Skip to content
Home » [Update] ประโยคคำถามแบบรับและปฏิเสธ (Yes/No Question) | ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] ประโยคคำถามแบบรับและปฏิเสธ (Yes/No Question) | ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษที่สามารถพูดคุยกันได้ง่าย ๆ นั้นก็คือ ประโยคที่ต้องการคำถามแบบยอมรับ หรือปฏิเสธ หรือที่เรียกว่า Yes/No Question ซึ่งเราจะได้เรียนรู้กันในวันนี้ค่ะ

Yes/No Question         คำถามแบบรับและปฏิเสธ

ประโยคคำถาม (Interrogative Sentences)
ในการพบปะพูดคุยกันในตอนแรกๆ หรือเมื่อพบกันใหม่ๆ นั้น ส่วนมากมักจะเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน หรือถามเกี่ยวกับเรื่องราว หรือเหตุการณ์ต่างๆ ดังนั้น จึงใช้ประโยคคำถามคำตอบกันเป็นส่วนมาก จึงมีคำถามว่า เมื่อเราพบกันใหม่ๆ มักจะพูดใช้เสียงสระอะไรมากที่สุด คำตอบก็คือเสียงสระไอ ซึ่งก็คือคำถามนั้นเอง เช่นถามว่ามาเมื่อไร สบายดีไหม อยู่ที่ไหน มากับใคร จะเห็นว่าการเริ่มต้นในการพูดคุยสนทนานั้น มักจะเป็นการถามตอบกันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าประโยคคำถาม เป็นก้าวแรกที่นำไปสู่การสนทนาในรายละเอียด ฉะนั้นในที่นี้จึงเริ่มต้นศึกษากันด้วยประโยคคำถาม และเพราะประโยคคำถามนำไปใช้ในความหมายอื่นๆ ได้ด้วย ผู้ศึกษาจึงควรทำความเข้าใจให้ดี และใช้ให้ถูกต้อง
ประโยคคำถามมีหลายประเภท มีโครงสร้างและมีจุดมุ่งหมายใน การถามต่างกัน ซึ่งอาจจำแนกออกได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้
1. Yes/No Question         คำถามแบบรับและปฏิเสธ
2. Wh- question        คำถามแบบใช้คำถาม
3. Alternative Question     คำถามแบบให้เลือกเอา
4. Tag Question        คำถามในท่อนหลัง
5. Indirect Question         คำถามโดยอ้อมหรือคำถามปลอม ประโยคคำถามต่างๆ เหล่านี้ มีโครงสร้างต่างกัน ซึ่งจะกล่าวใน
รายละเอียดเป็นลำดับไป
Yes/No Question
ประโยคคำถามชนิดนี้ต้องการคำตอบรับ (Yes) หรือปฏิเสธ (No) เป็นการถามที่ผู้ถามอาจจะมีข้อมูลอยู่บ้างว่า น่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถามเพื่อให้ได้ความแน่ใจว่าเป็นจริงตามที่เข้าใจหรือเปล่า ลักษณะโครงสร้างที่สำคัญของคำถามชนิดนี้ก็คือ วางกริยาไว้ต้นประโยค การสร้างประโยคคำถามชนิดนี้อาจจำแนกออกตามประเภทของกริยาที่ช่วยในการสร้างประโยค ดังนั้น ในที่นี้จึงแยกออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยา to be ถ้าในประโยคนั้นมีกริยาหลัก เป็น to be เมื่อสร้างเป็นประโยคคำถาม วางกริยา to be ไว้ต้นประโยคได้เลย เช่น
Are you hungry?
คุณหิวไหม
Is it very hot today?
วันนี้ร้อนมากใช่ไหม
Is your name Sharda?
คุณชื่อชาร์ดาใช่ไหม
Was the show interesting for you?
การแสดงน่าสนใจสำหรับคุณหรือไม่
Are you going to do exercises today?
วันนี้คุณจะทำแบบฝึกหัดหรือไม่
ประโยคเหล่านี้มีรูปเป็นบอกเล่าดังนี้
You are hungry.
It is very hot today.
Your name is Sharda.
The show was interesting for you.
You are going to do exercises today.
2. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยา to do ถ้าประโยคนั้นมีกริยาหลักไม่ใช่ to be ฌอสร้างเป็นประโยคคำถามต้องใช้กริยา to do มาช่วย และวางไว้ต้นประโยค โดยมีพจน์ (number) และกาล (tense) เช่นเดียวกันกับกริยาหลัก และเปลี่ยนกริยาหลักนั้นเป็นรูป infinitive คือรูปดั้งเดิมของกริยานั้น เช่น
Do you know his address?
คุณรู้ที่อยู่ของเขาไหม
Does she teach at your school?
เธอสอนอยู่ที่โรงเรียนคุณใช่ไหม
Does this bus go to the airport?
รถเมล์คันนี้ไปสนามบินใช่ไหม
Did you meet him at the party last night?
คุณพบเขาที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ไหม
Did he attend class yesterday?
เมื่อวานนี้เขาเข้าเรียนไหม
ประโยคคำถามเหล่านี้เปลี่ยนมาจากประโยคบอกเล่าดังนี้
You knows his address.
She teaches at your school.
This bus goes to the airport.
You met him at the party last night.
He attended class yesterday.
3. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยาช่วย (helping verb) อื่นๆ ถ้าในประโยคนั้นมีกริยาช่วยอยู่ด้วย เช่น will, can, may, would เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม วางกริยาช่วยไว้ต้นประโยคได้เลย ถ้ามีกริยาช่วยหลายตัว นำเฉพาะกริยาช่วยตัวแรกไปวางต้นประโยค เช่น
Can you speak Thai?
คุณพูดไทยได้ไหม
May I help you?
ฉันจะช่วยเอาไหม
Shall we go shopping after class?
เลิกเรียนแล้วไปหาซื้อของกันไหม
Will she come back here next week?
เธอจะกลับมาที่นี่สัปดาห์หน้าใช่ไหม
Could you lend me this book for two days?
คุณจะกรุณาให้ฉันยืมหนังสือเล่มนี้สักสองวันได้ไหม
Have you been to Chiang Mai?
คุ    ณเคยไปเชียงใหม่หรือไม่
Should he be informed of the news?
ควรจะแจ้งข่าวให้เขาทราบไหม
ประโยคคำถามเหล่านี้มีรูปเป็นบอกเล่าดังนี้
You can speak Thai.
I may help you.
We shall go shopping after class.
She will come back here next week.
You could lend me this book for two days.
You have been to Chiang Mai.
He should be informed of the news.
ประโยคคำถามเหล่านี้สามารถสร้างเป็นรูปปฏิเสธได้ เรียกว่า คำถามปฏิเสธ (Interrogative Negative หรือ Negative Question) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแยกกล่าวไว้เป็นอีกชนิดหนึ่งต่างหาก เพื่อจะได้ศึกษาอย่างละเอียด แต่ในที่นี้ เพราะเห็นว่าเป็นประโยคที่มีโครงสร้างอย่างเดียวกัน เพียงเติม not เข้ามาเท่านั้น ซึ่งเป็นเครื่องหมายปฏิเสธ ดังนั้น จึงนำมากล่าวไว้ด้วยกัน เพื่อจะได้ศึกษาทำความเข้าใจไปพร้อมกัน ฉะนั้นประโยคคำถามต่างๆ ที่ กล่าวมาแล้วนั้น สามารถสร้างเป็นคำถามปฏิเสธได้ดังนี้
Aren’t you hungry? (Are you not hungry?)
คุณไม่หิวใช่ไหม
Isn’t it very hot today? (Is it not very hot today?)
วันนี้ไม่ร้อนมากใช่ไหม
Wasn’t the show interesting for you?
การแสดงไม่เป็นที่น่าสนใจสำหรับคุณใช่ไหม
Don’t you know his address?
คุณไม่รู้ที่อยู่เขาใช่ไหม
Didn’t he attend class yesterday?
เมื่อวานนี้เขาไม่เข้าเรียนใช่ไหม
Can’t you speak Thai?
คุณพูดภาษาไทยไม่ได้ใช่ไหม
Won’t she came back here next week?
สัปดาห์หน้าเธอจะไม่กลับมาที่นี่ใช่ไหม
Haven’t you been to Chiang Mai?
คุณไม่เคยไปเชียงใหม่ใช่ไหม
Shouldn’t he be informed of the news?
ไม่ควรแจ้งข่าวให้เขาทราบใช่ไหม
Couldn’t you lend me this book for two days?
คุณจะไม่ให้ฉันยืมหนังสือเล่มนี้สักสองวันใช่ไหม
การตอบคำถามแบบ Yes/No Question
ดังได้กล่าวแล้วคือ คำถามประเภทนี้ต้องการคำตอบรับ (yes) หรือปฏิเสธ (no) การตอบคำถามชนิดนี้อาจจำแนกกล่าวได้เป็น 2 แบบ ตามชนิดของลักษณะคำถาม คือ คำถามแบบธรรมดาและคำถามแบบปฏิเสธ ดังนี้
1. ตอบคำถามแบบธรรมดา เป็นคำถามแบบประโยคบอกเล่า ซึ่งถือเป็นคำถามธรรมดา ไม่ต้องการการตอบรับหรือปฏิเสธอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ ฉะนั้น ผู้ถามจึงคาดว่าจะได้คำตอบรับหรือปฏิเสธก็ได้ แม้ว่าบางครั้งอาจจะหวังการตอบรับมากกว่าปฏิเสธก็ตาม ดังนั้น ในการตอบจึงอาจจะเป็นการรับหรือปฏิเสธ โดยมีโครงสร้างประโยคดังนี้
-ถ้าตอบรับ ต้องขึ้นต้นประโยคด้วย Yes แล้วตามด้วยประโยค บอกเล่า ซึ่งใช้คำสรรพนาม (pronoun) เป็นประธาน แล้วตามด้วยกริยาช่วย ที่ใช้ในประโยคคำถาม
-ถ้าตอบปฏิเสธ ต้องขึ้นต้นประโยคด้วย No แล้วตามด้วยประโยค ปฏิเสธ ซึ่งมีประธานและกริยาอย่างเดียวกันกับประโยคบอกเล่า เพียงแต่เติม not เข้ามาหลังกริยาซึ่งเป็นเครื่องหมายปฏิเสธ
ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

Are you hungry?

คุณหิวไหม        

Yes, I am.

หิว,ฉันหิว

No, I am not.

ไม่, ฉันไม่หิว

Is your name Virat?

คุณชื่อวิรัตน์ใช่ไหม

Yes, it is.

ใช่., ฉันชื่อวิรัตน์

No, it is not.

เปล่า, ไม่ใช่

Does this bus go to the zoo?

รถเมล์คันนี้ไปสวนสัตว์ใช่ไหม

Yes, it does.

ใช่,มันไปสวนสัตว์

No, it doesn’t.

เปล่า,ไม่ใช่

Did Vichai and Suda come last night?

เมื่อคืนนี้ วิชัยและสุดามาไหม

Yes, they did.

มา,เขามา

No, they didn’t.

เปล่า,เขาไม่มา

Can you speak Chinese?

คุณพูดภาษาจีนได้ไหม

Yes, I can.

ได้,ฉันพูดได้

No, I can’t.

เปล่า,พูดไม่ได้

Will your mother arrive tomorrow?

คุณแม่ของคุณจะมาถึงพรุ่งนี้ใช่ไหม

Yes, she will.

ใช่, จะถึงพรุ่งนี้

No, she won’t.

เปล่า,ไม่ใช่

Have you finished your homework?

คุณทำการบ้านเสร็จแล้วใช่ไหม

Yes,I have.

ใช่, เสร็จแล้ว

No, I haven’t.

เปล่า, ยังไม่เสร็จ

 

2. ตอบคำถามที่เป็นปฏิเสธ ประโยคคำถามชนิดนี้ต้องการคำตอบปฏิเสธมากกว่า คือผู้ถามมีความมั่นใจว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าตอบรับผู้ถาม คงแปลกใจ เพราะตรงข้ามกับที่คิด แต่ในความเป็นจริง สามารถเป็นได้ทั้งตอบรับและตอบปฏิเสธ การตอบคำถามชนิดนี้อาจทำให้เกิดความสับสนในความหมายภาษาไทย คือตอบรับในภาษาอังกฤษมีความหมายเป็นปฏิเสธในภาษาไทย และปฏิเสธมีความหมายเป็นตอบรับ ฉะนั้น จึงทำให้ได้คำตอบที่ผิดในภาษาอังกฤษ คือตอบรับแล้วตามด้วยประโยคปฏิเสธ และตอบปฏิเสธตามด้วยประโยคบอกเล่า การตอบในภาษาอังกฤษเป็นไปตามกฎทั่วไป คือถ้า ตอบรับต้องตามด้วยประโยคบอกเล่า และถ้าตอบปฏิเสธต้องตามด้วยประโยคปฏิเสธ แต่ความหมายจริงๆ ในภาษาไทยแล้วก็เหมือนกัน ดังนั้น จึงได้ให้คำตอบภาษาไทยไว้ทั้งสองแบบ เพื่อให้เห็นความหมายที่เหมือนกัน
ตัวอย่าง
Are you not well today?
วันนี้คุณไม่สบายใช่ไหม
Yes, I am.
เปล่า, ฉันสบาย / สบาย, ฉันสบาย
No, I am not.
ใช่, ฉันไม่สบาย / ไม่สบาย, ฉันไม่สบาย
Isn’t it too difficult for you?
มันไม่ยากเกินไปสำหรับคุณใช่ไหม
Yes, it is.
เปล่า, มันยากเกินไป / ยาก, มันยากเกินไป
No, it isn’t.
ใช่, มันไม่ยากเกินไป / ไม่ยาก, มันไม่ยากเกินไป
Didn’t he tell you the news yesterday?
เมื่อวานนี้เขาไม่ได้บอกข่าวคุณใช่ไหม
Yes, he did.
เปล่า, เขาบอก / บอก, เขาบอก
No, he didn’t.
ใช่, เขาไม่บอก / ไม่บอก, เขาไม่บอก
Can’t your wife speak Thai?
ภรรยาของคุณพูดไทยไม่ได้ใช่ไหม
Yes, she can.
เปล่า, เธอพูดได้ / ได้, เธอพูดได้
ใช่, เธอพูดไม่ได้ / ไม่ได้, เธอพูดไม่ได้
Haven’t you been to Japan?
คุณไม่เคยไปญี่ปุ่นใช่ไหม
Yes, I have.
เปล่า, ฉันเคยไป / เคย, ฉันเคยไป
No, I haven’t.
ใช่, ฉันไม่เคยไป / ไม่เคย, ฉันไม่เคยไป
แบบฝึกหัด
จงสร้างประโยคต่อไปนี้เป็นคำถามแบบ Yes/No Question แล้วตอบคำถาม
ตัวอย่าง
He speaks English very fast.
= Does he speak English very fast?
Yes, he does. / No, he doesn’t.
1. She sings very beautifully.
………………………………………………………………………………………….
2. This work is very hard for him.
………………………………………………………………………………………….

3. They practise speaking English every day.
………………………………………………………………………………………….

4. He got educated from B.H.U.
………………………………………………………………………………………….
5. He has been to Australia many times.
………………………………………………………………………………………….
6. We should go to take part in a party.
………………………………………………………………………………………….
7. You can tell me the way to the zoo.
………………………………………………………………………………………….

8. This car isn’t very expensive.
………………………………………………………………………………………….
9. She didn’t meet him yesterday.
………………………………………………………………………………………….
10. There are not many students in the class today.
………………………………………………………………………………………….

11. It is not far from the station to your house.
………………………………………………………………………………………….
12. You came back home in rain last night.
………………………………………………………………………………………….
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา

(Visited 163,048 times, 11 visits today)

[Update] ตัวอย่างประโยค present simple tense 20 ประโยค | ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ตัวอย่างประโยคเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามองเห็นภาพการใช้จริง และสามารถฝึกเลียนแบบการใช้จากมันได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวอย่างประโยคที่ใช้ present simple tense อยู่ ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงมาให้ได้ดูกันแล้ว ทั้งประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

ตัวอย่างประโยค present simple tense

เรามาดูตัวอย่างประโยคที่ใช้ present simple tense ทั้งประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถามกันเถอะ

ประโยคบอกเล่า

ใช้ present simple tense เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน

1. Joe is a teacher.
โจเป็นครู

2. She loves to play tennis.
เธอชอบการเล่นเทนนิส

3. I want to be an engineer.
ฉันอยากเป็นวิศวกร

4. We live in Bangkok.
พวกเราอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ

ใช้ present simple tense เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร

5. Laura brushes her teeth twice a day.
ลอร่าแปรงฟันวันละสองครั้ง

6. He always goes to school by bus.
เขาไปโรงเรียนโดยรถประจำทางเป็นประจำ

7. My friends exercise every day.
เพื่อนๆของฉันออกกำลังกายทุกวัน

8. I wake up at noon every Saturday.
ฉันตื่นนอนตอนเที่ยงทุกๆวันเสาร์

ใช้ present simple tense เมื่อกล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ

9. The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

10. Carbon dioxide consists of one carbon atom and two hydrogen atoms.
คาร์บอนไดออกไซด์ประกอบไปด้วยคาร์บอนหนึ่งอะตอมและไฮโดรเจนสองอะตอม

11. There are four seasons in the U.K.
มีสี่ฤดูในประเทศอังกฤษ

12. Cats are more independent than dogs.
แมวเป็นสัตว์ที่พึ่งพาตัวเองได้ดีกว่าสุนัข

ใช้ present simple tense เมื่อกล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา

13. The meeting starts at 8 o’clock.
การประชุมเริ่มตอน 8 โมง

14. The next train comes in 15 minutes.
รถไฟขบวนถัดไปจะมาในอีก 15 นาที

15. These shops open on Sunday.
ร้านค้าเหล่านี้เปิดวันอาทิตย์

16. My exams are in December.
การสอบของฉันอยู่ในเดือนธันวาคม

ใช้ present simple tense เมื่อให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ

17. You go straight along the road and turn left at the corner.
คุณตรงไปตามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายตรงหัวมุม

18. First you boil the water, then you put the eggs into it.
เริ่มแรกให้คุณต้มน้ำจนเดือดก่อน แล้วคุณก็ใส่ไข่ลงไป

19. To start the program, first you click on the icon.
ในการเริ่มโปรแกรม ก่อนอื่นให้คุณคลิกที่ไอคอน

20. You read the questions and choose the correct answer.
คุณอ่านคำถามแล้วเลือกคำตอบที่ถูกต้อง

(การให้คำแนะนำ หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ เราอาจละประธานได้ เช่น Read the questions and choose the correct answer. ซึ่งเราจะเรียกรูปประโยคที่ละประธานนี้ว่า imperative form)

ประโยคปฏิเสธ

1. He doesn’t want to live here.
เขาไม่ได้อยากอยู่ที่นี่

2. My cat doesn’t eat much.
แมวของฉันกินไม่เยอะ

3. I don’t like to wash the dishes
ฉันไม่ชอบล้างจาน

4. They don’t speak English.
พวกเขาไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ (พวกเขาพูดภาษาอื่น)

5. My parents don’t want me to play video games.
ผู้ปกครองของฉันไม่อยากให้ฉันเล่นเกม

ประโยคคำถาม

1. Is she a dentist?
เธอเป็นหมอฟันหรอ

2. Are you sad?
คุณเศร้าอยู่หรอ

3. Does Kim live in South Korea?
คิมอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้รึเปล่า

4. Do you like pizza?
คุณชอบพิซซ่ามั้ย

5. What is your name?
คุณชื่ออะไร

เป็นยังไงบ้างครับกับตัวอย่างประโยคที่ใช้ present simple tense ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเห็นภาพและคุ้นชินกับ present simple tense มากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


หลักการใช้ Verb to be (is, am, are) ในรูปประโยค บอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม l ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น


มาเรียนรู้หลักการใช้ Verb to be ซึ่งได้แก่ is, am, are กันน่ะครับว่ามีหลักการใช้อย่างไร และการใช้ verb to be ในประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม
เยี่ยมชม Blog ของเรา: https://goo.gl/JthDFX
ติดตามช่องของเราได้ที่: https://goo.gl/Svd65u
============================================
แหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับเด็กๆ เพิ่มเติม
============================================
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ: https://goo.gl/EUg17d
ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน: https://goo.gl/cFosez
เพลงภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: https://goo.gl/pv6srr
วิธีนับเลขภาษาอังกฤษ: http://bit.ly/2nYNBAx
คำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: http://bit.ly/2nYJBA2
เกมส์ผ่อนคลายสมอง: https://goo.gl/TE4kJS
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สัตว์ต่างๆ: https://goo.gl/o7LmPY
เพลงภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: https://goo.gl/nxPQEj
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ รูปร่าง รูปทรงเรขาคณิต: https://goo.gl/qpbF3q
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สี color: https://goo.gl/ZuE2YB
เกมส์ฝึกภาษาอังกฤษ: https://gooXgl/Z7uE8G
แอพเรียนภาษาอังกฤษ: http://bit.ly/2nsZE7Y

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

หลักการใช้ Verb to be (is, am, are) ในรูปประโยค บอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม l ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น

ป.4 [EP.19] เรียน 10 มิ.ย.64 เรื่อง เปลี่ยนประโยคบอกเล่าให้เป็นปฏิเสธ


ป.4 [EP.19] เรียน 10 มิ.ย.64 เรื่อง เปลี่ยนประโยคบอกเล่าให้เป็นปฏิเสธ

สื่อต่างชาติเขาว่าอย่างไรกันบ้าง เรื่องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการเคลื่อนไหวปฎิรูปเท่ากับล้มล้าง


สมัครเป็นผู้สนับสนุนแบบรายเดือนได้ที่นี่ครับ https://www.youtube.com/DailyTopicsTH/join
สำหรับสมาชิกรายเดือน จะมีคลิปพิเศษมาให้ดูกันเรื่อยๆ รอชมกันได้เลย!
สำหรับผู้สนับสนุนรายครั้ง สามารถสนับสนุนเราได้ที่ กสิกรไทย 0698975539
ขอบพระคุณมากครับ
ศาลรัฐธรรมนูญ ปฎิรูป ล้มล้าง

สื่อต่างชาติเขาว่าอย่างไรกันบ้าง เรื่องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการเคลื่อนไหวปฎิรูปเท่ากับล้มล้าง

วิธีแต่งประโยคคำถามภาษาอังกฤษ(เริ่มจาก 0) 10 คำถามใน 10 นาที


วิธีแต่งประโยคคำถาม ภาษาอังกฤษ , YesNo questions, Whquestions, ปรับพื้นฐาน, เริ่มจาก 0, แต่งประโยคภาษาอังกฤษ, ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
เรียนภาษาอังกฤษฟรี แต่งประโยคภาษาอังกฤษ โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษฟรี

เรียนภาษาอังกฤษกับครูฟาง, ฝึกภาษาอังกฤษ, อยากเก่งภาษาอังกฤษ, ติวสอบภาษาอังกฤษ, ติวภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษพื้นฐาน, ประโยคภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน, อยากเก่งภาษาอังกฤษ, คำศัพท์อังกฤษ, English lesson, แกรมม่าภาษาอังกฤษ, บทเรียนภาษาอังกฤษ

วิธีแต่งประโยคคำถามภาษาอังกฤษ(เริ่มจาก 0) 10 คำถามใน 10 นาที

ฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆ | ด้วย v.to do| do dose did และ done | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


เรียนภาษาอังกฤษ ฝึกแต่งประโยคในชีวิตประจำวัน เรียนง่ายภาษาอังกฤษ
ทริปนี้เราจะมาสอนการใช้ verb to do ในการแต่งประโยคซึ่งการใช้ verb to do ในการแต่งประโยคจะมีอยู่ 2 ประเภทคือ 1 ประโยคปฏิเสธสองก็คือประโยคคำถามนะคะจะมีตัวอย่างแล้วก็การวิเคราะห์ประโยคในคลิปวีดีโอนี้ด้วยจ้ะ

ฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆ | ด้วย v.to do| do dose did และ done | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *