Skip to content
Home » [NEW] Present simple tense คืออะไร มีการใช้อย่างไร | หลักการใช้ present simple tense – NATAVIGUIDES

[NEW] Present simple tense คืออะไร มีการใช้อย่างไร | หลักการใช้ present simple tense – NATAVIGUIDES

หลักการใช้ present simple tense: คุณกำลังดูกระทู้

Present simple tense เป็น tense พื้นฐานที่มีโครงสร้างเรียบง่ายมากที่สุด แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นหนึ่งใน tense ที่ใช้บ่อย และเป็นพื้นฐานของแกรมม่าหัวข้ออื่นๆอีกมากมาย

สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง present simple tense ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Present simple tense คืออะไร

Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat) อย่างเช่น

I go to school every day.
ฉันไปโรงเรียนทุกวัน

แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 เราจะต้องใช้คำกริยารูป s/es แทน (เช่น goes, comes, eats) อย่างเช่น

He goes to school every day.
เขาไปโรงเรียนทุกวัน

โครงสร้าง present simple tense

เมื่อเทียบกับ tense อื่นๆ present simple tense นั้นถือว่ามีโครงสร้างที่เรียบง่าย โดยหัวใจหลักอย่างหนึ่งของมันก็คือการใช้คำกริยาช่อง 1

แต่ present simple tense ก็มีความซับซ้อนนิดหน่อยตรงที่ว่า จะมีการใช้คำกริยารูป s/es ด้วย โดยจะมีหลักการคือ

  • ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ (เช่น we, they, boys, teachers, cats, pens) หรือเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 1 และ 2 (I และ you) เราจะต้องใช้คำกริยารูปปกติ (เช่น go, come, eat)
  • ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats)

นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีประเด็นในเรื่องชนิดของประโยคอีก ซึ่งประโยคแต่ละชนิด อย่างเช่น ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม ก็จะมีโครงสร้างและรายละเอียดการใช้ tense ที่ต่างกัน ซึ่งก็คือ

ทบทวนความรู้
Subject แปลว่า ประธาน
Verb แปลว่า คำกริยา
Object แปลว่า กรรม หรือ ผู้ถูกกระทำ เช่นในประโยค I love you.
Complement แปลว่า ส่วนเติมเต็ม ซึ่งก็คือคำที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน เวลาใช้มักจะตามหลัง linking verb (เช่น is, am, are, feel, seem) เช่นในประโยค I am a student.

ประโยคบอกเล่า

การใช้ present simple tense ในประโยคบอกเล่า จะมีโครงสร้างและตัวอย่างประโยคดังนี้

โครงสร้าง
Subject + verb 1 + (object/complement)

ตัวอย่างประโยคเช่น

I love my cat.
ฉันรักแมวของฉัน

The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

ประโยคปฏิเสธ

การใช้ present simple tense ในประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ

1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราสามารถใช้ not หลัง verb to be ได้เลย โดยเราสามารถเขียนย่อ is not ให้เป็น isn’t และย่อ are not ให้เป็น aren’t ได้ แต่สำหรับ am not นั้น เราจะไม่ใช้รูปย่อ

โครงสร้าง
Subject + verb to be + not + (object/complement)

He isn’t an engineer.
เขาไม่ใช่วิศวกร
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He is an engineer.)

They aren’t students.
พวกเขาไม่ได้เป็นครู
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.)

2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะใช้ do/does + not ไว้หน้าคำกริยาหลัก โดยเราสามารถเขียนย่อ do not เป็น don’t และย่อ does not ให้เป็น doesn’t ได้

โครงสร้าง
Subject + do/does + not + verb 1 + (object/complement)

(ในประโยคปฏิเสธที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่นๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ)

He doesn’t love me.
เขาไม่ได้รักฉัน
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He loves me.)

Her friends don’t like me.
เพื่อนๆของเธอไม่ชอบฉัน
(รูปประโยคบอกเล่าคือ Her friends like me.)

ประโยคคำถาม

การใช้ present simple tense ในประโยคคำถาม จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ

1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย verb to be

โครงสร้าง
Verb to be + subject + (object/complement)?

ตัวอย่างประโยคเช่น

Is she angry?
เธอโกรธรึเปล่า
(รูปประโยคบอกเล่าคือ She is angry.)

Are they students?
พวกเขาเป็นนักเรียนรึเปล่า
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.)

2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย do/does แล้วคงคำกริยาหลักไว้หลังประธาน เหมือนประโยคบอกเล่า

โครงสร้าง
Do/Does + subject + verb 1 + (object/complement)?

(ในประโยคคำถามที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่นๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ)

ตัวอย่างประโยคเช่น

Does he eat spicy food?
เขากินอาหารเผ็ดมั้ย
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He eats spicy food.)

Do they speak English?
พวกเขาพูดภาษาอังกฤษมั้ย
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They speak English.)

หลักการใช้ present simple tense

ใช้ present simple tense เมื่อใด

เราจะใช้ present simple tense เมื่อ

1. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน

I am a student.
ฉันเป็นนักเรียน

Joe lives in Japan with his friend.
โจอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นกับเพื่อน

My parents own a restaurant.
พ่อแม่ฉันเป็นเจ้าของร้านอาหาร

2. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร

I play football every day.
ฉันเล่นฟุตบอลทุกวัน

The train leaves every morning at 7 a.m. 
รถไฟจะออกทุกๆเช้าตอน 7 โมง

We often watch movies together.
พวกเราดูหนังด้วยกันบ่อยๆ

3. กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ

The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

Water boils at 100°C.
น้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส

Students don’t generally have much money.
เด็กนักเรียนโดยทั่วไปแล้วไม่ได้มีเงินมาก

4. กล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา

The bus arrives at the bus stop every 15 minutes.
รถบัสจะมาถึงป้ายทุกๆ 15 นาที

The party starts at 9 o’clock.
ปาร์ตี้จะเริ่มตอน 9 โมง

The school term starts next month.
โรงเรียนจะเปิดเทอมในเดือนหน้า

5. ให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ

To start the program, first you click the icon on the desktop.
ในการเริ่มโปรแกรม ก่อนอื่นให้คุณคลิกที่ไอคอนบนเดสก์ท็อป

First of all, you break the eggs and whisk with sugar.
ก่อนอื่นให้คุณตอกไข่และตีไข่กับน้ำตาล

You go straight along the road and turn right at the corner.
คุณตรงไปตามถนนแล้วเลี้ยวขวาตรงหัวมุม

(การให้คำแนะนำ หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ เราอาจละประธานได้ เช่น Go straight along the road and turn right at the corner. ซึ่งเราจะเรียกรูปประโยคที่ละประธานนี้ว่า imperative form)

เกร็ดความรู้
นอกจากกรณีเหล่านี้แล้ว เรายังสามารถใช้ present simple tense ในการเล่ามุขตลก หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ (เช่น เรื่องราวชีวิต เรื่องราวคนอื่น เรื่องราวจากหนังสือ เรื่องราวจากหนัง) ได้อีกด้วย การใช้ present simple tense ในการเล่าเรื่อง จะช่วยให้เรื่องที่เล่านั้นดูสดใหม่และดูใกล้ตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้ past tense

คำบอกเวลากับ present simple tense

เนื่องจาก present simple tense จะถูกใช้เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร เราจึงมักจะเห็นคำบอกเวลาจำพวกคำบอกความถี่ (adverbs of frequency) ใน present simple tense บ่อยๆ ซึ่งคำเหล่านี้นั้นได้แก่

Adverbs of frequencyความหมายAlwaysเป็นประจำ, เสมอUsuallyมักจะNormallyโดยปกติGenerallyโดยปกติOftenบ่อยครั้งFrequentlyบ่อยครั้งSometimesบางครั้งOccasionallyเป็นครั้งคราวSeldomไม่ค่อยRarelyนานๆครั้งHardlyนานๆครั้งNeverไม่เคย

ตัวอย่างประโยคก็อย่างเช่น

I always wake up at 6 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเป็นประจำ

Peter often takes notes during conference.
ปีเตอร์จดโน้ตบ่อยๆเวลาประชุม

He is never late.
เขาไม่เคยสาย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า adverbs of frequency นั้นจะถูกใช้ใน present simple tense บ่อยๆ แต่จริงๆแล้วก็สามารถใช้กับ tense อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น

I always woke up at 6 o’clock when I was a student.
ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเป็นประจำ เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นนักเรียน
(เป็นกิจวัตรในอดีต ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว เราจึงใช้ past simple tense)

I will always love you.
ฉันจะรักคุณเสมอ
(เป็นการพูดถึงอนาคต เราจึงใช้ future simple tense)

สรุป present simple tense

  • Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat)
  • แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats) แทน
  • ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม และประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างประโยคและรายละเอียดการใช้ tense ที่ต่างกัน สำหรับประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ ถ้าคำกริยาหลักไม่ใช่ verb to be เราจะต้องนำ do/does เข้ามาใช้ด้วย
  • เราจะใช้ present simple tense เมื่อ
    • กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน
    • กล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร
    • กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ
    • กล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา
    • ให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ
    • ใช้เล่าเรื่องหรือเล่ามุขตลก เมื่อเราต้องการให้เรื่องนั้นดูสดใหม่หรือใกล้ตัวมากขึ้น
  • เรามักเจอคำบอกความถี่ (เช่น always, often, sometimes) ใน present simple tense บ่อยๆ เพราะเป็นคำที่ใช้บ่งบอกถึงความเป็นกิจวัตร แต่คำเหล่านี้ จริงๆแล้วก็สามารถใช้กับ tense อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับใจความของประโยค

จบแล้วนะครับกับ present simple tense ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจ และสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[Update] หลักการใช้ Present Tense แต่ละแบบ | หลักการใช้ present simple tense – NATAVIGUIDES

หลักการใช้ Present Tense แต่ละแบบ

Present Simple Tense
โครงสร้าง Subject + Verb 1 + Object
1.ใช้แสดงการกระทำที่ทำเป็นนิสัยถาวร (permanent states) หรือการกระทำที่ทำซ้ำบ่อยๆ (repeated actions) หรือได้ทำเป็นกิจกรรมประจำวัน (daily routines) มักมีคำบอกเวลา ตัวอย่างเช่น usually, always, every day /week / month / year, on Monday etc.

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Somjai works at a hotel (permanent states) She lays the tables and serves dinner every day. (repeated action)
Mr. Jim is a businessman. He lives in New York.(permanent state) He usually starts work at 8.00 a.m. (daily routine) He often stays at the office until late in the evening. (daily routine)

2.ใช้แสดงความจริงตามธรรมชาติ หรือความจริงโดยทั่วไป

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

It rarely rains in the desert.
The moon moves round the earth.

3.ใช้กับตารางเวลาเดินรถประจำทาง เครื่องบิน ฯลฯ หรือ โปรแกรมต่างๆ

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

The plane to China takes of at 7 a.m.
The bus leaves in ten minutes.

4.ใช้ในการพากย์กีฬา (sport commentaries), วิจารณ์ (reviews) และ บรรยายเหตุการณ์ (narration)

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

May Yung acts superbly in the film. (review)

Present Continuous/Progressive Tense

โครงสร้าง Subject + is /am / are + Verb ing + Object
1.ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นในระยะยาว ซึ่งขณะที่พูดประโยคนี้ออกไปไม่จำเป็นต้องกำลังกระทำสิ่งนั้นอยู่ก็ได้ แต่ที่แน่ๆก็คือในช่วงเวลาอันยาวจะทำสิ่งนั้นอยู่จริงๆ มักมีคำบอกเวลาระยะยาวมากำกับไว้ ตัวอย่างเช่น These days, nowadays, this week, this month, this year

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Jim is working hard these days. Right now, she is reading a newspaper.

2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่กำลังพูด มักใช้กับคำบอกเวลาดังต่อไปนี้ Now, just now, right now, currently, presently, at the present, at the present time, at the moment, these days

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Jim is listening to music at the moment.

3.ใช้คู่กับ always แสดงความรำคาญต่อเหตุการณ์ หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆบ่อยๆ จนเกินไป

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

You’re always forgetting to pay the bills!

4.ใช้กับเหตุการณ์ที่ถูกเตรียมการไว้แล้ว ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้โดยเฉพาะเมื่อเวลาและสถานที่ได้ถูกกำหนดขึ้นไว้แล้ว

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

Somjai is getting married at 3 this afternoon.

5.ใช้กับสถานการณ์ที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง (changing) หรือพัฒนาอยู่ (developing)
กริยาต่อไปนี้มักไม่นิยมใช้ในรูป Continuous Tense เพราะแสดงถึงสภาวะ (state) มากกว่าการกระทำ (action)
ชอบหรือไม่ชอบ (likes and dislikes)

ตัวอย่างเช่น like, love, hate, dislike, enjoy, prefer, etc.

รับรู้หรือเข้าใจ (perception)

ตัวอย่างเช่น believe, know, notice, remember, forget, recognize, understand, realize, seem, think, etc.

ประสาทสัมผัสต่างๆ (sense)

ตัวอย่างเช่น see, here, feel, test, look, smell, sound

อื่นๆ

ตัวอย่างเช่น be, contain, fit, include, matter, need, cost, belong, owe, mean, own, appear, want , have (=possess), etc.

กริยาบางตัวข้างต้นเมื่อนำมาใช้ในรูป Continuous Tense จะมีความหมายเปลี่ยนไป

ตัวอย่างเช่น I think he is Thai (คิดหรือเชื่อ)

I am thinking about my holiday. (พิจารณาหรือครุ่นคิด)
Jimmy looks tired. (ดูเหมือน)
Jimmy is looking at some photos. (เรียนหรือศึกษา)
This towel feels soft. (รู้สึก)
Jill is feeling her son’s forehead. (คลำหรือสัมผัส)
He has a sports car. (มี)
She is having lunch now. (กิน)
Have ในความหมายที่สามารถใช้ในรูป Continuous Tense ได้
Have + breakfast / lunch / dinner, etc.
Have + a bath / shower / swim / party, etc.
Have + a baby
Have + a n accident / experience / dream, etc.
Have + difficulty / fun / trouble, etc.

Present Perfect Tense

โครงสร้าง Subject + have / has + Verb 3 + Object

1.ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงเวลาปัจจุบัน (คือเวลาที่พูดประโยคนี้ออกไป) แต่ไม่รู้ว่าจะดำเนินต่อไปในอนาคตหรือไม่ มักมีคำบอกเวลาคือ since, for, for ages, so far, up to now, up to present time, in recent years, recently, lately, how often, how long, the past (ตัวเลข) day/ week / month / year
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
How long have you know Jim?

2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไปไม่นาน แต่ผลของเหตุการณ์นั้นยังสามารถเห็นได้ชัดอยู่ในขณะที่พูดในปัจจุบัน มีคำบอกเวลาดังต่อไปนี้ already, just, yet, finally, eventually, recently
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Lilly has just picked a lot of apples.

3.ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ไม่ได้ระบุเวลาที่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะไม่ต้องการเน้นเวลา แต่ต้องการเน้นที่การกระทำมากกว่า มักมีคำบอกเวลาดังต่อไปนี้ many times, several times, over and over, again, once, twice, three times, ever (never), etc.
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Tim has broken his arms.
Jimmy has been to Japan for four times.

4.ใช้กับการกระทำที่ได้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่ระบุไว้
ตัวอย่างเช่น Today, this morning/ afternoon / week / month / year โดยการกระทำนั้นยังไม่สิ้นสุดลงในขณะที่พูด เปรียบเทียบ2 ประโยคนี้
Minnie has received three faxes this morning.
เหตุการณ์นี้ยังไม่สิ้นสุดลง
Minnie received three faxes this morning
เหตุการณ์ในสิ้นสุดลงแล้ว

Present Perfect Continuous/ Progressive Tense
โครงสร้าง Subject + have / has been + Verb ing + Object
1.ใช้กับการกระทำที่ได้เริ่มต้นทำมาแต่ในอดีต ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันในขณะที่พูด และเน้นความต่อเนื่องไปถึงในอนาคต

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jane has been picking vegetables for two hours.

2.ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงไปแล้วในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต แต่ผลของการกระทำนั้นยังสามารถเห็นได้ชัดอยู่ในปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Ken is dirty, He has been playing football.

3.ใช้แสดงอาการโกรธ รำคาญ หรือ ไม่พอใจ

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Who has been reading my business papers?

since, for เป็นคำสองคำบอกเวลายอดนิยมที่มักพบใน Present Perfect Tense และ Present Perfect Continuous /Progressive Tense โดย since มีความหมายว่า ตั้งแต่ ช่วยบอกจุดเริ่มต้นของเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น since Monday, since Christmas, ส่วน for แปลว่าเป็นเวลา ใช้บอกระยะเวลารวมที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ตัวอย่างเช่น for 45 minutes, for a long time เป็นต้น


วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.1 เรื่องหลักการใช้ Simple Present Tense+ Present Continuous Tense


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.1 เรื่องหลักการใช้ Simple Present Tense+ Present Continuous Tense

เพลงภาษาอังกฤษ – Present Simple Tense Song (หลงรัก Present Simple)


ใช้ทำนองดนตรีเพลง \”คนมีเสน่ห์\” พี่ป้าง นครินทร์ (ขออนุญาต และขอบคุณมา ณ ที่นี้)
โดยทีมงาน Design Style TBack
จัดทำสื่อวีดิโอขึ้นเพื่อการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ
หรือในระดับชั้นมัธยมตอนต้น

เพลงภาษาอังกฤษ - Present Simple Tense Song (หลงรัก Present Simple)

หลักการใช้ Present Simple Tense


หลักการใช้ Present Simple Tense

หลักการใช้งาน present simple tense ใช้อย่างไร ใช้เมื่อไหร่ l ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น


เนื้อหาในวีดีโอจะเป็นรายละเอียด หลักการใช้งาน present simple tense น่ะครับ โดยจะอธิบายถึงโครงสร้างประโยค รูปแบบการใช้งาน present simple tense ว่าใช้อย่างไร และใช้เมื่อไหร่ พร้อมตัวอย่างประกอบ

หลักการใช้งาน present simple tense ใช้อย่างไร ใช้เมื่อไหร่ l ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น

ครูรักษิณา สอนหลักการใช้Present Simple Tense


หลักการใช้Present Simple Tense

ครูรักษิณา สอนหลักการใช้Present Simple Tense

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ หลักการใช้ present simple tense

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *