Skip to content
Home » [Update] รวมมิตร 6 การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยอดฮิตสำหรับวัยเรียน | แบบ ทดสอบ วัด ระดับ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] รวมมิตร 6 การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยอดฮิตสำหรับวัยเรียน | แบบ ทดสอบ วัด ระดับ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

แบบ ทดสอบ วัด ระดับ ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

 

ไหน ๆๆ ใครอยากไปต่อนอกยกมือขึ้นนนน

นอกจากเรื่องการหาทุน อีกหนึ่งปัญหาชวนมึนสำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อก็คือ ‘การสอบวัดระดับทางภาษา’ ที่มีมากมายหลายประเภท แถมแต่ละรูปแบบยังมีวัตถุประสงค์ในการสอบที่แตกต่างกันด้วย วันนี้ StartDee จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักสนามสอบภาษาอังกฤษ 6 รูปแบบ ทั้ง​ SAT, TOEIC, TOEFL, IELTS, CU – TEP และ TU – GET แต่ละแบบจะแตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลย !

 

 

SAT (Scholastic Aptitude Test หรือ the Scholastic Assessment Test)

ถึงจะไม่ใช่การสอบวัดระดับความสามารถด้านภาษาโดยเฉพาะ แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ผลการสอบ SAT ก็ถือว่าจำเป็นมาก ๆ เพราะ SAT คือการสอบวัดระดับมาตรฐานความรู้ สำหรับการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในสหรัฐอเมริกา และหลักสูตรอินเตอร์ในมหาวิทยาลัยของไทย การสอบจัดขึ้นโดย CollegeBoard เน้นวัดระดับความรู้ด้านการอ่านเขียนภาษาอังกฤษ การคิดวิเคราะห์ และการใช้เหตุผล การสอบ SAT มี 2 ประเภท ได้แก่

  1. SAT Reasoning Test หรือ SAT I: การสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษ และการใช้เหตุผลเชิงคณิตศาสตร์ ซึ่งก็คือวิชาภาษาอังกฤษและวิชาคณิตศาสตร์นั่นเอง การสอบ SAT Reasoning Test เป็นรูปแบบการสอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีคะแนนเต็มรวม 1,600 คะแนน ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่
    1. Evidence – Based Reading & Writing (800 คะแนน) หรือวิชาภาษาอังกฤษ ประกอบด้วยข้อสอบ Reading และ Writing and Language สำหรับทดสอบการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ (แกรมมาร์ โครงสร้างประโยคและ Tense ต่าง ๆ ไม่มีการเขียนเรียงความ (Essay) แต่อย่างใด)
    2. Mathematics (800 คะแนน) หรือวิชาคณิตศาสตร์ เน้นทดสอบการวิเคราะห์และการใช้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ ข้อสอบประกอบด้วยพาร์ทคำนวณที่อนุญาตใช้เครื่องคิดเลขช่วยคิดได้ และพาร์ทที่ไม่มีการคำนวณที่ห้ามใช้เครื่องคิดเลขในการทำข้อสอบ
  2. SAT Subject Test หรือ SAT II: การสอบวัดระดับ ความรู้เฉพาะทาง ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เช่น คณิตศาสตร์ (ระดับ Level 1 – 2 ซึ่งยากกว่าใน SAT I) วิทยาศาสตร์ ทั้งเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา ประวัติศาสตร์และสังคม (ประวัติศาสตร์อเมริกัน และประวัติศาสตร์โลก) วรรณกรรมอังกฤษ การอ่านและการฟังภาษาที่สาม เช่น ภาษาฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน จีน เกาหลี และญี่ปุ่น การอ่านภาษาอิตาเลียน ละติน และภาษาฮีบรู 

จะบอกว่าการสอบ SAT คล้ายกับการสอบ GAT – PAT สำหรับแอดมิชชันของไทยก็ไม่ผิดนัก นอกจากใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในต่างประเทศ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา) คะแนนสอบ SAT ยังจำเป็นมากต่อการยื่นเข้าคณะอินเตอร์ต่าง ๆ ในไทย เช่น BBA, EBA, ISE และ BALAC ถ้าเพื่อน ๆ สนใจและต้องใช้คะแนนสอบ SAT เราแนะนำให้เตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะข้อสอบ Reading ของ SAT นั้นซับซ้อนและศัพท์ยากมาก แถมค่าสอบก็แพงหูฉี่ (ค่าธรรมเนียมในการสอบอยู่ที่ 100.5$ หรือประมาณ 3,300 บาท และอาจมีค่า Late fee เพิ่มอีก 29$ หากสมัครสอบกระชั้นชิด) ดังนั้นเพื่อน ๆ ควรเตรียมตัวดี ๆ จะได้ไม่พลาด

*ปัจจุบัน CollegeBoard ได้ประกาศยกเลิกสอบ SAT Subject Tests ทั้งหมดแล้ว โดยจะจัดสอบรอบเดือนมิถุนายน 2021 เป็นรอบสุดท้าย แต่ SAT I ยังคงจัดสอบตามปกติ เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารสำหรับการสอบ SAT ได้ที่เว็บไซต์ของ CollegeBoard โดยตรง

 

CU – TEP (Chulalongkorn University Test of English Proficiency)

CU – TEP คือการทดสอบ วัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา ทั้งในระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษา จัดสอบโดยศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University Academic Testing Center) หากเพื่อน ๆ ต้องการเข้าศึกษาในคณะที่เป็นหลักสูตรนานาชาติ หรือต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาโทและเอกในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ต้องเตรียมตัวสอบ CU – TEP ไว้เลย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในไทยหลายที่ก็ใช้คะแนน CU – TEP ยื่นประกอบใบสมัครเพื่อศึกษาต่อด้วย (แต่อาจไม่ได้ใช้ทุกคณะ) เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ข้อสอบ CU – TEP จะเน้นวัด 3 ทักษะ ได้แก่ การอ่าน การฟัง การเขียน มีคะแนนเต็มทั้งหมด 120 คะแนน

 

TU – GET (Thammasat University General English Test)

TU – GET คือการทดสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ และระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ และคณะวารสารศาสตร์ การสอบ TU – GET จัดขึ้นโดยสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวข้อสอบจะเน้นวัดความรู้ด้านไวยากรณ์ (Grammar and Structure) คำศัพท์ (Vocabulary) และทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ (Reading comprehension) มีคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน

 

 

TOEFL (Test of English as a Foreign Language)

TOEFL คือแบบทดสอบวัดความสามารถใน การใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ มักใช้ในการสมัครงานหรือเรียนต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา โครงการแลกเปลี่ยนอื่น ๆ เช่น โครงการ Work and Holiday และบางครั้งการสมัครงานในโครงการ Work and Travel นายจ้างก็จะขอดูคะแนน TOEFL ด้วย การสอบ TOEFL จัดสอบโดย ETS (Educational Testing Survice) เหมือนกับ TOEIC ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการสอบ TOEFL มีการปรับปรุงและพัฒนาข้อสอบอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีการสอบหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างการสอบ TOEFL ที่สำคัญ เช่น

  1. TOEFL iBT Test: ย่อมาจาก Internet – based Format หรือการสอบผ่านอินเทอร์เน็ต การสอบจะวัดผลครอบคลุม 4 ทักษะทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ทุกทักษะจะมีคะแนนเต็ม 30 คะแนน รวมเป็น 120 คะแนน ถ้าพูดถึงการสอบ TOEFL แบบไม่เฉพาะเจาะจงก็จะหมายถึงการสอบ TOEFL iBT Test
  2. TOEFL ITP Test: หรือ TOEFL Institutional Testing Program เป็นข้อสอบที่ ETS พัฒนาขึ้นมาทดแทนการสอบด้วยกระดาษ (TOEFL PBT หรือ TOEFL Paper – Based Test) ที่ถูกยกเลิกไปในเดือนกรกฎาคม ปี 2017 การสอบ TOEFL ITP มักเป็นการสอบที่สถาบันต่าง ๆ จัดขึ้นเพื่อใช้คะแนนยื่นเข้าสถาบันนั้น ๆ โดยตรง เช่น MUIC ของมหาวิทยาลัยมหิดล การสอบ TOEFL ITP Test มีคะแนนเต็ม 677 คะแนน และไม่เป็นที่นิยมสอบมากนัก

นอกจากนี้ ETS ยังจัดการสอบ TOEFL Junior Test สำหรับเด็กในช่วงอายุ 11+ ปี และ TOEFL Primary Test สำหรับเด็กในช่วงอายุ 8+ ปีด้วย แต่จะเน้นวัดความสามารถและพัฒนาการด้านการสื่อสารเป็นหลัก

 

 

TOEIC (Test Of English for International Communication)

TOEIC คือการสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษสำหรับ “การทำงานในองค์กรระดับนานาชาติ” ต่าง ๆ ในปัจจุบันสถานศึกษาบางแห่งก็บังคับให้ยื่นคะแนนสอบ TOEIC ก่อนยื่นจบการศึกษาด้วย การสอบ TOEIC จัดสอบโดย ETS (Educational Testing Survice) ซึ่งเป็นองค์กรที่ดำเนินงานด้านการสอบวัดผลทางการศึกษาโดยเฉพาะ ผลคะแนนจากการสอบ TOEIC เป็นที่ยอมรับขององค์กรกว่า 14,000 กว่าองค์กรใน 160 ประเทศทั่วโลก  ถือเป็นอีกหนึ่งการสอบวัดระดับทางภาษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล การสอบ TOEIC แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ

  1. TOEIC Listening and Reading Test: การสอบวัดระดับทักษะ การอ่านและการฟัง ภาษาอังกฤษที่จำเป็นต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
  2. TOEIC Speaking and Writing Tests: การสอบวัดระดับทักษะ การพูดและการเขียน ภาษาอังกฤษที่จำเป็นต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
  3. TOEIC Bridge Test: การสอบวัดระดับการอ่านและการฟังภาษาอังกฤษ สำหรับผู้เรียนในระดับเบื้องต้นจนถึงปานกลาง ข้อสอบจะมีแค่ 100 ข้อ TOEIC Bridge Test จึงเหมือนข้อสอบจำลองของ TOEIC Listening and Reading Test เหมาะสำหรับการวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษก่อนเข้าเรียนในสถาบันต่าง ๆ

โดยการสอบ TOEIC Listening and Reading Test เป็นรูปแบบการสอบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ข้อสอบ TOEIC Listening and Reading Test จะมีทั้งหมด 200 ข้อ แบ่งเป็นพาร์ทการอ่าน (Reading) 100 ข้อ และพาร์ทการฟัง (Listening) อีก 100 ข้อ คะแนนเต็ม 990 คะแนน โดยในการศึกษาต่อและการสมัครงาน แต่ละองค์กรจะมีเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำที่แตกต่างกัน (แต่ถ้าได้ 700 คะแนนขึ้นไปก็ถือว่าน่าพอใจ หายห่วงได้ในระดับหนึ่งแล้ว) เนื้อหาของข้อสอบ TOEIC ประกอบไปด้วยการวัดทักษะการสื่อสารเชิงธุรกิจ เน้นบทสนทนาเกี่ยวกับการทำงานในบริษัท งบประมาณและการเงิน เทคโนโลยีการสื่อสาร สุขภาพ การเดินทาง และความบันเทิงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เนื่องจากการสอบ TOEIC มีค่าธรรมเนียมการสอบที่ถูกกว่าการสอบรูปแบบอื่น ๆ (ค่าสมัครสอบอยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท) ผลการสอบออกเร็วมาก ๆ (แค่ 1 – 2 วันหลังการสอบก็รู้ผลคะแนนแล้ว) แถมผลการสอบก็ได้รับการยอมรับในระดับสากล การสอบ TOEIC จึงได้รับความนิยมสูงมากและมีผู้เข้าสอบกว่า 6 ล้านคนทั่วโลกต่อปี

IELTS (International English Language Testing System)

IELTS คือการสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษระดับมาตรฐานสากลสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ ที่จัดขึ้นโดย British Council, IDP: IELTS Australia และ Cambridge Assessment English มักใช้พิจารณาเพื่อการศึกษาต่อหรือการทำงานในยุโรป อังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ และไอริช รวมถึงโครงการแลกเปลี่ยน Work and Holiday ด้วย การสอบ IELTS มี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ 

  1. Academic Modules: สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี – เอก
  2. General Training Modules: สำหรับผู้ที่ต้องการทำงานหรือย้ายถิ่นฐานไปออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

โดยการวัดผลของ IELTS นั้นครอบคลุม 4 ทักษะ ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน แต่จะคิดคะแนนออกมาเป็นคะแนนเฉลี่ยของทั้ง 4 ทักษะด้วยการหาร 4 แล้วเทียบเป็น Band ตั้งแต่ 0.0 – 9.0 แทน

จะเห็นว่าการสอบแต่ละแบบก็มีรายละเอียกที่แตกต่างกัน ทั้งจุดประสงค์ในการสอบ ค่าสมัครสอบ และจำนวนรอบที่เปิดให้สอบต่อเดือน วันนี้ StartDee สรุปรายละเอียดแบบคร่าว ๆ มาให้แล้ว (แต่เพื่อข้อมูลที่อัปเดต ก่อนสอบเพื่อน ๆ ควรตรวจสอบกำหนดการสอบในหน้าเว็บไซต์ทางการอีกครั้ง)

 
จุดประสงค์ในการสอบ
ค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ (THB)
คะแนนเต็ม
จำนวนครั้งที่เปิดให้สอบ
อายุคะแนน (ปี)

SAT
สอบวัดระดับมาตรฐานความรู้ เพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของต่างประเทศและหลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยของไทย
3,300+
1,600
4 – 5 ครั้งต่อปี
2

CU – TEP
สอบวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ และระดับปริญญาโท – เอกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
900
120
1 – 2 ครั้งต่อเดือน
2

TU – GET
สอบวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติ และระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
500 – 700
1,000
1 ครั้งต่อเดือน
2

TOEFL
สอบวัดความสามารถใน การใช้ภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ
1,800
120
เปิดสอบทุกวันยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
2

TOEIC
สอบวัดระดับความรู้ทางภาษาสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
1,800
990
เปิดสอบทุกวันยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
2

IELTS
วัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อหรือการทำงานในยุโรป อังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ และไอริช
6,900
9
4 ครั้งต่อเดือน
2

 

เทคนิคการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษให้ผ่านแบบง่าย ๆ นอกจากการฝึกฝนการฟัง พูด และอ่านภาษาอังกฤษบ่อย ๆ  อีกหนึ่งทักษะที่ขาดไม่ได้ก็คือการเขียนไวยากรณ์ให้เป๊ะ เพื่อน ๆ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน StartDee เพื่อทบทวนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเพลิน ๆ ในรูปแบบแอนิเมชัน หรือจะแวะเข้าไปทบทวน Tense 12 แบบ กันก่อนก็ได้เช่นกัน

 

Reference:

https://www.ets.org/

https://global-exam.com/blog/en/toeic-introduction/

https://eflchiangmai.com/th/what-you-need-to-know-about-new-toeic/

https://www.interboosters.com/sattips

http://www.atc.chula.ac.th/th_html/th_tep.html

http://public.litu.tu.ac.th/view/post/37/567

https://www.ignitebyondemand.com/cu-tep-and-tu-get/

[NEW] วัดระดับภาษาอังกฤษด้วย CEFR ไม่เสียค่าใช้จ่าย แถมได้ Certificate | แบบ ทดสอบ วัด ระดับ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

7

Shares

ไม่จำเป็นต้องเกริ่นใดๆนะครับ ขออนุญาตเข้าเรื่องเลยแล้วกัน วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้า CEFR กัน

CEFR คืออะไร?

The Common European Framework of Reference for Languages หรือ CEFR คือ ตัววัดมาตรฐานสากล ที่ใช้ในการวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ โดยจะแบ่งออกเป็น 6 ระดับ ไล่ตั้งแต่ A1 สำหรับผู้เริ่มต้น ไปจนถึง C2 สำหรับระดับเชี่ยวชาญ ซึ่งการสร้างมาตรฐานนี้ขึ้นมาทำให้ง่ายต่อทั้งการเรียนและการสอนครับ

มีระดับอะไรบ้าง?

อย่างที่เล่าไปเมื่อกี้ครับว่า CEFR มันมีอยู่ทั้งหมด 6 ระดับ ก็ไล่ไปเลยครับ A1, A2, B1, B2, C1, และ C2 ทีนี้เราจะมาลงรายละเอียดกันครับว่าแต่ละระดับมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

ระดับ

รายละเอียด

C2 (Proficient)

เข้าใจและมองเห็นภาพได้ทั้งจากการอ่านหรือได้ยินอย่างชัดเจน สามารถสรุปข้อมูลจากหลายๆแหล่ง นำมาปรับคำและเชื่อมโยงถึงกันได้ มีความรู้ มีความเข้าใจภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถแสดงความเห็นได้อย่างคล่องแคล่วแม้ว่าจะเป็นบริบทคำพูดที่มีความซับซ้อน

C1 (Proficient)

เข้าใจความต้องการที่หลากหลายหรือหนังสือที่มีความยาวได้ มีความรู้ ความเข้าใจภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถแสดงความเห็นได้อย่างคล่องแคล่วและไม่ใช้เวลานานมากนัก แต่ยังคงใช้ภาษาในการพูดคุยตั้งแต่ระดับไม่เป็นทางการไปจนถึงทางการได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถทำความเข้าใจและเขียนเรื่องซับซ้อนออกมาได้

B2 (Intermediate)

เข้าใจใจความหลักของเรื่องราวที่ซับซ้อนไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม รวมถึงในเชิงของความเชี่ยวชาญพิเศษ สามารถสื่อสารกับเจ้าของภาษาได้โดยปราศจากความเครียด สามารถเขียนอธิบายเนื้อหาได้หลากหลายหัวข้อ และอธิบายปัญหาจากการบอกข้อดีข้อเสียได้

B1 (Intermediate)

เข้าใจจุดประสงค์หลักของสถานการณ์ที่เป็นพื้นฐาน เช่น ที่ทำงานงาน, โรงเรียน, การท่องเที่ยว เป็นต้น สามารถจัดการส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นระหว่างการท่องเที่ยว สามารถสื่อสารด้วยเรื่องที่คุ้นเคยอยู่แล้วได้ และสามารถอธิบายประสบการณ์ของเหตุการณ์, ความฝัน, ความต้องการส่วนตัว ด้วยเหตุผลหรือมีลักษณะเป็นแผนการได้

A2 (Beginner)

เข้าใจประโยคที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน สามารถสื่อสารเรื่องที่เป็นกิจวัตรหรือคุ้นเคยอยู่แล้วได้ และสามารถอธิบายประวัติอย่างง่ายของตัวเองได้

A1 (Beginner)

เข้าใจประโยคที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน สามารถแนะนำตัวเอง ถามและตอบคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดส่วนบุคคลได้ เช่น ของที่มี สถานที่อยู่อาศัย และสามารถโต้ตอบกับผู้อื่นได้ แต่ต้องพูดช้าและชัดเจน

ทีนี้เรารู้ความแตกต่างของแต่ละระดับกันแล้ว ต่อไปเรามาดูกันครับว่าเราจะไปสอบที่ไหนกันได้บ้าง เลือกกันได้ตามสบายเลยครับ

ทดสอบ CEFR

EF (English First)

EF หรือ English First เป็นสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่คิดว่าหลายๆคนน่าจะเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว เพราะก็มีสาขาที่ประเทศไทยด้วย

ในเว็บไซต์ของ EF เองก็มีให้ทดสอบ CEFR อยู่ด้วยครับ

โดยจะมีด้วยกันอยู่ 2 แบบซึ่งมีรายละเอียดตามภาพข้างล่างเลยครับ

EF CEFR test

การทดสอบทั้ง 2 แบบ จะประกอบไปด้วย Reading และ Listening อย่างละครึ่ง โดยถ้าเป็นแบบ 50 นาทีก็จะมีเป็น passage และ email อยู่ในข้อสอบ reading ด้วยครับ

ผลลัพธ์ 15 นาที Quick Check

ในภาพรวมผมได้คะแนนพอๆกันทั้ง Reading และ Listening และถูกจัดอยู่ในระดับ C1 ครับ

EF CEFR test result - 15min

ผลลัพธ์ 50 นาที EF SET

สำหรับการทดสอบแบบ 50 นาที จะเห็นว่าผมไม่สามารถซ่อนความอ่อนเรื่องการฟังของตัวเองได้แล้ว 55555 ซึ่งสรุปก็คือ Reading อยู่ที่ C2 ในขณะที่ Listening อยู่ที่ B2 จะเห็นได้ว่าผลลัพธ์แบบ Quick check กับ EF SET จะมีความต่างกันอยู่บ้าง แต่สุดท้ายผมยังคงอยู่ในระดับ C1 เหมือนเดิมครับ

และสำหรับสอบ EF SET จะมีใบ certificate ให้เราไปใส่ใน Linkedin ได้ด้วยครับ

ED CEFR Test result 50min

EF SET Certificate

หลังจากอ่านแล้วชอบแบบไหนก็ลองไปเลือกสอบดูได้เลยครับ

วัดระดับภาษาอังกฤษของคุณ

มาถึงตรงนี้ทุกคนก็รู้ระดับตัวเองแล้วใช่มั้ยครับ ทีนี้เวลาไปหาแหล่งฝึกก็จะได้เลือกถูกว่าควรจะเริ่มตรงไหนดี ยังไงก็ขอให้โชคดีนะครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนก็อยากจะชวนกลับไปเลือกวิธีฝึกได้ที่หน้าแรกนะครับ 🙂


ข้อสอบภาษาอังกฤษที่ไม่ยากแต่ที่คนส่วนใหญ่พลาด


ข้อสอบภาษาอังกฤษที่ไม่ยากแต่ที่คนส่วนใหญ่พลาด
Subjectverb Agreememt
ติวกพ64 ติวท้องถิ่น64

ติดตาม วีดีโออื่นเพิ่มเติมที่
เพจ สอบราชการ ง่ายๆ by GoodBrain
https://www.facebook.com/GoodBrainGB/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ข้อสอบภาษาอังกฤษที่ไม่ยากแต่ที่คนส่วนใหญ่พลาด

แชร์วิธีเช็คระดับภาษาก่อนฝึก เก่งเร็วเป็นไวขึ้นแน่นอน! | sMo FatiiMa


สวัสดีทุกคนนน
หลายคนอาจมีปัญหาอยากเก่งภาษาอังกฤษ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง จะต้องฝึกยังไง ฝึกแล้วก็รู้สึกว่ามันยาก ท้อ อาจจะเพราะฝึกภาษาไม่ตรงกับระดับของตัวเองนะฮะ (โมเคยเป็นมาก่อนTT)
คลิปนี้โมเลยจะชวนมาเช็คระดับภาษาอังกฤษด้วยตัวเองกันนะคะ จะได้รู้ว่าเราอยู่ระดับไหนแล้ว แล้วควรจะต้องฝึกยังไงเพื่อให้เก่งภาษาอังกฤษเร็วๆ โดยโมเล่าความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวลงไปด้วยเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เป็น insight จากคนไทยคนนึงที่ไม่เก่งภาษาและกลัวฝรั่งมากๆ จนตอนนี้สามารถสื่อสารได้ในระดับดี มีเพื่อนฝรั่ง แฟนฝรั่ง และกำลังจะไปเรียนต่อและใช้ชีวิตที่ต่างประเทศนะคะ หวังว่าคลิปนี้จะมีประโยชน์ค่า
จากคนไม่เก่งภาษา มามีแฟนฝรั่งได้ไง?
https://www.youtube.com/watch?v=W2NMSvaIy4
ขอบคุณที่เข้ามาชมวิดิโอนี้ อย่าลืมกด SUBSCRIBE เพื่อติดตามคลิปต่อๆไปด้วยน้า ^3^

IG : smonomad
https://www.instagram.com/smonomad/
FB : sMo Nomad
https://www.facebook.com/sMoNomad
Tik Tok : sMo Nomad
https://www.tiktok.com/@smonomad
Email : [email protected]

sMoNomad
EnglishwWithsMo

แชร์วิธีเช็คระดับภาษาก่อนฝึก เก่งเร็วเป็นไวขึ้นแน่นอน! | sMo FatiiMa

ทดสอบภาษาอังกฤษ โจทย์คณิตฯ ระดับประถม | เทพลีลา


โจทย์เลขระดับประถม ไม่ง่ายอย่างที่คิด ลองทำแล้วมาเมนท์ใต้คลิปด้วยนะ ว่าได้เท่าไหร่กัน
IG เทพลีลา: thep.lee.la
IG พี่เหว่ง: weng_go_home
IG พี่เติ๊ด: third.ong
กดSubscribe เพื่อที่จะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆจากเทพลีลา
► https://goo.gl/EdFp3Q
เทพลีลา Facebook page:
► https://goo.gl/crXeF6

ทดสอบภาษาอังกฤษ โจทย์คณิตฯ ระดับประถม | เทพลีลา

เรียนฟรีวันที่ 6 : Quantifiers คืออะไร


แชร์เก็บไว้ทบทวนได้เลยนะคะ

เรียนฟรีวันที่ 6 : Quantifiers คืออะไร

คุณเก่งศัพท์แค่ไหน?? ลุ้นไปกับแบบทดสอบ 20 ข้อ Phrasal Verbs


ติดตาม Facebook Fanpage ครูเชอรี่ English Bright
https://www.facebook.com/cherry.englishbright

คุณเก่งศัพท์แค่ไหน?? ลุ้นไปกับแบบทดสอบ 20 ข้อ Phrasal Verbs

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ แบบ ทดสอบ วัด ระดับ ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *