Skip to content
Home » [Update] คำนำหน้าคำนาม (a an the) ใช้ต่างกันอย่างไร พร้อมแบบฝึกหัด | หลักการใช้ the – NATAVIGUIDES

[Update] คำนำหน้าคำนาม (a an the) ใช้ต่างกันอย่างไร พร้อมแบบฝึกหัด | หลักการใช้ the – NATAVIGUIDES

หลักการใช้ the: คุณกำลังดูกระทู้

หลักการใช้ a an the หรือ article a an the เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เรียนแล้วสนุกครับ เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับนักเรียนไทย เนื่องจากในภาษาไทยมันไม่มีอะไรแบบนี้เลย อยากเรียกแมวก็เรียกว่า แมว ไม่ใช่ อะ แมว หรือ เดอะ แมว

คำนำหน้าคำนาม (Article) คือ คำที่วางหน้าคำนามเพื่อบ่งชี้คำนามนั้น ๆ ว่าเป็นคำนามที่ชี้เฉพาะ หรือไม่ชี้เฉพาะ คำนำหน้าคำนามแบ่งได้สองประเภท ได้แก่

1. คำนำหน้าคำนามแบบไม่ชี้เฉพาะ (Indefinite Article)

คือ คำนำหน้าคำนามที่แสดงให้เรารู้ว่า คำนามที่ตามหลังมีจำนวนเป็นหนึ่ง คำนำหน้านามประเภทนี้ ได้แก่ a และ an

A กับ An ใช้นำหน้านามทั่ว ๆ ไป  แปลว่า หนึ่งคน หนึ่งตัว หนึ่งอัน หนึ่งแห่ง หรือบางทีไม่ต้องแปลก็ได้ เป็นการกล่าวถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบลอย ๆ ไม่เจาะจงว่าคืออันไหนกันแน่ โดยมีกฎการใช้ดังนี้ คือ

  • เราจะใช้ a นำหน้าคำนามเอกพจน์ที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ

        – A bird (นกตัวหนึ่ง)
        – A book (หนังสือเล่มหนึ่ง)
        – A girl (เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง)
        – A zoo (สวนสัตว์แห่งหนึ่ง)
        – A teacher ครูหนึ่งคน
        – A school โรงเรียนหนึ่งแห่ง

นอกจากนี้เรายังใช้ a นำหน้าคำนามนับได้ ที่เป็นเอกพจน์ ที่ขึ้นต้นด้วย สระ แต่ออกเสียงเป็นเสียง พยัญชนะ

        – A uniform (/ˈjuːnɪfɔːrm/) (เครื่องแบบชุดหนึ่ง)
        – A university (/ˌjuːnɪˈvɜːrsəti/) (มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง)

หมายเหตุ: ตัวอักษร “u” ในที่นี้ไม่ได้ออกเสียง อู แต่ออกเสียง ยู ซึ่งเป็นเสียงพยัญชนะ เลยเราจะต้องใช้คำนำหน้านามเป็น “a” ไม่ใช้ “an”

  • เราจะใช้ an นำหน้าคำนามเอกพจน์ที่ขึ้นต้นด้วย สระ (a e i o u)

ยกตัวอย่างเช่น:
        – An apple (แอปเปิลลูกหนึ่ง)
        – An egg (ไข่ฟองหนึ่ง)
        – An orange (ส้มผลหนึ่ง)
        – An elephant ช้างหนึ่งตัว
        – An ice-cream ไอศกรีมหนึ่งแท่ง
        – An umbrella (ร่มคันหนึ่ง)

  • นอกจากนี้ เรายังใช้ an นำหน้าคำนาม ที่เป็นเอกพจน์ ที่ขึ้นต้นด้วย พยัญชนะ แต่ออกเสียงเป็นเสียง สระ

        – An hour (ชั่วโมงหนึ่ง) – “h” ในที่นี้ไม่ได้ออกเสียง ฮะ แต่ออกเสียง อะ ซึ่งเป็นเสียงสระ

2. คำนำหน้าคำนามแบบชี้เฉพาะ (Definite Article)

คือคำนำหน้าคำนามที่ใช้เจาะจงคำนามนั้น ๆ ว่าคือสิ่งไหน โดยใช้นำหน้าได้ทั้งคำนามนับได้ทั้งเอกพจน์ และพหูพจน์ คำนามนับไม่ได้ คำนำหน้าคำนามประเภทนี้เรียกว่า the (เดอะ) แต่ถ้านำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ หรือเสียงสระ เราจะอ่านออกเสียงว่า the (ดิ)

“The” จะใช้ในกรณีดังต่อไปนี้

  • การใช้ The ให้ใช้นำหน้านามที่รู้กันดีกันทั่ว ๆ ไปว่าเป็นอันไหน เช่น

        – The Sun (ดวงอาทิตย์), The Moon (ดวงจันทร์), The Earth (โลก)
        – Great Wall of China เป็นกำแพงเมืองจีน มีแห่งเดียวในโลกถ้าอย่างนั้นก็เรียกว่า The Great Wall of China
        – Pyramids รู้จักไหม? แน่นอนว่าทุกคนคงต้องรู้ว่ามันอยู่กลางทะเลทรายในอียิปต์ อย่างนั้นก็เรียกว่า The Pyramids
        – Baiyoke Tower ตึกไบหยกที่สูง ๆ ในประเทศไทยของเราเอง จึงเรียกว่า The Baiyoke Tower

ดังนั้นสรุปได้ว่า The มักจะนำหน้าสิ่งที่รู้กันดีทั่ว ๆ ไป และจะสังเกตุได้ว่า มันมีเพียงที่เดียวในโลก

  • ใช้กับคำนามนับได้ที่เป็นเอกพจน์และพหูพจน์เป็นการชี้เฉพาะเจาะจงลงไปว่าคนไหน อันไหน สิ่งไหน

        – The man who wrote this book is a famous person  แปลว่า ผู้ชายคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียง
        – I live in the small house with a blue door. แปลว่า ฉันอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีประตูสีฟ้า
        – He is the doctor I came to see เขาเป็นหมอคนที่เราจะไปหา

มาดูกันอีกหนึ่งประโยค The dog is mine. (เดอะ ด็อก อีส มาย) แปลว่า สุนัขตัวนั้นเป็นของฉัน ดังนั้นเราจะใช้ the เพื่อชี้เฉพาะว่าเป็นสุนัขตัวไหน

  • ใช้ the นำหน้าชื่อครอบครัว

อย่างเช่น:
        – The Browns แปลว่า ครอบครัวตระกูล Brown
        – The Lees แปลว่า ครอบครัวตระกูล Lee
        – The Smiths แปลว่า ครอบครัวตระกูล Smith

  • ตามปกติเราใช้ the นำหน้าชื่อหนังสือพิมพ์ เช่น

        – The Nation,
        – The Times,
        – The Sun

  • ใช้ the กับชื่อสถานที่

        – ทะเล the Pacific, the Atlantic
        – เทือกเขา the Himalayas, The
        – แม่นํ้า the Mississippi
        – ทะเลทราย the Sahara
        – โรงแรม the Plaza, the Grand le Khon Kaen
        – โรงหนังโรงละคร the Playhouse
        – พิภิธภัณฑ์   the National Museum
        – ชื่อประเทศที่มีคำว่า Republic, Kingdom, State

  • ใช้ the เมื่อเราพูดโดยทั่วไปในเรื่องเครื่องดนตรี

        – The piano
        – I play the guitar.

  •  ใช้ the ก่อนคำว่า same       

        – Your shirt is the same color as mine. แปลว่า เสื้อของคุณสีเดียวกันกับเสื้อของผม

  • ใช้ the + คำคุณศัพท์เมื่อกล่าวถึงกลุ่มบุคคลเป็นพิเศษ

        – the rich คนรวย
        – the sick คนป่วย 
        – the poor คนจน

  • ใช้ the กับเวลาที่กล่าวถึงเป็นช่วง 10 ปี

ตัวอย่างเช่น:
        – He was born in the seventies.
        – This is a painting from the 1820’s.

  • ใช้ the กับอนุประโยคที่ใช้ only

ตัวอย่างเช่น:
        – This is the only day we’ve had sunshine all week.
        – You are the only person he will listen to.
        – The only tea I like is black tea.

หมายเหตุ : “the” จะถูกห้ามใช้ในกรณีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ห้ามใช้ the กับชื่อประเทศ (ยกเว้น ในกรณีพิเศษที่ได้กล่าวไปแล้ว)

ตัวอย่างเช่น:
        – Germany is an important economic power. แปลว่า เยอรมนีเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
        – He’s just returned from Zimbabwe. แปลว่า เขาเพิ่งกลับจากซิมบับเว

  • ห้ามใช้ the กับชื่อภาษา

ตัวอย่างเช่น:
        – French is spoken in Tahiti. ภาษาฝรั่งเศสถูกใช้เป็นภาษาพูดในตาฮิติ
        – English uses many words of Latin origin. ภาษาอังกฤษใช้คำที่มาจากภาษาละตินหลายคำ

  • ห้ามใช้ the กับมื้ออาหาร

ตัวอย่างเช่น:
        – Lunch is my favorite meal. มื้อเที่ยงเป็นมื้อโปรดของฉัน
        – I like to eat breakfast early. ฉันชอบกินอาหารเช้า แต่เช้า

  • ห้ามใช้ the กับชื่อคน

ตัวอย่างเช่น:
        – John is coming over later. จอห์นจะมาในภายหลัง
        – Mary Carpenter is my boss. แมรี่คาร์เพนเตอร์เป็นเจ้านายของฉัน

  • ห้ามใช้ the กับชื่อตำแหน่งที่กล่าวพร้อมกับชื่อคน

ตัวอย่างเช่น:
        – Prince Charles is Queen Elizabeth’s son. เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ
        – President Kennedy was assassinated in Dallas. ประธานาธิบดีเคนเนดีถูกลอบสังหารในดัลลัส

  • ห้ามใช้ the หลังการแสดงความเป็นเจ้าของ

ตัวอย่างเช่น:
        – His brother’s car was stolen. รถของพี่ชายเขาถูกขโมยไปแล้ว
        – Peter’s house is over there. บ้านของปีเตอร์อยู่ที่ตรงโน้น

  • ห้ามใช้ the กับอาชีพ

ตัวอย่างเช่น:
        – Engineering is a well-paid career. แปลว่า วิศวกรเป็นอาชีพที่ได้เงินเดือนดี
        – He’ll probably study medicine. แปลว่า เขาคงจะเรียนแพทย์

  • ห้ามใช้ the กับชื่อร้านค้าต่าง ๆ

ตัวอย่างเช่น:
        – I’ll get the card at Starbucks. ฉันจะไปรับการ์ดที่ Starbucks
        – Can you go to Adidas for me? คุณช่วยแวะไปร้าน Adidas ให้เราหน่อยได้ไหม?

  • ห้ามใช้ the กับปี

ตัวอย่างเช่น:
        – 1948 was a wonderful year. แปลว่า ปี 1948 เป็นปีที่ยอดเยี่ยม
        – He was born in 1995. แปลว่า เขาเกิดเมื่อปี ค.ศ. 1995

  • ห้ามใช้ the กับคำนามนับไม่ได้

ตัวอย่างเช่น:
        – Rice is an important food in Asia. แปลว่า ข้าวเป็นอาหารที่สำคัญในเอเชีย
        – Milk is often added to tea in England. แปลว่า ในประเทศอังกฤษมักจะเติมนมลงในถ้วยชา
        – War is destructive. แปลว่า สงครามคือการทำลายล้าง

  • ห้ามใช้ the กับชื่อภูเขา ทะเลสาบและเกาะ

ตัวอย่างเช่น:
        – Mount McKinley is the highest mountain in Alaska. แปลว่า ยอดเขาแมคคินลีย์ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอลาสก้า
        – She lives near Lake Windermere. แปลว่า เธออาศัยอยู่ใกล้ทะเลสาบวินเดอร์เมียร์
        – Have you visited Long Island? แปลว่า คุณเคยไปเกาะลองไอแลนด์หรือยัง?

  • ส่วนใหญ่แล้วห้ามใช้ the กับชื่อเมือง ถนน สถานีต่าง ๆ และสนามบิน

ตัวอย่างเช่น:
        – Victoria Station is in the centre of London. แปลว่า สถานีวิกตอเรียอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน
        – Can you direct me to Bond Street? แปลว่า คุณช่วยพาฉันไปที่ Bond Street ได้ไหม
        – She lives in Florence. แปลว่า เธออาศัยอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์
        – They’re flying into Heathrow. แปลว่า พวกเขากำลังบินไปที่สนามบินฮีทโธรว์

อ่านไปแล้วก็อย่าลืมทำแบบฝึกหัดที่ Eng Breaking ได้เตรียมมาให้สำหรับคุณโดยเฉพาะด้วยนะ มันจะช่วยให้เราท่องจำหลักการใช้ของ คำนำหน้านาม ( a, an, the) ได้ง่ายขึ้นและสามารถประยุกต์ใช้ได้ทันที ลองมาดูกันว่ามีใครตอบได้ทุกข้อดังต่อไปนี้ไหม

แบบฝึกหัดสำหรับ คำนำหน้านาม ( a an the)

1. We are looking for _______ place to spend ________ night.
         A. the/the               B. a/the       C. a/a          D. the/a

2. Please turn off ________ lights when you leave ________ room.
         A. the/the               B. a/a          C. the/a       D. a/the

3. We are looking for people with ________experience.
         A. the                      B. a             C. an           D. x

4. Would you pass me ________ salt, please?
         A. a                         B. the          C. an           D. x

5. Can you show me ________way to ________station?
         A. the/the               B. a/a          C. the/a       D. a/the

6. She has read ________interesting book.
         A. a                         B. an           C. the          D. x

7. You’ll get ________shock if you touch ________ live wire with that screwdriver.
         A. an/the                B. x/the      C. a/a          D. an/the

8. Mr. Smith is ________ old customer and ________ honest man.
         A. An/the               B. the/an    C. an/an      D. the/the

9. ________ youngest boy has just started going to ________ school.
         A. a/x                      B. x/the      C. an/x        D. the/x

10. Do you go to ________ prison to visit him?
         A. the                      B. a             C. x             D. an

11. ________eldest boy is at ________ college.
         A. a/the                  B. the/x      C. x/ a         D. an/x

12. Are you going away next week? No, ________ week after next.
         A. an                       B. a             C. the          D. x

13. Would you like to hear ________ story about ________ English scientist?
         A. an/the                B. the/the   C. a/the       D. a/ an

14. There’ll always be a conflict between ________ old and ________ young.
         A. the/the               B. an/a        C. an/the    D. the/a

15. There was ________ collision at ________ corner.
         A. the/a                  B. an/the    C. a/the       D. the/the

16. My mother thinks that this is ________ expensive shop.
         A. the                      B. an           C. a             D. x

17. Like many women, she loves ________ parties and ________gifts.
         A. the/ a                 B. a/the       C. a/a          D. x/x

18. She works seven days ________ week.
         A. a                         B. the          C. an           D. x

19. My mother goes to work in ________ morning.
         A. a                     B. x             C. the          D. an

20. I am on night duty. When you go to ________ bed, I go to ________ work.
         A. a/x                      B. a/the       C. the/x      D. x/x

เป็นอย่างไรกันบ้าง กับบทความเรื่อง คำนำหน้านาม (Article a, an the) ที่ทาง Eng Breaking ได้นำมาให้คุณในวันนี้ หากเรารู้หลักการใช้ที่ถูกต้อง ภาษาอังกฤษก็กลายเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว

แต่ถึงอย่างไรก็อย่าลืมหมั่นทบทวนและหมั่นฝึกฝนภาษาอังกฤษอยู่เป็นประจำนะ Practice Makes Perfect การฝึกฝนบ่อย ๆ จะทำให้เกิดความชำนาญ ไว้ครั้งหน้าอย่าลืมมาติดตามบทความดี ๆ เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษจาก Eng Breaking ว่ามาจะมีสาระน่ารู้ดี ๆ อะไรมาฝากกันอีก

ปล. ว่าจะบอกลาเพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว แต่ลืมให้คำเฉลยสำหรับแบบฝึกหัดข้างบน

นี่เลย ไม่ต้องรอนาน

1. B     2. A     3. D     4. B     5. A    
6. B     7. B     8. C     9. D     10. A  
11. B   12. C   13. D   14. A   15. C  
16. B   17. D   18. A   19. C   20. D

ตอบถูกได้กี่ข้อ หรือมีตรงไหนยังสงสัยก็ลองมาแชร์กับ Eng Breaking ได้เลย!!!

ความคิดเห็น 635 รายการ

 

[NEW] รูปแบบการใช้ The ในภาษาอังกฤษ | หลักการใช้ the – NATAVIGUIDES

the เป็น definite article (เดฟินิท อาทิเคิล) ใช้วางหน้าคำนามนับได้รูป เอกพจน์หรือรูปพหูพจน์ และคำนามนับไม่ได้ซึ่งมีเพียงรูปเอกพจน์ หากมีการระบุ จำเพาะเจาะจง

ลองเปรียบเทียบการใช้ a หรือ an ที่ไม่ระบุเจาะจง กับการใช้ the ที่มีการระบุเจาะจง จากข้อความต่อไปนี้
Can I have a banana?
a banana ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นกล้วยลูกใด
Can I have the banana?
the banana ระบุว่าเป็นกล้วยลูกที่อยู่ในจานซึ่งมีเพียงลูกเดียว
แlดงให้เห็นว่าการที่เราใช้ the ก็เพราะมีความเด่นชัดว่าเป็นสิ่งใดหรือบุคคลใดที่เรากำลังเอ่ยถึง ลองพิจารณาดูตัวอย่างที่แสดงต่อไปนี้
It’s dark in this room. Switch on the light.
(the light ในที่นี้หมายถึง the light in this room “ไฟในห้องนี้” เท่านั้น)
ต่อไปนี้จะขอกล่าวถึงการออกเสียง และการใช้ the ดังนี้

1. การออกเสียง
1.1 the ออกเสียง เดอะ เมื่อวางอยู่หน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ (consonant sound คันเซอแน็นทฺ ซาวดฺ) เช่น
the black book (เดอะ แบล็ค บุ๊ค)
the red car (เดอะ เรด คา)

1.2 the ออกเสียง ดิ เมื่อวางอยู่หน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ (vowel sound ) เช่น
the interview (ดิ อินเทอวิว)
the awful sound (ดิ ออฟุล ซาวดฺ)

2. การใช้
2.1 ใช้ the หน้าคำนามนับได้รูปเอกพจน์ นามนับได้รูปพหูพจน์ และนามนับไม่ได้ หากมีการชี้จำเพาะเจาะจงถึงสิ่งนั้นๆ บุคคลนั้นๆ
ตัวอย่าง
Mike has a pen and a pencil. The pen is blue. The pencil is white.
ไมค์มีปากกาหนึ่งด้ามและดินสอหนึ่งแท่ง
ปากกาด้ามนั้นสีน้ำเงิน ส่วนดินสอแท่งนั้นสีขาว
A : I have two pieces of fruit for us, an apple and a banana.
Which do you want?
B : I’d like the banana, thanks.
ก – ผมมีผลไม้สองชิ้นคือ แอปเปิล และกล้วย คุณจะเอาอันไหน
ข – เอากล้วยครับ ขอบคุณ

2.2 ใช้ the เมื่อเป็นที่ชัดเจนในสถานการณ์นั้นๆ แล้วว่าเราหมายถึงสิ่งใด หรือบุคคลใด อยู่ที่ไหน
ตัวอย่าง
A : Where’s Simon?
B : He’s in the kitchen. (= the kitchen in this house)
ก – ไซมอนอยู่ที่ไหน
ข – เขาอยู่ในครัว (หมายถึง ครัวในบ้านหลังนี้)
A : Could you switch on the light? (= the light in this room)
B : Yes, sure.
ก – คุณเปิดไฟให้หน่อยได้ไหม (หมายถึง ไฟในห้องนี้)
ข – ได้ครับ

2.3 ใช้ the เมื่อเอ่ยถึงสิ่งหนึ่งๆ ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก เช่น the sun, the moon, the earth, the sky, the world
ตัวอย่าง
I enjoy lying in the sun.
ผมชอบนอนอาบแดด
Would you like to travel round the world?
คุณอยากจะเดินทางรอบโลกไหม

2.4 ใช้ the กับชื่อของอุปกรณ์ดนตรี และสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์
ตัวอย่าง
She can play the guitar and the piano.
เธอเล่นกีตาร์และเปียโนได้
Marconi invented the radio.
มาร์โคนิประดิษฐ์วิทยุ

2.5 ใช้ the กับคำคุณศัพท์บางคำที่บ่งบอกสภาพทางร่างกาย (physical state) และสภาพทางสังคม (social state) เช่น young, old, rich, poor, blind, brave, deaf, dead, sick, disabled ฯลฯ โดยมีความหมายเช่นเดียวกับ adjective + people (in general) เช่น
the young = young people the old = old people the brave = brave people
ตัวอย่าง
The young should listen to the old.
= Young people should listen to old people.
คนหนุ่มสาวควรจะรับฟังคนชรา
We should help the blind.
= We should help blind people.
เราควรจะช่วยเหลือคนตาบอด

2.6 ใช้ the .หน้าคำแสดงสัญชาติของผู้คนในประเทศนั้นๆ เช่น the English, the French, the American ฯลฯ
ตัวอย่าง
The English drink a lot of tea.
ชาวอังกฤษดื่มน้ำชามาก
The Italians are great lovers.
ชาวอิตาเลียนเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่

จะสังเกตเห็นว่า The English และ The Italians หมายถึงสัญชาติของ ผู้คนในประเทศนั้นๆ เหมือนๆ กัน แต่ต่างกันที่ The English คำว่า English ไม่มี -s ข้างท้าย แต่ The Italians คำว่า Italians มี -S ข้างท้าย ท่านผู้อ่านจึงควรจะทราบดังนี้

การใส่และไม่ใส่ -s ท้ายคำแสดงสัญชาติ
ก. คำแสดงสัญชาติที่ลงท้ายด้วย -sh เช่น the English, the Irish, the British) -ch (เช่น the French, the Dutch) หรือลงท้ายด้วย -ese (เช่น the Japanese, the Chinese) จะไม่เติม -s ท้ายคำแสดงสัญชาติ

ข. คำแสดงสัญชาติที่มิได้ลงท้ายด้วย -sh, -ch, -ese จะเติม -s ท้ายคำ แสดงสัญชาตินั้นๆ เมื่อหมายถึง ผู้คนในประเทศนั้นๆ เช่น (the) Italians, (the) Germans ฯลฯ

2.7 ใช้ the กับชื่ทะเล มหาสมุทร ลำคลอง ทะเลทราย หมู่เกาะ โรงแรม โรงภาพยนตร์ พิพิธกัณฑ์ คลับ ภัตตาคาร เทือกเขา แม่น้ำ และผับ เช่น the Atlantic    มหาสมุทรแอตแลนติก
the Nile        แม่น้ำไนล์
the Sahara    ทะเลทรายซาฮาร่า
the Changrila Hotel โรงแรมแซงกรีลา
the Chao Phya Cafe เจ้าพระยาคาเฟ่
the Chalerm Khung Cinema โรงภาพยนตร์เฉลิมกรุง
the Panama Canal คลองปานามา
the Rockies    เทือกเขารอกกี
the Mediterranean Sea ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ตัวอย่าง
The Nile flows into the Mediterranean Sea.
แม่น้ำไนล์ไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
Look at the Fiji Islands in the Pacific.
จงมองดูหมู่เกาะฟิจิในมหาสมุทรแปซิฟิก

2.8 ใช้ the กับทิศทางตามเข็มทิศ เช่น the north, the south, the east, the west, the north-east, the south-west ฯลฯ
ตัวอย่าง
It’s much colder in the north of England than in the south.
ทางเหนือของประเทศอังกฤษอากาศหนาวเย็นกว่าทางใต้
A : Where are you from?
B : I’m from the north-east of Thailand.
ก – คุณมาจากไหน
ข – ผมมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

2.9 ใช้ the เมื่อกล่าวถึงครอบครัวหรือตระกูล ทั้งนี้สังเกตได้จากการเติม -s ที่นามสกุล ซึ่งแสดงถึงตระกูลของครอบครัวนั้น
ตัวอย่าง
The Kennedys are probably the most famous family in the USA.
ตระกูลเคนเนดี้อาจจะนับได้ว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกา We lived next door to the Browns.
เราอาศัยอยู่ในบ้านหลังถัดจากครอบครัวบราวน์

2.10 ใช้ the กับชื่อประเทศที่มีคำว่า union, republic, state, kingdom, และ isle ประกอบด้วย เช่น
the Soviet Union ประเทศสหภาพโซเวียด
the United States (of America) ประเทศสหรัฐอเมริกา
the Federal Republic of Germany ประเทศสาธารณรัฐเยอรมนี
the United Kingdom ประเทศสหราชอาณาจักรอังกฤษ

แต่มีอยู่บางประเทศที่ถึงแม้จะไม่มีคำที่ระบุมาประกอบอยู่ด้วยก็ใช้
the นั่นคือ the Philippines ประเทศฟิลิปปินส์
the Netherlands (หรือ Holland) ประเทศเนเธอร์แลนด์ (หรือฮอลแลนด์)

ประเทศอื่นนอกจากนี้ ไม่ใช้ the วางไว้หน้าชื่อประเทศ เช่น Malaysia, Indonesia, Thailand, Brunei, Myanmar, etc.
ตัวอย่าง
He graduated from the United States.
เขาจบการศึกษามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา
Another name of the Netherlands is Holland
อีกชื่อหนึ่งของประเทสเนเธอร์แลนด์คือฮอลแลนด์

2.11 ใช้ the กับคำที่แสดงขั้น superlative เช่น the oldest, the best, the least, the youngest, the longest, the most beautiful ฯลฯ และใช้กับคำแสดงลำดับที่ (ordinal number) เช่น the first, the second, the third, the fourth ฯลฯ
ตัวอย่าง
Sara is the oldest child in the family.
ซาราเป็นลูกคนโตสุดในครอบครัว
It was the best film I had ever seen.
มันเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่ผมเคยชมมา
Johnson was the first director of the school.
จอห์นสันเป็นผู้อำนวยการคนแรกของโรงเรียน

2.12 ใช้ the เมื่อมีการเอ่ยถึงระบบ (system) หรือบริการ (service)
ตัวอย่าง
I spoke to her on the telephone yesterday.
เมื่อวานนี้ผมได้พูดคุยกับเธอทางโทรศัพท์
I heard the news on the radio.
ผมได้ฟังข่าวนี้มาจากวิทยุ
ข้อควรจำ ข้อความต่อไปนี้ไม่ใช้ทั้ง a, an หรือ the ได้แก่
to/at/from work to/at/from school/college to/at/from church at home/night out of/to/in bed at/for breakfast/lunch/dinner by car/bus/bicycle/plane/boat

ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 10,508 times, 7 visits today)


หลักการใช้ชีวิต EP1000000


tiktok oooOng trending

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

หลักการใช้ชีวิต EP1000000

หลักการใช้ชีวิต EP9999


tiktok ooong
Facebook ส่วนตัว
https://web.facebook.com/ong.walker/
Instagram: ong.dertrua

หลักการใช้ชีวิต EP9999

หลักการใช้ do/does, did, done แบบละเอียด | ภาษาอังกฤษกับเคลี่


ภาษาอังกฤษกับเคลี่ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
FACEBOOK: ภาษาอังกฤษกับเคลี่ @englishwithkaylee นักเรียนติดตามเพจ 1.2 ล้านคน
INSTAGRAM: KAYLEE WONDER DMD @drkayleewonder

บริจาคที่ www.paypal.me/kayleewonder ขอบคุณมากๆ จากใจค่ะ

ครูชื่อเคลี่ค่ะ เกิดที่เมืองไทย เป็นคนอุดรค่ะ ครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่ปี 2001 เรียนจบมัธยมปลายที่รัฐฮาวาย ต่อตรีที่รัฐคอนเนคติคัท และจบเอกทันตแพทย์ที่ลาสเวกัสค่ะ ตอนนี้ทำงานเป็นหมอฟันที่รัฐวอชิงตัน เริ่มสอนภาษาอังกฤษในเฟสบุ๊คปี 2016 ตอนที่เรียนทันต ปี 3 ค่ะ ตอนนี้ก็มีคนติดตามในเพจมากกว่า 1.2 ล้านคน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีนักเรียนมาเรียนด้วยเยอะแบบนี้ อยากให้คนไทยได้พูดภาษาอังกฤษเป็น จะได้เจริญก้าวหน้า และตัวเองก็อยากฝึกภาษาไทยด้วย จะสังเกตุได้ว่าบางทีอาจจะพูดแข็งกระด้างเกินไป หรือว่าสะกดคำไทยผิด เพราะไม่ได้ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวันเลยค่ะ พูดแต่อังกฤษ และคนที่บ้านก็พูดอิสานด้วย อันนั้นก็เริ่มไม่ถนัดแล้วเหมือนกันค่ะ ก็อย่าถือสากันเลยนะคะ แต่ภาษาอังกฤษเนี่ยครูสำเนียงเป๊ะค่ะ ตอนนี้ก็สอนเป็นงานอดิเรกค่ะ เท่าที่มีเวลาว่าง สอนฟรี และไม่มีคอร์สสอนนะคะ แค่ทำงานเป็นหมอฟันครูก็เหนื่อยมากแล้วค่ะ เรียนฟรีๆก็ดีแล้ว ไม่ต้องเสียเงิน ความรู้หาฟรีได้เยอะแยะไป ถ้ามีโอกาสก็อาจจะเปิดคอร์ส แต่ก็คงอีกนานค่ะ ครูจะพยายามมาลงคลิปบ่อยๆนะคะ ขอบคุณที่มาดูคลิปและติดตามกันนะคะ

เรียนภาษาอังกฤษ, เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง, เทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษ, สำนวนภาษาอังกฤษ, ประโยคภาษาอังกฤษ, บทสนทนาภาษาอังกฤษ, เก่งภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน, ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว, วลีภาษาอังกฤษ, เรียนต่อที่เมืองนอก, American English, Learn English, English lesson, ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ, การออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง, สำเนียงอังกฤษแบบอเมริกัน, คำศัพท์อังกฤษ, ศัพท์อังกฤษ, บทเรียนภาษาอังกฤษ, เรียนต่อที่อเมริกา, การฟังภาษาอังกฤษ, ฝึกการฟังภาษาอังกฤษ, เรื่องราวสั้นๆภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษพื้นฐาน

หลักการใช้ do/does, did, done แบบละเอียด | ภาษาอังกฤษกับเคลี่

หลักการใช้ชีวิต ep99999


Tiktok khaby

หลักการใช้ชีวิต ep99999

Grammar 5 นาที : Article ( a,an,the) : คำนำหน้านาม


เนื่องในโอกาสวันพ่อในปี 2557 นี้ จึงอยากทำดีเพื่อพ่อโดยจัดทำวีดีโอให้ความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ โดยจัดทำเป็นเนื้อหาสั้นๆ ตอนละประมาณ 5 นาที โดยใช้ชื่อว่า \”Grammar 5 นาที\” หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ชมนะคะ สามารถติดตามได้ที่ Facebook : Miss Noon
On the 5th of December is Father’s day in Thailand, since 2014 I would like to make the goodness for our father of Thailand so I make the videos about grammar for Thais who interested in English which the topic is \”Grammar 5 mins\” contact on Facebook : Miss Noon

Grammar 5 นาที : Article ( a,an,the) : คำนำหน้านาม

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ หลักการใช้ the

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *