[Update] บทความที่ 1 : ว่าด้วยเรื่องซิ่วๆ ฯลฯ , มา Take gap year กันดีกว่า | gap year คือ – NATAVIGUIDES

เชื่อว่า…       “ความฝันจะสำเร็จได้ต้องลงมือทำ”

” ทำไมถึงซิ่ว ? ”              

                          

น่าจะ…เป็นคำถามที่เด็กซิ่วทุกคน ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะ ถูกถาม ได้

เริ่มจาก ถามใจตัวเอง > พ่อแม่ถาม > ญาติโกโหติกา > เพื่อนในคณะ > เพื่อนนอกคณะ >                   เพื่อนมัธยม > พ่อแม่เพื่อน > เพื่อนพ่อแม่ > คุณครู > คนสัมภาษณ์ > ∞ 

คำตอบที่ตอบทุกคน คือ………

” แกมันยาวอะ… ” 

การที่จะตัดสินใจทิ้งเวลา 1 ปี และค่าเทอมหมื่นปลายๆ  มันไม่ได้มีเพียงแค่เหตุผลเดียว มันมี เหตุผลs = 108เหตุผล  

เห็นด้วยกับบทความนี้ในทุกข้อ อยากลองให้ทุกคนอ่านดู…

Quote ที่ชอบที่สุดคงจะเป็นอันนี้ “If you set your goal ridiculously high and it’s a failure, you will fail above everyone else’s success”

‘ 6 อย่างที่วัยรุ่นควรรู้ก่อนเข้ารั้วมหาวิทยาลัย ‘ 

http://www.krungsri.com/bank/th/KrungsriGuru/Wealth/201503/16366.html

และถ้าย้อนเวลากลับไปได้… 

คงกลับไป Take a gap year อยากฝึกงาน อยากหาประสบการณ์  หาแรงบันดาลใจ แต่ในสังคมไทย การที่จบมัธยมฯแล้วไม่เรียนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้

ถ้าเราไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่เรา(คิดว่า)ชอบ เราจะรู้ได้ไงว่าเราชอบสิ่งนั้นจริงๆ 

ปล. แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ในการลองทำในบางอาชีพ เช่น แพทย์ วิศวกร ฯลฯ

เคยถามเพื่อน(คนดัชต์)ว่า จบ high school แล้วจะเข้าคณะอะไร มีส่วนนึงที่ตอบว่า อยากไปเที่ยว หรือฝึกงาน หาแรงบันดาลใจก่อน พอแน่ใจว่าจะเรียนอะไรแล้ว ชอบสิ่งนั้นถึงจะสอบเข้ามหาลัย เราก็แบบ เห้ยยยย!! ทำอย่างนั้นได้ด้วยหรอ

มันเหมือนกลายเป็นธรรมเนียมของประเทศไทยไปแล้ว ว่า  จบมัธยม > สอบเข้ามหาลัย  right away ใครไม่ทำตามนี้จะกลายเป็นคนแปลก คนไม่เอาไหน ทำไมไม่เรียน ว่างทำไมตั้ง1ปี (?) ข้อเสียของคนไทยที่น่ารำคาญที่สุด คือ การแคร์คนอื่น(มากเกินไป) แคร์สังคมรอบข้าง(มากเกินไป) กลัวว่าเพื่อนจะหาว่าสอบไม่ติด นั่นส่งผล ให้อัตราการซิ่วของเด็กไทย เพิ่มขึ้นในทุกๆปี  เหตุผลของการซิ่ว อ่าา… 

1. เรียนเพื่อคั่นเวลาเพราะสอบไม่ติดคณะที่ตัวเองต้องการ จะไม่เรียนก็ไม่ได้ 

2. คิดว่าชอบแต่กลับไม่ใช่ อย่างที่บอก ต้องเข้าไปสัมผัสถึงจะรู้ว่าชอบจริงๆหรือเปล่า สิ่งที่คิดมันไม่ได้เหมือนสิ่งที่เป็น
3. สังคมในคณะนั้นๆ เข้ากับเพื่อนในคณะไม่ได้ อยู่แล้วไม่มีความสุข

หลักๆ ก็คงจะเป็น ข้อ 1 และ ข้อ 2   1 ปี แค่ 365 วัน กระพริบตาไม่กี่ทีก็ครบแล้ว อย่าไปเสียดาย!สิ่งที่เราได้กลับมา อาจจะเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนอนาคตเราไปเลยก็ได้   อยากให้คนไทย ลองเปิดใจ เปิดใจให้ลูกๆ เปิดใจให้เพื่อน เปิดใจกับสภาพสังคมในปัจจุบัน ในเมื่อเราเห็นการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ การศึกษาคือการลงทุน ทำไมไม่ลองตัดสินใจให้ดีดีก่อนการลงทุน? (สำหรับคนที่วาดความฝัน และหาตัวเองเจอก่อนการเข้ามหาลัยนั่นเป็นเรื่องดีแล้ว ถ้าคุณมั่นใจในสิ่งนั้น แล้ว step ต่อไป คือ “การทำตามความฝัน” นั่นเอง)

สำหรับเราเราอาจจะตัดสินใจช้าไปนิดนึง… ด้วย ego ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า “จะเป็นคนสุดท้ายบนโลกที่ซิ่ว”  แต่ผลเสียก็ตกที่ตัวเองอีก ซึ่งทุกอย่างมันกระทบที่ตัวเรา เราคนเดียวที่เป็นส่วนได้ส่วนเสีย… เราเท่านั้นที่ควรกำหนดชีวิตตัวเอง ไม่ใช่ใครอื่น…

เราดรอปเทอม 2 ของชีวิตปี 1 ไว้เพื่อมาอ่านหนังสือ สอบเข้าใหม่ และได้ทำอะไรอีกหลายๆอย่าง เช่น

• เรียนขับรถ ถึงตอนนี้ ขับรถเป็นแล้ว ไม่ต้องเหนื่อยพ่อแม่ ไปรับ-ส่ง ไปรับน้องแทนแม่ได้ เป็นหนึ่งความภูมิใจในตัวเองนะ 🙂
• ได้มีโอกาสไปฝึกงานที่บริษัทหนึ่ง ด้าน PR(blogger) ซึ่งเป็นตัวการันตีและว่า เราชอบด้านนี้จริงๆ ภายในเวลาไม่กี่วันแต่กลับได้ประสบการณ์อะไรดีๆมาหลายอย่าง ได้เรียนรู้จากผู้รู้หลายๆท่าน การเรียนกับการปฏิบัติช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
• ได้ค้นพบตัวเองในหลายๆด้าน สิ่งที่เราต้องการในชีวิต ซึ่งการทำblogก็เป็นความฝันอย่างหนึ่งของเรา 😀 และดีใจที่ได้เริ่มต้นทำตามความฝันสักที ถ้าไม่มี 1… 2 และ 3 ก็คงไม่เกิด เราเชื่อว่าอย่างนั้น
• ที่สำคัญ วันนี้ได้เป็น นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้ว วววววว ว วว วว !!

เกร็ดความรู้  คำว่า ซิ่ว มาจาก “fossil” ที่แปลว่า ซากดึกดำบรรพ์นั่นเอง

เป็นบทความแรก หากมีข้อผิดพลาดประการณ์ใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ จะคอยปรับปรุงและพัฒนาในบทความต่อๆไปนะคะ 🙂

“Don’t stop giving love even if you don’t receive it. Smile and have patience.”

* ll I’ll do my best ll *: ))

‘GA’ Because we can !!

” Time and distance will make our love even stronger. “

แอดได้จ้ะ ;D :

แอดได้จ้ะ ;D : www.facebook.com/phuntee