Skip to content
Home » [Update] เทคนิคการเรียน Programming ให้เร็วและมีประสิทธิภาพ | เวลาทําให้เรียนรู้ – NATAVIGUIDES

[Update] เทคนิคการเรียน Programming ให้เร็วและมีประสิทธิภาพ | เวลาทําให้เรียนรู้ – NATAVIGUIDES

เวลาทําให้เรียนรู้: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

สวัสดีครับ วันนี้มาคุยกันถึงหัวข้อเบาๆ กันบ้าง มันเป็นเรื่องของเทคนิคที่ผมใช้เวลาต้องการเรียนภาษาหรือเฟรมเวิร์คใหม่สำหรับการเขียนโปรแกรม การอยู่ในสายคอมพิวเตอร์นั้นมีความจำเป็นที่จะต้องติดตามเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นเรายังต้องเดิมพันด้วยว่าควรจะเลือกจับเทคโนโลยีตัวไหนมาทำมาเป็นคู่ชีวิต เพราะถ้าเลือกผิดตัวศึกษาไปแล้วดันไม่เกิด ก็เหมือนเสียเวลาเรียนฟรี เอามาใช้ทำมาหากินไม่ได้ หรือไม่ก็สร้างทีมไม่ได้ อย่างไรก็ดี ยังไงเราก็ต้องศึกษาสิ่งที่ออกมาใหม่บ้างอยู่ดี คำถามคือแล้วทำอย่างไรเราถึงจะเป็นผู้รู้เทคโนโลยีหลายๆ ตัวให้ได้เร็วและมีประสิทธิภาพ วันนี้ผมจะขอเล่าถึงเทคนิคที่ผมใช้มาเป็นเวลานมนานเพื่อให้สามารถศึกษาทั้งแต่ ภาษา เฟรมเวิร์ค ไปจนถึงเครื่องมือต่างๆ ได้ในเวลาอันสั้น

ถ้าใครอยู่ในวงการ Software Development น่าจะจำช่วงปี 2012-2016 กันได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีเครื่องมือใหม่ๆ ออกมากันเพียบ ทั้ง Android, iOS ที่กำลังรุ่งเรือง แล้วที่ร้ายที่สุดวงการ Web Dev ที่มีทั้ง NodeJS, AngularJS, React, VueJS (ยังไม่นับฝั่ง CSS อีกนะ) ออกมากันให้พรึบ จากนั้นก็เป็นยุคของ Big Data ส่วนตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา วันๆ ได้ยินแต่ Hadoop กับ Spark มายุคนี้ก็ AI กับ Blockchain กันทั้งเมือง ซึ่งมันก็เป็นธรรมดาที่เวลามีเทคโนโลยีที่หวูหวาดูมีอนาคตออกมาในวงการ มีคนให้ความสนใจ ก็จะมีคนช่วยกันพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาต่อยอด ส่วนโปรแกรมเมอร์น้อยประสบการณ์อย่างเราก็ต้องเลือกเส้นทางละว่าจะเลือกเรียนอะไรดีเพื่ออนาคต ผมไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ เลือกกันยังไง แต่สำหรับผม ผมเลือกเรียนแบบพื้นๆ มันทุกตัว เพื่อที่ว่าอย่างน้อยเราจะได้พอรู้ข้อดีข้อด้อยของแต่ละตัว เวลาเจองานเข้ามาจะได้เลือกใช้งานได้เหมาะสม แต่พอจะเลือกทุกตัว ก็มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและพลังงาน ซึ่งการเรียนเทคโนโลยีเพื่อให้รู้จักและใช้เป็นนั้น ไม่ได้จำเป็นต้องไปรู้ลึกซะจนเป็น Guru ตอบได้ทุกเรื่อง แต่เราเลือกเรียนเพื่อให้ตอบว่าควรจะเลือกใช้อะไรในสถาการณ์ไหน แล้วจะต่อยอดยังไงก็พอ แล้วนานๆ ีก็เลือกมาสักตัวที่ถูกใจเอามาใช้เป็นคู่ชีวิตไว้ทำมาหากิน

Table of Contents

The S-shaped Learning Curve

โดยทั่วไปนั้น การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มักจะมีรูปแบบ Learning Curve ที่คล้ายกัน เราเรียกมันว่า S-shaped learning curve ซึ่งหน้าตาก็จะกราฟข้างล่างนี่

สิ่งที่กราฟนี้บอกมีดังนี้ แกนนอนบอกถึงปริมาณความพยายามที่ใช้ในการเรียนรู้ ส่วนแกนตั้งบอกถึงผลลัพธ์หรือประสิทธิภาพที่ได้จากการเรียนรู้ ในช่วงต้น การเรียนรู้ในช่วงต้นจะใช้เวลาลองผิดลองถูกค่อนข้างนาน แต่ดันไม่ได้ผลลัพธ์มากนัก แต่พอได้เรียนรู้ได้ทดลองจนเข้าใจพื้นฐานแล้ว ก็จะสามารถศึกษาต่อยอดไปได้อย่างรวดเร็ว จนถึงช่วงสุดท้ายที่รู้ค่อนข้างลึกแล้ว ความเร็วในการเรียนรู้ก็จะลดกลับลงมา

ดังนั้นถ้าสังเกตดูให้ดีก็จะเห็นว่า เราจะต้องทำยังไงก็ได้ให้เข้าสู่ช่วงของ Steep acceleration ให้เร็วที่สุด ซึ่งสำหรับผมมีเทคนิคการจัดการกับมันดังนี้

มองมุมกว้างให้ทั่วก่อนจึงตัดสินใจออกเดินทาง

การเริ่มทำอะไรโดยไม่ศึกษาภาพรวมให้ดีก่อน ก็เหมือนการสุ่มสี่สุ่มห้าเดินเข้าไปในวนกต กว่าจะจับทางได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็ตามไม่ทันคนอื่นเขาเสียแล้ว

ก่อนจะเริ่มศึกษาอะไรทั้งปวง ผมจะเริ่มจากการศึกษาว่า เทคโนโลยีทุกวันนี้มีตัวไหนน่าสนใจบ้าง ซึ่งก็สามารถดูได้จากเว็บข่าว หรือ Community ของเหล่านักพัฒนาว่าเขากำลังพูดถึงอะไรกัน ติดตามอ่านข่าวสารให้เป็นเรื่องเป็นราว สำหรับเด็กๆ อย่างน้อยที่สุดก็ควรอ่าน https://www.blognone.com อย่างสม่ำเสมอ พอโตขึ้นมาหน่อยค่อยเข้าเว็บ Community ต่างชาติบ้าง พอเห็นเขาเริ่มพูดถึงอะไรกันระดับหนึ่ง ก็ควรเริ่มไปเปิดดูว่า มันคืออะไร ใช้ทำอะไร มีดีอะไรคนถึงหันมาใช้กัน อ่านรีวิว อ่านบทวิจารณ์ เปรียบเทียบกับเทคโนโลยีใกล้เคียงกันให้เยอะ ดูการเปรียบเทียบกับตัวอื่นๆ เพื่อให้เข้าใจพื้นฐานของเทคโนโลยีดังกล่าว ให้พอจินตนาการภาพของการเอามันไปประยุกต์ใช้งานได้ สำหรับขั้นตอนนี้ผมอยากให้ทุกคนทำให้ได้กับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา เห็นอะไรโผล่เข้ามาไม่รู้จัก เปิด Google เลย ค่อยๆ ศึกษาไปวันละเล็กวันละน้อย แล้วเราจะได้รู้ว่ามีสิ่งนี้ให้เลือกนะในเวลาที่จำเป็นต้องใช้

เริ่มเรียนรู้จากสื่อที่ถูกจริตกับเรา

การได้พบอาจารย์ที่ดีนั้นช่วยทุ่นเวลาไปได้มาก ดังนั้นควรหาและเลือกเรียนกับอาจารย์ที่ถูกจริตกับเราให้ได้

เมื่อได้เห็นว่าสิ่งใดกำลังจะมาแน่ๆ ต้องลงทุนแล้ว ก็ต้องลงมือศึกษาอย่างจริงจัง โชคดีที่ยุคนี้โลกของเราเชื่อมถึงกันหมด และมีคุณครูเก่งๆ อยู่บนโลกออนไลน์เยอะมาก สำหรับผม ผมชอบเรียนรู้ผ่านทาง Video มากกว่าอ่านหนังสือ ในช่วงนี้ที่ยังไม่รู้อะไรมาก ผมจะเปิด  YouTube นั่งฟังคนที่อธิบายเก่งเล่าให้ฟัง ซึ่งเป็นธรรมดาที่จะเห็นคนสอนเรื่องเดียวกันอยู่หลายคน ก็ต้องเลือกก่อนว่าจะเรียนรู้จากอาจารย์คนไหนดี โดยเข้าไปฟังสำเนียง เข้าไปฟังวิธีการอธิบายแบบข้ามๆ ก่อน เมื่อเจอคนที่ถูกใจ (พยายามเลือกคนที่ลง Code ให้เราเห็นด้วย) ก็เปิดนั่งดูไปเลยยาวๆ ในตอนนี้ยังไม่ต้อง Code ใดๆ ทั้งสิ้น เราจะได้เห็นภาพว่าเวลาเราจะใช้งานจริงมันจะออกมาเป็นแบบไหน นี่เป็นเทคนิคที่ย่นเวลาการเรียนรู้ในตอนต้นไปได้อย่างมหาศาล เพราะถ้าเจอคนที่สอนดี ก็เหมือนโดนเกาตรงจุดที่คัน เราจะเข้าใจ Concept พื้นฐานได้อย่างไว ไปจนถึงได้จินตนาการเห็นตัวเองกำลังนั่งเขียน Code แล้วบ้างในบางส่วน

ลงมือทำตามที่เพิ่งได้เรียนรู้มาตามอาจารย์

แค่ดูอย่างเดียวย่อมไม่พอ ต้องลงมือทำด้วย มันต้องเจ็บ ถึงจะจำได้

ขั้นต่อมาเป็นช่วงของการลงมือทำ หลังจากดู Video ไปจนถึงจุดที่คันไม้คันมือ ทนไม่ไหวอยากจะลงมือแล้ว ก็หยุด ไม่ต้องดูต่อแล้ว ให้เริ่มทำโปรเจกต์เดียวกับที่เขาสอน ทำโดยที่ไม่เปิด Video ไปทำไป แต่ให้ทำคู่ไปกับ Official Document จะได้ศึกษาการอ่าน Doc ไปในตัวด้วย ถ้าตั้งใจดู Video มาดี ควรจะพอจำได้ว่าเขาเริ่มต้นยังไง แล้วพอเห็น Doc ก็จะนึกออกว่า อ่อ เราจะต้องทำตรงนี้นะ ก็ค่อยๆ วางโครงแบบงูๆ ปลาๆ เท่าที่จำได้ไป ถ้าตรงไหนติดจริงๆ ก็ไป Seek ดู Video เอาเฉพาะตรงที่ติด แล้วระหว่างดูอย่าไป Code ตาม ให้จำให้ได้ว่าเขามีวิธีคิดยังไงในการทำตรงที่เราติดอยู่ จนเข้าใจแล้วก็กลับมาลงมือทำของตัวเอง จนกระทั่งเริ่มคุ้นมือกับสิ่งที่กำลังเรียนอยู่ สามารถขึ้นโปรเจกต์ใหม่ เขียนอะไรพื้นฐานขึ้นมาเองได้ ก็พอแล้วสำหรับเฟสนี้

สร้างชิ้นงานของตัวเองขึ้นมาใหม่จากศูนย์

การลงมือทำของจริง จะช่วยให้เราได้เจอปัญหาที่ไม่เคยเจอในตำรา ให้ได้คิด ได้แก้ เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ที่ยั่งยืน

ต่อมาเป็นช่วงของการสร้างชิ้นงานชิ้นแรกของตัวเองตั้งแต่ต้น ผมมีความเชื่อว่า อย่าเพิ่งคุยว่าเราเขียนภาษาอะไร หรือใช้เฟรมเวิร์คตัวไหนเป็น จนกว่าจะได้เริ่มทำกับโปรเจกต์จริงๆ ให้สำเร็จสักชิ้นเสียก่อน ซึ่งแต่ละสิ่งที่เราเรียนนั้นก็ต้องทำโปรเจกต์ที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ถ้าเรียนสิ่งที่เป็น Backend ก็อาจจะทำโปรเจกต์อะไรที่เกี่ยวกับฝั่งติดต่อ DB เช่น ทำ Webboard แต่ถ้ากำลังเรียนฝั่ง Frontend ก็อาจจะลองทำเครื่องคิดเลข หรือศึกษาอะไรที่มัน Real-time Interactive หน่อย เช่น Web socket ก็อาจจะลองทำห้องแชทง่อยๆ ดู ซึ่งก็ต้องลองเลือกดูครับว่าสิ่งที่เรียนนั้นเหมาะกับโปรเจกต์แนวไหน ผมมองว่าถ้าเกิดได้ศึกษามาดีตั้งแต่ขั้นตอนแรก จะเห็นภาพแน่นอนว่าควรทำโปรเจกต์อะไรดี จากนั้นก็ลงมือเลยครับ อาจารย์คนสำคัญสำหรับเฟสนี้ก็จะเป็น Google และ StackOverflow ซึ่งเราจำเป็นจะต้องเลือก Keyword ในการค้นหาสิ่งที่ติดอยู่ต่างๆ ให้ถูกต้อง เวลาที่เรากำลังทดลองทำโปรเจกต์กับเครื่องมือที่เพิ่งเรียนรู้ใหม่ครั้งแรกเนี่ย มันจะมีคำถามเยอะแยะไปหมดว่า จะทำอย่างนี้ บนเจ้านี่ จะต้องทำอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น การ substring การหา index ของ element ที่ต้องการใน array การบันทึกการอ่านข้อมูลจาก DB ซึ่งก็จะได้คำตอบจากการไปค้นใน Google เนี่ยแหละ ก็ค่อยๆ ทำ ค่อยแคะกันไป จนกระทั้งสำเร็จได้โปรเจกต์เล็กๆ ออกมาพอใช้งานได้ชิ้นแรก ก็น่าจะพอมีความมั่นใจในการทำโปรเจกต์ต่อไปแล้วแหละ ถ้าให้เทียบกับกราฟแล้ว ตอนนี้ก็จะมาอยู่ประมาณช่วง Steep acceleration แล้ว ที่รู้แล้วว่า เครื่องมือที่ศึกษามานั้นมีอะไรให้ใช้งานบ้าง และยิ่งเปิดโปรเจกต์เพิ่ม ก็จะยิ่งได้เรียนรู้และมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

โดยปรกติแล้วกระบวนการเริ่มลงมือดู Video ไปจนถึงสร้างโปรเจกต์แรกสำเร็จ ผมจะใช้เวลาอยู่ประมาณ 16 ชั่วโมง ซึ่งผมมักจะทำเรื่องพวกนี้ตอนวันหยุดยาวนั่นเอง เมืองไทยนี้วันหยุดเยอะ ทั้งสงกรานต์ ทั้งปีใหม่ เรียนแค่ปีละ 2 ตัว ผ่านไป 5 ปีก็ 10 ตัวแล้ว ยังไม่นับที่ได้เรียนระหว่างปีอีกเยอะแยะ ดังนั้นถ้าจับหลัก หาวิธีการเรียนรู้ไวๆ ได้ ก็จะเป็นคนที่มีความรู้กว้าง บวกกับที่ต้องเจอเทคโนโลยีในที่ทำงาน ก็รับรองได้เลยว่าจะรุ่งเรืองอยู่ในวงการได้อย่างแน่อน

อย่าเพิ่งหยุดเรียนจนกว่าจะพ้น Mt. Stupid

Dunning-kruger effect

การหยุดเรียนระหว่าง Steep Acceleration มักจะปล่อยเราไว้ที่ The peak of Mt. Stupid ทำให้ผู้เรียนรู้สึกฮึกเหิม เพราะก่อนหน้านี้ตอนต้นจะรู้สึกว่ายังทำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ ทำโปรเจกต์แรกสำเร็จ ก็จะเริ่มมีความมั่นใจ ทำอันต่อๆ ไปได้อีก ก็จะยิ่งมั่นใจเข้าไปอีก ทำให้อยากออกไปคุยว่าฉันทำไอ้นี่เป็นแล้วนะ แต่มันจะเป็นไปได้ไงที่เราที่เพิ่งทำเสร็จมาไม่กี่โปรเจกต์ ชั่วโมงการทำงานแค่ไม่กี่สิบชั่วโมง มันจะไปรู้เท่าคนที่ใช้งานสิ่งนี้มาเป็นปีได้ สิ่งนี้เรียกว่า Dunning-kruger effect ที่อธิบายว่า คนที่เพิ่งเรียนรู้อะไรไปสักพักจนได้ผลอะไรบางอย่างแล้ว จะมีความรู้สึกว่าฉันรู้ฉันเข้าใจแล้วอย่างจริงจัง แต่ความจริงนั้นยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมอีก ดังนั้นถ้ารู้สึกตัวว่าอยู่บนยอดเขา (อารมณ์คือรู้สึกมีความมั่นใจว่าทำได้แล้วแหละในครั้งแรก) ก็จงรีบลงมาซะ มาดูว่าจะไปศึกษาให้ลึกลงไปอีกได้จากที่ไหนได้บ้าง ทางหนึ่งที่จะช่วยให้ลงจากเขาได้เร็วที่สุดคือการออกไปคุยกับผู้รู้จริง ให้เขายิง Jargon ใส่ หรือยิงคำถามยากๆ ใส่ หรือไม่ก็ไปอ่าน Code ของคนอื่น โดยเฉพาะตามโปรเจกต์ Open Source ที่ใหญ่ๆ ให้ได้เห็นว่าเทพเขาทำงานกันยังไง ทีเดียวได้ลงจากเขาสมใจอยาก แล้วหลังจากนั้นเราจะได้รู้ว่า จะต้องศึกษาอะไรต่อไปเพื่อให้เป็นผู้รู้จริงในเรื่องนั้นๆ แล้วเราก็จะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

สรุปสั้นๆ คือเราต้องพยายามผ่านการเรียนรู้ช่วงพื้นฐานไปให้ไวที่สุด โดยอาศัยการเรียนรู้ที่เหมาะกับเรา แล้วต้องลงมือทำจริง เพื่อฝึกมือ ฝึกกล้ามเนื้อสมอง ทำแบบนี้บ่อยเข้าๆ ก็จะติดเป็นนิสัยแล้วจะกลายเป็นคนที่รู้จักและใช้เครื่องมือต่างๆ เป็นเยอะมาก

สุดท้ายอยากบอกว่า DO IT NOW OR NEVER (จำไม่ได้คำพูดจากใคร) ถ้ามีไอเดีย อยากทดลองอะไร อย่ามัวแต่คิด นับ 1 2 3 แล้วลงมือทำเลย ตั้งโปรเจกต์เปล่าๆ ขึ้นมาก่อนก็ยังดี ไม่อย่างนั้นไอเดียเหล่านั้นก็จะหายไปกับเวลา พลาดโอกาสได้พัฒนาฝีมือ

สำหรับวันนี้ก็ขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้ละกันครับ ใครมีคำถามหรือต้องการพูดคุยอะไรก็เขียนกันไว้ที่ช่อง Comment ข้างล่างได้เลยครับ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ

[Update] สร้างแหล่งเรียนรู้ เราต้องการพื้นที่การเรียนรู้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้ | เวลาทําให้เรียนรู้ – NATAVIGUIDES

ทำไมทักษะของเราถึงหยุดพัฒนา ทำไมเราถึงไม่ก้าวหน้า ทำไมเราถึงหยุดอยู่กับที่ ทำยังไงถึงจะกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง และจะมีวิธีไหนที่ทำให้เราสามารถค้นหาและทดลองสิ่งใหม่ๆ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานจริง

แหล่งเรียนรู้ พื้นที่การเรียนรู้

หลังจากที่เราเรียนจบ หลังจากที่เรามีทักษะที่พร้อมเพียงพอสำหรับการทำงาน เราก็มักจะหยุดพัฒนาในด้านนั้น Eduardo Briceño ที่ปรึกษาด้านการเรียนรู้ พูดถึงสิ่งที่จำเป็นที่เราต้องทำเพื่อให้เราเติบโต เค้าบอกว่าเราจำเป็นต้องแยกพื้นที่การเรียนรู้ (Learning Zone) ออกมาจากพื้นที่ของการทำงาน (Performance Zone) นั่นคือเราต้องสละเวลาเพื่อใช้สำหรับฝึกฝน เพื่อค้นหาทักษะใหม่ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนและขัดเกลาทักษะที่เรามี

ประสบการณ์จากการทำงานอย่างต่อเนื่องไม่ได้แปลว่าจะทำให้เราพัฒนาทักษะหรือทำให้เกิดความเชี่ยวชาญได้เสมอไป การที่เราจะเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราจะต้องมีแหล่งเรียนรู้ เราต้องสละเวลาเพื่อเรียนรู้ เราจะอยู่แต่ที่เดิมๆ ไม่ได้ เราต้องสลับไปมาระหว่าง พื้นที่การทำงานและพื้นที่การเรียนรู้

การพัฒนาทักษะในพื้นที่การเรียนรู้ เราจะต้องมีความตั้งใจที่จะฝึกฝน และแบ่งทักษะออกเป็นส่วนย่อยๆ ที่มีความเฉพาะ แล้วฝึกฝนทักษะนั้นอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้จากการทดลองและการทำผิดพลาด รับฟังความคิดเห็นจากคนอื่นๆ และนำมันไปปรับปรุง

Growth Mindset ทัศนคติแบบเติบโต

การที่เราจะเรียนรู้ให้ได้ผลดีที่สุด เราจะต้องเชื่อว่าตัวเราสามารถพัฒนาได้อีก (Growth Mindset) เราต้องกระตุ้นตัวเองให้มีทักษะติดตัว และพยายามสร้างสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น สภาพแวดล้อมที่เราสามารถทดลองสิ่งใหม่ๆ และเปิดโอกาสให้เราได้ทำผิดพลาด โดยที่มันไม่กระทบต่อการทำงานจริง

เด็กที่ทำการบ้าน ตอบคำถาม หรือทำข้อสอบแล้วโดนหักคะแนนจากความผิดพลาด สภาพแวดล้อมแบบนั้นมันไม่เหมาะสำหรับการเรียนรู้ เรากำลังทำให้เด็กเข้าใจว่า ตอนนี้เค้าอยู่ในพื้นที่ของการทำงาน ไม่ใช่พื้นที่ของการเรียนรู้ การลงโทษจากความผิดพลาดจะเป็นสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้เด็กเรียนรู้และไม่ให้เค้าได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เป็นการปิดโอกาสที่เค้าจะได้ค้นหา ได้ทดลองสิ่งใหม่ๆ และเรียนรู้

เรียนรู้จากความผิดพลาด

ถึงแม้ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราพัฒนาทักษะจากการทำงานในแต่ละวัน เวลาที่ผ่านไปเราอาจจะพบว่าตัวเราเองไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย ดังนั้นเพื่อให้เราพัฒนาทักษะ เราจะต้องมีแหล่งเรียนรู้ เราต้องมีพื้นที่การเรียนรู้ และแยกออกจากพื้นที่การทำงาน ในพื้นที่การเรียนรู้ เราจะมุ่งมั่นอยู่กับทักษะที่เราต้องการฝึกฝนเพื่อให้เชี่ยวชาญ และถึงแม้ว่ามันอาจจะเกิดความผิดพลาดบ้าง แต่เราจะเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น ส่วนในพื้นที่ของการทำงาน เราก็คาดหวังว่าเราจะใช้ทักษะที่เราเชี่ยวชาญ ลงมือทำงานให้ออกมาดีที่สุด

การพัฒนาและการเติบโตเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ แต่หลายคนกลับทำแต่งาน และใช้วิธีเดิมๆ ทำให้ได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ ไม่เคยได้เรียนรู้ และทำให้เสียโอกาสในการเติบโต

สละเวลาเพื่อเรียนรู้

คนที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีที่สุด มักจะรู้จักแยกพื้นที่การเรียนรู้ออกจากพื้นที่การทำงาน คนเหล่านี้ใช้ทักษะที่เชี่ยวชาญ ลงมือทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และสละเวลาเพื่อเรียนรู้ ขัดเกลาทักษะให้ดีกว่าเดิม พัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อรองรับงานในอนาคต

Demosthenes นักปกครองในสมัยกรีกโบราณ ทุ่มเทให้กับการเรียนรู้ เค้าขัดเกลาทักษะโดยการเรียนรู้จากครู เรียนรู้ศิลปะการพูดและฝึกการพูดกับกระจก ฝึกฝนบังคับตัวเองเพื่อสร้างบุคลิกการพูดให้ดีที่สุด สิ่งที่เค้าทำคือการแบ่งทักษะออกเป็นส่วนย่อย แล้วฝึกฝนแต่ละส่วนนั้นจนเชี่ยวชาญ ฝึกฝนและทำซ้ำ ปรับเปลี่ยนเรียนรู้จากความผิดพลาด รับฟังและเรียนรู้จากคนอื่นๆ การทุ่มเทให้กับการเรียนรู้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและเติบโตอย่างมาก

งานวิจัยพบว่า พนักงานในองค์กรจะหยุดพัฒนาตัวเองหลังจากเริ่มทำงาน คนเหล่านี้ไม่ได้มีช่วงเวลาของการเรียนรู้ แต่มุ่งมั่นอยู่กับการทำงานจริง อยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่สามารถปล่อยให้ความผิดพลาดเกิดขึ้น

การสลับไปมาระหว่าง พื้นที่การเรียนรู้และพื้นที่การทำงาน จะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด Beyoncé ใช้เวลาศึกษาเทปการแสดงที่ผ่านมา เพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น รับฟังความคิดเห็นจากคนอื่นๆ เพื่อให้เกิดลูปของการพัฒนาทักษะ

เราควรใช้เวลากับการเรียนรู้ให้มากขึ้น และเชื่อว่าตัวเราเองสามารถพัฒนาได้อีก กระตุ้นตัวเองให้ขัดเกลาทักษะที่เรามี รู้และเข้าใจว่าการทำงานจริงในแต่ละวัน มันไม่พอที่จะทำให้เราพัฒนาขึ้นได้ แต่เราต้องฝึกฝนในสภาพแวดล้อมที่เรายอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ เราต้องมั่นใจว่ามันจะไม่ทำให้กระทบกับงานจริง

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้

การลงโทษในแต่ละรูปแบบมันจะขัดขวางไม่ให้เราเรียนรู้จากการทำผิดพลาด บริษัทที่มุ่งแต่จะให้พนักงานได้ทำงานโดยใช้ทักษะที่มีให้เกิดผลดีที่สุด แต่ไม่ปล่อยให้พนักงานได้เรียนรู้ขัดเกลาทักษะ กลับต้องล้าหลังเพราะขาดแนวคิดใหม่ๆ

ดังนั้นถ้าเราต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง ก็ให้สร้างหรือจำลองสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้ เราจะต้องสละเวลาและทรัพยากรเพื่อค้นหา รับฟัง ทดลองสิ่งใหม่ๆ พัฒนาตัวเองและเติบโตให้มากขึ้น

สรุป

ประสบการณ์การทำงานอย่างต่อเนื่องไม่ได้แปลว่าจะทำให้เราพัฒนาทักษะหรือทำให้เกิดความเชี่ยวชาญได้เสมอไป การที่เราจะเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราจะต้องสละเวลาเพื่อเรียนรู้ สลับไปมาระหว่าง พื้นที่การทำงานและพื้นที่การเรียนรู้

แบ่งทักษะออกเป็นส่วนย่อย แล้วฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้จากความผิดพลาด รับฟังความคิดเห็นจากคนอื่นๆ และนำมันไปปรับปรุง

สร้างหรือจำลองสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้ สละเวลาและทรัพยากรเพื่อค้นหา รับฟัง ทดลองสิ่งใหม่ๆ พัฒนาตัวเองและเติบโตให้มากขึ้น

Reference

Like what you read? Please share it with your friends so we can get their thoughts!

สร้างแหล่งเรียนรู้ เราต้องการพื้นที่การเรียนรู้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้


[MV] COCKTAIL – เธอทำให้ฉันเสียใจ


MV เธอทำให้ฉันเสียใจ\r
Cocktail\r
genie records 2011\r
\r
http://www.facebook.com/cheerscocktail | http://www.cheerscocktail.com/\r
\r
วงดนตรีน้องใหม่ล่าสุดของค่าย genie records ถึงจะเป็นวงล่าสุดที่เข้ามาที่ genie records และเป็นค่ายแรกของวง COCKTAIL แต่การเดินทางของ COCKTAIL ใช้เวลาเดินทางมากว่า 8 ปี พกความมีสไตล์ด้วยดนตรี Classic Rock ที่ทำให้ภาคดนตรีสวยงาม เมื่อหลับตาฟังสามารถสัมผัสได้ถึงจินตนาการ ของภาพที่สอดคล้องกับบทเพลง …\r
\r
เพลง \”เธอทำให้ฉันเสียใจ\”\r
\r
เธอบอกกับฉันว่าตัวเธอจะรัก ไม่ว่านานเท่าไรรักของเราจะยังตรึงใจ ไม่ว่านานเท่าไร\r
ใจเอ๋ยใจ จะยังคงเป็นเหมือนเดิม\r
แต่เธอกลับมาทิ้งให้ตัวฉันต้องเหงา เธอลืมความรักเรา เมื่อตัวเธอมีเขาข้างกาย\r
รักของเราเธอหน่าย เธอลืมมันง่ายดาย\r
\r
เธอทำให้ฉันเสียใจ….\r
\r
เธอทำให้ฉันร้อนรน ทำให้ฉันทุกข์ระทม งมงาย\r
เธอทำให้ฉันร้องไห้ ทำชีวิตฉันพังทลาย ทำให้ความรักของฉันมันตาย จากใจ\r
\r
จำยังคงจำภาพเธอจนวันนี้ ผ่านไปนานนับปีรักของเรายิ่งจางลงไป\r
เธอลืมแล้วทุกสิ่ง เธอลืมหมดแล้วจริงๆ หรือเธอเพียงทิ้งให้ฉันเสียใจ\r
/\r
(รัก ฉันรักเธอมากเพียงไหน บอกรักเธอมากเท่าไร\r
ไม่อาจจะทำให้เธอคืนย้อนกลับมาเหมือนเคย เธอทำให้ฉันผิดหวัง ทำให้ฉันเจ็บช้ำ เธอทำฉันเสียใจ)\r
\r
\r
Produced and Mixed by ดนัย ธงสินธุศักดิ์\r
Music Produced by ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย และ อายุ จารุบูรณะ\r
Lyric Directed by ปัณฑพล ประสารราชกิจ\r
\r
Music and Lyrics by ปัณฑพล ประสารราชกิจ\r
Edited by ดนัย ธงสินธุศักดิ์\r
Arranged by ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย อายุ จารุบูรณะ ปัณฑพล ประสารราชกิจ\r
\r
Vocal by ปัณฑพล ประสารราชกิจ\r
Guitar , Synthesizer by ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย\r
Drums and Percussions by อายุ จารุบูรณะ\r
Strings arranged by ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย\r
Synthesizer by ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย , อายุ จารุบูรณะ\r
\r
Additional Musicians\r
Bass by เกริกเกียรติ สว่างวงษ์\r
Piano by กรพล ตัณฑนันทน์\r
Violin by สรีวันท์ วาทะวัฒนะ Cello by สมรรถยา วาทะวัฒนะ\r
Chorus by มิกข์ วรนิสรา (Mick Abuse The Youth)\r
\r
Recorded at Axis Studio except Vocal and Synthesizer at Dano Studio Engineered by กรณ์ มหาดำรงค์กุล ,ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย,วิวัฒน์ สว่างวรรณรัตน์,นพัตธร สมัครสโมสร,อายุ จารุบูรณะ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

[MV] COCKTAIL - เธอทำให้ฉันเสียใจ

ทางกลับบ้าน – Bodyslam


ทางกลับบ้าน Bodyslam [Unofficial MV]
ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาถ่ายทำภา­พยนตร์ 1 (Cinematography 1) ชั้นปีที่ 3 เอกวิทยุโทรทัศน์คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ทางกลับบ้าน - Bodyslam

ชาติ สุชาติ – การเดินทาง (Backpack) [Official MV]


ชาติ สุชาติ
Single : การเดินทาง (Backpack)
แนวดนตรี : Folk Pop
สังกัด : What the duck (วอท เดอะ ดัก)
“ชาติ สุชาติ” ศิลปินเบอร์ล่าสุดของค่าย วอท เดอะ ดัก
“ชาติ สุชาติ” หนุ่มใต้ที่รักในเสียงดนตรี
“ชาติ สุชาติ” นักร้องหนุ่มที่ทำให้คนทั้งประเทศหลงใหลเสียงของเขามาแล้ว
“ชาติ สุชาติ” กับการก้าวมาเป็นศิลปินเต็มตัวพร้อมซิงเกิ้ลของตัวเองครั้งแรก
“ชาติ สุชาติ” และ “การเดินทาง” (backpack)
“การเดินทาง” (Backpack) เพลงเปิดตัว “ชาติ สุชาติ” ในฐานะศิลปินของค่าย วอท เดอะ ดัก เพลงนี้เปรียบการเดินทางกับความรัก ถ้าต่างคนต่างเข้าใจการเรียนรู้ก็จะทำให้คนสองคนไปด้วยกันได้ดี
เพลงนี้ได้ พี่ฟั่น โกมล บุญเพียรผล มาเป็นโปรดิวเซอร์ ทำให้เพลง “การเดินทาง” กลมกล่อมและไพเราะมากขึ้น ซึ่งเพลงนี้ชาติได้มีส่วนร่วมคือเป็นคนแต่งเนื้อร้องและเรียบเรียงทำนองร่วมกับพี่ฟั่น จุดเริ่มต้นของเพลงเกิดขึ้นขณะที่ชาติได้เดินทางไปเที่ยวยังที่ที่หนึ่งในเมืองไทย ระหว่างนั่งรถก็คิดถึงเรื่องความรักและการเดินทางว่า ถ้าคนสองคนมีความเข้าใจและอดทน ก็จะทำให้ความรักและการเดินทางมีความสุข
ดนตรีเพลงนี้เป็นดนตรีเรียบๆ ฟังสบายในสไตล์ป๊อบ แต่ด้วยน้ำเสียงและการเอาใจใส่อารมณ์เพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติทำให้เพลงนี้ฟังง่ายและไพเราะจนทำให้ทุกคนอยากจะออกเดินทางไปที่ไหนสักแห่งกับคนรัก…
What The Duck
T. 026196099 F. 026185983
_____________________________________________________
ติดต่องาน : หลุยส์ 081 8570572 | แฟรงค์ 0631926456
_____________________________________________________
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ : เฟิร์ส 0955538052 | วิ 0824835463
_____________________________________________________
ติอต่องาน Marketing, Sponsorship and other:
ฝน 0615639915 | หุย 0629145946
_____________________________________________________
www.facebook.com/Chartsuchartofficial
www.facebook.com/whattheduckmusic
การเดินทาง ChartSuchart Whattheduckmusic

ชาติ สุชาติ - การเดินทาง (Backpack) [Official MV]

ไม่เคย – 25hours「Official MV」


MV ไม่เคย
25hours
available on iTunes: https://itun.es/i6Lw7sC
New Single 2015
genie records
http://www.fb.com/25hoursband
Instagram @25hoursband
http://www.genierecords.com
25hours
สมพล รุ่งพาณิชย์ (แหลม) – ร้องนำ
ประทีป สิริอิสสระนันท์ (โฟว์) – กีต้าร์
ปิยวัฒน์ มีเครือ (ปู๋ว) – กีต้าร์
เอกศิริ กำบังภัย (บัง) – เบส
กฤตพงศ์ สกุลนามอเนก (จ๊อบ) – กลอง

คำร้อง: ปิยวัฒน์ มีเครือ
ทำนอง: สมพล รุ่งพานิชย์
เรียบเรียง: 25hours
ฉันไม่เคยรู้ คนที่สำคัญ นั้นมีค่าแค่ไหน
ฉันไม่เคยรู้ วันที่สวยงาม นั้นมีค่าเท่าไร
ไม่เคยรู้เวลาที่เรามีกัน นั้นดีเท่าไร
ไม่เคยรู้ว่าความคิดถึงมันทรมานแค่ไหน
ไม่เคย ไม่เคย ไม่เคย
เราจะคิดถึง คนที่สำคัญ เมื่อต้องจากกันไป
เราจะคิดถึง วันที่สวยงาม เมื่อเวลาผ่านไป
จะคิดถึงเวลาที่เรามีกัน เมื่อเธอต้องไป
และตอนนี้รู้ไหม ว่าฉันคิดถึงเธอมากแค่ไหน
ไม่เคย ไม่เคย จะลืม

Produced by Montonn Jira \u0026 25hours
Recorded at Samutprakarn sound
happy hippo studio
Engineered ,Sound designed and Digital edited by Montonn Jira
Mixed by Alonzo vargas ,NYC
Mastered by Joe Laporta at Sterling Sound, NYC

♪ Download on iTunes : $0.69 Buy https://itun.es/i6Lw7sC
♪ KKBOX Music : http://kkbox.fm/Sd0HqO
♪ Digital download : กด 123 1042189 3 โทรออก
▶ genie|merch : http://www.geniemerch.com

ไม่เคย - 25hours「Official MV」

ใครคนนั้น – พลพล x Labanoon「Official MV」


ใครคนนั้น
พลพล x Labanoon
listen on Spotify : https://goo.gl/J1xCB4
genie records
ติดตามพี่พลพลได้ที่ https://www.instagram.com/phol44
นักแสดง
@thanyawee_ (เหม่เหมธัญญวีร์)
@nonkul (นนชานน)
@asadawut_luang (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร)
เพลง ใครคนนั้น
เนื้อร้อง / ทำนอง : เมธี อรุณ
เรียบเรียง : ลาบานูน
กาลเวลา ทำให้เราต้องจากกัน ความผูกพันไม่เคยจางหาย
ยังคงนึกถึง วันที่มีความหมาย อยู่เสมอ…
หวนคิดถึง ใครคนนั้นที่จากไป ป่านนี้เธอจะเป็นเช่นไร..
ได้แต่ฝากไว้ ผ่านสายลมความห่วงใย ช่วยส่งถึงเธอ..
ยังคงคิดถึงเสมอ ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ยังคงจำเรื่องราว ทุกวินาที ที่มีเธอร่วมเดิน ร่วมสร้างความฝัน..
ฉันยังคงคิดถึงทุกครั้ง ยามลืมตาขึ้นมา ตื่นมาจากฝัน
แม้รู้ว่าคงไม่มีวัน แต่ฉันยังคงแอบยิ้มทุกครั้ง คราวนึกถึงเธอ
กอดแน่นแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องปล่อย ฝันดีแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องตื่น
กอดเก็บเรื่องราว ที่ไม่อาจจะย้อนคืน ฉันคงต้องเข้าใจ…
แต่ยังคงคิดถึงเสมอ ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ยังคงจำเรื่องราว ทุกวินาที ที่มีเธอร่วมเดิน ร่วมสร้างความฝัน..
ฉันยังคงคิดถึงทุกครั้ง ยามลืมตาขึ้นมา ตื่นมาจากฝัน
แม้รู้ว่าคงไม่มีวัน แต่ฉันยังคงแอบยิ้มทุกครั้ง คราวนึกถึงเธอ
(ยังคงจำเรื่องราว เธอและฉัน ไม่เคยลืม
ยังมีคำภาวนา จากใจฉัน ให้เทอ อยู่เสมอ..)
แต่ฉันยังคงแอบยิ้มทุกครั้ง แด่ใครคนนั้นที่ทำให้จำ ก็สุขใจ.

Performer พลพล
Lyric \u0026 Melody by เมธี อรุณ Metee Arun
Composer by Labanoon
Producer by พงศศรัณย์ พุ่มทิพย์
Drums by ณัฐนนท์ ทองอ่อน
Bass by อนันต์ สะมัน
Guitar by เมธี อรุณ , พชร รัตนอรุณ
Cello by นิชาภา นิลแก้ว
Recording Engineer by วรวรรธน์ วิวรรธน์วณิชย์ , อัครพงศ์ ศรีเกื้อกูล
Assistant Engineer by อรรนพ ไชยทา
Recorded at Grand’s Studio
Mixed and Mastered by พงศศรัณย์ พุ่มทิพย์ at Bambina Studio

♪ listen on Spotify : https://goo.gl/J1xCB4
♪ Download on iTunes : 19฿ Buy https://goo.gl/q6yxA8
♪ JOOX Music : http://music.sanook.com/album/2232246/
♪ Digital download : กด 123 1044425 3 โทรออก
▶ genie|merch : http://www.geniemerch.com

ใครคนนั้น - พลพล x Labanoon「Official MV」

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ เวลาทําให้เรียนรู้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *