[NEW] Present Simple | present simple tense คืออะไร – NATAVIGUIDES

ปัจจุปันกาลอย่างง่ายๆ (หรือเปล่า!?)

Requirements:

ทำความเข้าใจกันก่อน

Verbs ทั้งหลายแหล่

Verb to be ปะทะ Verb to do

Present Simple นี่ใช้ในประโยคที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และต้องเกิดขึ้นเป็นประจำเท่านั้น ฉะนั้น อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเป็นกิจวัตร อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นอย่างธรรมชาติ อะไรก็ตามที่เป็นความจริง ใครเป็นอะไร ใครทำงานอะไร ที่ใหน พวกนี้ถือเป็นประโยคในรูปแบบของ Present Simple ทั้งหมด นะจ๊ะ

Syntax(รูปแบบ)

Subject+

Verb(1)

+Complement

Syntaxin-depth
ในประโยคนี้เราจะใช้ verb ช่องหนึ่ง (Infinitive) ซึ่งจะมี verb to be (is, am, are), verb to do (do, verb1) and modal verbs.

Time Signature
Everyday, everyweek, every***, once a day, twice a week, 3 times a day, always, sometimes, never เป็นต้น

Time Signaturein-depth
เวลาของ Present Simple นี้ถือเป็นเวลาที่เกิดขึ้นหลายครั้ง เช่น everyday (ทุกๆวัน), เอาหล่ะ, เจ้า “ทุกๆวัน” เนี้ยมันมีกี่วันหล่ะ?  แน่นอนว่าไม่มีใครตอบได้หรอก แต่รู้ว่ามันมีหลายวันอีกหนึ่งตัวอย่างนะ เช่น sometimes (บางเวลา) มันก็มีหลายเวลาเหมือนกันแล้ว next week (อาทิตย์หน้า) หล่ะ? มันมีแค่อาทิตย์เดียว ไม่ได้เกิดขึ้นหลายครั้ง ฉะนั้น อาทิตย์หน้า ไม่ถือเป็น Present Simple นะ

 

 

Verb to be in Present Simple:

Verb to be ในกรณีนี้ใช้ 3 ตัว นั่นคือ is am และ are ลองดูตัวอย่างนะ:

1. I am an engineer.  ฉันเป็นวิศวะ (บอกอาชีพ)

2. Dr.K is at The Mall.  ด็อกฯเคอยู่ที่เดอะมอล (อยู่ที่ใหน)

3. Today is Sunday.  วันนี้เป็นวันอาทิตย์ (ความเป็นจริง)

4. She is hungry.  หล่อนหิวข้าว (ความรู้สึก)

5. Thailand is a very hot country.  ประเทศไทยเป็นประเทศที่ร้อนมาก (ธรรมชาติ)

6. Those are my shoes.  พวกนั้นเป็นรองเท้าของฉัน (เป็นของใคร)

นะ… สังเกตุใหมว่าประโยค verb to be ทั้งหลายนั้นไม่ต้องการคำบอกเวลา เพราะว่า พวกมันเป็นความจริงตลอดอยู่แล้ว

ลองมาดูรูปแบบของประโยคบอกเล่า (Affirmative) ปฏิเสธ (Negative) และ คำถาม(Question) กัน:

Affirmative
I

am

a student
These

are

my shoes
Dr.K

is

Thai

Negative
I

am

not

a student
These

are

not

my shoes
Dr.K

is

not

Thai

Question

Are

you a student?

Are

these your shoes?

Is

Dr.K Thai?

Verb to do in Present Simple:

Verb to do ใน Present Simple ใช้ do, does(กรณี 3rd Person) และ verbช่องหนึ่ง เช่น

1. I go to school everyday.  ฉันไปโรงเรียนทุกวัน

2. We always watch movies together.  พวกเราดูหนังด้วยกันตลอด

3. My friends and I play football at Rama 3 every Thursday. 

ฉันกับเพื่อนๆเล่นบอลกันที่พระรามสามทุกๆวันพฤหัสฯ

ลองมาดูรูปแบบของประโยคบอกเล่า (Affirmative) ปฏิเสธ (Negative) และ คำถาม(Question) กัน:

Affirmative
I

go to

school

everyday

I

do

my work

every evening

They

have

a big house

Negative
I

do not go to

school

everyday

I

do not do

my work

every evening

They

do not have

a big house

Question

Do

you

go

to

school

everyday

?

Do

you

do

your work

every evening

?

Do

they

have

a big house?

สังเกตุนะว่าในประโยคปฏิเสธ เราจะต้องเติม do not เข้าไป ไม่ใช่เติม not หลังกริยานะ

แต่เราสามารถเติม do เข้าไปในประโยคบอกเล่าได้เพื่อเน้นหรือยืนกรานกับอะไรสักอย่าง

เช่น:

I go to school everyday.  “ฉันไปโรงเรียนทุกวัน”

Hey, I do go to school everyday.  “นี่.. ฉันไปโรงเรียนทุกวันนะ แสรดด”

…is a tree. (เป็นต้น อิๆๆๆ)

Singular Third Person

และอย่าลืมว่าใน Present Simple ถ้าประธานเป็น Singular third person (เอกพจน์บุคคลที่สาม) เช่น he, she, it, Ken, my dad ฯลฯ แล้วละก็, verb ต้องเติม ‘S’ หรือ ‘ES’ นะ เช่น

1. She sometimes goes to Chieng Mai.  เธอไปเชียงใหม่เป็นบางครั้ง

2. My mom cooks me dinner every evening.  หม่าม้าทำกับข้าวให้ฉันกินทุกเย็น

3. Dr.K always finishes his work on time.  เคทำงานเสร็จตรงเวลาเสมอ

Affirmative
My father

works

in an office.
Ken

does

his homework

every night

.
Benny

has

a very big house.

Negative
My father

does not work

in an office.
Ken

does not do

his homework

every night

.
Benny

does not have

a very big house.

Question

Does

your father

work

in an office?

Does

Ken

do

his homework

every night

?

Does

Benny

have

a very big house?

สังเกตุดีๆนะว่าในประโยคปฏิเสธและคำถามนั้นเราจะไม่เติม -s ให้กับกริยาทุกตัว แต่เราจะเติม -es ให้ do เท่านั้น

ทำไมหน่ะหรือ? เพราะว่า:

ในหนึ่งประโยค กริยาสามารถเปลี่ยนได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น – สำคัญมากนะ  ตัวอย่าง:

My father does not work in an office. – จะเห็นว่าประโยคนี้ do เปลี่ยนเป็น does แล้ว, work เลยไม่ต้องเปลี่ยนรูป (ไม่ต้องเติม -s) นั่นเองจ้ะ

Benny does not have a very big house. – เช่นกันนะ ในประโยคนี้เราควรจะต้องใช้ has กับ Benny เพราะว่า Benny เป็น Singular Third Person แต่ทว่าในประโยคนี้เราได้เติม -es ให้กับ do แล้ว, have เลยไม่ต้องเปลี่ยนรูปเป็น has นั่นเอง

…ก็สมควรละเนอะ ไม่งั้นประโยคที่มีกริยาหลายตัวคงลำบาก เพราะต้องมานั่งเปลียนกันทุกตัว

***กฏการเติม -s หรือ -es:***

เราลองมาศึกษากฏของการเติม -s หรือ -es กันดีกว่า

กฏข้อแรกเลย คือ “ถ้ากริยาลงท้ายด้วย -y ให้ตัด -y ทิ้งแล้วเติม -ies” เช่น

study -> studies

fly -> flies

carry -> carries

กฏที่สอง คือ “ถ้ากริยาลงท้ายด้วย -y แต่มีสระนำหน้า -y ให้เติม -s ได้เลย” เช่น

say -> says

enjoy -> enjoys

buy -> buys

กฏที่สาม คือ “ถ้ากริยาลงท้ายด้วย -o ให้เติม -es” เช่น

do -> does

go -> goes

echo -> echoes

กฏที่สี่ คือ “ถ้ากริยาลงท้ายด้วย ” -ch,-s, -ss,-sh, -x หรือ -z ให้เติม -es”

**รู้ครับว่าต้องจำเยอะ แต่จำว่ามันลงท้ายด้วยเสียง ส ช หรือ ซ*** เช่น

pass -> passes

push -> pushes

watch -> watches

fix -> fixes

buzz -> buzzes

…และที่เหลือ สามารถเติม -s ได้เลย ^.^

Modal Verb Usage

Requirement: Verbs ทั้งหลายแหล่

นะ… ถ้าจำได้ว่าพวกมันคืออะไร เราควรจะสร้างประโยคเป็นภาษาไทยก่อนนะ แล้วพอแปลเป็นอังกฤษแล้วเราจะได้รู้ว่าเราควรจะใช้ Modal Verbs ใหม อย่าลืมนะว่า ก่อนที่เราจะสร้างประโยคในภาษาที่เราไม่คุ้นเคยได้แม่นยำแล้วนั้น เราจำเป็นต้องสร้างประโยคในภาษาแม่ของเราให้ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำเสียก่อน “Before one can even constuct a verse in a foreign language, one must first know how to construct such a verse perfectly in their own language”-Dr.K นะครับ (แอบพอใจเล็กน้อยกับ quote ของตัวเอง)

–โอวว Dr.K เลิกแพล่มได้แล้วว

ยกตัวอย่างเช่น:

ฉันควรจะเข้านอนเร็วทุกๆคืน – เอาหล่ะ ตอนนี้เรารู้ว่า ควรจะ เป็น modal verb ฉะนั้นประโยคนี้ก็จะมีการใช้ modal verb ซึ่งประโยคจะออกมาเป็นเช่นนี้:

I should go to bed early everynight.

อย่าลืมว่า modal verb จะใช้ควบคู่กับ verb ช่อง1, ในที่นี้เราใช้ เข้านอน – go to bed

ในการใช้ modal verbs เราควรจะรู้อยู่แล้วว่าเราจะไม่ใช้ do หรือ does ในประโยคปฏิเสธและคำถาม เพราะว่าพวกมันสามารถนำไปใช้ได้เลยในรูปแบบของปฏิเสธและคำถาม:

I should not go to bed early everynight. และ

Should I go to bed early everynight?

ที่สำคัญเลย modal verb เป็นกริยาที่ไม่ต้องเติม -s ในกรณีของ Singular 3rd person นะจ๊ะ

He can drive a truck. นะ ไม่ใช่ He cans drive a truck.

Affirmative
Dr.K

can swim

fast.
I

would go to

the temple

every Sunday

.

Negative
Dr.K

cannot swim

fast.
I

would not go to

the temple

every Sunday

Question

Can

Dr.K

swim

fast?

Would

you

go to

the temple

every Sunday

?

…เล่นเอาเหนื่อยเลย น่าจะหมดแล้วหล่ะสำหรับ Present Simple นะครับ Dr.K หวังไว้อย่างยิ่งว่านี่คงช่วยใครหลายๆคนได้ไม่มากก็น้อยนะ ถ้ามีอะไรจะถามก็โพสไว้ได้ใน Ask Dr.K นะ หรือจะส่งเป็นเมล์หรือเฟสบุคก็ได้นะจ๊ะ Dr.K ยินดีตอบทุกคำถามเลย

วันนี้จะขอทิ้งท้ายไว้ด้วยบทเพลงที่ผมชอบมากเพลงหนึ่งนะ “Love Hurts” ความรักมันเจ็บปวด จาก Incubus ที่เราสามารถเรียนรู้ Present Simple จากมันได้เป็นอย่างดี

 

ติดตาม Dr.K ได้ที่ (FB+mail):

[email protected]

Have a great day 🙂

Share this:

• Twitter

• Facebook

Like this:

Like

Loading…

First Tense

Present Simple Tense : พูดคุย ถามตอบ เรื่องทั่ว ๆ ไปในปัจจุบัน 

 

How do you do?  ยินดีที่รู้จัก

                How do you do?  ยินดีที่รู้จักเช่นกัน ครับ/ค่ะ

What do you do? ทำงานอะไรหรือ ครับ/ค่ะ

                I’m a student.  ยังเรียนอยู่ค่ะ

                I am a student of DEF university.  ตอนนี้เรียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัย DEF ค่ะ

What kind of work do you do?  ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่

                I am a doctor.  ผม / ฉัน เป็นหมอ ครับ/ ค่ะ

What do you do for a living?  ทำงานอะไรครับ

                I am a saleman.  เป็นพนักงานขาย ครับ/ ค่ะ

What does he do?  /  What does he work?  ทำงานอะไรหรือ

                He is a singer.  เขาทำงานร้องเพลง / เขาเป็นนักร้อง

                He works as a singer. เขาทำงานร้องเพลง / เขาเป็นนักร้อง

What does your father do?  คุณพ่อทำงานอะไรหรือ ครับ/ค่ะ

                He is a teacher.  พ่อเป็นครู สอนหนังสือ ค่ะ

What does your mother do? คุณแม่ทำงานอะไร หรือ ครับ/ค่ะ

                He is a nurse. แม่เป็นพยาบาลค่ะ

What does your eldest brother do?  พี่ชายคนโต ทำงานอะไร ครับ / ค่ะ

                He is a dentist. พี่ชายเป็นหมอฟัน ค่ะ

What is your name?  ชื่ออะไร ครับ/ค่ะ

                My name is Jane? ชื่อ เจน ค่ะ

How old are you? อายุเท่าไร ครับ / ค่ะ

                I’m 19 years old. อายุ 19 ปี ค่ะ

What time is it?  ตอนนี้กี่โกง ครับ / ค่ะ

                It’s 10 o’clock.  10 โมงตรง ค่ะ

How are you? เป็นไงบ้าง

                I’m fine. สบายดี ครับ / ค่ะ

How do you go to school?  นั่งรถอะไรไปเรียนหนังสือ ครับ / ค่ะ

                I go to school by bus? นั่งรถเมล๋ไปเรียน ค่ะ

When does your younger brother get up? ปกติน้องชายตื่นกี่โมง ครับ/ค่ะ

                He gets up at six o’clock every day. ปกติน้องชายตื่น 6 โมงทุกวัน

What time does your brother get up every day? ปกติน้องชายตื่นกี่โมง ครับ/ค่ะ

                He gets up early every day. เขาตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวันค่ะ

Where is Joy?  จอยอยู่ไหนเนี่ย

                She sleeps in the bed.  จอยนอนหลับอยู่ / จอยยังไม่ตื่น

                She sleeps in the room. จอยนอนอยู่ในห้องนอน

What do you like to do on Sunday? ปกติวันอาทิตย์ทำอะไร

                I like playing tennis on Sunday? ชอบไปตีเทนนิสในวันอาทิตย์

The sun rises in the east. พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก

                The sun goes down in the west.  พระอาทิตย์ตกทางตะวันตก

                The sun sets in the west. พระอาทิตย์ตกทางตะวันตก

I love you.  ฉันรักคุณ

                I like you. ฉันชอบคุณ

The dog has four legs. หมามีสี่ขา

                He understands what you say. เขาเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด

The children have breakfast every day before go to school.

                พวกเด็ก ๆ ทานข้าวเช้าทุกวัน ก่อนไปโรงเรียน ( ก่อนไปเรียนหนังสือ)

Most of people wears thick cloths in the winter. คนส่วนใหญ่ใส่เสื้อกันหนาวในฤดูหนาว

                We go to exercise in the park every Sunday.  เราไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะทุกวันอาทิตย์

How long do you study English on Saturday? วันเสาร์เรียนอังกฤษ กี่ชั่วโมงหรือ ครับ / ค่ะ

                I study English for 2 hours every Saturday.  ปกติเรียนอังกฤษ 2 ชั่วโมงทุกวันเสาร์ค่ะ

How long do you play tennis on Friday evening? เย็นวันศุกร์เล่นเทนนิสนานแค่ไหน (นานมั้ย) 

                I always play tennis one and a half hour every Friday evening? ปกติก็เล่นประมาณ ชั่วโมงครึ่ง

Do you go to school on foot?  เดินไปเรียนหนังสือหรือครับ / ค่ะ

                Yes, I go to school on foot every day. ใช่ค่ะ เดินไปเรียนทุกวันค่ะ  

Do you run every Sunday morning? ปกติเช้าวันอาทิตย์ ไปวิ่งออกกำลังกายหรือเปล่า ครับ / ค่ะ

                Yes, I do. / Yes, I run every Sunday morning. ใช่ค่ะ ฉันไปวิ่งออกกำลังกายทุกเช้าวันอาทิตย์

Who is she?  เธอเป็นใครหรือ

                She is my friend.  เป็นเพื่อนดิฉัน ค่ะ

This is my friend. นี่เพื่อนของดิฉันค่ะ

                Her name is Jane.  เธอชื่อ เจนค่ะ

Jane is a women. เจน เป็น ผู้หญิง

                John is a man. จอนห์ เป็นผู้ชาย

Jim is a boy.  จิมเป็นเด็กผู้ชาย

                Joy is a girl. จอยเป็นเด็กผู้หญิง

May I have your name? ขอทราบชื่อหน่อย ครับ/ค่ะ

                My name is Ping-uhn.  ฉันชื่อ ผิงอัน

I’m glad to meet you. ยินดีที่รู้จัก ครับ/ค่ะ

                I’m glad to meet you too. ยินดีที่รู้จักเช่นกันค่ะ

Where do you come from? ไม่ทราบว่า มาจากประเทศไหนครับ

                I come from China.  ดิฉันเดินทางมาจากประเทศจีน ค่ะ

Where are you from?  ไม่ทราบว่า มาจากประเทศไหนครับ

                I’m from China. ดิฉันเดินทางมาจากประเทศจีน ค่ะ

Do you mind if I sit here?  ไม่ทราบนั่งตรงนี้ได้มั้ย ครับ / ค่ะ

                No, I don’t.  /  No, I don’t mind / Yes, it’s okay.  นั่งได้ ครับ/ ค่ะ , ได้ ครับ , ได้ค่ะ

                Yes, I do. / Yes, I do mind. / No, it’s not okay.  ไม่ได้ค่ะ

Is it okay if I sit here?  นั่งที่นี่ได้มั้ย ครับ / ค่ะ

               Yes, it’s okay.  นั่งได้ ครับ / ค่ะ

May I sit here? นั่งตรงนี้ได้มั้ยครับ / ค่ะ

               Yes, you can.  นั่งได้ ครับ/ค่ะ  

               Yes, it’s okay. นั่งได้ ครับ/ค่ะ  

Can I sit here? นั่งตรงนี้ได้มั้ยครับ / ค่ะ

              Yes, you can.  นั่งได้ ครับ/ค่ะ  

              Yes, it’s okay. นั่งได้ ครับ/ค่ะ  

Do you mind if I smoke?  ผมขอสูบบุหรี่ได้มั้ย ครับ

              No, I don’t mind. /  Yes, it’s okay.  ได้ค่ะ / ตามสบายค่ะ

              Yes, I do. /  No, it’s not okay.  ไม่ได้ค่ะ

Would you mind if I smoked?  ผมขอสูบบุหรี่ได้มั้ย ครับ

              No, I wouldn’t.  /  Yes, it would be okay. ได้ค่ะ / ตามสบายค่ะ

Yes, I would. / No, it wouldn’t be okay. ไม่ได้ค่ะ

             Do you mind waiting? รอหน่อยได้มั้ย ครับ/ค่ะ

No, I don’t. / No, I don’t mind. / Yes, it’s okay.  ได้ค่ะ / ดิฉันรอได้ค่ะ 

             Yes, I do. / Yes, it’s not okay. ไม่ได้ค่ะ        I have to go now. ดิฉันต่อไปแล้วค่ะ

Would you mind waiting? รอหน่อยได้มั้ย ครับ/ค่ะ

             No, I wouldn’t. / No, I wouldn’t mind. / Yes, it’s okay. /  Yes, I’m okay. ได้ค่ะ / ดิฉันรอได้ค่ะ 

Do you mind working on this Sunday? วันอาทิตย์นี้มาทำงานได้มั้ย

             No, I don’t. / No, I don’t mind. / Yes, it’s okay. / it’s okay.  ได้ค่ะ

Do you mind watching the television?  ขอเปิดโทรทัศน์ดูหน่อยน่ะครับ

             Yes, I do mind. Please, turn it off. ไม่ได้ค่ะ ช่วยปิดโทรทัศน์ให้หน่อยค่ะ

Would you mind helping me move my desk? ช่วยย้ายโต๊ะทำงานให้หน่อยนะค่ะ

             No, not at all. /  Yes, it’s okay.  ได้ครับ

Would you mind living close to the toilet room?  ห้องที่พักอยู่ใกล้ห้องน้ำได้มั๊ยครับ

            Yes, I would. I would hate that. ไม่ได้ค่ะ , ดิฉันไม่ชอบค่ะ

 

17.11.2013

Deenamtang Knowledge