Skip to content
Home » [Update] มะเร็งลำไส้ (Colorectal cancer) | การใช้ colon – NATAVIGUIDES

[Update] มะเร็งลำไส้ (Colorectal cancer) | การใช้ colon – NATAVIGUIDES

การใช้ colon: คุณกำลังดูกระทู้

         มะเร็งลำไส้(Colorectal cancer) เป็นมะเร็งที่พบเป็นลำดับที่ 4 ในสหรัฐอเมริกา และในปี 2016 ประมาณการว่าพบผู้ป่วยใหม่ ที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ 95,270 ราย/ปี และลำไส้ตรง 39,220 ราย/ปี และในปีเดียวกันพบว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตถึง 49,190 ราย จากมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง
         สำหรับประเทศไทย มะเร็งลำไส้ อุบัติการณ์ของการเกิด มะเร็งลำไส้มากเป็นลำดับที่ 4 เช่นกัน หรือพบผู้ป่วยรายใหม่ 11,496 ราย/ปี อัตราการเสียชีวิต 6,845 ราย/ปี รองจาก มะเร็งตับ, มะเร็งปอด และ มะเร็งเต้านม, ตามลำดับ ซึ่งอัตราการตายในมะเร็งลำไส้นั้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อมีการตรวจคัดกรองและป้องกันการเกิดด้วยการตัดติ่งเนื้อ(Polypectomy)ตั้งแต่อาการเริ่มแรกของตัวโรคเริ่มเกิดขึ้น ดังนั้น การทราบถึงปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรค จึงเป็นประโยชน์ ในการที่ทราบถึงกลุ่มเสี่ยง แง่ของการตรวจคัดกรองในกลุ่มต่าง ๆ อีกด้วย

 

ตาม ได้แบ่งกลุ่มเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ออกเป็น 2 กลุ่ม โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงที่ต่างกันโดยปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวมีดังต่อไปนี้

1.    ปัจจัยความเสี่ยงจากตัวบุคคล (Non-modifiable risk factors)
2.    ปัจจัยความเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อม (Environmental risk factors) 

 

1.    ปัจจัยความเสี่ยงจากตัวบุคคล (Non-modifiable risk factors)
     
     –    อายุ (Age)
          พบว่าอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มคนอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป และเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอายุมากกว่า 50 ปี โดย ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้มากกว่า ร้อยละ 90 มีอายุมากกว่า 50 ปี และยิ่งในช่วงอายุ 60-79 ปีพบว่า มีโอกาสเสี่ยงมากถึง 50 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มคนอายุน้อยกว่า 40 ปี แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน พบผู้ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ในกลุ่มคนอายุ 20-49 ปี เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
 

     –    ประวัติการเกิดมะเร็งลำไส้ในครอบครัว(Family history of colorectal cancer) 
          แม้ว่าผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ส่วนใหญ่จะเกิดในคนที่ครอบครัวไม่มีประวัติการเป็นมะเร็งลำไส้ในครอบครัว แต่ทว่า พบว่ามีโอกาส มากกว่าร้อยละ 20 ในการป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ของคนที่มีประวัติมีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ในครอบครัว สำหรับเหตุผลยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าอาจเกิดจาการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และ สิ่งแวดล้อมที่มีลักษณะเหมือนกัน ร่วมกันหลายปัจจัย

     –    การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (Inherited Genetic Risk)
          ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 5-10 ของมะเร็งลำไส้เป็นผู้ป่วยที่เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ได้แก่ Familial adenomatous polyposis (FAP), Hereditary nonpolyposis colorectal cancer (HNPCC) หรือ Lynch syndromeในผู้ป่วย FAP ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 1 ของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ทั้งหมด สาเหตุเกิดจากการ mutation ของ APC tumor suppressor gene ถ่ายทอดผ่าน Autosomal dominant manner  โดย มาปรากฏด้วยอาการติ่งเนื้อในลำไส้มากกว่า 100 เม็ดขึ้นไป มักปรากฏตั้งแต่อายุยังน้อย และกลายเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุยังน้อย หากอายุ 40 ปีขึ้นไปโดยมากมักกลายเป็นมะเร็งลำไส้เกือบทั้งหมดหากไม่ได้รับการผ่าตัด  ฉะนั้นการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่ตั้งครรภ์ จึงจำเป็นในกรณีที่สามีภรรยา มีประวัติเป็น FAP และต้องการมีบุตร

          ในส่วนของ ผู้ป่วย HNPCC หรือ Lynch syndrome คิดเป็นร้อยละ 2-6 ของมะเร็งลำไส้ สาเหตุเกิดจากการ mutation ใน MLH1 และ MLH2 gene DNA repair pathway  ตลอดช่วงชีวิตมีโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้ สูงถึง ร้อยละ 70-80 และอายุเฉลี่ยของการเกิดมะเร็งลำไส้อยู่ที่ประมาณ 40-50 ปี และยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อื่นๆได้อีก เช่น มดลูก, กระเพาะ, ลำไส้เล็ก, ตับอ่อน, ไต, ท่อทางเดินปัสสาวะ ได้

ในส่วนของ ผู้ป่วย HNPCC หรือ Lynch syndrome คิดเป็นร้อยละ 2-6 ของมะเร็งลำไส้ สาเหตุเกิดจากการ mutation ใน MLH1 และ MLH2 gene DNA repair pathway  ตลอดช่วงชีวิตมีโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้ สูงถึง ร้อยละ 70-80 และอายุเฉลี่ยของการเกิดมะเร็งลำไส้อยู่ที่ประมาณ 40-50 ปี และยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อื่นๆได้อีก เช่น มดลูก, กระเพาะ, ลำไส้เล็ก, ตับอ่อน, ไต, ท่อทางเดินปัสสาวะ ได้

 

     –    ประวัติการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ (Personal history of Adenomatous polyp)

          ประวัติติ่งเนื้อในลำไส้ที่เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ Neoplastic polyp อันได้แก่ tubular และ villous adenomas ซึ่งเป็นรอยโรคที่สามารถกลายเป็นมะเร็งลำไส้ได้ในอนาคต  ผลสำรวจในสหรัฐอเมริกาพบว่าในช่วงชีวิต มีโอกาสที่จะเกิดติ่งเนื้อได้ ร้อยละ 19 และ ร้อยละ 95 ของ ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้แบบ Sporadic มีการเกิดจาก adenomatous polyp สำหรับการพัฒนาการเกิดมะเร็งลำไส้จากติ่งเนื้อนั้น ใช้ระยะเวลา 5-10 ปี ดังนั้นหากเราตรวจพบและรักษาตั้งแต่ติ่งเนื้อจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ได้ แต่อย่างไรก็ตามการมีประวัติการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้แบบ Neoplastic polyp ได้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ในตำแหน่งอื่น ๆ ของลำไส้เพิ่มขึ้นด้วย

             –    ประวัติการเกิดลำไส้อักเสบ(Personal history of Inflammatory bowel disease)
          ลำไส้อักเสบเรื้อรัง(Inflammatory bowel disease)สามารถแบ่งเป็นโรคได้สองโรค คือ Ulcerative colitis และ Crohn disease ในส่วนของ  Ulcerative colitis สาเหตุเกิดจากการอักเสบ ในส่วนของ mucosa ของลำไส้ แต่สำหรับ Crohn disease สาเหตุเกิดจาก การอักเสบตลอดชั้นของลำไส้ บางส่วนเกิดการอักเสบได้ที่ปากและทวารหนัก ซึ่งการเกิดการอักเสบของลำไส้ทั้งสองโรคนี้เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้มากขึ้น 4-20 เท่า ดังนั้นในผู้ป่วยที่ป่วยเป็นลำไส้อักเสบเรื้อรังจึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจคัดกรองโรคถี่ขึ้นเป็นพิเศษ

 

2.    Environmental risk factor

          มะเร็งลำไส้ มี ความเสี่ยงหลายปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่นมีการเก็บข้อมูลของผู้ย้ายถิ่นฐานจากประเทศที่ มีอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ต่ำไปยังประเทศที่มีอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้สูง พบว่า อัตราการเกิดมะเร็งเพิ่มขึ้นตามกลุ่มคนที่อยู่ในประเทศนั้นด้วย ปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมต่างมีดังต่อไปนี้

          –    อาหาร (Nutritional Practices)

          อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญหนึ่งในการเกิดมะเร็งลำไส้ การกินอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ โดยการ degrade ตัว bile salt ด้วย แบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ คือ องค์ประกอบของ N-nitroso compound การบริโภคเนื้อสัตว์ สัตว์เนื้อแดง ในปริมาณสูง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ โดยการ ย่อยสลาย Heme iron ในเนื้อแดง นอกจากนี้ การปรุงอาหารด้วยอุณหภูมิสูง เช่น การปิ้งย่าง เป็นผลทำให้เกิด heterocyclic amines และ poly aromatic hydrocarbon ซึ่งสารประกอบทั้งคู่ ล้วนมีคุณสมบัติเป็นสารก่อมะเร็ง มีบางงานวิจัยพบว่าในคนที่กินผักผลไม้น้อยเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ เพิ่มการ transit time ทำให้อุจจาระค้างอยู่ในลำไส้นานขึ้น

          –    การออกกำลังกายและน้ำหนักเกิน (Physical activity and obesity)

          มีรายงาน การออกกำลังกายและน้ำหนักมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงของ มะเร็งลำไส้ เมื่อออกกำลังกายและการเพิ่ม Metabolic rate จะส่งผลให้ ลำไส้มีการทำงานมากขึ้น เคลื่อนตัวมากขึ้น มีการเพิ่มการใช้งาน ออกซิเจน  ผลในระยะยาวจะทำให้ ความดันในร่ายกายลดลง insulin resistant ลดลง และ ยังส่งผลในเรื่องของน้ำหนักตัวที่ลดลงด้วย ผลที่ตามมาจากการที่นำหนักตัวลดลง ทำให้ Estrogen ในเลือดลดลงจากการที่ซึ่ง Estrogen เชื่อว่าการมีในระดับสูงจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งขึ้น

 

   

          –    การสูบบุหรี่ (Cigarette smoking)

          ความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่ กับ มะเร็งปอด นั้นมีรายงานออกมาชัดเจน และ ในส่วนของมะเร็งลำไส้นั้นพบว่า ร้อยละ 12 ของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้นั้นสูบบุหรี่ พบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเกิดและเจริญเติบโตขึ้นของ Adenomatous polyp การสูบบุหรี่ในระยะยาวพบว่า มีความสัมพันธ์กับ Adenomatous polyp ขนาดใหญ่

 

          –    การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ (Heavy alcohol consumption)

          การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้เช่นกันกับการสูบบุหรี่ ผลลัพท์ที่ได้จากการย่อยสลาย แอลกอฮอล์ คือ Acetaldehyde ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งตัวหนึ่ง ซึ่งการบริโภคแอลกอฮอล์ร่วมกับการสูบบุหรี่ จะมีผลเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งมากขึ้น โดย บุหรี่จะกระตุ้นให้เกิดการ mutation ของ DNA และ แอลกฮอล์จะไปยับยั้งกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ทำให้ทำงานได้ไม่ดี อีกทั้งแอลกฮอล์เป็นตัวทำละลายสามารถเข้าสู่เซลล์ ได้ง่ายและเป็นตัวกระตุ้นก่อให้เกิดมะเร็ง และยังทำให้เพิ่มการสร้าง Prostaglandins, Lipid peroxidation และ เพิ่ม Free radical oxygen อีกด้วย

 

         การทราบถึงปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ ช่วยในการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง อีกทั้งช่วยในการเฝ้าระวังในกลุ่มที่มีความเสี่ยง และ การเริ่มการคัดกรองในกลุ่มเสี่ยง ดังนั้นการออกกำลังการการกินอาหาร และการระวังไม่ให้น้ำหนักเกิน จึงเป็นสิ่งที่ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิด และช่วยลดอัตตราตายและผลกระทบที่เกิดจากมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย

[NEW] การใช้เครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ (punctuation) | การใช้ colon – NATAVIGUIDES

# การใช้เครื่องหมายวรรคตอน (punctuation)

punctuation

สิ่งสำคัญในการเขียนภาษาอังกฤษที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการรู้แกรมม่าร์ รู้ศัพท์ เข้าใจโครงสร้างประโยค ก็คือการใช้เครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง เพราะมันอาจทำให้ความหมายในประโยคเปลี่ยนได้ หรือบ่งบอกทักษะการเขียน ของคุณได้เลย เพราะการเขียนในภาษาอังกฤษมันไม่ใช่แค่การรู้คำศัพท์แล้วเอาศัพท์นั้นมา เรียงต่อๆกันให้เป็นประโยคเพียงเท่านั้น มันมีกฎเกณฑ์ และรายละเอียดที่ลึกซื้งลงไปมากกว่านั้นค่ะ
เอาล่ะค่ะ!! จะขออธิบายแค่เครื่องหมายวรรคตอนที่สำคัญๆนะคะ

1.  full stop / period (.)
ปกติเราใช้ full stop ในกรณีดังนี้
1.1 ไว้เวลาเราเขียนจบประโยค ยกเว้นประโยคคำถามและอุทาน
1.2 เขียนไว้หลังอักษรย่อ หรือคำย่อ เช่น etc. a.m.

2. comma (,)
เครื่องหมายนี้มีการใช้ที่เยอะพอสมควรและสำคัญไม่น้อย มาดูกันค่ะ
2.1 ใช้แยกคำหรือกลุ่มคำที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ส่วนมากก็จะเป็นการยกตัวอย่างต่างๆ หรือการแจงรายละเอียด รายการต่างๆ เช่น

  • My favorite hobbies are reading novel, watching movies, listening to music and sleeping.
  • You should concentrate and participate in class, take note, and study hard before exam in order to get good marks.

2.2 ใช้คั่นหน้าและหลังกลุ่มคำหรืออนุประโยคที่ขยายคำนามข้างหน้า เช่น

  • Barack Obama, President of the United States, will come to Thailand next month.
    (กลุ่มคำ President of the United States เป็นคำขยายนาม Barack Obama ว่าเป็นใคร)
  • The Royal Hotel, which was built in 1990, will be reconstructed next year.
    (อนุประโยค which was built in 1990 มาขยายคำนาม The Royal Hotel) ในกรณีนี้ต้องเป็นคำนามเฉพาะเจาะจงนะคะ ถ้าเป็นนามทั่วไป ไม่ต้องใส่ comma ค่ะ

2.3 ใช้คั่นประโยค 2 ประโยคที่มีคำเชื่อม co-ordinate conjunction (and, but, or, so, for, yet,…) เช่น

  • It’s raining, so I won’t go out.

แต่ถ้าเป็นประโยคสั้นๆ ไม่ต้องใส่ก็ได้ เช่น

  • I went in and he went out.

ในกรณีที่คำเชื่อมเป็น subordinate conjunction (although, when, while, if, unless, etc.) ถ้ามันขึ้นต้นประโยคให้ใช้ comma คั่นตรงกลาง แต่ถ้าคำพวกนี้อยู่กลางประโยคไม่ต้องใส่ comma เช่น

  • If you call him, he may come. (if ขึ้นต้นประโยค ต้องใช้ comma คั่นตรงกลางระหว่าง 2 ประโยค)

แต่ถ้า if อยูตรงกลางแบบนี้  He may come if you call him. ไม่ต้องใส่ comma

3. semicolon (;)
3.1 เราใช้ semicolon ในการเชื่อมประโยคสองประโยค ที่ไม่มีคำเชื่อมใดๆมาเชื่อมและสองประโยคนี้ก็มีความหมายที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น
ยกตัวอย่างคล้ายประโยคก่อนหน้านี้ คือ

  • It’s raining; I won’t go out.  (ประโยคด้านบนมี so มาเชื่อมเราจึงใช้ comma แต่ประโยคนี้ไม่ได้ใส่คำเชื่อมใดๆเลย เราสามารถใส่ semicolon ได้ค่่ะ และเนื้อความของ 2 ประโยคนี้ก็เกี่ยวเนื่องเป็นเหตุเป็นผลกันด้วย)

4. colon (:)
4.1 เราใช้ colon ในการแจ้งรายการหรือรายละเอียด เราใส่ colon ไว้หน้าประโยคหลัก เพื่อนำเข้าสู่รายการหรือลำดับขั้นตอนต่างๆ เช่น

  • Our company has set three goals for this year: to spread the products to Europe market, to increase 5% in sale volume, and to develop new products.

4.2 ใช้ colon ก่อนประโยคอธิบาย เช่น

  • The situation in Ethiopia is very serious: many people died because of starve.
    (ประโยค many people died…มาอธิบายประโยคก่อนหน้าว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น)

*** จากรูปภาพ จะเห็นว่าแค่เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอน ความหมายในประโยคก็เปลี่ยน

อาจารย์สอนภาษาอังกฤษเขียนประโยคนี้บนกระดานดำ
A woman without her man is nothing.
แล้วให้นักเรียนออกไปใส่เครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง
นักเรียนชายออกไปเขียนว่า
A woman, without her man, is nothing.
ผู้หญิงที่ปราศจากผู้ชายจะมีความหมายอะไร
(ใช้ comma คั่นหน้าหลัง กลุ่มคำ without her man เพื่อขยายคำนาม A woman)

แต่นักเรียนหญิงออกไปเขียนว่า
A woman: without her, man is nothing.
ผู้หญิงน่ะนะ หากปราศจากเธอ ผู้ชายก็ดูไร้ค่า

เห็นมั๊ยคะ!! ว่า punctuation มีความสำคัญขนาดไหน ^^

** ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่านกันนะคะ สำหรับใครที่กำลังฝึกเขียนภาษาอังกฤษอยู่ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา


Colons: How to Use Colons Correctly in Your Sentences


Using colons as a mark of punctuation. Conventional uses in time designations and titles.

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Colons: How to Use Colons Correctly in Your Sentences

การใช้ “คอมม่า” ด้วยเทคนิคสุดแปลก กระจ่างใน 5 นาที!!


สับสนมาตั้งนาน ไม่รู้จะเอา “คอมม่า” ไปใส่ตรงไหนในประโยคดี…
ครูพี่แอนอธิบายแปปเดียวในชั่วพริบตา กระจ่างเลยจ้า !!!

ติดตามครูพี่แอนได้ที่ช่องทาง
Perfect English : https://www.facebook.com/englishforfunbyann
IG : https://www.instagram.com/krupann.english/
twitter : https://twitter.com/englishbykruann
Tiktok : https://www.tiktok.com/@krupann.english

https://www.learnovate.co.th/
http://krupannenglish.com/
ครูพี่แอน KruPAnn ภาษาอังกฤษ OnlineEnglish คอร์สเรียนออนไลน์ เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

การใช้  “คอมม่า” ด้วยเทคนิคสุดแปลก กระจ่างใน 5 นาที!!

ล้างพิษด้วยการสวนล้างลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy)


การสวนล้างลำไส้ HydroHealth สะอาดและปลอดภัยกว่าด้วยการใช้น้ำ RO บริสุทธิ์ (Reverse Osmosis) ที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ระดับน้ำล้างไตในโรงพยาบาล ช่วยล้างสารเคมีและสิ่งตกค้าง รวมทั้งขจัดพิษออกจากลำไส้ใหญ่โดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ และเป็นระบบเปิด สะดวกสบาย ไม่มีความอึดอัดขณะรับบริการ ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกัน แก้ปัญหาเรื่องท้องผูก ระบบขับถ่าย ท้องเสียบ่อย เป็นสิวเรื้อรัง มีกลิ่นปาก ผิวพรรณหมอง คลํ้า ภูมิแพ้เรื้อรัง หลังทำสวนล้างลำไส้จะช่วยปรับสมดุลของระบบขับถ่ายให้กับร่างกาย
ปรึกษาปัญหาสุขภาพได้ที่
Line official : @hydrohealthclinic
Facebook : HydroHealth HC / Inbox
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม click : www.hydrohealth.co.th
ที่อยู่: 494 อาคารเอราวัณแบ็งคอก ชั้น 4 ห้อง 401 ถนนเพลินจิต กรุงเทพฯ 10330
เวลาทำการ: 10.00 น. – 20.00 น.
โทร : 02 250 7800
colon colonic hydrohealth health Promotion Wellness massage Detox Body Goodhealth Healthyskin

ล้างพิษด้วยการสวนล้างลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy)

How to Use Colons and Semicolons in English – English Writing Lesson


In this lesson, you can learn how to use colons and semicolons in English. You will also see how understanding colons and semicolons can help you improve your English writing. Learn more about punctuation and more with an OOE teacher: http://bit.ly/ooeteachers.
This topic will be very useful for anyone who wants to write more clearly in English. Colons and semicolons may seem like a small, unimportant topic. However, colons and semicolons are powerful tools, which you can use to make your writing clearer and more focused.
You can see the full version of this lesson here: https://www.oxfordonlineenglish.com/colonssemicolons
Contents:
1. Using Colons 0:22
2. Using Colons Lists 1:05
3. Using Colons Speech 1:31
4. Using Colons Mistakes 2:56
5. Using Semicolons 3:21
6. Using Semicolons Connecting Words 6:05
7. Using Semicolons Lists 7:28
8. Review 8:33
You can learn:
How to use colons correctly in English.
How to avoid common mistakes with colons.
How to use semicolons in English.
How to use linking words with semicolons.
How to use semicolons to replace commas.
The difference between colons and semicolons in English.
You can see more of our free English lessons on this page: https://www.oxfordonlineenglish.com/freeenglishlessons
SUBSCRIBE to continue improving your English! https://goo.gl/UUQW8j
Become an OOE member to see our newest lessons before they’re available to the public, and more! https://www.youtube.com/channel/UCNbeSPp8RYKmHUliYBUDizg/join
A big thank you to the Alphabet translation team from Syria for the Arabic captions!

How to Use Colons and Semicolons in English - English Writing Lesson

ใช้ Comma พื้นฐาน 1/3


บทเรียนราคาแพงของ comma
ครูนีมมาแนะนำหลักการใช้ เครื่องหมายภาษาอังกฤษที่มักใช้ผิด วางสลับที่กันเสมอ มี 3 คลิป
Subscribe ครูนีม English Upgrade ทาง YouTube
และติดตาม @kruneemupgrade ทาง Facebook
https://www.facebook.com/kruneemupgrade/

ใช้ Comma พื้นฐาน 1/3

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ การใช้ colon

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *