การฝึกทักษะการฟังไม่ใช่แค่เรียนได้ที่ห้องเรียนอย่างเดียวนะคะ เราสามารถฝึกฝนทักษะการฟังได้ทุกที่ มีหลากหลายวิธีการเรียนสร้างสรรค์ ช่วยให้คุณเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยต้นเองอย่างสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ในนั้นจะมีวิธีการฝึกฟังผ่านการดูภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษที่หลายๆ คนชอบและรีวิวมาดีมากๆ ดูก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้น ใครชอบเรื่องไหนเลือกดูกันได้เลยจ้า

ปัญหามักจะเจอบ่อยที่สุดเมื่อฝึกทักษะการฟังที่ควรหลีกเลียง

คุณรู้ไหมว่ามีผู้เรียนหลายๆ คนเรียนภาษาอังกฤษไปหลายๆ ปีแต่ยังเก่งไม่ได้ก็เพราะไม่มีแนวทางการเรียนที่ถูกต้อง โดยเฉพราะคือทักษะการสื่อสาร ไม่กล้าที่จะพูดคุย เพราะฟังไม่ดี ฟังไม่ค่อยออกว่าคนอื่นพูดอะไรเลยตอบไม่ได้ หรือขาดคำศัพท์เลยพูดไม่ได้เหมือนกัน งั้นต้องทำได้อย่างไรเพื่อฝึกทักษะการฟังและพูดภาษาอังกฤษให้ดี ทำอย่างไรเพื่อจะหมดปัญหาเรื่องอับอายเมื่อสื่อสารกับชาวต่างชาติ ออกเสียงอย่างไรให้ได้ชัดต้องไม่พลาดกับบทความดังนี้

วิธีการช่วยคุณฝึกทักษะการฟังผ่านการดูหนัง ทำได้จริงหรือไม ต้องดู

แน่นอนอยู่แล้วว่าทักษะการฟังมีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ตอนที่เราเริ่มฝึกฟังเราจะเห็นว่ามีหลายคำที่ฟังไม่ออก ฟังแล้วไม่เข้าใจ อย่ากังวลมากไปเพราะนี่เป็นสี่งที่ใครๆ ตอนที่ฝึกทักษะการฟังตอนแรกๆ ก็เคยเจอเหมือนกัน

วิธีการดูภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษที่ดีๆ คือต้องฝึกฟังอย่างน้อยสามครั้งสำหรับบทไหนที่เราฟังแล้วไม่เข้าใจตอมขั้นตอนดังนี้

ครั้งแก เราเลือกฟังหนังที่มีง่ายๆ เนื้อหาสั้นสัก 15-30 นาทีเท่านั้นถ้าฟังยาวมากไปเราอาจจะลืมง่าย ในครั้งแรกๆ นี้เราฟังเพื่อให้คุ้นหูก่อน อาจจะยังไม่เข้าใจเนื้อหาเรื่องนั้นมากเท่าไหร่ แต่ม่ำคัญเพราะนี่เป็นครั้งแรก และเราสามารถจดบรรทึกไว้คำไหนที่เราฟังออกยากในกระดาษด้วย เดี๋ยวเราจะกลับมาฟังรอบที่สอง

ในครั้งที่สองเราจะฟังช้ากว่า ฟังที่ละประโยคสั้นๆ ถึงยาว ฟังแล้วจับใจความหมาบของเรื่องนั้นโดยการจับคำศัพท์หลักๆ หรือเรียกได้ว่า Keyword แล้วลองออกเสียงตามไปด้วย

ครั้งที่สามเราเปิด Sub ที่เป็นภาษาอังกฤษมาลองดูว่าเราเข้าใจความหมายได้มากน้อยขนาดไหน คำศัพท์ไหนที่ครั้งแรก หรือสองฟังไม่ออก เราก็เน้นย้ำเขียนไปสองถึงสามรอบให้จำได้นาน แล้วลองอ่านตามหนังให้จบเรื่อง วิธีนี้จะช่วยเราทั้งฝึกทักษะการฟังและฝึกทักษะการออกเสียงได้ดีด้วยเช่นกัน คุณจะได้สัมผัสกับภาษาผ่านบทสนทนาในหนัง

แต่ตอนที่ดูภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษเราก็ไม่ควรดูมากกว่าสามครั้งเพราะจะมีหลากหลายเรื่องและแต่ละเรื่องจะมีหลากหลายศัพท์ที่เราสามารถเรียนรู้ได้ ดังนั้นถ้าเราจัดการเวลาได้ดี เราสามารถดูได้เยอะขึ้น เนื้อเรื่องที่แตกต่างกันก็จะไม่ทำให้คุณเบื่อง่าย

ต้องเลือกหนังที่มีคนรีวิวดี เรื่องเพราะจะทำให้เราตื่นเต้นกับการเรียนรู้มากขึ้นแน่นอน สามารถชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกัน แล้วทำแบบฝึกหัสเช่นทำเป็นตัวนักครหรือลองตั้งคำถามที่เกี่ยวกับหนังเรื่องนั้น หรือลองเขียนบทคัดย่อเนื้อหาของเรื่องนั้นเป็นการรีวิวที่เป็นภาษาอังกฤษให้เพื่อนๆ แต่ละคนฟังดูว่าคุณเข้าใจเรื่องนั้นมากน้อยขนาดไหน ออกเสียงถูกหรือผิดอะไรต้องปรับอย่างไรให้ได้ผลเร็วๆ นะคะ

แล้วทำไมเราต้องเลือกเป็นการดูภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษเพราะว่าสำหรับการเรียนภาษาใดภาษาหนึ่งถ้าเรายิ่งสร้างสรรค์กับการเรียนเราจะยิ่งเห็นว่าการเรียนกลายเป็นเรื่องที่ง่าย ที่สนุกดีอยากเรียนเอง สำหรับเด็กหรือผู้เรียนที่เริ่มต้นกับการฝึกฟังภาษาอังกฤษก็ควรเริ่มจากการดูภาพยนตร์การ์ตูนเพราะสำเนียงน่ารัก ออกเสียงช้าและชัดเจนดี บทสนทนาในหนังจะมีศัพท์ที่มักใช้กันบ่อย เข้าใจง่ายๆ 

Eng Breaking แนะนำภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษ

X3 แนะนำภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษ 10 เรื่องช่วยฝึกภาษาอังกฤษต้องไม่พลาด

ต่อไปนี้คือจัดเต็ม!! แนะนำการ์ตูน 10 เรื่องช่วยฝึกภาษาอังกฤษ ถนัดแนวไหนเลือกได้ตามใจชอบ เพราะทั้งหมดจะเป็นหนังแอนิเมชันที่ดีที่สุดสำหรับเรียนรู้และพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษจากการ์ตูนที่เราไม่ควรพลาด

1. ฝึกฟังภาษาอังกฤษกับภาพยนตร์การ์ตูน: “Frozen” (2013)

รับรองเลยว่าไม่มีสาวน้อยคนไหนไม่รู้จักชื่อ Elsa ที่เป็นตัวละครที่น่ารัก น่าเอ็นดูมากๆ ในหนังชื่อ Frozen นอกจากนี้ยังมีเพลงชื่อดังคือ “Let It Go” ที่คนชอบไปเกือบทั่วโลก

นี่เป็นภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษที่เยี่ยมมากๆ เพราะตัวละครสวย ภาพดูดี เสียงออกมาชัด เพลงประกอบเพราะด้วย   เรื่องนี้จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการฝึกจับใจความบทสนทนาภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็ว

นอกจากนั้น เด็กๆ ชอบ Frozen ก็เพราะอีกหลายสาเหตุคือหนังเรื่องนี้นำข้อคิดดีๆ น่าเรียนรู้ตามด้วยเช่น

• ความรักของพี่น้องยิ่งใหญ่เสมอ
• เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
• เห็นคุณค่าในตัวเองและทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุด
• สอนให้รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบ
• การเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด
• จงเอาชนะความกลัว

ที่เราไม่ควรพลาดกับ Frozen” (2013) ภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษที่ดีตอนเวลาค้นหาหนังเพื่อฝึกฟังและฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษนะคะ

2. “The Lego Movie” (2014)

เป็นหนังที่น่าสนุกดี ครบทั้ง“Batman” “Terminator” และ “Star Wars” ตัวการ์ตูนน่ารักๆ แถมเนื้อเรื่องยิ่งดูแล้วจะยิ่งชอบ เรียนไปสนุกไปจริง ภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษThe Lego Movie ดังตั้งแต่ปี 2014 แต่จนถึงปัจจุบันยังดี หลายคนชอบและกลับมาดูยอ้นหลังเยอะมากๆ ถ้าคุณกำลังเลือกภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษ อย่าพลาดกับหนังเรื่องนี้นะคะ

3. ฝึกฟังภาษาอังกฤษกับภาพยนตร์การ์ตูน: Moana

เชื่อไหมคะ ภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษเรื่องนี้คนนิยมมาก หลายคนรีวิวเลยว่าดูถึงสามสี่รอบไม่เบื่อ แถมในเรื่องนี้สำเนียงฟังง่าย ภาษาไม่ยากฝึกพูดตามออกเสียงตามก็ดี น่าดูน่าเรียนรู้มากๆ เรื่องนี้ก็สนุกดี ถ้าเปิดให้เด็กๆดู น่าจะชอบกันไปใหญ่เลย

4. ฝึกฟังภาษาอังกฤษกับภาพยนตร์การ์ตูน: Tangled 

เรื่องนี้แปลมาหลายชื่อนะคะเป็น tangled หรือ เจ้าหญิงผมยาวที่มีชื่อว่า ราพันเซล นั่นเองที่มีเพลงประกอบเพราะมากหลายเพลงที่ดังทั่วโลกเช่น ‘I See The Light’  – Mandy Moore feat. Zachary Levi ที่เพราะมากๆ ดังนี้

“And it’s warm and real and bright
มันช่างอบอุ่นและแสนสดใส และมันคือเรื่องจริง
And the world has somehow shifted
และไม่ว่าโลกจะผันเปลี่ยนไปอย่างไร
All at once everything is different
ทุกสิ่งก็ดูแตกต่างไปในทันที
Now that I see you
เมื่อได้พบเธอ
Now that I see you
เมื่อได้พบเธอ”…

เรื่อง tangled ภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษ น่าดูไม่ใช่แค่เสียงเพลงดีอย่างเดียว ในเรื่องนั้นๆ ยังมีภาพสวยมาก สำเนียงฟังง่ายไม่น่าเบื่อ เนื้อเรื่องโดยรวมแล้ว มีแม่มดใจร้ายมาขโมยเจ้าหญิงไป เพราะผมของเธอสามารถชล่อความแก่ของแม่มดได้ ดังนั้นแม่มดจึงขังเจ้าหญิงไว้บนหอคอยนานกว่า 18 ปี แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี เรื่องนี้ก็สนุกน่าดูกันนะคะ

แนะนำการ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษเรื่องที่น่าดู

5. Adventure Time

สำหรับเรื่องนี้ปัจจุบันมาถึงซีซั่น 7 แล้วหลายคนติดมากนะคะ น่าดูเพราะเนื้อเรื่องดี ภาพสวย เสียงออกชัดเจนเรียนรู้ไปด้วยกับหนังเรื่องนี้ได้เลยค่ะ เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษ Adventure Time ก็คือเป็นการ์ตูนที่สร้างความบันเทิง มันเป็นเรื่องในโลกแฟนตาซีที่ว่าด้วยการผจญภัยของฟินน์ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ และเจค เผ่าพันธุ์หมามหัศจรรย์พูดได้ยืดหดตัวได้ ทั้งสองคนออกเดินทางไปในที่ต่างๆของดินแดนที่เรียกว่า ooo (อู) และได้พบกับสิ่งประหลาดหรือตัวละครมากมาย 

6. Phineas and Ferb

มีใครที่รู้จักกับเพลง ‘Gitchee Gitchee Goo’ บางไหมคะ มันเป็นเพลงที่ออกแนวสนุกๆ ดังมากๆ ในภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษชื่อว่า Phineas and Ferb การ์ตูนเรื่องนี้ มีชื่อภาษาไทยว่า ฟีเนียสกับเฟิร์บนะคะ เป็นเรื่องที่สนุก ทั้งเด็กๆ และผู้ใหญ่ดูแล้วก็จะชอบเหมือนกัน หนังเรื่องนี้ออกอากาศครั้งแรกทางดิสนีย์แชนแนล เมื่อปี 2550 เนื้อหาของการ์ตูนเรื่องนี้เกี่ยวกับ สองพี่น้องนักประดิษฐ์ที่ชอบประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ขึ้นมาในวันปิดภาคเรียน ในขณะที่สัตว์เลี้ยงของทั้งคู่ก็มีหน้าที่เป็นสายลับที่ต้องคอยสืบ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของศัตรู เป็นซีรีส์แอนิเมชั่นที่ผลิตโดย Disney Channel เลยเป็นภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษ ฝึกสำเลียงอเมรีกาได้ดีมากๆ ด้วยค่ะ

7. ฝึกฟังภาษาอังกฤษกับภาพยนตร์การ์ตูน: Peppa Pig

สำหรับเรื่องนี้เด็กๆ ชอบกันแน่นอน เพราะรูปของครบครัวหมูทีชมพูออกมาน่ารักมากๆ เรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันตั้งแต่การแต่งการ เรื่องที่โรงเรียน เรื่องการพูดชา ต่างๆ ที่เราดูหนังเรื่องนี้แล้วจะเจอบทานทนที่มักจะใช้บ่อย มีคำศัพท์ที่น่าเรียนรู้เยอะแยะไปหมดเลย แถมเนื้อเรื่องดี แต่ละตอนจะเป็นบทเรียนที่ดี สอนเด็กๆ ทำตามสี่งที่ถูกต้องด้วย หนังเรื่องนี้บอกเลยว่า เป็นหมูน้อยที่มีชื่อเสียงที่สุด รับรองเลยว่าตอนแรกๆ ที่เด็กๆ หรือผู้ที่เริ่มต้นกับการเรียน การฝึกฟังภาษาอังกฤษจะได้รับประโยชน์ที่มากกมายจากภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษเรื่องนี้

8. Doki Adventures

เรื่องนี้ก็น่าดูเหมือนกันเพราะเนื้อเรื่องดี พูดถึงสนัขตัวหนึ่งที่ขี้สงสัยอายุ 7 ปีและเป็นนักสำรวจที่มีคำถามมากมายซึ่งจะพบคำตอบได้ก็ต้องออกเดินทางไปทั่วโลกพร้อมด้วยผองเพื่อนสนิทของเขา คือ Oto, Mundi, Fico, Annabella และ Gabi. จากหนังเรื่องนี้คุณสามารถเพิ่มคลังศัพท์ที่หลากหลายและเสิรมความรู้รอบโลกที่สนุกสนาน เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉราะเด็กๆ น่าจะชอบมากๆ 

9. Finding Dory

เรียนภาษาอังกฤษจากหนังเรื่อง Finding Dory เป็นความเลือกที่ดี เพราะเรื่องนี้มีเนื้องเรื่องดี ภาพประกอบสวยมาก พูดถึงเรื่องมีปลาตัวเล็กๆ ชื่อ Nemo หลงทางและต้องหาทางกลับบ้าน เขาต้องเจออุปสรรค์ไปอย่างมากกมาย ผิดหวังไปหลายครั้งแล้วสุดท้ายถึงจะกลับบ้านได้ จากหนังเรื่องนี้เราก็จะเห็นความสำคัญอย่างมากกมายของคำว่า “ครอบครัว” มันจำเป็นขนาดไหน ที่ทำไมใครๆ ก็อยากมีครอบครัวของตัวเอง อยากกลับบ้านทุกครั้งเพื่อเจอพ่อเจอแม่และพี่น้อง …คุณจะได้เรีบยรู้หลายอย่างจากภาพยนตร์การ์ตูนที่มากกว่าคำศัพท์ใหม่ๆ อย่างแน่อน 

10. ฝึกฟังภาษาอังกฤษกับภาพยนตร์การ์ตูน: The Boss Baby

ถ้าคุณเคยรู้จักกับหนังชื่อดังเช่น Shrek , Madagascar และ How To Train Your Dragon…จะไม่ต้องพลาดกับ The Boss Baby เรื่องนี้เพราะเนื้อเรื่องสนุกมากๆ แถมตัวการ์ตูนน่านักน่าเอ็นดูด้วย นี่เป็นแอนนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากค่าย DreamWorks ที่อาศัยเรื่องราวจากหนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกัน เป็นเรื่องของเด็กทารกผู้มีทัศนคติและพฤติกรรมแบบ Boss คนหนึ่ง ซึ่งครอบครัวที่มีลูกชายคนเดียวรับเลี้ยงไว้ ท่าทางและคำพูดที่  Boss Baby ใช้ในเรื่องนี้ดูแล้วรู้สึกสนุกจริงๆ น่าดูมากค่ะทั้งได้รับความบันเทิงจากภาพยนตร์แล้ว แถมได้รับความรู้ เพื่อเป็นการศึกษา ฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนัง

นอกจากฝึกฟังแล้วเรายังสามารถเรียนรู้คำคมที่มีความหมายกีๆ เป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตที่น่ารู้มากๆ เช่น

“Who says that my dreams have to just stay my dreams?” ใครบอกว่าความฝันควรเป็นแค่ฝัน? – แอเรียล : The Little Mermaid

“Don’t trust anyone that says you can’t do it. Show them you can.”อย่าเชื่อใครก็ตามที่พูดว่าเธอไม่มีวันทำสำเร็จ แสดงให้พวกเขาเห็นว่าเธอทำได้ – ราพันเซล : Tangled

“You thinks the only people who are people are the people who look and think like you. But if you walk the footsteps of a stranger, you’ll learn things you never knew you never knew.” คุณมักจะคิดว่าคนที่เหมือนคุณเท่านั้นถึงจะเป็นมนุษย์ แต่ถ้าคุณได้ลองเดินบนเส้นทางที่ต่างออกไปบ้าง คุณก็จะได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้เหมือนกัน – โพคาฮอนทัส : Pocahontas

“If you keep on believing, the dream that you wish will come true.”ถ้าเธอมีศรัทธาในฝัน ฝันนั้นจะกลายเป็นจริง – ซินเดอเรลล่า : Cinderella

“Yes, I’m alone, but I’m alone and free! – Elsa Frozen” (2013)
ใช่ ถึงฉันจะอยู่คนเดียว แต่ฉันก็โดเดียวอย่างอิสระ! – เอลซ่า

“Our mental synchronization can have but one explanation. You and I were meant to be.” – Anna and Hans – Frozen” (2013)
เหตุผลที่ใจเราตรงกันมีคำอธิบายอยู่ข้อเดียว นั้นก็คือเพราะเราเกิดมาคู่กัน – อันนา กับ ฮานส์

“True love brings out the best!”– Olaf- Frozen” (2013)
ความรักแท้มักจะดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกมา! – โอลาฟ

“Let it go” – Elsa- Frozen” (2013)
ปล่อยมันเป็น – เอลซ่า

….

ฝึกทักษะการฟังและออกเสียงจากภาพยนตร์การ์ตูน

นอกจากนั้นยังมีอีกหลายเรื่องภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษที่คุณสามารถเลือกเพื่อดูได้ ทั้งชิวๆ และทั้งเรียนภาษาอังกฤษแบบสนุกสานเพื่อ “Grow up” ทักษะการฟังและการพูด การออกเสียงอังกฤษของตัวเองให้ดีขึ้นไปทุกวัน วันละเราจัดเวลาสัก 15-30 นาทีเพื่อดูหนังอังกฤษที่ชอบ ก็เป็นวิธีการเรียนอังกฤษที่น่าทำเหมือนกัน แต่ถ้าอยากได้ผลการเรียนออกมาที่ดีเราก็ต้องเตรียมตัวหนังสือเพื่อจดไว้คำศัพท์หรือ คำพูดที่ดีน่าเรียนรู้ด้วย และเอามาฝึกใช้กันบ่อยๆ ด้วยนะคะ ภาพยนตร์การ์ตูนฝึกฟังภาษาอังกฤษต่างๆ ที่ X3english แนะนำทั้งหมดนั้นสามารถรับชมได้ง่ายๆ ผ่านทาง YouTube นะคะ

ความคิดเห็น 635 รายการ

 

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว

Dek-D.com

ปัญหายอดฮิตที่น้องๆ ถามกันเข้ามายังคงเป็นเรื่อง

“ทำยังไงถึงจะเก่งภาษาอังกฤษได้”

ส่วนมากพี่ก็จะตอบไปว่ามันแล้วแต่คน น้องต้องค้นหาให้พบก่อนว่าตัวเองรับข้อมูลทางไหนได้ดีที่สุด

    บางคนถนัดเรียนพิเศษ บางคนถนัดฝึกแชทกับฝรั่งจริงๆ หรือบางคนถนัดเรียนจากสื่อบันเทิงต่างๆ อย่าง

พี่พิซซ่า

เองเป็นคนชอบดูหนังดูซีรี่ส์มาตั้งแต่เด็กแล้ว ภาพยนตร์จึงเป็นสื่อหลักที่ทำให้พี่ซึมซับภาษาอังกฤษมาได้เยอะกว่าทางอื่น วันนี้พี่เลยจะมาแบ่งปันเทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษจากการชมภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ค่ะ

 

1. เลือกหนังที่เราสนใจและอยากดูจริงๆ

     ถ้าเลือกหนังที่มีเนื้อเรื่องไม่ถูกใจเรา ในใจเราก็จะไม่ค่อยอยากดูละ แล้วก็จะไม่ได้อะไรเลย เช่น พี่เป็นคนกลัวผีมาก ถ้าพี่เลือกหนังผีมาเพื่อฝึกภาษาก็คงไม่ได้ประโยชน์แน่นอนเพราะพี่คงปิดหูปิดตาตัวเองทั้งเรื่อง นอกจากนี้ก็อย่างกอยากฟังบทพูดเยอะๆ โดยการเลือกดูหนังดราม่าหนักๆ ที่ตัวละครคุยกันยาวเป็นหน้า (ถ้าไม่ใช่คนชอบแนวนี้) อันนี้พี่เจอมากับตัวเลยค่ะ เพราะหนังสายนี้ไม่ใช่สไตล์พี่ แต่ด้วยความงก คิดไปว่าถ้าเลือกเรื่องนี้จะได้ศัพท์เยอะกว่าหนังสไตล์ที่ตัวเองชอบแน่ๆ ที่ไหนได้พี่เอาแต่นั่งเหม่อเสียเวลาเล่นๆ ไปแทน ดังนั้นการเลือกหนังหรือซีรีส์ที่จะดูจึงเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ
   
      ตอนเด็กๆ ส่วนมากพี่ก็ดูแต่หนังเด็กค่ะ เนื้อเรื่องจะไม่หนัก ภาษาที่ใช้ในบทพูดค่อนข้างเข้าใจง่าย รูปประโยคไม่ซับซ้อน พวกการ์ตูนตอนสั้นๆ ก็ใช้ได้เหมือนกัน (เอาที่มีบทพูดนะ ไม่ใช่แบบทอมกับเจอร์รี่ที่ไม่พูดกันเลย) พอเริ่มใช้ภาษาอังกฤษรู้เรื่องก็ค่อยดูหนังแฟนตาซีที่ไม่เด็กมากนัก อันนี้เป็นแนวที่พี่ชอบนะคะ น้องๆ ชอบแนวไหนก็เลือกดูแนวที่ตัวเองชอบเลยค่ะ ถึงแนวที่ตัวเองชอบบทพูดอาจไม่เยอะหรือไม่ยาก แต่ก็ดีกว่ากดดันตัวเองโดยการเลือกแนวที่ไม่ชอบแน่ๆ นี่ไม่ใช่วิชาที่อาจารย์บังคับให้ดูหนังแล้วเขียนรายงานส่ง ฉะนั้นเลือกที่ตัวเองชอบดีที่สุด

2. เลือกระดับภาษาอังกฤษที่ใช้ในเรื่องให้เหมาะกับตัวเอง

     โชคดีมากที่แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคแรกฉายตอนพี่อยู่ประมาณม.1 ภาคนั้นบทพูดไม่ซับซ้อนแถมพี่อ่านหนังสือมาด้วยแล้ว ทำให้เป็นหนังที่พี่เปิดดูแทบทุกวันจนที่บ้านดุเลย 555 เพราะคนอื่นก็อยากดูอย่างอื่นบ้าง สำหรับพี่ตอนนั้นแฮร์รี่ใช้ภาษาเท่ากับที่พี่พอรู้เรื่องเลยค่ะ ทำให้พี่เข้าใจได้ง่าย พอเข้าใจตามได้ง่ายก็จะรู้สึกสนุก พี่ดูจนพูดบทได้ทั้งเรื่อง จำคิวได้เลยว่าใครพูดอะไรตอนไหน แถมพยายามเลียนแบบสำเนียงบริติชของแต่ละตัวละครในเรื่องด้วย ขนาดตอนนี้พี่ใช้ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน แต่ถ้าพูดวลีไหนที่มีในแฮร์รี่ภาคแรกพี่ยังพูดเป็นสำเนียงบริติชเลย มันฝังลงไปแล้วจริงๆ 555
       
      ส่วนข้อเสียของการเลือกชมเรื่องที่ภาษาอังกฤษยากเกินระดับเราคือ มันจะทำให้เราไม่เข้าใจเท่าไหร่ค่ะ รู้สึกตามไม่ค่อยทันแล้วอาจเหนื่อยขึ้นมาได้ อันที่จริงคือเราสามารถเลือกระดับที่สูงกว่าความสามารถทางภาษาของเราได้ในระดับนึงนะคะ เพื่อเราจะได้เรียนรู้และได้พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น แต่ถ้ามันห่างกันเกินไปก็จะได้ผลไม่ดีเท่าดูเรื่องที่ภาษาใกล้เคียงกับเราค่ะ เช่นระดับภาษาเราอยู่ประมาณพออ่านออกเขียนได้ถามได้ว่าสบายดีมั้ย แต่จะไปเลือกเรื่องที่มีแต่รูปประโยคและศัพท์ยากจนขนาดเปิดซับไทยอ่านยังอ่านไม่รู้เรื่องก็ไม่ไหวนะ ดีไม่ดีจะนั่งเอ๋อทั้งเรื่องแทนค่ะ

3. เลือกเรื่องที่ใช้ภาษาถูกต้องและตามยุคสมัย

     ถ้าเป็นภาพยนตร์สร้างตามบทละครเชคสเปียร์ นอกจากภาษาจะยากแล้ว ยังใช้ภาษาอังกฤษแบบเก่าที่คนยุคนี้ไม่พูดกันแล้วด้วย ถ้าเอามาพูดใช้จริงก็จะให้ความรู้สึกเหมือนเราพูดกันด้วยภาษาสมัยกรุงศรีอยุธยาค่ะ น่าจะทำคนอื่นงงไปตามๆ กัน สำหรับคนที่กำลังฝึกภาษาแรกๆ ก็ไม่ควรใช้เรื่องแบบนี้เพื่อฝึกนะคะ แต่ดูเพื่อความเพลิดเพลินได้ แต่ถ้าเป็นคนที่ภาษาเลิศแล้ว จะจำมาใช้บ้างเพื่อเป็นเสน่ห์ก็ได้ค่ะ
    
     อีกแนวที่ต้องระวังคือภาพยนตร์แนวฮิพฮ็อพหรือใกล้เคียง เพราะภาษาฮิพฮ็อพจะแหกกฎแกรมมาร์ไปเยอะอยู่ จริงอยู่ที่มีชาวต่างชาติใช้จริงอยู่บ้าง แต่เอาไว้ฝึกตอนที่เราเข้าใจแกรมมาร์จริงๆ ก่อนแล้วจะดีกว่าค่ะ แถมชาวต่างชาติที่ใช้ก็เป็นแค่ชาวอเมริกันส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เป็นภาษากลางค่ะ (ภาษาพูดกับภาษาที่ผิดแกรมมาร์ไปเลยต่างกันนะคะ ภาษาพูดเช่น gotta, wanna แต่ภาษาผิดแกรมมาร์เช่น I don’t know nobody here.)

4. ปิดซับ

     เดี๋ยวนี้ทีวีหลายช่องที่ฉายภาพยนตร์หรือซีรี่ส์มีฟังก์ชั่นให้ฟังเสียงจริงและกดปิดซับได้แล้วด้วย ฉะนั้นต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ค่ะ หรือถ้าไม่ได้รับช่องแบบนั้นจะซื้อแผ่นแท้มาดูแบบปิดซับได้ก็ใช้ได้เหมือนกัน สเต็ปการปิดซับที่พี่คิดว่าโอเคเลยคือ
    
     รอบแรกดูแบบเปิดซับไทยก่อนให้เข้าใจ รู้เรื่องว่าเรื่องนี้มันสื่ออะไร ใครเป็นใคร
     รอบสองปิดซับ ลองตั้งใจฟังบทพูดแต่ละตัวละคร ตั้งใจฟังแต่ละคำ
     รอบสามปิดซับ พยายามสะกดคำศัพท์ที่ได้ยินออกมา หรือจะเขียนทั้งประโยคเลยก็ได้ (ถ้าฝึกภาษากับหนังมาหลายเรื่องแล้ว จะจดศัพท์ตั้งแต่รอบที่สองเลยก็ได้)
     รอบสี่เปิดซับภาษาอังกฤษเช็คว่าที่เราเขียนออกมาถูกมั้ย ถ้าไม่มีซับอังกฤษให้ตรวจก็

    
      ลองเสิร์ชหาไฟล์ซับภาษาอังกฤษของบทพูดเรื่องนั้นจากอินเทอร์เน็ตดูก็ได้ค่ะ แล้วก็อย่าลืมเปิดความหมายของศัพท์ที่ไม่รู้จากพจนานุกรมด้วย ถ้าจะให้ดีต้องเป็นพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ เผื่อบางทีเขาแปลซับไทยมาให้ผิด
    

      วกกลับมาที่แฮร์รี่ภาคแรกกับพี่ ^_^ ด้วยความที่ดูในโรงและรู้เรื่องจากหนังสือแล้วพอซื้อแผ่นมาพี่ก็ดูแบบเปิดซับอังกฤษในรอบแรก แล้วค่อยดูแบบปิดซับในรอบต่อๆ มาเพื่อลองเขียนตามที่ได้ยินก่อนเปิดซับอังกฤษตรวจอีกรอบ ที่จำแม่นเลยคือคำว่า pleasure ตอนที่เฮอร์ไมโอนี่พูดหลังรอนแนะนำตัวในฉากที่เจอกันบนรถไฟ ตอนนั้นพี่ไม่รู้จักคำนี้มาก่อนพอได้ยินก็เดาว่ามันต้องเขียนว่า playsher แน่ๆ แต่เปิดพจนานุกรมหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนไปเปิดซับตรวจถึงเห็นว่าเป็น pleasure หน้าตาไม่เห็นเข้ากับเสียงเลย แต่ก็ทำให้รู้จักคำนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

5. ฝึกออกเสียงตาม

     อย่างที่บอกไปว่าพี่พูดสำเนียงบริติชได้เฉพาะบทพูดในแฮร์รี่ พอตเตอร์ นั่นก็เพราะดูแล้วพี่ฝึกออกเสียงตามค่ะ อันนี้ทำที่บ้านนะคะไม่ใช่ในโรงหนัง กดหยุดแล้วลองพูดตามบางประโยคที่สนใจ ตอนนั้นนอกจากสำเนียงแล้วหน้ากับน้ำเสียงก็ไปตามแต่ละตัวละครด้วยค่ะ แต่การทำแบบนี้มันก็ให้ประโยชน์จริงๆ นะ โดยเฉพาะสำนวนพูดคุยหรือภาษาพูดค่ะ เช่น เวลาพูดว่า Come on! จริงๆ มันออกมายังไง
   
     ถ้าเป็นภาพยนตร์ที่มีตัวละครชาติอื่นพูดอังกฤษแบบติดสำเนียงภาษาตัวเอง ถ้าเราอยากฝึกให้มีสำเนียงบริติชหรือสำเนียงอเมริกันจริงๆ ก็ไม่ควรออกตามตัวละครเหล่านั้นนะคะ แต่ตัวละครเหล่านี้เหมาะใช้ฝึกฟังมากๆ เลยค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะเจอภาษาอังกฤษสำเนียงอะไรบ้าง การฝึกหูฟังหลายๆ สำเนียงจะช่วยให้ฟังรู้เรื่องขึ้นเยอะเลย หนังที่พี่อยากแนะนำให้ฝึกฟังหลายๆ สำเนียงเลยคือ Inglourious Basterds (2009) เป็นหนังที่สนุกมากๆ เลยด้วย

แนะนำภาพยนตร์สำหรับผู้สนใจเริ่มฝึกภาษาอังกฤษ

     – หนังตัวเอกเป็นเด็กทั้งหลายเช่น Harry Potter และ The Chronicles of Narnia หรือแม้แต่หนังเด็กเบาๆ อย่างภาพยนตร์สมัยเด็กของคู่แฝด Olsen, ลินด์เซย์ โลฮาน หรือฮิลารี่ ดัฟฟ์ เช่นเรื่อง The Parent Trap ที่ลินด์เซย์เล่นเป็นแฝดคนนึงอยู่อเมริกาคนนึงอยู่อังกฤษ ต้องฝึกใช้ 2 สำเนียง
     – การ์ตูนและอนิเมชั่นน่ารักอย่าง Toy Story, Finding Nemo, Monsters, Inc.
     – หนังที่ Tom Hanks เล่น พี่ไม่ได้เป็นติ่งแต่รู้สึกว่าทอม แฮงค์พูดค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับดาราดังคนอื่นๆ ค่ะ น่าจะฟังกันง่ายแถมหนังเขาเยอะด้วย อย่าง Cast Away ก็จะเจอเขาพูดคนเดียวแทบทั้งเรื่อง หรือ Forrest Gump เขาจะพูดช้าเข้าไปใหญ่อีก
     – ซีรี่ส์ Mind Your Language ดูได้ที่ YouTube มีหลายสำเนียงให้ได้ยิน
     – หนังคลาสสิกอย่าง My Fair Lady มีหลายเวอร์ชั่นทั้งเป็นละครเพลงและภาพยนตร์ธรรมดา นางเอกใช้ภาษาอังกฤษแบบสำเนียงท้องถิ่นและไม่ค่อยเป็นกุลสตรี พระเอกเลยสอนการเป็นกุลสตรีให้ ดูแล้วจะเหมือนได้เรียนไปพร้อมนางเอก (แนะนำเวอร์ชั่นปี 1964)
     – หนังที่ตัวเอกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แล้วต้องจับมาสอนแนวการ์ตูน Tarzan เช่น George of the Jungle (1997), Encino Man (1992)
     – หนังยุคปี 1980-2000 เสียงพูดจะชัดๆ โดดๆ ออกมาจากเสียงดนตรีประกอบมากกว่าหนังยุคนี้ค่ะ ความเร็วในการพูดของยุคนั้นถือว่าช้ากว่าสมัยนี้ด้วย จริงๆ จะดูเก่ากว่านั้นก็ได้แต่คิดว่าไม่น่าจะชอบหนังเก่าไปมากกว่านี้กันแล้ว

    

ใครมีหนังในดวงใจที่ใช้ฝึกภาษาอังกฤษก็สามารถแนะนำเพิ่มเติมได้ด้านล่างเลยนะคะ และสิ่งที่อยากฝากก็คืออย่ากดดันตัวเองมากจนไม่สนุกกับการดูหนังล่ะ เพราะจุดหมายของการฝึกภาษาจากภาพยนตร์คือมันทำให้เราได้เรียนรู้ควบคู่กับความสนุก ถ้าคำไหนจดไม่ทันก็ปล่อยมันไป ค่อยมาเก็บตอนดูอีกรอบก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกดหยุดถี่ๆ ค่ะ