Skip to content
Home » [Update] รวมวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน ตอนที่ 2 | หา งาน ที่ ใช้ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] รวมวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน ตอนที่ 2 | หา งาน ที่ ใช้ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

หา งาน ที่ ใช้ ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

เราเคยแนะนำวิธีการพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ ไปบ้างแล้วในบทความตอนที่ 1 แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่าในโลกของการทำงานนั้นยังมีสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญอีกมากมาย วันนี้ JobThai เลยมีวิธีการพูดภาษาอังกฤษในอีกหลาย ๆ สถานการณ์ที่คนทำงานอย่างเราต้องเจอมาฝาก

 

ดาวน์โหลด JADOH Learning Application ได้ที่นี่

iOS

Android

 

เคยไหมที่เรากำลังรองานบางอย่างจากเจ้านาย แต่เขาก็ยังไม่ทำงานนั้นให้เราสักที? ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ เราสามารถบอกเจ้านายให้เขาทำงานแบบสุภาพ ๆ ได้ด้วยการใช้ประโยคที่แสดงออกว่าเรารู้ว่าเจ้านายก็มีงานยุ่งมาก และคงจะไม่มีเวลามากนัก เช่น “Have you had a chance to review…?” หรือ “Have you had the opportunity to look at…?” ซึ่งแปลว่า “ได้มีโอกาสดู…รึยังคะ?”

 

หลายครั้งที่เราต้องพูดคุยกันเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อย่างเช่นเรื่องงบประมาณในการทำงานหรือโปรเจกต์ต่าง ๆ ซึ่งขั้นตอนที่จะทำให้รู้สึกลำบากใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตอนที่เราต้องการถามว่าเขาจะจ่ายเงินให้เราเท่าไหร่ จะให้ถามโต้ง ๆ ออกไปว่า “How much do you want to pay?” “คุณอยากจะจ่ายเท่าไหร่” ก็ดูจะตรงเกินไป ซึ่งถ้าเราอยากจะถามให้ฟังดูสุภาพมากขึ้น ก็สามารถพูดได้ 2 แบบ คือ

1. “Do you have a ballpark budget?”

2. “What is your price point for something like this?”

 

โดยทั้งสองประโยคเราสามารถใช้ได้ในกรณีที่ต้องการถามลูกค้าถึงจำนวนเงินที่เขาต้องการจ่ายให้เราแบบสุภาพ ๆ ว่าเขามีงบประมาณเท่าไหร่สำหรับงานที่กำลังพูดคุยกันอยู่

 

หลาย ๆ ครั้งที่คนทำงานอย่างเราต้องทำงานที่มีกระบวนการต่าง ๆ มากมายและต้องมีคนหลายคนเข้ามามีส่วนร่วมในงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อร่วมงาน เจ้านาย หรือแม้แต่ลูกค้า แต่ปัญหาที่คนจำนวนไม่น้อยเจอกันก็คือ คนเหล่านั้นยังไม่ทำงานในส่วนที่พวกเขาต้องรับผิดชอบให้เสร็จสักที ซึ่งถ้าเราอยากจะตามงานขึ้นมา ก็มี 3 วิธีที่เราสามารถใช้ได้โดยไม่ฟังดูหยาบคายเกินไป

 

1. เตือนเขาอย่างสุภาพผ่านข้อความหรืออีเมล

ในกรณีนี้เราจะใช้วลีว่า “A gentle reminder…” “ขออนุญาตแจ้งเตือน…” ซึ่งจริง ๆ แล้วเราอาจจะกำลังสื่อให้เขารับรู้ว่า ‘อย่าลืมเรื่องนี้นะ’ เช่น “A gentle reminder on the 18 puppies we need for our shoot next week!” “ขออนุญาตเตือนค่ะ อย่าลืมเรื่องลูกสุนัข 18 ตัวที่เราจะใช้สำหรับการถ่ายทำสัปดาห์หน้านะคะ”

 

2. ถามถึงแผนการดำเนินงาน

ใช้ประโยคคำถามถามถึงแผนการดำเนินงานและระยะเวลาที่งานจะเสร็จ แบบไม่กดดันเขาเกินไป โดยถามว่า “What’s your timeline on…?” “แผนการดำเนินงานมีอะไรบ้าง?” เช่น “What’s your timeline on getting in touch with our pancake supplier?” “แผนการดำเนินงานเพื่อติดต่อผู้จัดหาแพนเค้กมีอะไรบ้าง?” การถามแบบนี้ เมื่อผู้ตอบตอบแผนงานของเขามา เราก็เห็นถึงระยะเวลาที่คาดว่างานจะเสร็จได้

 

3. ถามว่าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม

แทนที่จะถามว่างานไปถึงไหนแล้ว เราอาจจะถามเขาว่ามีอะไรให้เราช่วยเกี่ยวกับงานนี้ไหมแทน โดยใช้ประโยคว่า “Would you like any help on…?” “คุณต้องการความช่วยเหลือตรงไหนไหม?” เช่น “Would you like any help on that travel article?” “มีอะไรให้ช่วยเกี่ยวกับบทความท่องเที่ยวไหม?”

 

 

หลายคนมักจะติดใช้คำว่า Um, Uh, Just หรือ Really เพียงแค่เพราะว่าอยากจะถ่วงเวลาให้มีเวลาคิดนานขึ้นก่อนจะพูดอะไรออกมา ซึ่งการใช้คำพวกนี้โดยไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษมันทำให้ดูเหมือนเราขาดความมั่นใจ ดังนั้นถ้าอยากมีเวลาคิดเพิ่มขึ้น ลองเปลี่ยนมาใช้ 3 วิธีนี้แทน

 

1. ชมว่าเป็นคำถามที่ดีมาก

หลังจากฟังคำถามจบ ให้พูดออกไปก่อนว่า “That’s a great question.” “คำถามนี้ดีมากเลยค่ะ” เพื่อให้เรามีเวลาคิดสักแป๊บนึง แล้วค่อยตอบคำถาม ซึ่งนี่อาจจะเป็นโอกาสให้เราชมคนที่ถามคำถามได้ด้วย

 

2. ทวนคำถามที่เขาถาม

ใช้วิธีการทวนคำถามที่เขาถามมาอีกครั้ง ด้วยการพูดว่า “So what you’re asking is…” “สิ่งที่คุณกำลังถามคือ…” นอกจากจะถ่วงเวลาได้แล้ว ยังเป็นการทวนให้มั่นใจอีกครั้งด้วยว่าเราฟังคำถามถูกและเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการถามจริง ๆ

 

3. ตั้งสติและหยุดคิด

ไม่ต้องพูดอะไร แต่ให้หายใจเข้าลึก ๆ พยักหน้า หยุดสักนิด เพื่อตั้งสติและคิดสิ่งที่เราอยากจะพูด แล้วค่อยพูดออกมา

 

การจะตอบคำถามให้ออกมาดีนั้นเราควรจะมีการวางโครงสร้างการตอบคำถามด้วย เพื่อเรียงลำดับเหตุการณ์หรือความสำคัญของสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ ซึ่งเราอาจจะใช้วิธีเรียบเรียงคำตอบแบ่งให้ใจความที่ต้องการจะสื่อสารออกมาเป็น 3 ส่วน โดยใช้คำเชื่อมที่ทำให้ฟังดู Professional มากขึ้น โดยเริ่มต้นด้วยคำว่า “Firstly” ที่แปลว่า “อย่างแรก” เพื่อเป็นการเริ่มต้นบทสนทนา จากนั้นเราค่อยอธิบายเพิ่มเติมโดยใช้คำว่า “Secondly” “อย่างที่สอง” มาเชื่อมเนื้อหาที่เราจะพูด และก่อนที่เราจะจบสิ่งที่ต้องการพูด ก็อาจใช้คำว่า “Above all” “เหนือสิ่งอื่นใด” เป็นขั้นสุดท้าย

เมื่อเราถูกถามคำถามที่ไม่ใช่แค่อธิบายคำตอบเท่านั้น แต่ต้องมีการยกตัวอย่างเหตุการณ์หรือสถานการณ์ประกอบด้วย แทนที่เราจะพูดตัวอย่างเหล่านั้นเลย เราควรจะเริ่มต้นด้วยประโยคว่า “A great example that comes to mind is…” “ตัวอย่างที่นึกออกคือ…” เพื่อไม่ให้คำตอบหรือตัวอย่างที่เรายกมานั้นฟังดูห้วนเกินไป เช่น ถ้าเรากำลังสัมภาษณ์งานอยู่ และถูกถามถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาเราก็สามารถใช้ประโยคดังกล่าว ก่อนจะอธิบายงานที่เราเคยทำ ด้วยการพูดว่า “A great example that comes to mind is when I worked in jewellery company as a marketing officer.”

 

ในการขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เราสามารถพูดให้น่าฟังและสุภาพมากขึ้นได้ ด้วยการใช้คำว่า Would และ Could ซึ่งสามารถใช้ขึ้นต้นประโยคต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ตัวอย่างเช่น

1. “Would you be able to print out the last meeting report?” “รบกวนช่วยปริ้นต์รายงานการประชุมครั้งก่อนให้หน่อยได้ไหมคะ?”

2. “Could you possibly help me with the new program?” “รบกวนช่วยดูโปรแกรมใหม่หน่อยได้ไหมคะ?”

 

ถ้าเราเห็นว่าเพื่อนร่วมงานกำลังยุ่งกับการทำงาน หรือกำลังดูเหมือนมีปัญหาอะไรบางอย่างที่เราน่าจะเข้าไปช่วยได้ เราสามารถพูดเพื่อเสนอตัวให้ความช่วยเหลือเขาได้ง่าย ๆ ด้วย 3 ประโยค ดังนี้

1. “Is there anything I can help?” “มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหม?”

2. “Can I give you a hand?” “ให้ฉันช่วยอะไรไหม?”

3. ถ้าถามแล้วแต่เขาตอบว่ายังไม่มีอะไรให้ช่วย เราก็ยังสามารถพูดได้อีกว่า “Give me a shout if you need anything.” “ถ้าเธอต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลยนะ” เพื่อให้เขารู้ว่าเรายังคงพร้อมจะช่วยเขาอยู่

 

หลายครั้งที่เกิดปัญหาในการทำงานเนื่องจากการสื่อสารที่ผิดพลาด และไม่มีการคอนเฟิร์มข้อมูลต่าง ๆ ให้ชัดเจน และให้แน่ใจว่าทุกฝ่ายเข้าใจและได้รับข้อมูลที่ตรงกัน ซึ่งการพูดเพื่อคอนเฟิร์มนั้น มี 2 ประโยคที่สามารถนำไปใช้ได้ คือ

1. “I just want to make sure that…”

2. “I just want to be absolutely clear that…”

 

โดยทั้ง 2 ประโยคนี้มีความหมายว่า “ฉันต้องการคอนเฟิร์มว่า…” ซึ่งหลังจากพูดแล้วเราสามารถพูดรายละเอียดเรื่องที่เราต้องการคอนเฟิร์มต่อได้เลย

 

คนทำงานแทบทุกคนต้องเคยผ่านการนำเสนอมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานหรือโปรเจกต์ต่าง ๆ และการเริ่มต้นการนำเสนอที่ดีจะช่วยดึงดูดความสนใจจากคนที่กำลังฟังเราได้ โดยเฉพาะการบอกให้คนฟังรู้ตั้งแต่เริ่มว่าในการนำเสนอครั้งนี้ เรากำลังจะพูดถึงเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งเราสามารถพูดตามสเต็ปได้ดังนี้

1. แนะนำตัวเองและพูดถึงหัวข้อที่เราจะนำเสนอด้วยประโยคที่ว่า “Today, I’m going to present…”

2. จากนั้นให้บอกผู้ฟังถึงประเด็นคร่าว ๆ ที่เราจะพูด ว่าเราจะเริ่มที่เรื่องอะไร ด้วยประโยค “I’ll start by…” และจะต่อด้วยเรื่องอะไร ด้วยประโยค “And then I’m going to move on to explain…”

3. อย่าลืมจบประเด็นสุดท้ายที่เราจะนำเสนอด้วยคำว่า “Finally”

 

ตัวอย่าง

Hello, my name is Lita from Cargo Express. I am very happy to be here. Today, I’m going to present our brand new tracking system. I’ll start by telling you a bit about Cargo Express and some services we provide at our company. And then I’m going to move on to explain how this new tracking system works. Finally, you will have a chance to try this system and ask questions.

 

เป็นยังไงบ้างกับการพูดภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เราเอามาฝากกัน แต่นอกจากทั้งหมดในบทความนี้แล้ว เรายังมีภาษาอังกฤษสำหรับคนทำงานอีกหลายบทความรอคุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการพูดตามสถานการณ์ต่าง ๆ หรือการใช้คำศัพท์ที่จะทำให้ดู Professional มากขึ้น คลิกที่บทความที่สนใจได้เลย

 

 

หางาน สมัครงานง่าย ๆ ด้วย JobThai Mobile Application

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

 

JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน

Public group · 200,000 members

Join Group

 

[NEW] ตัวอย่าง Portfolio ภาษาอังกฤษ | หา งาน ที่ ใช้ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ตัวอย่าง Portfolio ภาษาอังกฤษ

** ทั้งหมดนี้เป็นเพียงกระทู้ที่ใช้ส่งครูเท่านั้น **

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมาสอนทำ 

Portfolio หรือ แฟ้มสะสมผลงานแบบภาษาอังกฤษ

 สำหรับผู้ที่สนใจและเป็นแนวทางแบบใหม่ในการทำแฟ้มสะสมผลงาน 

ก่อนที่เราจะเริ่มทำแฟ้มสะสมผลงาน เราจะต้องเตรียมข้อมูลเอกสารต่างๆให้พร้อมสำหรับการจัดการเรียงลำดับ และนำมาออกแบบ โดยข้อมูลที่จะต้องเตรียมมีทั้งหมดดังนี้

  

  – ข้อมูลส่วนตัวและครอบครัว

   

 – รูปภาพตัวเอง

   

 – รูปภาพกิจกรรมทั้งหมดที่เคยทำมา

   

 – เกียรติบัตร

 
 

 

มาเริ่มกันเลย !!


 

1) หน้าปก [ Front cover ]

ควรออกแบบให้โดดเด่นสะดุดตาหรือใส่รูปตัวเองที่บ่งบอกถึงตัวเอง สรุปเนื้อหารายละเอียดพอประมาณ เช่น ชื่อ โรงเรียน หรือคณะ/มหาวิทยาลัยที่อยากเข้า สิ่งสำคัญคือต้องทำออกมาให้เป็นตัวเองที่สุด


2) ปกรอง

อาจใส่เป็นรูปภาพของเรา คำคมที่ชอบ หรือเหตุผลที่อยากเรียนคณะ/มหาวิทยาลัยนี้

 


3) คำนำ [ Preface ]

พูดถึงวัตถุประสงค์ของการทำและเนื้อหาต่างๆที่อยู่ในเล่มนี้ อาจมีการเขียนขอบคุณบุคคลที่ช่วยหรือให้การสนับสนุน เมื่อเขียนเสร็จควรลงท้ายผู้จัดทำ


4) สารบัญ [ Content ]

เรียงหัวข้อของเนื้อหาตามลำดับ เช่น ประวัติส่วนตัว (Profile), การศึกษา (Education), กิจกรรม (Activities), เกียรติบัตร (Certificates)


5) ประวัติส่วนตัว [ Profile ]

เขียนนำเสนอเกี่ยวกับตัวเองโดยสังเขป โดยส่วนมากจะประกอบด้วย

– ชื่อ-นามสกุล (Name-Surname)

– ชือเล่น (Nickname)
– วันเดือนปีเกิด (Birthday)

– อายุ (Age) 
– เพศ (Sex) เช่น เพศชาย (Male), เพศหญิง (Female)
– สัญชาติ (Nationality) 
– ศาสนา (Religion) เช่น 

– อายุ (Age)- เพศ (Sex) เช่น เพศชาย (Male), เพศหญิง (Female)- สัญชาติ (Nationality)- ศาสนา (Religion) เช่น

พุทธ (Buddhist), คริสต์ (christian), มุสลิม (Muslim), ฮินดู (hindu)

– ประวัติครอบครัว (Family)
– ความสามารถพิเศษ (Talent) เช่น เชียร์ลีดเดอร์ (Cheerleader), เล่นฟุตบอล (Play football), เล่นเปียโน (Play piano), ร้องเพลง (Sing), วาดรูป (Sketch)
– การติดต่อ (Contact)
– อุปนิสัย (Charecter) เช่น กล้าหาญ (Dauntless), เข้มแข็

– ประวัติครอบครัว (Family)- ความสามารถพิเศษ (Talent) เช่น เชียร์ลีดเดอร์ (Cheerleader), เล่นฟุตบอล (Play football), เล่นเปียโน (Play piano), ร้องเพลง (Sing), วาดรูป (Sketch)- การติดต่อ (Contact)- อุปนิสัย (Charecter) เช่น กล้าหาญ (Dauntless), เข้มแข็

ง (

Strong), มองโลกในแง่ดี (Obtimistic), มีความเป็นผู้นำ (Leadership), เข้ากับคนง่าย (Easy-going), กล้าแสดงออก

(

Assertiveness), ขยัน (Diligent) 

– งานอดิเรก (Hobby) เช่น ฟังเพลง (Listen to music), ดูหนัง (Watch movie), เต้น (Dance), อ่านหนังสือ (Read a book), เล่นเกม (Play game)

– คติประจำใจ (Motto) เช่น  

– คติประจำใจ (Motto) เช่น

Anyone who has never made a mistake has never tried anything new
ผู้ที่ไม่เคยผิดพลาดคือผู้ที่ไม่เคยทำสิ่งใหม่

The future depends on what we do in the present.
อนาคตขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน

Don’t think that you’re gonna lose when you don’t even start

อย่ากลัวล้มทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มเดิน

Don’t take other people’s criticism to heart.Instead,Listen to what they are saying and learn from it. อย่าเก็บคำวิจารณ์ของคนอื่นมาใส่ใจแต่จงรับฟังและใช้มันพัฒนาตัวเองดีกว่า

– ที่อยู่ (Address) มีวิธีการเขียนดังนี้ 

  • อพาร์ตเมนท์ 

    ภาษาอังกฤษคือ Apartment ย่อเป็น Apt

  • อาคาร

     ภาษาอังกฤษ คือ Building ย่อเป็น Bldg

  • ชั้น

     ภาษาอังกฤษคือ floor มักย่อเป็น 1st floor, 2nd floor เป็นต้น

  • บ้านเลขที่

     ภาษาอังกฤษ คือ  House No.

  • หมู่บ้าน

     ภาษาอังกฤษ คือ Village

  • หมู่ที่

     ภาษาอังกฤษ คือ Village No.

  • ตรอก

     ภาษาอังกฤษ คือ Alley

  • ซอย

     ภาษาอังกฤษ คือ Lane

  • ถนน

     ภาษาอังกฤษ คือ Road ย่อเป็น Rd. หรือ Streee ย่อเป็น St.

  • ตำบล / แขวง

     ภาษาอังกฤษ คือ Sub-district/ Sub-area

  • อำเภอ / เขต

     ภาษาอังกฤษ คือDistrict / Area

  • จังหวัด

     ภาษาอังกฤษ คือ Province

  • รหัสไปรษณีย์

     ภาษาอังกฤษ คือ Postal Code


6) ประวัติการศึกษา [ Edution ]

การศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยม หรือมีหลักฐานอ้างอิงผลการเรียน ควรทำให้น่าอ่านและเข้าใจง่าย

มีวิธีการเขียนดังนี้

Nursery / Day Care Center / Preschool / Pre-kindergarten

โรงเรียนเด็กก่อนวัยเรียน, สถานรับเลี้ยงเด็ก

Kindergarten

อนุบาล

Pre-elementary school
เตรียมประถม

Primary School / Elemantary School

โรงเรียนระดับประถมศึกษา

Grade 1-6

ชั้น ป. 1 – ป. 6

Secondary School / High School
โรงเรียนระดับมัธยมศึกษา

Grade 7-12

ชั้น ม. 1 – ม. 6

Middle School (Grade 6-8)
ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (เทียบเท่า)
Junior High School
ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
Senior High School
ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

Vocational Certificate

ปวช. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพ)

High Vocational Certificate

ปวส. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง)

Technical Certificate

ปวท. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค)

Non-Formal Education

การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.)

Compulsory Education

การศึกษาภาคบังคับ

Adult Education

การศึกษาผู้ใหญ่

Technical College

วิทยาลัยเทคนิค

Polytechnic School

วิทยาลัยสารพัดช่าง






7) กิจกรรม [ Activities ]

นำเสนอกิจกรรมที่เคยทำผ่านมาทั้งกิจกรรมที่เข้าร่วมภายในและภายนอกโรงเรียน ใส่ผลงานที่โดดเด่นหรือได้รับรางวัลและเกี่ยวข้องกับคณะที่อยากเข้า พร้อมกิจกรรมอื่นๆ เช่น กิจกรร

มจิตอาสา 


8) เกียรติบัตร [ Certificates ]

พยายามเรียงลำดับเกียรติบัตรจากความยิ่งใหญ่ของผลงาน เช่น ได้รับรางวัลจนไปถึงการเข้าร่วม ไม่ควรใส่ทั้งหมด ควรเลือกมาเฉพาะที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับคณะที่อยากเข้า

9) หน้าสุดท้าย

เป็นการกล่าวขอบคุณปิดท้าย

ตัวอย่าง Portfolio ภาษาอังกฤษ เพิ่มเติม 

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างในการทำแฟ้มสะสมผลงานแบบภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตามสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมตามที่ต้องการและควรศึกษาระเบียบการการทำแฟ้มสะสมผลงานตามที่คณะ/มหาวิทยาลัยกำหนด

อ้างอิงเว็บไซต์ที่ใช้หาข้อมูลและตัวอย่างของการทำแฟ้มสะสมผลงาน
https://dekshowport.com/2018/09/02/portfolio-10-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%87/
https://dekshowport.com/2018/01/13/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87-portfolio-ep23/
https://dekshowport.com/2018/01/14/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87-portfolio-ep34/


น่าอาย คนสวนพูดภาษาอังกฤษได้ l Lw Film


หนังสั้น เรื่องราวสะท้อนสังคม เตือนภัยต่างๆ
หนังสั้น ละครสั้น

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

น่าอาย คนสวนพูดภาษาอังกฤษได้ l Lw Film

ฝึกพูดอังกฤษกับ 30 ประโยคพื้นฐานง่ายๆ


ติดตาม Facebook Fanpage ครูเชอรี่ English Bright
https://www.facebook.com/cherry.englishbright
https://www.englishbright.net
บริการของเรา
แนะแนวทางศึกษาต่อ และวางแผนการศึกษา
ดำเนินการสมัครเรียน
ให้คำแนะนำและตรวจเอกสารและยื่นสมัครวีซ่า
จัดหาตั๋วเครื่องบินราคานักเรียน
ประสานงานจัดหาที่พัก
อบรมเตรียมตัวก่อนเดินทาง
จัดหาเจ้าหน้าที่รับส่งที่สนามบิน
ประสานงานดูแลนักเรียนในประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศ
บริการรับจัดกลุ่ม โปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษภาคฤดูร้อน
บริการจัดสัมมนา อบรมภาษาอังกฤษ
ให้ความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษออนไลน์
บริการแปลเอกสารเพื่อการขอวีซ่า

ฝึกพูดอังกฤษกับ 30 ประโยคพื้นฐานง่ายๆ

ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานสำหรับงานร้านอาหาร l ร้านกาแฟ l หางานออสเตรเลีย


🙂

ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานสำหรับงานร้านอาหาร l ร้านกาแฟ l หางานออสเตรเลีย

หางานในอังกฤษ|ความรู้แค่ ม.3 ทำงานอะไรได้ในอังกฤษ| ใช้วุฒิอะไร?|Gas Sapai Uk 🇬🇧


ความรู้แค่ ม.3 ทำงานอะไรได้ในอังกฤษ…ต้องใช้วุฒิอะไร..ต้องมีเอกสารอะไรบ้าง

หางานในอังกฤษ|ความรู้แค่ ม.3 ทำงานอะไรได้ในอังกฤษ| ใช้วุฒิอะไร?|Gas Sapai Uk 🇬🇧

6 ช่องทาง ที่สามารถไปทำงานต่างประเทศได้I ไปได้ตั้งแต่ 15-35 ปี


การไปทำงานในต่างประเทศนั้นไม่อยากอีกต่อไป วันนี้เปียโนมีช่องทางที่สามารถเข้าไปทำงานได้อย่างถูกกฏหมาย และอยู่ได้นานถึง 2 ปีเลยทีเดียว
สำหรับใครที่มีคำถาม ถามได้เลยนะคะ และถ้าเราพูดอะไรผิดไปต้องขออภัยด้วยค่ะ อาจจะไม่ละเอียด
ขออนุญาติรูปภาพด้วยนะคะ

6 ช่องทาง ที่สามารถไปทำงานต่างประเทศได้I ไปได้ตั้งแต่ 15-35 ปี

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ หา งาน ที่ ใช้ ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *