Skip to content
Home » [NEW] Verb (คำกริยา) คืออะไร มีกี่ประเภท ตัวอย่าง | คํากริยามีกี่ประเภท – NATAVIGUIDES

[NEW] Verb (คำกริยา) คืออะไร มีกี่ประเภท ตัวอย่าง | คํากริยามีกี่ประเภท – NATAVIGUIDES

คํากริยามีกี่ประเภท: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Verb (คำกริยา) คืออะไร มีกี่ประเภท ตัวอย่าง

ในบทเรียนนี้ เราจะพูดถึงคำกริยา (verb) ในภาษาอังกฤษ โดยผู้เรียนภาษาอังกฤษจะต้องเข้าใจสิ่งต่อไปนี้

Verb คือ อะไร?

Verb (กริยา) เป็นคำ หรือ กลุ่มคำที่เป็นการแสดงออก การเคลื่อนไหวของประธาน หรือแสดงสภาวะของประธาน เช่น eat กิน, run วิ่ง, walk เดิน, see เห็น, go ไป

คำกริยาภาษาอังกฤษ มีอะไรบ้าง

คำกริยาภาษาอังกฤษประกอบด้วย Finite Verb และ Non-finite Verb

Finite Verb คือ

กริยาแท้ ซึ่งถือเป็นกริยาที่สำคัญของประโยค

Non-finite Verb คือ

กริยาไม่แท้ และจะไม่มีการผันตาม Tense หรือ ประธานที่อยู่ข้างหน้า

คำกริยา ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของประโยคภาษาอังกฤษ เพราะถ้าไม่มีคำกริยาก็จะไม่สามารถสร้างประโยคได้

ประเภทของ Verb
Finite > Action, Linking, Auxiliary
Non-finite > Infinite, Gerund, Participle

Finite Verb
คือกริยาแท้ ถือเป็นกริยาที่สำคัญของประโยค (กริยาแท้หรือกริยาหลัก Main Verb) เป็นกริยาที่แสดงถึงกาลเวลา (Tense) หรือกริยาที่ถูกกำหนดโดยส่วนประธาน (Subject-Verb Agreement) ซึ่งอาจจะเป็นพจน์ (Number) ของนาม คือเอกพจน์หรือพหูพจน์, สรรพนามบุรุษที่ 1, 2, หรือ 3 (Person) หรือประธานอื่นๆ โดย Finite Verb แบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่ Action Verb, Linking Verb และ Auxiliary Verb

Action Verb
เป็นคำกริยาที่แสดงอาการ การกระทำ มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว (Movement) เช่น run, eat, read, jump, walk, swim, sing เป็นต้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
John eats snack. (eats เป็น Action Verb ทำหน้าที่เป็น Main Verb ของประโยค)
The girl cried at morning. (cried เป็น Action Verb ซึ่งทำหน้าที่เป็น Main Verb ของประโยค)

Linking Verb
เป็นกริยาที่ใช้เชื่อม Subject กับคำอื่นเพื่อขยายประธานของประโยคให้ได้ใจความสมบูรณ์ Linking Verb ที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษเจอบ่อยๆ ได้แก่ Verb to be (be, is, am, are, was, were, being, been) นอกจากนี้ยังรวมถึงคำกริยาบางตัว เช่น feel, small, taste, sound, become เป็นต้น ทั้งนี้คำที่อยู่หลัง Linking Verb จะถูกเรียกว่า Subjective Complement คือ ส่วนขยายประธาน ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง Adjective (คำคุณศัพท์) หรือ Noun (คำนาม) โดยมีหน้าที่เสริมความให้ประธานชัดเจนยิ่งขึ้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

The sky looked grey. (The sky – subject, looked – linking verb, grey – subjective complement)
ประโยคนี้ looked ไม่ได้เป็น Action Verb ที่แปลว่า มองดู ไม่ได้แปลว่า ท้องฟ้ามองดูเป็นสีเทา แต่เป็น Linking Verb ที่บอกสภาพของท้องฟ้า The sky ว่า ดูเป็นสีเทา หรือมีลักษณะสีเทา

Tukky is a comedian. (Tukky – subject, is – linking verb, comedian – subjective complement)
ประโยคนี้ comedian วางอยู่หลัง is ทำหน้าที่ขยายประธาน ทำให้รู้ว่า Tukky นั้นเป็นนักแสดงตลก

หลัง Linking Verb ต่อไปนี้ จะต้องตามด้วย Adjective เสมอ

คำกริยากลุ่มที่หมายความว่า กลายเป็น ได้แก่ get, go, grow, become ,fall, turn
คำกริยากลุ่มที่แปลว่า ดูเหมือนว่า ได้แก่ look, appear, seem
คำกริยากลุ่มที่บอกความรู้สึก กลิ่น รส และ ความไพเราะของเสียง ได้แก่ feel, smell, taste, sound
คำกริยากลุ่มที่หมายความว่า เป็นอยู่ในสภาพนั้นๆ ได้แก่ keep, remain, stay

ตัวอย่างประโยค The steak doesn’t taste nice. (taste – linking verb, nice – subjective complement/ adjective)

Auxiliary Verb
หมายถึง กริยาช่วย กลุ่ม be (am, are is, was, were, being, been), do (does, did) และ have (has, had, having) ซึ่งจะตามด้วยกริยาแท้ (Main Verb) เพื่อสร้างประโยคคำถามคำถาม (Question) ประโยคปฏิเสธ (Negative Sentence) กาล (Tense) หรือประโยคที่ประธานถูกกระทำ (Passive Voice) สามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Helping Verb

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I gave the matter a great deal of thought. (gave – main verb)
I have given the matter a great deal of thought. (have – auxiliary verb, given – main verb)
I have been giving the matter a great deal of thought. (have been – auxiliary verb, giving – main verb)
Do they drive safely? (Do – auxiliary verb, drive – main verb)
We don’t want anything. (don’t – auxiliary verb, want – main verb)

นอกจากนี้ ตำราไวยากรณ์ภาษาอังกฤษบางเล่ม ก็ยังจัดให้ Modal Verb (กริยาช่วยชนิดพิเศษ) อยู่ในกลุ่มของกริยาช่วยประเภทหนึ่งเรียกว่า Modal Auxiliary Verb มีหน้าที่ทำให้กริยาแท้มีความหมายแตกต่างกันไป เช่น can, could, shall, should, will, would, may, might, must, ought to, need, needn’t โดย Modal Auxiliary Verb เหล่านี้จะใช้นำหน้าคำกริยาแท้หรือกริยาหลัก (Main Verb) ซึ่งอยู่ในรูป Verb Base Form (กริยาพื้นฐาน คือรูปลักษณะที่ยังไม่ได้ฝัน ไม่มีการเติม -s, -es, -ed, – ing) หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า verb 1 นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น People should choose friends wisely. (should – modal verb, choose – main verb)

หน้าที่ของ Modal Verb

ไม่จำเป็นต้อง = don’t have to
แนะนำ = should, ought to, had better
บังคับหรือห้าม = must, have to, mustn’t
แสดงความสามารถ = can, could, be able to
ขออนุญาต = can, could, may
ขอร้อง = can, could, will
แสดงความเป็นไปได้ = may, might
แสดงการคาดการณ์ล่วงหน้า = must, can’t
เสนอแนะ = shall
เสนอหรือแนะนำ = can, could, shall

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

May can ride a horse (แสดงความสามารถ)
You should eat more fruit. (แนะนำ)
You don’t have to call taxi. (ไม่จำเป็นต้อง)

หากในประโยคภาษาอังกฤษนั้นมีทั้งคำกริยาแบบ Auxiliary Verb และคำกริยาแบบ Modal Auxiliary Verb อยู่ด้วยกัน ผู้เรียนภาษาอังกฤษจะต้องวาง Modal Auxiliary Verb ไว้หน้า Auxiliary Verb เท่านั้น แล้วจึงตามด้วยกริยาแท้ หรือ Main Verb ของประโยค

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

The computer could have made an error. (could – modal auxiliary, have – have auxiliary, made – main verb)
หากมี Adverb of Frequency ได้แก่ always, usually, frequency, often, sometimes, occasionally, hardly, barely, rarely, scarcely, seldom และ never มาอยู่ในประโยคด้วย จะต้องวางอยู่ตรงกลางระหว่าง Modal Auxiliary Verb และ Main Verb

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I will always love you. (will – modal verb, always – adverb of frequency, love – main verb)
Finite Verb นี้ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของประโยค เพราะถ้าประโยคใดก็ตามขาดกริยาแท้ไป ก็จะทำให้ความหมายของประโยคนั้นไม่สมบูรณ์ พูดง่ายๆ ก็คือ Finite Verb คือ กริยาแท้ที่มีประธานเป็นของตัวเองและเปลี่ยนรูป (ผันได้ 3 ช่อง) ตาม Tense ในประโยค

John and Jim sing a song.
They sing a song.
Jack will sing a song.
He sings a song.
You are singing a song.
May is singing a song.
She was singing a song.

จากตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษข้างบนจะสังเกตเกี่ยวกับกริยาแท้ (Finite Verb) ได้ดังนี้

กริยาแต่ละตัวจะมีประธานของมันเอง รูปของกริยาจะผันตามประธานที่อยู่ข้างหน้า กริยาแต่ละตัวเวลานำมาใช้ถูกกำหนดโดยพจน์ (Number) ของนาม คือเอกพจน์ หรือ พหูพจน์, สรรพนามบุรุษที่ 1,2,3 (Peron) และ กาล (Tense)

การใช้ Finite Verb ให้ถูกต้อง
อันดับแรก ดูที่ Tense ในประโยคนั้นว่าเป็น ปัจจุบัน(Present) อดีต(Past) หรือ อนาคต(Future) โดยสังเกตจากคำบอกเวลา (Adverb of time) และต่อมา ให้ดูที่ Subject-Verb Agreement คือ ความสัมพันธ์ระหว่างประธานกับกริยา ถ้าประธานเอกพจน์ต้องใช้กริยาเอกพจน์ ถ้าประธานพหูพจน์ก็ต้องใช้กริยาในรูปพหูพจน์ และสุดท้าย Active/ Passive โดยปกติแล้วประธานของประโยคจะอยู่ในรูป Active คือประธานจะเป็นคนกระทำกริยานั้นเอง แต่ถ้าอยู่ในรูป Passive ประธานนั้นจะเป็นฝ่ายถูกกระทำ

Non-finite Verb
เป็นกริยาไม่แท้ และจะไม่มีการผันตาม Tense หรือ ประธานที่อยู่ข้างหน้า (รูปเอกพจน์ / พหูพจน์) มีเพียงรูปเดียว ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็ตามของประโยค กริยากลุ่มนี้ ได้แก่ Gerund, Infinitive และ Participle และกริยากลุ่มนี้ จะไม่ถูกนำมาใช้เป็นกริยาแท้ของประโยค แต่จะถูกนำมาใช้ทำหน้าที่อื่นๆ โดยเป็นคำนามบ้าง เป็นคำคุณศัพท์บ้าง

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

I certainly do enjoy cooking (cooking – gerund)
I tell them to build the house at Bangkok. (to build the house – to infinitive)
The boiling water on the stove is hot. (boiling – present participle)

อ่านต่อที่เนื้อหา เรียนภาษาอังกฤษ คลิก >> Verb

[Update] คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (Conjunctions): คำและวลีที่พบบ่อยที่สุด | คํากริยามีกี่ประเภท – NATAVIGUIDES

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) หรือคําสันธานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตาม เพราะคำเชื่อมจะทำให้ทั้งคำพูด คำอ่าน คำเขียนได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ทำความเข้าใจกับคําเชื่อมภาษาอังกฤษ

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) มีผลประโยคคือเชื่อมต่อระหว่างคำศัพท์กับคำศัพท์หรือระหว่างประโยคทำให้เข้าใจได้ง่าย วันนี้ Eng Breaking จะแนะนำถึงคุณประเภทของคำเชื่อมในภาษาอังกฤษพร้อมเผยเคล็ดลับในการใช้งานของคำเชื่อม อ่านเข้าใจง่าย เอามาใช้งานได้ดี ใครๆ ก็ทำได้แน่นอน

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction)  คืออะไร นำมาใช้ยังไง?

ก่อนที่จะดูว่าคำเชื่อมมีกี่ประเภทแล้วใช้งานได้อย่างไรบางเราลองดูประโยคของคำเชื่อมตอนที่มีคำเชื่อมกับตอนที่ไม่ใช้คำเชื่อมแตกต่างกันอย่างไรดังนี้

ยกตัวอย่างประโยคที่ง่ายๆ เช่น ฉันชอบแมว.  ฉันชอบหมา. ฉันชอบลิง. มันเป็นประโยคเดียวแต่คนอ่าน คนฟังจะไม่เห็นความเกี่ยวกัน ดูเหมือนเป็นสามประโยคสั้นๆ มากกว่าใช่ไหมคะ?! แล้วถ้าตอนนี้เราลองใส่คำเชื่อมเช่น คำว่า “และ” (and) ประโยคจะกลายเป็น ฉันชอบแมว และ หมาและ ลิง ความหมายไม่เปลี่ยนไปแต่ประโยคดูดีขึ้น ไม่ต้องใช้คำซ้ำๆ กันด้วย ง่ายๆ แต่มีประโยคช์ดีมากๆ เพราะว่าในประโยคนั้นมีคำเชื่อม

หรือแทนคำว่า ฉันชอบแมว. ฉันชอบหมา. ฉันไม่ชอบลิง เราก็สามารถพูดสั้นลงและไม่ต้องพูดซ้ำคำว่า ฉันถ้าเราใช้คำเชื่อมดังนี้

ฉันชอบแมวและหมาแต่ไม่ชอบลิง เป็นอย่างไรบางคะผู้เรียน คำเชื่อมจะช่วยให้ประโยคเดี่ยว รวมตัวกันได้เป็นประโยคยาวๆ และดูดีขึ้นมาทันที ต่อไปนี้เราจะไปค้นค้วาให้ลึกๆ ประเภทต่างๆ ของคําเชื่อมภาษาอังกฤษ และวิธีการใช้งานของแต่ละแบบพร้อมตัวอย่างให้เห็นง่าย ชัดเจนดังต่อไปนี้

คําเชื่อมภาษาอังกฤษพร้อมเผยวิธีการใช้อย่างถูกต้อง

คำเชื่อมประโยคมีอะไรบ้าง

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ conjunction สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทด้วยกันคือ
1. Coordinating conjunctions
2. Subordinating Conjunctions
3. Correlative Conjunctions

เราจะไปเฉาะลึกแต่ละประเภทของคำเชื่อมและการใช้งานดังนี้

1. หลักการใช้ Coordinating conjunctions 

หลักการใช้ Coordinating conjunctions  คือผู้เรียนแค่คำคำศัพท์ FAN BOYS ก็สามารถเอามาใช้งานได้แล้วเพราะมันเป็นตังอักษรย่อจากพวกคำเชื่อมอยู่ในประเภทหนึ่งที่ได้เรียกว่า Coordinating conjunctions คำว่า FAN BOYS ประกอบด้วยคำเชื่อม For, And, Nor, But, Or, Yet, So. ในนั้นแต่ละคำเชื่อมก็จะมีความหมายที่แตกต่างกัน ต้องขึ้นอยู่กับกรณีต่างๆ เราจะใช้ให้ประโยคได้สมบูรณ์แบบและอย่างเหมาะสม

คําเชื่อมภาษาอังกฤษความหมายภาษาไทยยกตัวอย่างForเพราะว่าI stopped exercising, for I was tired.
แปลว่า ฉันหยุดออกกำลังกายเพราะว่าฉันเหนื่อยAndและ (ใช้ในกรณีเชื่อมประโยคไปในแนวเดียวกัน)She does not like cats and dogs.
แปลว่า โหลดไม่ชอบแมวและสุนัขNorไม่ทั้งสองI am not hungry, nor thirsty.
แปลว่า ฉันไม่หิวข้าว และก็ไม่กระหายน้ำด้วยButแต่We love

English

, but don’t like math.
แปลว่า พวกเรารักภาษาอังกฤษ แต่ไม่ชอบคณิตศาสตร์OrหรือThey chat on Facebook, or they chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค หรือไม่ก็พวกเขาแชททางไลน์Yetแต่She was very sad, yet she did not give up.
แปลว่า หล่อนเศร้าเสียใจมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้Soดังนั้น/ ก็They chat on Facebook, so they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค ดังนั้นพวกเขาไม่แชททางไลน์

2.หลักการใช้ Subordinating Conjunctions

คำเชื่อม Subordinating Conjunctions เป็นคำเชื่อมที่มักจะเจอบ่อยมากเมื่อเรียนภาษาอังกฤษเพราะคำเชื่อมที่อยู่ในกลุ่มนี้อยู่ในหลากหลายรูปแบบ หลากหลายคำเพื่อเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน จากตารางดังนี้เราจะบ่งบอกหมู่คำเชื่อม Subordinating Conjunctions พร้อมแปลความหมายให้เห็นอย่างชัดเจน

คำเชื่อม Subordinating Conjunctionsความหมายภาษาไทยafterหลังจากalthoughแม้ว่าasเพราะว่าas far asเท่าที่as ifราวกับว่าas long asตราบใดที่as soon asทันทีที่as thoughราวกับว่าbecauseเพราะว่าbeforeก่อนeven if/ even thoughแม้ว่าifถ้าin order thatเพื่อว่าsinceตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่าso thatเพื่อว่าthanกว่าthoughแม้ว่าunlessเว้นเสียแต่ว่าuntilจนกระทั่งwhenเมื่อwheneverเมื่อใดก็ตามwhereที่ซึ่งwhereasขณะที่whereverที่ใดก็ตามwhichที่whoผู้ที่whileในขณะที่

Note: สำหรับคำเชื่อมว่า  since: ตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่า จะมีโครงสร้างภาษาอังกฤษขั้นอยู่กับสถานการณ์เละความหมายที่อยากสื่อเช่น ถ้าแปลว่า “ตั้งแต่” ใช้เชื่อมระหว่างประโยค Present Perfect (Subject + have/has + V3) หรือ Present Simple (Subject + V1(ประฐานเอกพจน์เติมs) กับ Past Simple Subject + V2 เติม ed บ้าง,ผันบ้าง เช่น

He has worked hard “since” his father died. (Present Perfect, Past Simple)
ถ้าแปลว่า “เพราะว่า, เนื่องจากว่า” ให้วางไว้หน้า Clause ของประโยคแรก เช่น
“Since” he doesn’t learn English, he can’t speak it. (เนื่องจาก (เพราะ) เขาไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ เขาจึงพูดไม่ได้)

อย่างที่บอกไปแล้วว่าตัวเชื่อมนี้จะเป็นการเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน ดังนั้นให้สังเกตดีๆ ถ้าเป็นประโยครองจะตามหลังด้วยคำเชื่อมดังกล่าว ในขณะที่ประโยคหลักไม่ต้องใช้คำเหล่านี้

  • “after”: I went for a swim after breakfast. แปลว่า ฉันไปว่ายน้ำหลังอาหารเช้า
  • “because” : My sister she didn’t go to school yesterday because of fever. แปลว่า พี่สาวฉัน เธอไม่ได้มาโรงเรียนเมื่อวานนี้เนื่องมาจากการเป็นไข้
  • “before” : Before going to Bangkok, you should read the guide book.
    แปลว่า ก่อนการเดินทางไป Bangkok คุณควรอ่านหนังสือนำเที่ยว
  • “so that” : I study hard so that I can pass the exam.แปลว่า ฉันเรียนหนักเพื่อที่ฉันจะได้ผ่านการสอบ

เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างสนุกสนาน

3.หลักการใช้ Correlative Conjunctions

เมื่อคุณอ่านหนังสือหรือดูหนังคงเจอหมู่คําเชื่อมภาษาอังกฤษแบบที่สามคือ Correlative Conjunctions ที่มีหน้าที่เชื่อมประโยคที่มีน้ำหนักเท่าๆกัน เยอะเหมือนกัน เช่นพวกคำว่า 

  • Both … and … แปลว่า ทั้ง … และ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น ประโยคอังกฤษดังนี้  I enjoy both singing and dancing. แปลว่า ฉันมีความสุขกับการร้องเพลงและการเต้นดังนั้นคำเชื่อม Both … and …นี้จะใช้ในกรณีเชื่อมต่อประธานของประโยคเข้าด้วยกัน (เมื่อมีจำนวนเท่ากับ 2)
  • Neither … nor … แปลว่า ไม่ทั้ง … และ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น Neither Namthip nor I want to go there.
    แปลว่า ทั้ง Namthip และฉันไม่ต้องการไปที่นั่น จากนั้นจะเห็นได้เลยว่าคำเชื่อม Neither … nor … ใช้ในประโยคและมีความหมายคือ ไม่ใช่ทั้งสิ่งแรกและสิ่งที่สอง
  • Either

    … or … แปลว่า ถ้าไม่ … ก็ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น I can’t remember. It’s either Yellow or Orange. แปลว่า ฉันจำไม่ได้ ถ้าไม่สีเหลืองหรือสีส้ม ดังนั้นผู้เรียนสามารถใช้คำเชื่อมนี้ เมื่อต้องการสื่อความหมายว่า ไม่อันใดก็อันหนึ่ง 

  • Not only … but also … แปลว่า ไม่เพียงแค่ … แต่ … ด้วย ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น Namthip is not only Beatiful, but also a great teacher. แปลว่า Namthip ไม่เพียงแค่สวยเท่านั้น แต่ยังเป็นเป็นครูที่สุดยอดอีกด้วย ดังนั้นผู้เรียนสามารถใช้คำเชื่อมนี้ เมื่อสื่อความหมายว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวในตอนแรก มักนิยมใช้ในภาษาอังกฤษสำหรับการเน้นย้ำ
  • as…as แปลว่า ….เท่ากับ….. ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น  She is as tall as me แปลว่า เธอสูงเท่ากับฉัน/ She runs as fast as I do. แปลว่า เธอวิ่งเร็วเท่าฉัน  
  • just as…so  แปลว่า …..เหมือนกับที่….. just as I thought.  แปลว่า เหมือนกับที่ฉันคิด
  • no sooner…than   ยังไม่ทันที่……ก็……หรือ เกือบทันทีที่ ยกตัวอย่างเช่น No sooner had I started mowing the lawn than it started raining แปลว่า เกือบทันทีที่ฉันได้เริ่มตัดหญ้าฝนก็เริ่มตก
  • rather…than …….ดีกว่า…. ยกตัวอย่างเช่น  She would rather live in Chonburi than in Bangkok. แปลว่า เธอชอบอาศัยอยู่ในชลบุรีมากกว่ากรุงเทพ
  • whether…or แปลว่า ว่า…..หรือ…. ยกตัวอย่างเช่น   Whether you like it or not, you have to pay the fine. แปลว่า ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม คุณก็ต้องจ่ายค่าปรับอยู่ดี
  • the…the  แปลว่า ยิ่ง…..ยิ่ง… ยกตัวอย่างเช่น    The sooner, the better. ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี (สำนวน)

คําเชื่อมภาษาอังกฤษพร้อมวิธีการใช้งานง่าย

เผยเคล็ดลับเด็ดช่วยคุณเรียนคำเชื่อมในภาษาอังกฤษกับไวยากรณ์ต่างๆ ในภาษาอังกฤษเร็วๆ คือต้องเอามาประยุกใช้บ่อย เริ่มจากการเขียนเป็นประโยคสั้นถึงยาว หรือเขียนเป็นบทความไปด้วย แล้วฝึกพูดออกมา พูดกับตัวเองในกระจกหรือแชร์ในเฟสและให้เพื่อนๆ เข้ามาช่วยอ่านช่วยเช็คให้ด้วย แก้คำที่ผิดพลาด ถ้ามีส่วนไหนเนื้อหายากจำยากไปเราก็เขียนเป็น note ติดบนโต้หรือกำแพง ที่ไหนเรามักจะเห็นบ่อยๆ รับรองวิธีนี้ได้ผลดีจริงๆ

เป็นอย่างไรบางคะ จะเห็นว่าการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไม่ยากอย่างที่คุณคิดแน่นอน เราไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งทองเก่ง 100% ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แต่เราใช้บ่อย พูดบ่อยไวยากรณ์ที่หลักๆ สำคัญรับรองว่าสอบอะไรก็ผ่านได้ และมีความมั่นใจนการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเอง

P/s: เรียนภาษาอังกฤษวันละนิด สร้างสรรกับการเรียน อย่ายอมแพ้ คุณจะเป็นคนต่อไปที่ชนะความกลัวในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและสำเร็จได้อย่างแน่นอน อย่าลืมติดตามเว็บของเราเพื่อรับความรู้เพิ่มเติมพร้อมแชร์ประสบการณ์ใช้ภาษาอังกฤษดีๆ ช่วยพัฒนาทั้งสี่ทักษะในภาษาอังกฤษไปด้วยกัน

คุณรู้ไหมว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ก็เหมือนการฝึกขี่จักรยานคือการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงเราต้องกล้าทำ เราถึงจะเก่งได้ แตกต่างจากแพ็กเกจเรียนทั่วไป สำหรับการเรียนกับ Eng Breaking ผู้เรียนจะมีโอกาสสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน
เรามีมากกว่า 167,300 นักเรียนทั่วไทยที่สำเร็จเเล้ว ถ้าคุณอยากเป็นผู้เรียนที่สำเร็จต่อไปอย่าพลาดกับการเรียนกับ Eng Breaking วันนี้.

ไม่พลาดกับบทความนี้:

ความคิดเห็น 635 รายการ

 


ภาษาไทย ป.6 EP.3 คำกริยา | Teacher BEAUTY


Find me more 🎒
Facebook : ห้องเรียนภาษาไทย by ครูบิวตี้

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ภาษาไทย ป.6 EP.3 คำกริยา | Teacher BEAUTY

คำกริยา – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.6


สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.6 ชุดนี้
เรื่อง คำกริยา
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สื่อการเรียนการสอนทุกระดับชั้น ป.1 ม.3 ที่
ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com (ครูโอ๋)
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE

คำกริยา -  สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.6

คำกริยา Verb | เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน | คืออะไร ใช้อย่างไร


หลักการใช้ Verb (คำกริยา) Verb คืออะไร Verb มีอะไรบ้าง อธิบายละเอียด!
Verb คำกริยา คือ คำที่ใช้อธิบายการกระทำ สภาพ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี!
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…​
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv…​
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r…​
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1…​
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5s…​
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot…​
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK…​
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…​
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…​
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKY…​

คำกริยา Verb | เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน | คืออะไร ใช้อย่างไร

วิชาภาษาไทย ชั้น ป.6 เรื่อง คำกริยา


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาไทย ชั้น ป.6 เรื่อง คำกริยา

ทบทวนคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3


ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
วีดีโอนี้จะสอนเกี่ยวกับ
วันนี้ เรามาทบทวนคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา
ทบทวนคำศํพท์ ต่างๆ
บทเรียนอิเล็กทรอกนิกส์ วิชา ภาษาไทย ป.3 ชุดนี้
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.otpchelp.com

ทบทวนคำนาม คำสรรพนาม คำกริยา - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ คํากริยามีกี่ประเภท

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *