ในการใช้ภาษาอังกฤษทั้งการใช้ในการทำงาน สื่อสาร และในการเรียน สามารถพบเจอกับคำว่า Must, Have to และ Should ได้บ่อยครั้ง ทั้ง 3 คำมีความหมายที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่

ความหมายของคำว่า Must, Have to และ Should

Must หมายถึง ต้อง
Have to หมายถึง จำเป็นที่จะต้อง
Should หมายถึง ควร

เมื่อพิจราณาจากความหมายของทั้ง 3 คำ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่แตกต่างกันคือระดับของความเข้มข้น

Must ใช้ในการเน้นย้ำว่าต้องทำ (ต้องทำให้ได้) (ระดับความเข้มข้นสูงสุด)
Have to ใช้ในการบอกว่าจำเป็นที่จะต้องทำ  (ระดับความเข้มข้นลดลงจาก Must)
Should ใช้ในการบอกว่าควรทำ (แนะนำให้ทำ) (ระดับความเข้มข้นน้อยกว่า Have to และ Must)

การใช้ Must, Have to และ Should สามารถใช้ได้ดังนี้

1.ใช้บอกสิ่งที่ต้องทำ มีความจำเป็นที่ต้องทำ
(แตกต่างกันที่ระดับความเข้มข้น)

ตัวอย่าง

You must see that movie, it was great.
เธอต้องดูหนังเรื่องนั้นให้ได้นะ มันยอดเยี่ยมมาก (ต้องดูให้ได้ ห้ามพลาด)

You have to see that movie, it was great.
เธอจำเป็นต้องดูหนังเรื่องนั้นให้ได้นะ มันยอดเยี่ยมมาก (ต้องไปดูนะ)

You should see that movie, it was great.
เธอควรดูหนังเรื่องนั้นนะ มันยอดเยี่ยมมาก (ถ้ามีเวลาว่าง ควรไปดู)

I must do my homework now.
ฉันต้องทำการบ้านตอนนี้แล้ว (มันสายมากแล้ว ถ้าไม่ทำตอนนี้ ทำไม่ทันแน่ ๆ)

I have to do my homework now.
ฉันจำเป็นที่จะต้องทำการบ้านตอนนี้แล้ว (ถ้าไม่ทำตอนนี้ อาจจะทำไม่ทัน)

I should do my homework now.
ฉันควรทำการบ้านตอนนี้ (เป็นเวลาที่เหมาะสมกับการทำการบ้านในตอนนี้)

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า Must, Have to และ Should สามารถใช้แทนกันในประโยคได้ แต่ความหมายแตกต่างกัน ตามระดับของสิ่งที่ต้องทำ / ต้องทำ / จำเป็นต้องทำ หรือ ควรทำ

2. Must และ Should ใช้กับการออกคำสั่ง / ต้องทำตามคำสั่ง

Must ใช้ในการออกคำสั่ง ให้ทำตามสิ่งที่ผู้พูดต้องการ หรือใช้เขียน คำสั่งที่เป็น กฎ ระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ

Have to ใช้เพื่อบอกว่าต้องทำตามคำสั่ง หน้าที่ กฎ ระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ

ตัวอย่าง

Teacher: You must complete the report by Tuesday.
ครู: เธอต้องทำรายงานให้เสร็จภายในวันอังคาร

Student: I have to complete the report by Tuesday.
นักเรียน: ฉันจำเป็นต้องทำรายงานให้เสร็จภายในวันอังคาร

Jane: You must go to the airport before 10 am.
เจน: เธอต้องไปที่สนามบินก่อน 10 โมง

Tom: I have to go to the airport before 10 am.
ทอม: ฉันจำเป็นต้องไปที่สนามบินก่อน 10 โมง

I have to wear a helmet while driving a motorcycle.
ฉันจำเป็นต้องสวมหมวกกันน็อคในขณะขับมอเตอร์ไซค์

You have to stop when you see the red signal light.
คุณจำเป็นต้องหยุดรถเมื่อคุณเห็นสัญญาณไฟแดง

You must be 18 or over to vote.
คุณต้องมีอายุ 18 ปีหรือมากกว่า ที่จะออกเสียงเลือกตั้งได้

เพิ่มเติม
ตัวอย่าง 2 อันสุดท้าย
You have to stop when you see the red signal light. และ
You must be 18 or over to vote. 

แตกต่างกันคือ ถ้าผู้พูดบอกให้เราทำตามกฎที่คนอื่นตั้งขึ้น ไม่ใช่ผู้พูดตั้งขึ้นมาเอง เช่น กฎหมายจราจร จะเข้าข่ายต้องใช้ have to คือบอกว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำตามกฎ แต่ตัวอย่างสุดท้าย You must be 18 or over to vote. เป็นการอ้างถึงข้อกฎหมายโดยตรง กฎหมายเขียนไว้ จึงเข้าข่ายการใช้ Must (Must ใช้ในการเขียนกฎ ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ )

3. Must ไม่สามารถใช้พูดถึงอดีตได้ ต้องใช้ had to

I must pay my phone bill yesterday. (ผิด)
I had to pay my phone bill yesterday (ถูก)
ฉันต้องจ่ายเงินค่าโทรศัพท์เมื่อวานนี้

4. Have got to ใช้แทน have to ได้

I have to work tomorrow. (ใช้ได้)
I have got to work tomorrow. (ใช้ได้)
I’ve got to work tomorrow. (ใช้ได้)
ฉันต้อง(จำเป็นต้อง)ไปทำงานในวันพรุ่งนี้

สรุป

Must ใช้ในการเน้นย้ำว่าต้องทำ (ต้องทำให้ได้)
Have to ใช้ในการบอกว่าจำเป็นที่จะต้องทำ
Should ใช้ในการบอกว่าควรทำ (แนะนำให้ทำ)

การใช้ Must, Have to และ Should สามารใช้ได้ดังนี้คือ

1. ใช้บอกสิ่งที่ต้องทำ มีความจำเป็นที่ต้องทำ (แตกต่างกันที่ระดับความเข้มข้น)
2. Must และ Should ใช้กับการออกคำสั่ง / ต้องทำตามคำสั่ง

• Must ใช้ในการออกคำสั่ง ให้ทำตามสิ่งที่ผู้พูดบอก หรือใช้เขียน คำสั่งที่เป็น กฎ ระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ
• Have to ใช้เพื่อบอกว่าต้องทำตามคำสั่ง หน้าที่ กฎ ระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ

3. Must ไม่สามารถใช้พูดถึงอดีตได้ ต้องใช้ had to
4. Have got to ใช้แทน have to ได้

หลักการใช้ by – วิธีง่ายๆในการเลือกใช้ prepositions

ฟุต ฟิต ฟอร์ ไฟว์ เรียนภาษาอังกฤษ ตอน หลักการใช้ by วิธีการง่ายๆในการเลือกใช้ ซึ่งทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า by เป็น preposition ที่อยู่หน้าคำ 2 คำ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของคำที่อยู่ข้างหน้า by ว่ามีความเกี่ยวข้องกับข้างหลังอย่างไร แต่ก็มี prepositions ที่มีความหมายคล้ายๆกับ by เช่น with หรือ over จนทำให้เราสับสนเลือกใช้ไม่ถูก วันนี้เรา 10 วิธีง่ายๆในการเลือกใช้ “by” มาฝาก

หลักการใช้ by

1. ใช้ตามหลัง Verb + ing เพื่อแสดงว่าใครหรืออะไรได้เกิดขึ้นแล้ว เช่น
A robot has learned to cook by watching YouTube videos.
He gets to work by train.

2. เพื่อบอกว่า ใครซักคนเดินทางด้วยอะไร Used to indicate a means or method:
I came by car. ผมเดินทางมาด้วยรถยนต์
I go to school by bus. ผมไปโรงเรียนโดยรถบัส
He gets to work by train. ฉันเดินทางไปทำงานโดยรถไฟ
He came by plane. ผมเดินทางมาโดยเครื่องบิน
ระวัง ! ในกรณีที่ใช้ by จะไม่มีการใช้ a, the, my แต่จะใช้ a, the, my ในกรณี in my car / in a taxi / on the plane / on the bus.

3. ใช้เพื่อบอกถึงวิธีการแบบจำเพาะ เจาะจง เช่น
Please send my order by international air freight. กรุณาส่งของที่สั่งซื้อไปให้ผมทางเครื่องบิน
Please send this letter by express delivery. กรุณาส่งจดหมายนี้แบบนำจ่ายด่วน

4. เพื่อบอกว่าบางสิ่งบางอย่างได้ถูกกระทำแล้ว
We usually send invoices by mail. พวกเรามักจะส่งใบกำกับภาษีโดยจดหมาย
I made a payment by mistake. ฉันจ่ายเงินไปด้วยความผิดพลาด

5. ในประโยค passive เพื่อบอกว่าสิ่งนั้น สิ่งนี้ ถูกใครหรืออะไรทำให้เกิดขึ้นมา
The four seasons was composed by Vivaldi. บทเพลง The Four Seasons แต่งขึ้นโดยวิวาลดี
The house was built by an architect. บ้านหลังนี้สร้างโดยสถาปนิกคนหนึ่ง

6. ใช้ by ในกรณี ไม่เกิน หรือไม่ช้ากว่า
Have the report on my desk by Friday morning. รายงานต้องอยู่บนโต๊ะของผมภายในเช้าวันศุกร์
If she left at 4 p.m., she should be here by now. ถ้าเธอออกมาตอนบ่าย 4 โมงเย็น ตอนนี้เธอควรจะมาถึงที่นี่แล้ว
The children must be in bed by 8 o’clock. เด็กๆต้องเข้านอนไม่เกิน 2 ทุ่ม

7. ใช้ by กับจำนวน
My brother is older than me by 5 years. พี่ชายของฉันแก่กว่าฉัน 5 ปี
Do you sell those by weight?  คุณขายของพวกนั้นโดยการชั่งน้ำหนักหรือเปล่าคะ
No, we sell them by the piece. ไม่ครับ พวกเราขายมันเป็นชิ้น

8. ใช้ by ตามหลังคำ adjectives
Obama was surprised by election results. โอบามาประหลาดใจกับผลการเลือกตั้ง
We were shocked by her death. พวกเราช็อคกับการตายของเธอ

9. ใช้แทน next to หรือ beside เช่น
He was standing by me. เขายืนอยู่ข้างๆฉัน
The police station is by the city hall. สถานีตำรวจอยู่ข้างๆกันกับศาลาว่าการ

10. บางสิ่งบางอย่างที่ถูกกระทำขึ้นมาตามลำพัง ด้วยตัวของมันเอง
She fixed her washing machine by herself. เธอซ่อมเครื่องซักผ้าด้วยตัวเธอเอง
My dog can open the door by himself. สุนัขของฉันสามารถเปิดประตูบ้านได้ด้วยตัวเอง

วันนี้ได้รู้หลักในการใช้ by ไปแล้ว คราวต่อไปจะมาพูดถึง วิธีการใช้ with กันบ้าง อย่างไรก็ดี ลองเอาไปฝึกใช้บ่อยๆ จะได้คุ้นชินแบบไม่ต้องมานั่งท่องจำกันอีก