Skip to content
Home » [Update] ประโยคภาษาอังกฤษควรรู้ เมื่อไปเที่ยวคนเดียว ในต่างแดน | ไป เรียน ต่าง ประเทศ คน เดียว – NATAVIGUIDES

[Update] ประโยคภาษาอังกฤษควรรู้ เมื่อไปเที่ยวคนเดียว ในต่างแดน | ไป เรียน ต่าง ประเทศ คน เดียว – NATAVIGUIDES

ไป เรียน ต่าง ประเทศ คน เดียว: คุณกำลังดูกระทู้

ใครจะไปเที่ยวลุยเดี่ยว เที่ยวคนเดียว ต่างประเทศ แต่มันติดปัญหาอยู่ตรงภาษาอังกฤษที่พูดไม่ค่อยจะได้สักเท่าไร ทำให้เกิดความกังวล วันนี้เราได้รวมประโยคภาษาอังกฤษควรรู้ ขั้นพื้นฐาน ที่สามารถเอาไปใช้ได้เมื่ออยู่ต่างบ้านต่างเมืองมาฝากกัน

Table of Contents

ประโยคควรรู้ เที่ยวคนเดียว ในต่างแดน

ไปอ่านกันเลยยยยย

สนามบินและบนเครื่องบิน

Is there any air service to___?   มีเครื่องบินไป (ชื่อประเทศ) ไหม?

What’s the airfare to ___?  : ค่าตั๋วเครื่องบินไป (ชื่อประเทศ) เท่าไหร่?

Have you got a seat on it?  : มีที่นั่งเหลือไหม?

Please mark this bag as fragile. : ช่วยติดป้ายว่าข้างในมีของแตกได้ด้วยนะคะ/ครับ

What’s the free luggage allowance?  :  ให้น้ำหนักฟรีกี่กิโล?

What time will the flight be called?  :  เขาจะเรียกผู้โดยสารกี่โมง?

Can I have a front row seat?   ขอที่แถว ๆ หัวเครื่องบินให้ฉันได้ไหม?

Can I sit in the rear of the plane?  :  ขอที่แถวท้ายเครื่องบินให้ฉันได้ไหม?

Can I have a window seat?  :  ขอที่นั่งริมหน้าต่างให้ฉันได้ไหม?

Can I have a aisle seat? :   ขอที่นั่งริมทางเดินให้ฉันได้ไหม?

Do you know where gate 10 is? Is it far? : คุณรู้ไหม เกท 10 อยู่ไหน ไกลหรือเปล่า

The compartment is full. Where can I put this? : ที่เก็บกระเป๋าในช่องเหนือศรีษะเต็มแล้ว เก็บที่ไหนได้บ้างคะ/ครับ?

ดูเพิ่มเติม : รวมประโยคน่ารู้ ที่มักได้ยินบ่อยๆ ในสนามบิน

***************************************************************

รถสาธารณะ

Would you take me to the station, please. :ช่วยพาฉันไปสถานีรถไฟหน่อย

Where is the nearest train station? สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด อยู่ไหน?

Where’s the ticket office? : ช่องขายตั๋วอยู่ที่ไหน

A one-way/return ticket to… please. ขอตั๋วเที่ยวเดียวไป (ชื่อเมือง) ด้วยค่ะ/ครับ

How much cheaper is the return? : ตั๋วไป-กลับถูกกว่าเท่าไหร่?

How long is the return ticket valid for? : ตั๋วไป-กลับใช้ได้นานเท่าไหร่?

Which platform does the train leave from? : รถออกจากชานชลาไหน?

On which platform does the ___ express arrive? : รถด่วนจาก  (ชื่อเมือง)  จะเข้าชานชลาไหน?

May I have a look at your time-table? : ขอดูกำหนดเวลาเดินรถหน่อยได้ไหม?

Can I reserve a sleeper? : ขอจองตู้นอนได้ไหม?

Can I buy a ticket on the bus? : ฉันซื้อตั๋วบนรถโดยสารได้ไหม?

What time’s the next bus to ___ ? : รถโดยสารคันต่อไปที่จะไป ___ ออกกี่โมง?

Where is the bus stop ? ป้ายรถเมล์อยู่ที่ไหน?

Where can I catch a bus to go to ___ ? ฉันจะไป  ___ สามารถขึ้นรถประจำทางได้ที่ไหน?

What’s the next stop? สถานีหน้าชื่ออะไร?

Which bus we should take to get to ___ ? : รถเมล์สายไหนพาเราไปถึง ___ ได้บ้าง?

***************************************************************

โรงแรมและที่พัก

Do you have any vacancies? คุณมีห้องว่างไหม

Do you have any single/double bed rooms available? : มีห้องเดี่ยว หรือ ห้องคู่ ว่างไหม

I made a reservation through your website. : ฉันจองห้องพักผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม

What’s the price/ charge per night? ราคาห้องต่อคืนเท่าไหร่

Is the breakfast included? ราคานี้รวมอาหารเช้าด้วยไหม

what time’s breakfast? : อาหารเช้าเริ่มกี่โมง

What in- room facilities do you have? : ในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง?

Are the rooms airconditioned? ห้องพักมีเครื่องปรับอากาศหรือเปล่า

Can I leave my luggage with you here? ฉันจะฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมได้ไหม?

Please wake me up at 6 am. รบกวนโทรปลุกฉันตอนเช้า 6 โมงด้วยนะ

I’d like to check out, please. ฉันต้องการเช็คเอาท์

***************************************************************

ร้านอาหาร

Is there a restaurant near here? : มีร้านอาหารอยู่แถวๆ นี้บ้างไหม?

Excuse me, is this table taken? : ขอโทษนะ โต๊ะนี้มีคนจองแล้วหรือยัง?

Can I see the menu? : ขอดูเมนูหน่อยได้ไหม?

What’s today’s special? : วันนี้มีเมนูพิเศษอะไรบ้าง?

Do you have any recommended dishes? : คุณมีเมนูแนะนำไหม?

Can I have some water, please? : ขอน้ำดื่มหน่อยได้ไหม?

I like it rare, please.  : ฉันชอบเนื้อแบบดิบๆ

Well done, please.  : ขอสุกมากๆ นะ

Medium, please. : ขอแบบสุกแบบปานกลาง

Check, please. (American) : คิดเงินด้วย (อเมริกัน)

Can I have the bill, please? (British) : คิดเงินด้วย (อังกฤษ)

Is the service included? ค่าบริการรวมไว้แล้วหรือเปล่า?

Do you take credit cards? : รับบัตรเครดิตไหม?

I’d like to order take away. : ฉันต้องการซื้อกลับบ้าน

***************************************************************

บทสนทนาเหตุการณ์ทั่วไป

I’m lost. : ฉันหลงทาง

Can you tell me the way to___ ? : ช่วยบอกทางไป ชื่อสถานที่  ให้ฉันหน่อย?

Excuse me ,where is the toilet (restroom)?  : ขอโทษคะ/ครับ ไม่ทราบว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน?

I need help: ฉันต้องการความช่วยเหลือ

Can you please take a picture of me? : ช่วยถ่ายภาพให้ฉันหน่อยได้ไหม?

Where is the Thai embassy and consulate? : สถานทูตและสถานกงศุลไทยอยู่ที่ไหน?

How much does this cost?: อันนี้ราคาเท่าไหร่?

Can you give me a discount? : ช่วยลดราคาหน่อยได้ไหม

Source: everydayenglishjatupornmabangcru, britishcouncilengenjoy

แท็ก:

[NEW] วิธีขึ้นเครื่องบิน การเดินทาง ไปต่างประเทศ ครั้งแรกคนเดียวแบบชิลๆ | ไป เรียน ต่าง ประเทศ คน เดียว – NATAVIGUIDES

แนะนำ วิธีขึ้นเครื่องบิน แบบละเอียด step by step เมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ ครั้งแรกคนเดียว Air Flight จากไทย – ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ต้องทำอย่างไร

ปัจจุบันนี้ การเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก อาจจะวิตกกังวลกันบาง เนื่องจากการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด การใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร และอื่นๆ อีกมากมาย หรือการผ่านด่าน ตม. ยิ่งทำให้นักเดินทางมือใหม่ควรรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง จะได้เตรียมตัวกันให้พร้อม

Step by Step First Time

วันนี้แซนดี้จะมารีวิวมา ขั้นตอนการขึ้นเครื่องบิน การเดินทางจากไทยไปซิดนีย์ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งขั้นตอนการขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศก็เหมือนกันทุกสนามบินไม่ว่าจะเป็นที่ไทยและสนามบินต่างๆ ทั่วโลก  ดังนี้

1. เตรียมตัวให้พร้อม สิ่งที่จำเป็นที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้พร้อมก่อน Check In

สนามบินสุวรรณภูมิ  มีทั้งหมด 4 ชั้น + ชั้นใต้ดิน B

ชั้น 3 ร้านค้าและร้านอาหาร

ชั้น B รถไฟฟ้าเข้าเมือง

สำหรับชั้นใตดิน หรือ ชั้น B นี้ก็มีร้านอาหารเหมือนกัน และยังมีบาร์เล็กๆ ที่ฝรั่งมานั่งดื่มกันชิลๆ อีกด้วย

ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ

2.  เช็คอินที่เคาร์เตอร์สายบิน

เมื่อไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ  คุณต้องมาถึงก่อนขึ้นเครื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ดังนั้นควรคำนวนเวลาเดินทางออกจากบ้านเผื่อรถติดไว้ด้วยนะ

เราก็มาที่ชั้น 4 ของสนามบิน คือ  ห้องโถงผู้โดยสารขาออก (Departure Hall) คุณสามารถตรวจสอบเที่ยวบิน ด้วยการเช็คดูจอมอนิเตอร์ว่าเที่ยวบินที่เดินทางเมื่อไร  เค้าน์เตอร์เช็คอินตัวอักษรอะไร ซึ่งเที่ยวบินนี้เดินทางไทย – ซิดนีย์ ตัวอักษร T

จุดนี้จะมีเคาร์เตอร์ของสายการบิน Emirates เราก็เข้าคิวต่อแถวที่เคาร์เตอร์ ในวันนี้คนไม่เยอะแถวไม่ยาวโล่งมาก จากนั้นก็ยื่นหนังสือเดินทาง Passport  และ Itinerary (E-ticket) ยืนยันการเดินทาง ระบุบเที่ยวบิน (เราเตรียมที่ปริ๊นมาจากที่บ้าน)

จากนั้นเจ้าหน้าที่สายการบินก็จะจัดการโหลดกระเป๋าใบใหญ่ (น้ำหนักไม่เกิน 30 กิโล) และให้ใบ Boarding Pass เอกสารยืนยันการขึ้นเครื่อง ซึ่งจะหมายเลขประตูทางออกขึ้นเครื่อง Gate และแสดงเลขที่นั่งบนเครื่อง

*คุณสามารถ Check-in ออนไลน์ได้ภายใน 24 ชม. (วิถีการเช็ค Online คลิกที่นี่)

4. จุดตรวจสัมภาระ 

เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่จุดตรวจคนเข้าเมือง จะมีการสแกนสัมภาระ ซึ่งที่นี่จะตรวจกระเป๋าถือที่เรานำขึ้นเครื่อง รองเท้า เสื้อผ้า เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยไม่อนุญาติให้นำของเหลว อาวุธและของมีคมขึ้นเครื่อง

จะมีตระกร้าให้วางสัมภาระแยกชิ้น รองเท้า กระเป๋า ถอดเข็มขัด ถ้ามีโน้ตบุ๊ค ให้นำออกจากกระเป๋า กระกร้าพวกนั้นจะเข้าเครื่องสแกน x-ray  ส่วนตัวคนเราก็จะเข้าเครื่องสแกนตัวคน เดินผ่านประตูตรวจจับโลหะ

ทั้งนี้เพื่อความรวดเร็ว แอบรู้สึกกดดันที่มีคนต่อแถวรอด้านหลัง ถ้าคุณเอาพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก อย่าง โน้ตบุ้ค สายไฟ สายชาร์ต ก็เอาออกจากกระเป๋าไว้ในตระกร้าเลย ภ้าไม่เอาออกจากกระเป๋า เจ้าหน้าที่เรียกตัวตรวจอีกรอบหนึ่งแน่ๆ หลังจากผ่านเครื่องสแกน

5. ตรวจหนังสือเดินทาง

เมื่อสแกนเสร็จ เดินลงบันไดเลื่อนข้างในมาจุดตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) การแยกตรวจหนังสือเดินทางจะแยกตรวจคนไทย และชาวต่างชาติ  ซึ่งเขาจะแบ่งการตรวจหนังสือเดินทางอยู่ 2 แบบ ได้แก่ ประตูตรวจอัตโนมัติ (Automatic Channel) และการตรวจโดยใช้เจ้าหน้าที่  

ทั้งนี้ปัจจุบันเราก็เดินผ่าน Auto Gate ทำให้สะดวก และรวดเร็วมากๆ เพียงแค่ยืน Passport  ไว้ที่เครื่องสแกน เราก็สแกนลายนิ้วมือ และสแกนหน้าเราด้วย โดยต้องถอดแว่น และหมวกด้วยนะจ๊ะ เมื่อตรวจว่าเราและคนใน Passport เป็นคนเดียวกัน ทุกอย่างก็เรียบร้อย

เข้าสู่ภายในด้านใน ต้อนรับผู้โดยสารขาเข้าและออก 

เมื่อผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองก็เข้ามาถึงด้านในที่จะไปขึ้นเครื่อง โดยมีประติมากรรม “กวนเกษียรสมุทร” ค่อยต้อนรับผู้โดยสาร

คราวนี้ดูป้ายหา Gate ที่เราจะขึ้นเครื่อง และเดินตามป้ายไปเลย 

ภายในทางเดินไปที่ Gate จะเป็น Duty Free ร้านค้า ร้านอาหาร  บูธแลกเงินของธนาคาร สามารถเดินเล่นได้ แต่อย่าเพลินมาก เดี๋ยวไปขึ้นเครื่องไม่ทันนะ

6. ประตูสายการบิน

เมื่อเจอเกท Gate ของเรา ก็รอเวลาเปิดรับผู้โดยสาร ซึ่งพนักงานจะให้ขึ้นเครื่องครึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องออก ก่อนเข้าเกทจะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็ค  ตรวจดูใบ Boarding pass กับ พาสปอร์ต แล้วเราก็เข้าไปนั่งรอในเกทด้านใน

การเดินทางก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว พนักงานตอนรับหน้าเครื่อง จะถามว่าเรานั่งหมายเลขอะไร แล้วจะบอกแถวที่เรานั่งก็เดินไปหาที่นั่ง เก็บของสัมภาระให้เรียบร้อย

ระหว่างที่อยู่บนเครื่อง พนักงานจะแจกใบเข้าเมือง เขียนชื่อเรา สายการบินที่เราเดินทางมา พักที่ไหน ฯลฯ และใบศุลกากรให้กรอก (มีรายการสิ่งใดที่เราต้องเสียภาษีหรือไม่ซึ่งปกติแล้วถ้าไปเที่ยวก็จะไม่มี) กรอกให้ลายละเอียด

สำหรับสายการบิน Emirate จะเป็นที่นั่งแบบ 3-4-3 (ติดหน้าต่างซ้าย-กลาง-ติดหน้าต่างขวา) เกากี้ค่อนข้างนั่งสบายทีเดียว ซึ่งทริปนี้โชดดีว่าไม่มีคนนั่งข้างรถ เลยสบายตัวไม่มีคนเบียด เพื่อให้ผู้โดยสารไม่รเบื่อกับการเดินทางก็มีจอทีวีให้ดูภาพยนต์ให้เลือกมากกว่า 100 เรื่อง

จะดูหนังแล้วจะฟังเสียงอย่างไร เขามีหูฟังให้ด้วย โดยที่เสียบก็อยู่ที่ข้างที่วางแขนของเรานั้นเอง

อาหารมีให้สองมื้อสำหรับการเดินทางรอบค่ำ อาหารจะเป็นมื้อค่ำ และอาหารเช้าก่อนเครื่องลง

Emirate จะแจกกระเป๋าฟรี ข้างในมีแปรงสีฟัน ที่ปิดตา อุดหู และถุงเท้าด้วย ซึ่งในแต่โซลของเครื่องบินก็จะได้สีถุงคนละสี เราได้สีเหลือง

เมื่อสิ้นสุดการเดินทาง 9 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินนานาชาติ Kingsford Smith Airport

เมื่อเครื่องถึงที่หมาย Sydney ประเทศออสเตรเลีย สนามบิน International Airport   เราเดินออกจากเครื่อง รำลาพนักงานสายการบินที่ดูแลเราตลอดทาง และเดินไปยัง Immigration เพื่อแสตมป์เข้าประเทศพร้อมยื่นใบเข้าเมือง  ขั้นตอนดังนี้

7. ถึงที่หมาย

7.1 ปัจจุบันมีการ Check In กระเป๋า ออนไลน์ ง่ายและสะดวก เพียงสแกนด้วย Passport จะได้ตั๋วรับกระเป๋ามา

7.2 การตรวจคนเข้าเมืองมีแบบ ตรวจด้วยเครื่องสแกนใบหน้าอัตโนมัต เพราะเราได้ตั๋วรับกระเป๋ามา ก็เข้า Auto Gate แต่ทว่าเครื่องดันไม่สามารถระบุหน้าตาเราได้ ทำให้เสียเวลาต้องไปต่อแถว เพื่อตรวจกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเขาก็จะถามเรา ตรวจหน้าเรากับ Passport ว่าใบหน้าตรงกันไหม ถามลายละเอียด เช่น มาทำอะไร อยู่นานแค่ไหน

7.3 ต่อไป ก็เดินไปรับกระเป๋าที่สายยพาน โดยดูที่ไฟลท์บอร์ดว่าสายการบินที่เราเดินทางอยู่สายพานที่เท่าไร ซึ่งเราก็ใจร้อน แอบตาลาย เลยถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นง่ายกว่าเยอะเลย ซึ่งก็ต้องวิ่ง เพราะสายพานกระเป๋าเราอยู่ไกลมาก

7.4 ด้านสุดท้าย คือ การตรวจกระเป๋า  นำกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมด พร้อมกับใบเข้าเมือง ว่าเราเอาสิ่งแปลกปลอมด้วยไหม

*ขอแนะนำว่าการกรอกใบเข้าเมือง ให้ระบุบไปเลยว่ามี  สิ่งของที่ต้องการให้ตรวจ หรืออนุญาติให้ตรวจนั้นเอง เคล็ดลับเลยว่า เจ้าหน้าที่จะไม่ค่อยเข้มกับพวกนี้เท่่าไร แต่ถ้าใครที่ไม่ระบุบว่ามีของต้องสงสัยมักจะโดนจับเปิดกระเป๋า ซึ่งจะเสียเวลามากๆ

ต่อจากนั้นก็เป็นทางที่ตรวจกระเป๋า แต่แซนดี้ไม่โดนตรวจค้น เพราะเราแจ้งสำแดงสัมภาระ เจ้าที่ก็แค่ถาม แต่ก็ไม่เปิดกระเป๋า ซึ่งก็เสร็จเรียบร้อย เดินตรงไปที่ทางออกเลย  ชิลๆ

Flying for the first time alone


Vlog 1 day w/me In โรงเรียนนานาชาติ🌷🖇


ใครมีคำถามทิ้งไว้ได้เลยนะค้าบ📍

Ig:mmookxy_
Tiktok:Mooktamotary

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Vlog 1 day w/me In โรงเรียนนานาชาติ🌷🖇

เลือกคู่ครองผิดชีวิตเปลี่ยนตลอดกาล


เลือกคู่ครองผิดชีวิตเปลี่ยนตลอดกาล

a day at an international school in Thailand | 1วันในโรงเรียนนานาชาติ 🏫


since i enjoyed doing my last school vlog quiet a lot, here’s another one 🙂
instagram : kimswizzled
https://www.instagram.com/kimswizzled/
tiktok : kimisboredd
https://vm.tiktok.com/ZMd1cfWCs/
facebook : kim swizzled
https://www.facebook.com/kim.swizzled
school internationalschool vlogs

a day at an international school in Thailand | 1วันในโรงเรียนนานาชาติ 🏫

เดินทางไปอเมริกาครั้งแรกคนเดียว! จะรอดมั้ย?! | BonzaixUSA EP.01


หวังว่าคลิปนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ทื่กำลังจะเดินทางมาประเทศอเมริกาโดยเฉพาะรัฐ Maine นะครับ
ผมบินสายการบินกาตาร์ไฟล์ทแรก BKKDOH ใช้เวลา 6.50 ชั่วโมง และก็ DOHBOS อีก 13.35 ชั่วโมงครับ
ถ้าเพื่อน ๆ มีข้อสงสัยอะไรคอมเมนต์ถามไว้ได้นะครับ ฝากกดไลก์ กดติดตามด้วยนะครับ
bonzaip
BonzaixUSA
WorkandTravel
ต่อเครื่องกาตาร์
สนามบินBoston
Instagram: https://www.instagram.com/bonzaip/
Lappland by Scandinavianz https://soundcloud.com/scandinavianz
Music provided by Free Music for Vlogs

เดินทางไปอเมริกาครั้งแรกคนเดียว! จะรอดมั้ย?! | BonzaixUSA EP.01

MayyR VLOG in UK มาเรียนอังกฤษ ชีวิตเป็นยังไง?


มาแล้ว!! Vlog ซีรีย์พิเศษที่เมจะทำตลอด 1 เดือนที่เมมาเรียนที่อังกฤษ
สรุปค่าใช้จ่ายการมาของเมสำหรับ1เดือน ไม่รวมค่ากินอยู่
ค่าเรียน General English 15ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 1,052ปอนด์ ประมาณ 47,340บาท
ค่าหอพักแบบ studio(ห้องนอนเดี่ยว ห้องน้ำส่วนตัว ห้องครัวในตัว) 1,580ปอนด์ ประมาณ 71,100บาท
ค่าตั๋วไปกลับ กรุงเทพลอนดอน 32,600บาท รวม 151,040 บาท
จริงๆมีราคาตั้งแต่ 1แสนบาท สำหรับ 1 เดือน รวมค่าเรียน ค่าที่พัก ค่าตั๋ว ค่าวีซ่า แพงหรือถูกขึ้นอยู่กับว่าเลือกเรียนโรงเรียนไหน คอร์สอะไร เมืองอะไร พักที่พักแบบไหนค่า ใครสงสัยอะไร ถามทิ้งไว้ได้น้า
เมมากับ GoUni นะฮะ ใครสนใจมาเรียน คอร์สภาษา ม.ปลาย ป.ตรี
ป.โท ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://gouni.co.uk/th

Fanpage : https://www.facebook.com/ImMayyrBlog
IG : https://www.instagram.com/mayyr_/

MayyR VLOG in UK มาเรียนอังกฤษ ชีวิตเป็นยังไง?

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ไป เรียน ต่าง ประเทศ คน เดียว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *