Skip to content
Home » [Update] จาร์วิส ค็อกเกอร์ : นักร้องสายเนิร์ดแห่งวง Pulp และนักเล่าเรื่อง ‘ส่วนตัว’ ผ่านบทเพลง | ตั้งแต่เมื่อฉันรู้จักและฉันได้มาพบเธอ – NATAVIGUIDES

[Update] จาร์วิส ค็อกเกอร์ : นักร้องสายเนิร์ดแห่งวง Pulp และนักเล่าเรื่อง ‘ส่วนตัว’ ผ่านบทเพลง | ตั้งแต่เมื่อฉันรู้จักและฉันได้มาพบเธอ – NATAVIGUIDES

ตั้งแต่เมื่อฉันรู้จักและฉันได้มาพบเธอ: คุณกำลังดูกระทู้


Pulp ฟอร์มวงขึ้นในเมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 1978 และเริ่มต้นด้วยการเป็นวงดนตรีแนวอินดี้โฟล์กเล็กๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเท่าไรนัก 

ตอนนั้น จาร์วิส ค็อกเกอร์ ยังมีอายุแค่เพียง 15 ปี ส่วนชื่อวง Pulp ก็หยิบยืมมาจากชื่อหนังของผู้กำกับ ไมค์ ฮอดเจส ที่นำแสดงโดย ไมเคิล เคน โดยในช่วงแรก พวกเขามีชื่อวงว่า Arabacus Pulp ที่ค็อกเกอร์นำเอาชื่อบทเรียนในวิชาเศรษฐศาสตร์มาตั้งเป็นชื่อวง ก่อนที่จะตัดเหลือสั้นๆ แค่ Pulp

ด้วยความที่ยังเป็นวัยรุ่น และชอบเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ เท่านั้น เพลงที่ค็อกเกอร์ และ ปีเตอร์ ดัลตัน เพื่อนร่วมวงในขณะนั้น เล่นด้วยกัน จึงได้รับอิทธิพลมาจากดนตรีดิสโก้แบบวง ABBA และโพสต์พังก์แบบวง The Fall ซึ่งถึงแม้ว่าค็อกเกอร์เองจะชอบดนตรีที่หลากหลาย เช่น วง The Velvet Underground, The Beach Boys และ Pink Floyd แต่ด้วยความสามารถในการเล่นดนตรีที่ยังไม่ได้เลิศเลออะไร ทั้งคู่จึงมักจะเล่นดนตรีโฟล์กเป็นหลัก โดยได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปินป๊อปและโฟล์กระดับตำนานอย่าง The Beatles, นีล ยัง, แพ็ตตี สมิธ, โจนี มิตเชลล์ ไปจนถึง ไซมอน แอนด์ การ์ฟังเกิล ซึ่งศิลปินทุกคนที่กล่าวมา ขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องของความสามารถการแต่งเพลงระดับขึ้นหิ้ง

“ช่วงแรกๆ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนักแต่งเพลงเลย ผมฝันอยากจะเป็นป๊อปสตาร์ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้ดูหนังเรื่อง Help! (1965) ของวง The Beatles แต่เมื่อผมตั้งวงกับเพื่อนๆ ในปี 1978 พอเล่นเพลงของศิลปินคนอื่นไปเรื่อยๆ เราก็เบื่อ เลยเริ่มทำเพลงที่เป็นของวงเราเอง และในเมื่อ Pulp เป็นวงของผมแถมผมยังเป็นนักร้องนำด้วย ผมเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหัดแต่งเพลง ซึ่งผมไม่ชอบเอาเลย เพราะไม่รู้ว่าจะแต่งเพลงเกี่ยวกับอะไรดี คือเพลงมันจะเป็นเพลงไปไม่ได้เลย ถ้าขาดเนื้อร้องใช่ไหมล่ะครับ แล้วผมอยากจะเปรียบเทียบอย่างนี้ว่า ในช่วงแรกๆ ที่ผมต้องฝืนใจแต่งเพลงน่ะ มันเหมือนกับการที่เด็กๆ บอกแม่ว่า ‘แม่ฮะ วันนี้ผมไม่ขอทำการบ้านได้ไหม’ …แต่มันได้ซะที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ทำ จะเอาการบ้านที่ไหนส่งครู!” 

การนำการบ้านมาเปรียบเทียบกับการอดทนแต่งเพลงเพื่อวงได้อย่างเห็นภาพชัดเจนเช่นนี้ คือหนึ่งในหลักฐานความฉลาดเฉลียวของค็อกเกอร์ ซึ่งติดตัวเขามาตั้งแต่ยังเด็กตราบจนถึงทุกวันนี้

Table of Contents

ชายผู้เชื่อมั่นว่า ‘จินตนาการ’ สำคัญกว่า ‘ความรู้’ : Something Changed

ในยุคนี้ ผู้ชายมักเลือกเพลง Perfect ของ เอ็ด ชีแรน, All of Me ของ จอห์น ลีเจนด์ หรือไม่ก็เพลง Make You Feel My Love ของ อเดล ในการขอผู้หญิงแต่งงาน ซึ่งคงมีผู้ชายเป็นหมื่นเป็นแสนที่นิยมใช้เพลงเหล่านี้มาเป็นตัวแทนของความรู้สึก ‘รัก’ 

แต่หากคุณกำลังจะแต่งงานละก็ เพลงรักทางเลือกที่มีแนวคิดไม่ธรรมดาสำหรับภารกิจที่ว่า คงต้องยกให้กับ Something Changed จากอัลบั้ม Difference Class (1995) และสำหรับใครก็ตามที่โตมาในยุคที่ดนตรี บริตป๊อป รุ่งเรืองถึงขีดสุด นี่คือเพลงรักที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขอคนรักแต่งงาน

และไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ Something Changed ก็น่าจะเป็นเพลงรักโรแมนติกที่มี ‘เนื้อหา’ ใกล้เคียงกับทฤษฎีวิทยาศาสตร์ในเรื่องของความขัดแย้งทางด้านเวลาอย่างทฤษฎี ‘โลกคู่ขนาน’ มันจึงกลายเป็นเพลงที่ถูกเขียนออกมาด้วยมุมมองที่สร้างสรรค์ ซึ่งยากจะหาใครมาเทียบเคียง ณ เวลานั้น

และนี่คือคำแปลของเนื้อเพลงที่ว่า

ฉันแต่งเพลงเพลงนี้ สองชั่วโมงก่อนที่เราจะพบกัน 

ฉันยังไม่รู้จักชื่อ หรือว่าเห็นหน้าค่าตาของเธอเลยด้วยซ้ำ 

โอ้, บางที ฉันน่าจะนอนอยู่ที่บ้านมากกว่า 

หรือบางทีฉันอาจจะออกไปดูหนัง 

ส่วนคุณอาจจะเปลี่ยนใจไปพบเพื่อนๆ ของคุณแทน 

ชีวิตอาจจะเปลี่ยนและแตกต่างไปจากนี้มาก, แต่ทันใดนั้น 

บางสิ่งก็ได้เปลี่ยนแปลงไป 

คุณเชื่อในโชคชะตาฟ้าลิขิตหรือเปล่า? 

บางคนบนฟ้าที่อาจวางแผนเรื่องรักของเราเอาไว้แล้ว? 

ทำไมฉันถึงไม่ได้เขียนเพลงเพลงนี้ในวันนั้นล่ะ? 

ทำไมคุณถึงได้สัมผัสแขนฉัน แล้วบอกอย่างแผ่วเบาว่า… 

“หยุดถามคำถามที่มันไม่ได้สำคัญอะไรเหล่านั้นเลย 

เพียงแค่จูบฉันเพื่อฉลองกันและกันในวันนี้” 

บางสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว 

ในเช้าวันนั้นที่เราสองคนตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เลย

ว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เราจะได้ร่วมกันเปลี่ยนเส้นทางเดิน

ตอนนี้ฉันจะอยู่ที่ไหนกันนะ ถ้าหากเราไม่ได้เจอกัน? 

ฉันจะไปร้องเพลงเพลงนี้ให้คนอื่นฟังแทนหรือเปล่า? 

ฉันไม่รู้เลย แต่ก็อย่างที่คุณได้บอกฉันเอาไว้ 

บางสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว …ตลอดกาล

มาร์ก เว็บเบอร์ มือกีตาร์ของวง Pulp เผยว่า Something Changed เป็นเพลงเก่าเก็บที่ค็อกเกอร์แต่งไว้ตั้งแต่เมื่อ 12 ปีที่แล้ว และทางวงได้นำมาปัดฝุ่นใหม่ 

“น้องสาวของผมร้องเพลงนี้เป็นคนแรก” เจ้าตัวคนแต่งว่า “เนื้อเพลงเวอร์ชั่นแรกที่ผมแต่งไม่ได้เป็นแบบนี้ มันผ่านการปรับเปลี่ยนมาแล้วหลายรอบ แนวคิดตั้งต้นของเพลงนี้ก็คือความคิดที่ว่า ถ้าหากผมไม่ได้ออกไปไนต์คลับเพื่อพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง และไม่ได้สานสัมพันธ์กับเธอต่อ ชีวิตของผมจะเปลี่ยนไปมากมายแค่ไหน ซึ่งเพลงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับโชคชะตา แต่ผมมองมันในแง่มุมของความเป็นวิทยาศาสตร์และความเป็นจริงมากกว่า 

“ในความคิดของผมการวางแผนใช้ชีวิตแบบเป๊ะๆ อาจจะเป็นเรื่องแย่ที่สุดก็ได้ เพราะนั่นหมายความว่าคุณจะมีโอกาสได้พานพบกับเรื่องราวดีๆ น้อยมาก แต่กับการใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี คุณจะมองเห็นถึงความงามของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ และสิ่งเลอเลิศที่คาดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นในชีวิตของคุณได้ มากกว่าการวางแผนเสียอีก” 

และเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ค็อกเกอร์ก็ยังเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า มีคู่แต่งงานหลายคู่ที่เปิดเพลงนี้ในงานแต่งงานระหว่างที่คู่บ่าวสาวเดินเข้าสู่พิธีวิวาห์

ชายผู้เล่าเรื่องปัญหาชีวิตให้ ‘ได้เรื่อง’ : A Little Soul

สิ่งที่ทำให้เพลงของวง Pulp มีความพิเศษ ก็คือ นอกจากหลายๆ เพลงจะพูดถึงเรื่องราวส่วนตัวของตัวละครที่ค็อกเกอร์สมมติขึ้นมาแล้ว เนื้อหาของมันก็ยังสะท้อนถึงปัญหาสังคมในหลายๆ ด้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภายในครอบครัว หรือการพูดถึงวิถีชีวิตของชนชั้นกลางในอังกฤษ 

โดยเขามักแต่งเพลงโดยให้ตัวละครในเพลง ‘เล่าเรื่อง’ ออกมา ทั้งยังใช้จริตของ ‘ผู้หญิง’ ถึงแม้ว่าตัวละครในเพลงจะเป็นผู้ชายก็ตาม ขณะที่ในบางเพลงก็พูดถึงชีวิตส่วนตัวของค็อกเกอร์โดยตรง ยกอย่างเช่น A Little Soul จากอัลบั้ม This Is Hardcore (1998) ที่พูดถึงการที่เขาถูกพ่อทอดทิ้ง ซึ่งในปีที่เพลงนี้ถูกปล่อยออกมา เขาและน้องสาวก็ได้เดินทางไปยังประเทศออสเตรเลียเพื่อพบพ่อเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี 

“การแต่งเพลง คือ การเยียวยาบาดแผลที่อยู่ลึกๆ ภายในตัวของผมเอง มันอาจเป็นทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องส่วนรวม หรือเรื่องแต่งก็ได้ เพราะผมมองว่าตัวเองเป็น ‘นักเล่าเรื่อง’ คล้ายๆ กับพวกคนทำหนังนั่นแหละ แต่ผมใช้ปากกากับกระดาษแทนนักแสดงและแผ่นฟิล์ม หลายเพลง ผมแต่งเสร็จก่อนที่จะมีการบันทึกเสียงแค่วันเดียว หรือบางเพลง ผมก็ใช้เวลาแต่งแค่วันเดียวด้วยซ้ำ 

“มีคนบอกผมว่า Pulp มีแต่เพลงที่ฉลาดๆ เต็มไปหมด และผมมักจะได้รับคำชมว่าเป็นพวก ‘ปัญญาชน’ ทั้งๆ ที่ผมแต่งเพลงด้วยภาษาที่ง่ายมากๆ ด้วยเรื่องราวที่ทุกคนต่างก็ต้องเคยเจอในชีวิตประจำวัน แค่ในความง่ายนั้นมันสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่แปลกใหม่ด้วยก็เท่านั้น — มันเหมือนเป็นหลักการของผมน่ะ ว่าการใช้คำที่หรูหราดูเป็นปรัชญาไม่ใช่สิ่งสำคัญในเพลง แต่การเล่าเรื่องที่ดีและการเข้าถึงความเป็นมนุษย์ วัฒนธรรม และความเป็นจริงในสังคมให้ได้ต่างหาก คือสิ่งที่สำคัญ”

ชายผู้อยากมีเซ็กซ์กับผู้หญิงธรรมดา : Common People

จาร์วิส ค็อกเกอร์ มีบุคลิกที่น่าสนใจ เขามักแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดู ‘เป็นทางการ’ ซึ่งหากดูเผินๆ จะเหมือนกับศาสตราจารย์ แต่ในบางครั้ง สไตล์การแต่งตัวของเขาก็ก้ำกึ่งระหว่างการเป็นชนชั้นกลางกับชนชั้นกรรมาชีพ 

เครื่องแต่งกายของเขามักสะท้อนให้เห็นถึงความรักในการแต่งตัว แบบเดียวกับตัวละครจากหนังยุค French New Wave อย่างผลงานของ ฌ็อง-ลุก โกดาด์ และ ฟรองซัวส์ ทรุฟโฟต์ เนื่องจากเขาเคยร่ำเรียนทฤษฎีภาพยนตร์ที่วิทยาลัยศิลปะ Central Saint Martins College of Art and Design ในลอนดอน 

โดยเพลง Common People เป็นเพลงที่ค็อกเกอร์นำเอาเพื่อนนักเรียนศิลปะมาเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง ซึ่งในปี 2013 เขาเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร NME ว่า “ในปี 1988 ผมได้เจอกับนักศึกษาหญิงชาวกรีซคนหนึ่งที่วิทยาลัย เราลงเรียนวิชาประติมากรรมด้วยกัน จริงๆ แล้ว ผมเรียนฟิล์ม เธอเรียนเพนติ้ง แต่เรามาเรียนวิชาประติมากรรมด้วยกันสองสัปดาห์ เพราะ St. Martins มีหลักสูตรให้นักศึกษาลองเรียนวิชาศิลปะที่เราไม่ถนัดดูบ้าง ซึ่งผมไม่รู้จักชื่อเธอด้วยซ้ำ แต่ดูเธอเป็นคนไม่เหมือนใครดี ผมเลยนำเอาบุคลิกของเธอมาเป็นคาแรกเตอร์หลักของเพลง” 

ส่วนในปี 2012 ค็อกเกอร์ก็บอกในรายการ BBC Radio 5 Live ว่า “ยังมีอีกเหตุการณ์นึงที่ถือเป็นคอนเทนต์หลักสำหรับเพลงเพลงนี้ คือผมได้คุยกับผู้หญิงคนนึงที่บาร์ในวิทยาลัย แต่บุคลิกของเธอดูไม่น่าคบหาสมาคมด้วยเอาเสียเลย เธอวางตัวเป็นชนชั้นสูง และบอกว่าอยากจะย้ายไปอยู่ที่แฮกนีย์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีศิลปินอาศัยอยู่มากที่สุดย่านหนึ่งในลอนดอน เพราะเธออยากใช้ชีวิต ‘เหมือนคนธรรมดาทั่วไป’ ผมนำคำพูดคำนี้ของเธอมาเป็นประเด็นหลักของเพลงเพื่อสร้างความขัดแย้ง ระหว่างคนที่คิดว่าตัวเองอยู่ในชนชั้นที่แตกต่างจากคนทั่วไป และนำคำว่า Common People มาเปลี่ยนเป็นแง่มุมย้อนกลับในลักษณะที่ให้ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างมองชนชั้นสูงบ้างว่า พวกเขามีความรู้สึกเช่นไร แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว ชนชั้นที่อยู่บนสุดของระบบทุนอาจจะไม่มีทางเข้าใจชนชั้นล่างได้เลย”

นักเล่าเรื่องอย่างค็อกเกอร์เข้าใจวิถีชีวิตของชนชั้นสูง เพราะนักเรียนโรงเรียนศิลปะที่ St. Martins หลายคนวางตัวเหนือผู้อื่นอย่างชัดเจน และหนังแนว นีโอเรียลิสม์ (NeoRealism) จากยุโรปก็ทำให้เขาเข้าใจถึงหัวอกชนชั้นล่างด้วย 

ชนชั้นสูงมองชนชั้นล่างเป็นเหมือน ‘วิวทิวทัศน์อันแปลกตา’ ที่ผ่านมาให้เห็นเพียงครั้งคราว และหลังจากที่มันผ่านเลยไปแล้ว มันก็ผ่านไปโดยไม่หวนกลับคืนมาอีก ซึ่งความแปลกตานี้จะกลับมาอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อพวกเขาเริ่มที่จะเบื่อความเลิศหรู และอยากลองกลับมาทำตัวเป็น ‘คนธรรมดา’ ดูบ้าง เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศก็เท่านั้น

share

เนื้อเพลง Common People ที่ประชดประชันชนชั้นสูงได้อย่างเจ็บแสบ ปรากฏอยู่ในท่อนที่ผู้หญิงในเพลงบอกว่า เธออยากใช้ชีวิตอย่างคนทั่วๆ ไป แต่ตัวค็อกเกอร์เองที่เป็นตัวละครอีกหนึ่งตัวในเพลง กลับบอกว่าเธอไม่มีทางเข้าใจชนชั้นที่แตกต่างไปจากเธอได้หรอก เพราะชีวิตของเธอไม่มีกรอบจำกัดในหลายๆ เรื่องเหมือนคนที่เขาหาเช้ากินค่ำ ทั้งเงินทองที่จำกัดจำเขี่ย, สถานการณ์แย่ๆ ที่ไร้ทางออก หรือชีวิตที่ไม่มีหนทางให้เลือกเดิน ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะ ‘มีตัวตนอยู่’ อย่างชัดเจนแค่ไหนก็ตาม คนอย่างเธอก็ไม่มีทางมองเห็น และคงทำได้เพียงแค่รู้สึกสงสารเท่านั้น 

ค็อกเกอร์แสดงทัศนะว่า การแบ่งแยกชนชั้น ทำให้ผู้หญิงในเพลงไม่มีทางใช้ชีวิตแบบ ‘ชนชั้นกลางค่อนไปทางชนชั้นล่าง’ ได้ เพราะต่อให้เธอย้ายมาอยู่แฟลตซอมซ่อ และมีแมลงสาบไต่ผนังเต็มไปหมด วิธีแก้ปัญหาของเธอก็คงไม่มีอะไรเกินไปกว่าการเรียกพ่อหรือผู้มีอิทธิพลให้มาจัดการกับทุกสิ่งที่เธอรู้สึกไม่พึงปรารถนา

Common People เป็นเพลงที่แสดงให้เห็นถึงบริบทของปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ด้วยเนื้อหาของบทเพลงที่ประชดประชันวิถีชีวิตของผู้คนต่างชนชั้นได้อย่างชาญฉลาด เพราะแม้กระทั่งการมีเซ็กซ์กับชนชั้นที่ต่างออกไป ก็ยังเป็นสิ่งที่ดู ‘น่าตื่นเต้น’ สำหรับผู้ที่ไม่เคยมองเห็น ‘ตัวตน’ ของคนที่อยู่ในระดับล่าง 

“ชนชั้นสูงมองชนชั้นล่างเป็นเหมือน ‘วิวทิวทัศน์อันแปลกตา’ ที่ผ่านมาให้เห็นเพียงครั้งคราว และหลังจากที่มันผ่านเลยไปแล้ว มันก็ผ่านไปโดยไม่หวนกลับคืนมาอีก ซึ่งความแปลกตานี้จะกลับมาอีกครั้ง ก็ต่อเมื่อพวกเขาเริ่มที่จะเบื่อความเลิศหรู และอยากลองกลับมาทำตัวเป็น ‘คนธรรมดา’ ดูบ้าง เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศก็เท่านั้น 

“นี่คือการเหยียบย่ำคนระดับล่างด้วยทัศนคติที่เลวร้ายเอามากๆ”

ชายผู้มองว่า ‘เนื้อเพลง’ สำคัญกว่า ‘ดนตรี’ : Do You Remember The First Time?

ค็อกเกอร์ได้แสดงความเห็นที่น่าขบคิดว่า คนส่วนใหญ่อาจมองว่า ‘ดนตรี’ เป็นเคล็ดลับของความสำเร็จ ไม่ใช่ ‘เนื้อเพลง’ แต่สำหรับเขาแล้วเนื้อเพลงต่างหากที่สำคัญ 

เคล็ดลับในการแต่งเพลงของเขา นอกจากจะอยู่ที่การเล่าเรื่องด้วยทัศนคติที่ชาญฉลาดและเต็มไปด้วยไหวพริบแล้ว มันยังอยู่ที่ความ ‘เข้าใจง่าย’ แต่ในขณะเดียวกัน ก็สามารถนำไปตีความต่อได้ด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะว่า ค็อกเกอร์เป็นนักดูหนังตัวยง ที่เข้าใจถึงคอนเซปต์ในการเล่าเรื่อง โดยซ่อนความขัดแย้ง, ความน่าประหลาดใจ หรือแม้กระทั่งไคลแม็กซ์เอาไว้ในบทเพลงได้ 

ผมชอบดนตรีป๊อปมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะไม่ว่าจะฟังกี่ครั้ง มันก็ยังดูสดใหม่เสมอ ผมต้องการให้เพลงของวง Pulp เป็นแบบนั้น มันคือการนำเอาแง่คิดแบบวัยรุ่นที่มองโลกด้วยความสงสัยแกมประชดประชัน มาเล่าผ่านดนตรีป๊อปๆ ซึ่งได้กลายมาเป็นพิมพ์เขียวในการแต่งเพลงของผมเสมอ โดยเคล็ดลับของผมคือการหยิบหัวข้อเรื่องที่แปลกใหม่ หรือไม่ก็ไม่ค่อยมีคนเล่ามากนักมาใช้ เหมือนกับเอาพล็อตหนังของ มิเกลอันเจโล อันโตนิโอนี (คนทำหนังชั้นครูชาวอิตาเลียนที่มักพูดเรื่องผู้คนด้วยความเนิบช้า) มาทำให้ป๊อปขึ้น ทั้งในรูปแบบโครงสร้างของการเล่าเรื่อง และดนตรีที่ต้องไปด้วยกันได้น่ะครับ

Do You Remember The First Time? เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากไม่ค่อยมีศิลปินคนไหนที่นำเรื่อง ‘การเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรก’ ของตัวเองมาแต่งเป็นเนื้อเพลง แต่ค็อกเกอร์กลับมองว่า ชีวิตวัยรุ่นของเขานั้น สิ้นสุดลงหลังจากที่มีเซ็กซ์เป็นครั้งแรก 

“ผมไม่เคยเสียใจกับการที่มีเซ็กซ์กับใครคนนั้นเป็นครั้งแรก เราทั้งคู่ต่างก็ผุดผ่องด้วยกันทั้งคู่ เวลามีเซ็กซ์กัน เราก็เลยไม่มีความกดดันอะไร เพราะมันเป็นเรื่องใหม่ที่เราไม่เคยทำมันมาก่อน แล้วผมก็ต้องใช้เวลาอีกนานมากทีเดียวกว่าที่จะเก่งเรื่องบนเตียงในแบบของผมเองได้ แต่การมีเซ็กซ์อย่างมีเหตุผลนั้น ทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรเลย เพราะสำหรับผมแล้ว เซ็กซ์เป็นเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกล้วนๆ เซ็กซ์ทำให้เราโตขึ้นแต่ในขณะเดียวกัน เราก็ติดกับดักแห่งความลุ่มหลงมากขึ้นด้วยเช่นกัน 

“เซ็กซ์ทำให้เราหมกมุ่นกับอารมณ์ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ปนเปกัน — ที่สำคัญ มีใครบ้างที่จะลืมการมีเซ็กซ์ครั้งแรกในชีวิตได้ลงล่ะครับ”

ชายผู้แอบชอบสาวแล้วไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องแต่งออกมาเป็นเพลงให้ได้ : Disco 2000

Disco 2000 หนึ่งในเพลงที่โด่งดังที่สุดของ Pulp ก็ยังเป็นเรื่องส่วนตัวของค็อกเกอร์ และเขาแต่งเพลงนี้ขึ้นมา ก็เพราะหลงรักผู้หญิงที่ชื่อ เดบอราห์ โบน ซึ่งเกิดที่โรงพยาบาลเดียวกันในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน แถมแม่ของทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกันด้วย 

เขาหลงรักเธอมาตั้งแต่จำความได้ แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองดูห่างชั้นเกินไปที่จะจีบโบน เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ป๊อปมากในโรงเรียน สิ่งที่เขาพอจะทำได้ก็คือ แอบไปด้อมๆ มองๆ อยู่แถวบ้านของเธอเท่านั้น และในเมื่อเขาไม่สามารถสานสัมพันธ์จริงๆ กับเธอได้ เขาจึงแต่งเพลงนี้ออกมา โดยจินตนาการว่ามันจะเป็นอย่างไร หากเธอและเขามาพบกันตอนโตเป็นผู้ใหญ่ในปี 2000 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างในอดีตได้เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว 

“ทุกอย่างในเพลงนี้เป็นเรื่องจริงหมดครับ ทั้ง มาร์ติน เพื่อนของผม ที่บอกว่า เดบอราห์ เป็นผู้หญิงที่ฮอตที่สุด, บ้านของเธอที่ผมสามารถจดจำทุกอย่างได้หมด, การที่เธอเป็นผู้หญิงคนแรกในโรงเรียนที่หน้าอกเริ่มตั้งเต้า, การที่เธอก็จำผมไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เราเกิดวันเดียวกันที่โรงพยาบาลเดียวกัน, บ่อน้ำพุที่ผมนัดเจอเดบอราห์ในอนาคต ก็มีอยู่จริงๆ ในเฟอร์เกตซึ่งอยู่ในย่านช็อปปิ้งของเมืองเชฟฟิลด์

มันทั้งแปลกและตลกดีที่เพลงนี้ได้รับความนิยมมากๆ นี่คือตัวอย่างที่ว่า หากคุณเล่าเรื่องเป็น และใส่ไอเดียเข้าไปในเพลงได้ มันก็จะเข้าถึงความรู้สึกของทุกคนได้ ผมไม่ชอบแต่งเพลงในลักษณะของบทกวี เพราะมันเข้าถึงได้ยากเกินไป และมุมมองที่ทุกคนมีต่อเพลงที่มีลักษณะของกวี ก็อาจไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง แต่คุณไม่มีทางรู้เรื่องเลยว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ ซึ่งต่างจากผม เพราะผมแต่งเพลงเพื่อให้ทุกคนเข้าใจทุกอย่าง และนำเอาประสบการณ์ของตัวเองเข้ามามีส่วนร่วมในเพลงได้”

และก็เป็นอย่างที่เนื้อเพลงบอก เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เดบอราห์ โบน ก็ได้แต่งงานจริงๆ และมีลูกถึงสองคน ซึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า “จู่ๆ ฉันก็มีชื่อเสียงขึ้นมาจากเพลง Disco 2000 แล้วก็ตลกดีเหมือนกันนะที่บางคนอยากให้ฉันได้กับจาร์วิสจริงๆ ฉันชอบเพลงนี้มากเพราะมันดูใสซื่อบริสุทธิ์และน่ารักมากๆ แต่ฉันก็ไม่เคยได้พบกับจาร์วิสที่บ่อน้ำพุในปี 2000 จริงๆ หรอกนะคะ” 

ค็อกเกอร์และโบนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอดชีวิต และเขายังเคยร้องเพลง Disco 2000 ให้เธอฟังในงานปาร์ตี้วันเกิดอายุครบ 50 ปีของเธอด้วย ซึ่งหลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว โบนที่มีอาชีพเป็นนักจิตวิทยาเด็ก ก็เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งไขกระดูก

จาร์วิส ค็อกเกอร์

 

ชายผู้คิดว่า ‘โลกคือละคร’ และละครก็อาจกลายมาเป็น ‘เพลงที่ดี’ ได้ 

“ผมพยายามแต่งเพลงให้เหมือนกับบทสนทนาครับ ให้เหมือนกับว่าเราได้นั่งคุยกันในหัวข้อที่ไม่ได้ซีเรียสจริงจังอะไร แต่ในเมืองเชฟฟิลด์ที่ผมอยู่ มันมีปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำ, ชนชั้น, การศึกษา และความรักของคนหนุ่มสาวที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน รวมถึงอีกหลายๆ อย่าง 

“ผมบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นไว้ในบทเพลงเหมือนไดอารี่ ฟังเพลงจากศิลปินที่เป็นนักเล่าเรื่องชั้นยอดอย่าง ลู รีด และวง Velvet Underground, ลีโอนาร์ด โคเฮน, ลี ฮาเซลวูด, จิม มอร์ริสัน, เดวิด โบวี, นิก เคฟ, มาร์ก อี สมิธ (วง The Fall) ผมอาจรู้จัก บ็อบ ดีแลน ช้าไปมาก เพราะเพลงของเขาไม่ป๊อปเอาเสียเลย แต่วิธีการแต่งเพลง Simple Twist of Fate ของเขาถือเป็นตัวอย่างที่ดีอย่างมากในการเล่าเรื่องได้อย่างน่ามหัศจรรย์”

จาร์วิส ค็อกเกอร์ มองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน สามารถนำมา ‘เล่าเป็นเรื่อง’ ได้ และถึงจะมีการเติมเสริมแต่งจินตนาการเข้าไปบ้าง แต่มันก็ยังอยู่ในกรอบแห่งความเป็นจริง 

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคนเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายหรือดี ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจได้ทั้งนั้น หากเรารู้จักเล่ามันออกมาให้เป็น

[NEW] My Name ทำความรู้จักตัวละครและทีมนักแสดง เตรียมพร้อมก่อนดู ว่าที่ซีรีส์ฮิตจาก Netflix – THE STANDARD | ตั้งแต่เมื่อฉันรู้จักและฉันได้มาพบเธอ – NATAVIGUIDES

My Name

My Name

ประกาศสร้าง พร้อมประกาศรายชื่อนักแสดงนำตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยแค่เปิดตัวก็สร้างกระแสในทันที เพราะมีชื่อของ ฮันโซฮี ที่แจ้งเกิดจาก และอันโบฮยอน ที่เกิดจากบทร้ายๆ ในซีรีส์ร่วมด้วยนักแสดงในตำนาน พัคฮีซุน ที่ว่ากันว่าเขารับบทซีรีส์เรื่องไหน เรื่องนั้นมาแน่ นั่นจึงแสดงว่า เป็นซีรีส์บทดีที่ทำให้เขาสนใจจนยอมรับงานแสดงนี้

 

THE STANDARD POP เข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ โดยมีนักแสดงนำ ฮันโซฮี, พัคฮีซุน, อันโบฮยอน, คิมซังโฮ, อีฮักจู, จางรยูล และผู้กำกับคิมจินมิน มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานเบื้องหลังก่อนถ่ายทำ จนออกมาเป็นผลงานเดือดๆ ที่ทั่วโลกกำลังรอคอย

 

ก่อนที่ซีรีส์ จะเข้าฉายทาง Netflix ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ เราขอชวนทุกคนมาอุ่นเครื่อง วอร์มร่างกายให้พร้อม ด้วยการทำความรู้จักตัวละคร และเรื่องราวของเหล่านักแสดงที่ทุ่มเทสุดตัวในเรื่องนี้ ทั้งการซุ่มซ้อมฉากแอ็กชันกัน 2-3 เดือนเต็มๆ นักแสดงทุกคนเล่นจริงไม่ใช้ตัวแสดงแทน โดยเฉพาะ ฮันโซฮี หญิงแกร่งหนึ่งเดียวในทีมนักแสดงนำที่เพิ่มน้ำหนักเกือบ 10 กิโลกรัมซึ่งเป็นกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายล้วนๆ เพื่อเปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นตัวละครหลักของเรื่อง ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อการแก้แค้น!   

 

 

 

แนะนำตัวละครในซีรีส์ My Name ที่เราไม่อาจเชื่อใจใครได้เลย

  • ฮันโซฮี กับตัวละคร จีอู 

การที่ต้องสูญเสียพ่อไปตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้การแก้แค้นเป็นเป้าหมายอย่างเดียวในชีวิตของเธอ จีอูยอมทิ้งทั้งอนาคตและชื่อของตัวเองเพื่อล้างแค้น 

 

“ถึงจะดูเศร้าและน่าสงสาร แต่ฉันคิดว่าการเดินหน้าสู้ไปเพื่อบรรลุเป้าหมายทำให้จีอูเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งค่ะ ฉันมองว่าจีอูเป็นตัวละครที่มีมิติเดียว มีเป้าหมายเดียวคือการแก้แค้น แต่เมื่อเธอเติบโตเป็นฮเยจินจะมีความละเอียดอ่อนกว่า มีชั้นเชิง และมีเหตุมีผลมากกว่าค่ะ”

  • พัคฮีซุน กับตัวละคร ชเวมูจิน

ชเวมูจินเป็นหัวหน้าแก๊งค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ เป็นหัวหน้าใหญ่ของแก๊งดงชอน และเป็นเจ้าของโรงแรมที่เปิดไว้บังหน้า เขารับลูกสาวของเพื่อนสนิทที่ต้องการแก้แค้นเข้าแก๊ง ให้ความช่วยเหลือ และให้เธอปลอมตัวแทรกซึมเป็นพวกเดียวกับตำรวจ 

 

“ชเวมูจินเป็นคนที่ไว้ใจใครแล้วจะเชื่อใจเต็มที่ แต่จะไม่ยอมอภัยถ้าคนนั้นทำผิดพลาด เป็นตัวละครที่เยือกเย็นแต่มีเสน่ห์มากครับ ผมคิดว่าคาแรกเตอร์แบบนี้จะต้องเกิดจากการแสดงออกให้น้อย ผมแค่คอยรักษาน้ำหนักของการแสดงเอาไว้ อีกอย่างก็คือการแต่งหน้า การแต่งตัวก็ช่วยได้มากครับ ตอนที่ผมเดินเข้าเซ็ต ผมก็กลายเป็นหัวหน้าชเวมูจินแล้ว”

  • อันโบฮยอน กับตัวละคร จอนพิลโด

จอนพิลโดเป็นตำรวจมือหนึ่งของหน่วยปราบปรามยาเสพติด เขาทำทุกอย่างเต็มหน้าที่เพื่อทำลายแก๊งค้ายาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศให้ได้ ระหว่างนั้นเขาได้เจอกับจีอู คู่หูคนใหม่ที่มาร่วมงานในหน่วยปราบปรามยาเสพติด

 

“พิลโดเป็นตัวละครที่ไม่สามารถโน้มน้าวจีอูได้ครับ ต้องรอชมแล้วจะทราบครับ ด้วยความที่ตัวละครเป็นมือหนึ่งที่ต้องเก่งทุกด้านโดยเฉพาะการต่อสู้ ผมเลยต้องฝึกการต่อสู้หนักพอสมควรครับ ไม่ใช่แค่ผม แต่นักแสดงคนอื่นๆ ก็เข้าคลาสการต่อสู้ด้วยเหมือนกัน ผมอยากแสดงให้เห็นลุคของตำรวจนักสืบที่ดูน่าเกรงขาม เลยตั้งใจออกกำลังกายและเพิ่มน้ำหนักด้วยครับ”

 

  • คิมซังโฮ กับตัวละคร ชากีโฮ

หัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดที่มีปมชีวิตในอดีต ตัวเขาเองมีเป้าหมายที่จะจับกุมหัวหน้าองค์กรค้ายาเสพติด ชเวมูจิน ให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ชากีโฮได้รับจีอูเข้าร่วมในทีมสืบสวน และเริ่มสงสัยว่าในทีมของเขาน่าจะมีหนอนบ่อนไส้

 

“ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จะจัดการกับอาชญากรด้านยาเสพติดแตกต่างจากหน่วยสืบสวนอื่นๆ เพราะต้องใช้เทคนิคหลากหลาย ต้องมีการวางแผนเพื่อการสืบสวนและจับกุม บทของผมเป็นหัวหน้าทีมที่ใช้การต่อสู้ทางสมองและความคิด จะไม่ค่อยมีฉากแอ็กชันเหมือนนักแสดงคนอื่นๆ ครับ”

  • อีฮักจู กับตัวละคร จองแทจู

ลูกน้องมือขวาที่ชเวมูจินไว้วางใจ เขาจัดการทุกอย่างในองค์กร และร่วมปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ชเวมูจินและดงฮุนอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมชเวมูจินจึงรับตัวจีอูเข้ามาในองค์กร ทั้งยังเชื่อใจเธอเสียอีก

 

“ผมรับบทแทจู เป็นมือขวาของชเวมูจิน ที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายมากๆ และทำทุกอย่างเพื่อเขาได้ ที่ผมต้องทำส่วนใหญ่ก็คือการอยู่เงียบๆ ข้างๆ เขา แต่การแสดงที่เงียบๆ แบบคนที่อยู่ข้างๆ แบบนี้ยิ่งเป็นเรื่องท้าทายครับว่าผมจะแสดงออกมาได้อย่างไร”

  • จางรยูล กับตัวละคร โดคังแจ

น้องเล็กขององค์กร ที่มีความทะเยอทะยานที่จะเติบโตเป็นใหญ่ในองค์กร หลังจากผ่านจุดพลิกผันในชีวิตจนถูกขับไล่ออกมา เขาก็เก็บความโกรธแค้นนั้นไว้ เป็นเหมือนภูเขาไฟที่ข้างนอกดูสงบนิ่ง แต่จริงๆ แล้วกำลังรอการระเบิด

 

“คังแจเป็นน้องเล็กของแก๊งดงชอน เขาอยากได้รับคำชมจากพี่ๆ ในแก๊ง มีความโลภ มีความอยากเป็นใหญ่ แต่อีกมุมก็เหมือนเด็กเล็กๆ ที่ทำเพราะอยากเท่เหมือนรุ่นพี่ในแก๊งคนอื่นๆ ปกติผมเป็นคนผอมอยู่แล้ว จะลดน้ำหนักถือเป็นเรื่องยากทีเดียว แต่ตอนที่ได้อ่านบท ตัวละครโดคังแจที่ผมจินตนาการต่างกับตัวจริงของผมในตอนนั้นมาก ผมอยากให้ดูเฉียบคมมากขึ้น เลยตั้งใจลดน้ำหนักให้เข้ากับตัวละครนี้ครับ”

 

 

สัมภาษณ์ฮันโซฮี, พัคฮีซุน, อันโบฮยอน, คิมซังโฮ, อีฮักจู, จางรยูล และผู้กำกับคิมจินมิน 

ในงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ นักแสดงหลักของเรื่องดูสนิทสนมกันมากๆ นั่นก็เพราะการที่พวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันตั้งแต่ก่อนถ่ายทำ เพื่อเรียนรู้ท่าทาง และศิลปะการป้องกันตัว การใช้อาวุธ รวมถึงการซ้อมฉากแอ็กชันต่างๆ เพื่อให้ซีรีส์แอ็กชันถึงเลือดถึงเนื้อเรื่องนี้สมจริงอย่างที่สุด

 

อยากถามถึงความรู้สึกว่าตอนที่อ่านบทจบครั้งแรก มันเต็มไปด้วยความรู้สึกแบบไหน

ฮันโซฮี: ตอนอ่านบทรู้สึกได้ถึงการอยากแก้แค้นค่ะ คาแรกเตอร์นี้ผูกติดกับการแก้แค้น เธอสิ้นหวังและหมดสิ้นหนทางจนฉันรับรู้ได้ผ่านการอ่านบทเลยค่ะ การแก้แค้นจึงเป็นอย่างเดียวที่ผลักดันให้ตัวละครสู้ต่อไปเป็นการแสดงที่ทำให้ฉันได้แสดงออกอีกแง่มุมหนึ่ง ทั้งเรื่องการแสดงอารมณ์ และเรื่องของฉากแอ็กชันที่ฉันไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

 

พัคฮีซุน: ปกติถ้าพูดถึงผลงานแนวฟิล์มนัวร์ เราจะนึกถึงผลงานที่โหดและเยือกเย็น แต่ความรู้สึกแปลกใหม่ตอนอ่านบทเรื่องนี้ คือการวางตัวละครหลักให้เป็นผู้หญิง ทั้งอารมณ์และความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมา รวมถึงความขัดแย้งระหว่างเธอและตัวละครอื่นๆ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ต่างจากซีรีส์ดาร์กๆ เรื่องอื่น ทั้งยังได้ผู้กำกับคิมจินมิน เจ้าของผลงานเรื่องมาร่วมกำกับแล้วด้วย ยิ่งทำให้อุ่นใจ หลังจากอ่านบทแค่ครั้งเดียวก็ตัดสินใจที่จะร่วมงานด้วยครับ

 

อันโบฮยอน: ผมเองก็ชอบซีรีส์เรื่อง มากครับ กลายเป็นแฟนคลับของผู้กำกับคิมจินมิน และอยากลองร่วมงานด้วยสักครั้ง พอได้รับบท อ่านแล้วเพลินจนวางไม่ลงเลยครับ ผมเองอยากลองเล่นแนวแอ็กชันหรือนัวร์อยู่แล้ว ในที่สุดก็ได้เจอผลงานที่ใช่ เลยเตรียมตัวอย่างเต็มที่ครับ

 

พวกคุณต้องเตรียมตัวก่อนการถ่ายทำ My Name อย่างไรบ้าง

พัคฮีซุน: นักแสดงทุกคนมีฉากแอ็กชันเยอะมาก ยกเว้นคิมซังโฮ ผมและนักแสดงชายอีกสามคนเข้าคลาสเรียนการต่อสู้ก่อนถ่ายทำสองเดือน แต่สำหรับฮันโซฮี เริ่มก่อนพวกเรา เธอฝึกอยู่เกือบสามเดือนก่อนถ่ายทำจริงเลยครับ

 

อันโบฮยอน: ผมอัดคลิปวิดีโอตอนเรียนศิลปะการต่อสู้ไว้ และแชร์ให้นักแสดงคนอื่นดูด้วย เพราะว่ามันเป็นซีนที่เราต้องต่อสู้ ต้องเคลื่อนไหวไปด้วยกัน จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมว่าการที่ได้ฝึกซ้อมด้วยกันเป็นเวลาร่วมสองเดือนก่อนถ่ายทำ ทำให้เราสนิทกัน และทำให้บรรยากาศกองถ่ายเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะครับ

 

 

ถามผู้กำกับคิมจินมิน ทำไมถึงเลือกฮันโซฮีเป็นนักแสดงนำ มองเห็นอะไรในตัวเธอ

ผู้กำกับคิมจินมิน: จริงๆ แล้ว หน้าตาและรูปลักษณ์ของนักแสดงส่งผลให้มีข้อจำกัดในการรับบท แต่ผมคิดว่าในข้อจำกัดมักมีความเป็นไปได้เสมอ นักแสดงที่ทำลายข้อจำกัดเหล่านั้นได้ถึงจะพบความเป็นไปได้ 

 

ตอนที่ผมเจอฮันโซฮี ผมถามแค่สองคำถามเองครับ ข้อแรก – อยากเล่นบทนี้หรือไม่ และข้อสอง – เธอจะยอมฝึกซ้อมอย่างหนักหรือเปล่า ซึ่งฮันโซฮีตอบออกมาทันทีเลยครับว่าอยากรับบทนี้ และขอให้ผมลองเชื่อใจเธอ ซึ่งคำสัญญาและความรับผิดชอบในการฝึกซ้อมทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ 

 

ผมมองว่า เป็นโอกาสดีสำหรับนักแสดงที่เคยรับบทสาวสวยมาตลอด จะได้พลิกมาลองผลงานแนวแอ็กชัน โชคดีของเธออีกอย่างที่ได้โปรดิวเซอร์ที่ดูแลด้านศิลปะการต่อสู้ และทีมนักแสดงมากความสามารถ ทำให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น

 

ฮันโซฮี คุณรับบทหนักในซีรีส์ My Name เลย ความรู้สึกในการรับบทจีอูเป็นอย่างไรบ้าง

ฮันโซฮี: ตอนที่ลองเข้าคลาสเรียนการต่อสู้ครั้งแรก ฉันคิดว่าลำบากแน่ๆ คงจะต้องทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมมากๆ 

 

ด้วยความที่เป็นครั้งแรกกับซีรีส์แอ็กชันดราม่า และไม่ใช่การทำงานคนเดียว เราต้องทำงานเป็นทีม เป็นการเคลื่อนไหวที่ต้องแสดงร่วมกับคนอื่นๆ บอกตรงๆ ว่าค่อนข้างหนักใจเหมือนกันค่ะ ไหนจะกังวลว่าจะได้รับบาดเจ็บ กลัวว่านักแสดงคนอื่นจะบาดเจ็บเพราะประสบการณ์อันน้อยนิดของตัวฉันเองด้วย แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างดี ต้องขอบคุณโปรดิวเซอร์ศิลปะป้องกันตัวที่ช่วยเหลือทีมนักแสดงดีมากๆ ค่ะ

 

อาวุธอะไรที่ตัวละครจีอูใช้ในเรื่อง และคุณรู้สึกว่าเข้ามือที่สุด

ฮันโซฮี: ในบรรดาอาวุธที่ต้องใช้มือจับ กระบองเป็นอาวุธที่นิ่มสุดค่ะ เพราะตอนถ่ายทำเป็นกระบองยางที่ทำเลียนแบบของจริง เวลาใช้ก็เลยไม่ค่อยกังวล อีกอย่างตอนเรียนคลาสการต่อสู้ได้เรียนท่ากระบองเยอะเป็นพิเศษด้วย เลยจะมั่นใจในการใช้กระบองมากกว่าอย่างอื่นค่ะ

 

คุณได้ศึกษาการแสดงจากผลงานอื่นอย่างไรบ้างเพื่อเตรียมตัวถ่ายซีรีส์ My Name

ฮันโซฮี: โปรดิวเซอร์ด้านศิลปะการต่อสู้แนะนำให้ฉันดูสไตล์การต่อสู้ในเรื่อง ซึ่งมีฉากแอ็กชันแบบ Long Take กับเรื่องและผลงานแอ็กชันอื่นๆ ที่มีตัวละครนำเป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะต่อสู้โดยใช้มือเปล่า หรืออาวุธต่างๆ ค่ะ

 

อยากให้พวกคุณลองคำนิยามคำว่า ‘แอ็กชัน’ ในซีรีส์เรื่อง My Name ที่เรากำลังจะได้ดูกัน

พัคฮีซุน: การต่อสู้ของพวกเราไม่ได้ใช้สายสลิงหรือ CG ใดๆ เลยครับ เป็นแอ็กชันที่ใช้ร่างกายปะทะเน้นๆ ขอเรียกว่า “แอ็กชันสะเทือนอารมณ์ เรียลแอ็กชัน” แล้วกันครับ 

 

ผู้กำกับคิมจินมิน: สำหรับผมเป็น “แอ็กชันแห่งการขอบคุณ” ครับ เพราะผมอยากจะแสดงความขอบคุณไปยังเหล่านักแสดง โดยเฉพาะโปรดิวเซอร์ควบคุมการแสดงในด้านศิลปะการต่อสู้จาก Seoul Action School พวกเขาทำงานหนักมาก เพื่อทำให้นักแสดงของเรารู้สึกอุ่นใจ 

 

ฉากต่อสู้ 99% มาจากการแสดงของเหล่านักแสดง บวกกับอีก 1% จากความรับผิดชอบและความไว้วางใจในตัวผู้ฝึก นักแสดงของเราเองก็ฝึกซ้อมอย่างหนักมาก ผมคิดว่าถ้าไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดี ผมคงเป็นผู้กำกับที่แย่มากแน่ๆ ศิลปะการต่อสู้ที่นักแสดงถ่ายทอดให้เห็นในเรื่องนี้ถือว่าเหนือความสามารถของคนธรรมดาที่ไม่ใช่นักกีฬาหรือมีพื้นฐานมาก่อน ในเวลาระยะสั้นแต่ทำได้ขนาดนี้ถือว่าน่าทึ่งมาก ผมอยากขอบคุณพวกเขาทุกคนครับ

 

นอกจากโปรดิวเซอร์ด้านศิลปะการต่อสู้ มีเจ้าหน้าที่ตัวจริงจากหน่วยงานไหนให้ข้อมูลด้วยไหม

ผู้กำกับคิมจินมิน: ระหว่างถ่ายทำพวกเราได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับแก๊งยาเสพติดตัวจริง ในทีมมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเหมือนโอฮเยจินในเรื่องเลยครับ ตอนแคสต์นักแสดงผมเลยอิงจากสมาชิกในทีมตำรวจจริงเป็นหลัก 

 

อะไรคือแรงจูงใจในการสร้างผลงานซีรีส์ My Name

ผู้กำกับคิมจินมิน: ด้วยบทประพันธ์ที่ลึกซึ้ง ตัวละครหลักที่มีความแตกต่าง รวมถึงตัวละครที่รายล้อมตัวละครหลัก ถ้าผมได้มีโอกาสทำให้ตัวละครนั้นเป็นจริงขึ้นมาผ่านบทบาทของนักแสดงต่างๆ ซีรีส์เรื่อง น่าจะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่คุ้มค่า ประกอบกับอยากที่จะสร้างผลงานแอ็กชันอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ในขณะที่ร่างกายยังรับไหวน่ะครับ 

 

ประเด็นหลักในเรื่องนี้ ผมคิดว่า ‘การแก้แค้น’ ใกล้เคียงคำว่า ‘ยุติธรรม’ ซึ่งผมเองก็หยิบยกเอาจุดนี้มาใช้เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวใน ซึ่งมันละลายอยู่ในตัวละครจีอู ในตอนสุดท้ายเธอจะได้เรียนรู้ว่าการแก้แค้นนี้มันถูกต้องหรือไม่ หรือจริงๆ แล้วการแก้แค้นคืออะไรกันแน่ คำถามมันจะมีอยู่ในทุกอีพี และเปลี่ยนไปตามที่ตัวละครได้ผ่านประสบการณ์ต่างๆ เลยครับ

 

จากคอนเซปต์ของผลงานก่อนหน้านี้ของผม จะเห็นว่าคนเลวก็ไม่ใช่เลวไปเสียหมด คนดีเองก็ไม่ได้ดีไปทุกอย่าง แต่ในเรื่องนี้บ่งบอกชัดเจนว่า คนดีคือคนดี คนชั่วอย่างไรก็คือคนชั่ว บทบาทของนักแสดงที่รับบทหัวหน้าทีมตำรวจและหัวหน้าแก๊งมาเฟียนั้นสำคัญมาก เมื่อได้นักแสดงที่มากประสบการณ์มารับบทเป็นหัวหน้า ก็ยิ่งทำให้ตัวละครลูกน้องในทีมสบายไปด้วย ตอนถ่ายทำผมเลยแทบจะไม่กังวลเลย ต้องขอบคุณทั้งพัคฮีซุนและคิมซังโฮมากครับ

 

 

เรื่องราวการแก้แค้นในซีรีส์ My Name

จีอู (ฮันโซฮี) เป็นพยานเพียงคนเดียวที่เห็นพ่อตายไปต่อหน้าต่อตาในวันเกิดครบรอบ 17 ปีของตน เธอจึงตัดสินใจออกตามล่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอ และได้ไปขอความช่วยเหลือจาก มูจิน (พัคฮีซุน) เพื่อนสนิทของพ่อที่เป็นหัวหน้าใหญ่แก๊งดงชอน องค์กรค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ โดยมูจินได้บอกกับจีอูว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเป็นคนสังหารพ่อของเธอ และได้หยิบยื่นโอกาสใหม่ ตัวตนใหม่ให้เธอว่า ‘โอฮเยจิน’ เพื่อปลอมตัวเข้าไปทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบความจริงที่แสนโหดร้าย

 

จีอูเข้าไปทำงานในแผนกปราบปรามยาเสพติดร่วมทีมปฏิบัติการกับตำรวจสายสืบ จอนพิลโด (อันโบฮยอน) และหัวหน้าทีม ชากีโฮ (คิมซังโฮ) ซึ่งนั่นทำให้เธอต้องทำการสืบสวนหัวหน้าแก๊งอาชญากรของเธอเอง ยิ่งจีอูพยายามหาทางช่วยมูจินมากเท่าไร เหล่าเพื่อนตำรวจของเธอก็ยิ่งสงสัยในตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งมือขวาของบอสมูจินอย่าง จองแทจู (อีฮักจู) ก็ยังรู้สึกไม่ไว้ใจในตัวจีอูอีกด้วย นอกจากนี้ จีอูยังต้องรับมือกับภัยอันตรายจากอันธพาลประจำแก๊งดงชอนอย่าง โดกังแจ (จางรยูล) อีกด้วย

 

ตัวละครตัวอื่นๆ รอบๆ ตัวจีอู ล้วนแต่เพิ่มความน่าสนใจให้กับเรื่องราวในซีรีส์ ขณะที่ตัวจีอูค่อยๆ ถลำลึกเข้าไปสู่ก้นบึ้งของความอันตราย และจากความสัมพันธ์กับตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้ แม้จะทำให้จีอูได้เข้าใกล้ความจริงในการไล่ล่าหาคนที่ฆ่าพ่อของเธอมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวกลับพาเธอมาพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน และยังต้องเผชิญกับความจริงที่แสนเจ็บปวดในระหว่างที่เธอตามล้างแค้นให้พ่อ ว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนดีและคนเลว

 

เป็นซีรีส์แนวแอ็กชัน-นัวร์ มีทั้งหมด 8 ตอน นำแสดงโดย ฮันโซฮี, พัคฮีซุน, อันโบฮยอน, คิมซังโฮ, อีฮักจู, จางรยูล ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ คิมจินมินจากเรื่อง ออกอากาศวันที่ 15 ตุลาคมนี้

 

ตัวอย่างซีรีส์ 

 


รวมเพลง Boy Peacemaker [G : Music Playlist]


00:00 การเปลี่ยนแปลง
04:39 ไว้อาลัย
08:17 คนเดียวเท่านั้น
12:03 ช่างไม่รู้เลย
15:34 คือเธอ
19:34 ใจฉันเป็นของเธอ
24:13 ความอ่อนแอ
28:41 ยังไม่พ้นขีดอันตราย
31:57 ระยะสุดท้าย
35:52 อยู่อย่างเหงาๆ
40:11 ส่วนเกิน (Acoustic)
44:17 ความเคยชิน
48:04 ข้ออ้าง (Acoustic)
51:58 ฉันมีค่าแค่ไหน
56:18 เพียงในใจ
01:00:04 ไม่เคยถาม (Acoustic)
01:03:39 เรื่องบนเตียง
01:07:40 เหงา
01:11:31 คิดถึง
01:15:24 จนกว่าฟ้าจะมีเวลา
01:19:29 เธอสวย
01:23:41 ฟ้ามีตา
01:28:33 เฉียด
01:32:25 เนื้อคู่
01:37:08 เสี่ยง (Acoustic)
01:40:37 ลอง
WERKGANG รวมเพลงWERKGANG

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

รวมเพลง Boy Peacemaker [G : Music Playlist]

ใจกลางความรู้สึกดีดี (Jai-Glarng-Kwarm-Roo-Seuk-Dee-Dee) – เอ๊ะ จิรากร (JIRAKORN) 【OFFICIAL MV】


ใจกลางความรู้สึกดีดี (JAIGLARNGKWARMROOSEUKDEEDEE)
Artist : เอ๊ะ จิรากร (JIRAKORN SOMPHITAK)
Digital Download : กด 123 4888
iTunes Download : http://goo.gl/IC5hAA
ติดตามข่าวสารได้ที่
http://www.facebook.com/Aejirakorn
http://www.facebook.com/werecords
http://www.facebook.com/gmmgrammyofficial

ใจกลางความรู้สึกดีดี (Jai-Glarng-Kwarm-Roo-Seuk-Dee-Dee) - เอ๊ะ จิรากร (JIRAKORN) 【OFFICIAL MV】

Violette Wautier – ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข (This Time) | Official Music Video


Violette Wautier ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข (This Time) | Official Music Video
ฟังเพลง “ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข (This Time)” ได้แล้วตอนนี้ : https://VioletteWautier.lnk.to/ThisTimeID
Written by Violette Wautier
Produced by Vichaya Vatanasapt and Violette Wautier
Arranged by Vichaya Vatanasapt and Violette Wautier
Keyboard and programming by Vichaya Vatanasapt
Recorded by Saranya Verawat at Dynamic Record Studio
Mixed and Mastered by Vichaya Vatanasapt at TPSM Studio
Lyrics
ที่ผ่านมา ฉันพบแต่รักที่ทำ ให้เสียใจ
เจอแต่ คนใจร้าย ที่ไม่รู้จักคำว่าให้
อย่างล่าสุดคนที่แล้ว เค้าทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน
ทำให้คนทุกคนที่เจอ คิดว่าเค้าไม่มีแฟน หรือใคร
จนวันที่ฉันเจอเธอ ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจ
แต่ว่าวันนี้ฉันจะลองเริ่มใหม่
ก็เพราะเธอ เข้ามาทำให้ อะไร อะไร อะไร มันช่างดีกว่า
และเพราะเธอ ฉันไม่ต้องการ อะไร อะไร อะไร ไปมากกว่า
ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข
เข้าใจแล้ว ความรักที่ดีมันเป็นแบบนี้เอง
อย่างแค่โมเม้นท์ ที่เราชอบแย่งกันเลือกเพลง ในรถที่มีแค่เรา เธอทำให้เรื่องแค่นี้พิเศษ
สั่งอาหารกินตอนเที่ยงคืน ปลุกตอนเช้าแม้ว่าเธอ จะไม่ยอมตื่น
ในวันนี้ฉันมีเธอ ตอนนี้ฉันโคตรแน่ใจ
ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะให้เป็นใคร
ก็เพราะเธอ เข้ามาทำให้ อะไร อะไร อะไร มันช่างดีกว่า
และเพราะเธอ ฉันไม่ต้องการ อะไร อะไร อะไร ไปมากกว่า
ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข
ก็เพราะเธอ เข้ามาทำให้ อะไร อะไร อะไร มันช่างดีกว่า
และเพราะเธอ ฉันไม่ต้องการ อะไร อะไร อะไร ไปมากกว่า
ก็เพราะเธอ เข้ามาทำให้ อะไร อะไร อะไร มันช่างดีกว่า
และเพราะเธอ ฉันไม่ต้องการ อะไร อะไร อะไร ไปมากกว่า
ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข
วันนี้ฉันมีความสุข
เราคบกันนานนานได้มั้ย
ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข
วันนี้ฉันมีความสุข
เราคบกันนานนานได้มั้ย
Connect with Violette Wautier :
https://www.instagram.com/violettewautier
https://www.facebook.com/violettewautierofficial
https://twitter.com/violettewautier
For work please contact :
[email protected]
ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข ThisTime VioletteWautier

Violette Wautier - ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข (This Time) | Official Music Video

BigAss – ฝุ่น


BigAss - ฝุ่น

ชอบที่เธอเป็นเธอ – วงแทมมะริน [4K MusicVideo]


ฟังเพลงของวงแทมมะรินได้ที่ JOOX
https://open.joox.com/s/rd?k=myh4L
และ
iTunes Store \u0026 Apple Music : https://apple.co/3oXpfWZ
ํYoutubeMusic : https://music.youtube.com/watch?v=t_5ddzvmr6w\u0026feature=share
Spotify : https://spoti.fi/3BFtrhn
Tidal : https://bit.ly/3p1IFKk
Amazon Music : https://amzn.to/3n9k0kz
ชื่อเพลง ชอบที่เธอเป็นเธอ
ศิลปิน วงแทมมะริน
คำร้อง/ทำนอง พนัชกร แท่นประมูล
เรียบเรียง ศุภกาญจน์ พรหมเกิด
ติดต่องานแสดง 0847505241
งานโฆษณา , ริวิวสินค้า 0840678537
Facebook : วงแทมมะริน
เพลงใหม่ ชอบที่เธอเป็นเธอ วงแทมมะริน TMR

Mix \u0026 Mastered : อ.สัญญา อิทธิสัน
Vocal Recording : My Home studio
Bass Recording : ธงชัย ถาวรโชติ

Executive Producer : วุฒินนท์ รอดเนียม : เฉลิมพล มากละเอียด

: MUSIC VIDEO : BT Media Studio
: Editor : เฉลิมพล มากละเอียด
: Director : ศรัญญู เนียมหะ
: Assistant Video : นพรัตน์ เนียมหะ
Musician
Vocals : พนัชกร แท่นประมูล (นิล)
Guitar : ณัฐวุฒิ ศรีเอียด (ต้น)
Guitar : อรรถโกวิท แสงใส (ยิม)
Bass : สัตตะ ดำแก้ว (บาส)
Drum : ศรายุทธ ไพยรัตน์ (อาร์)

Special Thanks
COCO CAPE LANTA RESORT
KHAO YAI FARM \u0026 RESTAURENT
แสงจันทร์ เรดิโอ

เนื้อเพลง ชอบที่เธอเป็นเธอ
มีคนเคยบอกกับเธอหรือยังว่าเธอน่ารัก ว่าเธอสวยเกินใครทั้งหมดเลย ช่างถูกใจฉันเหลือเกิน
ช่างน่ามอง บอกได้ไหมบ้านอยู่หนแห่งใด
หรือว่าเจ้าเป็นดาวจากเมืองเหนือ หรืออีหล่าคำแพงแดนอีสาน
คนสวยของเมืองภาคกลาง หรือสาวงามของเมืองใต้
ยอมรับตรงๆเลยว่าชอบเธอคนนี้ ชอบที่เธอเป็นเธอ ชอบเวลาเธอยิ้ม
รู้ไหมเวลาที่เธอจ้องตา ฉันเขินจริงๆ เธอทำให้ใครคนนึงหลงรักเธอ
ขอถามตรงๆเลยขอจีบเธอได้ไหม ถ้าเธอไม่ว่าอะไร ก็ยิ้มให้กันสักนิดนึง
ได้โปรดอย่าเพิ่งมองผ่าน ไปสนคนอื่น เพราะใจทั้งใจของคนๆนี้มันยกให้เธอเป็นที่หนึ่ง
ชอบจริงๆเจ้าเอย รักจริงๆหล่าเอ้ย จะอู้จะอี้จะเว้าเช่นไร
ชอบจริงๆเธอเอ้ย รักจริงๆสาวเห้อ ต้องพูดพันพรือเธอจึงเข้าใจ
Solo
(ซ้ำ )
ชอบจริงๆเจ้าเอย รักจริงๆหล่าเอ้ย จะอู้จะอี้จะเว้าเช่นไร
ชอบจริงๆเธอเอ้ย รักจริงๆสาวเห้อ ต้องพูดพันพรือเธอจึงเข้าใจ
ชอบจริงๆเจ้าเอย รักจริงๆหล่าเอ้ย จะอู้จะอี้จะเว้าเช่นไร
ชอบจริงๆเธอเอ้ย รักจริงๆสาวเห้อ ต้องพูดพันพรือเธอจึงเข้าใจ

ชอบที่เธอเป็นเธอ - วงแทมมะริน [4K MusicVideo]

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN TO MAKE A WEBSITE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ตั้งแต่เมื่อฉันรู้จักและฉันได้มาพบเธอ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *