Skip to content
Home » [Update] “ฉลาดบริหารเงิน…สไตล์ชาวพุทธ”กับ “พระไพศาล วิสาโล”…การจัดการเงิน | การ บริหาร จัดการ เงิน – NATAVIGUIDES

[Update] “ฉลาดบริหารเงิน…สไตล์ชาวพุทธ”กับ “พระไพศาล วิสาโล”…การจัดการเงิน | การ บริหาร จัดการ เงิน – NATAVIGUIDES

การ บริหาร จัดการ เงิน: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

เมื่อวันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร จัดธรรมบรรยาย “ฉลาดบริหารเงิน…สไตล์ชาวพุทธ” โดยท่านพระครูพระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ ซึ่งพระไพศาลได้กล่าวว่า “การที่นิมนต์พระมาบรรยายเรื่องการบริหารเงินมันเป็นเรื่องที่อาจจะผิดฝาผิดตัวไปหน่อย เพราะว่าสถานะหรือตามพระธรรมวินัย พระต้องค่อนข้างจะห่างจากเงิน อีกทั้งส่วนตัวอาตมาเองไม่ได้เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในด้านการเงินพอที่จะมีอะไรแนะนำทุกท่านในที่นี้ ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความรู้ในเรื่องการเงิน อย่างไรก็ตาม อาตมาก็เชื่อว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านได้ โดยเฉพาะเรื่องของการวางท่าทีที่ถูกต้องเหมาะสมเกี่ยวกับเงิน”

คนมักจะมองว่าพุทธศาสนามีท่าทีที่เป็นลบต่อเงินหรือความสุขที่เกิดจากการใช้จ่ายเงินทอง แต่ที่จริงแล้วพระพุทธเจ้าเคยตรัสกับพระอานนท์ว่าเงินคืออสรพิษ นั่นมีความหมายในบริบทของพระภิกษุ แต่พวกเราที่เป็นคฤหัสถ์หรือผู้ครองเรือน เงินเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่สำคัญ แต่จำเป็นสำหรับชีวิต ดังนั้นเมื่อมีเงินก็ควรรู้จักใช้เงินให้เกิดประโยชน์และประโยชน์เบื้องต้นก็คือการทำให้ตนเองมีความสุข

มีครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าได้ทราบว่ามีเศรษฐีคนหนึ่งในเมืองสาวัตถีที่เสียชีวิตลงและปรากฏว่า เนื่องจากไม่มีทายาท ทรัพย์สมบัติทั้งหลายก็ตกเป็นของหลวง แต่เศรษฐีคนนี้มีพฤติกรรมบางอย่างที่น่าจะนำมากล่าวถึง กล่าวคือเป็นคนตระหนี่ แม้จะมั่งมีร่ำรวย แต่ก็อยู่แบบอัตคัดขัดสน ข้าวที่กินก็เป็นข้าวปลายหัก เสื้อผ้าก็ปะแล้วปะอีก แล้วก็มีความหวงแหนในทรัพย์สิน ไม่ค่อยนำไปช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เช่น บริจาค พระพุทธเจ้าก็ตรัสถึงเศรษฐีคนนี้ว่าเป็นคนที่น่าตำหนิ เพราะไม่รู้จักใช้ทรัพย์เพื่อเลี้ยงตนเองให้มีความสุข

พระพุทธเจ้าไม่ได้มองว่าความยากจนหรือว่าความอัตคัดขัดสนเป็นของดีนะ จริงอยู่วิถีชีวิตของพระ ถ้าเทียบกับวิสัยชาวโลกหรือพูดอย่างภาษาชาวโลกก็คือว่าเป็นผู้ที่อยู่อย่างเรียบง่ายและอาจจะถือว่ายากจนด้วยซ้ำ แต่นั่นมีเหตุผลที่เฉพาะเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์ แต่ส่วนของฆราวาส คฤหัสถ์ผู้ครองเรือน เมื่อหาเงินมาได้ต้องรู้จักใช้ทรัพย์ให้มีความสุข ถ้าไม่ใช้เงินไม่ใช้ทรัพย์เพื่อเลี้ยงตนให้มีความสุขก็ถือว่าเป็นคนโง่ ไม่น่าสรรเสริญ

อันนี้เป็นประเด็นหนึ่งที่ให้เราเข้าใจว่าพุทธศาสนาไม่ได้มองหรือมีท่าทีลบต่อเงินทอง ที่จริงพระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ถึงเรื่องของการใช้เงินหรือการเกี่ยวข้องกับเงินไว้ในหลายตอน มันมีธรรมะบทหนึ่งเรียกว่ากามโภคี แปลว่าผู้บริโภคกาม คำว่ากามนี้หมายถึงรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่น่าพอใจ คือความสุขจากวัตถุ พระพุทธเจ้าตรัสว่ากามโภคีหรือผู้ครองเรือนอย่างพวกเรา

ประการแรก ต้องรู้จักหาทรัพย์โดยชอบธรรม คือไม่คดโกง ไม่ไปลักใครมา ไม่ได้ประกอบมิจฉาชีวะ พอได้ทรัพย์มาแล้ว ประการที่สอง ต้องรู้จักใช้ทรัพย์ให้เป็น คือ อย่างแรก เลี้ยงตนให้มีความสุข รวมถึงครอบครัว อย่างที่สอง ใช้เงินให้เกิดประโยชน์ เช่น บริจาค หรือว่าทำความดี คนที่หาเงินมาโดยชอบธรรม แต่ไม่รู้จักเลี้ยงตนให้มีความสุข อันนี้ไม่ถูก หรือเลี้ยงตัวให้มีความสุข แต่ไม่รู้จักใช้ทรัพย์ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น อันนี้ก็ไม่ถูก อันนี้เป็นเรื่องของการใช้ทรัพย์ให้เป็น

ไม่ทำตัวให้เป็นทาสของทรัพย์สมบัติ แต่มีปัญญารู้จักทำจิตทำใจให้เป็นอิสระเหนือทรัพย์ คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ทรัพย์เป็นนายเหนือทรัพย์ แต่ว่าปล่อยให้ทรัพย์หรือเงินเป็นนายเรา

Table of Contents

คนที่ฉลาดจะทำให้ทรัพย์เป็นบ่าว ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นนายเรา

ทีนี้พอใช้ทรัพย์เป็นแล้วที่สำคัญคือประการที่ 3 คือว่าไม่สยบไม่มัวเมาหมกมุ่นในทรัพย์ ไม่ทำตัวให้เป็นทาสของทรัพย์สมบัติ แต่มีปัญญารู้จักทำจิตทำใจให้เป็นอิสระเหนือทรัพย์ อันนี้คือสิ่งสำคัญมาก พูดอย่างง่ายๆ คือว่าเราต้องรู้จักใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ หรือย่อยลงไปกว่านั้นคือว่าทรัพย์เป็นบ่าวที่ดี แต่เป็นนายที่เลว ถ้าเราเป็นนายเหนือทรัพย์ เราจะใช้ทรัพย์นั้นให้เกิดประโยชน์ เลี้ยงตนให้มีความสุข เผื่อแผ่แบ่งปันให้ผู้อื่น ช่วยเหลือส่วนรวม ทำบุญ ก่อให้เกิดประโยชน์ อันนี้เรียกว่ารู้จักใช้ทรัพย์และเป็นนายเหนือทรัพย์ ใครใช้ทรัพย์แบบนี้จะเกิดประโยชน์

แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ทรัพย์เป็นนายเหนือทรัพย์ แต่ว่าปล่อยให้ทรัพย์หรือเงินเป็นนายเรา อันนี้คือปัญหาที่ทำให้คนมีความทุกข์ทุกวันนี้ เวลาเงินหาย ของหาย เราเสียใจไหม แล้วเราเสียใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับไหม นั้นแปลว่าเรากำลังปล่อยให้ทรัพย์เป็นนายเรา เวลาเราทำงานเราได้เงินน้อย เราไม่พอใจ เรามีความทุกข์ เมื่อใดก็ตามที่เราทุกข์เพราะเงิน นั่นแปลว่าเรากำลังปล่อยให้เงินเป็นนายเรา และคนที่ยอมให้เงินเป็นนายเราในที่สุดก็อาจจะทำชั่ว คอร์รัปชันเพื่อเงิน บางทีถึงกับไปปล้นไปฆ่าเพื่อแย่งชิงทรัพย์มา บางทีถึงกับฆ่าพี่ฆ่าน้องหรือฆ่าพ่อฆ่าแม่เพื่อเอามรดก อันนี้เป็นตัวอย่างคนที่ตกเป็นทาสของเงิน

จริงอยู่เราอาจจะไม่ได้ยอมถึงกับทำชั่วเพื่อเงิน แต่คนจำนวนไม่น้อยยอมตายเพื่อเงิน ชีวิตทั้งชีวิตทุ่มเทไม่ได้หลับได้นอน ไม่ได้พักผ่อน ทั้งที่มีเงินมาเยอะแล้วก็ยังหาเงินไม่หยุดจนเป็นโรคเครียด โรคประสาท โรคความดัน อายุ 70 ปี 80 ปี แล้วยังไม่หยุดหาเงิน มีความสุขทุกครั้งที่ได้เงิน อันนี้เป็นอาการของคนที่ตกเป็นทาสของเงิน คือยอมตายเพื่อเงินได้ บางคนที่อาจจะพกเงินทองแก้วแหวนเพชรพลอยติดตัวแล้วเดินไปในซอยเปลี่ยว แล้วเกิดมีคนมาปล้นมาจี้ เอาเงินมา หลายคนเลือกที่จะต่อสู้ขัดขืนจนถูกทำร้ายบาดเจ็บหรือล้มตาย อย่างนี้ก็ตายเพื่อเงิน ตายเพราะเงิน คนที่ยอมตายเพราะเงินหรือเพื่อเงินจะเรียกว่าเป็นนายของทรัพย์ได้อย่างไร ก็แสดงว่าเป็นทาสของทรัพย์

เดี๋ยวนี้เราจะพบว่าคนปล่อยให้เงินมาเป็นนายเยอะมาก ทะเลาะเบาะแว้งกันในหมู่เพื่อนพี่น้องครอบครัวเพราะเงิน ความสัมพันธ์สูญเสียไปเพราะเงิน บางคนอาจจะมีตั้งเป้าหมายในชีวิตเมื่ออายุ 30 ปีจะต้องมีเงิน 20 ล้านบาท ก็ทุ่มเททุกอย่าง แม้จะขัดแย้งกับพ่อแม่เพื่อนฝูง แม้จะทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน แต่เขาไม่สนใจ เพียงเพื่อจะได้มีเงินให้ได้ตามเป้าหมาย อาจจะมีครอบครัวแต่ไม่สนใจครอบครัว สุขภาพก็ไม่ดูแลรักษา ครบ 30 ปีมีเงินอาจจะ 100 ล้านบาท เกินเป้าหมายด้วยซ้ำ แต่ครอบครัวแตกแยก ร่างกายเจ็บป่วย เป็นโรคความดัน นอนไม่หลับ เป็นตัวอย่างของคนที่คอยให้ทรัพย์เป็นนาย

คนที่ฉลาดจะทำให้ทรัพย์เป็นบ่าวไม่ใช่ปล่อยให้เป็นนายเรา ดังนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า กามโภคีประการสุดท้ายมีความสำคัญมาก คือ อย่าสยบอย่ามัวเมาหมกมุ่นในทรัพย์ ต้องรู้จักมีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระจากทรัพย์ เพราะชีวิตของคนเรามีค่ามากกว่าการที่จะหาเงินหาทองให้ได้มากๆ โดยที่ต้องสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างที่มันมีความหมายต่อชีวิตมากกว่า

รายรับ-อดออม-เงินลงทุน = รายจ่าย

ตอนนี้มันมีคำสอนอีกประการของพระพุทธเจ้า ซึ่งอาจจะใกล้ตัวเราเข้ามาอีกหน่อย ชื่อว่าโภควิภาค 4  คือการแบ่งทรัพย์ ลองพิจารณาดูว่ามีประโยชน์กับเราแค่ไหน

พระพุทธเจ้าตรัสว่าทรัพย์แบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนที่ 1 ใช้จ่ายเลี้ยงตนและคนที่ควรบำรุงให้มีความสุขและทำประโยชน์แก่ผู้อื่น อีก 2 ส่วนใช้ลงทุนประกอบการงานคือครึ่งหนึ่ง และส่วนสุดท้ายเก็บออมยามจำเป็น จะสังเกตว่าคำแนะนำของพระพุทธเจ้าให้ใช้ทรัพย์เลี้ยงตนหรือครอบครัวเพียง 25% อีก 25% เก็บออมเวลาจำเป็น อีก 50% ใช้ลงทุน หลายคนสงสัยว่าทำไมลงทุนเยอะ หรือเก็บออมเยอะ รวมทั้งหมดก็ 75% ใช้เพียง 25% อันนี้เพราะสมัยก่อนวิถีชีวิตของคนอยากได้อะไรก็ต้องผลิตขึ้นมาเอง ข้าวก็ปลูกเอง ทอผ้าเอง ฉะนั้นความจำเป็นที่ต้องใช้เงินมันมีน้อย ดังนั้นเงินที่หามาได้เอามาใช้จ่ายอาจจะไม่มาก เพราะว่าส่วนใหญ่ผลิตด้วยตนเอง มาถึงสมัยนี้การที่คนเราจะใช้เงินเพียงแค่ 25% ในการใช้จ่ายเลี้ยงตนถือว่ายาก

คำสอนเรื่องนี้อาตมาคิดว่ามีประโยชน์ เพราะมันช่วยให้เห็นว่าเมื่อเราหาทรัพย์มาได้ก็ต้องคำนึงถึง 3 ส่วน คือ การใช้จ่าย การเก็บออม การลงทุน เวลาเราพูดถึงการบริหารเงินในด้านหนึ่งก็มีหลักอยู่ในใจว่าทำอย่างไรให้เงินเป็นบ่าวที่ดี ไม่ใช่กลับมาเป็นนายของเรา การที่เราจะทำแบบนั้นได้ ส่วนหนึ่งคือต้องมีหลักการในการใช้เงิน และหลักการใช้เงินก็คือต้องรู้จักจัดลำดับความสำคัญ การจัดลำดับความสำคัญเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกเรื่อง เรามีเวลาในชีวิตนี้น้อย เรามี 24 ชั่วโมง เวลาจะทำอะไรก็ต้องจัดลำดับความสำคัญว่าอันไหนสำคัญควรทำก่อน อันไหนรองลงมาก็ทำทีหลัง

เงินก็เหมือนกัน ในแต่ละขณะเรามีเงินจำกัด เราจะบริหารเงินให้ได้ดีก็ต้องจัดลำดับความสำคัญ ทีนี้อาตมาอยากจะมองแบบกว้างๆ คือ เงินที่เราจะใช้จ่ายหรือสิ่งที่ต้องใช้จ่ายด้วยเงินมันมีอยู่ 4 ประเภท อย่างแรกคือสิ่งที่จำเป็น ประเภทที่ 2 คือไม่ถึงกับจำเป็นแต่ให้ความสุขแก่เรา และสิ่งที่จำเป็นและให้ความสุขมันก็มีอีก 2 ประเภท คือ ระยะสั้นกับระยะยาว ดังนั้น เวลาพูดถึงการใช้จ่ายเงิน เรื่องการบริหารเงินมันมีวิธีคิดคือการจำแนกออกมาเป็น 4 ส่วน ส่วนแรก สิ่งจำเป็นระยะสั้น ส่วนที่ 2 จำเป็นเหมือนกันแต่ระยะยาว ส่วนที่ 3 คือให้ความสุขกับเราระยะสั้น สุดท้ายให้ความสุขแก่เราระยะยาว

แล้วมันได้แก่อะไรบ้าง ถ้าจำเป็นระยะสั้น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร พาหนะ เสื้อผ้า ภาษีสังคม งานแต่งงาน งานศพ ผ่อนบ้านผ่อนรถ หมายถึงสิ่งที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการดำรงชีวิตเพื่อการทำงาน ซึ่งแม้แต่วันต่อวันหรือไม่เกิน 1 เดือนมันต้องใช้ออกไป ส่วนความสุขระยะสั้น เช่น ดูหนัง กินข้าวนอกบ้าน น้ำชากาแฟ ไม่นับเรื่องเหล้า ทำบุญ คือคนเรามันจะอยู่อาศัยแต่สิ่งที่จำเป็นก็อาจจะดูแห้งๆ คนเราทุกคนเราต้องการความสุขที่ทำให้มันมีชีวิตชีวาขึ้นมา เติมสีสันให้กับชีวิต ดังนั้น สำหรับฆราวาสผู้ครองเรือน การที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อเติมความสุขให้กับชีวิตเติมสีสันให้กับชีวิตก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ยาก นี่คือความสุขและสิ่งจำเป็นระยะสั้นที่ควรคำนึงถึง

แต่คนเราจะคิดแต่เรื่องระยะสั้น คิดเรื่องเฉพาะเดือนนี้คงไม่พอ แต่ต้องคิดระยะยาวด้วย เช่น 1 ปีเรามีรายจ่ายอะไรบ้าง อะไรบ้างที่จำเป็น อะไรบ้างที่เติมเป็นสีสันให้กับชีวิต ความจำเป็นระยะยาวมีอะไรบ้าง เช่น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาล ต้องอดออมเอาไว้เพราะบางทีเป็นหมื่นเป็นแสนบาท เงินเดือนเราอาจจะแค่ 30,000 บาท อาจจะไม่พอ เราต้องคิดถึงระยะยาวว่าเราจะมีเงินค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่ ซึ่งอาจจะต้องใช้ภายใน 1 ปี ค่าเล่าเรียนการศึกษาลูก เรื่องการซื้อที่ดินซื้อบ้าน เป็นเรื่องที่เราต้องคิด ส่วนความสุขระยะยาวมีตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี เช่น การเที่ยวต่างประเทศ ซื้อกล้องถ่ายรูป เครื่องเสียง บางคนหลายแสนบาท เป็นตัวอย่างว่าการบริหารเงินการจัดลำดับความสำคัญมันมีวิธีการจัดได้หลายแบบ ตัวอย่างอันนี้จัดได้ 4 แบบ 4 ประเภท

ทีนี้แผนภาพนี้สิ่งที่เป็นความจำเป็นหรือความสุขระยะสั้นคือรายจ่ายเดือนต่อเดือน ส่วนความจำเป็นระยะยาวหรือความสุขระยะยาวคือสิ่งที่เราควรเก็บออมเอาไว้ ฉะนั้น เมื่อมีรายรับ เราก็ต้องมีเงินส่วนหนึ่งเป็นเงินออม มีเงินส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเงินลงทุนด้วย แล้วที่เหลือถึงเป็นรายจ่าย บางคนมีรายได้ จ่ายก่อน เหลือเท่าไหร่ถึงออม แต่วิธีการคิดแบบนี้อาจจะกลายเป็นว่าจ่ายจนไม่เหลือให้ไปอดออมหรือลงทุนเลย มันจะดีกว่าหรือเปล่าถ้าเรามีรายได้ ก่อนที่จะจ่ายอะไรไป ออมไว้ก่อน รวมทั้งมีเงินลงทุน เช่น ซื้อพันธบัตร กองทุนรวม หรือซื้อกองทุนอะไรต่างๆ ก็ได้

ถ้าเราไม่ออมไม่ลงทุนไว้ก่อน เราใช้แล้วก่อนมาออมอาจจะไม่เหลือ มันเหมือนการใช้เวลา เรามีเวลาวันหนึ่ง 24 ชั่วโมง เรานอนไปแล้ว 8 ชั่วโมง เรามีเวลาทำมาหากิน 16-17 ชั่วโมง ถ้าเราไม่เก็บเวลาส่วนหนึ่งเอาไว้ทำสิ่งที่สำคัญ เช่น ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ เราบอกว่าออกกำลังกาย นั่งสมาธิ หรือมีเวลากับครอบครัวก็ดีนะ แต่ว่างแล้วค่อยทำ คนที่คิดแบบนี้ว่างเมื่อไหร่ค่อยทำ เวลาเหลือค่อยไปใช้อย่างอื่น มันเหมือนคุณมีขวดโหลขวดหนึ่ง แล้วใส่ก้อนหินลงไปจนเต็ม คุณยังสามารถใส่กรวดให้มันเต็มได้ ใส่ทรายได้ แล้วยังเติมน้ำได้อีก แต่ถ้าคุณเริ่มจากใส่กรวดให้มันเต็มก่อน คุณจะไม่สามารถใส่ก้อนหินได้เลย สิ่งสำคัญคือใส่อะไรลงไปก่อน ถ้าใส่ก้อนหินลงไปก่อน แม้จะเต็มโหลคุณก็ใส่ทราย ใส่กรวดเล็ก หรือเติมน้ำลงไปได้ แต่ถ้าเริ่มจากใส่ทรายหรือกรวดเล็ก เมื่อเต็มแล้วคุณใส่ก้อนหินไม่ได้เลยนะ

อันนี้ก็เหมือนกันเวลาคุณจะบริหารเงิน ถ้ามีรายได้แล้วบอกว่าจ่ายก่อน เหลือเท่าไหร่ค่อยออมลงทุน มันจะลงเอยว่าไม่เหลืออะไรเลย เพราะคุณจะสนุกกับการจ่ายจนลืม แต่ถ้าเริ่มจากว่างได้เงินมาแบ่งเป็น 4 กอง กองนี้เอาไว้ออม กองนี้ลงทุน เหลือเท่าไหร่ใช้จ่าย มันทำให้การใช้หรือบริหารเงินเป็นไปได้อย่างที่ต้องการ ถ้าคุณมีเงินสำหรับสิ่งที่จำเป็นระยะสั้นในเดือนและสิ่งที่เป็นความสุขหรือสีสันใน 1 เดือน และคุณยังมีเงินเหลือสำหรับสิ่งที่จำเป็นระยะยาวและความสุขใน 1 ปี รวมทั้งเงินลงทุนด้วย เป็นตัวอย่างว่าถ้าจัดลำดับความสำคัญได้มันก็ช่วยการบริหารเงิน

เรื่องแบบนี้อาจจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่เรารู้กันอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือว่าเราจะทำอย่างนี้ได้อย่างไรถ้าเกิดว่าเรามีการวางแผนแบบนี้แล้ว ไม่ว่าจะคุณจะวางแผนแบบไหนก็ตาม หลายครั้งเราวางแผน แม้จะสวยหรูอย่างไรแต่เราทำตามแผนไม่ได้ เพราะว่าเผลอใจ เพราะว่าไม่มีวินัย ดังนั้น ในแง่หนึ่งการที่เรารู้จักควบคุมตัวเองช่วยทำให้เป็นอย่างที่ต้องการได้ หลายคนบอกว่าเวลาได้เงินมาแทนที่จะเก็บเงินไว้เป็นกองเดียวกัน เขาแบ่งเป็น 4 บัญชี เงินออมบัญชีหนึ่ง เงินลงทุนบัญชีหนึ่ง เงินที่จำเป็นบัญชีหนึ่ง เงินที่เป็นความสุขระยะสั้นอีกบัญชีหนึ่ง เป็นวิธีที่ช่วยตรวจสอบได้ว่าได้ใช้จ่ายตามที่วางแผนหรือไม่ แทนที่จะเก็บในกระเป๋าแล้วคิดอยู่ในหัวว่าวันนี้เดือนนี้เราจะใช้สิ่งที่จำเป็น 2,000 บาท สิ่งที่เป็นความสุขในเดือนนี้ 1,000 บาท คิดอยู่ในหัว แต่เอาเข้าจริงทำไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้แบ่งเงินไว้เป็นกองๆ แยกตั้งแต่แรก นี่เป็นตัวอย่าง

การจัดการเงิน-การจัดการที่ใจ

หัวข้อนี้เป็นเรื่องของการจัดการเงิน แต่สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการจัดการที่ใจ การจัดการที่ใจเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การบริหารเงินหรือวินัยการใช้เงินมันเป็นจริงได้ การจัดการที่ใจของเราเช่นอะไรบ้าง ที่สำคัญคือเราต้องรู้ทันจิตใจของเรา รู้ทันใจว่ามีความอยาก หลายคนแม้ว่าจะรู้ว่าอะไรดี อะไรควร อะไรไม่ควร แต่ทำไม่ได้อย่างที่ต้องการ มันมีคำพูดหรือสำนวนว่าดีชั่วรู้หมดแต่อดใจไม่ได้ ก็รู้ว่าการออกกำลังกายเป็นของดี รู้ว่าการกินน้ำตาลมากเป็นของไม่ดี การกินเนื้อเยอะๆ ในวัยนี้มันเสี่ยงต่อเป็นโรคหัวใจ รู้ว่าสูบบุหรี่ไม่ดี กินเหล้าไม่ดี แต่อดใจไม่ได้ สิ่งที่รู้มันอยู่ในหัว แต่ใจมันไม่ร่วมมือด้วย

ที่ใจไม่ร่วมมือด้วยส่วนหนึ่งเพราะไม่รู้จักควบคุมจิตใจ อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าไม่มีสติรู้ทันจิตใจของตนเอง มีความอยากก็ปล่อยมันชักพาจิตใจ หลายคนใช้จ่ายเงินอย่างไม่สติ เพราะว่าถูกสิ่งกระตุ้นเร้ามันนำพาจิตใจไป มีคนหนึ่งบอกว่าวันหนึ่งจะไปซื้อรองเท้าแตะ ไปเข้าห้าง ปรากฏว่าในห้างมีลดราคาเยอะแยะเลย ซื้อของอะไรเยอะแยะกลับมา อย่างเดียวที่ไม่ได้ซื้อกลับมาคือรองเท้าแตะ ไปถึงเข้าไปในห้างมันอยาก มันอยากก็ซื้อ ยิ่งลดราคาก็ซื้อเข้าไป ลืมไปเลยนะว่าเข้าไปเพื่ออะไร ซื้อสารพัดแต่สิ่งเดียวที่ไม่ได้ซื้อคือสิ่งที่ตั้งใจจะไปซื้อ เพราะว่าเขาไม่มีสติ เพราะลืมตัว

แล้วถ้าเราก็ปล่อยให้เราลืมตัวบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน วันแล้ววันเล่า แล้วคุณจะบริหารเงินจะวางแผนการใช้เงินได้อย่างไร คุณก็ทำอย่างที่ต้องการไม่ได้ รู้ทันจิตใจของเรา เมื่อมีความอยากก็รู้ทัน อาตมาประทับใจแม่คนหนึ่ง เธอมีลูกสาวอายุ 12 ขวบ วันหนึ่งลูกสาวกลับจากโรงเรียนบอกว่าแม่หนูอยากได้ของเล่นชิ้นหนึ่ง อยากได้มากเลย แม่ถามว่ามันคืออะไร เธอตอบว่ามันคือไมโครโฟน กดปุ่มแล้วมันร้องเพลงเหมือนว่าตัวเธอร้องเพลงได้ดี นี่สมัย 10 กว่าปีก่อนที่ยังไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ของเล่นก็มีเท่านี้แหละ ประมาณนี้แหละ แม่ก็ถามลูกว่าราคาเท่าไหร่ เด็กตอบว่า 400 บาท สำหรับแม่หรือบ้านนี้ถือว่าเยอะ

เมื่อแม่เจอแบบนี้ส่วนใหญ่จะหาทางออก 2 ประการ อันแรกซื้อให้ลูก อันที่สองคือไม่ซื้อ แต่แม่คนนี้ฉลาด แกบอกว่าถ้าลูกอยากได้จริงๆ แม่มีเงื่อนไข 2 ประการ อันแรกแม่หักเงินค่าขนมลูกวันละ 20 บาทจนครบหนึ่งอาทิตย์ก็ได้ 140 บาท ที่เหลือแม่ออกให้ ข้อสองทุกเย็นก่อนกลับบ้านให้ไปร้านของเล่นนั้นแล้วไปดูความอยากในใจของตัวเอง เด็กอยากได้ก็รับปากและทำตามที่รับปาก ทุกเย็นก็ไปที่ร้านของเล่น เด็กอยากได้ก็ดีใจที่ได้ดูของก็ไม่ลืมที่รับปากกับแม่ก็ดูความอยากของตนเอง ผ่านไป 3 วันเด็กมาบอกแม่ว่าหนูไม่เอาแล้ว เบื่อ เสียดายเงิน เอาเงินไปซื้ออย่างอื่นดีกว่า ความอยากมันหายไป เพราะเธอมาสังเกตดูความอยากในใจของตัวเอง

หลายคนพอมีความอยากปุ๊บก็ทำตามความอยากเลย เห็นของในห้างอยากได้ก็ซื้อเลย ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีแผนการที่จะซื้อเลยนะ แต่ว่ารู้ตัวก็ซื้อเข้าบ้านมาแล้ว แต่ถ้าเราหมั่นสังเกตความอยากของตัวเอง แทนที่เราจะซื้อทันที เรารอดูความอยากของตัว ในที่สุดความอยากก็จะหายไป ทุกวันนี้เราถูกกระตุ้นเร้าให้เกิดความอยาก แล้วเราก็ไม่มีสติ เราก็เลยเผลอจ่ายเงินไปโดยไม่รู้ตัว ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่วางแผนการใช้เงินไม่เคยทำได้ตามเป้า เพราะลืมตัวไม่มีสติ อันนี้เป็นเพราะเราไม่คิด เราคิดจะบริหารเงินนะ แต่ไม่คิดจะบริหารใจ

รู้เท่าทันความอยาก รู้เท่าทันอารมณ์ของตัว

การมีสติสำคัญ รู้เท่าทันความอยาก รู้เท่าทันอารมณ์ของตัว แล้วคุณก็ไม่ต้องอดทนมากนะ เพียงแต่ดูมันเฉยๆ เป็นแง่คิดว่าเมื่อเราอยากจะได้อะไร อย่าเพิ่งรีบ ซื้อบางทีเราแค่ฆ่าเวลาไปสักพักสัก 2-3 วันความอยากจะหมดไปก็ได้ หลายคนพบว่าพอรีบซื้อแล้วมันมีความทุกข์กับการเงิน อยากได้ก็ซื้อปุ๊บเลย 1 อาทิตย์ลดราคา เสียดายเลยหรือไปอีกร้านลดราคา ซื้อของคุณดีใจตอนได้มา แต่พออีกเดือนหนึ่งของมันลดราคา คุณมีความสุขหรือไม่ คุณไม่มีแล้ว เสียใจ หลายคนเสียใจทั้งที่ได้ของมาแต่คุณทุกข์ เพราะว่ารีบหุนหันพลันแล่น ถ้าทิ้งระยะสักหน่อยอย่างน้อยๆคุณจะรู้ว่าความอยากจะลดลง แล้วเผลอๆอาจจะได้ของที่ดีกว่า เพราะได้เห็นข้อมูล ได้พบที่อื่นที่ขายในราคาที่ดีกว่าการรู้ทันจิตใจความอยากของตัวเองสำคัญนะ

สมัยนี้รู้ทันจิตใจของตัวแล้วคุณต้องรู้ทันสิ่งเย้ายวนด้วย สมัยนี้มีสิ่งที่ล่อให้คุณอยากซื้อมาก คุณเปิดหรือเล่นเฟซบุ๊ก ความอยากมันเกิดขึ้นแล้ว เพราะคนนั้นคนนี้เขาโพสต์ว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้คุณก็อยากได้แบบเค้าบ้าง เค้าไปกินร้านอาหารญี่ปุ่น อิตาเลียน คุณก็อยากไปบ้าง มีความสุขแบบเค้า เดี๋ยวนี้มันมีสิ่งเย้ายวนเยอะและความสามารถในการดึงจิตของเราให้จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นจนเกิดความอยากในที่สุด เดี๋ยวนี้มันมีมากขึ้น ล่อให้คุณจ่ายเงินในกระเป๋ามีมากขึ้นเรื่อยและทรงประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งเล่านี้ทำให้คุณเสียเวลามากขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่เสียเงินมากขึ้นเท่านั้น ปัญหาคนสมัยนี้ก็คือไม่มีเวลา ส่วนหนึ่งเพราะถูกสิ่งเหล่านี้มันดึงดูดเวลาไป สมัยนี้เรียกว่ามันมีเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่ใหญ่โตมาก เรียกว่า Attention Economy แต่จริงๆ ที่อยู่ได้หรือหล่อเลี้ยงได้ อาศัยการที่ดึงให้คนจดจ่อใส่ใจกับสิ่งนั้นไปนานๆ เฟซบุ๊กรวยได้เพราะเขาสามารถดึงเราให้ใช้เวลากับเขานานเท่าที่จะนานได้ วันละ 2-3 ชั่วโมง เพราะถ้าเราให้เวลากับเขานานๆ เขาก็ได้ค่าโฆษณา ได้ข้อมูลจากเราไปขายได้อีก

เดี๋ยวนี้มันมีสิ่งต่างๆ พยายามดึงล่อให้เราสนใจ เพื่อให้เราควักเงินกับเขา หรือให้สิ่งที่มีค่า เช่น ข้อมูล เคยมีคนถามซีอีโอ Netflix ที่จัดหาหนังให้เราดูด้วยราคาที่แพงเดือนละ 300-400 บาท เขาว่านะ อาตมาไม่ทราบ แต่มีคนถามว่าอะไรคือคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของคน แทนที่เขาจะตอบว่า Amazon, HBO หรืออะไร เขาตอบว่าคู่แข่งที่สำคัญคือเวลาที่เราหลับ เพราะถ้าหลับเราก็ดูไม่ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราตื่น เขามั่นใจว่าจะดึงให้เราไปดูหนังของเขาและนับเงินจ่ายเขา เขาจะเริ่มต้นด้วยการคิดเงินถูกๆหรือว่าฟรี เราคิดว่าเป็นของฟรี เราก็ดู พอดูเสร็จเราติด เราก็ต้องจ่ายเงินให้เขา เป็นกระบวนการที่ทำให้เงินในกระเป๋าเราหายไปเรื่อยๆ ไม่รู้ตัว เพราะเราไม่รู้เท่าทันเทคโนโลยี หรือบางทีเราไม่รู้เท่าทันการตลาด

เมื่อหลายปีก่อนสหรัฐอเมริกาผลิตเครื่องทำขนมปังในบ้าน ฝรั่งมันมีกระแส Do it yourself ทำในบ้าน เฟอร์นิเจอร์มาต่อกันในบ้าน ไม่ต้องซื้อสำเร็จรูปมา บริษัทก็คิดว่าจะขายได้ดี เพราะว่าคนสนใจเรื่องสุขภาพทำขนมปังกินเองในบ้าน เครื่องของเขาราคา 275 ดอลลาร์สหรัฐ 8,000 กว่าบาท เขาขายไม่ออก  ผิดคาด เขาก็ไปจ้างบริษัทที่ปรึกษามาช่วยแก้ปัญหานี้หน่อย บริษัทที่ปรึกษาแนะนำเขาว่าให้ผลิตเครื่องทำขนมปังรุ่นใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมและแพงกว่าเดิมคือ 400 ดอลลาร์สหรัฐ คุณเจอคำแนะนำแบบนี้คิดว่าอย่างไร ห่วยแตกหรือไม่ แต่บริษัทนี้เชื่อและทำตาม ปรากฏว่าสินค้าขายดีเลย แต่ไม่ใช่ 400 ดอลลาร์สหรัฐนะ แต่เป็นเครื่องเล็ก เพราะคนรู้สึกว่ามันถูก มันมี 400 เป็นตัวเทียบ จากเดิมขายไม่ออกกลายเป็นขายดีเลย ทำไมเป็นแบบนั้น เพราะมี 400 เป็นตัวล่อ

อาตมาเคยไปภูเก็ตเมื่อ 2 เดือนก่อน นักธุรกิจก็เล่าว่าคนจีนมาเที่ยวเยอะมาก แล้วสินค้ายอดนิยมที่ซื้อมากเลยคือหมอนยางพารา มีโชว์รูมขายเยอะแยะไปหมดเลย รถทัวร์เยอะมาก หมอนราคา 8,000 บาท ขายคนจีนนะ ซื้อเยอะเลย หารู้ไม่คนไทยซื้อ 800 บาท แต่ทำไมคนจีนซื้อรู้หรือไม่ เพราะว่าในเมืองจีนมันมีโชว์รูมของบริษัทผลิตหมอนยางพารา เขาขายอันละ 20,000 บาท คนจีนเห็นที่ภูเก็ตขาย 8,000 บาทไม่ซื้อหรือ ก็ซื้อสิมันถูก ถามว่าที่ไปขายในจีนขายออกหรือไม่ นักธุรกิจเขาไม่สนใจหรอก เขาผลิตเป็นตัวล่อว่าภูเก็ตมันถูกกว่า เป็นลูกเล่นเทคนิคที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยยอมควักเงิน เจอแบบนี้ก็ไม่มีสติแล้ว ถูกซื้อเลย ถ้าเราไม่รู้ทัน คุณวางแผนการเงินเท่าไรก็ทำไม่ได้ ต้องรู้ทัน สามารถใช้วิจารณญาณได้อย่างเต็มที่ ไม่ตกเป็นเหยื่อของเขา

การรู้เท่าทันสิ่งนี้มันช่วยให้คุณสามารถบริหารเงินได้ ยิ่งมีการวางแผนจัดลำดับความสำคัญอย่างที่ยกตัวอย่าง รวมทั้งรู้จักวิธีที่จะควบคุมการใช้เงิน ถ้าเรารู้ว่ามีจุดอ่อนตรงไหนก็พยายามปกป้องตรงนั้น เช่น เราพบว่าอยากจะซื้อรองเท้า แต่พอเข้าห้างซื้อทุกอย่างยกเว้นรองเท้า คุณอาจจะแก้ปัญหานี้ว่าต่อไปนี้เข้าห้างจดไว้เลยว่าจะซื้ออะไรบ้าง ตั้งกติกาไว้ก่อนว่าจดราคาจดของที่จะไปซื้อ พอไปถึงก็กางว่าจะซื้ออะไรและสัญญาว่าไม่ซื้อของที่ไม่อยู่ในใบจด เป็นตัวอย่าง ก็ช่วยทำให้ไม่หลง ไม่เผลอง่าย

บางคนมีเงื่อนไขกับตัวเองว่าจะไม่พกบัตรเครดิตเข้าไปในห้าง จะเอาไปแต่เงินสด เพราะว่าบัตรมันใช้ได้เรื่อยๆ มันยืมเงินจากอนาคต แต่ถ้าคุณมีเงินสดจำนวนหนึ่งใช้หมดก็หมด แต่วิธีนี้สมัยนี้อาจจะทำได้อยากเพราะเราใช้เงินสดน้อยลง เราใช้เงินพลาสติกกันมากขึ้น หรือมีวิธีการเบิกเงินต่างๆ ที่สะดวก แต่ก็ทำให้เราเผลอได้ง่าย คุณก็ต้องคิดว่าถ้าเป็นคนที่ใช้จ่ายเงินง่ายเกินไปหรือลืมตัว เข้าห้างทีไรพลาดทุกที คุณก็ต้องหาสิ่งที่ช่วยปกป้องหรือควบคุมไม่ให้เผลอ แต่แน่นอนว่าถ้าสามารถควบคุมใจได้เป็นสิ่งดี ถ้าไม่ได้การควบคุมพฤติกรรมด้วยการกำหนดเงื่อนไขกติกาจะช่วยได้ คนเดี๋ยวนี้มีปัญหาการควบคุมจิตใจคือห้ามใจไม่อยู่

มีคนหนึ่งแกห้ามใจไม่อยู่จริงๆ นะ เป็นหนี้เยอะแยะ มีบัตรเครดิต 20 ใบ ในสหรัฐอเมริกานะ พอเงินหมดก็เอาเครดิตจากที่อื่นมา แต่แกก็รู้ว่าทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ หนี้ท่วมหัวแน่ แกทำอย่างไรในการควบคุมไม่ให้ใช้จ่ายเงินแบบพร่ำเพรื่อ แกเอาบัตรที่มีใส่ในแก้วน้ำมีน้ำเต็มและไปแช่แข็ง เวลาอยากได้จะซื้อของในอินเทอร์เน็ต อยากได้แต่เอาบัตรไปใช้ไม่ได้เพราะมันแข็ง ต้องรอให้ละลาย 10-15 นาที ถึงตอนนั้นแกก็อาจจะได้คิดว่าอย่าซื้อเลย แกเชื่อว่า 10-15 นาทีจะทำให้ความอยากลดลงจนไม่อยากซื้อแล้ว เดี๋ยวนี้ขนาดนี้แล้วคือคุมใจไม่ได้ก็ต้องหาวิธีการที่จะควบคุมไม่ให้ทำตามใจอยาก พวกเราอาจจะไม่ถึงขนาดนี้ แต่ถ้าเผลอใจง่าย เราจะมีวิธีการควบคุมไม่ให้ทำตามความอยากได้อย่างไร

ตรงนี้เรียกว่าวินัยหรือศีล ศีลเป็นเรื่องของการควบคุมพฤติกรรม การไม่ฆ่า การไม่ลักขโมย มันเป็นการควบคุมพฤติกรรมภายนอก แม้ใจมันโกรธแต่ไม่ทำเพราะว่าต้องการรักษาศีล ศีลค้ำเอาไว้ อยากได้แต่ไม่ขโมยเพราะศีลค้ำเอาไว้ เหมือนเราสมัยนี้ศีล 5 ไม่พอแล้ว คุณต้องมีศีลหรือเงื่อนไขควบคุมพฤติกรรมไม่ให้ทำตามความอยาก เป็นสิ่งที่ต้องคิดเอา

แต่ถ้าจะให้ดีต้องควบคุมใจให้มีสติ หรืออย่างน้อยรู้จักข่มใจ เดี๋ยวนี้ความรู้จักข่มใจหรือมีกำลังจิตที่เข้มแข็งสำคัญ ยุคปัจจุบันเราไปเน้นการคิดสร้างสรรค์ คิดไวคิดเร็ว แต่ห้ามใจไม่ได้ ถ้าเราสามารถฝึกจิตให้ห้ามใจหรือควบคุมจิตใจตัวเอง อาตมาเชื่อว่าเราอยู่ในยุคนี้ได้อย่างมีความสุข และอาจจะได้เปรียบคนอื่นด้วย ได้เปรียบที่ใจ

ความสุขที่ประณีต-ประเสริฐกว่าคือความสุขที่เกิดจากการทำ

มันมีการทดลองอันหนึ่งที่มันเกิดผลที่ไม่คาดคิด คือทดลองให้คนประมาณ 30-40 คน อายุ 18-50 ปี ออกกำลังกายทุกวันประมาณ 3 สัปดาห์หรือ 3 เดือน มีทั้งการวิ่ง การยกน้ำหนัก วันหนึ่ง 2-3 ชั่วโมง ทุกคนมาร่วมด้วยความสมัครใจและพยายามทำให้ได้ตามที่ตกลงกันเอาไว้ เมื่อผ่านไป 3 เดือนปิดโครงการ แน่นอนว่าทุกคนสุขภาพดีขึ้น แต่สิ่งที่พบและคิดไม่ถึงก็คือว่าพฤติกรรมการบริโภคและการใช้เงินของคนทั้งหมดเปลี่ยนไป หลายคนที่เคยติดอาหารขยะ บริโภคน้อยลง บางคนติดทีวีก็ดูน้อยลง บางคนติดเหล้าบุหรี่ก็สูบน้อยลงดื่มน้อยลง ซื้อของน้อยลง มีวินัยการใช้เงินดีขึ้น มันมีรูปแบบอื่นด้วยนะแทนที่จะออกกำลังกายก็เป็นการบริหารการเงิน หรือว่าไปเรียนเพิ่มพูนความรู้ พัฒนาทักษะการเรียนรู้ เช่น ต้องมาเรียนมาทำการบ้านสม่ำเสมอ แต่ผลคล้ายกันคือว่าคนที่มาควบคุม มาฝึกการบริหารการเงิน ใช้จ่ายเงินตามเป้าเอาไว้ การเงินดีขึ้น แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือว่าออกกำลังกายก็มากขึ้นด้วย มีการบริโภคที่ดีขึ้น ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับการใช้เงินเท่าไหร่

เขาก็สงสัยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร? ก็หาความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจากอะไร? มันเกิดขึ้นจากที่คนเหล่านี้มีกำลังจิตที่เข้มแข็ง เขารู้จักควบคุมตัวเองได้ แล้วการที่เขาควบคุมตัวเองได้ มันทำให้เขาควบคุมพฤติกรรมด้านอื่นได้ เช่น การดูทีวี การใช้จ่ายเงิน การกินอาหาร มันอยู่ที่ใจ ความสามารถในการควบคุมจิตใจ อาตมาเชื่อว่าปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญมาก คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เขาจะมีวินัยในการใช้เงิน เขาจะมีความสำเร็จในการบริหารการเงิน มากกว่าคนที่ใช้ชีวิตไปตามแบบสบายๆ อยากกินอะไรก็กิน อยากทำอะไรก็ทำ ออกกำลังกายก็ไม่สนใจ

คนเราถ้าเกิดรู้จักฝึกจิตให้มีสติ รู้จักใช้ชีวิตในทางที่ช่วยทำให้เราสามารถควบคุมจิตใจตัวเอง รู้จักรอคอยได้ มันทำให้การบริหารการเงินไม่ใช่เรื่องยาก มันจะเป็นไปได้

แล้วอันหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้การบริหารเงินมันเป็นไปได้ดีและช่วยทำให้เราไม่เป็นทาสของเงิน แต่สามารถทำให้เงินกลายเป็นบ่าวของเราได้ อันนั้นคือสิ่งที่อาตมาเรียกว่าการรู้จักหาความสุขที่ประณีต ทำไมคนเราใช้จ่ายเงินเพื่อการบริโภค เพื่อการเสพมากจนบางทีเป็นหนี้เป็นสิน เพราะคิดว่าความสุขเกิดจากการบริโภคการเสพและนั่นคือความสุขชนิดเดียวที่เรารู้จัก คนเรานะ ร่างกายต้องการอาหารต้องการปัจจัย 4 จิตใจต้องการความสุข คนเราถ้าขาดความสุขไม่ได้นะ แต่ความสุขส่วนใหญ่ที่คนรู้จักคือความสุขที่เกิดจากการเสพ กินอาหารที่อร่อย ดูหนังฟังเพลง รวมทั้งการไปเที่ยว จับจ่ายใช้สอย การมีของมีรถยนต์ มีบ้าน พวกนี้เป็นการเสพ ความสุขที่เกิดจากวัตถุ

ถ้าความสุขผูกติดกับสิ่งเล่านี้ การบริหารเงินเป็นเรื่องยาก เพราะคุณจะต้องใช้เงินเพื่อซื้อความสุขตลอดเวลา แต่ความสุขชนิดนี้มันไม่เคยทำให้คุณมีความพอใจอย่างแท้จริง คุณได้แล้วก็อยากได้อีก คุณได้รองเท้าคู่ใหม่ไม่นานก็อยากจะซื้อคู่ใหม่อีก หลายคนมีเป็นร้อยคู่และยังซื้ออีก เพราะที่มีไม่นานก็เบื่อต้องการของใหม่ ผ่านไปก็เบื่ออีก แล้วจะสุขได้อย่างไรก็ซื้อใหม่ คนที่ 100 ล้านบาท 1,000 ล้านบาทก็ไม่เคยมีความสุขเสียที เพราะมีอีกก็มีความสุข ความสุขชนิดนี้ไม่ได้เป็นความสุขที่ประเสริฐ เพราะว่ามันได้มาง่ายก็จริง เกิดขึ้นเร็ว แต่มันก็จางหายไปเร็ว ถ้าเราไปผูกติดกับความสุขแบบนี้ เราจะเป็นทาสของเงิน ต้องมีเงิน จนกระทั้งยอมตายเพื่อเงิน

ความสุขที่ประณีตประเสริฐกว่าคือความสุขที่เกิดจากการทำ การทำงาน การไปช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น การเป็นจิตอาสา การทำสมาธิ พวกนี้ให้ความสุขใจ คนที่พบความสุขกับงานนะ โอกาสที่จะคอร์รัปชั่นมีน้อย แต่เพราะคนเราไม่มีความสุขกับงาน เรามีความสุขจากเงิน ถ้ามีโอกาสที่จะคอร์รัปชันก็อาจจะทำ คนที่มีความสุขจากงาน แค่ทำงานก็มีความสุขแล้ว คนอื่นจะรวยกว่าเราก็ไม่ค่อยอิจฉา คนที่อิจฉาก็เพราะยังไม่มีความสุข เราเห็นเขารวยกว่าเราทุกข์เราอิจฉา เพราะเราไม่มีความสุขและคิดว่าความสุขเกิดจากวัตถุอย่างที่เขามี ถ้าคุณมีความสุขจากสมาธิก็ไม่ต้องไปหาเงินหาทองมาปรนเปรอหล่อเลี้ยงจิตใจ เพราะคุณมีความสุขที่ดีกว่าหล่อเลี้ยงหัวใจ

อันนี้คือเหตุผลว่าทำไมพระที่ปฏิบัติธรรม ที่มีคุณธรรมขั้นสูง ถึงอยู่อย่างง่ายๆ มีแค่อัฐบริขาร เพราะความสุขไม่ได้ผูกติดกับวัตถุ ไม่ได้เกิดจากการเสพ แต่เป็นความสุขที่เกิดจากการทำหรือความสุขที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความสุขจากการละเว้น ยิ่งละยิ่งสละก็ยิ่งมีความสุข เคยมีการวิจัยนักศึกษาอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้เงินไป 100 ดอลลาร์ไปทำอะไรก็ได้ ซื้อของกินขนม อีกกลุ่มให้ 100 ดอลลาร์เหมือนกันแต่ให้เอาไปช่วยเหลือคนอื่น ไปทำกิจกรรม ไปช่วยเหลือคนป่วยหนัก เขาพบว่ากลุ่มที่ 2 มีความสุขและรู้สึกดีกับตัวเองมากกว่ากลุ่มแรก

ท่าทีและการวางใจเกี่ยวกับเงิน

ดั้งนั้น ความสุขจากการทำสุขกว่าความสุขจากการเสพ ความสุขจากการละเว้นมันเหนือกว่าความสุขจากการเสพมาก ถ้าเราสามารถเข้าถึงความสุขจากการกระทำหรือจากการละเว้น คุณจะเป็นทาสของเงินทองน้อยลง ไม่ใช่ว่าเงินไม่สำคัญ เงินสำคัญ แต่มันจะกลายเป็นบ่าวของคุณ ไม่ใช่เป็นนาย และถ้าเป็นเงินเป็นบ่าวก็จะเป็นบ่าวที่ดี แต่ถ้าปล่อยให้เงินเป็นนายจะเป็นนายที่เลว และที่เราปล่อยให้เงินเป็นนายเราได้ เพราะว่าเรารู้จักความสุขชนิดเดียว ความสุขที่ต้องซื้อด้วยเงิน

ฉะนั้น อาตมาคิดว่าเรื่องของการบริหารเงินถึงที่สุดมันอยู่ที่ท่าทีและการวางใจเกี่ยวกับเงินด้วย และมันขึ้นอยู่กับท่าทีหรือทัศนคติเกี่ยวกับความสุข ตราบที่ยังเห็นความสุขเกิดจากเงินเกิดจากวัตถุนะ การบริหารเงินจะเป็นเรื่องยาก ถึงบริหารได้ก็จะมีความทุกข์ เพราะเงินมันได้ไม่พอเสียที เงินที่ได้มากมันจะน้อยตลอดเวลา ไม่เคยพอ คุณจะไม่รู้จักคำว่าสันโดษและคำว่าสงบ เพราะว่ากลายเป็นทาสของเงินเสียแล้ว เฉพาะมีเงินเป็นบ่าวเท่านั้นที่จะรู้จักความสงบ เพราะเขาจะรู้จักพอ จะมีความสันโดษ พอใจสิ่งที่มียินดีสิ่งที่ได้ สามารถอิ่มเอม นอนหลับไม่เครียด

อาตมาคิดว่าการหันมารู้จักความสุขที่เกิดจากการทำ ทำดี ทำประโยชน์ ทำสมาธิ แล้วแต่ และความสุขที่เกิดการได้อยู่ท่ามกลางญาติมิตรครอบครัว ได้ทำอะไรร่วมกัน มันก็สามารถหล่อเลี้ยงใจให้มีความสุขกว่าการไปเที่ยวห้างเสียอีก ถ้าคุณรู้จักการละการปล่อยวาง คุณจะมีความสุขยิ่งขึ้น เช่น เอาเงินไปเป็นทานไปช่วยเหลือคนอื่น พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ให้ความสุขย่อมได้ความสุข ให้เงินก่อน สละเงินก่อน ต่อไปสละเวลาเป็นจิตอาสา คุณจะมีความสุขยิ่งขึ้น ต่อไปสละความเห็นแก่ตัวความอยาก ยิ่งสุขเข้าไปใหญ่

มันมีการทดลองที่น่าสนใจนะ ไม่เกี่ยวกับเงินเท่าไหร่ มีหนู 10 ตัวในกรง กรงนั้นมีน้ำ 2 ขวด น้ำเปล่ากับน้ำผสมฝิ่นเจือจาง คงนึกภาพออกนะว่าหนู 10 ตัวมันเลือกขวดที่ 2 เพราะมันมีสารเสพติด มันกินจนตาย ทีนี้ทดลองใหม่อีกกรงเหมือนกันมีน้ำ 2 ขวด แต่กรงนั้นมีของเล่น มีสิ่งที่หนูชอบเยอะแยะไปหมดเลย เขาประหลาดใจว่าหนู 10 ตัวมันไม่แตะขวดที่มีฝิ่นเลยนะ มีน้อยมากที่ไปแตะ เพราะมันมีของเล่นอย่างอื่นที่ดีกว่า หนูมันรู้ว่ามันมีความสุขที่ประเสริฐกว่ายาเสพติด เมื่อมันได้สิ่งที่มีความสุขกว่า มันก็ไม่แตะฝิ่นในน้ำ

คนเราก็เหมือนกัน ระหว่างความสุขจากเงินทองกับความสุขที่ประณีตอย่างความสุขที่ได้ทำสิ่งที่มีค่าหรือความสุขที่เป็นความสงบใจ คนที่ได้หรือสัมผัสความสุขที่ประณีต ความสุขจากเงินทองมันจะมีความหมายต่อจิดใจน้อย เพราะเขารู้ว่ามีความสุขที่ประเสริฐกว่า เงินยังจำเป็นอยู่ เพราะมีค่าเช่าบ้าน ต้องมีอาหารที่ต้องซื้อ แต่มันไม่ได้มารบกวนจิตใจในฐานะที่เป็นนาย มันเป็นบ่าว แต่ถ้าคนที่ไม่รู้จักความสุขชนิดอื่นเลยนะ เงินจะกลายเป็นนาย ยอมเป็นทาสของเงิน

เรื่องการบริหารเงิน เทคนิคทักษะมีประโยชน์ วินัยจำเป็น แต่เรื่องของข้างในการบริหารใจ หรือทำให้ใจสัมผัสความสุขที่ประณีตสำคัญมากกว่า

[NEW] การบริหารเงินสด-สภาพคล่อง สำคัญอย่างไรกับชีวิต-ธุรกิจ-การลงทุน? | การ บริหาร จัดการ เงิน – NATAVIGUIDES

การบริหารเงินสด (Cash Management) และ การบริหารสภาพคล่อง (Liquidity Management) สำคัญ ต่อ การใช้ชีวิตประจำวัน ธุรกิจ และการลงทุน อย่างไร มีข้อดีข้อเสีย .. อธิบายเรื่องประกันโควิด COVID19 สตาร์บัคส์ (Starbucks) กล้วยตาก..ผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) หรือ ผู้ที่รับได้รับผลกระทบ การเยียวยา เยี่ยวยาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ .. ลงทะเบียนว่างงาน ลงละเบียนคืนเงิน ลงทะเบียนรับเงิน บัตรคนจนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราจะไม่ทิ้งกัน เน็ตฟรี ลงทะเบียนอินเตอร์เน็ตฟรี ..

การบริหารเงินสด (Cash Management) และ การบริหารสภาพคล่อง (Liquidity Management) สำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ธุรกิจ และการลงทุน อย่างไร

เงิน หรือ เงินสด (Cash) เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเราทุกคน ในการใช้ชีวิตประจำวัน คนเราทุกคนทำงานก็เพื่อหาเงิน สำหรับการดำรงชีพ เลี้ยงตนเองและครอบครัว บ้างมีการลงทุนเพิ่มเติม บ้างก็มีธุรกิจส่วนตัว

แต่ยังมีผู้คนอีกจำนวนมาก ที่ยังไม่เข้าใจความสำคัญในการบริหารเงินสด หรือ บริหารความสภาพคล่อง ความเข้าใจเกี่ยวกับวงจรเงินสด ว่าทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วได้ประโยชน์อย่างไร หากไม่วางแผนจะเกิดผลอย่างไร รวมถึงยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่า ปัญหาเหล่านี้เกิดจากอะไรได้บ้าง

หลาย ๆ ท่าน อาจจะประสบปัญหาขาดแคลนเงินสดสำหรับจับจ่ายใช้สอย หรือ อาจจะขาดสภาพคล่อง จนอาจต้องกู้หนี้ยืมสิน จำเป็นต้องสมัคร บัตรเครเดิต (Credit Card) บัตรกดเงินสด (Cash Card) จนอาจเกินปัญหาสุขภาพทางการเงินตามมาภายหลัง

หรือ บางธุรกิจอาจจะจำเป็นต้องกู้สินเชื่อเพื่อมาบริหารหรือเสริมสภาพคล่อง (Liquidity Loans) หรือ บริหารเงินทุนหมุนเวียน ในธุรกิจ เช่น สินเชื่อวงเงินเบิกเกินบัญชี (Overdraft Loans : O/D) เพราะ ตนเองขนาดสภาพคล่อง

แต่ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร การบริหารเงินสดมันจะสำคัญขนาดไหน และอย่างไร มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร รวมถึง มีประโยชน์ที่อะไรที่เราอาจจะคิดไม่ถึงบ้าง วันนี้ แจมเพย์จะมาเล่าพร้อมยกตัวอย่างไปติดตามกันเลย ..

สารบัญ

การบริหารเงินสด และ การบริหารสภาพคล่อง คืออะไร
วงจรเงินสด คืออะไร สำคัญอย่างไร
ข้อดี และความสำคัญ ของการบริหารเงินสด เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
ข้อดี และความสำคัญ ของการบริหารเงินสด เพื่อใช้ในการบริหารธุรกิจ
ตัวอย่าง บริษัท หรือ ประเภทธุรกิจ ที่การบริหารเงินสด และสภาพคล่องได้ดี
ข้อดี และความสำคัญ ของการบริหารเงินสด เพื่อใช้ในการลงทุน
โดยสรุป: การบริหารเงินสด สำคัญอย่างไร?

การบริหารเงินสด คือ

“เงินสด” (Cash) คือ ตราสารทางการเงินรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถใช้เป็น “ตัวกลาง” ในการจับจ่ายใช้สอย แลกเปลี่ยน สินค้าและบริการ (Goods and Services) หรือ เทียบเคียงมูลค่า กับ สินทรัพย์อื่นๆ (Assets) ในชีวิตประจำวัน สามารถชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย รวมถึงสามารถรักษามูลค่า (Store of Value) ที่ตราไว้ได้ หรือ เป็นหน่วยในการบันทึกบัญชี

 

ดังนั้น “การบริหารเงินสด” (Cash Management) คือ การวางแผน จัดการ จัดสรร ที่เกี่ยวข้องกับเงินสด เพื่อให้สามารถเก็บรวบรวมเงินสดที่ได้รับมา คงเหลือเงินสดหลังจากที่ใช้จ่ายไป ให้เพียงพอต่อการใช้สอยภายใต้วงเงินที่มีอยู่ หรือ ตามงบประมาณที่กำหนดไว้ หรือ นำส่วนที่เหลือไปดำเนินการต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองเพิ่มเติมอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด  

การบริหารสภาพคล่อง คือ 

“สภาพคล่อง” (Liquidity) คือ ความสามารถในการเปลี่ยนสินทรัพย์และตราสารทางการเงินรูปแบบต่าง ๆ เป็น เงินสด (Cash) หากสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็วกว่า เรียกว่า “สภาพคล่องสูง” (High Liquidity) ในการกลับกัน หากสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้ช้ากว่า เรียกว่า “สภาพคล่องต่ำ” (Low Liquidity)

 

ดังนั้น “การบริหารสภาพคล่อง” (Liquidity Management) คือ การวางแผน จัดการ จัดสรร ที่เกี่ยวข้องกับสภาพคล่องของสินทรัพย์และตราสารทางการเงินต่าง ๆ เพื่อให้เราหรือผู้อื่น แน่ใจว่า เรามีศักยภาพ ความสามารถในการแปรสภาพสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ กลับมาเป็นเงินสดได้ มากน้อยเพียงใด มีประสิทธิภาพหรือไม่ หากมีความต้องการในสถานการณ์ต่าง ๆ 

 

วงจรเงินสด (Cash Cycle) คือ อะไร มีความสำคัญอย่างไรกับธุรกิจ

  • วงจรเงินสด (Cash Cycle) คือ รอบระยะเวลาโดยเฉลี่ย ของเงินสด หรือ กิจกรรมทางการเงิน ที่รับรู้ภายในกิจการ พูดให้เข้าใจง่ายที่สุด คือ รายการกระแสเงินสดที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจที่เข้ามา ไปจนถึง รายการกระแสเงินสดจ่ายออกจากกิจการ มีหน่วยเป็น “จำนวนวัน” (Days) โดยเฉลี่ย
  • ประโยชน์ และ ความสำคัญของ วงจรเงินสด (Cash Cycle) คือ ธุรกิจที่มีระยะเวลากิจกรรมทางการเงินที่รับเงินสดเข้ากิจการมากกว่าจ่ายออก ย่อมได้เปรียบกว่า แสดงให้เห็นว่ากิจการนั้น มีกระแสเงินสดเงินสดหมุนเวียนในกิจการเพียงพอในการบริหารและดำเนินการ
  • สูตรคำนวณ วงจรเงินสด (วัน) เท่ากับ “ระยะเวลาขายสินค้า” (วัน) + “ระยะเวลาเก็บหนี้” (วัน) – “ระยะชำระเจ้าหนี้” (วัน) ยกตัวอย่าง บริษัท แจมเพย์ จำกัด  มีระยะเวลาขายสินค้า 1 วัน ได้รายได้ทุก 1 วัน มีระยะเวลาจ่ายเงินเจ้าหนี้ทุก 30 วัน ดังนั้น วงจรเงินสดของ บริษัท แจมเพย์ จำกัด เท่ากับ (1)+(1)-(30) = -28 หรือ 28 วัน ในการบริหารเงินสดในกิจการ เป็นต้น
  • Cash Cycle ติดลบ แปลว่าอะไร? .. แปลว่า ธุรกิจนั้นมีกระแสเงินสดเพียงพอ มีระยะเวลาในการบริหารจัดสรรเงินสดในกิจการได้มากเพียงพอ ก่อนที่จะมีรายการในการชำระเจ้าหนี้การค้า

ข้อดี และความสำคัญ ของการบริหารเงินสด เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน

ซึ่งหากเปรียบเทียบกับ บุคคลธรรมดา .. “วงจรเงินสด” คือ การเปรียบเทียบรายได้ที่เป็น “เงินเดือน” กับ “รายจ่ายในชีวิตประจำวัน” ของเราเป็นอย่างไร แน่นอนว่า เรารับรู้รายได้เป็น รายเดือน (Monlty) เราต้องแน่ใจว่า รายได้จะเพียงพอต่อรายจ่ายในชีวิตประจำวันของเรา

ดังนั้น  ซึ่งวิธีการบริหารเงินสด เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันของเรา วิธีที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือ “การวางแผนการเงิน” และ “การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย” นั่นเอง

ข้อดี คือ จะทำให้เราทราบว่า ในแต่ละเดือน ตัวเราใช้จ่ายเป็นอย่างไรบ้าง ค่าใช้จ่ายใดบ้างที่อยู๋ในสัดส่วนที่สูงที่สุด และสามารถบริหารจัดการได้

และแน่นอนว่า แม้ว่าบางครั้ง เราจะวางแผนทางการเงินมาอย่างดี แต่ก็เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันได้เสมอ เช่น อุบัติเหตุ ปัญหาด้านสุขภาพ ความเสียหายที่จำเป็นต้องซ่อมบำรุง หรือ เหตุการณ์ร่วมสมัยอย่าง การเกิดภาวะโรคระบาด หรือ การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น

และเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้น เรามีเงินสดเหลือเก็บไว้เป็นเงินสดสำรองเผื่อค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน (Unexpected Expenses) มากน้อยแค่ไหน สามารถอยู่ได้กี่เดือน

หรือ หากมีการ ปิดเมือง ปิดห้าง รณรงค์ด้านการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เราจะมีเงินสดสำรองเพียงพอหรือไม่ หากเราต้องมีการกักตัวเองอยู่ในบ้าน บางท่านอาจจะได้รับรายได้เป็นรายวัน อาจจะขาดแคลนรายได้จนประสบปัญหา

หรือ แม้กระทั้งกรณี ถูกให้พักงานไปพลางก่อน เลิกจ้าง ตกงาน ว่างงาน แม้เราจะสามารถลงทะเบียนว่างงาน เพื่อรับเงินประกันสังคม เป็นเวลา 3 เดือน  แต่ ราจะนำเงินที่ได้มาบริหารจัดการอย่างไร และหากวิกฤตมีระยะเวลามากกว่า 3 เดือนขึ้นไป เราจะทำอย่างไร

ซึ่งหากเราไม่มีการบริหารเงินสด จัดสรรเงินสดสำรองไว้บ้าง อาจทำให้เราต้องทำการกู้เงิน จากสถาบันการเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพทางการเงินของเราได้นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม บทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ประโยชน์ของการบริหารเงินสด
วางแผนการเงิน สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างไร?
เก็บเงินแสนแรก 100,000 ++ (HOW TO)
บำนาญ-สวัสดิการ ของ งานราชการ-บริษัท อาจมีปัญหา เราเตรียมตัวอย่างไร?
สหกรณ์ออมทรัพย์ มีความเสี่ยง-ได้รับผลกระทบ หรือไม่ อย่างไร?

ข้อดี และความสำคัญ ของการบริหารเงินสด เพื่อใช้ในการบริหารธุรกิจ


เริ่มต้นจากพิจารณาว่าธุรกิจใดบ้าง ที่มีกระแสเงินสด (Cashflow) ในกิจการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี .. หากผู้อ่านเป็นผู้ประกอบการ ผู้อ่านต้องเริ่มพิจารณากิจการของตัวท่านเองว่า ทุกวันนี้ ท่านมีรอบของรายได้-รายรับเป็นอย่างไร และมีรอบรายจ่ายเป็นอย่างไร มีเงินสด กระแสเงินสด ในกิจการเพียงพอหรือไม่ ท่านมีวิธีการบริหารเงินสดในกิจการหรือไม่

เช่น ธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหาร ชานมไข่มุก ธุรกิจขายเสื้อผ้า ธุรกิจออนไลน์ เป็นต้น เราต้องเข้าใจก่อนว่า ธุรกิจของเรา มีวงจรเงินสดเป็นอย่างไร เจ้าหนี้ของเราคือใคร ลูกหนี้ของเราคือใคร รายได้หลักเรามาจากไหน มาจากกลุ่มลูกค้าใดเป็นหลัก

คำถาม : ทำไมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มักขาดสภาพคล่อง จนต้องกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องกันนะ?

ยกตัวอย่าง .. “อุตสาหกรรมการผลิตอาหารจากสินค้าเกษตร” ที่มักมี เกษตรกร (Farmers) เป็น “เจ้าหนี้การค้า” (Accounts Payable) โดยสัดส่วนที่สูงที่สุด ผู้ประกอบการบางรายมีรอบการจ่ายเป็น รายวัน (Day-Trade) ในขณะที่มี “ลูกหนี้การค้า” (Accounts Receivable) เป็นรายเดือน บางครั้งเป็นเครดิตเทอม (Credit Terms) 30-90 วัน

อธิบายเพิ่มเติมให้เห็นภาพ ธุรกิจผลิตอาหารจากสินค้าการเกษตร บางธุรกิจต้องมีการรับซื้อวัตถุดิบหลัก (Raw Materials) กันแบบรายวัน จะไม่เหมือนกับธุรกิจผลิตอาหารอื่น ๆ ที่สามารถจัดซื้อเป็นรอบการสั่งซื้อ  แล้วนำมาบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ได้

ทำให้บางครั้งต้องจ่ายให้แก่เกษตรกรทุก 3-7 วัน ซึ่งมีเกษตรกรเข้ามาจำหน่ายวัตถุดิบให้กับผู้ผลิตในทุกวัน นั่นเท่ากับว่า ผู้ผลิตมีค่าใช้จ่ายในทุก ๆ วันที่ต้องจ่ายออกจากิจการไป

ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิตบางรายมีการจำหน่ายในลักษณะเครดิตเทอม (Terms) กับธุรกิจคู่ค้า โดยรอบการชำรำค่าสินค้าและบริการ อาจมากกว่า 30-90 วัน เป็นต้น

ทำให้วงจนเงินสดของกิจการ มีรอบการจ่ายเป็นรายวัน และมีรอบการับรู้รายรับเป็นรายเดือน หรือ รายไตรมาส ซึ่งต้องทำให้แน่ใจว่า การรับรู้รายรับเข้ามาหนึ่งรอบ จะสามารถครอบคลุมรายได้ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาก่อนที่จะมีรายรับเข้ามาใหม่ หรือ ขานสินค้ารอบใหม่ได้

โดยผู้ประกอบการบางราย มีการบริหารภาพรวมลูกค้าหลัก (Key Account Portfolio Management) บริหารความเสี่ยง (Risk Management) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การมีกลุ่มลูกค้าแบบห้างสรรพสินค้า ตัวแทนจำหน่าย และ มีร้านขายสินค้าของตนเอง ตามสัดส่วน

ข้อดี คือ ทำให้สามารถบริหารเงินสดและกระแสเงินสดในกิจการได้ดีกว่า ผู้ประกอบการที่ไม่มีการบริหารภาพรวมของลูกค้า หรือ มีกลุ่มลูกค้าหลักเพียงกลุ่มเดียว ..

ตรงนี้เองเป็นจุดแตกต่าง ที่ทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ส่วนมาก เผชิญปัญหาการขาดสภาพคล่องในกิจการ เงินทุนหมุนเวียน จนจำเป็นต้องกู้สินเชื่อระยะสั้นมาเพื่อหมุนเวียนในกิจการนั่นเอง

กล้วยตาก : ภูมิปัญญา สู่ อาหารว่างทางเลือกที่ควรมีติดบ้านและสินค้าส่งออก 
SMEs vs Startup ต่างกันอย่างไร? คือ อะไร? มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?

ตัวอย่าง บริษัท หรือ ประเภทธุรกิจ (Business Type) ที่ใช้ประโยชน์จากลักษณะธุรกิจ (Industry) รวมถึง การบริหารเงินสด และสภาพคล่องได้ดี


สตาร์บัคส์ (Starbucks) เป็น ธุรกิจรูปแบบร้านกาแฟ มีกลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้บริการตลอดเวลาในทุก ๆ วัน การรับรู้รายได้จึงมีเข้ามาทุก ๆ วัน  ในขณะเดียวกัน รอบการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ แก่เจ้าหนี้การค้ามีระยะเวลาที่นานกว่า

เพราะ โดยปกติ การทำธุรกิจกับบริษัทคู่ค้าทางธุรกิจ เช่น วัตถุดิบสำคัญที่นำมาเป็นส่วนประกอบในการดำเนินธุรกิจ จะมีการจัดซื้อเป็นรอบตามรอบบัญชีที่กำหนดตามข้อกำหนด เช่น รอบบัญชี 30 – 90 วัน เป็นต้น

ทำให้วงจนเงินสด ของ สตาร์บัคส์ เรียกว่า ไม่ต้องเทียบสัดส่วน ดูตัวเลอย่างง่ายก็เพียงพอจะเข้าใจได้ถึงศักยภาพของการมีเงินสดในกิจการจำนวนมากได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

จากรายงานประจำปี ประจำปี 2019 พบว่า สตาร์บัคส์ มี กระแสเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด (Cash and Cash Equivalents) ในปี 2018 และ 2019 เท่ากับ US$ 8,756.3 million และ US$ 2,686.6 million ตามลำดับ รวมถึง รายการลูกหนี้การค้า (Accounts Receivable) US$ 693.1 million และ US$ 879.2 million ตามลำดับ ในขณะที่ รายการเจ้าหนี้การค้า (Accounts Payable) อยู่ที่ US$ 1,179.3 million และ US$ 1,189.7 million ตามลำดับ

ความพิเศษอย่างหนึ่งของ สตาร์บัคส์ คือ การรับรู้รายได้ (Revenues Recognition) และ วิธีการดำเนินการด้วย “บัตรใช้แทนเงินสด” (Stored Value Cards) และ Loyalty Program ที่ทำให้สตาร์บัคส์มีกระแสเงินสด (Cashflow) ในกิจการมากเพียงพอ จากการที่กลุ่มลูกค้าส่วนหนึ่งเติมเงินเข้าบัตรไว้สำรองในการใช้บริการครั้งถัดไป

โดยสิ้นสุดรอบบัญชีปี 2019 มีเม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบ ทั้งสิ้น US$125.1 million ในสาขาที่สำนักงานใหญ่บริหารเอง และ US$15.7 million ในสาขาที่โอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นบริหาร ซึ่งในปี 2017-2018 ถูกบันทึกบัญชีอยู่ในรายการ รายได้จากดอกเบี้ย (Interest Income)

นอกจากนัั้นยังเป็นการทำเพื่อความสะดวกสบายในการชำระเงิน และให้ สิทธิประโยชน์ (Benefits) แก่ผู้ถือบัตร (Cardholders)  ด้วย ระบบ Stars  ของ Starbucks Rewards

โดยตัวเลข รายรับล่วงหน้า (Deferred Revenues) นับจากมูลค่าการค้าหลายอย่าง โดยรวมถึง เม็ดเงินที่ยังไม่ได้ใช้งาน ทั้ง Store Value Card Liabilty และ ดาว (Stars) จาก Loyalty Program ของ Starbucks  ทั้งสิ้น US$1,113.7 million ที่หมุนเวียนอยู่ในกิจการ ภายในรอบปี 2019

ข้อดี คือ  สตาร์บัคส์ สามารถนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างผลตอบแทนต่างๆ หรือดำเนินการใดๆ ได้ในระยะสั้น และ มีเวลามากเพียงพอ ก่อนที่จะถึงรอบบัญชีที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าหนี้การค้า หรือ ลูกค้า เมื่อลูกค้าต้องการใช้งานเงินสดที่อยู่ในบัตรแทนเงินสดของตน

ที่น่าสนใจคือ “การซื้อหุ้นคืน” (Share Repurchases or Buyback) กรณีที่บริษัทต้องการทำเพื่อบริหารทางการเงิน เมื่อบริษัทมีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกิน โดยในปี 2019 สตาร์บัคส์ (Starbucks) ทำรายการซื้อหุ้นคืน กว่า US$10,222.3 million

สถาบันการเงินต่างๆ (Financial Institution) ยกตัวอย่าง สถาบันการเงินเกี่ยวข้องกับประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ด้วยลักษณะของธุรกิจ ทำให้ธุรกิจมีกระแสเงินสดเข้ามาในกิจการจำนวนมาก

เราจะสามารถดูได้จากงบการเงินของบริษัทประกันต่าง ๆ ได้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ธุรกิจลักษณะสถาบันการเงิน นำเม็ดเงินที่ได้รับจากเบี้ยประกันของลูกค้าไปลงทุนต่อเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับองค์กร

ซึ่งโดยปกติ สถาบันการเงินเหล่านี้ จะมีนักวิเคราะห์ที่ทำการวิเคราะห์ว่า อัตราส่วนของเม็ดเงินที่ต้องจ่ายออกไปสำหรับผู้ถือครองกรมธรรม์เป็นร้อยละเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับปริมาณเงินสดจากเบี้ยประกันรับและเม็ดเงินลงทุนที่มีอยู่ และ วงจรเงินสด (Cash Cycle) เป็นอย่างไร สามารถดำเนินการอย่างไร สามารถออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินแก่ลูกค้าได้หรือไม่

ยกตัวอย่าง ให้เห็นภาพเพื่อความเข้าใจและการศึกษา เช่น สถานการณ์โรคไวรัสสายพันธ์ใหม่ระบาดที่เกิดขึ้น  “COVID-19” ในช่วงปลายปี 2019-2020

ประชาชนวิตกกังวลหวาดกลัว และต้องการทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันโควิค เพื่อคุ้มครองตนเอง แต่เมื่อมี กรมธรรม์ “ประกันโควิดเจอจ่าย” จากสถาบันการเงินต่างๆ ออกมาจำหน่ายให้แก่ประชาชน

แสดงให้เห็นว่า สถาบันการเงินมีการประเมินแล้วว่า จำนวนผู้ที่เข้าข่ายที่ต้องตนจ่ายผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือ ค่าสินไหมทดแทน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะอยู่ในเกณฑ์ อยู่ในสัดส่วนที่สถาบันการเงินเหล่านี้รับได้ ทำให้ผู้เขียนเกิดความอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อยว่า สถานการณ์จะดีขึ้นในเร็ววัน และเราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน

อ่านเพิ่มเติม บทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ประโยชน์ของการบริหารเงินสด

ธุรกิจ Freemium Model รายได้มาจาก Premium Users มากที่สุดจริงหรือ?
“ตลาดหุ้น” และ “หุ้น” ที่ผันผวนแบบนี้ นักลงทุนระยะยาว รับมืออย่างไร?
ประกันสังคม ขาดทุน? เงินหาย? .. สํานักงานประกันสังคม ได้รับผลกระทบอะไร?
กองทุนประกันสังคม ซื้อหุ้นแพง จนขาดทุน จริงหรือไม่?
กบข. ขาดทุน? .. ผลตอบแทน กองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ เป็นอย่างไรบ้าง
รีวิว ผลตอบแทน จากการลงทุน ด้วยกลยุทธ์ จัดพอร์ตการลงทุน H1/2020

ข้อดี และความสำคัญ ของการบริหารเงินสด เพื่อใช้ในการบริหาร การลงทุน


การบริหารสภาพคล่องของการลงทุน ปกติทั่วไปผู้อ่านอาจจะพอทราบอยู่แล้วถึงสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง-สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ แต่วันนี้แจมเพย์จะขอลงลึก ยกตัวอย่าง สินทรัพย์บางตัว คือ “หุ้น”

กล่าวคือ ในการลงทุนในหุ้นรายตัว เราจำเป็นต้องทราบว่า หุ้นที่เราลงทุนมีสภาพคล่องที่สูงหรือต่ำมากน้อยแค่ไหน เพียงพอหรือไม่ แต่ทำไมกันนะ ..

เพราะ เราสามารถประเมินได้ว่า เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นเงินสดได้ยากหรือง่ายมากน้อยเพียงใด เช่น หากท่านเป็น นักลงทุนระยะสั้น  ท่านจำเป็นต้องทราบว่าหุ้นรายตัวตัวใด มีสภาพคล่องเป็นอย่างไร

เพราะ หากท่านเข้าไปซื้อหุ้นตัวนั้นแล้ว ท่านไม่สามารถขายเพื่อทำกำไรได้อย่างที่ท่านต้องการ หรือ แปรสภาพให้เป็นเงินสดเพื่อนำไปทำประโยชน์อย่างอื่นในช่วงเวลาที่เหมาะสม

แสดงให้เห็นว่า หุ้นตัวนั้นอาจจะมีสภาพคล่องน้อย กล่าวคือ มีการซื้อ-ขาย (Bid-Offer) ระหว่างวันที่น้อย และท่านจะสามารถประเมินเบื้องต้นได้ว่า หุ้นตัวดังกล่าว ควรจะเสี่ยงเข้าไปยุ่งด้วยหรือไม่ เป็นต้น

อาจทำให้ท่านผู้อ่านเสียโอกาส เช่น นำไปลงทุนต่อในช่วงที่ท่านต้องการใช้เงินสดเพื่อลงทุน ยกตัวอย่าง ช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นร่วงรุนแรงหรือผันผวน หรือ ถือเงินสดเพื่อรอช่วงเวลาในการลงทุนต่อไป เป็นต้น

ดังนั้น ข้อดี ของการที่ผู้อ่านมีเงินสด (Cash) ในช่วงที่ผู้อ่านต้องการใช้หรือถือครองในการลงทุนเป็นสิ่งที่ดี การประเมินสภาพคล่องในการลงทุนในสินทรัพย์ใดสิทรัพย์หนึ่ง เช่น ทองคำ หุ้น ตราสารทางการเงินอื่นๆ เป็นต้น จะช่วยให้ท่านประเมินความสามารถในการแปรสภาพสินทรัพย์เป็นเงินสด และสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านเพิ่มเติม บทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง ประโยชน์ของการบริหารเงินสด
“ตลาดหุ้น” และ “หุ้น” ที่ผันผวนแบบนี้ นักลงทุนระยะยาว รับมืออย่างไร?

โดยสรุป: การบริหารเงินสด สำคัญอย่างไร?


การบริหารเงินสด ช่วยให้เราสามารถวางแผนในการดำเนินการต่างๆได้ย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การทำธุรกิจส่วนตัว

หรือ แม้แต่การวางแผนในการลงทุน ซึ่งการจะบริหารเงินสดให้เป็นไปตามที่เราต้องการ เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจเรื่องการบริหารสภาพคล่องเสียก่อน เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความสามารถในการแปรสภาพจากสินทรัพย์อื่นๆ เป็น เงินสด (Cash) มีมากหรือน้อยเพียงใด

สิ่งเหล่านี้ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจและสามารถวางแผนการดำเนินการของเราให้บรรจุเป้าหมายตามที่เราต้องการได้ รวมถึงบางครั้งอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น เราเกิดอุบัติเหตุ มีบางอย่างเสียหาย หรือ ธุรกิจจำเป็นต้องใช้กระแสเงินสดเพื่อดำเนินการอะไรบางอย่าง หรือ ตลาดหุ้นมีความผันผวนอย่างรุนแรง เป็นต้น

แม้ว่า บางท่านจะให้ความเห็นว่า .. “การสำรองเงินสดเป็นเรื่องของคนมีกินมีใช้ คนที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป (Middle Class) หากเป็นแรงงานหาเช้ากินค่ำ รายได้รายวัน จะนำเงินที่ไหนมาสำรอง เอาเงินที่ไหนมาเก็บ ต้องคิดถึงเรื่องปากท้องก่อนเป็นอันดับแรกมากกว่า ต่อให้ตั้งใจเก็บหอมรอมริบแค่ไหน พอเกิดอะไรขึ้นมา เงินที่เก็บมาก็ไม่เหลือ อย่างมากทำไปก็ได้แค่เท่าทุน”

เราถึงแสดงให้เห็นว่า หากเราไม่ได้มีการบริหารจัดการเงินสดหรือกระแสเงินสดของเราไว้บ้าง อาจทำให้เรามีปัญหาตามมาได้ ตรงนี้ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของการบริหารเงินสดนั่นเอง

สุดท้ายนี้ ผู้เขียนอยากจะบอกว่า ผู้เคยเห็นคนที่เริ่มต้นจากติดลบ กลายมาเป็นคนมั่งมีได้ กลายมาเป็นคนที่อยู่สบายไม่ลำบาก อาจจะใช้เวลานานสักหน่อย แต่เมื่อวันที่ผลลัพธ์มันออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม ผลิดอกออกผล วันนั้นเราจะเห็นคุณค่าของความตั้งใจ ความมานะอดทน ความกล้าที่จะเริ่มต้นทำในสิ่งใหม่ๆ และไม่ย้อท้อต่อคำว่าโชคชะตา

หมายเหตุ: เป็นเพียงมุมมองส่วนตัว และองค์ความรู้ผ่านประสบการณ์ของผู้เขียน รวมถึงบางหัวข้อเป็นมุมมองและความคิดเห็นส่วนตัวที่เสนอแนะของผู้เขียน ผู้อ่านที่ต้องการนำไปเป็นทางเลือกในการอ้างอิงประกอบการศึกษาสามารถทำได้  หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และเป็นประโยชน์การศึกษาไม่มากก็น้อย

อ้างอิง:
Annual Report 2019 Starbucks
รายงานประจำปี 2019 บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

 


ข่าวดี! โอนเงินเยียวยามาตรา40 อีกรอบ 18 พ.ย.นี้ 5,000 – 10,000 บาท โอนให้ 2 กลุ่ม ดังนี้


โอนเยียวยา18พย64 เยียวยาม33ม39ม40ล่าสุด โอนเงินเยียวยา250010000บาท ตรวจสอบผลทบทวนสิทธิ์ประกันสังคม ได้สิทธิ์มาตรา40 โอนเยียวยาม40เก็บตก
ประกันสังคมมาตรา40 เยียวยามาตรา40 เงินชดเชยติดโควิดมาตรา40
ทบทวนสิทธิ์ประกันสังคม เช็คสิทธิ์ทบทวนสิทธิ์ประกันสังคม ตรวจผลทบทวนสิทธิ์ประกันสังคม ทบทวนสิทธิ์ม33ม39ม40
เราชนะบัตรคนจนเคาะเยียวยา ข่าวลือเราชนะบัตรคนจน เราชนะรอบใหม่มีจริงไหม
คุณสมบัติ เยียวยา5,000รอบใหม่ของกลุ่มแท๊กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ https://youtu.be/bIsK6z0TIh4
เคาะเยียวยาบัตรคนจนจริงไหม คุณสมบัติเยียวยา5000รอบใหม่ ครมอนุมัติเยียวยา5000วันนี้ เยียวยา5000อาชีพอิสระ นายกแจกเยียวยาเพิ่ม เยียวยา3000โครงการใหม่ แจก3000อุดหนุนจ้างงาน ลงทะเบียนเยียวยาเอสเอ็มอี เยียวยาเอสเอ็มอี
เยียวยางวด3จะมีหรือไม่ โอนเยียวยา14ตค64 โอนเยียวยา5000 โอนเยียวยา10000 ได้สิทธิ์5000ม40แต่เงินไม่เข้า ได้รับสิทธิ์ม40แต่เงินไม่เข้า 13จังหวัดได้เยียวยาแค่5000ล่าสุด ม40สถานะสีแดงไม่เปลี่ยน ม40ไม่คืนสิทธิ์เลย
โอนเยียวยา5000 โอนเยียวยาคืนนี้ โอนเยียวยา28กย64
โอนเยียวยา13จังหวัด โอนทีเดียว10000ม40 28กย64รับ10000ม40ให้13จ ตรวจสอบสถานะ ที่นี่ www.sso.go.th
โอนเยียวยา5000ล่าสุด โอนเยียวยาม39รอบ2 โอนเยียวยาม40(16จังหวัดหลัง)
สถานะม40เปลี่ยนจากแดงเป็นเขียว สถานะม40เปลี่ยนเขียวเป็นแดง
ม33รอบ2ขึ้นวันโอนแล้ว ม39รอบ2สถานะขึ้นวันโอนแล้ว ม40รอบ2ขึ้นวันโอนแล้ว แต่ละธนาคารโอนเยียวยา รวมโอนเยียวยยาทุกมาตรา33/39/40 โอนเยียวยาม40ล่าสุด อัพเดทวันโอนเงินปกสล่าสุด เช็คสิทธิ์wwwssogoth สถานะได้รับสิทธิ์โอนเงินวันที่16กย64 ม33โอนรอบ2วันไหน โอนม40สมัคร124สค64 โอนเงินม40รอบ2 เยียวยาม40ล่าสุด รอบโอนมาตรา39มาตรา40 โอนเยียวยาม33งวด2วันไหน โอนเยียวยาม39งวด2วันไหน โอนเยียวยาม40งวด2วันไหน
ม33งวดที่2ได้เมื่อไหร่ ม39ม40งวด2ได้เมื่อไหร่ เยียวยา2เดือนใน13จังหวัด เช็คสิทธิ์มาตรา40วันที่815กย64 สมัครม40ไม่ทันมีรอบใหม่ไหม สถานะม40ไม่เปลี่ยนสักที ปกสแจ้งเยียวยา5000ม40 เลื่อนเช็คสิทธิ์เยียวยาม40 เริ่มเช็คสิทธิ์เยียวยา5000ม40 7กย64เช็คสิทธิ์เยียวยาม40
สาเหตุไม่ได้สิทธิ์เยียวยาม40 ไม่ได้รับสิทธิ์ยียวยาม40เพราะอะไร เริ่มเปลี่ยนสถานะมาตรา40 ครมอนุมัติเยียวยา5000รอบ2 ไม่ได้รับสิทธิ์ม40จะได้5000ไหม ทบทวนสิทธิ์มาตรา40ทำไง สถานะไม่ได้สิทธิ์ทบทวนสิทธิ์ อัพเดทเช็คสถานะมาตรา40 สถานะอัพเดทมาตรา40 สถานะผู้ประกันตน เช็คสิทธิ์เว็บไซต์ประกันสังคม 27สค64เริ่มเช็คสิทธิ์มาตรา40 ตรวจสอบสิทธิ์มาตรา40ล่าสุด สมัครมาตรา40ถึงวันไหน สมัครมาตรา40วันสุดท้าย โอนเยียวยา5000วันนี้ 25สค64โอนเยียวยาม40 สมัครม40รับเยียวยา5000 โอนเงินเยียวยา5000ตามเลขบัตร สถานะได้รับสิทธิ์เยียวยาม40 โอนเยียวยาม39ม40 ขึ้นสถานะไม่ได้รับสิทธิ์มาตรา40 จังหวัดไหนได้เยียวยา2เดือน ทบทวนสิทธิ์มาตรา33ม39ม40 โอนเยียวยาม33ม39ม40ล่าสุด โอน2500ม33โอน5000ม39ม40 โอนเยียวยาแต่ละมาตรา เยียวยาโควิดม33ม39ม40 แจกเยียวยา5000มาตรา40ล่าสุด วันโอนเงินเยียวยาม39ม40 สมัครประกันสังคมมาตรา40ทำไง วันโอนเงินเยียวยามาตรา40 เยียวยา5000ม39ม40 ตรวจเงินเยียวยา5000มาตรา40
เช็คสิทธิเยียวยามาตรา40 สมัครมาตรา40รับเยียวยา5000 บัตรคนจนสมัครม40ได้ วิธีสมัครมาตรา40รับ5,000 ลงทะเบียนประกันสังคมมาตรา40 โอนเงินผ่านพร้อมเพย์ เยียวยาประกันสังคมมาตรา33 เงินเยียวยาม33ไม่เข้า ฉีดวัคซีนโควิด19 วัคซีนโควิดยอดฉีด ติดโควิดรายใหม่ต่อวัน เยียวยามาตรา33แจก13จังหวัด แจก10จังหวัดแรกเยียวยาม33
บัตรคนจนสมัครมาตรา40 เยียวยามาตรา33ม39ม40 เยียวยาเงินสด2000นักเรียน เยียวยา29จังหวัด ครมเคาะเยียวยา5000 เยียวยา5000ทั่วประเทศจริงไหม อนุมัติเยียวยา5000 ล็อคดาวน์14วัน อาชีพอิสระบัตรคนจนเยียวยา เราไม่ทิ้งกันรอบ2 แจกเงินเยียวยา5000 ล็อคดาวน์ทั้งประเทศ ศบคแถลงโควิด7กค64 เยียวยาบัตรคนจนอาชีพอิสระ เยียวยาโควิดล่าสุด เยียวยา5000เงินสดล่าสุด บัตรคนจนได้1200 อาชีพอิสระเยียวยา สวเสนอแจกเงินสด5000 ได้เยียวยา2000ได้อีก เยียวยา5000แจก50ล้านคน ประชุมสภาพรบงบปี2565 ประชุมสภาพรกกู้เงิน5แสนล้าน ได้ทั้งแจกเงินเยียวยาและฟื้นฟู ยื่นขอเยียวยา5000แจกต่อ เพื่อไทยจี้รัฐบาลเยียวยา15000
ยื่นขอเยียวยา5000 เยียวยา5000เยียวยารอบ3 แจกเยียวยารอบ3บัตรคนจน บัตรคนจนได้3200บาท นายกอนุมัติเยียวยารอบ3 ครมเยียวยารอบ3 เช็คสิทธิ์เราชนะ อนุมัติเยียวยา3โครงการ แจกเยียวยา5000อีก3เดือน ติดโควิดวันนี้5พฤษภาคม64 ครมอนุมัติเยียวยาโควิด เราชนะรอบใหม่ เราชนะรอบใหม่ เริ่มชนะเพิ่ม2เดือน นายกแถลงการณ์โควิด โควิดรอบ3 ติดโควิดระลอก3ไทย เยียวยาโควิดรอบ3 นายกแจกเงินเยียวยาล่าสุด เยียวยารอบ3ล่าสุด เราชนะรอบใหม่ นายกแจกเงินเพิ่ม คนละครึ่งเฟส3 เราชนะรอบ2 แจกเงินบัตรคนจน แจก5000เที่ยวสงกรานต์ แจกเงิน5000
วิธีใช้เราชนะบัตรคนจน เบี้ยผู้สูงอายุ จ่ายเงินชาวนาไร่ละ500รอบ2 เราชนะ เยียวยาเราชนะ
กลุ่มไม่ลงทะเบียนเราชนะ กลุ่มไม่ได้เยียวยาเราชนะ อาชีพไหนได้เยียวยา3500 wwwเราชนะcom

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ข่าวดี! โอนเงินเยียวยามาตรา40 อีกรอบ 18 พ.ย.นี้ 5,000 - 10,000 บาท โอนให้ 2 กลุ่ม ดังนี้

Money Fitness The Series EP1 : ความรู้การเงินพื้นฐาน โดย The Money Coach


เราถูกสอนมาทั้งชีวิตให้เรียนสูงๆ จะได้ทำงานดีๆ มีเงินเยอะๆ แต่มีใครเคยสอนหลังจากนั้นไหม ว่าต้องบริหารจัดการเงินอย่างไรเมื่อได้มันมา?
พบกับ Money Fitness The Series วิดิโอที่จะให้ความรู้ทางการเงินที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย และสร้างแรงบันดาลใจให้คุณทำตาม โดยนีโอ มันนี่ จับมือกับกูรูทางการเงินส่วนบุคคลชื่อดัง โค้ชหนุ่ม จักษพงษ์ เมษพันธุ์ หรือ The Money Coach
EP 1 จะปูพื้นฐานด้วยหลักการวางแผนทางการเงินเบื้องต้น กับ 4 สิ่งที่คุณต้องมี เพื่อบรรลุความฝันหรือเป้าหมายทางการเงิน และตบท้ายด้วยความจริงที่เป็นภัยเงียบระดับชาติ ว่าด้วยเรื่องการเงินในวัยเกษียณ ที่จะทำให้คุณรู้ว่า “ความรู้ทางการเงิน” คือคำตอบ
“หากคุณไม่บริหารเงิน เงินจะบริหารคุณ”
ความรู้ทางการเงิน อิสรภาพทางการเงิน TheMoneyCoach
=====================
นีโอมันนี่โค้ชการเงินยุคดิจิตอล
ช่องทางการติดตาม
Facebook: https://www.facebook.com/neomoney
Instagram: https://www.instagram.com/neomoney.ig
Website: https://neomoney.com

Money Fitness The Series EP1 : ความรู้การเงินพื้นฐาน โดย The Money Coach

จัดการเงินเดือนด้วยวิธี 6 Jars มีใช้ มีเก็บ มีลงทุน


Than Money trick สอนวิธี จัดการเงินเดือน แบบง่ายๆ แต่ได้ผล ด้วยวิธี 6Jars 6Jar หรือ เงิน6กระปุก ที่คิดค้นโดยนักการเงินระดับโลก T. Harv Eker ผู้เขียนหนังสือ ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน : Secrets of the Millionaire Mind ที่ขายดีตลอดกาล
บริหารเงินแบบ6Jars
คลิปนี้จะสรุปให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ฟังแล้วทำตามได้ทันที
เหมาะสำหรับทุกๆคนที่อยากเริ่มบริหารเงิน มีใช้ มีเก็บ มีลงทุน ในทุกๆเดือน
เพื่อชีวิตที่ดี และ ร่ำรวย
ฝากรับชมด้วยค่ะ 😁
ติดตามกันได้ที่ 👇
Facebook FanPage : https://www.facebook.com/thanmoneytrick/
tnblivealife ช่องของความสุขรวยบริหารเงินให้รวยเร็วบริหารเงินเดือนเหลือเงินเก็บthanmoneytrick

จัดการเงินเดือนด้วยวิธี 6 Jars มีใช้ มีเก็บ มีลงทุน

การบริหารเงินอย่างง่าย เข้าใจใน 4 นาที


อยากเริ่มต้นเข้าใจเรื่องการเงินแบบง่ายๆ คลิปนี้จะอธิบายการ \”บริหารเงินอย่างง่าย เข้าใจใน 4 นาที\” ครับ
เว็บไซต์ของเรา อย่าลืมเข้าไปเยี่ยมชมนะครับ http://www.startyourway.com
ไม่อยากพลาดข่าวสารเรื่องนายตัวเอง กดติดตาม Facebook ได้เลยครับ
http://www.facebook.com/startyourwaybyvit
กลุ่มนายตัวเองที่มีนายตัวเองครบทุกสาขาอาชีพ คุณอยากถามอะไร เข้ามาในกลุ่มนี้ได้เลยครับ
http://www.facebook.com/groups/startyourwaycommunity

การบริหารเงินอย่างง่าย เข้าใจใน 4 นาที

พ่อรวยสอนลูก (การบริหารเงิน)


ประวัติโค้ชแบงค์และแหล่งข้อมูลอ้างอิง: https://bit.ly/3ijnpK1

พ่อรวยสอนลูก (การบริหารเงิน)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN TO MAKE A WEBSITE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ การ บริหาร จัดการ เงิน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *