Skip to content
Home » [Update] พจน์ของคำนาม (The Number of Nouns) ภาษาอังกฤษ | woman พหูพจน์ – NATAVIGUIDES

[Update] พจน์ของคำนาม (The Number of Nouns) ภาษาอังกฤษ | woman พหูพจน์ – NATAVIGUIDES

woman พหูพจน์: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

ได้ชี้แจงให้ทราบแล้วว่าคำนามที่ใช้ในทางไวยากรณ์นั้น เราดูแต่เพียงว่านามใดเป็นนามนับได้ (Countable Noun) นามใดเป็นนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) เนื่องจากกระทบกับกิริยา (Verb) ในเรื่องของ “พจน์” (Number) ส่งแบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ

1. เอกพจน์ (Singular Number) หมายถึง “หนึ่ง” 2. พหูพจน์ (Plural Number) หมายถึง “มากกว่าหนึ่ง” และนามนับได้ (Countable Noun) เท่านั้นที่มีรูปเป็นพหูพจน์ (Rural Number) ได้

การสร้างรูปนามพหูพจน์ (Formation of the Plural Nouns)
การสร้างรูปนามพหูพจน์โดยทั่วไป ใช้ -S เติมท้ายที่นามเอกพจน์ (Singular Number) เช่น
book – books
day    – days
cat – cats
horse – horses
dog – dogs
judge – judges
bird – birds
mouth – mouths

แต่คำนามต่อไปนี้มีการสร้างรูปพหูพจน์ที่แปลกออกไป แต่ยังสรุปเป็นกฎได้ดังนี้
1) คำที่ลงท้ายด้วย -s, -sh, -ch, -x และ -z ให้เติม -es เช่น
glass – glasses
church – churches
brush – brushes
box    – boxes

2) คำที่ลงท้ายด้วย -o และ -o อยู่หลังพยัญชนะ ให้เติม -es เช่น
negro – negroes
hero – heroes
potato – potatoes
volcano – volcanoes

หมายเหตุ กลุ่มนี้มีคำยกเว้นอยู่หลายคำซึ่งแยกเป็น 2 กรณีดังนี้
1. คำที่ลงท้าย -o แต่ -o อยู่หลังสระ ให้เติม -s เช่น
cuckoo – cuckoos
curio – curios
cameo – cameos
studio – studios
bamboo – bamboos
radio – radios
portfolio – portfolios

2. คำที่รับมาจากภาษาอื่นๆ    เช่น
paino – painos
kilo – kilos
photo – photos
memento – mementos
dynamo –    dynamos
solo    – solos
magneto –    magnetos

3. คำที่ลงท้าย -y และ -y อยู่หลังพยัญชนะให้เปลี่ยน “v” เป็น แล้วเติม -es เช่น
laiy – ladies
army – armies
story – stories
fly    – flies

หมายเหตุ คำที่ลงท้าย – y แต่ – y อยู่หลังสระ (VowelI ให้เติม -s เช่น
valley – valleys
boy    – boys
donkey – donkeys
key    – keys

4) คำที่ลงท้ายด้วย -f หรือ -fe ให้เปลี่ยน -f หรือ -fe เป็น -V แล้วเติม -es เช่น
leaf – leaves
loaf    – loaves
wife – wives
half    – halves
thief – thieves

หมายเหตุ คำต่อไปนี้เป็นคำยกเว้น (Exception) ซึ่งให้เติม -s เท่านั้น คือ
roof     gulf     cliff     reef     proof   chief   hoof   turf   safe   dwarf   grief belief

แต่มีบางคำใช้ได้ 2 รูป คือ
scarfs หรือ scarves
staffs หรือ staves
wharfs หรือ wharves
hoofs หรือ hooves

รูปพหูพจน์นอกเหนือกฎ (Irregular Nouns)
1. มีคำนามอยู่ 8 สำ ใช้วิธีการเปลี่ยนรูปพหูพจน์โดยการเปลี่ยนเสียงสระ (Vowel) ภายในคำ เช่น
man    – men (และรูปผสมของ man คือ gentleman – gentlemen)
woman – women
louse – lice
tooth    – teehth
dormouse – dormice
foot    – feet
goose – geese
mouse  – mice

2. นามบางคำมีรูปเอกพจน์ และพหูพจน์ เป็นรูปเดียวกัน เช่น sheep swine deer fish (และรูป fishes ด้วย) นอกจากนี้ รวมทั้งชื่อของสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อใช้ในความหมายแสดงการล่า (hunting) หรือเป็นความหมายของเกมส์กีฬาต่างๆ เช่น
To hunt elephant, antelope etc.
To shoot wild duck, grouse etc.
To catch salmon, trout etc.

นอกจากนี้ยังมีนามรูปพหูพจน์ (ในรูปเอกพจน์) ซึ่งแสดงจำนวน (number) และแสดงการชั่งนํ้าหนัก (measurement of weight) เช่น
two dozen eggs, three hundred pounds
four thousand people, two gross of pencils
three score years, two stone of polatoes
four hundredweight of coal, 10,000 candle-power
20 horse-power, forty head of cattle
two yoke of oxen, และ
2,300,501 = two million three hundred thousand five hundred and one

หมายเหตุ
1. คำเหล่านี้ (ยกเว้น “gross”) จะต้องเติม -s ข้างท้าย เมื่อไม่มีจำนวนเลขอยู่ข้างหน้า เช่น dozens of eggs, hundreds of pounds, scores of times, hundredweights of coal

2. บางครั้งเมื่อมีจำนวนเลขอยู่ข้างหน้า อาจใช้ได้ทั้ง 2 รูป เช่น
He weighs twelve stones. หรือ He weighs twelve stone.
He is six feet tall. หรือ He is six foot tall.

คำต่อไปมีรูปเป็นพหูพจน์เท่านั้น แต่ใช้เป็นทั้งนามเอกพจน์และพหูพจน์ คือ
barracks, species, series, means, works (และรูปผสมของ “works” เช่น gas-works, iron-works etc. และรวมทั้ง Proper Noun ต่างๆ ที่ลงท้ายด้วย เสียง “s” เช่น Swiss, Chinese, Japanese, Portuguese และ Viennese

3) มีคำนาม 3 คำที่ทำรูปพหูพจน์โดยการเติม -en คือ
child – children
ox – oxen
brother – brethren

หมายเหตุ ปกติรูปพหูพจน์ของ brother คือ brothers แต่รูป brethren ถูกใช้เป็นรูปพหูพจน์จนกระทั่งศตวรรษที่ 17 แต่ปัจจุบันนี้รูป brethren ถูกใช้ในความหมาย “สมาชิกต่างๆ ในสมาคมเดียวกันหรืออยู่ในหลักศาสนาเดียวกัน”

รูปนามพหูพจน์ที่เป็นคำต่างประเทศ (Foreign Plurals)
มีคำจากภาษาต่างประเทศหลายคำที่ถูกนำมาใช้ในภาษาอังกฤษจึงมีรูปพหูพจน์ตามรูปเดิมของมัน คำภาษาต่างประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากภาษาลาติน (Latin) และภาษากรีก (Greek) เช่น
จากภาษาลาติน (Latin)
axis    – axes
bacillus – bacilli
medium  –    media
stratum – strata
bacterium     – bateria
locus – loci
radius – radii
corrigendum – corrigenda
addendum  – addenda
erratum – errata
larva     – larvae
nebula – nebulae

จากภาษากรีก (Greek) เช่น
Analysis – analyses
Basis – bases
Crisis – crises
hypothesis – hypotheses
thesis – theses
phenomenon – phenomena
criterion –    oriteria
oasis – oases

คำภาษาต่างประเทศบางคำถูกใช้ในภาษาอังกฤษนานแล้ว จึงมีรูปพหูพจน์ 2 รูป คือ รูปพหูพจน์จากของเดิม และรูปพหูพจน์ตามแบบอังกฤษโดยการเติม -es  เช่น
appendix    –    appendixes, appendices
formula    –    formulae, formulas
terminus    –    termini, terminuses
fungus    –    fungi, funguses
retina    –    retinae, retinas
cactus    –    cacti, cactuses
focus    –    foci, focuses
aquarium    –    aquaria, aquariums
curriculum –    curricula, curriculums
maximum    –    maxima, maximums
memorandum    – memoranda, memorandums
minimum    –    minima, minimums
sanatorium    –    sanatoria, sanatoriums
vortex    –    vortices, vortexes
automaton    –    automate, automatons

คำหลายคำรับมาจากภาฝรั่งเศส (French) และภาษาอิตาเลียน (Italian) จึงมีรูปพหูพจน์จากรูปเดิมและรูปพหูพจน์แบบอังกฤษ โดยการเติม -s เช่น

bureau – bureaux, bureaus
tableau – tableaux, tableaus
portmanteau – portmanteaux, portmanteaus
adieu    – adieux, adieus
trouseau – trouseaux, trouseaus
bandit    – banditti, bandits
libretto – libretti, librettos
soprano – soprani, sopranos
virtuoso – virtuosi, virtuosos

bureau – bureaux, bureaustableau – tableaux, tableausportmanteau – portmanteaux, portmanteausadieu – adieux, adieustrouseau – trouseaux, trouseausbandit – banditti, banditslibretto – libretti, librettossoprano – soprani, sopranosvirtuoso – virtuosi, virtuosos

นอกจากนี้มีคำจากภาษาต่างประเทศอีกหลายคำมีรูปพหูพจน์ตามแบบอังกฤษแล้ว เช่น
bonuses, choruses, circuses, isthmuses, omnibuses, prospectuses, areas, arenas, encyclopaedias, eras, ideas, panaceas, peninsulas, sonatas, solos, umbrellas, villas, albums, asylums, chrysanthemums, museums, irises, demons

รูปพหูพจน์ของนามผสม (Plurals of Compund Nouns)
นามผสมส่วนใหญ่ จะแสดงรูปพหูพจน์ของมันที่คำหลัก (headword) เช่น
schoolroom    – schoolrooms
housewife    –    housewives
armchair    – armchairs
washerwoman    –    washerwomen
horseman    – horsemen
tooth-brush    –    tooth-brushes

รวมทั้งนามผสมบางตัวซึ่งมิได้มีฐานเดิมจากคำนามก็ตาม เช่น
handful    – handfuls
outbreak    –    outbreaks
breakdown    – breakdowns
forget-me-not    –    forget-me-nots
drawback    – drawbacks

หรือนามผสมที่แยกเขียนเป็น 2 คำก็ตาม เช่น
ticket collector    – ticket collectors
girl guide    –    girl guides
boy friend    – boy friends
boy scout    –    boy scouts
watch repairer    – watch repairers
motor show    –    motor shows

หรือนามผสมที่มีวลี (Phrase) ขยาย เช่น
father-in-law    – fathers-in-law
passer-by    –    passers-by
commander-in-chief    – commanders-in-chief
justice-of-the-peace –    justices-of-the-peace
man-of-war    – men-of-war
governor-general    –    governors-general
looker-on    – lookers-on
court-martiel    –    courts-martial

แต่นามผสมต่อไปนี้แสดงรูปพหูพจน์ทั้ง 2 คำ เช่น
man servant    – men servants
teacher doctor    –    teachers doctors
gentleman farmer    – gentlemen farmers
Lord-justice    –    Lords-justices
woman servant    – women servants
Knight – Templar    –    Knights – Templars
man student    – men students

คำนามที่มีรูปพหูพจน์เสมอ (Nouns with no Singular Forms)
คำนามประเภทนี้ เมื่อแบ่งตามลักษณะการใช้งานในประโยคแล้ว จะแยกออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้
1. นามรูปพหูพจน์ และใช้ในลักษณะพหูพจน์
2. นามรูปพหูพจน์ แต่ใช้ในลักษณะเอกพจน์

นามรูปพหูพจน์และใช้ในลักษณะพหูพจน์ แบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ ดังนี้
1. เป็นนามเครื่องนุ่งห่ม เช่น
trousers, breeches, knickers, pants, pyjamas, shorts, drawers, clothes

2. เป็นนามเครื่องมือเครื่องใช้ที่ประกอบด้วย 2 ส่วน เช่น
scissors, shears, pliers, pineers, spectacles, glasses, tongs, bellows
คำ “pair” มักจะถูกนำมาใช้กับคำนามประเภทนี้ เช่น
a pair of trousers ฯลฯ

3. ชื่อของเชื้อโรค เช่น mumps, measles

4. ชื่อของเกมส์ต่างๆ เช่น billiards, cards, bowls, dominoes, draughts

5. คำอื่นๆ เช่น alms, riches, eaves, scales

(สำหรับการชั่งน้ำหนัก) contents (เกี่ยวกับหนังสือ ฯลฯ) goings-on, gentry, dregs, oats, credentials, tidings, soap-suds, winnings, sweepings, surroundings, ashes (จากไฟ แต่จากบุหรี่ใช้ ash) และนามต่อไปนี้ซึ่งนิยมใช้ในรูปพหูพจน์มากกว่ารูปเอกพจน์ คือ
whiskers, shavings, savings, filings

อย่างไรก็ดี ถ้าคำรูปพหูพจน์ดังกล่าวข้างต้น ถูกนำใช้ในลักษณะประกอบคำนาม (Noun Modifiers) ในรูปนามผสม จะต้องคืนร่างเป็นรูปเอกพจน์ เช่น
My trouser leg; oat cakes; a card table

นามรูปพหูพจน์แต่ใช้ในลักษณะเอกพจน์ มีดังนี้ :-
news, innings, gallows, works, physics, phonetics และรวมทั้งชื่อวิชาต่างๆ ที่ลงท้ายด้วย -ics

อย่างไรก็ดี ชื่อวิชาต่างๆ ที่ลงท้ายด้วย -ics อาจใช้ในลักษณะพหูพจน์ก็ได้ เช่น Politics have (has) always interested me. Mathematics is (are) well taught at that school.

รูปพหูพจน์ของคำใช้นำชื่อคน (Forms of Address)

รูปเอกพจน์
รูปพหูพจน์

สำหรับชายที่แต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่งงาน
Mr. Brown
Messrs. BrownThe two Mr. BrownsMr. John (Brown) and Mr. Henry Brown.หมายเหตุ  รูป Messrs. เป็นรูปย่อของ “Messieurs” ซึ่งไม่เคยถูกเขียนเต็มในภาษาอังกฤษเลย ใช้ในภาษาธุรกิจเท่านั้น เช่น Messrs. Brown and Smith Ltd.

สำหรับหญิงยังไม่ได้แต่งงาน
Miss Brown
The Misses Brown; the Miss Browns; the two Miss Brown; Miss Margaret (Brown) and Miss Lillian Brown

สำหรับหญิงที่แต่งงานแล้ว
Mrs. Brown
The two Mrs. Brown; The two Mrs. Browns

ความสัมพันธ์ระหว่างประธานกับกริยา (The Agreement between Subject and Verb)
การที่เราเรียนรู้คำนามเอกพจน์ และพหูพจน์นั้นสำคัญในภาษาอังกฤษมาก เพราะจะต้องใช้กระทบกิริยา (Verb) ฉะนั้นเมื่อรู้จักนามพหูพจน์ในรูปต่างๆ ดีแล้ว จะต้องใช้กระทบกิริยาในลักษณะต่างๆ ต่อไปนี้

1. ประธานเอกพจน์ต้องใช้กับกิริยาเอกพจน์ และประธานพหูพจน์ต้องใช้กับกิริยาพหูพจน์ เช่น
The boy is here. The boys are here.

2. ในกรณีที่ Collective Noun เป็นประธานของประโยค อาจใช้ได้ใน 2 ลักษณะดังนี้
2.1 เมื่อ Collective Noun นั้นมีความหมายเป็นรายบุคคล หรือรายตัว (Individual) จะใช้เป็นนามพหูพจน์ เช่น
The football team are having baths and are then coming back here for tea.

The Government have discussed the matter for a long time but they have shown no signs of reaching agreement.

The family are very pleased about the news of William’s success.

2.2 เมื่อ Collective Noun มีความหมายเป็นกลุ่มหรือมีความหมายรวมบุคคลต่างๆ หรือสิ่งต่างๆ เป็นหน่วยเดียว จะใช้เป็นนามเอกพจน์ เช่น
The football team is playing well.
The Government has decided to pass the bill.
That family is a very happy one.

หมายเหตุ นาม “people, police, public, clergy และ cattle” ใช้กับกิริยาพหูพจน์เสมอ เช่น
The people of Norway are called Norwegians.
The police are making enquiries about the murder.
The public are requested not to leave litter in these woods.

3) ประธาน 2 ตัวขึ้นไปที่เชื่อมด้วย “and” ใช้กิริยาพหูพจน์ เช่น
The boy and his dog are here.

หมายเหตุ ถ้าประธาน 2 ตัวที่เชื่อมด้วย “and” แต่มีความหมายเป็นคนเดียวกัน หรือชุดเดียวกัน ใช้กิริยาเอกพจน์ เช่น
Brown bread and butter is usually eaten with smoked salmen.
Whisky and soda is his favourite drink.
The secretary and accountant of the company was present.

4) ประธานบางคำมีรูปเป็นพหูพจน์แต่เป็นหน่วยของเงิน, หน่วยของเวลา หรือหน่วยของระยะทาง ใช้เป็นเอกพจน์ เช่น
Ten years is a long time.
Five thousand pounds is a lot of money.
Ten miles is a long distance.

5) ชื่อเรื่อง (Title) บางเรื่องอาจมีรูปเป็นพหูพจน์ ใช้เป็นเอกพจน์ เป็นต้น เช่น
‘Modern Painters’ is one of Ruskin’s best known books.

6) ถ้าคำนามพหูพจน์คำหลังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวลี (phrase) (= adj. phrase) ให้ถือคำนามตัวแรกเป็นหลัก (นามตัวแรกเป็นประธานที่แท้จริง) เช่น

7) คำ 2 คำ ที่เชื่อมด้วย or หรือ either…or หรือ neither…nor ให้ถือคำตัวหลังเป็นหลัก เช่น
A cigar on a cigarette is very enjoyable.
Either the teacher or the students are to blame for the bad result.
Neither he nor they are wholly right.

8) ถ้าประธานเป็น Distributive Pronoun (สรรพนามเป็นรายตัว) หรือคำนามที่ใช้ Distributive Adject ขยาย ถือว่าเป็นประธานเอกพจน์ และใช้กับ possessive ที่เป็นเอกพจน์ เช่น
Every boy in the class is present.
Each of the boys has gained a prize.
Neither answer is correct.
Everybody is doing his best.

หมายเหตุ
1. ในภาษาพูดอาจใช้ Possessive ที่เป็นพหูพจน์ในกรณีที่ไม่ระบุเพศแน่นอน เช่น
Everyone was talking at the top of their voices.
When each person comes in, they must show their ticket.

2. ส่วนคำ “none” ใช้ได้ทั้งเอกพจน์ และหหูพจน์ เช่น
None of us is perfect.
None of the children in his class are bored with the Lesson.
I have checked your answers and none of them are correct.

3. คำ “number” ใช้ได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์โดยสังเกต ดังนี้
3.1 ถ้าใช้ในรูป “The number of + Plural Noun” ใช้เป็นเอกพจน์ (หมายถึงจำนวนหนึ่งของสิ่งต่างๆ) เช่น
The number of students in the class is small.
3.2 ถ้าใช้ในรูป “A number of + Plural Noun” ใช้เป็นพหูพจน์ (a number of = many) เช่น
A number of students were waiting for the lesson to begin.

9) ถ้าใช้ “it” เป็นประธานในลักษณะเน้น (emphatic) กิริยาตามประธาน “it” (it ในที่นี้เป็นประธานมิใช่บุคคล (Impersonal Pronoun)
“Who broke the window?”
“It was Henry and William.”
It is they who are wrong.

10) กิริยาใน Adjective Clause ให้ถือตาม Antecedent เช่น
Ant.
This is one of the best books that have ever been written on the subject.

11) ในประโยคที่ใช้ There + BE = มี ให้ถือประธานที่แท้จริงเป็นหลัก (Adv. + V + S) เช่น
There is a cherry tree in my garden.
There are cherry trees in my garden.

12) คำ Adj. บางคำ เมื่อมี “The” อยู่ข้างหน้า จะใช้เป็นนามพหูพจน์เสมอ เช่น The rich, The poor, The wounded, The dying, The wealthy, The drowning, etc. เช่น
The rich are usually welcome to the society.

ที่มา:อาจารย์ชำนาญ  ศุภนิตย์, ดร.สัญญา  จัตตานนท์,  อาจารย์สุทิน  พูลสวัสดิ์

[Update] หลักการเติม s และ es หลังคำนาม พร้อมตัวอย่าง | woman พหูพจน์ – NATAVIGUIDES

ในภาษาอังกฤษ การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ เรามักจะเติม s หรือ es ต่อท้าย อย่างเช่น boy เป็น boys, cat เป็น cats, dish เป็น dishes

แต่ก็มีบางคำที่ต้องเปลี่ยนตัวอักษรก่อนแล้วค่อยเติม es อย่างเช่น candy เป็น candies, fly เป็น flies หรือบางคำก็เปลี่ยนตัวอักษรอย่างเดียว โดยที่ไม่ต้องเติม s หรือ es อย่างเช่น foot เป็น feet, man เป็น men

จากที่เขียนมานี้ หลายๆคนก็คงสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าคำไหนต้องใช้รูปพหูพจน์แบบไหน

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ก็ขอให้วางใจได้ เพราะในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับกฏการเติม s และ es หลังคำนาม มาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

ทบทวนความรู้
คำนามเอกพจน์ คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนหนึ่งหน่วย ซึ่งก็คือคำนามรูปปกติทั่วไป เช่น friend, pen, bus, foot, ox
คำนามพหูพจน์ คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนตั้งแต่สองหน่วยขึ้นไป มักจะเป็นคำนามรูปที่เติม s หรือ es ต่อท้าย เช่น friends, pens, buses แต่ก็มีบางคำที่ใช้การเปลี่ยนหรือเติมตัวอักษรอื่นแทน เช่น feet, oxen

หลักการเติม s และ es หลังคำนาม

การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ หลักๆแล้วจะแบ่งได้เป็น 5 แบบ คือ

  1. เติม s ได้เลย เช่น cat เป็น cats, girl เป็น girls
  2. เติม es ได้เลย เช่น dish เป็น dishes, potato เป็น potatoes
  3. เปลี่ยนตัวอักษรท้ายคำแล้วค่อยเติม es เช่น wolf เป็น wolves, enemy เป็น enemies
  4. เปลี่ยนหรือเพิ่มตัวอักษรบางตัวหรือเปลี่ยนทั้งคำ เช่น tooth เป็น teeth, ox เป็น oxen, person เป็น people
  5. บางคำก็ใช้รูปพหูพจน์เหมือนเอกพจน์ เช่น deer, sheep

ซึ่งถ้าเจาะรายละเอียด จะแบ่งได้เป็นหลักการ 10 ข้อดังนี้

1. คำนามทั่วไปเติม s ต่อท้ายได้เลย

คำนามที่ไม่เข้าข่ายหลักการข้ออื่น เราสามารถเติม s ต่อท้ายตรงๆได้เลย ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAntAntsมดBookBooksหนังสือGirlGirlsเด็กผู้หญิงHouseHousesบ้านTableTablesโต๊ะ, ตารางTreeTreesต้นไม้

2. คำนามที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ z ให้เติม es ต่อท้าย

คำนามที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ z เราจะต้องเติม es ต่อท้ายแทน s ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายBusBusesรถโดยสารประจำทางLensLensesเลนส์ClassClassesชั้นเรียน, คาบเรียนDressDressesชุดเดรสBrushBrushesแปรงDishDishesจานBeachBeachesชายหาดWatchWatchesนาฬิกาBoxBoxesกล่องFoxFoxesสุนัขจิ้งจอกBlitzBlitzesการโจมตีแบบสายฟ้าแลบBuzzBuzzesความรู้สึกตื่นเต้น, เสียงหึ่ง เช่น เสียงผึ้ง

3. คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย s หรือ z ต้องซ้ำ s หรือ z แล้วค่อยเติม es

คำนามที่ลงท้ายด้วย s หรือ z ปกติแล้วจะเติม es ได้เลย แต่ก็มีบางคำที่เราจะต้องซ้ำ s หรือ z ก่อน แล้วค่อยเติม es ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายGasGassesแก๊สQuizQuizzesแบบทดสอบWhizWhizzesผู้มากความสามารถในบางด้าน

4. คำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เปลี่ยน f หรือ fe เป็น v แล้วค่อยเติม es

คำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe เราจะเปลี่ยน f หรือ fe เป็น v ก่อน แล้วค่อยเติม es ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายLeafLeavesใบไม้ShelfShelvesชั้นวางของWolfWolvesหมาป่าKnifeKnivesมีดLifeLivesชีวิตWifeWivesภรรยา

แต่บางคำที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ก็จะเติม s โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยน f หรือ fe เป็น v

คำพวกนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นคำที่หน้า f เป็นสระ 2 ตัวติดกัน (a, e, i, o, u) แต่บางคำก็ไม่ใช่ อย่างเช่น chef, safe

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายBeliefBeliefsความเชื่อChefChefsเชฟทำอาหารProofProofsหลักฐานReefReefsแนวหินโสโครกใต้ทะเลRoofRoofsหลังคาSafeSafesตู้เซฟ

5. คำนามที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es ยกเว้นถ้าหน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ให้เติม s ได้เลย

คำนามที่ลงท้ายด้วย y เราจะเปลี่ยน y เป็น i แล้วค่อยเติม es ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายBabyBabiesเด็กทารกCityCitiesเมืองขนาดใหญ่EnemyEnemiesศัตรูFlyFliesแมลงวันLibraryLibrariesห้องสมุดPuppyPuppiesลูกสุนัข

แต่ถ้าหน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, u) เราจะเติม s ได้เลย

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายBoyBoysเด็กผู้ชายDayDaysวันMonkeyMonkeysลิงToyToysของเล่นTrayTraysถาดWayWaysหนทาง, วิธี

6. คำนามที่ลงท้ายด้วย o ให้เติม es

คำนามที่ลงท้ายด้วย o เราจะเติม es ต่อท้าย ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายDominoDominoesโดมิโน่EchoEchoesเสียงสะท้อนHeroHeroesฮีโร่MosquitoMosquitoesยุงPotatoPotatoesมันฝรั่งTomatoTomatoesมะเขือเทศ

แต่ก็มีบางคำที่ใช้การเติม s แทน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำที่หน้า o เป็นสระ (a, e, i, o, u) แต่บางคำก็ไม่ใช่ อย่างเช่น piano

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAudioAudiosเสียงBambooBamboosต้นไผ่, ไม้ไผ่PianoPianosเปียโนStudioStudiosสตูดิโอVideoVideosวิดีโอZooZoosสวนสัตว์

นอกจากนี้ ยังมีบางคำที่สามารถเติมได้ทั้ง s และ es คือใช้ได้ทั้ง 2 แบบเลย อย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายBuffalo*Buffalos
BuffaloesควายCargoCargos
Cargoesสินค้าที่บรรทุกโดยยานพาหนะขนาดใหญ่ เช่น เรือ เครื่องบินMangoMangos
Mangoesมะม่วงMottoMottos
Mottoesคติพจน์TornadoTornados
Tornadoesพายุทอร์นาโดVolcanoVolcanos
Volcanoesภูเขาไฟ

*คำว่า buffalo สามารถใช้รูปพหูพจน์ได้หลายแบบ ทั้ง buffalos (แบบเติม s), buffaloes (แบบเติม es) และ buffalo (เหมือนรูปเอกพจน์)

7. คำนามที่มาจากภาษาอื่น บางคำจะมีรูปพหูพจน์เฉพาะ

คำนามที่มาจากภาษากรีกที่ลงท้ายด้วย sis เมื่อเป็นรูปพหูพจน์ เราจะเปลี่ยนให้เป็น ses ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAnalysisAnalysesการวิเคราะห์, ผลวิเคราะห์BasisBasesหลักสำคัญ, ส่วนประกอบหลักCrisisCrisesช่วงวิกฤติNeurosisNeurosesโรคประสาทOasisOasesโอเอซิส, แหล่งน้ำกลางทะเลทรายThesisThesesวิทยานิพนธ์

คำนามที่มาจากภาษาลาตินที่ลงท้ายด้วย us เราจะเปลี่ยนให้เป็น i ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAlumnusAlumniศิษย์เก่าCactusCacti (หรือ cactuses)ต้นกระบองเพชรFungusFungiเห็ด, เชื้อรา

แต่คำที่มาจากภาษาอื่นบางคำก็ใช้รูปพหูพจน์ได้หลายแบบ อย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAppendixAppendices
AppendixesภาคผนวกCactusCacti
Cactusesต้นกระบองเพชรCurriculumCurricula
CurriculumsหลักสูตรFormulaFormulae
Formulasสูตร เช่น สูตรคณิตฯStadiumStadia
Stadiumsสนามกีฬาขนาดใหญ่ThesaurusThesauri
Thesaurusesพจนานุกรมคำพ้อง

นอกจากตัวอย่างเหล่านี้แล้ว ยังมีคำต่างประเทศลักษณะอื่นอีก ที่มีรูปพหูพจน์เฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นคำที่พบเจอได้ไม่บ่อย หรือไม่ก็เป็นคำที่มักจะใช้รูปพหูพจน์เป็นปกติอยู่แล้ว (เช่น data, criteria ซึ่งเป็นรูปพหูพจน์ของ datum และ criterion ตามลำดับ)

8. คำนามบางคำใช้การเปลี่ยนหรือเติมตัวอักษรบางตัว โดยที่ไม่ต้องเติม s หรือ es

คำนามบางคำจะใช้การเปลี่ยนตัวอักษรที่เป็นสระ (a, e, i, o, u) เช่น เปลี่ยนจาก o เป็น e หรือเปลี่ยนจาก a เป็น e ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายFiremanFiremenพนักงานดับเพลิงFootFeetเท้าGooseGeeseห่านManMenผู้ชายToothTeethฟันWomanWomenผู้หญิง

และบางคำก็ใช้การเติมตัวอักษรอื่นที่ไม่ใช่ s หรือ es อย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายChildChildrenเด็กOxOxenวัว

9. คำนามบางคำจะเปลี่ยนแทบทั้งคำ โดยที่ไม่ได้เติม s หรือ es

คำนามบางคำจะมีรูปพหูพจน์ที่แตกต่างจากเดิมมาก เหมือนเป็นคนละคำกันเลย ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายMouseMiceหนูPersonPeopleคน

10. คำนามบางคำมีรูปเอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน

คำนามบางคำจะมีรูปเอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAircraftAircraftอากาศยานDeerDeerกวางDiceDiceลูกเต๋าFish*FishปลาSheepSheepแกะSpeciesSpeciesสายพันธุ์

*คำว่า fish จริงๆแล้วมีรูปพหูพจน์ 2 แบบ คือ fish และ fishes แต่ในกรณีทั่วไป เช่นการบอกว่ามีปลาหลายตัว เราจะนิยมใช้ fish มากกว่า ส่วน fishes นั้นมักจะใช้เมื่อพูดถึงปลาหลายๆสายพันธุ์

เป็นยังไงบ้างครับกับกฏการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถเปลี่ยนพจน์ของคำนามได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


คำนามพหูพจน์ที่ไม่ต้องเติม S หรือ ES l คำนามพหูพจน์เปลี่ยนรูป l คำศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน


ชวนน้องๆ มาเรียนรู้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับ คำนามพหูพจน์เปลี่ยนรูป กันครับ
Man l Men
Woman l Women
Child l Children
Person l People
Foot l Feet
Tooth l Teeth
Goose l Geese
Louse l Lice
Ox l Oxen
Mouse l Mice
เยี่ยมชม Blog ของเรา: https://goo.gl/JthDFX
ติดตามช่องของเราได้ที่: https://goo.gl/Svd65u
============================================
แหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับเด็กๆ เพิ่มเติม
============================================
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ: https://goo.gl/EUg17d
ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน: https://goo.gl/cFosez
เพลงภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: https://goo.gl/pv6srr
วิธีนับเลขภาษาอังกฤษ: http://bit.ly/2nYNBAx
คำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: http://bit.ly/2nYJBA2
เกมส์ผ่อนคลายสมอง: https://goo.gl/TE4kJS
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สัตว์ต่างๆ: https://goo.gl/o7LmPY
เพลงภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: https://goo.gl/nxPQEj
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ รูปร่าง รูปทรงเรขาคณิต: https://goo.gl/qpbF3q
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สี color: https://goo.gl/ZuE2YB
เกมส์ฝึกภาษาอังกฤษ: https://gooXgl/Z7uE8G
แอพเรียนภาษาอังกฤษ: http://bit.ly/2nsZE7Y

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

คำนามพหูพจน์ที่ไม่ต้องเติม S หรือ ES l คำนามพหูพจน์เปลี่ยนรูป l คำศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

The Greedy Woman – A Singular \u0026 Plural Story 💰💲 | English with Teacher Joan


A very interesting story that teaches about singular and plural nouns.
You may click on this link for the full video lesson:
https://www.youtube.com/watch?v=MRbbI5Wg5ZA\u0026t=7s
Please give this video a thumbs up if you enjoyed watching it.
Subscribe to my channel for more video lessons! Thank you! 😊
❌ Do not reupload or take any part especially the story in this video and claim it as if it’s yours. I will report you.
🎵Music provided by BGM President
Track : Mr. Scrooge https://youtu.be/KHR2IcENsqc
Track : Thief’s Plan https://youtu.be/CKuI6Izhc
Track : Confusing Road https://youtu.be/ydPppyQQdPc
🦋 \”If we confess our sins, He (God) is faithful and just to forgive us our sins and to cleanse us from all unrighteousness\” I John 1: 9
MELC Englishgrammar Teacherjoan

The Greedy Woman - A Singular \u0026 Plural Story 💰💲  | English with Teacher Joan

Let’s กับ Let ใช้ต่างกันอย่างไร ?


Let’s กับ Let ใช้ต่างกันอย่างไร
let’s ย่อมาจาก let us
มักจะใช้ในการเชิญชวนให้ทำอะไรร่วมกันนะครับ เหมือนภาษาไทยว่า เรา…กันเถอะ นะครับ เช่น
เราไปกันเถอะ Let’s go.
เรากินกันเถอะ Let’s eat.
เริ่มกันเถอะ Let’s begin.
เราพักกันเถอะ Let’s take a break.
พอกันเถอะ แยกย้ายกลับบ้าน Let’s call it a day. เป็นสำนวน
Let’s do lunch sometime soon. เราน่าจะกินข้าวกันเร็ว ๆ นี้ นะครับ
เป็นการเชิญชวน do lunch กินข้าวเที่ยงนั่นเองครับ
แต่ถ้าเป็น let ไม่มี ‘s ก็จะแปลว่า ให้ หรือไม่ก็ อนุญาต นั่นเองครับ อย่างเช่น
Let me introduce myself.
ขออนุญาตแนะนำตัวหน่อยครับ
Is your wife going to let you go out tonight?
ภรรยาของคุณจะให้คุณออกไปข้างนอกคืนนี้หรือเปล่า
คำตอบคงจะเป็น ไม่
แต่โบราณว่านะ กลัวเมีย…เจริญ !!
If you’re afraid of your wife, you’ll progress in life!
ปศุสัตว์ ก็คือ livestock หรือ cattle
ส่วนคำว่ามูลก็คือ dung หรือ manure
คำว่า dung ที่ฟังดูคล้ายคำว่า “ดัง” ในภาษาไทยครับ มันอาจทำให้ฝรั่งสับสนได้ครับ สมมุติเราบอกว่า
He is so famous. หรือ
He is so well known.
ก็คือเขาดังมาก ๆ ครับ
ฝรั่งอาจจะฟัง He is so dung. เขาขี้มาก
หรือเปล่า ไม่ใช่ครับ มันคนละภาษาครับ dung ก็คือ มูลในภาษาอังกฤษนั่นเองครับ

สอบถามเรื่องคอร์สได้ที่ไลน์ https://lin.ee/uVp0whL (@ajarnadam) หรือโทร 02 612 9300
รายละเอียดคอร์ส https://www.ajarnadam.tv/
FB: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
IG: https://www.instagram.com/ajarnadam
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
มนุษย์ไฟฟ้า มนุษย์ไฟฟ้าอัศวิน กองทุนพัฒนาไฟฟ้า

Let's กับ Let ใช้ต่างกันอย่างไร ?

Ep. 2: Plural Nouns #คำนามพหูพจน์


ติดตามช่องยูทูปคลิ๊ก👇
https://www.youtube.com/channel/UCUFkoqdGCuT8X42LZ5C4llg?sub_confirmation=1
ติดตามทางเฟสบุ๊คคลิ๊ก👇
https://www.facebook.com/krupimlearningtree/
PLURALS
(คำนามพหูพจน์)
คำนามที่นับได้หรือ countable noun จะมี 2 รูปด้วยกันคือ
(1) รูปเอกพจน์ (singular) โดยจะต้องมี a/an (แปลว่า \”หนึ่ง/1\”) หรือ the
นำหน้าเสมอ และ
(2) รูปพหูพจน์ (plural) คือมีมากกว่า 1
การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์
1. เติม s ท้ายคำนามได้เลย เช่น
2 cars
2 dogs
2 books
2 houses
2 apples

2. หากคำนามลงท้ายด้วย s, ss, ch, sh, x ต้องเติม es ท้ายคำนั้นๆ เช่น
2 buses
2 dresses
2 matches
2 dishes
2 boxes
3. คำนามที่ลงท้ายด้วย o แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ เติม s หรือ เติม es
ส่วนมากแล้วคำนามที่ลงท้ายด้วย o มักจะเติม s ได้เลย เช่น
2 zoos
2 radios
2 photos
2 stereos
2 videos
2 kargaroos
2 pianos
บางคำที่ลงท้ายด้วย o จะต้องเติม es เช่น
2 echoes
2 heroes
2 potatoes
2 tomatoes
4. คำนามที่ลงท้ายด้วย y แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือเติม s หรือเติม es
ถ้าหน้า y เป็นสระ a, e, i, o, u คำนามตัวนั้นจะต้องเติม s เช่น
2 keys
2 days
2 guys
2 boys
2 chimneys
ถ้าหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้ตัด  ทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็น i แล้วจึงเติม es เช่น
2 babies
2 cities
2 stories
2 parties
2 countries
2 strawberries
5. คำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เปลี่ยนตัว f/ หรือ fe เป็น v แล้วจึงเติมes เช่น
2 leaves
2 wolves
2 lives
2 knives
2 shelves
ยกเว้น roof roofs, giraffe giraffes, cliff cliffs
6. คำนามบางคำ เวลาทำเป็นพหูพจน์ ต้องเปลี่ยนรูปคำนั้นทันที ได้แก่
a manmen
a womanwomen
a personpeople
a footfeet
a toothteeth
a childchildren
a mousemice
7. คำนามบางตัวจะมีรูปเดียวทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ เช่น
fish (ปลา)
sheep (แกะ)
deer (กวาง)
series (ซีรีส์)
species (พันธุ์, ชนิด)
means (วิธีการ)
aircraft (เครื่องบิน)
moose (กวางมูส)
trout (ปลาเทราต์)
salmon (ปลาแซลมอน)
8. คำนามบางคำเป็นพหูพจน์อยู่เสมอ คือต้องมี s หรือ es ต่อท้ายเสมอ
scissors (กรรไกร)
pants (กางเกง)
clothes (เสื้อผ้า)
jeans (กางเกงยีนส์)
glasses (แว่นตา)
noodles (ก๋วยเตี๋ยว)
goods (สินค้า)
ตัวอย่างอื่นๆ ของหน่วยบอกปริมาณหรือจำนวนของคำนามนับไม่ได้
a bottle of milk  a glass of water
(นมหนึ่งขวด)
a jug of water a cup of tea
(น้ำหนึ่งแก้ว)
(น้ำหนึ่งเหยือก)
(ชาหนึ่งถ้วย)
a packet of tea
(ชาหนึ่งซอง)
a jar of honey 
(น้ำผึ้งหนึ่งกระปุก)
a loaf of bread
(ขนมปังหนึ่งแถว)
a slice of bread
(ขนมปังหนึ่งแผ่น)
a carton of milk 
(นมหนึ่งกล่อง)
a can of Coke
(โค้กหนึ่งกระป๋อง)
a bottle of Coke
(โค้กหนึ่งขวด)
a bowl of sugar
(น้ำตาลหนึ่งถ้วย)
a kilo of meat
(เนื้อหนึ่งกิโล)
a bar of soap
(สบู่หนึ่งก้อน)
a bar of chocolate
(ช็อกโกแล็ตหนึ่งแท่ง)
a piece of chocolate
(ช็อกโกแล็ตหนึ่งชิ้น)
a piece of furniture
(เฟอร์นิเจอร์หนึ่งชิ้น)

Ep. 2: Plural Nouns #คำนามพหูพจน์

Grammar ไม่น่าเบื่อ EP06 : คำนามเอกพจน์และพหูพจน์


เล่า Grammar แบบเข้าใจง่าย ไม่น่าเบื่อ ได้ฝึกฝนจริงจัง
ติดตามผลงานอื่นๆ ของทีมเราได้ที่
http://www.proudbookshop.com
IG : https://www.instagram.com/proudbook
Facebook : https://www.facebook.com/proudbook
twitter : https://www.twitter.com/proudbook

Grammar ไม่น่าเบื่อ EP06 : คำนามเอกพจน์และพหูพจน์

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ woman พหูพจน์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *