังหอไอเฟลด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน Metro- หากเดินทางมาจากสถานี Opera สามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย 8 สีม่วง สังเกตุได้ที่แผนที่จะวงกลมเลข 8 ให้ค่ะ แนะนำมาลงที่สถานี Ecole Militaire ได้ค่ะ โดยให้ไปขึ้นรถไฟฟ้าฝั่งชานชลาที่จะไป Balard นะค่ะ- หรือนั่งรถไฟฟ้า Metro สายสีเขียวหมายเลข 6 มาลงที่สถานี Bir-Harkiem- หรือหากพักอยู่นอกเมืองปารีสก็ นั่งรถไฟ RER สายสีส้ม ตัวอักษร C มาลงที่สถานี Champe De mars Tour Eiffelสำหรับจุดถ่ายภาพยอดนิยมที่ดิฉันเดินมาเป็นลานหญ้าแบบนี้อยู่แถวสวนช็องเดอมาร์ส (champe de mars garden) เนื่องจากอยู่ใกล้ที่พักและรถไฟฟ้า Metro ค่ะ เพื่อนๆสามารถดูใน google map ได้นะค่ะบรรยากาศที่เดินทางมาเที่ยววันนี้ ท้องฟ้าแจ่มใส แดดจ้า แต่อากาศเย็นพอสมควรค่ะ รู้สึกริมฝีปากจะตึงๆเหมือนจะปริฉีกแตกแยกออกมาหน่อยๆหอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งชื่อตามกุสตาฟ ไอเฟล สถาปนิกและวิศวกรชั้นนำของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบหอคอยนี้ หอไอเฟลสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงสินค้าโลก ในปี ค.ศ. 1889 (Exposition universelle de Paris de 1889) เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และความสวยทางศิลปะสถาปัตยกรรม หอคอยสูงงดงามแห่งนี้เป็นดาวเด่นที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมงานซึ่งต่อมาได้รู้จักในนามหอไอเฟลและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีส และใน ค.ศ. 2006 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) หรือสูงเท่ากับตึก 81 ชั้นหอไอเฟลเริ่มสร้างในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1887 โดยเริ่มจากการทำฐานของหอลึกลงไปถึงชั้นดินแข็ง เนื่องจากดินริมฝั่งแม่น้ำแซนมีความอ่อนมากแล้วจึงเริ่มทำตัวหอต่อจากนั้น การก่อสร้างใช้คนงาน 300 คน มีคนงานเสียชีวิต 1 คน โดยใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งหมด 2ปี 2เดือน 5วัน และมีพิธีเปิดหอไอเฟลอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1889 โดยในวันนั้น นายกุสตาฟ ไอเฟลได้นำธงฝรั่งเศสไปติดไว้บนยอดหอไอเฟลหอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel หรือตูร์แอแฟล) ถือว่าเป็นหอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนช็องเดอมาร์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส เป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วยช่วงปลายศตวรรษที่ 19 กรุงปารีสได้เป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี ค.ศ. 1889 เพื่อฉลองการครบรอบ 100 ปีการปฏิวัติฝรั่งเศส ทางรัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้จัดการประกวดออกแบบสิ่งก่อสร้างเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของงาน มีการส่งแบบเข้าประกวดถึง 100 บริษัท โดยบริษัทที่ได้รับเลือกจากทางกรรมการของปารีสคือแบบของบริษัทของนายกุสตาฟ ไอเฟล และได้ทำสัญญากับรัฐบาลในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1887 โดยทางรัฐบาลฝรั่งเศสกำหนดที่ก่อสร้างไว้ริมแม่น้ำแซน ปลายสวนสาธารณะช็องเดอมาร์ โดยนายกุสตาฟ ไอเฟลได้สัมปทานหอ 20 ปี โดยนับจากวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1890 จนถึงปี ค.ศ. 1910 ต่อจากนั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์ของกรุงปารีสเครดิตข้อมูลดีๆจากสารานุกรมเสรีวิกิพีเดีย : https://en.wikipedia.org/wiki/Eiffel_Tower ภายในสวนช็องเดอมาร์ก็ บรรยากาศยามเช้าสวยงามดีค่ะ แต่นักท่องเที่ยวก็เยอะขึ้นเรื่อยๆค่ะจริงๆจุดแวะถ่ายรูปสวยๆที่หอไอเฟลมีหลายจุดเลยค่ะ นอกจากที่สวนช็องเดอมาร์สแล้ว ก็ยังมีที่สวนทร็อคคาเดโร่ (Trocadero) ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของเหล่าคู่รัก ที่ชอบไปถ่ายภาพกันค่ะระหว่างเดินจะข้ามแม่น้ำแซนไปถ่ายภาพที่สวนทร็อคคาเดโร่ ก็มีดอกกุหลง ดอกกุหลาบให้ชื่นชมตลอดริมทางบรรยากาศริมแม่น้ำแซน ก็คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมีม้าโยกด้วยนะ แต่ยังไม่เปิดให้บริการเลยเมื่อเดินข้ามสะพานแม่น้ำแซนมาฝั่งสวนทร็อคคาเดโร่แล้ว ก็จะเห็นหอไอเฟลอีกมุมนึง แต่เสียดายวันที่ไป เค้ามีการก่อสร้างปรับปรุงสถานที่อยู่ ทำให้ต้องเสียเวลาเดินอ้อมสวนมากๆเมื่อกี้อยู่ฝั่งสวนช็องเดอมาร์ส เมื่อเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำมาก็จะเป็นสวนทร็อคคาเดโร่ ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปที่เหล่าคู่รง คู่รัก นิยมมาถ่ายภาพ Prewedding กันที่จุดนี้มากที่สุด เดี๊ยนเดินมายังเห็นเหล่าคู่บ่าวสาวจูงมือกันมาถ่ายภาพตลอดเลยค่ะลานน้ำพุที่สวนทร็อคคาเดโร และที่เห็นเป็นตึกๆใหญ่เว่อร์วังนั้นก็คือ อาคารปาลาเดอชัยโย ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพที่เหล่าคู่บ่าวสาวนิยมกันมาถ่ายรูป ก็อยู่ตรงนี้นี่เองนะค่ะมุมถ่ายภาพยอดฮิตที่สวนทร็อคคาโรมีน้ำพุ ขมวยพ่วยพุ่งอย่างแรงหรือหากเดินไปที่จุดถ่ายภาพตรงตึกปาแลเดอชัยโย (Palais de Chaillot) ก็สวยงามเช่นกันค่ะมาอ่านเป็ความรู้ต่อค่ะ เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาจนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จหอไอเฟลมีความสูง 300 เมตร (986 ฟุต) ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 24 เมตร (72 ฟุต) ด้านบน ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้น หอไอเฟลเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงสุดในกรุงปารีส และหากไม่นับรวมเสากระจายคลื่น หอไอเฟลเป็นสิ่งปลูกสร้างสูงที่สุดอันดับสองในฝรั่งเศส รองจากสะพานมีโยปัจจุบันหอไอเฟลก็มีอายุร้อยกว่าปีแล้วค่ะ และยังคงเป็นหนึ่งแลนมาร์คที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียว เรียกว่าหอไอเฟลอันเดียว ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั่วทุกมุมโลกจริงๆ เพราะช่วงที่เดี๊ยนแวะเดินมา นักท่องเที่ยวสาระพัด สาระเพ ทั้งผมดำ ผมแดง โอ้ยเยอะมากๆแต่ตอนจะเที่ยวก็ต้องระวังมิจฉาชีพด้วยค่ะ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร คนที่น่ากลัวเดี๊ยนว่าไม่ใช้คนผิวดำแล้วกระมัง น่าจะเป็นคนผิวขาวๆเนี่ยแหละค่ะ เพราะคนผิวดำที่อยู่แถวๆหอไอเฟล เดี๊ยนให้เห็นแต่ละคน หอบกระเตงขายพวงกุญแจราคา 5 เซ็นเองค่ะ เดี๊ยนว่าน่าเห็นใจเค้านะ ก็เลยอุดหนุนช่วยซื้อไปหลายพวงเลยสรุปสำหรับเพื่อนๆที่จะมาเที่ยวปารีสและถ่ายภาพที่หอไอเฟลครั้งแรกด้วยตัวเองแนะนำไปสวนช็องเดอมาร์ส และสวนทร็อคคาเดโร่ หรือที่ลานตรงตึกปาแลเดอชัยโยนะค่ะและหลังจากที่แวะเดินเที่ยวชมหอไอเฟล สัญลักษณ์ของกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสไปแล้วนะค่ะ ก็ได้เวลาลั๊ลลาหาอะไรทานแล้วค่ะเดี๊ยนเลยเดินชะแว๊ปแวะมาย่านใกล้ๆโรงแรมที่พักซึ่งมีร้านขายขนมปังอยู่ เห็นแล้วน่าจะอร่อยเลยเข้าไปลิ้มลองซักหน่อยค่ะเมนูขนมในร้านมีหลายอย่างเลย แต่ละอย่างก็น่าทานทั้งนั้นนะค่ะ อยากจะบอกว่าร้านขนมปังในปารีส มีเยอะมากๆ และคนฝรั่งเศสก็กินขนมปังเป็นอาหารหลักด้วยมื้อเที่ยงนี้เลยจัดไปแบบเบาๆนะค่ะ แซนวิชไก่สไตล์ฝรั่งเศส ทานคู่กับชาส่วนขนมที่เห็นเป็นชั้นๆนั้นก็คือ ทิรามิสุค่ะแต่ทิรามิสุ ขนมของเค้าอร่อยดีนะค่ะ ชอบมากๆ อยากทานอีก แต่เกรงพุงจะปลิ้นเอาค่ะเลยจัดไปมื้อนี้ก่อน เดี่ยวมื้ออื่นค่อยว่ากันเนื่องจากติดใจขนมร้านเค้าหลายอย่าง เลยซื้อไปทานที่ห้องพักต่อค่ะ ชื่อร้านตามภาพนะค่ะ ถ้าให้เรียกเป็นภาษาฝรั่งเศส เดี๊ยนเกรงจะเรียกไม่ถูก ร้านอยู่เขต 15 ใกล้หอไอเฟลค่ะ อยู่ในตรอก ซอกซอยหน่อยค่ะ หากมาพักย่านนี้ก็แวะมาลิ้มลองได้ค่ะ อันนี้ไม่ได้เครดิตจากร้านนะค่ะ แต่แนะนำเพื่อนที่จะมาพักแถวนี้ ก็แวะมาได้ค่าเสียหายมื้อเที่ยงนี้ แซนวิช 4 ยูโร ชาร้อน 2 ยูโร ขนมทิรามิสุอีก 3 ยูโร รวมแล้ว 9 ยูโรจ้าเมื่อดิฉันได้ทานอาหารเที่ยงแนวฝรั่งเศสพอประทังท้องไปแล้ว ก็ได้เวลาเช็คอินน์เข้าห้องพักแล้วค่ะ หลังจากเมื่อเช้าฝากกระเป๋าไว้ที่ห้องพัก มาตอนบ่ายก็เอากระเป๋าขึ้นไปไว้ที่ห้องพัก มาดูสิว่าห้องพักเค้าโอเคใหม๊ ราคาห้องถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ไม่ถูกเลยนะค่ะค่าห้องพัก 3000 บาทต่อคืนรวมอาหารบุฟเฟ่ต์ พอดีเอาบัตร Gift gard ของ Agoda แลกเอา ก็เลยไม่เสียเงินสดค่ะ ประหยัดไปอีกนะสภาพห้องพักเก่าไปหน่อย แต่ก็กว้างขวาง สะอาด สะอ้านดูดีนะค่ะ มีห้องน้ำในตัวให้ด้วย แต่ดูทรงๆแล้ว ห้องน้ำดูใหม่ น่านอนกว่าห้องนอนมากๆมีโต๊ะนั่งทำงานให้ ถือว่าโอเคอยู่นะมีระเบียงห้องพักได้ด้วย เผื่อว่าใครที่ชอบสูบบุหรี่ เพราะในห้องพักเป็น Non smoking roomห้องน้ำดูใหม่เอี่ยมอ่อง กว่าห้องนอนมากๆเลยนะค่ะ เหมือนจะปรับปรุงห้องน้ำใหม่ แต่ห้องนอนยังเก่าอยู่ แต่สภาพโดยรวมทั้งหมดของห้องพักให้ผ่านค่ะ แต่ยังไม่รู้ว่าอาหารเป็นยังไง เดี่ียวค่อยมารีวิวทีหลังและหลังจากที่ได้เช็คอินน์ เอากระเป๋าไปไว้ที่ห้องพักแล้วนะค่ะ หลังจากนั้นช่วงบ่าย ก็ได้เวลาที่ต้องไปเที่ยวต่อแล้วค่ะ โดยช่วงบ่ายนี้ ดิฉันวางแผนไปตะแล็ดแต๋ดแต่เที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ลูบต่อค่ะ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่ใครแวะมาปารีสก็ต้องไปเยือนกันเนื่องจากเดี๊ยนเองก็เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนาม ไม่รู้ว่าสถานที่จริงเป็นยังไง ขอเข้าไปชมดูหน่อยสิ จะได้มารีวิวได้ถูกค่ะเริ่มต้นการเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์ลูบ ใช้บริการนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน Metro เหมือนเดิมค่ะ ต้องฝึกหัดนั่งมากๆเลยนะค่ะ ว่าไปยังไง เดินทางยังไงอ่านในกระทู้ pantip บอกว่า จริงๆแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งเดินไปมาหาสู่กันได้นะค่ะ ก็จะได้ชมเมืองด้วย แต่ถ้าใครที่เมื่อยขา ไม่อยากเดินมาก ก็ใช้บริการรถไฟฟ้าเลยค่ะ มีทั้งรถไฟ Metro และ RER หรือนั่งรถบัสก็ได้ แต่เดี๊ยนก็ยังไม่เคยใช้บริการรถเมลล์โดยสารเค้านะค่ะเอาแค่นั่งรถไฟฟ้า Metro เดี๊ยนก็จะไม่รอดแล้วค่ะ เพราะบางครั้งหลงทาง หาป้ายไม่เจอ ไปผุดอีกสถานีก็มี ฮ่าๆๆเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Metro มาที่สถานี Concord เดินมาโผล่ที่ปลัสเดอลากองกอ มีชิงช้าสวรรค์ และอนุสาวรีย์เสาต้นเดียว ตระหง่านอยู่กลางเมือง ดูเป็นลานกว้างๆ ใหญ่โตโอฬารมากๆนะค่ะ อารมณ์เหมือนมาถ่ายรูปพระที่นั่งอนันตสมาคม แต่ที่นี้ดูอลังกว่ามากๆน้ำพุที่ลานปลัสเดอกองกอร์มองไปอีกด้านก็เป็นประตูชัย อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล (Arc de Triomphe)เดียวเคยมาเที่ยวอีกที มองไปเหมือนจะใกล้ๆนะ แต่ดูแล้วน่าจะไกลเลยแหล่ะใกล้ๆกับปลัดเดอร์กองกอร์ ก็เป็นสวนตุยเลอรีซึ่งเป็นสวนที่อยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์ลูป ซึ่งสามารถเดินไปได้ไม่ไกลคะระหว่างทางที่เดินไป หากเมื่อยขา ก็มีเก้าอี้ให้นั่งพักด้วยนะมีน้ำพุให้ชมอีกล่ะค่ะ แต่น้ำพุนี้ไหลไม่แรงเท่านั้นพุที่ลานปลัสเดอกองกอร์เก้าอี้ว่างเยอะมากๆ รอคนมานั่งแต่ไม่มีใครมานั่งเลย หากใครที่แวะผ่านเดินมาทางสวนตุยเลอรี ก็มานั่งพักกันหน่อยนะคะที่สวนก็ยังมีดอกไม้สวยให้ชมด้วยนะคะ แต่ไม่รู้ว่าดอกไม้อะไร ลักษณะดอกเป็นสีม่วงทรงกลม ดูสวยสมเข้ากับบรรยากาศมาก กระชากใจเว่อร์ จนเป็นโรคเอ๋อไปเลยล่ะดอกไม้ดูน่ารักดีนะค่ะ แต่เสียดายไม่มีกลิ่นให้ดม ได้แค่ชื่นชมเท่านั้นบริเวณโดยรอบก็ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปนั่งเล่นหรือนอนบนลานหญ้าได้ด้วยดอกม้ง ดอกไม้บางดอกก็สีสวยงาม ไม่ค่อยพบตามเมืองไทยเรานัก ยกเว้นต้องขึ้นไปบนดอยสูงหากใครที่เดินมาเหนื่อย เมื่อยก็นั่งที่เก้าริมรอบน้ำพุได้นะค่ะเพราะมีเก้าอี้เรียงราย สะหยายอยู่โดยรอบให้นั่งมากมายเก้าอี้วางไว้อย่างระเกะระกะ ค่อยนักท่องเที่ยวมาผงะนั่งพักชมสวนกันหรือใครที่ไม่อยากนั่งรอบน้ำพุก็ไปนั่งบนชิงช้าสวรรค์อันสูงชัน เพื่อชมเมืองนี้ก็สวยงามไม่แพ้กันบริเวณโดยรอบนี้เป็นสวนดอกกุหลาบช่อใหญ่งามวิไลยิ่งนัก ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลเย้ายวลใจจริงค่ะมีนกเป็ดน้ำตัวเล็ก ตัวน้อง กำลังอ้อยสร้อย ว่ายน้ำต้อยต้อยอยู่ในบ่อน้ำพุคะเห็นแต่ละตัวแล้วสงสาร เพราะน่าจะหนาวเย็นมากๆนะเห็นดอกม้ง ดอกไม้แล้วก็สดชื่น เพราะกลิ่นหอมหวนรัญจวนจิตเหลือเกินนอกจากนี้ยังมีการจัดตกแต่งสวนสไตล์ฝรั่งเศสแนวๆเก๋ให้แวะถ่ายภาพกันด้วยนะค่ะดูสวยงามแปลกตาดีเดินทะลุสวนตุยเลอรีมาเรื่อยก่อนถึงพิพิธภัณฑ์ลูปก็เจอประตูชัยขนาดย่อมคะ ชื่อ Carrousel Arc de Triomphe ไม่รู้ว่าภาษาฝรั่งเศสอ่านว่ากระไร เกรงจะอ่านผิดเอาคะดูสวยงามอลังการล้านแปดมากๆนะค่ะเดินข้ามทางม้าลายไปอีกหน่อยก็ถึงพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แล้วค่ะ ใหญ่โตโอฬารมากๆมีรถสามล้อให้บริการด้วยนะ ไม่รู้เป็นรถคันเดียวที่มาจากเมืองไทยหรือเปล่า เพราะนำมาทาสีใหม่เอี่ยมอ่องเชียวปีระมิดสามเหลี่ยมกระจกใสที่เคยเห็นแต่ในเน็ต เรียกว่า พีระมิดลูฟว์ มาเห็นของจริงก็สวยงาม รอบด้านก็อลังการไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมสวยงามใหนๆแวะมาทั้งที ต้องไม่พลาดแวะไปชมพิพิธภัณฑ์ด้านในกันค่ะ โดยต้องเข้าทางกระตูปีระมิดสามเหลี่ยมนี้แหละค่ะ วันที่ไปเที่ยว ก็มีนักเดินทางแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสายเลยนะค่ะ เรียกว่าเยอะมากๆพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (ฝรั่งเศส: Musée du Louvre) หรือในชื่อทางการว่า the Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง โดยตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมากกว่า 35,000 ชิ้น จากตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงศตวรรษที่ 19 อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่งแอนทีออก ในปี พ.ศ. 2549โดยพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลกและยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีสเครดิตข้อมูลดีจากสารานุกรมเสรีวิกิพีเดีย : https://en.wikipedia.org/wiki/Louvre พีระมิดและโถงทางเข้าที่อยู่ข้างใต้ สร้างขึ้นเนื่องจากทางเข้าเดิมของลูฟวร์ไม่สามารถรองรับจำนวนผู้มาเยือนที่มีมากในแต่ละวันได้อีกแล้ว ผู้มาเยือนที่เข้าจากพีระมิดจะลงไปโถงทางเข้ากว้างขวาง แล้วกลับขึ้นไปยังอาคารหลักของลูฟวร์ พิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งได้นำแนวคิดนี้ไปใช้ เช่น Museum of Science and Industry ในชิคาโก การก่อสร้างพีระมิดและโถงทางเข้าใต้ดินดำเนินการโดย Dumezพีระมิดลูฟวร์ อีกหนึ่งจุดแวะเที่ยวที่น่าสนใจในกรุงปารีส ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างไม่ขาดสายพีระมิดลูฟวร์ (อังกฤษ: Louvre Pyramid) เป็นพีระมิดที่สร้างขึ้นจากกระจกและโลหะ มีพีระมิดขนาดเล็กกว่า 3 หลังตั้งอยู่โดยรอบ ตั้งอยู่ที่ลานหน้าพิพิธภัณฑสถานลูฟวร์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทำหน้าที่เป็นทางเข้าหลักของพิพิธภัณฑ์ สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2532 และกลายเป็นหนึ่งในจุดสังเกตของกรุงปารีสการก่อสร้างพีระมิดนี้มอบหมายโดยฟร็องซัว มีแตร็อง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2527 ออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป่ย สถาปนิกที่เคยรับผิดชอบการออกแบบ Miho Museum ที่ญี่ปุ่น โครงสร้างพีระมิดนี้สร้างขึ้นจากแผ่นกระจกทั้งหลัง มีความสูง 20.6 เมตร ฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีความยาวด้านละ 35 เมตร ประกอบขึ้นจากแผ่นกระจกรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน 603 แผ่น และแผ่นกระจกรูปสามเหลี่ยม 70 แผ่นบางคนกล่าวอ้างว่าแผ่นกระจกบนพิระมิดลูฟวร์มีทั้งหมด 666 แผ่น ซึ่งเป็น “number of the beast” ที่มักจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับซาตาน ผู้สนใจด้านประวัติศาสตร์จำนวนมาก ตัวอย่างเช่น หนังสือของ Dominique Stezepfandt ที่มีชื่อว่า François Mitterrand, Grand Architecte de l’Univers ได้กล่าวไว้ว่า “พีระมิดถูกอุทิศให้แก่พลังที่เล่ากันว่าเป็น Beast ใน พระคัมภีร์วิวรณ์ (…) โครงสร้างทั้งหลังมีรากฐานอยู่บนเลข 6″เรื่องราวของกระจก 666 แผ่นเริ่มต้นขึ้นเมื่อราวทศวรรษที่ 1980 (พ.ศ. 2523-2532) โดยแผ่นพับโฆษณาอย่างเป็นทางการที่ตีพิมพ์ระหว่างการก่อสร้างได้กล่าวอ้างถึงตัวเลขนี้ถึงสองครั้ง แต่หน้าก่อน ๆ ในแผ่นพับกล่าวไว้ว่ากระจกมี 673 แผ่น ตัวเลข 666 ยังถูกกล่าวถึงในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ อย่างไรก็ตาม พิพิธภัณฑสถานลูฟวร์ได้แถลงว่า พีระมิดประกอบขึ้นจากแผ่นกระจก 673 แผ่น (รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน 603 แผ่น และรูปสามเหลี่ยม 70 แผ่น) [4] มีผู้พยายามนับจำนวนแผ่นกระจกบนพีระมิดอยู่หลายครั้ง โดยแต่ละครั้งจะนับได้จำนวนที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่จะมากกว่า 666 แผ่นทุกครั้งเครดิตข้อมูลดีๆจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Louvre_Pyramid  พอเดินเข้ามาในกระจกพีระมิดก็ลงบันใดเลื่อนสู่ชั้นล่าง เป็นห้องโถ่งชั้นใต้ดินดูกว้างขวางใหญ่โตจากนั้นก็เดินมาซื้อตั๋วบัตรเข้าชมค่ะวันที่ไปโชคดีเพราะคนไม่เยอะแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าคนมาช่วงเช้าและบางคนก็ซื้อตั๋วมาแต่เนิ่นๆ เพราะบางทีคนแน่นมากๆค่าธรรมเนียมบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ (Louvre Museum) อยู่ที่ 15 ยูโรค่ะ ซื้อที่พิพิธภัณฑ์เลยนะค่ะ แต่ถ้าซื้อทางออนไลน์ 17 ยูโรค่ะ แพงกว่าซื้อหน้าเคาว์เตอร์ 2 ยูโรค่ะส่วนเวลาเปิดทำการของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เปิดตั้งแต่วันพุธ – วันจันทร์Monday: 9 a.m.–6 p.m.Tuesday: Closed.Wednesday: 9 a.m.–9:45 p.m.Thursday: 9 a.m.–6 p.m.Friday: 9 a.m.–9:45 p.m.Saturday: 9 a.m.–6 p.m.Sunday: 9 a.m.–6 p.m.หยุดทุกวันอังคารหากเพื่อนที่วางแผนไปเที่ยว วางแผนไว้ให้ดีๆนะค่ะหรือเข้าไปดูข้อมูลพิพิธภัณฑ์เพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://www.louvre.fr/en/hours-admission-directions เนื่องจากเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่โตเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกามากๆนะค่ะโดยตอนซื้อบัตรเข้าชมก็จะได้แผนที่มาให้ด้วย เป็นแผ่นพับเปิดดูได้ตลอดว่าตอนนี้อยู่ใหนแล้วตอนแรกดิฉันวางแผนไว้ว่าจะเดินไปชมภาพโมนาลิซ่าก่อน แต่ดูท่าแล้วคนจะเยอะมากๆ ก็เลยมาในส่วนของห้องแสดงภาพหุ่นและประติมากรรมก่อนค่ะเข้ามาในห้องนี้ ก็จะเต็มไปด้วยประติกรรมหุ่นต่างในพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงไว้อย่างสวยงามหุ่นบางตัวก็มีท่าทางที่เหมือนคนและมีชีวิตชีวามากๆ ดูภาพหุ่นผู้ชายคนนี้สิ สวยงาม หยดย้อย ผมยาวเฟื้อยเหมือนแม่หญิงเลยนะค่ะดูประติมากรรมหุ่นหินนี้ เป็นรูปผู้หญิงดูเหมือนจริงมากๆนะค่ะมีการจัดแสดงภาพวาดฝาผนังสวยงามเดินไปเรื่อย เมื่อยขาเหมือนกันนะค่ะบางครั้งก็หยุดสต๊อปนั่งพักขาอยู่นานพอสมควรบางห้องก็จัดตกแต่งวาดรูปผนังสไตล์บาร็อค งดงามดูงดงามหรูหรา อลังการล้านแปดมากๆหลังจากที่เดินวนเวียน ชมที่ห้องจัดแสดงอื่นๆอยู่นาน ก็ถึงห้องจัดแสดงภาพโมนาลิซ่าแล้วค่ะ ซึ่งเป็นภาพดังที่เหล่านักท่องเที่ยวต่างแวะมาชมภาพจริงสักครั้ง เพราะเคยเห็นแต่ในอินเตอร์เน็ต และในหนังสือ อยากมาเห็นภาพจริงๆดูบ้างสิ ว่าสวยงามแค่ใหนระหว่างทางเดินเข้าไป ก็จะเห็นนักเรียนกำลังนั่งฟังวิทยากรในพิพิธภัณฑ์อธิบายรูปภาพแต่ละรูปให้ฟังด้วยค่ะ เสียดายวิทยากรไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ เพราะพูดแต่ภาษาฝรั่งเศส เดี๊ยนเลยฟังไม่รู้เรื่องเลย ถ้าพูดภาษาอังกฤษน่าจะพอฟังได้บ้างสักกะติ๊ดนึงนะถึงแล้วค่ะ จุดชมภาพโมนาลิซ่าอันมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งโลกา ที่เหล่านักเดินทางทั่วโลก ต่างต้องมาชะโงกชมกันสักครั้ง และเดี๊ยนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น มาเป็นคนบ้ากับเขาด้วย อุตสาห์เดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเลมาไกล แถมยังต้องมาหลงทางในพิพิธภัณฑ์อีกนะค่ะ เพราะพิพิธภัณฑ์ใหญ่โตมากๆภาพโมนาลิซ่าในวันที่ถ่ายมาได้ เอียงหน่อย เพราะเดี๊ยนเองไม่สามารถมุดตัวไปอยู่ตรงกลางได้ เนื่องจากมวลมหาประชานักท่องเที่ยว ต่างก็เบียดเสียดเข้าไปถ่ายรูปด้านใน ที่จุดชมภาพ ก็มีการจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไว้อย่างหนาแน่นเลยนะค่ะโมนาลิซา (อังกฤษ: Mona Lisa) หรือ ลาโจกอนดา (อิตาลี: La Gioconda) หรือ ลาโชกงด์ (ฝรั่งเศส: La Joconde) คือภาพวาดสีน้ำมัน สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร วาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง พ.ศ. 2046 (ค.ศ. 1503) ถึงปี พ.ศ. 2050 (ค.ศ. 1507) เป็นภาพที่มีชื่อเสียงทั่วโลกภาพหนึ่ง เป็นที่รู้จักในฐานะภาพของสุภาพสตรีที่มีรอยยิ้มอันเป็นปริศนา ที่ไม่รู้ว่าเธอจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่ ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของรัฐบาลฝรั่งเศส และเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Musée du Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสภาพโมนาลิซานี้ถูกวาดโดย ดา วินชี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2046 ถึง พ.ศ. 2050 ใช้เวลานานถึง 4 ปีในการวาดในปี ค.ศ. 1516 (พ.ศ. 2059) ดา วินชีได้นำภาพจากอิตาลีไปที่ฝรั่งเศส ด้วยพระราชประสงค์ของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 ที่ทรงปรารถนาที่จะให้ศิลปินทั้งหลายมารวมตัวทำงานกันที่ Clos Lucé ใกล้กับปราสาทในเมืองอัมบัวส์ และยังทรงให้ ดา วินชี วาดพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์อีกด้วย หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงซื้อภาพโมนาลิซา ในราคา 4,000 เอกือและในปี ค.ศ. 1519 (พ.ศ. 2062) ดา วินชี ได้เสียชีวิตที่เมืองอัมบัวส์ ประเทศฝรั่งเศส รวมอายุได้ 67 ปีรูปใบหน้าของมาดามลิซาและตอนที่ ดา วินชี เสียชีวิตแล้วได้ยกสมบัติและภาพวาดทั้งหมดให้เป็นมรดกของผู้ติดตามของเขา ฟรานเซสโก เมลซิ (Francesco melci) และเมื่อฟรานเซสโก เมลซิ เสียชีวิตลงก็ไม่ได้ยกมรดกให้ใคร มรดกก็เริ่มกระจัดกระจายและต่อมาภาพโมนาลิซาถูกนำไปเก็บไว้ที่ พระราชวังฟงเตนโบล ต่อมาก็ในพระราชวังแวร์ซาย หลังจากสิ้นสุดการปฏิวัติฝรั่งเศส ก็ถูกไปนำเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ในห้องสรงของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ในพระราชวังตุยเลอรี แล้วในที่สุดก็ได้กลับมาที่พิพิธภัณฑ์เหมือนเดิมรูปอื่นๆที่จัดแสดงในห้องเดียวกันก็สวยนะค่ะ แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจรุมถ่ายกันเลย ส่วนใหญ่ก็มุ่งไปชมที่ภาพโมนาลิซ่าอย่างเดียวเลยหลังจากที่ได้เดินชมในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อยู่นานหลายชั่วโมงเลยค่ะ ดิฉันเข้าไปชมในพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่บ่ายสองโมง จนถึงเวลา 5 โมงเย็นกว่าๆ เรียกว่าเดินในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จนขาลากเลย ก็ได้เวลาบ๊ายๆ ขอตัวเดินทางกลับที่พักค่ะบรรยากาศยามเย็นที่ฝรั่งเศส แดดยังเปรี้ยงอยู่เลยนะค่ะ ไม่เหมือนบ้านเรา 5 โมงเย็น ก็จะมืดแล้ว ที่นี้ยังสว่างอยู่เลยค่ะบริเวณโดยรอบก็มีที่นั่งพัก หรือใครที่รักการถ่ายภาพ ก็ไปกระชากกดชัตเตอร์ถ่ายรูปให้เครื่องเอ๋อเหรอพังไปเลยก็ดีนะค่ะ เพราะประติมากรรมปูนปั้นที่นี้ก็สวยงามคลาสสิคแปลกตาดีทีเดียวค่ะเดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ก็มานั่งพักขาต่อค่ะ เมื่อยขามากๆ บรรยากาศยามเย็นดูคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว แวะมาถ่ายภาพอย่างต่อเนื่องๆ โดยเฉพาะลานพีระมิดลูฟวร์แห่งนี้ ในช่วงค่ำน่าจะสวยงามมากๆ แต่ยังไงก็แล้วแต่ ดิฉันเองขอบ๊ายๆนะค่ะ เพราะหิวมากๆเลยหลังจากที่ได้เดินทางและแวะเที่ยวมาทั้งวัน อาหารเย็นมื้อนี้ ขอทานอาหารจีนแล้วกันค่ะ เนื่องจากยังไม่คุ้นกับอาหารฝรั่งเศสมากนัก พอดีใกล้ๆกับที่พัก มีร้านขายอาหารจีนอยู่ 2-3 ร้านได้ให้เลือกทาน เดี๊ยนเลยแวะไปอุดหนุนลิ้มลอง น่าจะทำให้ทานเท่าอาหารไทยได้ แต่อาหารจีนที่นี้ตักขายเป็นกร้ัมนะค่ะ ไม่ได้ราดข้าวขายเป็นจานเหมือนบ้านเรา ดังนั้นต้องปรับตัวเรื่องการใช้จ่ายหน่อยค่ะจบทริปไป 1 วันค่ะ มาดูสิว่ารีวิวการเดินทางเที่ยวปารีสในวันแรกนี้ หมดค่าใช้จ่าย และค่าเสียหายไปกี่ยูโรค่าอาหารเที่ยงมื้อกลางวัน+ขนมนมเนย อบเชยรสเด็ดใส่ถุงมาด้วย 12.6 ยูโรค่าอาหารเย็น 9 ยูโรค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ 15 ยูโรค่าบัตรโดยสาร Metro แบบซื้อยกชุด 10 ใบ (ตั้งแต่รีวิวก่อนหน้านี้) 14.9 ยูโรค่าห้องพัก 2 คืนไม่เสียค่าใช้จ่ายเนื่องจากใช้ Gift Card ใน Agoda มาแลกประหยัดไปอีกรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 51.5 ยูโรสำหรับบทความรีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 1 ก็ขอจบเพียงเท่านี้นะค่ะ ยังไงเดียวต่อต่อไปจะพาเพื่อนทุกท่านไปเที่ยวที่ใหน เดีียวมาเขียนต่อค่ะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกคนที่สละเวลาอันมีค่า เข้ามาลั๊ลลาอ่านบทความบล็อกของคนบ้าเที่ยวไปเร่ื่อยเปื่อย รูปภาพก็ไม่สวย ธรรมด๊า ธรรมดา แต่ก็เข้ามาดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน—————————————————————————

Table of Contents

[NEW] 10 ทัวร์ฝรั่งเศส ราคาโดนใจ ปี 2564 – 2565 ลูกค้ากว่า 95% พึงพอใจ | ปารีส – NATAVIGUIDES

 

ข้อมูลทัวร์ฝรั่งเศส

ประเทศหลัก ๆ ในยุโรปที่มักเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประเทศฝรั่งเศส คือหนึ่งในนั้น หลายคนเวลามีโอกาสจะได้เดินทางไปยุโรป ทัวร์ฝรั่งเศส จะถูกลิสต์ขึ้นมาเป็นลำดับต้น ๆ เสมอ ด้วยความพิเศษของประเทศนี้ที่ไม่เหมือนใครทั้งด้านศิลปะ, วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว การเป็นสุดยอดจุดหมายของนักเดินทางจึงเป็นสิ่งคู่ควรเหมาะสม ไหน ๆ คนที่คิดอยากไป ทัวร์ฝรั่งเศส ทั้งทีก็มารู้จักกับประเทศนี้กันหน่อยดีกว่า

ประวัติศาสตร์และเรื่องน่าสนใจในประเทศฝรั่งเศส

ในอดีตเชื่อกันว่าชาวฝรั่งเศสเองมีการสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มคนโกลตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 1 กระทั่งได้เข้ามาอยู่ในระบอบการปกครองของกลุ่มชนแฟรงก์ เป็นการปกครองระบอบกษัตริย์ มีการถูกบันทึกเอาไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรช่วงศตวรรษที่ 5 ว่าพระเจ้าชาร์เลอมาญได้ก่อตั้งจักรวรรดิโรมันขึ้นเมื่อ ค.ศ. 843 มีพื้นที่ครอบคลุมตั้งแต่ฝรั่งเศสไปจนถึงเยอรมัน ฝรั่งเศสก้าวขึ้นสู่ยุคเรืองอำนาจอย่างมากในช่วงสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีประชากรทั่วยุโรป มีอำนาจในหลาย ๆ ด้าน ระบอบการปกครองแบบกษัตริย์ของฝรั่งเศสสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1792 

ยุคสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16  ได้มีการเปลี่ยนมาเป็นระบอบสาธารณรัฐ ต่อมานโปเลียน โบนาการ์ด ตั้งตนขึ้นเป็นใหญ่บุกรุกรานพื้นที่โดยรอบไปทั่วแต่พอแพ้สงครามประเทศกลับมาใช้ระบอบสาธารณรัฐอีกครั้ง ถูกตั้งชื่อในยุคนี้ว่า สาธารณรัฐที่ 2 ไม่นาน หลุยส์ นโปเลียน ญาติของนโปเลียนคนแรกก็ยึดประเทศกลายเป็นจักรวรรดิอีกครั้ง ในช่วงเวลาหลังจากนั้นถือเป็นช่วงเวลาการล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสแผ่ไปทั่วโลก แต่จากสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ทำให้ประเทศบอบช้ำอย่างหนักจึงได้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองโดยมีประธานาธิบดีคือผู้นำ นายกรัฐมนตรีคือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถือว่าเป็นยุคสาธารณรัฐที่ 5 มาจนถึงทุกวันนี้

วัฒนธรรมของชาวฝรั่งเศสหากดูเผิน ๆ ก็ไม่ต่างจากชาวยุโรปทั่วไปมากนัก แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกมาก ๆ คือ ชาวฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมในการนอนกลางวัน นั่นจึงเป็นเหตุให้ในอดีตประเทศภายในอาณานิคมของพวกเขาปฏิบัติตามจนถึงปัจจุบันนี้แม้จะมีการคืนพื้นที่ไปแล้วก็ตาม อีกอย่างคือประเทศนับว่าเป็นประเทศที่มีประชากรผิวสีเยอะมาก ๆ ในยุโรป (เกิดจากยุคล่าอาณานิคมไปยังแอฟริกา) ทำให้บางพื้นที่ของประเทศยังคงมีวัฒนธรรมจากแอฟริกาดั้งเดิมผสมอยู่ 

การนับถือศาสนาของชาวฝรั่งเศสส่วนมากนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก กระนั้นก็มีศาสนาอื่นผสมมาบ้างเล็กน้อย เช่น ศาสนาอิสลาม, ศาสนาพุทธ, ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู, ศาสนาซิกส์ เป็นต้น ภาษาประจำชาติคือ ภาษาฝรั่งเศส รวมถึงในบางประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของพวกเขาก็ยังใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาประจำชาติด้วย จำนวนประชากรทั้งหมดมีราว 60 กว่าล้านคน 

เทศกาลที่น่าสนใจหากต้องการไป ทัวร์ฝรั่งเศส

ด้วยความที่ประเทศนี้เป็นประเทศท่องเที่ยวลำดับต้น ๆ ของโลก ไม่แปลกหากจะมีเทศกาลต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ ทัวร์ฝรั่งเศส กันอย่างจุใจ

  • เทศกาลคาร์นิวัล 

จัดขึ้นที่เมืองนีซ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปกติจะจัดกันนาน 2 สัปดาห์ หากใครได้มาจะพบกับขบวนพาเหรดสีสันสวยงาม สะดุดตา มีบรรยากาศเฉลิมฉลองแบบสุดมัน ว่ากันว่างานเทศกาลนี้แต่ละปีมีผู้คนเข้าร่วมถึง 1 ล้านคน 

  • เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 

ใครเป็นคอภาพยนตร์คงรู้จักเทศกาลนี้กันดี จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงเดือนพฤษภาคม มีนักแสดงจากทั่วโลกมาร่วมเดินพรมแดงพร้อมด้วยการฉายภาพยนตร์หลาย ๆ เรืองที่บางครั้งหาดูไม่ได้ในประเทศ

  • เทศกาลวันบัสตีย์ 

เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองเพื่อให้ประชาชนระลึกถึงประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส จัดขึ้นวันที่ 14 กรกฎาคม หากใครไป ทัวร์ฝรั่งเศส ช่วงนี้จะพบกับขบวนพาเหรดและริ้วขบวนสวยงามตระการตา พร้อมด้วยพลุ ดอกไม้ไฟ และงานรื่นเริงต่าง ๆ แบบเต็มอัตรา

  • เทศกาลคริสต์มาส 

จริงแล้วเทศกาลนี้จะจัดตั้งแต่ช่วงค่ำของ 24 ธันวาคม หรือคืนคริสต์มาสอีฟไปจนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคริสต์มาส บ้านเรือนและร้านค้าประดับประดาด้วยไฟและของตกแต่งมากมาย ถนนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมาร่วมแสดงความยินดี ร้านอาหารคนแน่นไปหมด

สภาพอากาศและฤดูกาลประเทศฝรั่งเศส

ด้วยขนาดของประเทศมีขนาดใหญ่พอสมควรทำให้แต่ละพื้นที่มีสภาพอากาศต่างกันอยู่พอสมควร มาดูกันว่าหากต้องการไป ทัวร์ฝรั่งเศส ในช่วงฤดูกาลที่ตนเองต้องการควรไปช่วงเวลาไหนกันดี

  • ฤดูหนาว ช่วงเดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม

เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะมากนักด้วยสภาพอากาศหนาวเหน็บ อุณหภูมิราว 2-5 องศาเซลเซียส แต่ก็ยังมีความสวยงามจากหิมะและการประดับประดาไฟตามบ้านเรือนให้ได้ชื่นใจ

  • ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงปลายเดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน

เป็นช่วงเวลาเหมาะกับการมา ทัวร์ฝรั่งเศส สุด ๆ อุณหภูมิราว 10-18 องศาเซลเซียส สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสกันอย่างเพลิดเพลิน

  • ฤดูร้อน ช่วงเดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน 

แม้ขึ้นชื่อว่าหน้าร้อนแต่ก็คงสู้บ้านเราไม่ได้ อุณหภูมิเฉลี่ยราว 20-30 องศาเซลเซียส ใครไป ทัวร์ฝรั่งเศส ช่วงนี้บอกเลยว่ามักได้รูปสวย ๆ กลับมาเพียบ แถมบางทีเวลา 1-2 ทุ่ม แต่ท้องฟ้ายังสว่างอย่างกับ 4 โมงเย็นก็มี

  • ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงปลายเดือนกันยายน – เดือนธันวาคม 

ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีให้ความโรแมนติกสุด ๆ อุณหภูมิราว 10-18 องศาเซลเซียส จัดว่ากำลังเย็นสบาย มีฝนลงมาประปรายบ้างใครไปช่วงนี้พกร่มหรือเสื้อกันฝนก็จะดีมาก

เวลาและระยะเวลาการเดินทางของทัวร์ฝรั่งเศส

สำหรับการไป ทัวร์ฝรั่งเศส หากเป็นช่วงหน้าร้อนจะช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ถ้าเป็นช่วงเวลาหน้าหนาวจะช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ขณะที่ระยะเวลาในการเดินทางไป ทัวร์ฝรั่งเศส จากเมืองไทยก็มีหลายรูปแบบทั้งการบินตรงและการบินแบบต่อเครื่อง สำหรับการบินตรงจากไทยไปฝรั่งเศสใช้ระยะเวลาในการเดินทางราว 12 ชั่วโมง ส่วนการคมนาคมสำหรับ ทัวร์ฝรั่งเศส ส่วนใหญ่จะเป็นระบบรางแทบทั้งสิ้น เช่น รถไฟใต้ดิน, รถไฟทั่วไป

สถานที่เที่ยวประเทศฝรั่งเศสแนะนำ

เมื่อได้มีโอกาสไป ทัวร์ฝรั่งเศส ทั้งทีอย่าพลาดกับการไปสัมผัสกับเมืองหลักต่าง ๆ ที่กำลังจะแนะนำต่อไปนี้

1. ปารีส

มหานครแห่งแฟชั่นเมืองหลวงของประเทศ เป็นเมืองหลักด้านการท่องเที่ยว มีประชากรหนาแน่นที่สุด แน่นอนว่ามาที่นี่จะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศมากมายโดยเฉพาะหอคอยไอเฟล มา ทัวร์ฝรั่งเศส ปารีส ทั้งทีอย่าลืมมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

2. ลียง

เมืองเศรษฐกิจสำคัญของประเทศลักษณะเมืองจะเหมือนเกาะเพราะมีแม่น้ำโรห์นกับแม่น้ำซาโอนไหลผ่านบริเวณใจกลางเมือง การมา ทัวร์ฝรั่งเศส ที่เมืองนี้อย่าพลาดทานอาหารพื้นเมืองพร้อมด้วยการต้อนรับอันแสนอบอุ่น

3. มาร์กเซย

เมืองท่าขนาดใหญ่อันดับ 2 ของเมดิเตอร์เรเนียน มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นพอสมควร จะได้พบกับความคลาสสิกของอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ พร้อมด้วยสถาปัตยกรรมอันแสนสวยงามผสมผสานกับความทันสมัยเอาไว้อย่างลงตัว

4. นีซ

ตั้งอยู่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่ติดชายทะเลจึงเป็นเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งที่น่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะทางเดินเลียบชายทะเลปล่อยใจปล่อยกลายไปกับเสียงคลื่นซัด เป็นอีกเมืองหลักน่าเที่ยวห้ามพลาด

5. สตาร์สบูร์ก

เมืองท่องเที่ยวแสนสวยงามของฝรั่งเศส แม้เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่บรรยากาศสวยงามและโรแมนติกสุด ๆ ใครไป ทัวร์ฝรั่งเศส กับคู่รักบอกเลยว่าจะต้องชอบแน่ ๆ แถมมีพรมแดนติดกับเยอรมันทำให้มีการผสมผสานวัฒนธรรมระหว่าง 2 ประเทศได้อย่างลงตัว

6. หอไอเฟล

ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปารีสมา ทัวร์ฝรั่งเศส ทั้งทีไม่มาถ่ายรูปสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของหอไอเฟลคงเหมือนมาไม่ถึงแน่ ๆ สามารถขึ้นไปด้านบนเพื่อชมความงดงามของเมืองปารีสได้รวมถึงยามค่ำคืนยังมีแสงสีสวยงามเรียกว่ามาได้ทุกช่วงเวลาจริง ๆ

7. พระราชวังแวร์ซายส์

พระราชวังอันแสนงดงามลำดับต้น ๆ ของโลก ภายในมีห้องกว่า 700 ห้อง มีภาพวาดถึง 6,123 ภาพ บวกกับผลงานการแกะสลักอีก 15,034 ชิ้น อีกความพิเศษคือสวนสวยด้านนอกจะถูกตกแต่งไปตามฤดูกาลต่าง ๆ น่าประทับใจที่สุด กับ ทัวร์ฝรั่งเศสพระราชวังแวร์ซายส์ 

8. ประตูชัยฝรั่งเศส

อนุสรณ์สำคัญที่ควรสัมผัสเมื่อมา ทัวร์ฝรั่งเศส เป็นประตูชัยขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก ออกแบบตามสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิก อีกแลนด์มาร์คสำคัญที่ใครไปเยือนถึงที่ก็ต้องแชะภาพเก็บเอาไว้ทุกราย

9. พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

นี่คือพิพิธภัณฑ์ชื่อดังที่สุดของโลกทั้งหน้าประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าการเข้ามา ทัวร์ฝรั่งเศส ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ต้องไม่พลาดชม โมนาลิซ่า ภาพเขียนระดับโลกจากฝีมือของเลโอนาร์โด ดาวินชี่

10. วิหารมงต์แซงมิเชล

ตั้งอยู่เกาะกลางทะเลบริเวณริมชายหาดของแคว้นนอร์มังดี เอาเป็นว่าแค่มองเห็นไกล ๆ ก็ต้องทึ่งแล้ว มีความคลาสสิกที่ถูกสร้างขึ้นมากว่าพันปี แถมได้รับการยกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกตะวันตกด้วย

11. ดิสนีย์แลนด์ ปารีส 

ใครว่ามา ทัวร์ฝรั่งเศส ต้องเยี่ยมชมแต่งานศิลปะ เพราะทุกคนสามารถสนุกไปกับดิสนี่ย์แลนด์ขนาดยักษ์ลำดับต้น ๆ ของโลกได้เลย รับรองทั้งเครื่องเล่นและการแสดงต่าง ๆ ช่างตื่นตาตื่นใจจนลืมวันเวลาไปเลย

12. มหาวิหารสตาร์บูร์ก

วิหารสลักหินสีชมพูกับสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิก ภายในถูกประดับด้วยกระจกหลายสีที่ส่องสว่างให้ดูแปลกตาพร้อมหอคอยกับนาฬิกาดาราศาสตร์ยุคเก่าให้ได้สัมผัสความพิเศษด้วย

ร้านอาหารแนะนำประเทศฝรั่งเศส

1. Café de Flore

ร้านครัวซองฝรั่งเศส มาถึง ปารีส ฝรั่งเศส ทั้งที จะพลาดครัวซองไปได้อย่างไร และร้านนี้ก็คือร้านที่ติดอันดับยอดนิยมทั้งชาวปารีสและนักท่องเที่ยวไทย แน่นอนว่าเมนูแนะนำ คือ ช็อคโกแล็ตร้อน กับ ครัวซอง รับรองว่าเป็นเมนูที่ต้อนรับยามเช้าได้แบบฟินเวอร์ 

2. Comptoir De La Gastronomie

ร้านอาหารฝรั่งเศสแนะนำชื่อดังร้านหนึ่งในปารีส เป็นร้านเก่าแก่ตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่า เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่ตกแต่งภายในด้วยไม้และโทนสีแดง ทางร้านมีที่นั่งทั้ง indoor และ outdoor ประมาณ 10โต๊ะ เมนูพิเศษของทางร้านคือ Foie gras สด และไวน์หลากหลายชนิด สามารถรับประทานที่ร้านหรือสามารถให้เราซื้อกลับบ้านได้อีกด้วยเป็นอีกหนึ่งร้านที่นักท่องเที่ยวนิยมไปสุด  

3. LADURÉE

Ladurée ตำนานมาการอง150 ปี และปัจจุบันก็เป็นร้านมาการองที่มีสาขามากที่สุดในโลก ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านมารากองที่โด่งดังและใหญ่ที่สุด รวมถึงราคาที่แพงตามความดังไปด้วย แต่คุณภาพก็มาพร้อมราคานะ มั่นใจว่าได้ของดีแน่นอน และที่สำคัญทำด้วยสูตรของฝรั่งเศสแท้ ต้องมาซื้อที่ฝรั่งเศสเท่านั้น 

4. Huitrerie Regis

ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสที่เน้นอาหารทะเลโดยเฉพาะ เป็นร้านที่อยู่ใน 10 of the best restaurants in Paris เลยนะ ตัวร้านตกแต่งด้วยสีขาวสบายตา แนะนำเลยว่าถ้ามาต้องสั่งเมนูยอดฮิตหอยนางรมเพราะสด เพราะอร่อยฟินมาก ขอแนะนำอีก 2 เมนู คือ  “Les Fines de Claires” และ “Les Speciales de Claires” เป็น Oyster ชั้นดีเสิร์ฟบนถาดน้ำแข็ง หากมีโอกาสมาเที่ยว ทัวร์ฝรั่งเศส อย่าลืมแวะมาทานกันด้วยนะ 

ของฝากจากฝรั่งเศส

ก่อนเดินทางกลับจาก ทัวร์ฝรั่งเศส อย่าพลาดกับการซื้อของฝากกันหน่อย รับรองว่าแต่ละชิ้นจะต้องประทับใจแน่ ๆ 

1. น้ำหอม

มา ทัวร์ฝรั่งเศส ทั้งทีไม่ซื้อน้ำหอมกลับไปคงเหมือนมาไม่ถึง ประเทศนี้มีชื่อเสียงด้านน้ำหอมอย่างมากจนได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งน้ำหอม” มีหลากกลิ่น หลายแบรนด์ให้เลือกสรรกันอย่างจุใจ เชื่อว่าทั้งสาว ๆ และหนุ่ม ๆ ที่รักการแต่งตัวต้องประทับใจแน่ ๆ 

2. มาการอง

ขนมชื่อดังที่ใครมา ทัวร์ฝรั่งเศส ก็ห้ามพลาดซื้อกลับไปฝากคนที่เมืองไทย มีหลายรสชาติภายใต้สีสันแสนสวยงาม เช่น สตรอเบอร์รี่, ช็อกโกแลต, มะนาว, ส้ม, วานิลลา ฯลฯ ยิ่งได้ทานคู่กับชาร้อน ๆ ของฝรั่งเศสนะอร่อยสุด ๆ ไปเลย

3. แชมเปญ

มาถึงออริจินัลทั้งทีไม่ซื้อกลับไปฝากก็ดูกะไรอยู่ ลักษณะแชมเปญจะเป็นสปาร์คกลิ้งไวน์ มีความซ่าในตัว เวลาเราเห็นเทศกาลต่าง ๆ ก็มักเห็นเครื่องดื่มชนิดนี้เสมอ ดังนั้นห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงที่จะแบบขึ้นเครื่องกลับมา

4. ไวน์

อีกหนึ่งประเทศที่โด่งดังมาก ๆ ในเรื่องของไวน์ ที่นี่มีไวน์ชื่อดังที่ส่งขายไปทั่วโลกมากมาย คงจะดีกว่าหากเราได้ซื้อจากต้นตำรับแล้วชิมรสชาติอันแสนพิเศษในบ้านอันแสนอบอุ่น

5. ช็อกโกแลต

ที่นี่คือหนึ่งในช็อกโกแลตที่ดีที่สุดในโลก เข้มข้น กลมกล่อม มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง แต่ละร้านมีความน่าสนใจมาก ๆ อย่าพลาดซื้อกลับไป

ใครที่อยากมา ทัวร์ฝรั่งเศส สัมผัสกับบรรยากาศดี ๆ บวกกับอาหารแสนอร่อย สถานที่เที่ยวอันเลื่องชื่อของโลกขอบอกเลยว่าต้องลองสักครั้งในชีวิตแล้วจะประทับใจแบบไม่รู้ลืม

เคล็ดลับท่องเที่ยวฝรั่งเศส

เมื่อพอเข้าใจรายละเอียดคร่าว ๆ ก่อนไป ทัวร์ฝรั่งเศส แล้วคราวนี้มาดูการเตรียมตัวให้พร้อมกันเลยดีกว่าเพื่อจะได้เที่ยวอย่างสบายใจ ไร้กังวล สำหรับคนที่อยากเข้าไป ทัวร์ฝรั่งเศส จำเป็นต้อง ขอวีซ่าให้เรียบร้อยเพื่อการเข้าประเทศได้อย่างไร้ปัญหา หรือจะใช้วีซ่าเชงเก้นก็ได้เช่นกัน พร้อมกันนี้อย่าลืมพกพาสปอร์ตติดตัวไปด้วยเวลายื่นกับเจ้าหน้าที่ ตม. จะได้ไร้ปัญหา น้ำหนักของกระเป๋าเดินทาง ตรงนี้ขึ้นอยู่กับการให้บริการของสายการบินต้องตรวจสอบให้ดีว่าเที่ยวบินที่จะเดินทางไป ทัวร์ฝรั่งเศส ให้น้ำหนักกระเป๋าเท่าไหร่จะได้จัดเตรียมอย่างเหมาะสมไม่เกินน้ำหนักจนต้องเสียเงิน

ปลั๊กไฟที่ใช้ เรื่องนี้สำคัญมาก ๆ เนื่องจากการไป ทัวร์ฝรั่งเศส ปลั๊กไฟที่ใช้จะต่างกับประเทศอื่น ๆ โดยรูปแบบปลั๊กคือขากลมแบบ 2 ขา แต่ตรงกลางจะมีรูกลม ๆ สำหรับสายดินซึ่งยื่นออกมาจากเต้ารับ นั่นคือความต่างที่ควรเตรียมหัวปลั๊กไฟไปใช้งานด้วย การใช้อินเตอร์เน็ตและมือถือ สำหรับคนที่ไป ทัวร์ฝรั่งเศส และต้องการใช้อินเตอร์เน็ตแนะนำให้ซื้อซิมการ์ดจากเมืองไทยเพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตโดยเฉพาะหรือซื้อพ็อคเก็ตไวไฟใช้งานก็สะดวกสบายดี 

ค่าเงินในฝรั่งเศส จริง ๆ แล้วฝรั่งเศสก็มีสกุลเงิน ฟรังก์ (FRF) เป็นของตนเอง 1 ฟรังก์ = ประมาณ 27 บาทไทย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถใช้เงินยูโรแลกไปสำหรับใช้จ่ายได้ แนะนำว่าให้แลกเงินจากเมืองไทยไปก่อนเพื่อความสะดวกและอัตราแลกที่คุ้มค่ากว่า

 

รีวิวทัวร์ฝรั่งเศสน่าสนใจ

6 สิ่งห้ามพลาด ! เมื่อมีโอกาสไปเยือน “ฝรั่งเศส”

10 เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวฝรั่งเศส – ไปทั้งที ต้องไม่มีคำว่าพลาด!

ฤดูไหนดีที่สุด ? เที่ยวสวิส อิตาลี ฝรั่งเศส


HIGHLIGHTS PSG – LEIPZIG | VẮNG NEYMAR, MESSI VÀ MBAPPE LÀM TẤT | UCL 2021/22


HIGHLIGHTS PSG LEIPZIG | VẮNG NEYMAR, MESSI VÀ MBAPPE LÀM TẤT | UCL 2021/22

Quý khán giả hãy SUBSCRIBE và NHẤN CHUÔNG THÔNG BÁO kênh FPT Bóng đá để đón xem những highlight nhanh nhất, nét nhất của các giải đấu Champions League, Europa League, Europa Conference League…và nhiều giải đấu khác.

Xem trực tiếp \u0026 độc quyền UEFA Champions League, Europa League, Europa Conference League trên FPT Play!
• Đăng ký gói MAX: https://bit.ly/dangkygoiMAX
• Đăng ký gói SPORT: https://bit.ly/dangkygoiSPORT

Xem thêm:
FPT Thể thao đối kháng: https://bit.ly/3D9oRs2
FPT Bóng Đá: https://bit.ly/3s9Tolq
FPT Bóng Đá Việt: https://bit.ly/3k7izSb

FPT Play Không giới hạn
Website: fptplay.vn
Hotline: 1900 6600

UEFAChampionsLeague PSG MESSI

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

HIGHLIGHTS PSG - LEIPZIG | VẮNG NEYMAR, MESSI VÀ MBAPPE LÀM TẤT | UCL 2021/22

YAMI IN PARIS เที่ยวปารีสด้วยตัวเองง่ายๆ💃ตามรอย #EmilyinParis | YAMUYAMI


Hello Guys!!
My name is Yammy from Thailand
This vlog I travelled alone to Paris.
Actually, it was super easy to go everywhere by train.
My goal was to explore Paris and got epic photos that most travel blogger around the world did! If you wanna know what I did where I went in Paris, please watch this video❤️
อย่าลืมกด Subscribe ให้ด้วยนะคะ
Follow me
🌎https://www.facebook.com/yamuyami.blog
🌍https://www.instagram.com/yamuyami/
🌏 https://yamuyami.com/

YAMI IN PARIS เที่ยวปารีสด้วยตัวเองง่ายๆ💃ตามรอย #EmilyinParis  | YAMUYAMI

Bird’s Eye View EP.143 มนต์เสน่ห์….แห่งทาคายาม่า (1/3)


ติดตามความประทับกับการเดินทางทั้งหมดได้ในรายการมองมุมใหม่ Bird’s Eye View ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.35 11.00 น. ทางช่อง PPTVHD 36

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง social media
facebook : https://www.facebook.com/PPTVHD36
twitter : https://twitter.com/PPTVHD36
instagram : https://www.instagram.com/pptvhd36/
google+ : https://plus.google.com/+PPTVHD36
LINE : @PPTVHD36

Bird's Eye View EP.143 มนต์เสน่ห์....แห่งทาคายาม่า (1/3)

PARIS SAINT-GERMAIN – LOSC LILLE (2 – 1) – Highlights – (PSG – LOSC) / 2021-2022


PARIS SAINTGERMAIN vs LOSC LILLE Highlights (2 1) in video.
Ligue 1 Uber Eats Season 2021/2022 Week 12 PARC DES PRINCES Friday 29 October 2021
Goals : Jonathan Christian DAVID (31′ LOSC) / MARQUINHOS (74′ PSG) / Angel DI MARIA (88′ PSG)
PARIS SAINTGERMAIN Team lineup : 27 Idrissa GUEYE /3 Presnel KIMPEMBE /5 MARQUINHOS (c) /11 Angel DI MARIA /10 NEYMAR JR /24 Thilo KEHRER /14 Juan BERNAT /15 Danilo Luis Helio PEREIRA /18 Georginio WIJNALDUM /50 Gianluigi DONNARUMMA /30 Lionel Andres MESSI CUCCITTINI
LOSC LILLE Team lineup : 7 Jonathan BAMBA /10 Jonathan IKONE /8 XEKA (c) /2 Zeki CELIK /6 José FONTE /28 REINILDO /3 Tiago DJALO /18 Renato SANCHES /17 Burak YILMAZ /9 Jonathan Christian DAVID /1 Ivo GRBIC
Follow us on Youtube : https://www.youtube.com/subscription_center?add_user=ligue1fr
Follow us on Instagram : https://instagram.com/ligue1ubereats/
Follow us on Twitter : https://twitter.com/Ligue1UberEats
Follow us on Facebook : https://fb.com/Ligue1UberEats
Follow us on Ligue1.fr : https://www.ligue1.com
Follow us on Twitch : https://www.twitch.tv/ligue1ubereats
Follow us on Tiktok : https://www.tiktok.com/@ligue1ubereats?lang=en

PARIS SAINT-GERMAIN - LOSC LILLE (2 - 1) - Highlights - (PSG - LOSC) / 2021-2022

\”กวาง เดอะเฟซ\” นุ่งสั้นกลางกรุงปารีส ชาวเน็ตจวก \”ไม่แก้ผ้าเลยล่ะ\” | เผ็ดมันส์บันเทิง | ช่อง8


\”กวาง เดอะเฟซ\” นุ่งสั้นกลางกรุงปารีส ชาวเน็ตจวก \”ไม่แก้ผ้าเลยล่ะ\” เผ็ดมันส์UNCUT
🔴 YouTube คลิก : https://youtu.be/mMCNa5O11E
📺 เผ็ดมันส์บันเทิง ทุกวันจันทร์ศุกร์ เวลา 10.10 น. ทาง ช่อง8
ใครๆก็ดูช่อง8กดเลข27
ติดตาม ช่อง8
http://www.thaich8.com
https://www.youtube.com/thaich8
https://www.facebook.com/thaich8
https://www.twitter.com/thaich8
http://www.instagram.com/thaich8
https://www.tiktok.com/@thaich8

\

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ปารีส

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *