Skip to content
Home » [NEW] Relative pronoun คืออะไร มีการใช้อย่างไร | when การใช้ – NATAVIGUIDES

[NEW] Relative pronoun คืออะไร มีการใช้อย่างไร | when การใช้ – NATAVIGUIDES

when การใช้: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Relative pronoun เป็นหัวข้อหนึ่งในภาษาอังกฤษที่หลายคนมักจะสับสน เพราะมีรายละเอียดเยอะ และสามารถใช้ได้หลากหลายแบบ

สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง relative pronoun ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้อ่านกันแบบง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Relative pronoun คืออะไร

Relative pronoun คือคำสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยคและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งใดๆ ซึ่งได้แก่คำว่า who, whom, whose, which, that, where, when, why

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น

The student who won the contest is my son.
นักเรียนคนที่ชนะการประกวดเป็นลูกชายของฉัน

จากประโยคตัวอย่าง

  • ถ้าเขียนแยกกันจะได้เป็น 2 ประโยคคือ The student is my son. He won the contest.
  • Relative pronoun ซึ่งในที่นี้ก็คือ who ทำหน้าที่เชื่อม 2 ประโยคนี้เข้าด้วยกัน โดยจะนำส่วน “won the contest” เข้าไปขยายคำว่า student ในประโยคแรก
  • เราจะเรียก “who won the contest” ว่า relative clause โดยจะเป็นส่วนที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ student ทำให้เรารู้ว่ากำลังพูดถึงนักเรียนคนไหน

(Relative clause คือประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามหรือคำสรรพนาม โดยมักจะขึ้นต้นด้วย relative pronoun)

ภาพรวม relative pronoun

Relative pronounรายละเอียดการใช้ตัวอย่างประโยคWhoใช้กับคน (อาจใช้กับสัตว์เลี้ยงด้วย)Neil Armstrong was the first person who walked on the moon.
นีล อาร์มสตรองเป็นบุคคลแรกที่เดินบนดวงจันทร์Whomใช้กับคน (ที่ทำหน้าที่เป็นกรรม มักใช้ในภาษาที่เป็นทางการ)This is Anne, whom you met at the seminar last week.
นี่คือแอน คนที่คุณเจอที่งานสัมมนาเมื่อสัปดาห์ก่อนWhoseใช้กับคน สัตว์ สิ่งของ (เกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ)I met a woman whose name is Sara.
ฉันได้เจอผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งชื่อของเธอคือซาร่าWhichใช้กับสัตว์และสิ่งของI need help with this homework, which is due tomorrow.
ฉันต้องการความช่วยเหลือกับการบ้านอันนี้ มันต้องส่งพรุ่งนี้แล้วThatใช้กับคน สัตว์ สิ่งของ (มักใช้ในภาษาที่ไม่เป็นทางการ)This is the same bag that my mom has.
นี่เป็นกระเป๋าใบเดียวกันกับที่แม่ฉันมีเลยWhereใช้กับสถานที่I know a store where we can buy the phone cheaper.
ฉันรู้จักร้านที่เราสามารถซื้อโทรศัพท์ได้ถูกกว่าWhenใช้กับเวลาThere isn’t a day when I don’t think about her.
มันไม่มีซักวันเลยที่ฉันไม่ได้นึกถึงเธอWhyใช้กับเหตุผลI don’t know why he didn’t come.
ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่มาการละ
relative
pronounเราสามารถละ relative pronoun ได้ เมื่อ relative pronoun แทนสิ่งที่เป็นกรรมThe person (who/whom/that) I met yesterday is Tim.
คนที่ฉันเจอเมื่อวานคือทิม

การใช้คอมม่า

การใช้คอมม่ากับ relative clause เราจะต้องรู้ก่อนว่า relative clause นั้นจำเป็นต่อประโยคหรือไม่

  • ถ้า relative clause เป็นส่วนที่จำเป็นสำหรับประโยค (เรียกว่า defining clause หรือ restrictive clause) เราจะไม่ใช้คอมม่า
  • ถ้า relative clause เป็นส่วนที่ไม่จำเป็นสำหรับประโยค (เรียกว่า non-defining clause) เราจะใช้คอมม่า

ตัวอย่าง defining clause (จำเป็น, ไม่ใช้คอมม่า)

This is the cat that I bought.
นี่คือแมวที่ฉันได้ซื้อมา
(ถ้าตัด “that I bought” ทิ้ง จะเหลือความหมายแค่ว่า “นี่คือแมว” ซึ่งจะเสียใจความสำคัญไป เลยถือว่าจำเป็น)

ตัวอย่าง non-defining clause (ไม่จำเป็น, ใช้คอมม่า)

John, who is my friend, is a chef at that restaurant.
จอห์น คนที่เป็นเพื่อนฉัน เป็นเชฟอยู่ที่ร้านอาหารร้านนั้น
(“who is my friend” เป็นส่วนที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจอห์น แต่ถ้าตัดออก ใจความสำคัญของประโยคก็ยังคงอยู่ เลยถือว่าไม่จำเป็น)

Relative pronoun ทุกตัวสามารถใช้ได้กับทั้ง defining และ non-defining clause ยกเว้น that กับ การละ relative pronoun ที่จะต้องใช้กับ defining clause (จำเป็น, ไม่ใช้คอมม่า) เท่านั้น

พูดอีกแบบก็คือ เราจะไม่ใช้คอมม่า เมื่อใช้ relative pronoun เป็น that หรือเมื่อเราละ relative pronoun

หลักการใช้ relative pronoun

เรามาดูหลักการใช้ relative pronoun แต่ละตัว พร้อมกับตัวอย่างประโยคกัน

1. Who

ใช้ who แทนคนและสัตว์เลี้ยง

หลักๆแล้ว เราจะใช้ who กับคน แต่ก็อาจใช้กับสัตว์เลี้ยงด้วย

I don’t like people who slam doors.
ฉันไม่ชอบคนที่ปิดประตูแรง
(who แทน people ซึ่งแปลว่า “ผู้คน”)

That is the cat who lives here.
นั่นคือแมวที่อาศัยอยู่ที่นี่
(who แทน cat ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยง)

แต่เราจะไม่ใช้ who แทนสิ่งของ

This is the book that inspired me to be a teacher.
นี่คือหนังสือที่ทำให้ฉันอยากเป็นครู
(เราจะไม่ใช้ who กับสิ่งของ ซึ่งในที่นี้คือ book แต่เราจะใช้ which หรือ that แทน)

ใช้ who เป็นได้ทั้งประธานและกรรม

เราสามารถใช้ who เป็นได้ทั้งประธานและกรรม (สมัยก่อน เราจะใช้ who เป็นประธาน และใช้ whom เป็นกรรม แต่ในยุคหลังๆ ได้มีการหยวนให้ใช้ who เป็นกรรมได้ โดยเฉพาะในภาษาพูดหรือในภาษาที่ไม่เป็นทางการ)

The woman who called me yesterday is a nurse.
ผู้หญิงที่โทรหาฉันเมื่อวานเป็นพยาบาล
(who เป็นประธาน ซึ่งก็คือผู้หญิงที่โทรหาฉัน)

The woman who I called yesterday is a nurse.
ผู้หญิงที่ฉันโทรหาเมื่อวานเป็นพยาบาล
(who เป็นกรรม ซึ่งก็คือผู้หญิงที่ฉันโทรหา)

2. Whom

ใช้ whom แทนคนที่เป็นกรรม

เราจะใช้ whom แทนคนที่เป็นกรรมในประโยค โดยเฉพาะการใช้ในภาษาเขียน และในภาษาที่เป็นทางการ (ในภาษาพูดและภาษาที่ไม่เป็นทางการ เราจะนิยมใช้ who มากกว่า)

He once had a lover whom he loved so much.
ครั้งหนึ่งเขาเคยมีคนรักที่เขารักมาก

3. Whose

ใช้ whose แสดงความเป็นเจ้าของ แทนคน สัตว์ สิ่งของ

คำว่า whose เป็นคำที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ สามารถใช้ได้กับทั้งคน สัตว์ และสิ่งของ อย่างเช่น

I talked to a parent whose child is very ill.
ฉันได้คุยกับผู้ปกครอง ซึ่งลูกของเค้านั้นป่วยมาก

We adopted a dog whose owner had passed away.
พวกเราได้รับเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่ง ซึ่งเจ้าของของมันได้เสียชีวิตไปแล้ว

The house whose roof is red belongs to me.
บ้านหลังที่มีหลังคาสีแดงนั้นเป็นของฉัน

4. Which

ใช้ which แทนสัตว์และสิ่งของ

เราจะใช้ which แทนสัตว์หรือสิ่งของ โดยจะใช้เป็นได้ทั้งประธานและกรรม

The elephant, which is very big, was seen near the village.
ช้างซึ่งตัวใหญ่มากได้ถูกพบเห็นอยู่ใกล้ๆหมู่บ้าน

She loves the cake which I bought.
เธอชอบเค้กที่ฉันซื้อมา

ใช้ which แทนทั้งประโยค

นอกจากการใช้ relative pronoun แทนคำนาม/คำสรรพนามแล้ว เรายังสามารถใช้แทนทั้งประโยคได้ด้วย โดยมักจะใช้ which

There is going to be a new election soon, which is good.
เดี๋ยวจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเร็วๆนี้ ซึ่งถือว่าดี
(which ในที่นี้แทนทั้งประโยค “There’s going to be a new election soon”)

5. That

ใช้ that แทนคน สัตว์ สิ่งของ

เราสามารถใช้ that แทนได้ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่เป็นประธานและเป็นกรรม แต่จะต้องใช้กับ defining clause เท่านั้น (จำเป็น, ไม่มีคอมม่า)

ถ้าเทียบกันแล้ว การใช้ that จะฟังดูเป็นทางการน้อยกว่า who, whom และ which

The boy that talked to me is Jim.
เด็กผู้ชายที่พูดกับฉันคือจิม

I bought a new cat that is very cute.
ฉันซื้อแมวใหม่มา ซึ่งน่ารักมาก

Everyone loves the pizza that I made.
ทุกคนชอบพิซซ่าที่ฉันทำ

6. Where

ใช้ where แทนสถานที่

เราจะใช้ where แทนสถานที่ โดยมักจะใช้ในภาษาที่ไม่เป็นทางการ

The place where my aunt lives is beautiful.
ที่ที่ป้าฉันอยู่นั้นสวยนะ

7. When

ใช้ when แทนเวลา

เราจะใช้ when แทนเวลา โดยมักจะใช้ในภาษาที่ไม่เป็นทางการ

There will be a time when we must choose between what is easy and what is right.
มันจะมีเวลาที่เราต้องเลือกระหว่างสิ่งที่ง่ายกับสิ่งที่ถูกต้อง

8. Why

ใช้ why แทนเหตุผล

เราจะใช้ why แทนเหตุผล โดยมักจะใช้ในภาษาที่ไม่เป็นทางการ

Do you know the reason why he was late?
คุณรู้เหตุผลที่เขามาสายมั้ย

9. การละ relative pronoun

ละ relative pronoun ได้เมื่อแทนกรรม

เมื่อใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการ เรามักจะละ relative pronoun แต่จะทำได้เฉพาะเมื่อ relative pronoun เป็นกรรม และ relative clause เป็น defining clause (จำเป็น, ไม่มีคอมม่า) เท่านั้น

English is the language (which/that) I love.
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ฉันรัก

การใช้ preposition

การใช้ preposition (เช่น in, on, at, to, with) ใน relative clause ถ้าเป็น whose กับ which เราสามารถเอา preposition มาไว้หน้า relative pronoun หรือไว้ข้างหลังตามปกติก็ได้ เมื่อ relative pronoun เป็นกรรม อย่างเช่น

The room which I sleep in has two windows. (preposition อยู่ในตำแหน่งปกติ)
The room in which I sleep has two windows. (preposition อยู่ข้างหน้า)
ห้องที่ฉันนอนมีหน้าต่างสองบาน

การนำ preposition มาไว้ข้างหน้า relative pronoun จะทำให้ภาษาฟังดูเป็นทางการมากกว่าการเอาไว้ข้างหลัง การใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป เราจึงมักจะเอาไว้ข้างหลังมากกว่า

แต่ถ้าเป็น whom เราจะต้องเอา preposition มาไว้ข้างหน้าเท่านั้น

There was only one boy to whom she spoke.
มีเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอได้พูดด้วย

สำหรับ relative pronoun ตัวอื่นๆอย่าง who, that, where, when, why เราจะใช้ preposition ในตำแหน่งข้างหลังตามปกติ

There was only one boy who she spoke to.
มีเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอได้พูดด้วย

สรุปเรื่อง relative pronoun

  • Relative pronoun ได้แก่คำว่า who, whom, whose, which, that, where, when, why
  • เราจะใช้ relative pronoun ในการเชื่อมประโยคหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งใดๆ
  • Relative clause คือประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามหรือคำสรรพนาม โดยมักจะขึ้นต้นด้วย relative pronoun
  • ถ้าตัด relative clause ทิ้ง แล้วประโยคหลักมีใจความสำคัญเปลี่ยนไป (จำเป็น) เราจะไม่ใช้คอมม่าคั่นระหว่าง relative clause กับประโยคหลัก (I don’t like people who slam doors.)
  • ถ้าตัด relative clause ทิ้ง แล้วประโยคหลักไม่ได้มีใจความสำคัญเปลี่ยนไป (ไม่จำเป็น) เราจะใช้คอมม่าคั่นระหว่าง relative clause กับประโยคหลัก (My father, who lives in Bangkok, is an engineer.)
  • Relative pronoun ส่วนใหญ่จะเป็นได้ทั้งประธานและกรรม ยกเว้น whom ที่จะเป็นได้แค่กรรมเท่านั้น
  • การใช้ relative pronoun เป็นกรรม เราสามารถละ relative pronoun ได้ เช่น The person (who/whom/that) I met yesterday is Tim.
  • การใช้ relative pronoun แทนสิ่งต่างๆ จะมีข้อกำหนดว่าเราจะใช้ตัวไหนแทนสิ่งใดได้บ้าง
    • คน – who, whom (กรรม), whose, that
    • สัตว์ – who (สัตว์เลี้ยง), whose, which, that
    • สิ่งของ, สิ่งไม่มีชีวิต, สิ่งที่เป็นนามธรรม – whose, which, that
  • Where, when, why เป็น relative pronoun ที่มีขอบเขตการใช้ค่อนข้างเฉพาะ โดยเราจะใช้ where แทนสถานที่ ใช้ when แทนเวลา และใช้ why แทนเหตุผล
  • เมื่อ relative pronoun เป็นกรรม การใช้ preposition ใน relative clause กับ whose และ which เราสามารถนำ preposition มาไว้ข้างหน้า whose กับ which ได้ แต่มักจะทำเฉพาะในการเขียนที่เป็นทางการ
  • เมื่อใช้ whom การใช้ preposition ใน relative clause เราจะนำ preposition มาไว้ข้างหน้า whom

จบแล้วนะครับกับนิยามและหลักการใช้ relative pronoun ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[Update] การใช้ Must, Have to และ Should ต่างกันอย่างไร | when การใช้ – NATAVIGUIDES

ในการใช้ภาษาอังกฤษทั้งการใช้ในการทำงาน สื่อสาร และในการเรียน สามารถพบเจอกับคำว่า Must, Have to และ Should ได้บ่อยครั้ง ทั้ง 3 คำมีความหมายที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่

ความหมายของคำว่า Must, Have to และ Should

Must หมายถึง ต้อง
Have to หมายถึง จำเป็นที่จะต้อง
Should หมายถึง ควร

เมื่อพิจราณาจากความหมายของทั้ง 3 คำ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่แตกต่างกันคือระดับของความเข้มข้น

Must ใช้ในการเน้นย้ำว่าต้องทำ (ต้องทำให้ได้) (ระดับความเข้มข้นสูงสุด)
Have to ใช้ในการบอกว่าจำเป็นที่จะต้องทำ  (ระดับความเข้มข้นลดลงจาก Must)
Should ใช้ในการบอกว่าควรทำ (แนะนำให้ทำ) (ระดับความเข้มข้นน้อยกว่า Have to และ Must)

การใช้ Must, Have to และ Should สามารถใช้ได้ดังนี้

1.ใช้บอกสิ่งที่ต้องทำ มีความจำเป็นที่ต้องทำ
(แตกต่างกันที่ระดับความเข้มข้น)

ตัวอย่าง

You must see that movie, it was great.
เธอต้องดูหนังเรื่องนั้นให้ได้นะ มันยอดเยี่ยมมาก (ต้องดูให้ได้ ห้ามพลาด)

You have to see that movie, it was great.
เธอจำเป็นต้องดูหนังเรื่องนั้นให้ได้นะ มันยอดเยี่ยมมาก (ต้องไปดูนะ)

You should see that movie, it was great.
เธอควรดูหนังเรื่องนั้นนะ มันยอดเยี่ยมมาก (ถ้ามีเวลาว่าง ควรไปดู)

I must do my homework now.
ฉันต้องทำการบ้านตอนนี้แล้ว (มันสายมากแล้ว ถ้าไม่ทำตอนนี้ ทำไม่ทันแน่ ๆ)

I have to do my homework now.
ฉันจำเป็นที่จะต้องทำการบ้านตอนนี้แล้ว (ถ้าไม่ทำตอนนี้ อาจจะทำไม่ทัน)

I should do my homework now.
ฉันควรทำการบ้านตอนนี้ (เป็นเวลาที่เหมาะสมกับการทำการบ้านในตอนนี้)

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า Must, Have to และ Should สามารถใช้แทนกันในประโยคได้ แต่ความหมายแตกต่างกัน ตามระดับของสิ่งที่ต้องทำ / ต้องทำ / จำเป็นต้องทำ หรือ ควรทำ

2. Must และ Should ใช้กับการออกคำสั่ง / ต้องทำตามคำสั่ง

Must ใช้ในการออกคำสั่ง ให้ทำตามสิ่งที่ผู้พูดต้องการ หรือใช้เขียน คำสั่งที่เป็น กฎ ระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ

Have to ใช้เพื่อบอกว่าต้องทำตามคำสั่ง หน้าที่ กฎ ระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ

ตัวอย่าง

Teacher: You must complete the report by Tuesday.
ครู: เธอต้องทำรายงานให้เสร็จภายในวันอังคาร

Student: I have to complete the report by Tuesday.
นักเรียน: ฉันจำเป็นต้องทำรายงานให้เสร็จภายในวันอังคาร

Jane: You must go to the airport before 10 am.
เจน: เธอต้องไปที่สนามบินก่อน 10 โมง

Tom: I have to go to the airport before 10 am.
ทอม: ฉันจำเป็นต้องไปที่สนามบินก่อน 10 โมง

I have to wear a helmet while driving a motorcycle.
ฉันจำเป็นต้องสวมหมวกกันน็อคในขณะขับมอเตอร์ไซค์

You have to stop when you see the red signal light.
คุณจำเป็นต้องหยุดรถเมื่อคุณเห็นสัญญาณไฟแดง

You must be 18 or over to vote.
คุณต้องมีอายุ 18 ปีหรือมากกว่า ที่จะออกเสียงเลือกตั้งได้

เพิ่มเติม
ตัวอย่าง 2 อันสุดท้าย
You have to stop when you see the red signal light. และ
You must be 18 or over to vote. 

แตกต่างกันคือ ถ้าผู้พูดบอกให้เราทำตามกฎที่คนอื่นตั้งขึ้น ไม่ใช่ผู้พูดตั้งขึ้นมาเอง เช่น กฎหมายจราจร จะเข้าข่ายต้องใช้ have to คือบอกว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำตามกฎ แต่ตัวอย่างสุดท้าย You must be 18 or over to vote. เป็นการอ้างถึงข้อกฎหมายโดยตรง กฎหมายเขียนไว้ จึงเข้าข่ายการใช้ Must (Must ใช้ในการเขียนกฎ ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ )

3. Must ไม่สามารถใช้พูดถึงอดีตได้ ต้องใช้ had to

I must pay my phone bill yesterday. (ผิด)
I had to pay my phone bill yesterday (ถูก)
ฉันต้องจ่ายเงินค่าโทรศัพท์เมื่อวานนี้

4. Have got to ใช้แทน have to ได้

I have to work tomorrow. (ใช้ได้)
I have got to work tomorrow. (ใช้ได้)
I’ve got to work tomorrow. (ใช้ได้)
ฉันต้อง(จำเป็นต้อง)ไปทำงานในวันพรุ่งนี้

สรุป

Must ใช้ในการเน้นย้ำว่าต้องทำ (ต้องทำให้ได้)
Have to ใช้ในการบอกว่าจำเป็นที่จะต้องทำ
Should ใช้ในการบอกว่าควรทำ (แนะนำให้ทำ)

การใช้ Must, Have to และ Should สามารใช้ได้ดังนี้คือ

1. ใช้บอกสิ่งที่ต้องทำ มีความจำเป็นที่ต้องทำ (แตกต่างกันที่ระดับความเข้มข้น)
2. Must และ Should ใช้กับการออกคำสั่ง / ต้องทำตามคำสั่ง

  • Must ใช้ในการออกคำสั่ง ให้ทำตามสิ่งที่ผู้พูดบอก หรือใช้เขียน คำสั่งที่เป็น กฎ ระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ
  • Have to ใช้เพื่อบอกว่าต้องทำตามคำสั่ง หน้าที่ กฎ ระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ

3. Must ไม่สามารถใช้พูดถึงอดีตได้ ต้องใช้ had to
4. Have got to ใช้แทน have to ได้


who whom whose which that ใช้ยังไง | ติว Tuesday


who whom whose which that ใช้ยังไง | ติว Tuesday by เรียนเหอะ อยากสอน
ติว Tuesday วันนี้ครูอายจะมาสอนการเลือกใช้ who whom which that whoseใช้ยังไง
who whom whose ใช้ยังไง
who whom ใช้กับคน
which ใช้กับสิ่งของ
whose ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ
ใช้ that แทน who whom which ตอนไหนได้บ้าง
ละ relative pronoun ตอนไหนได้บ้าง
ประเภทของ relative clause ได้แก่
1. defining relative clause
2. nondefining relative clause
เจอกันกับ ติว Tuesday ทุกวันอังคาร
และ พักกลางวัน ทุกวันศุกร์นะคะ
เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองฟรี กับครูอาย เรียนเหอะ อยากสอน ได้ที่ไหนบ้าง?
▸ Youtube : https://www.youtube.com/เรียนเหอะอยากสอน
▸ Facebook : https://www.facebook.com/reanher
▸ Instagram : https://www.instagram.com/reanher.ig
กดที่นี่เพื่อ Subscribe ช่องนี้กันได้นะคะ ^^
https://www.youtube.com/channel/UCRX0VwKduaOHqlGeIdeOAUg?sub_confirmation=1
ติดต่อสปอนเซอร์
▸ Email : [email protected]
ครูอาย สอนภาษาอังกฤษ เรียนเหอะอยากสอน ติวTuesday

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

who whom whose which that ใช้ยังไง | ติว Tuesday

สปสช.สาธิตใช้ ATK ตรวจโควิดด้วยตัวเอง


ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สาธิตการใช้เครื่องมือ ATK ตรวจหาเชื้อไวรัส COVID19 ด้วยตัวเอง ที่ สปสช. จะแจก 8.5 ล้านชิ้น ในวันที่ 16 ก.ย.64 นี้

สปสช.สาธิตใช้ ATK ตรวจโควิดด้วยตัวเอง

การใช้ Wh – Question ในการตั้งคำถาม ในภาษาอังกฤษ


คำถามชนิดนี้ขึ้นต้นประโยคด้วยคำที่เป็นคำถาม (question words)คำถามต่างๆ มีดังนี้
Who ใคร Whom ใคร Whose ของใคร What อะไร Which อันไหน คนไหน Where ที่ไหน When เมื่อไร Why ทำไม How อย่างไร
PANGEnglishChannel
เรียนภาษาอังกฤษฟรี
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuKZYgki4\u0026t=5s
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv47gnc8
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r51ZLFA\u0026t=10s
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1QS7O6s
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5sPRefdA\u0026t=82s
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot65xu6k
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK2AAi9Q\u0026t=3s
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnATbRFCE
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnATbRFCE
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKYd2YFzg\u0026t=2s

การใช้ Wh – Question ในการตั้งคำถาม ในภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษ ป.2 การใช้ This / That (week5)


ภาษาอังกฤษ ป.2 การใช้ This / That (week5)

การใช้ this/ that


การใช้ this/ that

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ when การใช้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *