Skip to content
Home » [Update] หลักการใช้คอมม่า (Comma) ในภาษาอังกฤษ | เขียนคําศัพท์ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] หลักการใช้คอมม่า (Comma) ในภาษาอังกฤษ | เขียนคําศัพท์ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

เขียนคําศัพท์ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

คอมม่า (,) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ แต่ถึงแม้จะถูกใช้บ่อย หลายๆคนก็ยังคงสับสนอยู่ดี ว่าเราควรใช้คอมม่าตอนไหนและต้องใช้อย่างไรบ้าง

สำหรับคนที่สงสัย ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหาการใช้คอมม่าในภาษาอังกฤษ มาให้เพื่อนๆได้เรียนรู้กันได้อย่างง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Table of Contents

คอมม่าคืออะไร

คอมม่า (comma) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ ทำหน้าที่แยกคำ วลี หรือประโยค เพื่อให้ผู้อ่านสามารถอ่านจับใจความได้ง่ายและถูกต้องมากขึ้น

ถ้าเปรียบเทียบคอมม่ากับเครื่องหมายจุด (.) ที่ใช้ปิดท้ายประโยค หรือที่เรียกว่า period เครื่องหมายทั้ง 2 ตัวนี้จะเป็นตัวบอกการเว้นจังหวะในการอ่านและพูดเหมือนกัน แต่เครื่องหมายคอมม่าจะเป็นตัวบอกจังหวะการเว้นที่สั้นกว่า

หลักการใช้คอมม่า

ใครที่มีข้อสงสัยว่าเราต้องใช้คอมม่าในกรณีไหนและต้องใช้ยังไงบ้าง ก็ไปดูหลักการใช้คอมม่าทั้ง 11 ข้อกันเลย

1. ใช้คอมม่าหน้าคำเชื่อมที่เชื่อม independent clause

Independent clause (ประโยคใจความสมบูรณ์) คือประโยคที่มีทั้งประธานและคำกริยา ตัวประโยคจะมีใจความสมบูรณ์ในตัวมันเอง เช่น

I am a student. (ฉันเป็นนักเรียน) – ถือเป็น independent clause เพราะมีทั้งประธานและคำกริยา
Feel good (รู้สึกดี) – ไม่ใช่ independent clause เพราะไม่มีประธาน
Big black cat (แมวสีดำตัวใหญ่) – ไม่ใช่ independent clause เพราะไม่มีคำกริยา

ส่วนคำเชื่อมในที่นี้จะต้องเป็น coordinating conjunction ซึ่งก็คือคำเชื่อมที่ให้น้ำหนักกับ 2 สิ่งที่ถูกเชื่อมเท่าๆกัน โดยอาจใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคก็ได้ coordinating conjunction มีทั้งหมด 7 ตัวคือ for, and, nor, but, or, yet, so (เมื่อนำอักษรแรกมาต่อกันจะได้เป็น FANBOYS ใช้ช่วยให้ท่องจำได้ง่ายขึ้น)

หากเราเชื่อม independent clause 2 ประโยคด้วย coordinating conjunction เราจะต้องใช้คอมม่าหน้า coordinating conjunction

โครงสร้างการใช้

independent clause + , + coordinating conjunction + independent clause

ตัวอย่างประโยค

He didn’t speak to anyone, and nobody spoke to him.
เขาไม่ได้พูดกับใคร และก็ไม่มีใครพูดกับเขา

I wanted to stay home, but my wife wanted to go shopping.
ฉันอยากอยู่บ้าน แต่ภรรยาของฉันอยากไปช้อปปิ้ง

เราจะไม่ใช้คอมม่า ถ้าข้างหน้าหรือข้างหลัง coordinating conjunction ไม่ใช่ independent clause

She brushed her teeth and washed her face.
เธอแปรงฟันและล้างหน้า
(washed her face ไม่ใช่ independent clause)

I am not a writer but an editor.
ฉันไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นบรรณาธิการ
(an editor ไม่ใช่ independent clause)

2. ใช้คอมม่าเมื่อขึ้นต้นประโยคด้วย dependent clause

Dependent clause คือประโยคที่มีใจความไม่สมบูรณ์ เวลาใช้จะต้องใช้ร่วมกับประโยคอื่น ในที่นี้เราจะแบ่งออกเป็น 3 กรณี

1. Participial phrase

เมื่อประโยคขึ้นต้นด้วยวลีจำพวก participial phrase ซึ่งก็คือวลีที่ขึ้นต้นด้วย v. + ing หรือ v. ช่อง 3 เราจะต้องใช้คอมม่าคั่นหลังวลีนั้น

โครงสร้างการใช้

participial phrase + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Being the only son in the family, his family have high hopes for him.
ด้วยการที่เขาเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัว ครอบครัวของเขาจึงตั้งความหวังกับเขาไว้สูง

Bitten by my own dog, I was very disappointed.
การโดนกัดโดยหมาของตัวเองทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังมาก

2. Adverbial phrase

แต่ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย adverbial phrase ซึ่งก็คือวลีที่ทำหน้าที่เป็น adverb เราอาจใช้คอมม่าหรือไม่ใช้ก็ได้ (ถ้า adverbial phrase ยาว หรือเราต้องการเน้น adverbial phrase นั้น เราจะนิยมใช้คอมม่า)

ตัวอย่าง adverbial phrase เช่น
At 6 o’clock
After the show
In the middle of Bangkok

โครงสร้างการใช้

adverbial phrase + (,) + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

In 2020 there is a pandemic affecting the world.
ในปี 2020 มีโรคระบาดที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก

When I was six, I lived in Chiang Mai with my mom.
ตอนฉันอายุหกขวบ ฉันอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่กับแม่ของฉัน

3. Sentence adverb

ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย sentence adverb ซึ่งก็คือคำจำพวก adverb ที่ทำหน้าที่ขยายทั้งประโยค เราจะใช้คอมม่าคั่นหลัง sentence adverb นั้น

โครงสร้างการใช้

sentence adverb + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Honestly, I am not angry.
ตรงๆเลยนะ ฉันไม่ได้โกรธ

Clearly, this plan isn’t working.
เห็นได้ชัดว่าแผนนี้ใช้ไม่ได้ผล

3. ใช้คอมม่าคั่นวลีหรือคำกลางประโยคที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

เราจะใช้คอมม่าคั่นวลีหรือคำที่อยู่กลางประโยค ถ้าวลีหรือคำนั้นทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ไม่ได้จำเป็นสำหรับประโยค (แม้ตัดออกไป ใจความหลักของประโยคก็ยังเหมือนเดิม)

โครงสร้างการใช้

ประโยคส่วนที่ 1 + , + วลี/คำที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม + , + ประโยคส่วนที่ 2

ตัวอย่างประโยค

Tim, unlike Joe, is very polite.
ทิมเป็นคนสุภาพมาก ไม่เหมือนกับโจ

King Crab restaurant, which Anne recommended, is fantastic.
ร้านอาหารคิงแครบที่แอนแนะนำนั้นดีมาก

แต่ถ้าวลีหรือคำนั้นจำเป็นสำหรับประโยค ถ้าตัดออกแล้วใจความเปลี่ยน เราก็จะไม่ใช้คอมม่า

People who exercise regularly tend to be more happy.
คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมักจะมีความสุขมากกว่า
(ถ้าตัด who exercise regularly ทิ้ง ความหมายจะเปลี่ยนเป็น “คนจะมีความสุขมากกว่า” ซึ่งมีใจความผิดไปจากเดิม)

The restaurant that Anne recommended is fantastic.
ร้านอาหารที่แอนแนะนำนั้นดีมาก
(ถ้าตัด that Anne recommended ทิ้ง ความหมายจะเปลี่ยนเป็น “ร้านอาหารดีมาก” ซึ่งมีใจความผิดไปจากเดิม คือเราจะไม่รู้ว่าหมายถึงร้านไหน)

วลีที่ขึ้นต้นด้วย that มักจะจำเป็นสำหรับประโยค เรามักจะไม่ใช้คอมม่าครอบส่วนนั้น

4. ใช้คอมม่าแยกรายการคำตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป

ถ้าเรามีรายการคำตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป เราจะต้องคั่นแต่ละรายการด้วยคอมม่า ยกเว้นรายการสุดท้าย เราจะคั่นด้วยคอมม่าหรือไม่ก็ได้

โครงสร้างการใช้

รายการหนึ่ง, รายการสอง(,) and รายการสุดท้าย

ตัวอย่างประโยค

He is tall, dark, and handsome.
หรือ He is tall, dark and handsome.
เขาทั้งสูง เข้ม และหล่อ

She needs salt, pepper, and other seasonings at the grocery store.
หรือ She needs salt, pepper and other seasonings at the grocery store.
เธอต้องการเกลือ พริกไทย และเครื่องปรุงอย่างอื่นที่ร้านขายของ

5. ใช้คอมม่าคั่นระหว่าง coordinate adjectives

Coordinate adjectives คือคำคุณศัพท์ที่ขยายคำนามคำเดียวกันและมีความสำคัญเท่าๆกัน สามารถสลับที่กันได้ ตัวอย่างเช่น

เราสามารถใช้ได้ทั้ง long, narrow path
และ narrow, long path
คำว่า long และ narrow ในที่นี้จะถือเป็น coordinate adjectives

เราสามารถใช้ big black bear
แต่ไม่สามารถใช้ black big bear
คำว่า big และ black ไม่ถือเป็น coordinate adjectives (การใช้ adjective ขนาดจะต้องมาก่อนสี)

โครงสร้างการใช้

coordinate adjective 1 + , + coordinate adjective 2 + คำนาม

ตัวอย่างประโยค

The happy, lively cat is playing with the ball.
แมวที่มีความสุขสดใสกำลังเล่นกับลูกบอล

My roommate is a cheerful, kind girl.
รูมเมทของฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงและใจดี

ทั้งนี้ เราสามารถใช้ and เชื่อมระหว่าง coordinate adjectives แทนคอมม่าก็ได้เช่นกัน อย่างเช่น My roommate is a cheerful and kind girl.

6. ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำพูดกับวลีที่กำกับ

ในภาษาอังกฤษ เวลาเราเขียนประโยคที่เป็นคำพูด เราจะใช้เครื่องหมาย “-” ครอบประโยคคำพูดนั้น อย่างเช่น Anne said, “I feel sick.” ซึ่งแปลว่า แอนพูดว่า “ฉันรู้สึกป่วย”

สังเกตว่า เราจะใช้คอมม่าคั่นระหว่างวลีที่เข้ามากำกับ ซึ่งก็คือ Anne said และประโยคที่เป็นคำพูด ซึ่งก็คือ “I feel sick.”

ทั้งนี้ วลีที่กำกับนั้นอาจจะอยู่หน้า อยู่กึ่งกลาง หรืออยู่หลังประโยคที่เป็นคำพูดก็ได้

โครงสร้างการใช้

  • วลีกำกับ, “ประโยคคำพูด”
  • “ประโยคคำพูด,” วลีกำกับ, “ประโยคคำพูด”
  • “ประโยคคำพูด,” วลีกำกับ

ตัวอย่างประโยค

He answered, “She is not here.”
เขาตอบ “เธอไม่ได้อยู่ที่นี่”

“I think,” she said, “Joe can help.”
“ฉันคิดว่า” เธอพูด “โจสามารถช่วยได้”

“It is raining,” Tim said.
“ฝนกำลังตก” ทิมพูด

ในกรณีที่วลีกำกับอยู่ข้างหลังประโยคคำพูด ถ้าประโยคคำพูดลงท้ายด้วยเครื่องหมายตกใจ (!) หรือเครื่องหมายคำถาม (?) เราจะไม่ต้องใช้คอมม่า

“Stop playing video game!” mom yelled.
“หยุดเล่นเกมได้แล้ว” แม่ตวาด

“Are you alright?” Ben asked.
“คุณโอเคมั้ย” เบ็นถาม

บางคนอาจสงสัยว่า เราต้องใส่คอมม่าไว้ในหรือนอกเครื่องหมาย “-” ทำไมบางทีเห็นแต่ละที่ใช้ไม่เหมือนกัน

คำตอบก็คือถ้าเป็น American English จะนิยมเอาไว้ข้างใน เช่น “It is raining,” Tim said. แต่ถ้าเป็น British English จะนิยมเอาไว้ข้างนอก เช่น “It is raining”, Tim said.

7. ใช้คอมม่าในการแยกวันที่และสถานที่

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างวันและปีเมื่อเราเขียนวันที่ในรูปแบบ เดือน-วันที่-ปี แต่ถ้าเราเขียนในรูปแบบ วันที่-เดือน-ปี เราจะไม่ต้องใช้คอมม่า

โครงสร้างการใช้

เดือน วันที่, ปี

ตัวอย่างประโยค

She was born on December 10, 1995.
เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1995

She was born on 10 December 1995.
เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1995

และใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำบอกสถานที่ที่ต่างกัน เช่น เมือง จังหวัด รัฐ ประเทศ

โครงสร้างการใช้

  • ชื่อตำบล, ชื่อเขต, ชื่อจังหวัด, ชื่อประเทศ
  • ชื่อเมือง, ชื่อรัฐ, ชื่อประเทศ

ตัวอย่างประโยค

I live in Bangkok, Thailand.
ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

He came from Chicago, Illinois.
เขามาจากเมืองชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์

8. ใช้คอมม่าหน้า question tag

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างประโยคหลักกับ question tag

โครงสร้างการใช้

ประโยคหลัก + , + question tag

ตัวอย่างประโยค

These flowers are beautiful, aren’t they?
ดอกไม้เหล่านี้สวยมาก ว่ามั้ย

You didn’t forget the key, did you?
คุณไม่ได้ลืมกุญแจใช่มั้ย

9. ใช้คอมม่าเมื่อเรียกบุคคลโดยตรง

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำเรียกบุคคลอื่นกับส่วนอื่นของประโยค เมื่อเราเรียกบุคคลนั้นโดยตรง

โครงสร้างการใช้

  • ประโยคหลัก + , + คำเรียกบุคคล
  • คำเรียกบุคคล + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Dad, where are you?
พ่ออยู่ไหน

See you later, John.
ไว้เจอกันใหม่นะจอห์น

10. ใช้คอมม่าหลังคำขึ้นต้นประโยค

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำขึ้นต้นประโยคกับประโยคหลัก อย่างเช่น คำทักทาย yes/no

โครงสร้างการใช้

  • คำทักทาย + , + ประโยคหลัก
  • yes/no + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Hello, how is it going?
สวัสดี เป็นยังไงบ้าง

Yes, I live by myself.
ใช่ ฉันอยู่คนเดียว

11. ใช้คอมม่าเพื่อป้องกันการสับสน

เราจะใช้คอมม่าในประโยคที่อาจก่อให้เกิดความสับสนหรือความเข้าใจผิดแก่ผู้อ่าน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจความหมายได้ถูกต้องมากขึ้น

ตัวอย่างประโยค

I waved at my friend who entered the canteen, and smiled.
ฉันโบกมือให้เพื่อนที่เข้ามาในโรงอาหาร และยิ้มให้เค้า
(คอมม่าทำให้เรารู้ว่าฉันเป็นคนยิ้ม ไม่ใช่เพื่อนยิ้ม)

เป็นยังไงบ้างครับกับหลักการใช้เครื่องหมายคอมม่า (comma) ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[NEW] คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (Conjunctions): คำและวลีที่พบบ่อยที่สุด | เขียนคําศัพท์ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) หรือคําสันธานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตาม เพราะคำเชื่อมจะทำให้ทั้งคำพูด คำอ่าน คำเขียนได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ทำความเข้าใจกับคําเชื่อมภาษาอังกฤษ

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) มีผลประโยคคือเชื่อมต่อระหว่างคำศัพท์กับคำศัพท์หรือระหว่างประโยคทำให้เข้าใจได้ง่าย วันนี้ Eng Breaking จะแนะนำถึงคุณประเภทของคำเชื่อมในภาษาอังกฤษพร้อมเผยเคล็ดลับในการใช้งานของคำเชื่อม อ่านเข้าใจง่าย เอามาใช้งานได้ดี ใครๆ ก็ทำได้แน่นอน

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction)  คืออะไร นำมาใช้ยังไง?

ก่อนที่จะดูว่าคำเชื่อมมีกี่ประเภทแล้วใช้งานได้อย่างไรบางเราลองดูประโยคของคำเชื่อมตอนที่มีคำเชื่อมกับตอนที่ไม่ใช้คำเชื่อมแตกต่างกันอย่างไรดังนี้

ยกตัวอย่างประโยคที่ง่ายๆ เช่น ฉันชอบแมว.  ฉันชอบหมา. ฉันชอบลิง. มันเป็นประโยคเดียวแต่คนอ่าน คนฟังจะไม่เห็นความเกี่ยวกัน ดูเหมือนเป็นสามประโยคสั้นๆ มากกว่าใช่ไหมคะ?! แล้วถ้าตอนนี้เราลองใส่คำเชื่อมเช่น คำว่า “และ” (and) ประโยคจะกลายเป็น ฉันชอบแมว และ หมาและ ลิง ความหมายไม่เปลี่ยนไปแต่ประโยคดูดีขึ้น ไม่ต้องใช้คำซ้ำๆ กันด้วย ง่ายๆ แต่มีประโยคช์ดีมากๆ เพราะว่าในประโยคนั้นมีคำเชื่อม

หรือแทนคำว่า ฉันชอบแมว. ฉันชอบหมา. ฉันไม่ชอบลิง เราก็สามารถพูดสั้นลงและไม่ต้องพูดซ้ำคำว่า ฉันถ้าเราใช้คำเชื่อมดังนี้

ฉันชอบแมวและหมาแต่ไม่ชอบลิง เป็นอย่างไรบางคะผู้เรียน คำเชื่อมจะช่วยให้ประโยคเดี่ยว รวมตัวกันได้เป็นประโยคยาวๆ และดูดีขึ้นมาทันที ต่อไปนี้เราจะไปค้นค้วาให้ลึกๆ ประเภทต่างๆ ของคําเชื่อมภาษาอังกฤษ และวิธีการใช้งานของแต่ละแบบพร้อมตัวอย่างให้เห็นง่าย ชัดเจนดังต่อไปนี้

คําเชื่อมภาษาอังกฤษพร้อมเผยวิธีการใช้อย่างถูกต้อง

คำเชื่อมประโยคมีอะไรบ้าง

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ conjunction สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทด้วยกันคือ
1. Coordinating conjunctions
2. Subordinating Conjunctions
3. Correlative Conjunctions

เราจะไปเฉาะลึกแต่ละประเภทของคำเชื่อมและการใช้งานดังนี้

1. หลักการใช้ Coordinating conjunctions 

หลักการใช้ Coordinating conjunctions  คือผู้เรียนแค่คำคำศัพท์ FAN BOYS ก็สามารถเอามาใช้งานได้แล้วเพราะมันเป็นตังอักษรย่อจากพวกคำเชื่อมอยู่ในประเภทหนึ่งที่ได้เรียกว่า Coordinating conjunctions คำว่า FAN BOYS ประกอบด้วยคำเชื่อม For, And, Nor, But, Or, Yet, So. ในนั้นแต่ละคำเชื่อมก็จะมีความหมายที่แตกต่างกัน ต้องขึ้นอยู่กับกรณีต่างๆ เราจะใช้ให้ประโยคได้สมบูรณ์แบบและอย่างเหมาะสม

คําเชื่อมภาษาอังกฤษความหมายภาษาไทยยกตัวอย่างForเพราะว่าI stopped exercising, for I was tired.
แปลว่า ฉันหยุดออกกำลังกายเพราะว่าฉันเหนื่อยAndและ (ใช้ในกรณีเชื่อมประโยคไปในแนวเดียวกัน)She does not like cats and dogs.
แปลว่า โหลดไม่ชอบแมวและสุนัขNorไม่ทั้งสองI am not hungry, nor thirsty.
แปลว่า ฉันไม่หิวข้าว และก็ไม่กระหายน้ำด้วยButแต่We love

English

, but don’t like math.
แปลว่า พวกเรารักภาษาอังกฤษ แต่ไม่ชอบคณิตศาสตร์OrหรือThey chat on Facebook, or they chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค หรือไม่ก็พวกเขาแชททางไลน์Yetแต่She was very sad, yet she did not give up.
แปลว่า หล่อนเศร้าเสียใจมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้Soดังนั้น/ ก็They chat on Facebook, so they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค ดังนั้นพวกเขาไม่แชททางไลน์

2.หลักการใช้ Subordinating Conjunctions

คำเชื่อม Subordinating Conjunctions เป็นคำเชื่อมที่มักจะเจอบ่อยมากเมื่อเรียนภาษาอังกฤษเพราะคำเชื่อมที่อยู่ในกลุ่มนี้อยู่ในหลากหลายรูปแบบ หลากหลายคำเพื่อเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน จากตารางดังนี้เราจะบ่งบอกหมู่คำเชื่อม Subordinating Conjunctions พร้อมแปลความหมายให้เห็นอย่างชัดเจน

คำเชื่อม Subordinating Conjunctionsความหมายภาษาไทยafterหลังจากalthoughแม้ว่าasเพราะว่าas far asเท่าที่as ifราวกับว่าas long asตราบใดที่as soon asทันทีที่as thoughราวกับว่าbecauseเพราะว่าbeforeก่อนeven if/ even thoughแม้ว่าifถ้าin order thatเพื่อว่าsinceตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่าso thatเพื่อว่าthanกว่าthoughแม้ว่าunlessเว้นเสียแต่ว่าuntilจนกระทั่งwhenเมื่อwheneverเมื่อใดก็ตามwhereที่ซึ่งwhereasขณะที่whereverที่ใดก็ตามwhichที่whoผู้ที่whileในขณะที่

Note: สำหรับคำเชื่อมว่า  since: ตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่า จะมีโครงสร้างภาษาอังกฤษขั้นอยู่กับสถานการณ์เละความหมายที่อยากสื่อเช่น ถ้าแปลว่า “ตั้งแต่” ใช้เชื่อมระหว่างประโยค Present Perfect (Subject + have/has + V3) หรือ Present Simple (Subject + V1(ประฐานเอกพจน์เติมs) กับ Past Simple Subject + V2 เติม ed บ้าง,ผันบ้าง เช่น

He has worked hard “since” his father died. (Present Perfect, Past Simple)
ถ้าแปลว่า “เพราะว่า, เนื่องจากว่า” ให้วางไว้หน้า Clause ของประโยคแรก เช่น
“Since” he doesn’t learn English, he can’t speak it. (เนื่องจาก (เพราะ) เขาไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ เขาจึงพูดไม่ได้)

อย่างที่บอกไปแล้วว่าตัวเชื่อมนี้จะเป็นการเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน ดังนั้นให้สังเกตดีๆ ถ้าเป็นประโยครองจะตามหลังด้วยคำเชื่อมดังกล่าว ในขณะที่ประโยคหลักไม่ต้องใช้คำเหล่านี้

  • “after”: I went for a swim after breakfast. แปลว่า ฉันไปว่ายน้ำหลังอาหารเช้า
  • “because” : My sister she didn’t go to school yesterday because of fever. แปลว่า พี่สาวฉัน เธอไม่ได้มาโรงเรียนเมื่อวานนี้เนื่องมาจากการเป็นไข้
  • “before” : Before going to Bangkok, you should read the guide book.
    แปลว่า ก่อนการเดินทางไป Bangkok คุณควรอ่านหนังสือนำเที่ยว
  • “so that” : I study hard so that I can pass the exam.แปลว่า ฉันเรียนหนักเพื่อที่ฉันจะได้ผ่านการสอบ

เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างสนุกสนาน

3.หลักการใช้ Correlative Conjunctions

เมื่อคุณอ่านหนังสือหรือดูหนังคงเจอหมู่คําเชื่อมภาษาอังกฤษแบบที่สามคือ Correlative Conjunctions ที่มีหน้าที่เชื่อมประโยคที่มีน้ำหนักเท่าๆกัน เยอะเหมือนกัน เช่นพวกคำว่า 

  • Both … and … แปลว่า ทั้ง … และ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น ประโยคอังกฤษดังนี้  I enjoy both singing and dancing. แปลว่า ฉันมีความสุขกับการร้องเพลงและการเต้นดังนั้นคำเชื่อม Both … and …นี้จะใช้ในกรณีเชื่อมต่อประธานของประโยคเข้าด้วยกัน (เมื่อมีจำนวนเท่ากับ 2)
  • Neither … nor … แปลว่า ไม่ทั้ง … และ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น Neither Namthip nor I want to go there.
    แปลว่า ทั้ง Namthip และฉันไม่ต้องการไปที่นั่น จากนั้นจะเห็นได้เลยว่าคำเชื่อม Neither … nor … ใช้ในประโยคและมีความหมายคือ ไม่ใช่ทั้งสิ่งแรกและสิ่งที่สอง
  • Either

    … or … แปลว่า ถ้าไม่ … ก็ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น I can’t remember. It’s either Yellow or Orange. แปลว่า ฉันจำไม่ได้ ถ้าไม่สีเหลืองหรือสีส้ม ดังนั้นผู้เรียนสามารถใช้คำเชื่อมนี้ เมื่อต้องการสื่อความหมายว่า ไม่อันใดก็อันหนึ่ง 

  • Not only … but also … แปลว่า ไม่เพียงแค่ … แต่ … ด้วย ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น Namthip is not only Beatiful, but also a great teacher. แปลว่า Namthip ไม่เพียงแค่สวยเท่านั้น แต่ยังเป็นเป็นครูที่สุดยอดอีกด้วย ดังนั้นผู้เรียนสามารถใช้คำเชื่อมนี้ เมื่อสื่อความหมายว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวในตอนแรก มักนิยมใช้ในภาษาอังกฤษสำหรับการเน้นย้ำ
  • as…as แปลว่า ….เท่ากับ….. ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น  She is as tall as me แปลว่า เธอสูงเท่ากับฉัน/ She runs as fast as I do. แปลว่า เธอวิ่งเร็วเท่าฉัน  
  • just as…so  แปลว่า …..เหมือนกับที่….. just as I thought.  แปลว่า เหมือนกับที่ฉันคิด
  • no sooner…than   ยังไม่ทันที่……ก็……หรือ เกือบทันทีที่ ยกตัวอย่างเช่น No sooner had I started mowing the lawn than it started raining แปลว่า เกือบทันทีที่ฉันได้เริ่มตัดหญ้าฝนก็เริ่มตก
  • rather…than …….ดีกว่า…. ยกตัวอย่างเช่น  She would rather live in Chonburi than in Bangkok. แปลว่า เธอชอบอาศัยอยู่ในชลบุรีมากกว่ากรุงเทพ
  • whether…or แปลว่า ว่า…..หรือ…. ยกตัวอย่างเช่น   Whether you like it or not, you have to pay the fine. แปลว่า ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม คุณก็ต้องจ่ายค่าปรับอยู่ดี
  • the…the  แปลว่า ยิ่ง…..ยิ่ง… ยกตัวอย่างเช่น    The sooner, the better. ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี (สำนวน)

คําเชื่อมภาษาอังกฤษพร้อมวิธีการใช้งานง่าย

เผยเคล็ดลับเด็ดช่วยคุณเรียนคำเชื่อมในภาษาอังกฤษกับไวยากรณ์ต่างๆ ในภาษาอังกฤษเร็วๆ คือต้องเอามาประยุกใช้บ่อย เริ่มจากการเขียนเป็นประโยคสั้นถึงยาว หรือเขียนเป็นบทความไปด้วย แล้วฝึกพูดออกมา พูดกับตัวเองในกระจกหรือแชร์ในเฟสและให้เพื่อนๆ เข้ามาช่วยอ่านช่วยเช็คให้ด้วย แก้คำที่ผิดพลาด ถ้ามีส่วนไหนเนื้อหายากจำยากไปเราก็เขียนเป็น note ติดบนโต้หรือกำแพง ที่ไหนเรามักจะเห็นบ่อยๆ รับรองวิธีนี้ได้ผลดีจริงๆ

เป็นอย่างไรบางคะ จะเห็นว่าการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไม่ยากอย่างที่คุณคิดแน่นอน เราไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งทองเก่ง 100% ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แต่เราใช้บ่อย พูดบ่อยไวยากรณ์ที่หลักๆ สำคัญรับรองว่าสอบอะไรก็ผ่านได้ และมีความมั่นใจนการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเอง

P/s: เรียนภาษาอังกฤษวันละนิด สร้างสรรกับการเรียน อย่ายอมแพ้ คุณจะเป็นคนต่อไปที่ชนะความกลัวในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและสำเร็จได้อย่างแน่นอน อย่าลืมติดตามเว็บของเราเพื่อรับความรู้เพิ่มเติมพร้อมแชร์ประสบการณ์ใช้ภาษาอังกฤษดีๆ ช่วยพัฒนาทั้งสี่ทักษะในภาษาอังกฤษไปด้วยกัน

คุณรู้ไหมว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ก็เหมือนการฝึกขี่จักรยานคือการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงเราต้องกล้าทำ เราถึงจะเก่งได้ แตกต่างจากแพ็กเกจเรียนทั่วไป สำหรับการเรียนกับ Eng Breaking ผู้เรียนจะมีโอกาสสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน
เรามีมากกว่า 167,300 นักเรียนทั่วไทยที่สำเร็จเเล้ว ถ้าคุณอยากเป็นผู้เรียนที่สำเร็จต่อไปอย่าพลาดกับการเรียนกับ Eng Breaking วันนี้.

ไม่พลาดกับบทความนี้:

ความคิดเห็น 635 รายการ

 


คำศัพท์ ผัก ภาษาอังกฤษ Vegetables


คำศัพท์ ผัก ภาษาอังกฤษ Vegetables
เรียนภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ผักภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษ ผักอังกฤษ คำศัพท์

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

คำศัพท์ ผัก ภาษาอังกฤษ Vegetables

100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย


100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย
กริยาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ verb
ภาษาอังกฤษใช้บ่อย,
กริยาอังกฤษ,
คำกริยาภาษาอังกฤษใช้บ่อย,
คำกริยาอังกฤษ,
คำกริยาภาษาอังกฤษ,
กริยาอังกฤษใช้บ่อย,

100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย

ชื่อสัตว์น่ารู้


สื่อการเรียนรู้ เรียนรู้ชื่อสัตว์พร้อมวีดีโอประกอบ

ชื่อสัตว์น่ารู้

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 500 คำ พื้นฐาน ในชีวิตประจำวัน สำหรับเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ฝึกฟัง ฝึกพูด ด้วยตัวเอง


💖 ถ้าอยากให้กำลังใจ มาสมัครสมาชิกกันนะครับ 💖
กดตรงนี้ 👉 https://www.youtube.com/channel/UCaiwEWHCdfCi23EYN1bWXBQ/join
คำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 500 คำ พร้อมคำอ่าน คำแปล สำหรับฝึกฟัง ฝึกพูด ท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เหมาะกับผู้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง กดเพื่อไปยังคำศัพท์หมวดต่างๆ ดังนี้
0:00 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ พื้นฐาน 500 คำ ในชีวิตประจำวัน
0:45 คำศัพท์ ในชั้นเรียน ห้องเรียน
8:32 คำศัพท์วัน เดือน ปี และการพูดถึงวันต่างๆ
13:36 คำศัพท์ สีต่างๆ
16:22 คำศัพท์ข้าวของเครื่องใช้
19:09 คำศัพท์สิ่งของในห้องนอน
21:52 คำศัพท์ของใช้ในห้องน้ำ
24:10 คำศัพท์เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย
31:19 คำศัพท์ครอบครัว
36:41 คำศัพท์ที่ใช้บรรยายลักษณะของคน
43:30 คำศัพท์ร่างกาย
48:54 คำศัพท์พูดถึงอาการบาดเจ็บ
52:49 คำศัพท์สำหรับบอกตำแหน่งที่ตั้ง ทิศทาง
ซึ่งเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษน่ารู้ ที่ควรรู้ สามารถเปิดฟังก่อนนอน หรือเปิดฟังเพื่อเป็นการเรียนภาษาอังกฤษขณะนอนหลับได้ เปิดฟังขณะอยู่บนรถหรือกำลังขับรถได้ เป็นการท่องศัพท์ เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ จำคำศัพท์ได้ดี
วิดีโอ ฝึกพูด 100 ประโยคพื้นฐานภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
https://youtu.be/lv9kTysYoIw
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ฟรี! คลิก: https://www.tonamorn.com/
แจกศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 1,000 คลิก: https://www.tonamorn.com/vocabulary
สอน การแต่งประโยคภาษาอังกฤษ
https://www.tonamorn.com/learnenglish/writesentences/
เรียนภาษาอังกฤษ จากภาพสวยๆ บนอินสตาแกรม
https://instagram.com/ajtonamorn

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 500 คำ พื้นฐาน ในชีวิตประจำวัน สำหรับเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ฝึกฟัง ฝึกพูด ด้วยตัวเอง

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรื่องสัตว์ต่างๆ พร้อมวีดีโอรูปภาพและคำอ่าน | เหมาะสำหรับอนุบาลและเด็กเล็ก


คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ในหมวดสัตว์ต่างๆ พร้อมวีดีโอรูปภาพและคำอ่าน | เหมาะสำหรับอนุบาลและเด็กเล็ก
เพื่อเสริมทักษะความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
วิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ และอื่นๆๆอีกมากมาย
อย่าลืมกดติดตาม Subscribe WAWA kids art กันนะค่ะ
เกมทายประโยชน์ของสัตว์ตามคำใบ้ https://youtu.be/YpSoUZLTOv0
เกมทายสัตว์พาหะนำโรคตามคำใบ้ https://youtu.be/L0AMS3lsg8Y
เล่นทำอักษร ก ไก่ ฮ นกฮู ด้วยแป้งโด การ์ตูนน่ารักๆ หัดอ่าน พยัญชนะไทย | Learn Thai Alphabet https://youtu.be/bxRPh7p_z24
Play ice cream cups, learn colors, count numbers.เล่นถ้วยไอสครีม เรียนรู้สี นับเลข คำศัพท์ภาษาอังกฤษ https://youtu.be/ya60cjKLCVg
Learn color through art Win surprise eggs. เรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ ลุ้นไข่เซอร์ไพรส์ เรียนรู้คำศัพท์ https://youtu.be/4feixRAqFdY
เกมทายพืชผักสวนครัวตามคำใบ้ https://youtu.be/utGeGU2sVUA
เสียงสัตว์ 50 เสียง พร้อมวีดีโดรูปภาพประกอบ https://youtu.be/ysWyXa3sHVo

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรื่องสัตว์ต่างๆ พร้อมวีดีโอรูปภาพและคำอ่าน | เหมาะสำหรับอนุบาลและเด็กเล็ก

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ เขียนคําศัพท์ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *